ต่อค๊า
ก๊อก ก๊อกเดินถึงรถได้สดายุก็เคาะเรียกกฤตเมธที่นั่งรออยู่ ก่อนจะก้าวขึ้นรถทันทีที่กฤตเมธปลดล็อคประตู
"ขอโทษที รอนานมั้ยครับ?" สดายุเอ่ยขอโทษที่ช้า เพราะเขาแวะคุยเสียตลอดทาง เลยทำให้กว่าจะมาถึงรถได้ก็ปาไปเกือบครึ่งชั่วโมง
"ไม่เท่าไหร่ครับ หึหึ หิวยังจะบ่ายสองแล้วเนี่ย" กฤตเมธยิ้มพราวก่อนจะเหยียบคันเร่งทยานออกสู่ท้องถนน เป้าหมายคือห้องพักใจ ที่เป็นรังรักของทั้งคู่
*
*
*
"หนาวเหรอ?" ขับออกมาได้สักระยะ กฤตเมธก็เอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นว่าสดายุเริ่มนั่งกอดตัวเองพลางถูแขนไปมา
"อ๋อ...นิดหน่อยน่ะ แค่รู้สึกว่าไข้จะกลับนิดหน่อย"
"ให้ผมเบาแอร์ก่อนมั้ย?"
"ไม่ต้องหรอก ผมขอแค่เสื้อคลุมตรงเบาะหลังก็พอ"
"อืม"
กฤตเมธพยักหน้ารับ พลางปล่อยให้สดายุเอื้อมไปหยิบเสื้อเจ็คเก็ตสีดำของเขาที่กองอยู่ตรงเบาะหลังเอาเอง ทว่า...
เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!"เฮ้ยยยยย!!"สดายุร้องว๊ากเสียงหลง เมื่อจู่ๆกฤตเมธก็หักรถเข้าข้างทางพร้อมเบรกกะทันหันจนตัวเขาที่กำลังเอื้อมไปหยิบเสื้อด้านหลังถึงกับกระเด็นกระดอน
"เป็นบ้าอะไรวะ!? ไอ้คุณกฤตเมธ!!"
"รอยอะไร!!?"
"ห๊ะ!!...เหวออออ?"
ยังไม่ทันที่สดายุจะได้ทำความเข้าใจว่ากฤตเมธถามถึงอะไร เขาก็ถูกจู่โจมอย่างไม่ตั้งตัวอีกครั้งโดยกฤตเมธที่ปรับเบาะที่นั่งของสดายุลงกะทันหันทำให้สดายุหลายเงิบลงไปพร้อมกันแล้วถูกคร่อมไว้ทันทีด้วยร่างหนากว่าของกฤตเมธ วูบแรกกะจะอาละวาดเสียหน่อยที่ถูกกระทำโดยไม่ตั้งตัวซ้ำยังไม่รู้เหตุผล แต่พอได้เห็นหน้ากฤตเมธในระยะใกล้เท่านั้น สดายุก็ราวโดนสะกด
...สายตา...จะโหดไปไหนวะ!!?
"ใครทำ?"
".........อะ...." คำว่า 'ใครทำ' พร้อมปลายนิ้วร้อนที่แตะตรงซอกคอทำสดายถึงบางอ้อทันทีว่ากฤตเมธหมายถึงอะไร และอารมณ์รุนแรงแปรปรวนนี้มันเกิดจากอะไร อยากเขกหัวตัวเองสักทีนี่เขาลืมไปได้ยังไงเนี่ย ก็ใครจะไปนึกล่ะว่าตาลุงจะหึงโหดขนาดนี้...
"ผมจำได้ว่าไม่ได้ทำรอยไว้...แล้วนี่...ของใคร?" กฤตเมธถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งทั้งที่มือยังไม่ได้ละออกจากซอกคอขาว
"...เอ่อ.." เสียงทุ้มยังคงนุ่มหู ทว่าสีหน้าเหมือนจะฆ่าคนได้นี่สิ เล่นเอาสดายุพูดไม่ออก บอกตรงๆเลยว่าตั้งแต่รู้จักกันมายังไม่เคยเห็นกฤตเมธแผ่รังสีอาฆาตพยาบาทออกมามากขนาดนี้มาก่อน
"ใคร?" ถามแค่คำเดียว ทว่าโคตรจะคาดคั้น
"....บดินทร์" พรึ่บ!!"เฮ้ย!! เดี๋ยวก่อน คุณจะไปไหนเนี่ย? กฤตเมธ!! เหวออ!!!!" คำตอบเดียวของสดายุ กระตุกทั้งร่างของกฤตเมธเปลี่ยนหน้าพระเอกเป็นฆาตกรโหดได้ในพริบตา กฤตเมธปล่อยตัวสดายุทันทีก่อนจะกระชากรถหักเลี้ยวกลับแบบไม่กลัวตาย เป้าหมายคือสำนักงานต้นสังกัด ที่บดินทร์ทำงานอยู่ แม่สดายุจะร้องห้ามจนเสียงหลง ก็ไม่มีทีท่าว่ากฤตเมธจะชะลอลงเลยแม้แต่นิด มีแต่จะเหยียบคันเร่งเพิ่มขึ้นจนแทบมิด แซงซ้ายแซงขวาแบบไม่กลัวรถสวน
"เฮ้ย! เดี๋ยว กฤตเมธ! คุณอย่าเพิ่งวู่วามเซ่!!"
"เมธ! ผ่อนคันเร่งหน่อยสิว๊อย!! คุยกันก่อน!!"
"จอดเดี๋ยวนี้นะคุณกฤตเมธ!!""ถ้าคุณไม่ฟังผมวันนี้ ก็ไม่ต้องฟังอีกชั่วชีวิต!! จอด!!"เอี๊ยดดดดดดดดดดดด!!หลังสดายุยื่นคำขาด สุดท้ายก็สามารถทำให้กฤตเมธหักพวงมาลัยเข้าจอดข้างทางได้ในที่สุด แม้ว่า...จะเบรกจนหัวทิ่มกันไปเลยก็ตาม
"........................ทำไมต้องห้ามผม?"
หลังจอดรถได้นิ่งสนิทจากการเบิร์นยางเสียเป็นทาง กฤตเมธก็ถามขึ้นทั้งที่ดวงตาวาวโรจน์ยังคงจดจ้องไปข้างหน้าไม่วางตา
"คุณจะไปไหน? อย่าบอกนะว่าจะไปหาไอ้บดินทร์มันน่ะ"
"...ผมจะไปเอาเลือดหัวมันออก" แค่เพียงได้ยินชื่อกฤตเมธก็ขบกรามกรอด น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาต่ำขรมด้วยอารมณ์ดาลเดือด สดายุได้แต่ถอนหายใจแรงๆ รู้สึกปวดหัวไม่น้อยที่จู่ๆคนตรงหน้าก็ทำตัวเป็นวัยรุ่นใจเร็ว
"...บดินทร์มันเห็นเราในห้องน้ำ"
"............!!?" กฤตเมธหันมองหน้าสดายุทันทีที่ได้ยินคำเฉลย หัวใจหนุ่มใหญ่ราวโดนกรีดซ้ำๆ หากรอยบนคอของสดายุเกิดจากบดินทร์ เหตุมันย่อมเกิดจากการที่เขากระทำย่ามใจ จนทำให้สดายุต้องเป็นคนรับเคราะห์ในคราวนี้
เขาเอง...
เพราะเขามันง่าวเอง...
"โธ่เวย!!!!!"ในเมื่อไม่สามารถทำอะไรคนที่ทำให้คับแค้นได้กฤตเมธจึงได้แต่ระบายอารมณ์กับคอนโซลหน้ารถและพวงมาลัยโดยการทุบแรงๆแบบไม่กลัวบุบ เจ็บใจ เขาเจ็บใจมากที่ทำเป็นปากดีว่าจะดูแลสดายุ แล้วก็ทำไม่ได้ ปล่อยปละละเลยจนสดายุโดนรังแก เขาเจ็บใจทั้งเจ็บปวดจนแทบกระอักเลือด
"พอแล้วคุณ! เดี๋ยวมือก็แตกหรอก" สดายุรีบห้าม จับคว้ามือของกฤตเมธไว้ให้หยุดทำร้ายรถ หยุดทำร้ายตัวเอง
"เป็นอะไรของลุงเนี่ย!? เลือดร้อนเป็นวัยรุ่นไปได้ แก่แล้วนะตัวเองน่ะ เจียมตัวซะบ้างสิ! คิดให้ดีก่อนว่าไปตอนนี้มันจะได้ประโยชน์อะไร!? เอาเลือดหัวมันมาล้างตีนได้ แล้วจากนี้เราจะเป็นยังไงกันต่อไป อย่าเอาแต่โมโหจนหน้ามืดสิ!"
"......................." เจอคำเตือนสติสุดเกรียนของสดายุเข้าไป กฤตเมธเลยต้องหันไปจ้องมองคนข้างๆอีกครั้ง
สดายุจ้องตอบไม่วางตา ก่อนจะยิ้มให้กฤตเมธน้อยๆ แม้ว่าอีกฝ่ายจะยังทำหน้าราวกับเป็นฆาตกร
"ใจร่มๆก่อนนะลุง ผมเองก็โมโหมันไม่ต่างกันหรอก เผลอๆมากกว่าคุณอีก ผมเป็นคนโดนทำนะ อ๊ะ!! อย่างเพิ่งดิ้นสิ ฟังให้จบก่อน!" สดายุที่พยายามจับมือกฤตเมธไว้ไม่ยอมปล่อยนั้นพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะอธิบายและปลอบให้กฤตเมธเย็นลง แต่ดูเหมือนยิ่งพูด กฤตเมธจะยิ่งโมโหแฮะ...
"ไม่ต้องถึงมือคุณ มันก็โดนผมตื๊บไปตั้งแต่มันกล้ามาทำไอ้รอยเหี้ยนี่บนคอผมแล้ว ผมไม่ได้อ่อนแอนะ....นี่เลิกเดือดซะที แล้วพาผมกลับบ้านก่อน"
"..........................." กฤตเมธได้แต่นิ่งฟัง แม้อารมณ์ยังคงพลุ่งพล่าน แต่เขามีสติมากขึ้นแล้ว อย่างที่สดายุว่า ไปเอาเรื่องบดินทร์ตอนนี้มันไม่มีประโยชน์ ซ้ำร้ายจะมีแต่เสียกับเสีย
ทว่า...มันก็เกินจะหักห้ามความโกรธเกลียด...
"เอาน่า...ไอ้เวรนั่นมันยังไม่ตายไปไหนง่ายๆหรอก เราค่อยเอาคืนมันวันไหนก็ได้ คุณแค่ช่วยหาน้ำมนต์มาล้างเสนียดให้ผมก่อนก็พอ........เฮ้ย!!"
ตามคำขอ พูดถึงน้ำมนต์ น้ำมนต์ก็มา... เพราะกฤตเมธคว้าคอสดายุเข้าไปดูดทับรอยบดินทร์ทันที
"อ๊ะ! อึ๊ย....เมธ...เจ็บ..." สดายุดิ้นรนทันทีที่ถูกล่วงล้ำ ทว่าดิ้นไปก็เท่านั้นเมื่อกฤตเมธกระชับท้ายทอยเขาไว้แน่น อีกแขนก็โอบกระชับเอวเขาไว้ไม่ปล่อย แถมวิธีการฝากรอยรักก็แสนเจ็บแสบ ทั้งดูดเม้ม ขบกัด และเลียซับให้ยิ่งแสบ เล่นเอาสดายุถึงกับหูอื้อสิ้นเรี่ยวสิ้นแรงกันเลยทีเดียว
…'ชีวิตวันนี้มันอะไรกันวะเนี่ย โดนลวนลามทั้งวันเลยวะตรู!!'"ฮึ่ย พอแล้วไอ้ลุงหื่น จะเลียอีกนานมั้ย!?" สดายุตะคอกเบาๆ ปรามคนย่ามใจที่ยังอ้อยอิ่งอยู่ตรงคอเขาไม่เลิก
ได้ผลเมื่อกฤตเมธยอมผละออกไปในที่สุด "ดูดขนาดเมื่อกี้เนี่ย คงไม่ต้องถามถึงรอยบนคอผมเลยสินะ" และระหว่างนั้นสดายุก็บ่นไม่หยุด กฤตเมธค่อยๆปรับเบาะฝั่งของสดายุให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิมพลางฟังสดายุบ่นไปเรื่อยๆ
"ชิ...ดีจริง พรุ่งนี้ได้อายกันทั้งกองถ่าย..." กำลังบ่นอย่างออกรส ก็ต้องขาดตอนเพราะถูกกฤตเมธคว้าไปกอดเสียก่อน
"ยุ...ผมขอโทษ"
"....................คุณ...เมธ?..."
"ขอโทษที่ปกป้องคุณไม่ได้ ขอโทษที่ปล่อยให้คุณโดนรังแก ผมขอโทษ..." มากมายคำขออภัยพร่างพรูไม่ขาดอยู่ข้างหู ทำหัวใจของสดายุอ่อนยวบ จนอดกอดตอบไม่ได้
ตาลุงเอ้ย บางทีก็เฉื่อยแฉะจนน่ารำคาญ บางทีก็ใจร้อนแถมยังพาลจนน่าใจหาย ผู้ใหญ่อะไรกันที่อ้อนเป็นเด็กน้อยขนาดนี้...
สดายุได้เพียงคิดในใจ ก่อนจะหลับตารับอ้อมกอดอุ่นเพื่อซึมซับความห่วงใยที่อีกฝ่ายทะลักทลายมอบให้
"ไม่ต้องปกป้องผม จนขนาดรู้สึกผิดแบบนี้หรอกครับ แค่ที่เป็นอยู่ก็พอแล้ว" สดายุกระซิบเบาๆที่หูของกฤตเมธ สิ่งเขาพูดมาจากใจจริงๆ เขาดีใจที่รู้ว่าตัวเองถูกรักถูกปกป้อง แต่เขาเองก็เป็นผู้ชายไม่เหนือบ่ากว่าแรงเขาก็พอดูแลตัวเองได้...แม้ว่างวดนี้จะพลาดไปก็เถอะ
"..........................." กฤตเมธไม่ได้ตอบคำใดๆ นอกจากกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น
เนิ่นนานกว่าพระเอกหนุ่มจะยอมคลายอ้อมกอด ความพลุ่งพล่านในหัวใจเขาสงบลง แต่ใช่ความแค้นเคืองจะสลายหายไปด้วย กฤตเมธมาดมั่นอยู่ในส่วนลึก เขาไม่มีวันปล่อยบดินทร์ลอยนวลอยู่นานแน่!!
"...อารมณ์ดีขึ้นรึยังลุง?" สดายุถามขึ้นเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง และกฤตเมธเลี้ยวรถกลับเส้นทางเดิมที่ควรจะเป็นในการกลับคอนโดแล้ว
"คนของตัวเองโดนรังแกทั้งคน ใครจะไปอารมณ์ดีไหวกัน" กฤตเมธตอบเสียงเรียบนิ่งทั้งยังมีแผงอารมณ์เหวี่ยงเล็กๆ
"อะไรกัน อุตส่าห์เปลืองตัวให้ตั้งเยอะ" สดายุแกล้งเย้าเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ตึงเครียดของอีกฝ่าย เขาเองก็เครียดจากข้างนอกมาพอแล้ว เลยอยากให้เวลาที่อยู่สองต่อสองกับกฤตเมธเป็นเวลาที่ผ่อนคลายที่สุด
"ก็ไหนว่าอยากได้น้ำมนต์ไง ผมเลยจัดให้ น้ำมนต์ประจำตัว ศักดิ์สิทธิ์ด้วยนะ" ได้ผล เพราะหลังจบคำกระเซ้า สดายุก็โดนมุกคนแก่ยิงเอาจนจุกเช่นกัน กฤตเมธเองเมื่อเห็นว่าสดายุพยายามปรับบรรยากาศให้ผ่อนคลาย เขาเองก็ไม่อยากขัดขวาง เลยตบมุกให้อีกฝ่ายค้อนเล่นซะเลย...
แน่นอนว่าโดนจังๆ สดายุถึงกับกระตุกคิ้วเขม่น ก่อนจะตบมุกกลับแบบแสบกว่ากลับไป...
"...นี่ลุง...เมื่อกี่ที่ลุงดูดทับรอยไอ้บดินทร์น่ะ รู้ป่าว...มันเหมือนการจูบกับมันทางอ้อมนะ"
"........................ยุ"
"หึหึ...เก็บไปฝันแน่ ลุงเอ้ย""กลับไป...เจอหนักแน่""....!!!??"
*
*
*
*
*
"ขอบคุณครับท่านประธาน ขอบคุณที่ยังให้ความช่วยเหลือครับ""อืม กลับไปทำงานของเธอเถอะซอลย่า ถ้าไงก็ฝากเตือนบดินทร์ด้วยแล้วกันนะ ถึงจะเก่งยังไงก็อย่าเที่ยวไปกร่างใส่ใครเขาไม่เลือกแบบนั้นอีก ดนัยน่ะถึงไม่ได้มีผลงานในเมืองไทย แต่ก็เป็นเพชรน้ำงามที่ฮอลลีวู๊ดเขาการันตี จะผยองก็ช่วยผยองให้มันถูกคนด้วย จำไว้นะ" เสน่ห์จันทร์สั่งสอนชัดเจนผ่านทางผู้จัดการส่วนตัวซอลย่า
"ครับ ผมจะดูแลเขาให้ดี..." ซอลย่ารับคำ
"เธอก็เหมือนกันซอลย่า อย่าตามใจบดินทร์มากนัก เลิกใจอ่อนกับเด็กนั่นสักที ปล่อยให้เหลิงไปมากกว่านี้เดี๋ยวจะกู่ไม่กลับเอา" เสน่ห์จันทร์สั่งสอนเพิ่มเติมมาถึงคนหัวอ่อนอย่างซอลย่าด้วย หล่อนรู้ว่าซอลย่าเป็นคนมีฝีมือมาก แต่ก็อ่อนใจเหลือเกินกับความหัวอ่อนยอมคนของเจ้าตัว ถึงขนาดเด็กในสังกัดยังไม่กลัวหรือเกรงใจซอลย่าเลยสักคน
"ครับ ผมจะระวัง" ชายหนุ่มได้แต่ตอบรับเสียงอ่อย การฝากฝังแต่ละอย่างของท่านประธานนั้นช่างยากเข็ญแก่เขาเหลือเกิน
"เอาล่ะ ออกไปได้แล้ว ต้องไปดูบดินทร์อัดรายการต่อด้วยนี่"
"ครับ ผมขอตัวครับท่านประธาน"
ซอลย่าเอ่ยลาก่อนจะออกจากประตูห้องเย็นของท่านประธานอันแสนจะอึดอัด ออกมาด้านนอกได้ก็ถึงกับถอนหายใจพรู วันนี้เขาโดนท่านประธานเรียกพบ เพราะบดินทร์เด็กในสังกัดของเขาไปก่อเรื่องเอาไว้อีกแล้ว ตอนแรกซอลย่าคิดว่าจะเป็นเรื่องของสดายุเรื่องเดียวเสียอีก เพราะได้ยินบดินทร์บ่นออกมาแค่นั้น ไม่นึกเลยว่าเจ้าตัวจะดันไปกร่างกับลูกรักอีกคนของท่านประธานเอาเสียได้ 'ดนัย' เด็กปั้นโดยตรงของเสน่ห์จันทร์ รุ่นถัดจากกฤตเมธไม่นาน เรียกได้ว่าปั้นตั้งแต่ยังเป็นเพียงดาราเด็กเลยทีเดียว แล้วหลังจากโดเป็นหนุ่ม มีแววดีเด่นทางด้านการแสดงจนไปถูกตาต้องใจผู้กำกับจากฮอลีวู๊ดเขา เสน่ห์จันทร์ก็พยายามผลักดันให้ดนัยไปรับงานที่แดนไกลตั้งแต่นั้นมา แม้แรกๆจะไม่ได้บทเด่น เป็นเพียงแค่ตัวประกอบประปราย แต่นานเข้าก็เริ่มมีบทบาทมากขึ้น และแม้วันนี้ดนัยยังไม่ได้เป็นระดับแนวหน้า แต่บทที่เขาได้ก็ถือว่าเด่นไม่น้อย แล้วขนาดนี้จะไม่ให้เสน่ห์จันทร์ถือหางเข้าข้างสุดโต่งได้อย่างไร
ดนัย ดังขนาดนี้แต่บดินทร์กลับไม่รู้จัก หลายคนคงคิดว่าแปลกประหลาด แต่สำหรับซอลย่านั้นไม่แปลกเลย เพราะนอกจากงานกับสดายุแล้ว บดินทร์ไม่เคยสนใจคนอื่นเลย ต่อให้คนคนนั้นเด่นดังขนาดไหนก็เถอะ เรื่องนี้มีแค่ซอลย่าเท่านั้นที่รู้ เพราะต่อหน้าเสน่ห์จันทร์บดินทร์แสดงเป็นคนเปิดหูเปิดตาที่ดี เป็นนักแสดงในสังกัดที่เชื่อฟัง ทั้งที่จริงแล้วไม่เป็นอย่างนั้นเลย ดีที่ยังพอมีฝีมือ และเสน่ห์จันทร์ยังพอมีเมตตา ผนวกกับอยู่มานาน จึงยังพอได้งานเด่นๆอยู่บ้าง แต่...หากหลังจากนี้สดายุกลับมา หรือหากดนัยที่อยู่ในช่วงพักงานหลังถ่ายหนังฟอร์มยักษ์ของฮอลิวู๊ดจบนั้นอยากรับงานในไทยขึ้นมาบ้าง ท่าทางบดินทร์คงอยู่ยากมากขึ้นกว่านี้เป็นแน่ เพราะนอกจากจะไม่ใช่ลูกรักแล้ว หลังๆมาดูท่าท่านประธานจะไม่ค่อยปลื้มเสียด้วย
เย็นนี้บดินทร์มีอัดรายการ 'สตาร์ทอล์ค' ไม่รู้เจ้าตัวจะรู้แล้วหรือยังว่าจะต้องสัมภาษณ์ดนัย...คิดได้ดังนั้นซอลย่าเริ่มกระวนกระวาย เขาต้องรีบไปบอกบดินทร์เสียตั้งแต่ตอนนี้
"เฮ้อ...ดินนะดิน...สร้างแต่เรื่องจริงๆเชียว..."
“เออ ไอเหี้ยดิน แม่งสร้างแต่เรื่องอยู่แล้วล่ะ!!”
“...บลู?...”
เสียงขานรับห้าวกระโชกคุ้นหูทำหัวใจของซอลย่ากระตุกวูบ และเมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็ได้พบกับใบหน้าที่ทำให้เขาปวดร้าวที่สุด
‘ใบหน้าโกรธเกรี้ยวชิงชังของบลูม่า’
“...บลู...” ซอลย่าครางเรียกคนตรงหน้าเสียงสั่นพร่า กลัวที่จะต้องเผชิญหน้าด้วยเหลือเกิน เขากลัวบลูม่าจะโกรธจะเกลียดเขาไปมากกว่านี้ เพราะตอนนั้นเขารับปากไปแล้วว่าจะดูแลบดินทร์ให้ดี ไม่ให้ไปสร้างความวุ่นวายกับสดายุอีก ทั้งยังรับปากหนักแน่นว่าจะไม่โผล่หน้ามาให้เห็นเด็ดขาด แต่นี่...ตอนนี้เขากลับทำอะไรไม่ได้เลย ผิดคำพูดไปทุกอย่าง...ไม่ไหวแล้วอยากหนี อยากหนีไปให้พ้นจากตรงนี้เหลือเกิน...
...หนี....ต้องหนี...
“จะหนีไปไหนซอล!!”
“อ๊ะ!”
บลูม่าคว้าแขนซอลย่าเอาไว้ทันทีที่เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะเดินหนี วันนี้เขามีเรื่องจะต้องคุยกับซอลย่าให้รู้เรื่อง
“ปละ...ปล่อยนะ” คว้าได้ก็ดันร่างเล็กกว่าเกือบครึ่งเข้าผนังทันที แม้ซอลย่าจะพยายามดิ้นรนให้พ้น แต่ก็ถูกร่างสูงกว่ากักเอาไว้ในกรงแขนมนุษย์ที่บลูม่าเท้ามือทั้งสองข้างยันไว้กับผนังเพื่อจองจำผู้ต้องหาร้ายแรงเอาไว้สอบปากคำแบบตัวต่อตัว
"ไหนรับปากฉันแล้วไงว่าจะคุมไอ้เวรนั่นให้ดี แล้วนี่ยังไงถึงปล่อยให้มันมาระยำใส่สดายุได้อีกห๊ะ!!?" บลูม่าตะคอกใส่ซอลย่าอย่างไม่ไว้หน้า เขามีเรื่องบางอย่างต้องคุยกับท่านประธานให้รู้เรื่องจึงขึ้นมาชั้นสี่สิบนี้ ไม่คิดว่าจะได้เจอกับซอลย่าเข้าจังๆ แต่ก็ดีมากที่ได้เจอ เพราะนอกจากท่านประธานแล้วก็เป็นซอลย่านี่แหละที่เขาต้องเคลียร์ให้เสร็จก่อน
“...ข...ขอโทษ...” ซอลย่าได้แต่เอ่ยคำขอโทษ เพราะไร้ซึ่งข้อแก้ต่างใดๆ เขาผิดในทุกประตูจนไม่เหลือรูให้มุดหนี สมแล้วที่จะถูกบลูม่าเอ็ดตะโรชิงชังเอาแบบนี้
“ขอโทษแล้วมันหายหรือไง!! ถ้าคิดว่าจะทำไม่ได้ก็อย่าริจะรับปากพล่อยๆตั้งแต่แรกสิ!!” บลูม่าตะคอกพร้อมทุบผนังด้านข้างของซอลย่าโครมใหญ่ ไม่ใส่ใจแล้วว่าเสียงจะดังไปถึงไหน เพราะตอนนี้อารมณ์คุกรุ่นพลุ่งพล่านเกินกว่าจะเก็บงำ
“......................ขอโทษ...” ซอลย่าไร้คำพูดใดอีกนอกจากขอโทษด้วยเสียงสั่นเครือ หยาดน้ำตาเอ่อรวมกันอยู่เต็มเบ้า ทว่าไม่กล้าร้อง เขาไม่กล้าร้องต่อหน้าบลูม่า เพราะแทนที่จะได้รับความเห็นใจ อาจโดนดูถูกจนอยากไปเกิดใหม่เสียมากกว่า เมื่อไร้ทางหนี เมื่อไร้คำพูด ซอลย่าจึงทำได้เพียงแค่ยืนก้มหน้าตัวสั่น ยอมรับผิดในทุกข้อกล่าวหา และรอการลงทัณฑ์อย่างไม่คิดหลบเลี่ยง
บลูม่าเองเมื่อเห็นแบบนั้นเขาก็ได้แต่หงุดหงิดงุ่นง่าน เขารู้ว่าซอลย่าไม่สู้คนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่มันต้องไม่ใช่ตอนนี้ โดยเฉพาะต่อหน้าเขาที่กำลังเดือดดาล บลูม่าไม่ชอบรังแกคนอ่อนแอกว่า ดังนั้นหากซอลย่าไม่คิดสู้เขาก็จะทำอะไรไม่ได้
“....แม่ง....อย่าหลบหน้าฉันนะซอล!! ไม่ต้องมาบีบน้ำตาเรียกความสงสารจากฉันด้วย! เงยขึ้นมาคุยกันดีๆเดี๋ยวนี้นะ!!”
เมื่อทำอะไรไม่ได้ บลูม่าก็ต้องขู่กรรโชกพร้อมบังคับจับปลายคางของซอลย่าให้เงยขึ้นมาสบตา หัวใจของบลูม่ากระตุกไหวในวูบแรกที่ได้เห็นดวงตาฉ่ำน้ำของคนตรงหน้า แต่ทิฐิบางอย่างก็ทำให้เขามองข้ามมันไป
“...ขอโทษ...บลู...ซอลขอโทษ...ขอ...ขอโอกาสอีกครั้ง....”
“ไม่ต้องมาอ้อนวอน! ฮึ! โอกาสงั้นเหรอ โอกาสสำหรับเธอน่ะมันมีแค่ครั้งเดียว และเธอใช้มันไปแล้วตั้งแต่วันที่เธอขอให้ฉันนอนด้วย!!”********************************************************
ตัดฉับ! อิอิ
ใครอยากอ่านเรื่องลับๆของบลูซอลบ้างยกมือขึ้น....หึหึหึ ตอนหน้ามาแน่จ๊ะ
กลับมาแล้วค๊า...งานเคลียร์ซากเสร็จเร็วกว่าที่คาด เลยพอเหลือเวลาปั่นอยู่บ้าง
บอกตรงค่ะว่า ตั้งแต่ตอนที่ 31-34 ความจริงแล้วมันคือตอนเดียวกัน แต่มันยาวเกิ๊นนนน เลยต้องบั่นเป็น 4 ตอน เพื่อความสะดวก
ประกาศ ณ ตรงนี้เลยจ๊ะ ว่านิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องโอละพ่อ โพดๆ
เนื่องจากว่าตอนแรกกะแต่งเป็นเรื่องสั้น จบตั้งแต่ยังอยู่มัลดีฟส์
แต่พอตัดสินใจแต่งเป็นเรื่องยาวเท่านั้นแหละ...ยาวเลย -*-
บ่องตงว่า ปม ของเรื่องพันกันจนยุ่ง แต่...จบแฮปปี้ มั่นใจได้จ๊า
ทว่าช่วงนี้อาจหน่วงหน่อย อดทนกันนิดนะจ๊ะ
เราจะผ่านมันไปด้วยกันจ๊ะ
ช่วงก่อนไคลแม็กซ์และหลังจากนี้ ตัวละครคู่อื่นจะเข้ามามีบทบาทต่อเรื่องหลักมากขึ้นนะจ๊ะ ใครเชียร์ใครคู่ไหนอยู่ ก็รอลุ้นกันต่อไปว่าจะโผล่มาตอนไหน อิอิ
ขอบคุณทุกกำลังใจ
และขอบพระคุณอย่างสุดซึ้งที่ติดตามนะคะ
อนาคี 99