ต่อจ๊า...บลูม่าทั้งขบทั้งดูดทั้งที่ซอกคอและแผ่นหลังขาวเปลือย เขาสาบานได้ว่าไม่ได้คิดจะทำแบบนี้ ไม่ได้ตั้งใจมาแต่แรก ทว่าเขาไม่อาจหักห้ามความรู้สึกพลุ่งพล่านจนน่ามืดที่เกิดขึ้น จริงอยู่ที่เขาไม่อนุญาตให้อีกฝ่ายแตะต้องตัว เพราะเขาไม่สนิทใจและไม่อยากถูกโหมอารมณ์ให้กระพือไกลไปกว่านี้ ทว่าทันทีที่ยับยั้งมืออุ่นชื้นคู่นั้นได้ ต้นคอขาวและแผ่นหลังเปลือยเปล่าเย้ายวนกลับปรากฏขึ้นมากระแทกตาเขาเข้าเสียก่อน ความยับยั้งชั่งใจที่สู้อุตส่าห์อดกลั้นไว้อยู่นานสองนานในที่สุดก็หลุดลอย ขนไม่อาจห้ามใจไม่ให้เผลอไผลลิ้มลองรสชาด ว่าผิวกายสะอาดตาของคนเบื้องล่างจะหอมหวานแค่ไหน
และเพียงแค่สัมผัสปลายลิ้นเพียงนิด สติความยั้งคิดของบลูม่าก็เตลิด ลืมสิ้นแล้วว่าเคยรังเกียจจนไม่อย่างแตะต้อง สะท้อนใจอยู่ในส่วนลึกที่กลืนคำพูดตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถอารมณืหวามไหวของตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว
และตอนนี้อาวุธร้ายที่บลูม่าไม่เคยตคิดจะใช้งานก็พาลตอบสนองอย่างแข็งขันกับร่างยั่วเย้าตรงหน้าเข้าเสียแล้ว!
คนใต้ร่างครางเครือสั่นสะท้านไปกับรสสัมผัสที่เขามอบให้
ยวนใจ…
แต่ไม่ได้ทำให้เขาอยากจะอ่อนโยน
"อ๊ะ! เดี๋ยวก่อน...บล...บลู!!?" ซอลย่ากรีดร้อง เมื่อจู่ๆความร้อนระอุก็จดจ่ออยู่ตรงส่วนลี้ลับของเขา และยังไม่ทันจะได้ตั้งหลัก ส่วนปลายความร้อนอันใหญ่โตนั้นก็ดันตัวผ่านเข้ามาในจุดที่เขาไม่คุ้นเคย โดยปราศจากการเล้าโลมหรือแม้กระทั่งการเตรียมพร้อมใดๆ
"มะ...ไม่เอาแล้ว....เจ็บ...บลู...ฉันเจ็บ...ไม่เอา...อื้อ..."
ซอลย่าวิงวอนเสียงสั่นพร่า แต่กลับถูกมือหนาของบลูม่าปิดปากเอาไว้แน่น อีกทั้งร่างสูงใหญ่ที่ทาบทับลงมานั้นหนักหนักหน่วงเกินกว่าจะดิ้นรนหลีกหนี ซอลย่าเจ็บปวดสาหัสจนน้ำตาไหล ตรงนั้นของเขายังแห้งผากอยู่เลย มันไม่เคยถูกรุกราน ไม่เคยถูกกระทำใดๆมาก่อน มันไม่รู้ควรรับมือยังไงนอกจากเกร็งสะท้านต่อต้านสิ่งแปลกปลอมที่รุกล้ำ ทั้งที่อ้อนวอนว่าให้ช่วยหยุด แต่กลับถูกปิดกั้น และกระทำต่อกันอย่างร้ายกาจชนิดที่ซอลย่าคาดไม่ถึง ความเจ็บปวดที่ปะทุขึ้นรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิตทำให้ร่างแบบบางของซอลย่าสั่นสะท้านไปทั้งตัว
"...บล....บลู...ซอลเจ็บ...ได้โปรด...ซอลเจ็บจริงๆ...ฮึ่ก..."
ซอลย่าอุทรณ์ด้วยความเจ็บปวด เสียงที่เปล่งออกมาอู้อี้อึกอักเพราะยังคงถูกปิดปากเอาไว้แบบครึ่งๆกลางๆ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย เสียงเครือสั่นน่าสงสารนี้ไม่ได้ส่งไปถึงผู้กระทำเช่นบลูม่าเลย
"เงียบ! จะอ้อนวอนอะไรของหล่อนนัก ฮึ? หล่อนเองใช่เหรอที่เป็นคนอยาก หล่อนเองไม่ใช่เหรอที่เสนอตัว?"
บลูม่ากระซิบร้ายเสียงพร่าด้วยแรงอารมณ์แต่ก็บาดลึกไปถึงขั้วหัวใจของซอลย่า
"อ๊ะ! เจ็บ...บลู...ได้โปรด...ซอลผิดไปแล้ว....." พูดได้แค่นั้นฝ่ามือใหญ่ก็ปิดปากแน่นขึ้นอีก พร้อมกับที่ร่างหนาของบลูม่าทาบทับลงมาเสียดสีหนักๆอยู่ตรงด้านหลัง ก่อนจะเอ่ยคำทำร้ายให้เจ็บปวดไปจนสุดแก่นวิญญาณ
"หนวกหูชะมัด! หยุดร้องเสียที คนทึ่อยากโดนเอาคือหล่อนเองนะ รนหาที่เองแล้วจะยังโอดครวญอะไรอีก!? อ๋อ...หรือหล่อนนึกว่าถ้าแกล้งแอ๊บใส แล้วฉันจะใจดีด้วย ฝันไปเถอะ! อือออ....ทำไปร้อง แต่ข้างในตอดไม่หยุดเลยนะ...ร่านจริงๆ!!"บลูม่าตอกย้ำให้ซอลย่ายิ่งเจ็บ ก่อนจะดันตัวเข้าไปทั้งๆอย่างนั้น แม้ว่าอีกฝ่ายจะดิ้นรนแลดูทรมานแค่ไหน 'นี่คือการแสดง' บลูม่าท่องอยู่ในใจซ้ำๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองใจอ่อน ก่อนจะรุกรานเข้าไปในช่องทางฝืดคับยวนเย้าของซอลย่าอย่างไม่คิดเห็นใจ
"อื้อ....อื้อ!...." ซอลย่าได้แต่ส่ายศีรษะไปมา เพราะไม่สามารถดิ้นรนออกจากใต้ร่างบลูม่าได้ ถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อรู้สึกได้ว่าบลูม่าถอนกายออกไปช้าๆ ซอลย่าน้ำตาจะไหลเพราะคิดว่าบลูม่าคงจะนึกเมตตาเขาขึ้นบ้างแล้ว เขาคงจะหลุดพ้นจากความเจ็บปวดนี้ได้เสียที...ทว่ายังไม่ทันจะได้หายใจหายคอ สิ่งที่ถูกถอนออกไปแบบครึ่งๆกลางๆก็ถูกดันพรวดกลับเข้ามาโดยแรง
"อื้อ!!!!" เจ็บจุกจนซอลย่าแทบจะร้องไม่เป็นภาษา ความตื่นตัวใหญ่ยักษ์ของบลูม่าทะลวงลึกเข้าไปในร่างของซอลย่าอย่างไม่มีปรานีปราศรัย ความเจ็บแสบจากแรงเสียดสีทำเอาซอลย่าสะท้านเยือกไปทั้งแผ่นหลัง ทั้งขอร้องทั้งอ้อนวอน บลูม่าก็ยังคงขยับกายสอดแทรกเข้ามาอย่างโหดร้าย ครั้งแล้วครั้งเล่า
เจ็บปวดสาหัสในช่วงแรก...ทว่าในอีกอึดใจต่อมากระแสไฟบางอย่างก็แล่นปราดไปตามกระดูกสันหลัง แก่นกายของซอลย่าที่อ่อนยวบไปเพราะความเจ็บร้าว เริ่มมีปฏิกิริยาอย่างไม่น่าให้อภัย เมื่อส่วนปลายร้อนระอุของบลูม่าบดเบียดเข้ากับจุดไวสัมผัสภายในของซอลย่าอย่างที่เจ้าตัวยังนึกไม่ถึง ความเสียวซ่านแล่นริ้วไปตามสันหลัง ส่วนน่าอายที่กำลังกลืนกินบลุม่าอยู่บีบรัดแน่น ตอดรัดอย่างหยาบโลนน่ารังเกียจ จนบลุม่าเองยังต้องพ้นลมหายใจออกมาแรงๆ เพื่อระบายความอัดอั้น และคล้ายว่าใกล้จะหมดความอดทน
นี่คือครั้งแรกที่บลูม่ามีสัมพันธ์ทางกายกับคนอื่น ไม่เคยรู้เลยว่าจริงๆแล้วมาหฤหรรษ์จนทรมานได้ขนาดนี้ ยอมรับว่าในคราแรกเขาทำอะไรไม่ถูก ใช้ให้ซอลย่าเปลื้อผ้าเพราะจำได้ว่าเป็นเรื่องต้องทำ ส่วนเรื่องให้อีกฝ่ายอมให้ ก็แค่อยากทำลายศักดิ์สรีของซอลย่าให้ย่อยยับ อยากเห็นอีกฝ่ายตกเป็นเบี้ยล่างอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ถึงจะพูดออกไปว่าห้ามอีกฝ่ายยุ่งกับประตูหลังของเขา แต่ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะต้องเข้ามาอยู่ในร่างของอีกฝ่ายอย่างตอนนี้เช่นกัน แต่แล้วมันก็เลยเถิด บลูม่าไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันดำเนินมาถึงจุดนี้ได้ยังไง สัญชาตญาณดิบงั้นเหรอที่ชักนำเขามา หรือว่า...แท้จริงแล้ว มันคือความปรารถนาที่เคยซุกซ่อนอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของจิตวิญาณที่แม้แต่เขาเองก็ไม่รู้ตัวกันแน่...
แก้ตัวไม่ได้จริงๆ ว่าตอนนี้เขาไม่สามารถหยุดตัวเองไม่ให้ตักตวงความสุขสุดยอดจากร่างกายของคนที่เขาไม่ชอบหน้าที่สุดคนนี้ได้
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงความสุขแค่ 'ทางกาย' จากความโหดร้ายซาดิสต์ของตัวเขาเองก็ตาม...
‘ซอลย่ารนหาที่เอง’ บลูม่าพยายามคิดให้เป็นแบบนั้น ดวงตาคมกล้าของบลูม่าจดจ้องมือของซอลย่าที่กำผ้าปูที่นอนแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด ลาดไหลเล็กขาวเปลือยที่กระเพื่อมขึ้นลงโดยแรง คงเพราะซอลย่าพยายามอย่างเต็มที่สูดหายใจเข้าลึกเพื่อข่มความเจ็บร้าว เห็นแบบนั้นบลูม่าก็ได้แต่แสยะยิ้มน้อยๆ ไม่เข้าใจว่าซอลย่าจะทรมานตัวเองขนาดนี้ไปเพื่ออะไร ทั้งๆที่รู้ว่าการขอนอนกับเขามันต้องจบไม่สวย แต่อีกฝ่ายก็ยังรั้น ยังดึงดันจะยุ่งวุนวายกับเขาไม่เลิก ดังนั้นเขาจึงจำเป็น ที่จะต้องทำให้ซอลย่ารู้สึกตัวสักทีว่าไม่ควรเฉียดใกล้เขาอีก!
“…………….อึ่ก…”
บลูม่าถึงกับสะดุดลมหายใจออกมาน้อยๆ เมื่อถูกตอดรัดถี่รัว ภายในร่างของซอลย่าร้อนจัด ช่องทางนั้นเกร็งตัวบีบรัดเขาไว้แน่นดูดกายเขาให้ยิ่งดำดิ่งลึกลงไป หลอกล่อให้เขาไม่อยากถอนตัว บลูม่ายอมรับอย่างไม่มีข้อแก้ตัวเลยว่ารู้สึกดีมาก แต่ยิ่งรู้สึกดีมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งอึดอัดใจมากขึ้นเท่านั้น
บลูม่ากัดฟันกรอด…ไม่! เขาจะไม่ยอมแพ้! เขาไม่ใช่คนผิดที่จะเผลอไผลหลงใหลในร่างกายเย้ายวนนี้ แต่คนที่ผิดคือซอลย่าต่างหาก ร่างกายของซอลย่าต่างหากที่ตั้งใจจะล่อลวงเขาตั้งแต่แรก!!
"เป็นร่างกายที่ 'ร่านอยาก' จนน่าสมเพชเชียวนะ ทำบ่อยสินะให้ท่าผู้ชายชวนมา 'เอา' แบบนี้"
"อ๊ะ...ไม่....ไม่เคย...ไม่เคยชวน...อ๊ะ...ใคร..."
"...โกหก"บลูม่าพูดได้แค่นั้นก่อนจะขยับกายดุดันกว่าเก่า จังหวะสอดแทรกรุนแรงบดขยี้ผนังภายในอย่างเร่าร้อนเพื่อฟังเสียงครางเครือที่คล้ายจะอ้อนวอนของซอลย่า
ภายในถูกกระทกกระทั้นจนหายใจหายคอไม่ออก ทั้งเสียวทั้งจุก จนซอลย่าต้องกัดริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงยวนใจ เขาไม่กล้าร้องเพราะกลัวว่าบลูม่าจะโกรธ สิ่งที่บลูม่ากล่าวหาหาเขานั้นช่างโหดร้าย แต่ก็ไม่ได้ร้ายไปกว่าที่เขาทำอยู่ตอนนี้ ไม่ผิดหรอกที่จะถูกกล่าวหาว่าร้าย เพราะเขา...ก็เป็นฝ่ายเชิญชวนบลูม่าย่างที่โดนกล่าวหาจริงๆ แก้ตัวไป...ใครจังมาฟังกัน
ซอลย่ายังคงเม้มปากสนิท ตอนนี้เขาไม่ได้ถูกบลูม่าปิดปากเอาไว้อีกแล้ว และเขาก็ไม่อยากจะร้องออกมาให้ต้องอาย แต่เมื่อถูกกระทำหนักเข้าซอลย่าก็ทนต่อไปไม่ไหว
"อะ!...อื้อ....อา...อยะ...อย่า...อื้อ...บลุ...บลู..." ซอลย่าร้องออกมาเพราะทนต่อไปไม่ไหว เมื่อแผ่นหลังถูกกดต่ำติดไว้กับที่นอนนุ่มพร้อมทั้งสะโพกที่ถูกจับโหย่งขึ้นสูงเพื่อรับแรงกระทั้นหนักๆจากคนข้างหลัง ลิ่มเนื้อขนาดไม่ธรรมดาของบลูม่าทะลวงเข้าออกอย่างรุนแรงและรวดเร็วไม่ให้ฝ่ายรับได้พักหายใจ
"อ๊า....อึก..อ๊ะ...อ๊ะ...อื้มมมม...." เสียงหอบหายใจสะท้านของซอลย่าดังกระชั้นขึ้น แม้ไม่ตั้งใจแต่เสียงยวนเย้าก็ถูกปล่อยออกมาเป็นระยะ ยิ่งเมื่อถูกกระทั้นร่างหนักหน่วงจากด้านหลัง ร่างกายก็ยิ่งสั่นระริก ภายในตอดรัดจนบลูม่าแทบคลั่ง เสียงกระทบเนื้อดังลั่น หยาบโลน เร่งเร้า
และโดยไม่ตั้งใจ ซอลย่าก็ถึงจุดสุดยอดอย่างไม่ทันตั้งตัว วินาทีที่แตะขอบฟ้า ร่างบางของซอลย่ากระตุกเกร็งอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภายในยิ่งขยับรัดรึงความร้อนระอุของบลูม่าจนแทบขยับไม่ได้
"...ซี๊ด...บ้าเอ้ย...หล่อนหยุดตอดฉันแบบนี้เสียที! อ๊ะ!...อา...." สบถบ่นได้ไม่ทันขาดคำ บลูม่าก็ตามซอลย่าไปติดๆ กายหนากระตุกเฮือกระเบิดความปรารถนาอยู่ในร่างของซอลย่าจนแทบล้นทะลัก หยาดพันธุ์ร้อนระอุที่ราดรดอยู่ภายในทำร่างของซอลย่าสั่นระริก หน้าท้องแน่นตึงอุ่นวาบ พร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลทะลักออกมาพร้อมๆกัน
เขาทั้งคู่ต่างเสร็จสม
แต่ก็ไม่ได้...สุขสม
"...อือ....อ๊ะ?...บลู?...." สองร่างต่างหอบสะท้านหลังถึงจุดหมาย ช่องทางเปียกชื้นของซอลย่ายังคงกระตุกรัดท่อนเนื้อที่ยังไม่อ่อนตัวลงเลยแม้แต่น้อยของบลูม่าอย่างเหนื่อยอ่อน ร่างท่อนบนของซอลย่าฟุบราบไปบนที่นอนอย่างสิ้นเรี่ยวแรง ทั้งที่ช่วงสะโพกยังคงโด่งสูงติดแน่นอยู่กับหน้าท้องแกร่งของอีกฝ่าย แม้สองขาซอลย่าจะสั่นระริก แต่เนื่องด้วยสองร่างยังคงเชื่อมกันเหนียวแน่น ส่วนนั้นจึงยังยึดร่างของซอลย่าให้ลอยสูง
"...อือ...บลู...เอาออก...ไปก่อน....ได้มั้ย?...อ๊ะ.." ซอลย่าเอ่ยปากขอร้อง เพราะหลังจากผ่านจุดหฤหรรษ์นั้นก็นับเป็นนาทีได้แล้ว แต่บลูม่ายังคงเชื่อมร่างติดกับเขาไว้ไม่ปล่อย จนซอลย่าขยับไปไหนไม่ได้ ความแน่นตึงที่ยังเต็มแน่นอยู่ในร่างกายทำให้ซอลย่าไม่กล้าขยับกาย
ความนิ่งเงียบที่ครอบงำ ในขณะที่ยังปรับลมหายใจเป็นปกติไม่ได้นี้ ทำให้ซอลย่าเบลอพอสมควร สมองยังขาวโพลน แทบไม่ประมวลผล รู้เพียงว่าบลูม่ายังอยู่ที่ด้านหลัง และรับรู้ชัดยิ่งกว่าชัดว่าบลูม่ายังอยู่ในร่าง ในเสี้ยววินาทีที่รู้สึกได้อย่างนั้น ความอิ่มเอมก็แผ่ซ่านไปทั้งอก แม้จะแค่ครู่เดียว แต่ ณ ขณะนี้ เขาก็ได้บลูม่ามาครอบครองแล้วจริงๆ
“…บลู…ฉันรักเธอ”ด้วยความเผลอไผลไร้สติ ซอลย่าจึงเอ่ยปากบอกรักบลูม่าออกไปอย่างลืมตัว ทั้งที่ถูกปฏิเสธไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ซฮลย่าก็ยังไม่รู้จักเข็ด อยากบอกรักอีกฝ่าย อยากบอกรักในทุกลมหายใจเข้าออก อยากบอกรักซ้ำๆย้ำ ทว่า…
"...ชิ...เลวร้ายที่สุด!"
"...........................บลู...?..... "
คำว่ารักของซอลย่าก็ไม่มีทางส่งไปถึงบลูม่าเลยแม้แต่เศษเสี้ยว…
คำที่บลูม่าสบถออกมานั้นช่างแผ่วเบา แต่ชัดถ้อยชัดคำในความรู้สึกของซอลย่า ‘เลวร้ายที่สุด’ ซอลย่ารู้ว่ามันหมายถึงเขาอย่างไม่ต้องสงสัย เซ็กส์ครั้งนี้ระหว่างเขาทั้งคู่ คงเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากในสายตาของบลูม่า และโดยเฉพาะคำว่ารักจากคนอย่างเขา คงทำให้อีกฝ่ายสะอิดสะเอียนจนถึงที่สุดเป็นแน่
แค่คิดก็ราวกับโดนมีดกรีดที่หัวใจซ้ำๆ บาดลึกและเจ็บร้าว หยาดน้ำตาที่ไม่เคยเหือดแห้งไหลรินไปตามแก้มด้วยความเจ็บปวดกำซาบไปทั้งอก แรงสะอื้น ทำให้คนเบื้องหลังอย่างบลูม่าถอนหายใจหนักหน่วง ก่อนจะจับขาของซอลย่าพลิกให้หงายร่างขึ้นทั้งที่ส่วนนั้นยังเชื่อมติดกัน
“อ๊า!!!”
ซอลย่าทั้งตกใจ ทั้งไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆบลูม่าถึงทำแบบนี้
“บลู!? อยะ…อย่า อ๊า อ๊ะ!” ทว่ายังไม่ทันจะได้ไต่ถามถึงความหมายของการกระทำ ซอลย่าก็ต้องร้องออกมาแทบจะเสียงหลง เมื่อบลูม่าที่ไม่ยังยอมถอนกายออกจากร่างนั้นเริ่มขยับสะโพกช้าๆอีกครั้ง
“อ๊ะ! อา….บลู…ซอลรักบลู…รัก…อ๊า…รักบลูจริงๆนะ รักบลูคนเดียว…” ทันทีที่อีกฝ่ายขยับร่าง ความเสียดเสียวก็เข้าปะทะส่วนลึกของซอลย่าราวไฟฟ้าช็อต ซอลย่ายังบอกรักซ้ำๆ แม้ว่าจะถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งถูกกระทำหนักหน่วง ซอลย่าก็ยิ่งพูดคำว่ารักไม่หยุด
“อ๊า..บลู!...อื้อ…รัก…”
“อึ่ก…รักจอมปลอมน่ะสิ!!” คำพูดเชือดเฉือนที่จงใจพูดออกมาเพื่อทำร้ายจิตใจของอีกฝ่ายให้เจ็บช้ำจนเจียนตาย แม้จะแอบเจ็บอยู่ลึกๆอย่างไม่รู้สาเหตุ แต่เขาก็ตั้งใจแล้วที่จะไม่เชื่อในคำหวานหูของอีกฝ่าย ‘คำว่ารักจอมปลอม!’
บลูม่าโน้มกายลงแนบชิดร่างข้างใต้กดร่างลงให้แนบชิดเสียดสีกันมากยิ่งขึ้น พลางเร่งจังหวะเริงร่อนให้ร่างข้างใต้รุ่มร้อนแทบหลอมละลาย
“อ๊ะ! อ๊ะ! อ๊า อย่าบลู ไม่! อ๊ะ อึก!” แก่นกายใหญ่โตของบลูม่าขยับเข้าออก บดขยี้ กระแทกกระทั้นหนักหน่วง เสียงเนื้อกระทบกันดังลั่น บรรยากาศแห่งเพศรสฟุ้งกระจายไปทั้งห้อง ร่างข้างใต้หอบหายใจ พร้อมส่งเสียงอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร เพราะการถูกรุกรานด้วยความรุนแรงถึงสองรอบติดกัน คงทำให้ซอลย่าทรมานน่าดู
บลูม่ากัดฟันกรอด แม้นเกลียดชัง แต่ก็ปฏิเสธไม่ออกเลยว่าร่างกายของซอลย่านี้ช่างเร้าอารมณ์ ยิ่งเห็นใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตานั้นสะบัดไหวไปมา แผ่นอกที่หอบสะท้าน มันก็ยิ่งปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบให้พลุ่งพล่าน อยากรุกล้ำให้ลึกเข้าไปอีก อยากโยกไหวกระทั้นให้ดุดันกว่านี้อีก อยากทำให้ใต้ร่างเขาสะท้านกายเย้ายวนให้มากกว่านี้ ส่งเสียงร้องหวานหูยิ่งกว่านี้ แรงอารมณ์ขับเคลื่อนบลูม่าให้ขยับกายรุนแรงยิ่งขึ้น เร่งจังหวะไปจนสุดปลายทาง
“อ๊า!!!” ซอลย่ากรีดร้องเมื่อร่างกายถูกชำแรกเข้ามาจนถึงส่วนที่ลึกที่สุด เขารู้สึกได้ถึงกระแสธารร้อนจัดที่ฉีดพุ่งเข้ามาในกายอีกครั้งจนเต็มล้นไหลทะลักออกมาถึงด้านนอก ร่างบางสั่นสะท้านอย่างยากจะอดกลั้น ได้แต่ส่งเสียงครางเครือสุดท้าย ก่อนสติจะดับวูบไป
“บลู,,,ซอลรักบลูนะ…รัก…บลู…คนเดียว…”
ทันทีที่ถูกปลดปล่อยในร่าง ความสุขสมที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ซอลย่าอดไม่ได้ที่จะบอกรักบลูม่าออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ และต่อให้บลูม่าได้ยิน บลูม่าก็ตัดสินใจที่จะไม่ฟัง
“หุบปากไปซะซอล…คำว่ารักของเธอฉันไม่อยากได้ยิน”*
*
*
*
*
เรื่องราวจบลงที่ตรงนั้น
บลูม่ากลับไปทันทีที่ภารกิจเสร็จสิ้น โดยไม่ลืมที่จะทิ้งคำลงท้ายไว้อย่างเจ็บแสบ
‘หวังว่าเธอคงจะรักษาสัญญานะซอลย่า ห้ามบดินทร์เข้าใกล้ยุอีก…
‘และห้ามเธอยุ่งวุ่นวายกับฉันอีก ตั้งแต่วันนี้ไป เราต่างคนต่างอยู่!’’
ตั้งแต่ที่บลูม่ากลับออกไป ซอลย่าก็ได้แต่นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น ในหัวว่างเปล่า ในใจยิ่งว่างกว่า ผู้จัดการหนุ่มร่างเล็กได้แต่นั่งเงียบนิ่งราวกับไร้สิ้นไปแล้วทั้งวิญญาณ
นานเท่าไหร่ซอลย่าก็จำไม่ได้ ที่เขานั่งทื่อราวกับถูกปิดสวิชต์อยู่อย่างนั้น กระทั่งผิวกายเขาเย็นเยียบเนื่องจากยังไม่ได้สวมใส่อาภรณ์ ความสะท้านไหวตามธรรมชาติของร่างกายเรียกสติซอลย่าได้ในที่สุด ชายหน่มเริ่มขยับตัวเล็กน้อยเมื่อนึกขึ้นได้ว่าควรไปอาบน้ำเสียที
“อ๊ะ…” แต่เพียงแค่ขยับจะลุกขึ้น ซอลย่าก็ต้องสะดุ้ง เมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างไหลหยดจากหว่างขา ใบหน้าแดงวาบทันทีที่ก้มลงมอง แล้วเห็นว่ามันคือน้ำอสุจิผสมกับเลือดที่กำลังไหลทะลักออกจากช่องทางที่ไร้ความรู้สึก ซอลย่าได้แต่ยืนมองสิ่งเหล่านั้นที่กำลังไหลอาบไปตามต้นขา ไม่คิดจะเช็ด หรือทำอะไรทั้งนั้น ก่อนจะพยายามก้าวเดินไปห้องน้ำด้วยสองขาไร้เรี่ยวแรง
“โอ๊ะ!...” แต่ไม่ทันจะเดินได้ถึงไหน ซอลย่าก็ล้มปุ๊ลงไปบนพื้นห้องเพราะสองขาที่สั่นระริกและไร้กำลังเกินกว่าจะก้าวต่อ ซอลย่าพยายามจะลุกเดินใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ดูเหมือนเรียวแรงในร่างกายจะไม่เอื้ออำนวย สุดท้าย จึงได้แต่นั่งพิงชั้นวางของเล็กๆข้างเตียงที่อยู่ใกล้ๆเป็นที่พักพิง เหม่อลอยอยู่ตรงนั้นอยู่ครู่ใหญ่ สายตาว่างเปล่าของซอลย่าก็ชำเลืองไปเจอเข้ากับเสื้อสูทตัวนอกที่บลูม่าลืมทิ้งไว้ตกอยู่ที่พื้น และเขาไม่รอช้าที่จะรีบคว้ามันขึ้นมาก่อนจะกอดมันแนบอก
ไออุ่นบนเสื้อนั้นไม่หลงเหลืออยู่แล้ว ทว่ากลิ่นกายของผู้เป็นเจ้าของยังคงอวลอายอยู่ในเส้นใยผ้า ซอลย่ากอดเสื้อของบลูม่าไว้แน่น ปล่อยให้ความรู้สึกทุกอย่า ส่งผ่านไปที่เสื้อตัวนี้ พร้อมวาดหวังว่าเขาจะผ่านพ้นวันนี้ไปได้
จะต้องผ่านพ้นไปให้ได้…
ตั้งแต่ตอนนั้นจนกระทั่งเช้า ซอลย่าไม่ได้ขยับกายไปไหนเลย เขาหลับไปตอนไหนไม่ทราบ แต่สภาพที่ตื่นลืมตาขึ้นมาอีกครั้งคือเขากำลังนอนขดอยู่บนพื้นห้องโดยในอ้อมกอดยังคงมีเสื้อของบลูม่าที่ตอนนี้ยับยู่ยี่ไปหมด
เช้านั้นซอลย่าไม่ได้คิดไม่ได้คิดหรอกว่าจะทำอะไรต่อ รู้เพียงเขาต้องเข้าบริษัท เขายังต้องทำงาน เขายังต้องดูแลเด็กในสังกัด และมีอะไรอีกมากมายที่จะต้องทำ ซอลย่าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหัวใจของเขาตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง เขารู้เพียงว่าเขากลไกชีวิตของเขายังต้องเดินต่อ
…เจ็บ…แต่ก็ยังเหลือลมหายใจ
กว่าซอลย่าจะมาถึงออฟฟิศได้ก็เกือบเที่ยง ไม่ได้ติดธุระที่ไหน แต่เพราะเขาเหม่อลอยมากไปต่างหาก ตื่นตั้งแต่ยังไม่เจ็ดโมงเช้า แต่เหม่ออยู่บนพื้นจนเกือบเก้าโมง เดินเข้าไปห้องน้ำ ก็ยืนนิ่งอยู่ใต้ฝักบัวอีกเป็นชั่วโมง กว่าจะรู้ตัวว่ารู้สึกหนาวเข้าไส้ ตอนนั้นปากเขาก็ม่วงไปหมดแล้ว ก็จะไม่ให้หนาวได้อย่างไรล่ะ ในเมื่อเขาลืมเปิดระบบน้ำอุ่น กว่าจะออกจากห้องน้ำได้ก็สิบโมงครึ่ง เหม่อหน้าตู้เสื้อผ้า เหม่อตอนใส่รองเท้า เหม่อที่ลานจอดรถ ทำให้กว่าเขาจะมาถึงบริษัทได้ ก็เกือบจะเที่ยงตรง
วันนี้บดินทร์ดาราดาวรุ่งในสังกัดมีงานถ่ายแบบช่วงเช้าและมีอัดรายการ ‘สตาร์ทอล์ค’ ที่ชายหนุ่มเป็นพิธีกรตอนเย็น ซึ่งทั้งสองงานใช้สตูดิโอที่บริษัทถ่ายทำทั้งสิ้น ดังนั้นวันนี้ทั้งวันบดินทร์เลยไม่ได้ไปไหน นอกจากพักอยู่ตรงโซนส่วนตัวในห้องพักรับรอง
ทันทีที่ซอลย่ามาถึง ก็ต้องอดสงสัยกับท่าทางเหมือนโมโหใครมาของบดินทร์แถมยังดูท่าเหมือนจะถูกทำร้ายบาดเจ็บมาอีก อดเป็นห่วงไม่ได้เลยต้องเข้าไปคาดคั้นถาม แต่พอได้คำตอบเท่านั้น ซอลย่าก็แทบจะหน้ามืด
‘ก็ไอ้สดายุน่ะสิ ถีบมาได้ ดินแค่แหย่มันเล่นนิดเดียวเองนะ! แถมยังไอ้เด็กใหม่กวนโอ้ยนั่นอีก…’
บลูม่าไม่ได้สนใจอีกแล้วว่าอีกบุคคลที่บดินทร์พูดถึงคือใคร เพราะตอนนี้ซอลย่ามืดแปดด้านไปหมด ทำไมกัน ทำไมโชคชะตาถึงได้เล่นตลกกับเขาขนาดนี้ ทั้งที่เมื่อคืนเพิ่งจะรับปากทั้งสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะกับบลูม่าไปแท้ๆว่าจะไม่ให้บดินทร์เฉียดใกล้สดายุอีก นี่ยังไม่ทันจะข้ามวันเลย ทำไมกัน ทำไมจู่ๆสดายุถึงมาโผล่ที่นี่ได้ ทั้งที่จริงแล้วชายหนุ่มไม่มีงานในบริษัทเลย แล้วปกติก็ไม่เคยเฉียดกรายเข้ามา ทำไม ทำไมต้องเป็นตอนนี้!?
หลังจากนั้นซอลย่าก็วิ่งรอกตามหาสดายุทั่วบริษัท เพื่อจะกล่าวคำขอโทษแทนบดินทร์ โชคดีที่ได้ไปเจอตรงหน้าบริษัท เลยได้กล่าวคำขอโทษไป แต่ดูเหมือน การกลั่นแกล้งของบดินทร์ครั้งนี้จะไม่ใช่เรื่องเล่นๆ รอยบนต้นคอของสดายุฟ้องเขาได้อย่างดี แค่เห็นความหงุดหงิดบนสีหน้าอีกฝ่ายที่แสดงออกมายามที่เขาจ้องมองไปที่รอยนั้น ซอลย่าก้รู้ดีอยู่เต็มอกแล้วว่าต้นตอคือบดินทร์…
และแม้สุดท้ายสดายุจะไม่ได้เอาเรื่องอะไร แต่เขาก็ไม่สบายใจอยู่ดี อยากจะอ้าปากถามออกไปเหลือเกินว่าเรื่องนี้ถึงหูบลูม่าแล้วหรือยัง แต่ไม่ทันจะได้พูด ผ้าพันคอผืนบางที่เขาใช้อำพรางร่องรอยที่บลูม่าสร้างเอาไว้ก็ดันถูกลมพัดหลุดลอยไปพาดที่ตัวสดายุเข้าเสียก่อน ฝ่ายนั้นส่งคืนเขาแต่โดยดีก็จริง แต่รอยยิ้มรู้ทันที่ปรากฏขึ้นทันทีที่เห็นร่องรอยบนต้นคอเขา ซอลย่าก็ถึงกับจุกจนพูดไม่ออก ได้แต่ปล่อยสดายุหลุดมือไปทั้งอย่างนั้น
ความวัวไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรก แค่บดินทร์ไปมีเรื่องกับสดายุเขาก็ปวดหัวพออยู่แล้ว มิหนำซ้ำเจ้าหนุ่มยังไปกร่างใส่ ‘ดนัย’
เด็กในสังกัดโดยตรงของท่านประธานเข้าอีก งานนี้ซอลย่าเลยโดนเรียกขึ้นไปเตือนเสียยับ ทั้งเหนื่อยทั้งท้อจนแทบจะร้องไห้ อยากจะกลับบ้านไปให้พ้นเสียตั้งแต่ตอนนี้จริงๆ งานการอะไรเขาไม่อยากจะสนใจแล้ว
แต่ก็ได้แต่คิด และบ่นงึมงำไปคนเดียวตามประสา…ทว่า
เขาไม่อยากนึกฝันเลยว่าจะได้มาเจอบลูม่าตอนนี้ ทำไมนะทำไม ทำไมฟ้าถึงได้จงเกลียดจงชังเขานัก!! แถมแค่ดูจากสีหน้าและคำพูดของอีกฝ่าย ซอลย่าก็ฟันธงได้ทันทีแล้วว่า บลูม่ารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว…
“เออ ไอเหี้ยดิน แม่งสร้างแต่เรื่องอยู่แล้วล่ะ!!”“...บลู?...”
...หนี....ต้องหนี...
“จะหนีไปไหนซอล!!”
“อ๊ะ!”
กำลังจะเลี่ยงไปให้พ้นหน้าตามสัญญาที่ให้ไว้ หากแต่ยังไม่ทันจะเบี่ยงตัวหนี ก็ถูกคว้าต้นแขนเอาไว้ทันที
“ปละ...ปล่อยนะ” แถมไม่ใช้แค่รั้งไว้ แต่ยังถูกกักขังไว้ที่กำแพงด้วยกรงแขนของคนที่ซอลย่าไม่อยากเจอหน้าที่สุดอีก ไม่รู้แล้วว่าตอนนี้เขาควรจะทำอย่างไร
"ไหนรับปากฉันแล้วไงว่าจะคุมไอ้เวรนั่นให้ดี แล้วนี่ยังไงถึงปล่อยให้มันมาระยำใส่สดายุได้อีกห๊ะ!!?"
“...ข...ขอโทษ...” เมื่อถูกตวาดแบบไม่ไว้หน้าและไม่มีคำว่าสงสาร ซอลย่าได้แต่เอ่ยคำขอโทษ เพราะไร้ซึ่งข้อแก้ต่างใดๆ เขาผิดในทุกประตูจนไม่เหลือรูให้มุดหนี สมแล้วที่จะถูกบลูม่าเอ็ดตะโรชิงชังเอาแบบนี้
“ขอโทษแล้วมันหายหรือไง!! ถ้าคิดว่าจะทำไม่ได้ก็อย่าริจะรับปากพล่อยๆตั้งแต่แรกสิ!!” ทันทีที่ด่าจบ บลูม่าก็ใช้กำปั้นทุบหนักๆทุบลงตรงข้างๆตัวซอลย่าโครมใหญ่ ซอลย่าได้แต่หลับตาแน่น เพราะคาดเดาไปว่าเป้าหมายของหมัดต่อไปอาจเป็นที่ใบหน้าเขาแทนกำแพงปูน
“......................ขอโทษ...” ซอลย่าไร้คำพูดใดอีกนอกจากขอโทษด้วยเสียงสั่นเครือ หยาดน้ำตาเอ่อรวมกันอยู่เต็มเบ้า ทว่าไม่กล้าร้อง เขาไม่กล้าร้องต่อหน้าบลูม่า เพราะแทนที่จะได้รับความเห็นใจ อาจโดนดูถูกจนอยากไปเกิดใหม่เสียมากกว่า เมื่อไร้ทางหนี เมื่อไร้คำพูด ซอลย่าจึงทำได้เพียงแค่ยืนก้มหน้าตัวสั่น ยอมรับผิดในทุกข้อกล่าวหา และรอการลงทัณฑ์อย่างไม่คิดหลบเลี่ยง
“....แม่ง....อย่าหลบหน้าฉันนะซอล!! ไม่ต้องมาบีบน้ำตาเรียกความสงสารจากฉันด้วย! เงยขึ้นมาคุยกันดีๆเดี๋ยวนี้นะ!!”
“...ขอโทษ...บลู...ซอลขอโทษ...ขอ...ขอโอกาสอีกครั้ง....”
“ไม่ต้องมาอ้อนวอน! ฮึ! โอกาสงั้นเหรอ โอกาสสำหรับเธอน่ะมันมีแค่ครั้งเดียว และเธอใช้มันไปแล้วตั้งแต่วันที่เธอขอให้ฉันนอนด้วย!!”***************************
ความจริงแล้วก็ยังไม่จบล่ะ แต่ขอยกยอดไปต่อที่ตอนหน้าแล้วกันเน่อ
ประกาศเพื่อความไม่เข้าใจผิดพลาด อันนี้เป็นส่วนหนึ่งของตอนหลักนะจ๊ะ
หาใช่ตอนพิเศษแต่อย่างใด
ที่สำคัญ หลายคนอ่านตอนนี้จบ รับรองว่ามอง นางฟ้าบลูม่ากลายไปอิห่านบลูไปหมดแล้วล่ะ
เอาน่าๆ อย่าเพิ่งเกลียดอิเจ๊แกนักเลยนะคะ
เดี๋ยวตอนหน้าเรามาพูดความในใจอิเจ๊กันบ้าง
ที่จริงกะแต่งยาวไปจนถึงตอนพี่เมธน้องยุ…แต่คิดว่าคงต้องลงหลายรีพลายกว่าจะจบ
เลยต้องขอแยกตอน กลายเป็นตอนที่ 34 เลยมีแต่ บลูxซอล ซะอย่างงั้นไป อิอิ
แล้วเจอกันเร็วๆนี้นะจ๊ะ
ขอบคุณที่ติดตามค๊า
อนาคี 99