ผมคือ...นางเอก
ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง)"สวัสดีค่ะ พี่อ๊อด" สาวน้อยหน้าแฉล้มที่แต่งหน้าแต่พองามดูมีสง่าราศี ยกยิ้มพลางเอ่ยทักทายผู้กำกับอ๊อดทำทีราวกับสนิทสนม
"เอ้อ...หวัดดีครับ คุณหนูชิดจันทร์" ฝ่ายอ๊อดนั้นก็ได้แต่ตอบรับคำทักทายด้วยรอยยิ้มแห้งๆ พร้อมสีหน้าปะหลับปะเหลือก ที่เห็นว่าจู่ๆก็มีแขกที่ไม่ได้คิดจะเชิญมาเยือนถึงที่
“ลมอะไรหอบมาเนี่ย? เอ๊ะ? หรือมาตรวจงานแทนคุณเสน่ห์จันทร์?” อ๊อดยิ้มเผล่ ถามไถ่คล้ายประชด เพราะโดยส่วนตัวเขาไม่ค่อยชอบคุณหนูชิดจันทร์เป็นทุนอยู่แล้ว โดยเฉพาะช่วงก่อนที่สาวเจ้าจะไปเรียนต่อต่างประเทศ ขณะนั้นเป็นช่วงที่กฤตเมธรับแสดงเป็นดารารับเชิญในหนังที่อ๊อดกำกับ แม้จะแค่ไม่กี่ฉากก็ทำให้อ๊อดรู้สึกหงุดหงิดได้ไม่น้อยเพราะช่วงนั้นเจ้าหล่อนคอยตามติดกฤตเมธเป็นติ่งพันธ์แท้ แค่คอยตามดูแลยังไม่เท่าไหร่ แต่ชิดจันทร์คนสวยนั้นทั้งเจ้ากี้เจ้าการ ทั้งชอบประชดประชัน อีกทัง้ยังคอยบงการฉากนั้นฉากนี้ราวกับตัวเองเป็นผู้กำกับเสียเอง จนอ๊อดรำคาญจนแทบทนไม่ไหว ได้แต่ท่องในใจว่านางยังเด็ก และแม่ของนางใหญ่ จึงสามารถกัดฟันผ่านไปวันๆหนึ่งได้
ช่วงนั้นอ๊อดได้แต่นั่งถอนหายใจ และไพล่นึกไปถึงมารดาของเด็กสาว ‘เสน่ห์จันทร์’ ได้ชื่อว่าเป็นนักธุรกิจหญิงที่เก่งกาจมากในวงการ เป็นที่ยอมรับ ทำงานเก่ง เฉียบขาด แหลมคม มีความคิดก้าวหน้า ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็งอกเงยเป็นเงินเป็นทอง
นางเก่ง นางเริด นางเป็นเจ้านายที่ประเสริฐ...
ทว่าเลี้ยงลูกได้ห่วยบรม!!มาถึงตอนนี้แม้อ๊อดจะเห็นอยู่กับตาว่าชิดจันทร์ดูโตขึ้น ดูมีจริตสมหญิง เป็นผู้ใหญ่ แต่เขาก็ยังอดหวั่นใจไม่ได้อยู่ดีว่า ฤทธิ์นางจะออกมาให้ได้ปวดหัวแทบแตกอีกเมื่อไหร่ แล้วนี่ทำไมชิดจันทร์ยังตามติดกฤตเมธอยู่อีก ทั้งที่เสน่ห์จันทร์ผู้เป็นแม่น่าจะบอกเธอไปแล้วเรื่องที่กฤตเมธคบหาอยู่กับสดายุ แม้มันจะยังเป็นความลับต่อคนทั้งโลก แต่ในเมื่อเสน่ห์จันทร์รู้ ย่อมไม่มีทางที่ชิดจันทร์จะไม่รู้...หรือว่า...
ตั้งใจจะเอาชนะ? ตามแบบฉบับของคุณหนูที่ถูกสปอยล์มาแต่เล็กแต่น้อย สมกับนิสัยที่ไม่เคยยอมลงให้ใคร...หรือว่า...
แท้จริงแล้วมันไม่ได้มีอะไร แต่เขาแค่คิดไป(กันใหญ่) เองกันแน่นะ...?
“พี่อ๊อดคะ? ยืนเหม่ออะไรคะเนี่ย? ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ ชิดไม่ได้มาเช็คงานแทนคุณแม่หรอก อย่ากลัวจนอึ้งอย่างนี้สิคะคุณผู้กำกับ คิกคิก” ชิดจันทร์ทักออกไปเมื่อเห็นว่าคู่สนทนาตกอยู่ในภวังค์เพียงลำพัง เรียกสติให้ผู้กับกับหนุ่มใหญ่ได้กลับมารับสานห์จากตนอีกครั้ง
“เอ้อ สงสัยพี่จะง่วงนิดหน่อยน่ะ ฮะฮะ เออ แล้วคุณหนูไหงมากับกฤตเมธได้ล่ะ?”
อ๊อดยิงคำถามแบบตรงประเด็น ตามสไตล์คนจริงที่ไม่ค่อยชอบอ้อมค้อม ผู้กำกับหนุ่มสงสัยเหลือเกินว่าทำไมชิดจันทร์ถึงพ่วงมาด้วยกันได้ เพราะการที่กฤตเมธมาที่กองถ่ายในเวลานี้มันหมายถึงการมารับสดายุกลับบ้าน แล้วคุณหนูคนงามจะตามมาทำอะไร? อดรนทนไม่ไหว อ๊อดเลยของถามออกไปตรงๆ
“พอดีรถของชิดเกิดเสียกลางทางพอดีน่ะค่ะ เลยขอร้องให้พี่เมธเขาไปส่งบ้านหน่อย แต่เห็นพี่เขาบอกว่ามีธุระที่นี่ก่อน ชิดเลยขอติดรถมาด้วยน่ะค่ะ อยากมาดูกองถ่ายด้วย ใช่มั้ยคะพี่เมธ...”
ชิดจันทร์อธิบายเป็นฉากๆ แล้วหันไปขอความเห็นจากอีกคนที่หล่อนคิดว่าอยู่ข้างกายตลอด ทว่า...ไร้ซึ่งวี่แวว
“แผลเป็นไงบ้างครับยุ? ระบมมั้ย?”
“..............ก็.................ไม่เท่าไหร่...”
ลงจากรถมาได้กฤตเมธก็เดินลิ่วเข้ามาหาสดายุที่ยืนเตรียมบทอยู่ทันที แบบไม่มีแวะทักใครก่อน ห่วงแสนห่วงแต่ทว่าอีกคนกลับทำหน้าตายไม่รับรู้ความห่วงใยเลยแม้แต่น้อย
“.....จะถ่ายเสร็จยังครับ จะได้กลับกัน”
“อีกซีนเดียว”
“โอเค งั้นเดี๋ยวผมรอนะ...”
“ไม่ต้องหรอกครับ วันนี้เดี๋ยวผมขอกลับเองดีกว่า คุณหิ้วใครมา คุณก็ไปส่งคนนั้นเถอะ” น้ำเสียงเรียบๆเอ่ยคำประชดประชันเจ็บแสบ เล่นเอากฤตเมธถึงกับต้องถอนหายใจ
“ยุ...ชิดจันทร์เขารถเสียตรงทางผ่านที่ผมจะมาที่นี่พอดี เขาเลยขอติดรถมาลงที่นี่ด้วยน่ะแล้ว เดี๋ยวคนที่บ้านเขาจะมารับเอง...ผมเห็นว่ามันก็แค่การช่วยเหลือคนรู้จัก...อย่าเพิ่งงอนสิครับ นะ...” กฤตเมธพยายามอธิบายพร้อมง้อสดายุที่ตั้งแง่กับเขาอยู่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“..............แค่ติดรถมา?...หึหึ...โลกมันกลมเนาะ ช่างบังเอิญจริงๆ นี่ถ้าไม่เกิดกับตัวเองผมคงนึกว่ากำลังดูละครน้ำเน่าบางเรื่อง เหอะ พล็อตหนังไทยชัดๆ” สดายุไหวไหล่น้อยๆ ก่อนจะเบี่ยงตัวหนีออกจากตรงหน้าของกฤตเมธ ยอมรับตรงๆว่าตอนนี้เขาหงุดหงิดมากกับการกระทำของกฤตเมธจึงไม่อยากฟังอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว และที่สำคัญสดายุอยากทำสมาธิกับซีนสุดท้ายมากกว่า
“...ยุ...” กฤตเมธพยายามจะยื้อ เขาไม่อยากให้สดายุเข้าใจผิด
“เมธ...คุณรับปากกับผมแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะพิสูจน์ว่าผมสำคัญที่สุด...แล้วไหนล่ะ?”
“ยุ...อย่าเพิ่งงอนสิ...ผมน่ะนะ...”
“พี่เมธคะ เดินนำมาแล้วก็ไม่เรียกชิดเลย ปล่อยให้พูดคนเดียวอยู่ได้ตั้งนานสองนาน...”ยังไม่ทันที่กฤตเมธจะได้ง้อ คนขี้งอน ก็เป็นอันต้องชะงักไปเมื่อชิดจันทร์เข้ามาเกาะแขนจากทางด้านหลัง บ่นพลางเอาตัวเข้ามาชิดแบบไม่แคร์ใคร
‘แสดงความสนิทสนมอย่างเต็มที่’ สองมือเรียวสวยเหนียวแน่น ขนาดที่ว่าแม้กฤตเมธจะพยายามดึงแขนตัวเองออกมาอย่างรักษามารยาทนั้นยังทำไม่ได้ จนพระเอกรุ่นใหญ่ถึงกับอ่อนใจ กฤตเมธคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้วว่าเหตุการณ์นี้จะต้องเกิดขึ้นแน่ๆ เพราะต่างคนก็ต่างรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
...สดายุรู้ดีว่าชิดจันทร์เป็นคู่จิ้นของกฤตเมธที่สื่อทุกแขนงกำลังประโคมข่าวกันอย่างครึกโครม แม้กฤตเมธจะไม่ได้มีใจให้ แต่ชิดจันทร์ตั้งใจจะจับกฤตเมธไว้ไม่ปล่อยแน่ๆ
...ฝ่ายชิดจันทร์เองก็รู้ยิ่งกว่ารู้ว่าสดายุคือคนที่กฤตเมธมีใจให้ขนาดเรียกได้เต็มปากว่าคนรัก แต่เพราะเป็นผู้ชายเหมือนกัน เลยยังคงปิดข่าวไว้ไม่กระโตกกระตาก แต่การที่ทั้งคู่ไปมาหาสู่และพักค้างอ้างแรมด้วยกันอยู่บ่อยๆนั้น แน่นอนว่าชิดจันทร์รู้ข่าวเหล่านี้จากเสน่ห์จันทร์ผู้เป็นมารดาหมดแล้ว รู้ตัวอยู่แล้วว่าต้องปล่อยมือจากกฤตเมธเสียที
...ทว่า ชิดจันทร์กลับไม่ยอมถอย!
“พี่เห็นว่าชิดคุยกับพี่อ๊อดอยุ่น่ะ เลยไม่ได้เรียก” กฤตเมธตอบห้วน ขณะที่สายตายังคงจดจ้องไปที่สดายุที่กำลังแสร้งเสมองไปทางอื่น
สายตาของกฤตเมธที่ไม่ยอมมองมาทางตน ทำให้ชิดจันทร์มองตามไปยังที่ที่กฤตเมธจับจ้อง
“อ้าว...คุณสดายุ สวัสดีค่ะ” ทันทีที่ได้เห็นว่าคนที่หันหลังอยู่เป็นใคร ชิดจันทร์ก็ทักทายออกไปด้วยน้ำเสียงแสนสดใส ขณะที่ยังแนบกายเบียดชิดท่อนแขนของกฤตเมธอยู่
สดายุเมื่อได้รับคำทักทายก็ปรายตามองเล็กน้อย ก่อนจะรีบหันกลับมายิ้มหวาน
“อ้าว คุณชิดจันทร์หรือเปล่าครับ? เคยเห็นแต่ในข่าว ตัวจริงขาวกว่าในทีวีเยอะเลย ยินดีที่ได้พบกันนะครับ” สดายุยิ้มร่า สาวเท้าเข้าหาชิดจันทร์อย่างเป็นมิตร หญิงสาวหน้าเหวอไปอึดใจ ก่อนจะยิ้มรับคำทักทายที่จู่โจมมาชุดใหญ่ของสดายุ แม้แต่กฤตเมธเองยังถึงกับต้องเลิกคิ้วค้าง ด้วยไม่คิดว่าสดายุจะมามุกนี้
“แหม ตายจริงชมกันเกินไปแล้วค่ะ คุณสดายุ ชิดก็แค่เด็กกะโปโล...คิก คิก...ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกันค่ะ ดีใจจังค่ะที่ได้เจอตัวจริงเสียที เมื่อก่อนเคยเห็นแต่ในทีวีน่ะค่ะ คุณแม่เองก็คอยชมคุณสดายุให้ฟังไม่ขาดปากว่าเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ เผลอๆจะดังกว่าพี่เมธอีกมั้งคะ คิก คิก” ชิดจันทร์ ป้องปากหัวเราะขบขัน ท่าทางน่ารักน่าชังสมกับรูปร่างน่าตาเอวบางร่างน้อยน่าทะนุถนอมราวกับตุ๊กตา ทว่าก็ขัดตาสดายุอยู่ไม่น้อยกับแขนอีกข้างที่ยังคงคล้องมั่นอยู่กับแขนของกฤตเมธ
“ขอบคุณครับ ฮะฮะ แล้วนี่คุณชิดจันทร์มาทำธุระแถวนี้เหรอครับ?” สดายุยังคงปราศรัยอย่างเป็นมิตร ถามไถ่ถึงการมาของชิดจันทร์โดยแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นเจตนาของเจ้าหล่อน
“อ๋อ...พอดีว่ารถของชิดเสียอยู่ริมทางน่ะค่ะ พี่เมธเลยช่วยไปรับมา แต่บังเอิญพี่เมธเขามีธุระที่นี่ก่อนน่ะค่ะ ชิดเลยติดรถแวะเข้ามาด้วย...”
“เดี๋ยวคนของที่บ้านชิดจันทร์เขาก็มารับแล้วล่ะ นัดกันไว้ที่นี่” กฤตเมธขัดขึ้นทันทีที่ได้ยินว่าชิดจันทร์เริ่มพูดออกนอกเรื่องจริงไปไกล
คำพูดของกฤตเมธทำเอาชิดจันทร์หน้าเจื่อนไปเล็กน้อย พร้อมกับสดายุที่ถึงกับเลิกคิ้วสูง
‘เฮ้ย...ลุงมันกล้าเหมือนกันเว้ย’“เอ๊ะพี่เมธคะ? นี่ใจคอจะไม่ไปส่งชิดจริงๆเหรอคะ? ทำไมทำแบบนี้ล่ะคะ ชิดไม่ชอบเลย”
ด้วยว่ารู้สึกเสียหน้าจนทนไม่ไหว ชิดจันทร์จึงไม่รอช้าที่จะหันไปตัดพ้อกฤตเมธด้วยใบหน้าเครียดเคร่ง สองแขนขาวยกขึ้นกอดอกไว้เพื่อให้ชายหนุ่มรู้ว่าหล่อนไม่พอใจอย่างมากที่โดนขัดใจในที่สาธารณะ โดยเฉพาะต่อหน้าสดายุ!
“ก็เราตกลงกันแล้วนี่ครับชิด ว่าพี่ให้ติดรถมาได้ แต่ชิดต้องกลับกับคนขับรถที่จะมารับที่นี่เอง อย่าทำให้พี่ลำบากใจสิครับ” กฤตเมธเองก็อธิบายหน้าเครียด เขาไม่ค่อยพอใจการตั้งแง่เป็นเด็กๆของชิดจันทร์สักเท่าไหร่นัก
แต่ดูเหมือนท่าทางของเขาจะยิ่งเป็นการสาดน้ำมันเข้ากองเพลิงเสียแล้ว เพราะยิ่งกฤตเมธปฏิเสธ ชิดจันทร์ก็ยิ่งเสียหน้า และหล่อนยิ่งเจ็บใจหนัก เมื่อเห็นว่าสดายุลอบอมยิ้มน้อยๆราวกับสะใจที่เห็นเธอพ่ายแพ้
“ไม่รู้ล่ะค่ะ ไม่ว่ายังไงวันนี้ชิดก็จะให้พี่เมธไปส่ง ทำไมล่ะคะ? ยังจะมีธุระอะไรอีกอย่างงั้นเหรอ? วันนี้พี่เมธไม่มีคิวถ่ายนี่?...นะคะพี่เมธ ไปส่งชิดหน่อยนะคะ นะนะ...” ชิดจันทร์ทั้งตัดพ้อ ทั้งออดอ้อน ทำทุกวิถีทางที่ทำได้เพื่อให้กฤตเมธยอมไปกับตน วันนี้ที่หล่อนอุตส่าห์หาเรื่องตามกฤตเมธมาถึงกองถ่าย ก็เพราะรู้อยู่แล้วว่ากฤตเมธต้องมารับสดายุ ดังนั้นหล่อนจึงตั้งใจที่จะมาที่นี่เพื่อประกาศให้สดายุได้รู้ว่ากฤตเมธนั้นเป็นของหล่อน ซึ่งคนอย่างสดายุไม่มีค่าคู่ควร และหล่อนจะยอมแพ้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด!
“พี่ไปไม่ได้ครับชิด พี่ต้องรับสดายุไปส่งบ้าน” แต่สุดท้ายคำอ้อนวอนก็ไม่ได้ผล เพราะกฤตเมธยังคงยืนยันแน่นหนัก แถมยังบอกกล่าวออกมาอย่างชัดเจนด้วยว่า ‘ชายหนุ่มเลือกที่จะไปส่งสดายุ มากกว่าชิดจันทร์’ งานนี้เล่นเอาสาวน้อยถึงกับหน้าซีดหน้าแดงสลับกันมั่วไปหมด
“พี่…เมธ…คุณสดายุเขาเป็นผู้ชาย กลับเองได้…” ชิดจันทร์แทบจะพูดต่อไปไม่ออก ตั้งแต่รู้จักกับกฤตเมธมา เธอไม่เคยถูกชายหนุ่มขัดใจ และปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยแบบนี้มาก่อน ความเย็นชานี้ทำให้ชิดจันทร์ตระหนักได้ว่า…
‘หล่อนกำลังจะแพ้อย่างหมดรูป’“แต่พี่นัดกับสดายุเอาไว้ก่อนแล้ว พี่ไปกับชิดไม่ได้จริงๆ แล้วอีกเดี๋ยวคนของบ้านชิดก็จะมาแล้ว รออยู่ที่นี่อีกนิดนึงก็แล้วกันนะครับ”
“…แต่พี่เมธคะ…”
“ไปส่งคุณชิดจันทร์เถอะครับเมธ วันนี้ผมกลับเองได้ครับ คุณไม่ต้องห่วงผมหรอก”ไม่ทันที่ชิดจันทร์จะเอ่ยอะไร สดายุก็เป็นฝ่ายขอร้องให้กฤตเมธไปส่งชิดจันทร์แทน แถมไม่ได้พูดเปล่า สดายุยังใช้มือเรียวขาวของตนสำผัสที่ต้นแขนของกฤตเมธเบาๆ พร้อมส่งรอยยิ้มราวเทพบุตรให้เป็นการตบท้าย
“ยุ?”
“ดูท่าทางคุณชิดจันทร์เธอคงมีธุระคุยกับคุณน่ะ ไปส่งเธอเถอะครับ ผมไม่เป็นไร” สดายุยังคงยืนยันในคำพูดของตนพร้าวรอยยิ้มบางๆ
มามุกนี้เล่นเอากฤตเมธถึงกับขมวดคิ้ว เพราะชายหนุ่มเริ่มรู้สึกสังหรณ์ไม่ค่อยดีกับรอยยิ้มหวานๆนั่น กลัวใจสดายุจริงๆ ว่ารอยยิ้มนั้นจะอาบยาพิษเอาไว้หรือเปล่า
เช่นเดียวกับชิดจันทร์ ที่ถึงกับหน้าตึงเลิกแอ๊บใสทันทีที่ได้เห็นรอยยิ้มของสดายุ เพราะหล่อนรู้ดีเลยว่ารอยยิ้มของสดายุนั้นไม่ใช่ความเอื้ออารีย์ แต่มันเป็นความสะใจของผู้กุมชัยชนะล้วนๆ เกมนี้หล่อนพ่ายหมดรูปแล้วจริงๆ เพราะทันทีที่กฤตเมธเลือกสดายุชิดจันทร์ก็แทบหมดทางสู้แล้ว และถ้าหากท้ายที่สุดกฤตเมธยอมไปส่งเธอเพราะคำพูดของสดายุด้วยแล้วล่ะก็ นั่นหมายความว่ากฤตเมธยอมทำตามคำพูดของสดายุมากกว่าเธอ ในข้อนี้ชิดจันทร์รับไม่ได้อย่างเด็ดขาด
ดังนั้นวันนี้เธอจึงจำเป็นต้องเป็นฝ่ายถอย ชิดจันทร์ได้แต่เม้มริมฝีปากสีชมพูสดของตัวเองแน่น หล่อนประมาทสดายุไปหน่อย เห็นว่าเป็นผู้ชายที่ไม่ยี่หระ เห็นว่าเป็นแค่ดาราตกอับที่ต้องกระเสือกกระสนของาน ไม่งั้นคงไม่มีกิน คิดว่าเป็นเพียงแค่ผู้ชายตาขาวที่จะกลัวจนหางจุกตูดหาดต้องมาเป็นศัตรูกับหล่อนที่เป็นถึงลูกสาวคนเดียวของประธานบริษัทที่ตัวเองยังต้องอาศัยบารมี
แต่ที่จริงแล้วสดายุร้ายลึกกว่าที่หล่อนคิดเอาไว้มากนัก เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเหลือเกิน ทั้งที่เป็นแค่คนเงียบๆ เจ็บใจ ชิดจันทร์เจ็บใจเหลือเกิน
‘หนอย…ฝากไว้ก่อนเถอะแก ไอ้เกย์อวดดี!!’*
*
*
“พ…พี่อ๊อดคะ? มันเกิดอะไรขึ้นคะเนี่ย ถ้าแตงกวาไม่ได้รู้สึกไปเองนะ พี่อ๊อดเรียกรถดับเพลิงเถอะค่ะ บอกเลย สามคนนั้นกำลังก่อประกายไฟอยู่ค่ะ!!” แตงกวาที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ข้างๆอ๊อดมาได้สักพักในที่สุดก็พูดขึ้นเบาๆ
“ศึกแย่งเทวรูปน่ะ”
“คะ? ห๋ะ? แย่งอะไรนะคะพี่อ๊อด? แล้ว…ใครแย่งใคร?”
คำพูดของอ๊อดเล่นเอาแตงกวางงเป็นไก่ตาแตก เพราะแตงกวาเองก็ไม่ค่อยจะถนัดมุกคนแก่สักเท่าไหร่
“ฮื่อ เป็นเด็กเป็นเล็ก ดูไปเงียบๆเถอะเราน่ะ!”
“ว๊า พี่อ๊อดอ่ะ แตงกวาก็อยากมีส่วนร่วมนะ”
แตงกวาได้แต่บ่นกะปอดกะแปดแล้วก็ซุ่มแอบดูสถานการณ์กับผู้กำกับหนุ่มต่อไป
ฝ่ายอ๊อดก็ได้แต่แอบขำค้างอยู่ในใจ กับสถานการณ์ของสดายุและกฤตเมธ
‘เอาล่ะสิ พ่อเทวรูปกฤตเมธผู้แสนดี คราวนี้แกจะทำยังไงต่อ เจอทั้งอิทธิฤทธิ์มันนิ่งแต่มันเอาตายของสดายุ เจอทั้งมหาอำนาจแม่ลูก Full Moon เฮ้อ…สมบัติโบราณล้ำค่าอย่างแกถ้าไม่แตกหักชำรุดไปเสียก่อน ก็คงโคตรทรหดล่ะพ่อคุณของพี่เอ้ย…’
*
*
*
“คุณหนูชิดจันทร์ครับ”และในระหว่างที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าสุดท้ายกฤตเมธจะไปส่งใคร ในที่สุดคนขับรถของชิดจันทร์ก็มาถึง หนุ่มคนขับรถมารยาทดี รีบเข้ามารับคุณหนูของตนทันที
“คนขับรถมาพอดีเลยชิด คราวนี้พี่ก็หายห่วงแล้วล่ะ”
กฤตเมธยิ้มให้พร้อมกับความโล่งอกที่ในที่สุด คนขับรถของชิดจันทร์ก็มาถึงทันเวลาพอดี จะได้ไม่มีใครเอาเขาไปต่อรองในเกมปวดประสาทนี่อีก
“ค่ะ! คนขับรถมาพอดี งั้นวันนี้ชิดคงไม่รบกวนพี่เมธแล้วล่ะค่ะ ชิดกลับก่อนนะคะ” ในที่สุดชิดจันทร์ก็ต้องเป็นฝ่ายกัดฟันลา เจ็บใจไม่น้อย แต่ก็ต้องขอถอยไปตั้งหลัก คราวหน้าหล่อนจะไม่พลาดอีก!
“ครับชิด กลับดีๆนะครับ” กฤตเมธกล่าวลา ทว่าจู่ๆก็ถูกดึงข้อมือไว้ด้วยเรียวนิ้วของชิดจันทร์
“ไหนๆก็ไม่ได้ไปส่งบ้านแล้ว ก็เดินไปส่งชิดที่รถหน่อยสิคะพี่เมธ แค่นี้คงไม่ขัดใจชิดอีกใช่มั้ยคะ”
สาวร่างแบบบางในชุดเดรสสีขาวขยับกายเข้าใกล้กฤตเมธพร้อมไล้เรียวนิ้วที่ทาเล็บสีชมพูอ่อนเอาไว้ไปกับแผงอกของกฤตเมธช้า พลางอ้อนขอให้ไปส่งที่รถของตน อย่างน้อยชิดจันทร์ก็อยากประกาศกลายๆให้สดายุเห็นว่าเหล่อนไม่ใช่ผู้แพ้!
“ครับ เดี๋ยวพี่เดินไปส่ง” กฤตเมธรับคำโดยง่าย ไม่ใช่เพราะหลงไปตามคำยั่วยวน แต่เพราะอยากตัดปัญหาให้จบไป อีกอย่างชายหนุ่มเห็นว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรกับการแค่เดินมาส่งที่รถ
ชิดจันทร์ยกยิ้มพลางแนบกายเข้าไปเดินควงกฤตเมธอย่างสนิทสนม เดินออกไปได้สองก้าว ชิดจันทร์ก็เอี้ยวตัวหันกลับมามองสดายุด้วยหางตาคมเฉี่ยว
“อ่อ…กลับก่อนนะคะ คุณสดายุ หวังว่าคงจะได้พบกันอีกนะคะ” พร้อมเอ่ยคำลาตามมารยาทด้วยท่าทีที่ไร้ความเป็นมิตรอย่างสิ้นเชิง
“หวังอย่างนั้นเช่นกันครับ” สดายุยิ้มรับอย่างไม่ยี่หระเท่าที่ควร จากนั้นก็ยืนมองชิดจันทร์เดินควงกฤตเมธออกไป………….
<
<
<
“โอ๊ย!!”ออกไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงสดายุร้องด้วยความเจ็บก็ดังลั่น ทำเอากฤตเมธถึงกับผละจากชิดจันทร์วิ่งเข้าไปดูทันทีว่าสดายุเป็นอะไร
“เป็นอะไรยุ!? เจ็บตรงไหน!?” กฤตเมธที่แทบถลาเข้ามาหา เร่งถามไถ่ด้วยความร้อนใจ สองมือจับประคองร่างของสดายุไว้มั่น
“เดินชนโต๊ะเข้าน่ะ ตรงแผลจังๆ ไม่รู้แผลจะฉีกหรือเปล่า” เสียงเครือน้อยๆเพราะความเจ็บที่แล่นปราด พลางออดอ้อนว่าเจ็บที่แผล เพื่อเรียกร้องความสงสาร จากคนที่หน้าเสียไปแล้วตรงหน้า
“ฮื่อ ทำไมซุ่มซ่ามอย่างนี้นะคุณ เดี๋ยวผมขอดูแผลหน่อย” กฤตเมธบ่นออกมาเบาๆด้วยความเป็นห่วง ตอนนี้ชายหนุ่มลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าชิดจันทร์ยังคงยืนรอเขาอยู่
“จิ๋มครับ ขอกระเป๋าพยาบาลหน่อย” แต่ก่อนจะได้แกะแผลพิสูจน์ กฤตเมธก็ทิ้งสดายุยืนรอที่เดิม แล้วตัวเองก็วิ่งวุ่นหากระเป๋าพยาบาล
“นั่น….ใช่แผลที่เป็นข่าวอยู่เมื่อวาน ที่ว่าเพราะผิดคิวหรือเปล่าคะ?...”
เสียงหวานถามขึ้นตรงหน้า ทำให้สดายุชำเลืองตาขึ้นมองพร้อมรอยยิ้มบางๆ
“ครับ โดนกระจกบาด ตอนเข้าฉากรถคว่ำ”
“ตายจริง น่าเห็นใจจังค่ะ คงจะเจ็บแย่เลย…” ชิดจันทร์อุทานออกมาเบาๆ พร้อมใบหน้าที่แสร้งแสดงความเป็นห่วง ทั้งที่สายตาของหล่อนนั้นแสดงความชิงชังอย่างไม่ปิดบัง
“ก็…..ไม่เท่าไหร่หรอกครับ แค่นี้ยังไกลหัวใจ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ คุณหนู….” สดายุเอ่ยขอบคุณพลางยืดตัวเต็มความสูง พร้อมสืบเท้าเข้าใกล้ชิดจันทร์มากกว่าปกติ ดวงตาหลุบต่ำจดจ้องมองลงไปยังหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่มีปิดบังอารมณ์ดำมืดในสายตาแม้แต่นิด
“งั้นก็ขอให้หายเร็วๆนะคะ แผลเนี่ยก็ดูแลดีๆหน่อยแล้วกันนะคะ ติดเชื้อจนกลัดหนองขึ้นมาเดี๋ยวจะหายช้า…ชิดเป็นห่วง” ฝ่ายชิดจันทร์เองก็จ้องกลับอย่างไม่กริ่งเกรง หล่อนไม่เคยจะต้องกลัวใครมาก่อน แล้วทำไมกับสดายุหล่อนจะต้องไปกลัวด้วย
“ขอตัวกลับก่อนนะคะ บายค่ะ” ทว่าท้ายที่สุดหัวใจของชิดจันทร์ก็สั่งให้ถอย เพราะสายตาของสดายุนั้นมันน่ากลัวเกินไป น่ากลัวในแบบที่หล่อนไม่เคยพบเห็นมาก่อน
“กลับดีๆ เช่นกันครับ”
สดายุเอ่ยลา และยืนส่งคุณหนูชิดจันทร์เดินไปที่รถ จดจ้องอยู่อย่างนั้นจนรถของชิดจันทร์ขับออกไปพร้อมกับที่กฤตเมธเดินกลับเข้ามาทำแผลให้
*
*
*
*
*
“พี่อ๊อดคะ พี่เห็นอย่างที่แตงกวาเห็นมั้ยคะ” แตงกวากระซิบกระซาบกับอ๊อดด้วยสีหน้าที่ยังไม่หายตกตะลึง
“อืม…ชัดเต็มสองตา” ฝ่ายอ๊อดเองก็ตอบรับ ด้วยสีหน้าแบบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เช่นกัน
“เอ่อ…พี่ยุเขาเอาแขนฟาดโต๊ะทำไมเหรอคะพี่?”
“อืมมมม….คงเพราะต้องการกำชัยชนะทั้งหมดในศึกแย่งเทวรูปนี่น่ะสิ” อ๊อดตอบกลับด้วยสีหน้าขึงขัง
“เทวรูปอีกแล้ว เทวรูปอะไรเนี่ย? แตงกวาไม่เห็นเคยรู้เลย ว่าพวกพี่เขาเล่นพระเครื่องกันด้วย?”
“…………..เออ ไม่ต้องรู้น่ะดีแล้ว”
*
*
*
*
*
“ดีนะที่แผลไม่ฉีก แค่เลือดซึมออกมานิดเดียว คราวหลังคุณต้องระวังมากกว่านี้รู้รึเปล่า หือ?” พันแผลไปบ่นไปตามประสา แต่ดูเหมือนจะไม่ได้เข้าหูสดายุสักเท่าไหร่นัก
“วันนี้ผมให้คุณ 10 คะแนน”
“หือ? 10 คะแนนอะไร?”
จู่ๆสดายุก็โพล่งขึ้นไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เล่นเอากฤตเมธฉงนไปพักใหญ่
“เรื่องที่จะให้คุณพิสูจน์ว่าผมสำคัญที่สุดไง ถึงวันนี้คุณก็ยังไม่ได้เรื่องเหมือนเดิม แต่คุณก็ทำให้ผมสะใจได้ เพราะงั้นผมให้ 10 คะแนน”
สดายุเอ่ยออกมายิ้มๆ ทั้งๆที่ไม่ได้จ้องหน้ากฤตเมธเลยแม้แต่น้อย
“……..ยุ คุณรักผมจริงๆใช่มั้ย?”“……………….”
“คุณ…ไม่ได้กำลังหลอกปั่นหัวคนแก่เล่นใช่มั้ย?”กฤตเมธถามความในใจออกไป ขณะยังคงก้มหน้าก้มตาพันผ้าก๊อซให้สดายุ คำถามที่ทำให้หัวใจที่หนักอึ้งของคนฟังไหววูบ
“ขอโทษนะที่ผมถามแบบนี้ ผมแค่เริ่มจะไม่แน่ใจ…..”
เมื่อพันแผลเสร็จ กฤตเมธก็จับมือของสดายุเอาไว้มั่น จากนั้นก็เงยขึ้นสบตาอีกฝ่ายด้วยความสบสนระคนหวั่นไหว
“ผมรู้สึกว่า ยิ่งผมรักคุณมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งไกลออกไปทุกที…”
“ตรงนี้….” กฤตเมธเว้นวรรคเล็กน้อยขณะยกมือขึ้นแนบตรงกลางอกของสดายุ
“ดูเหมือนจะไม่เคยเปิดให้ผมได้เข้าไปเลยสักครั้ง…”
กฤตเมธพูดได้แค่นั้น สดายุเองก็เงียบงันอยู่อย่างนั้น จนกระทั้งถูกเรียกตัวไปเล่นซีนสุดท้ายให้เสร็จ และแน่นอนว่าไม่มีแม้สักคำพูดออกจากปากของสดายุเลย
*
*
*
*
*
*
รักมั้ยน่ะเหรอ?
ก็ต้องรักสิ รักมากด้วย…แต่จะให้ทำยังไงดีล่ะ ในเมื่อความรักครั้งนี้มันมองไม่เห็นอนาคตเอาเสียเลย…
ความคิดของสดายุยังไม่คงตกตะกอน มันยังคงลอยเคว้งคว้างสับสนวุ่นวาย
แรกสุด เขาคิดจะคบกับกฤตเมธแค่เพียงผิวเผิน เพียงเพราะร่างกายเข้ากันได้ดี และเพื่อทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น
แต่พอคบมาได้สักพัก ด้วยความดี ความเอาใจใส่ ความอบอุ่น ความห่วงใย หรืออะไรก็แล้วแต่ที่กฤตเมธเพียรมอบให้ไม่ขาดนั้น กลับทำให้เขาเริ่มตัดใจไม่ขาด และปล่อยเรื้อรังมาจนตอนนี้
เรื้อรัง...จนไม่กล้าปล่อยมือ
ยอมรับตรงๆว่ากลัวมาก แม้ว่าการคบกันกับกฤตเมธจะเป็นสิ่งที่แสนวิเศษ แต่มันไม่ใช่เรื่องปกติที่คนในสังคมส่วนใหญ่ยอมรับกัน จริงอยู่เขาและกฤตเมธเล่นหนังแนวชายรักชายที่กำลังเป็นกระแสอยู่ตอนนี้ด้วยกัน แต่นั่นมันคือการแสดง ผู้คนให้ความสนใจเพราะความแปลกใหม่ ที่เอาพระเอกดาวค้างฟ้าอย่างกฤตเมธ มาประกบคู่กับพระเอกเพลย์บอยอย่างเขา...
แม้บทบาทในหนังจะมีคนอ้าแขนรับ แต่ชีวิตจริงคงยากที่จะทำใจ
ความสัมพันธ์ของพวกเขา พูดได้คำเดียวว่าหากหลุดออกสู่สาธารณะเมื่อไหร่ คงถูกขุดคุ้ย ถูกต่อว่าอย่างยับเยินเป็นแน่แท้
แล้วเขาควรจะทำยังไงดีล่ะ…
รักต่อไปแบบนี้ ตามหัวใจของตัวเองเรียกร้อง ไม่ต้องแคร์ใคร ไม่ต้องสนอะไรทั้งนั้น หากจะจม ก็จมลงไปด้วยกัน ทั้งเขาและกฤตเมธ…
แล้ว….มันดีแล้วจริงๆหรือ ที่จะลากกฤตเมธลงมาเปรอะเปื้อนด้วยกัน?
ดีแล้ว…จริงๆเหรอ?************************************************************************

[attachment deleted by admin]