ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)  (อ่าน 1268952 ครั้ง)

ออฟไลน์ jing_sng

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 761
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
สงสารซอลมาก ตอนแรกทำไมไม่บอกความจริงตอนนี้เจ้บลูคิดแบบนี้ก็ไม่ผิดนะ
มันเป็นการเข้าใจผิดที่ใหญ่โตและยาวนาน

ปล.คำผิดหลายที่อยู่นะจ๊ะ จะก็อปมาให้ดูก็ไม่สะดวก

ออฟไลน์ krit24

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
สงสารซอลอ่ะ บลูใจร้ายไปป่าว

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
ยิ่งอ่านก็ยิ่งเศร้าหนักเลย สงสารซอลมาก เมื่อไหร่บลูจะรู้ความจริงล่ะ

ถึงจะเป็นคู่รองแต่ก็ทำเอาไม่สบายใจนะ :mew4:

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
เศร้าอ่ะตอนนี้

ออฟไลน์ tomybsl

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4
สงสารซอลย่า เจ้บลูอย่าใจร้ายนักซิ  :hao5:  :hao5:

ออฟไลน์ Ok_fine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
โถถถถถ ซอลลลลลล  :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ ppoi

  • When nothing goes right... GO LEFT.
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 720
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-12
...ตุ๊ดซึนตัวร้ายกับนายหน้าหวานปากหนัก...  กร้ากกกกกกกก 55555555555 :pandalaugh:

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
เจ๊บลูแมนแตกมาก เวลาอยู่กับซอลย่าเนี่ย

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
โอ้สสส เลือดลมเดินดีจังเลย

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
สงสารซอลมาก ๆ เลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ultra_bang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
รอคราฟฟฟ รอออออ คราฟๆๆ รอคราฟๆๆ รอคราฟๆๆ 

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
ชอบบลูซอล ฟินสุดๆ คนเขียนแต่งได้เยี่ยม  o13

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
เพิ่งเข้ามาอ่านสนุกมากๆ
ชอบทั้งหมดเลยชอบยุกับเมธมากๆๆ
+1และเป็ดนะค่ะ

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
เง้อ อ่านแล้วน้ำตาซึม ...
รออ่านความในใจของบลูค่ะ

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
เจ้บลูใจร้ายยยยยย   :o12:

ออฟไลน์ ♫~Eristneth~♪

  • ดวงจันทร์~
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 430
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
- - ก็ขอบอกว่ายังไงก็เข้าข้างซอลย่าอยู่แล้วล่ะ เหอะๆ

ออฟไลน์ four4

  • รักนี้ชั่วนิรันด์
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ดาราได้กัน ผู้จัดการยังได้กันอีก
5555 มันส์พะยะค่ะ

4life

  • บุคคลทั่วไป
ยากอ่านคู่นี้ต่อเร็วๆ อ่าาา
รอคนเขียนมานะจ๊ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ชมพูพาล

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ไล่อ่านอย่างเมามันส์ สนุกมากค่ะ
ชอบคนแบบสดายุมาก อยากไปช่วยปกป้องด้วย อืออออ

ปล.เห็นแววบดินน์ได้คู่กับดนัยรึเปล่านะ :hao3:

ออฟไลน์ NIMME

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1

ออฟไลน์ PoPuAr

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
บลูไม่เปิดใจให้ซอลเลยอะ

แล้วเมื่อไหร่จะเข้าใจกันสักที


ออฟไลน์ savada

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
เอออ    สงสารงะ   เจ้บลูค่ะ  หล่อนก็มองโลกทะลุทะลวงแต่ดันมาให้ทิฐิบังตานะคะ 


เชอะๆๆๆๆ

เดวๆๆเราลืมคู่หลักกก  ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
รอๆๆๆๆ คนเขียนสู้ๆ

ออฟไลน์ tomybsl

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4
รออออออออออออออออคนเขียนอยู่น่า :hao7:

ออฟไลน์ saotome

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
สิบวันแล้วๆๆ รออยู่เน้อๆ

ออฟไลน์ อนาคี99

  • อยากให้ชีวิตมีปุ่ม SKIP
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +460/-3
    • อนาคี99เพจ
ผมคือ...นางเอก
ซีนที่ 35




“...ขอโทษ...บลู...ซอลขอโทษ...ขอ...ขอโอกาสอีกครั้ง....”

“ไม่ต้องมาอ้อนวอน! ฮึ! โอกาสงั้นเหรอ โอกาสสำหรับเธอน่ะมันมีแค่ครั้งเดียว และเธอใช้มันไปแล้วตั้งแต่วันที่เธอขอให้ฉันนอนด้วย!!”

เสียงตะคอกไม่ได้ดังมาก แค่ให้พอได้ยินเพียงสองต่อสอง ถึงจะไม่ดังแต่ก็ย้ำชัดถึงคำมั่นที่เขาเคยได้พลั้งปากให้กับบลูม่าไว้ ซอลย่าได้แต่เม้มปากแน่น โทษดินโทษฟ้าโทษพระเจ้า และโทษตัวเองที่รนหาเรื่องให้ตัวเองไม่เลิก   

'ไม่น่าขอนอนด้วยเลย'

ได้แต่คิดวนซ้ำเวียนว่าย พร้อมหัวใจที่ถูกกรีดซ้ำๆช้าๆ

‘สุดทางแล้วสินะ มาได้แค่นี้เองสินะเรา’

‘จบ…อย่างสิ้นเชิงแล้วจริงๆสินะ’


ซอลย่าได้แต่คิดทบทวนในใจอย่างสิ้นหวัง เส้นทางของหัวใจที่เฝ้ามอบให้คนตรงหน้ามาทั้งชีวิตนั้น มันพังทลายจนเดินต่อไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ความหวังริบหรี่ที่เคยคิดไว้มาตลอดว่าขอแค่ได้กลับไปยืนข้างกันในฐานะเพื่อนอย่างเดิมก็ดับสลายไปจนสิ้น

ไม่เหลืออะไรอีกต่อไปแล้ว

ไม่เหลือแม้เศษเสี้ยวความหวังในหัวใจบอบช้ำดวงนี้อีกแล้ว



แหลกสลาย…จนสิ้นแล้ว




"ขอโทษครับ...คุณบลูม่า..." เมื่อถึงที่สุดแห่งความเจ็บร้าว สิ่งที่ยังเหลืออยู่คงมีเพียงแค่ศักดิ์ศรีความเป็นคนเพียงเล็กน้อยที่ยังคงค้ำจุนให้ซอลย่ายังยืนอยู่ได้ ในเมื่อถูกชิงชังและผลักไส เขาก็จะยินดีจากไปอย่างไม่มีข้อแม้…

".............."  บลูม่าขมวดคิ้วมุ่นจนเป็นปมมากกว่าเดิมทันทีที่ได้ยิน 'คุณบลูม่า?' คำเรียกนามของเขาที่ออกจากปากซอลย่า คำที่แสดงความหมายถึงความเป็นทางการและ...

ความห่างเหิน

ส่วนลึกในหัวใจของบลูม่าชาวาบอย่างไร้ที่มา ทั้งที่ความจริงแล้วบลูม่ารู้สึกว่าตัวเองควรจะดีใจ ที่ดูท่าอีกฝ่ายจะเลิกยุ่งกับเขาอย่างจริงจังได้เสียที แต่ทั้งๆอย่างนั้นแล้ว…ทำไม

ทำไมในอกเขากลับหน่วงหนัก

“ผมขอโทษจริงๆ...ที่วันนี้ผมพลาดไป มันกระทันหันผมเลยทำอะไรไม่ทัน แต่...ผมสัญญา ว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก...ผมจะไม่ยอมให้บดินทร์เข้าใกล้คุณสดายุได้แม้แต่ปลายผม...”

ซอลย่าร่ายยาวทั้งที่ยังก้มต่ำ ไม่ยอมสบตาคนเบื้องหน้า ใบหน้า ในน้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยนั้นไม่ได้เย็นชา ทว่ามีกระแสห่างเหิน ซอลย่ากำลังพยายาม และพยายาม ด้วยหัวใจที่เจ็บร้าว  ด้วยความรู้สึกที่เหนื่อยล้า พยายามที่จะปล่อยมือจากเงาของบลูม่า พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะลืมทุกสิ่งในอดีตที่ยังเกาะหนึบในใจ

ซอลย่าพยายามย้ำกับตัวเองซ้ำๆ ว่า..จงลืมซะ…เพราะบลูม่าคนนั้นไม่มีอีกแล้ว...

ไม่มีอีกต่อไป...

“ฉัน...ฉันเชื่อไม่ลงหรอก!” บลูม่าขัดขึ้น “เลิกพูดถึงไอ้สัญญาสั่วๆนั่นเสียทีเหอะ!” และย้ำชัดๆว่าไม่ต้องการให้ซอลย่ายึดติดกับคำมั่นสัญญาบ้าบอที่คุยกันไว้ตั้งแต่เริ่ม ความร้อนรนบางอย่างกำลังแผดเผาอยู่ในใจของบลูม่าอย่างหาที่มาที่ไปไม่ได้ หัวใจของเขากำลังแยกเป็นสอง ความรู้สึกของเขากำลังถูกตีรวนสับสนอลหม่าน

หัวใจครึ่งแห่งทิฐิกำลังร่ำร้องให้เขาเฉดหัวซอลย่าออกจากชีวิต

แต่หัวใจอีกครึ่งกลับเรียกร้องให้เขารั้งซอลย่าเอาไว้สุดกำลัง

เพื่ออะไร? และเพราะอะไร? บลูม่าไม่รู้ เอาอธิบายตัวเขาเองใม่ได้ เขาหาเหตุผลไม่ได้!

“ผมต้องขอโทษจริงๆครับ ถ้าคุณบลูม่าต้องการให้ผมชดใช้ จะเรื่องอะไรผมก็ยอมทุกอย่างครับ...แต่ได้โปรดเชื่อผม ว่าผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อยับยั้งบดินทร์ไม่ให้เข้าใกล้คุณสดายุเด็ดขาดอย่างแน่นอน....” ซอลย่าเว้นวรรคการพูดของตัวเองเล็กน้อย ลมหายใจบางเบาเริ่มขาดห้วง นัยตาแดงก่ำใต้กรอบแว่นเริ่มรื้นไปด้วยหยาดน้ำอุ่น

“...และตัวผมเอง...ก็จะไปให้ไกล...จะหายไปจากชีวิตของคุณบลูม่าอย่างที่คุณต้องการ...”  คำสุดท้ายจบลงพร้อมหยาดน้ำตาหนึ่งหยด ที่ค่อยๆกลิ้งลงมาตรงข้างแก้ม คำว่า ‘จะหายไปจากชีวิต’ นี้ ซอลย่าไม่ได้พูดให้บลูม่าฟัง แต่เขาพูดให้ตัวเองฟัง



ฟังแล้วจำใส่ใจเอาไว้ให้มั่น



“ซอล!” และคำว่า‘จะหายไปจากชีวิตเขา’ ของซอลย่า ก็ทำเอาบลูม่าเริ่มยืนไม่ติด หากเป็นปกติ หรือหากเป็นเมื่อหลายๆเดือนก่อน หากซอลย่าพูดกับเขาแบบนี้เขาคงดีใจ หรือสะใจแก่อีกฝ่ายที่จะหายไปจากชีวิตเขาได้ ทว่าตอนนี้ มันกลับไม่เป็นแบบนั้น แค่ได้ยินว่าอีกฝ่ายกำลังจะตัดใจ เขาก็ร้อนรนคล้ายคนบ้า และยิ่งได้เห็นหน้าตาซอลย่าที่ดูเหนื่อยล้า ดวงตาแดงช้ำ บลูม่ายิ่งรู้สึกไม่อยากปล่อยไปตอนนี้!

ใช่...ตอนแรกเขามาเพื่อหาเรื่อง

แต่ตอนนี้ เขาไม่อยากมีเรื่องแล้ว

ใบหน้าของซอลย่าตรงหน้า ดูก็รู้แล้วว่าเมื่อคืนคงแทบไม่ได้นอน เช่นเดียวกับบลูม่าเอง ที่ตั้งแต่กลับออกจากห้องของซอลย่ามาได้ ตาก็ค้างเติ่งอยู่แบบนั้น สมองตื่นตัวจนนอนไม่หลับทั้งคืน คิดวนไปวนมาอยู่กับเรื่องที่เกิดขึ้นสดๆร้อนๆไม่หยุดไม่หย่อน หัวใจแข็งกระด้างที่เคยมีต่ออีกฝ่าย เริ่มอ่อนยวบลงราวกับโดนไฟลน

บลูม่าได้แต่ขบเม้มริมฝีปาก เมื่อรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงบางอย่างในหัวใจ ความนิ่งเงียบที่เกิดขึ้นและค้างเติ่งยาวนานของบลูม่าทำให้ซอลย่าผ่อนลมหายใจบางเบา ก่อนจะเอ่ยปากขอร้องให้บลูม่าช่วยเปิดทางให้เขาได้จากไปเสียที ทรมานจนจะยืนไม่อยู่อยู่แล้ว...

“...ขอทางผมหน่อย”

“..........”

“ได้โปรด...”

“..........”

“...คุณบลูม่า...”

ซอลย่าพยายามอ้อนวอน แต่ดูเหมือนบลูม่าจะยังนิ่งเงียบ จนถึงที่สุดแห่งความอดกลั้น ซอลย่าจึงตัดสินใจผลักร่างที่คร่อมอยู่ออกห่างเพื่อเปิดทางให้ตัวเองได้เลี่ยงออกมา

ทว่าแม้จะผลักจนบลูม่าเซถอยออกไปได้ แต่เพียงพริบตาก็เข้ามาขวางซอลย่าไว้อีก ทั้งๆที่ไม่เอื้อนเอ่ยคำใดเช่นเดิม

พรึ่บ…

"..................ค...คุณบลูม่า...?"  ซอลย่าแทบจะครางออกมาไม่เป็นภาษา ด้วยเพราะจู่ๆก็ถูกบลูม่าทาบร่างลงมาเสียเกือบแนบสนิททันทีที่ถูกรั้งกลับมาไว้ในวงแขนแกร่ง ส่วนสูงที่ต่างกันมากทำให้สายตาของซอลย่าอยู่แค่เพียงระดับไหล่ของบลูม่าเท่านั้น หัวใจซอลย่าระทึกไหว ด้วยเพราะไม่รู้ว่าทำไมคนที่ขับไสไล่ส่งเขาสารพัดอย่างบลูม่าถึงไม่ยอมปล่อยให้เขาไปจากตรงหน้าของตัวเองเสียที

"..."

"..."

ความเงียบยังคงปกคลุมทั่วร่าง คงมีเพียงเสียงหัวใจที่เต้นรัวกระหน่ำของซอลย่าเท่านั้นที่ดังลั่นจนเจ้าตัวยังรู้สึกเขิน บลูม่าซบหน้ากับแขนตัวเองนิ่งอยู่กับกำแพง ใกล้กับใบหน้าของซอลย่าขนาดลมหายใจรินรดอยู่บนขมับ บลูม่าไม่ยอมพูดอะไร ซอลย่าเองก็พูดอะไรไม่ออก ได้แต่กลั้นใจยืนนิ่งด้วยความระแวงสงสัย ด้วยความไม่เข้าใจ ว่าบลูม่าต้องการอะไรกันแน่

ฝ่ายผู้คุมขังอย่างบลูม่าที่นิ่งเงียบ ใช่ต้องการจะกลั่นแกล้งซอลย่าหรอกถึงได้ไม่ยอมปล่อยไป เพียงแต่เขายังสับสน...

สับสนในจุดยืนของตัวเอง ทั้งความรู้สึก ทั้งการกระทำ เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองควรจะทำอย่างไรดี ควรจะปฏิบัติอย่างไรกับคนตรงหน้าดี 

โกรธ ไม่พอใจ เกลียด ทิฐิเหล่านั้นที่เขาคิดว่าเคยมีเต็มแน่นในหัวใจ เอาเข้าจริงกลับไม่มีแม้เพียงเศษเสี้ยว หรือไอ้ที่จะเป็นจะตายทุกครั้ง ที่ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับอีกฝ่าย แท้จริงแล้วไม่ใช่ความเคืองแค้น แต่เป็นการคิดเอาเองทั้งนั้นกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา คิดเอาเองว่ารับไม่ได้กับอดีตเพื่อนที่ชื่อซอลย่า คิดเอาว่าฝ่ายนั้นไม่ดีไม่งาม ทั้งที่ส่วนลึกก็ปฏิเสธอยู่ตลอดว่าไม่ใช่ เขาปล่อยให้ทิฐิเหล่านั้นบังตาเพื่ออะไร?

เพราะเขาอิจฉาซอลย่าอย่างที่ใครๆเขาว่ากัน? หรือเป็นเพราะ...

เขากำลังพยายามอย่างหนักเพื่อจะปิดซ่อนความรู้สึกบางอย่างที่กำลังปะทุอยู่ข้างในกันแน่



เขาโกรธซอลย่าที่แย่งแฟนจริงเหรอ?
หรือแท้จริงเขาแค่หึงซอลย่ากันแน่



เขารังเกียจที่ซอลย่าที่มักมาก มีผู้ชายเข้าหามากมายหลายหน้า?
หรือแค่อิจฉาผู้ชายเหล่านั้นที่ได้เข้าใกล้ซอลย่ากันแน่



ยิ่งคิดบลูม่ายิ่งสับสนใบหน้าที่ซุกอยู่กับท่อนแขนค่อยๆก้มลงมองเสี้ยวหน้าของคนที่ถูกกักกันอยู่ใต้ร่าง เสี้ยวหน้าของคนที่กำลังเบือนหน้าหนีจากเขาอย่างสุดกำลัง สองมือสั่นระริก กำแน่นอยู่แนบลำตัวด้วยความหวาดหวั่น

ตัวเล็ก ขี้กลัว ขี้อาย

แม้จะมีข่าวกับคนนั้นคนนี้ไปทั่ว แต่ก็ไม่เคยมีหลักฐานผูกมัด หรือมีผู้ชายคนไหนออกมาแสดงตัว แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ เห็นมีแต่พวกลอยชาย ม่อไปวันๆ เขาตัดสินใจเชื่อข่าวเหล่านั้นโดยไม่เคยคิดค้นหาความจริง ทั้งๆที่ถ้าฉุกคิดซักนิด ก็จะรู้ได้ทันทีว่ามันอาจไม่ใช่ตามที่เขาเล่าอ้าง

ทำไมเขาถึงไม่คิดนะ ทำไมเขาถึงไม่ยอมคิดกันนะ!

และต่อให้เรื่องเมื่อคืนนี้จะเป็นครั้งแรกของเขา แต่ให้ตายเถอะ!  เขาไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดที่จะไม่รู้เลยว่าซิงไม่ซิงมันต่างกันยังไง และมันไม่มีทางเลยที่สภาพแบบนั้นของซอลย่าจะเป็นพวกร่านจริต หรือช่ำชองเรื่องอย่างว่า เหมือนที่ใครๆเขาว่ากัน

เขาควรรู้อยู่แก่ใจในส่วนลึก

แต่เขากลับปฏิเสธมัน

บลูม่าได้แต่คิดวกไปเวียนมาอยู่ในใจซ้ำแล้วซ้ำอีก ด้วยไม่รู้จะทำยังไงต่อไปกับซอลย่าดี เมื่อคืนหลังกลับไปถึงคอนโดได้ก็นอนตาค้างคิดไม่ตก เช้ามาก็ออกไปหาลูกค้าด้วยความมึนงงไม่สมประดี กำลังใช้ความคิดใช้เหตุผลหลายหลากมาบวกลบคูณหารว่าจะเดินไปทางไหนต่อ จะยังคงเฉยไว้ก่อนเช่นตอนนี้ หรือจะหันมาญาติดีกับซอลย่าเหมือนสมัยก่อน ความคิดยังไม่ทันจะรวมเป็นชิ้นเป็นอัน ก็ดันมาหน้ามืดฟิวส์ขาดเอาตอนที่รู้เรื่องบดินทร์รังแกสดายุเข้าเสียก่อน ทั้งนอนไม่พอ ทั้งเครียด หลายๆอย่างรวมกัน สุดท้ายพอมาเจอหน้าซอลย่าเข้าก็เลยพาลใส่อย่างที่เห็น

ถึงขนาดนี้แล้ว จะทำยังไงต่อไปดีเนี่ย

“………คุณบลู...ถ้าไม่มีอะไรกับผมแล้ว...ผมขอตัวก่อนได้มั้ย?”

ความเงียบงันยาวนานสร้างความอึดอัดให้ซอลย่าไม่น้อย ซ้ำยังต้องมาอยู่แนบชิดกันทั้งที่ยังทำใจเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เข้าไปอีก สุดท้ายซอลย่าเลยต้องขอเอ่ยปาก ทั้งๆที่ยังเบือนหน้าก้มต่ำไม่สบตาบลูม่าอยู่แบบนี้

"..."

"คุณบลูม่า...ผมขอร้อง..."

"เลิกเรียก 'คุณ' เสียทีเหอะ!"

".............!!!?"  เสียงตวาดของบลูม่าเล่นเอาซอลย่าสะดุ้งไหว ริมฝีปากบางเฉียบเม้มแน่น ดวงตาฉ่ำน้ำมีทั้งแววเจ็บปวดระคนสงสัย 'เรียกคุณก็ยังผิดอีกเหรอ?'

พรึ่บ!

".......!!!??"

แซ่แห่งความเจ็บร้าวหวดกระหน่ำบนร่างของซอลย่าไม่หยุด ‘พอแล้ว ไม่เอาแล้ว’ ซอลย่าได้แต่ท่องคำนี้ซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัว และตัดสินใจผลักคนตรงหน้าออกไปโดยแรง แล้วโซซัดโซเซหนีออกห่าง

อยากไปให้พ้นจากคนใจร้าย

"ซอล!!?"

ทว่า หลุดออกจากตรงหน้าของบลูม่าได้ ร่างแบบบางก็ร่วงผล็อยลงบนพื้นทั้งๆอย่างนั้น บลูม่าถลาเข้าไปประคองไว้ทันที สัมผัสนอกแขนเสื้อสูทตัวบางอุ่นร้อนอย่างประหลาด บลูม่าไม่รอช้าที่จะอังมือเข้าที่หน้าผากเนียนของซอลย่าอย่างไม่มีการขออนุญาต

“ตัวร้อน...ซอล!” บลูม่าร้อนรนขึ้นทันทีที่เห็นว่าซอลย่าป่วย เรื่องที่ว่าโกรธ เรื่องที่จะเคลียร์ตอนนี้หายไปจากหัวเขาหมดแล้ว

“ปล่อยผมเถอะ ผมต้องรีบไปแล้ว!” แต่ทันทีที่บลูม่าเข้ามาช่วยประคอง ซอลย่าก็พยายามขืนตัวหนี ‘ไหนว่าเกลียด ไหนว่าไม่อยากเห็นหน้าไง ถ้าอย่างนั้นก็อย่ามายุ่งกันสิ อย่าทำอย่างนี้กับซอลนะ บลูใจร้าย...’ ในหัวของซอลย่าคิดตัดพ้อสารพัด มือไม้ผลักไสดิ้นรน

“อย่าดื้อนะซอล! เธอไม่สบายอยู่นะ!” บลูม่าพยายามตื้อ แต่ซอลย่าก็ยังคงดิ้นอยู่ จนผ้าพันคอสีขาวผืนบางตรงคอของซอลย่าเลื่อนหลุดลงไปกองที่พื้น

“.......”

“.....”

สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าทำเอาหัวใจของบลูม่ากระตุกวูบไหว

รอยแดงจ้ำแสนทารุณเต็มลำคอของซอลย่านั้นทิ่มแทงหัวใจของบลูม่าจนขนลุกชัน เพราะร่องรอยเหล่านั้นมันเป็นฝีมือของบลูม่าเองทั้งหมด ผู้จัดการสาวใหญ่พูดไม่ออก ซอลย่าเองก็พูดไม่ออก เรื่องราวค่อนคืนที่ผ่านมาสดร้อนเกินไปจนลวกไหม้อยู่ในความทรงจำเด่นชัด

“ซอล...” บลูม่าครางแผ่วออกมา และซอลย่าก็ได้สติในเวลาเดียวกัน

“ผมต้องไปดูบดินทร์เขาจัดรายการแล้วครับคุณบลูม่า...ช่วยปล่อยผมไปก่อนได้หรือเปล่า?” ซอลย่าเอ่ยปากขอร้องอีกครั้ง พร้อมทั้งเหตุผลประกอบ แต่ไม่ว่าจะพูดยังไงแขนทั้งสองข้างของเขาก็ยังอยู่ในมือของบลูม่าอยู่ดี

“แต่...เธอมีไข้...” เพราะฉัน....บลูม่าอยากพูดออกไปแบบนั้นแต่ก็ยังปากหนัก

“ผมไม่เป็นไรครับ กินยาดักเอาไว้แล้ว...ผม...ขอตัว” ซอลย่าเอ่ยลาอีกครั้งพร้อมทั้งบิดแขนจนหลุดจากการเกาะกุมได้สำเร็จ

บลูม่าได้แต่จ้องมองคนตรงหน้าที่กำลังก้มเก็บผ้าพันคอด้วยใจระทึก อะไรบางอย่างในส่วนลึกพุ่งทะลักออกมาราวกับตาน้ำ อดีต เขาต้องการกลับไปสู่อดีต กลับไปวันนั้น วันที่เขาและซอลย่าแตกหัก มันเหมือนมีอะไรผิดเพี้ยนที่เขาในตอนนั้นมองไม่เห็น ไม่สิ… ที่เขาในตอนนั้นจนถึงเมื่อคืนมองข้ามไปต่างหาก

“ซอล!” บลูม่าเอ่ยเรียกซอลย่าอีกครั้ง ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินจากไป ซอลย่าชะงักเท้าทันที แต่ก็ไม่ได้หันกลับมามอง

“เธอ...มีอะไรจะบอกฉันมั้ย...”

“เอ๊ะ?”

คำถามของบลูม่าดึงให้ซอลย่าหันกลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง ผู้จัดการหนุ่มตัวเล็กบางเบิกตาโตแทบจะเป็นไข่ห่าน กับคำถามที่เขาไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากของอีกฝ่ายในชีวิตนี้ คำถามที่แสดงถึงความสนในในตัวของเขาแบบนั้น…

“ก็อย่าง...เรื่องในอดีต...เอ่อ...เรื่องเพชรจ้า...”

“..........................ผม....เอ่อ...คุณบลูอยากรู้จริงๆ...”

ซอลย่าถึงกับถามออกมาเสียงสั่น ประกายบางอย่างผุดสว่างริบหรี่ขึ้นมาในหัวใจบอบช้ำ


ทว่ายังไม่ทันจะได้เริ่มสิ่งใด ทุกอย่างก็ต้องพับเก็บไว้ในใจต่อไปอีก

“ทำอะไรกันอยู่น่ะ”

“!!?...ท่านประธาน?”

เป็นเสน่ห์จันทร์ที่ออกมาขัดขวางทุกอย่างไว้อย่างไม่ตั้งใจ เล่นเอาทั้งบลูม่าและซอลย่าถึงกับหน้าเสีย

“เสียงดังเอะอะมาพักนึงแล้วนะพวกเธอน่ะ ถึงห้องฉันจะเก็บเสียง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเธอจะมาทะเลาะกันที่หน้าห้องฉันได้นะ บลูม่า ซอลย่า!!”

“ขอโทษค่ะ/ ครับ”

“เอาเถอะ คราวหน้าระวังกันหน่อยแล้วกัน  เอาล่ะ บลูม่า ฉันกำลังอยากเจอเธออยู่พอดี เข้ามาข้างในสิ”

“อ่า...” บลูม่าถึงกับไปไม่เป็น เมื่อจู่ๆก็ถูกท่านประธานเชิญคุยกันดื้อๆ จริงอยู่ที่เขาถ่อขึ้นมาถึงชั้นสี่สิบก็เพราะต้องการจะเจรจากับท่านประธานในเรื่องของสดายุ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้มีใจจะคุยกับท่านประธานแล้ว อยากตามซอลย่าไปเคลียร์กันให้รู้เรื่องมากกว่า

“บลูม่า?” 

“อ๊ะ...ค่ะค่ะ ไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ”

แต่พอท่านประธานเรียกย้ำก็คงยากที่จะผัดผ่อน บลูม่ายอมตอบรับคำเชิญของเสน่ห์จันทร์แต่โดยดี

บลูม่าและซอลย่าต่างลอบสบตากันเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังจากไปในเส้นทางของตน ทั้งที่ทุกเรื่องยังคาราคาซัง



***************************************
 :hao7:
ต่อด้านล่างจ๊า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-10-2014 09:05:02 โดย อนาคี99 »

ออฟไลน์ อนาคี99

  • อยากให้ชีวิตมีปุ่ม SKIP
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +460/-3
    • อนาคี99เพจ
ต่อจ๊า



ในซอกเล็กๆของห้องแต่งตัวนักแสดง ควันบุหรี่จางๆถูกพ่นออกจากปากและจมูงโด่งรั้น ข้างนอกนั้นมีแต่เสียงของทีมงานที่กำลังจัดฉากรายการที่กำลังจะเริ่มถ่ายทำในอีกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า

อีกตั้งชั่วโมง แต่บดินทร์พิธีกรผู้ดำเนินรายการก็แต่งตัวรอเรียบร้อยแล้ว วันนี้ชายหนุ่มไม่มีงานอื่นนอกจากการถ่ายแบบเมื่อช่วงเช้า ดังนั้นจึงว่างมากพอที่จะแต่งตัวรอเรื่อยเปื่อย ซอลย่าผู้จัดการส่วนตัวของเขาก็ดันมีเรื่องต้องไปคุยอะไรบางอย่างกับท่านประธานด่วน ทำให้ตอนนี้บดินทร์จึงต้องนั่งแกร่วอยู่ลำพัง

นั่งอยู่คนเดียวเงียบๆกับบุหรี่หนึ่งมวน วันนี้บดินทร์ต้องสัมภาษณ์ดาราคนหนึ่งที่เพิ่งกลับจากเมืองนอก ในฐานะเด็กปั้นอีกคนของท่านประธานเสน่ห์จันทร์ ต่อจากกฤตเมธ ขึ้นชื่อว่าเด็กปั้นของท่านประธาน ไม่ว่ายังไงก็ดูยิ่งใหญ่ จะทำอะไรก็มีแต่คนสนใจ จะทำอะไรก็มีแต่คน 'เกรงใจ'  บดินทร์ไม่รู้จักหน้าค่าตาของดาราคนนั้นหรอก ได้ยินแค่ว่าชื่อ 'ดนัย' อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขานี่แหละ แต่คงเพราะถูกส่งไปล่าค่าตัวที่เมืองนอกตั้งแต่เพิ่งเข้าวงการ จึงทำให้เขาไม่ค่อยคุ้นหน้า แต่จะยังไงก็เถอะ วันนี้เขาก็ต้องสัมภาษณ์คนคนนั้นด้วยความสุภาพ ด้วยความชื่นชม แม้จะขัดกับความรู้สึกเล็กๆก็เถอะ ในเมื่อมันเป็นหน้าที่เสียอย่าง จะอะไรบดินทร์ก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ

ในห้องแต่งตัวยังไม่มีใครเข้ามา บดินทร์เลยยังสูบบุหรี่ได้อย่างสบายใจ ชายหนุ่มรู้ดีว่าทำไมในห้องนี้ถึงไม่มีใครเข้าใกล้ นั่นก็เพราะเขาคนนี้ยังนั่งอยู่ เลยไม่มีใครกล้าเข้ามา ตั้งแต่ไหนแต่ไร บดินทร์ก็ไม่ได้มีเพื่อนเป็นตัวเป็นตน โดยเฉพาะตอนนี้ที่เรียกได้ว่าบดินทร์ไม่มีใครเลย ไม่มีแฟน ไม่มีเพื่อน ไม่มีสังคม   

"ฟู่..." บดินทร์ยังคงพ่นควันปุ๋ยๆ ด้วยสีหน้าชาชิน ชายหนุ่มไม่มีใครคบมานานมากแล้ว อันที่จริงช่วงชีวิตหนึ่งเขาเคยคบหากับพระเอกชั้นแนวหน้าอย่างสดายุอยู่พักใหญ่ๆ สดายุผู้เก่งกาจและหยิ่งทะนง คนคนนั้นไม่เคยสนใจแม้ใครจะว่าร้าย เพราะไม่เคยเห็นว่าใครจะคู่ควรพอที่จะให้ตัวเองลดตัวลงไปคลุกคลีด้วย

แล้วพอสดายุออกจากวงการไปเพราะข่าวฉาว บดินทร์ก็ไม่เหลือใคร และไม่มีใครกล้ายุ่งกับเขาอีกเพราะทุกคนรู้...

ทุกคนในวงการรู้ ว่าที่สดายุต้องระเห็จออกจากวงการ มันเป็นเพราะใคร

หลังจากที่สดายุออกจากวงการไปแล้ว บดินทร์ก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน เพราะไม่ได้สนิทกับใครเป็นพิเศษเขาเลยไม่คบค้ากับใคร จนได้คำสรรเสริญที่ไม่ค่อยถูกจริตว่า บดินทร์กำลังตั้งตัวเป็นสดายุคนที่สอง พร้อมคำปรามาสพ่วงท้ายว่า แต่ไม่มีทางเทียบสดายุได้แม้เพียงฝุ่น!

สดายุคือพระเอกขั้นเทพ มากมายฝีมือ และไม่เคยใส่ใจกับปากหมาปากปูหรือข่าวเสียหาย เพราะไม่เคยคิดจะเอาตัวลงมาเกลือกกลั้ว
แต่บดินทร์คือนักแสดงกากๆ ที่หักหลังเพื่อนจนได้ดิบได้ดี นิสัยต่ำทรามผิดกับหน้าตา หาเรื่องคนอื่นไปทั่ว ทำตัวกร่างด้วยคิดว่าตัวเองเป็นลูกรักอีกคนของท่านประธาน หลงตัวเอง!

หลากหลายคำประนามหยามเหยียดลับหลังที่เขาเคยได้ยินอยู่หลายๆครั้ง และทุกครั้งบดินทร์ก็ฉะแหลกเล่นเอาคนพูดถึงกับหน้าชากันไปเป็นแถว
ถึงจะเป็นกากเป็นเดน แต่บดินทร์ก็ไม่เคยตกงาน การเป็นเด็กดีในสายตาของท่านประธานกับการการันตีผลงานโดยผู้จัดการส่วนตัวผู้มากฝีมืออย่างซอลย่า ทำให้บดินทร์ยังคงมีงานเนืองๆและยังอยู่ในวงการได้ไม่เดือดร้อน สัญญาระยะยาวยังอยู่ในมือเขาอีกหลายฉบับ ไม่นับอีเว้นท์เล็กอีเว้นท์น้อยที่ได้เงินดีอีกนับไม่ถ้วน เรียกได้ว่างานเงินไม่ขาดแม้จะไม่ได้เป็นที่สุดแต่ก็อยู่ได้

แถมดูเหมือนเพราะไม่ว่าโดนโจมตียังไงก็ยังอยู่ได้นี่แหละ หลังๆเลยมีข่าวว่าเขาเป็นเด็กเก็บท่านประธานและมีอิทธิพลมืดพอสมควร ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้ายุ่งกับเขาอีก

เรื่องจริง...ไม่มีใครรู้

แต่ก็ดีแล้ว ที่ไม่มีใครรู้



แม้แต่กับสดายุเองเขาก็ไม่อยากให้รู้...



บดินทร์หลับตาลง ชันขาข้างนึงขึ้นมาเพื่อพักแขนที่คีบบุหรี่ไว้ พลางเอนตัวพิงกับผนังห้องเงยศีรษะขึ้นเล็กน้อยก่อนจะอัดบุหรี่เข้าเต็มปอดแล้วพ่นควันออกมาเป็นสาย ใบหน้าเรียบเฉยสายตามองเหม่อไร้โฟกัส ดูเหนื่อยล้าและเงียบเหงาอย่างยากจะอธิบาย แต่...ไม่มีใครได้รู้เห็น 
และเพราะไม่มีใครเห็น บดินทร์จึงหลับตาลงช้าๆ ปล่อยอารมณ์ล่องลอยคล้ายควันบุหรี่ที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศก่อนจะจางหายไปช้าๆ

"ขอบุหรีสักมวนได้มั้ยครับ?"

"…!?" เสียงทุ้มต่ำปลุกบดินทร์จากภวังค์ เมื่อลืมตาขึ้นมองก็ถึงกับผงะ เพราะเจ้าของเสียงทุ้มนั้นยื่นหน้าเข้ามาใกล้ในรัศมีที่เกินกว่าบดินทร์จะรับได้

"มีธรุระอะไร?"  บดินทร์ที่ผงะถอยในคราแรก พอเห็นได้เต็มตาแล้วว่าใครกันที่บังอาจเข้ามารบกวนเวลาพักผ่อน ก็ถึงกับชักสีหน้าเข้ม เพราะมันคือไอ้เด็กใหม่จอมกวนโอ้ยที่เพิ่งเจอกันที่หน้าห้องน้ำเมื่อตอนสายๆนั่นเอง

"บุหรี่คุณกลิ่นหอมดี ขอสักมวนได้มั้ยครับ?" คนถูกชักสีหน้าใส่ยังคงตอบกลับด้วยถ้อยคำแสนสุภาพและรอยยิ้มพิมพ์ใจ

แต่นั่นกลับยิ่งทำให้บดินทร์หงุดหงิด 'ยิ้มพิมพ์ใจอะไรกัน มันยิ้มกวนตีนต่างหาก!'

"กูถามว่ามึงมีธุระอะไร ที่นี่ไม่ได้มีงานอะไรให้หน้าใหม่โชว์ตัวหรอกนะ!" บดินทร์ตะคอกเสียงขรม เขาไม่ชอบเลยที่มีคนมากวนโอ้ยใส่ด้วยรอยยิ้มแบบนี้

"ขอโทษที่ให้รอนะคะคุณดนัย มาแต่งหน้าได้เลยค๊า...อุย!"

"…!!?"

"................."

ยังไม่ทันจะได้จัดการอะไร ช่างแต่งหน้าสาวสองข้าเพศก็เปิดประตูทะลึ่งพรวดเข้ามาพร้อมเสียงใสแจ๋ว (ที่ต้องหุบปากลงทันทีที่เห็นว่าบดินทร์ก็นั่งหัวโด่อยู่ด้วย)

และในเสียงใสๆนั่นก็มีหนึ่งคำที่กระแทกมโนสำนึกของบดินทร์เข้าอย่างจัง 'ดนัย!'

"...คราวนี้...จะกรุณาให้บุหรี่ผมสักมวนได้หรือยังครับ...คุณบดินทร์?" ดนัยเอ่ยถามขึ้นเบาๆ ให้พอได้ยินกันเพียงสองต่อสอง รอยยิ้มพิมพ์ใจยังคงอยู่ แต่สายตาที่จ้องมองมานั้นแฝงด้วยแววเจ้าเล่ห์

".............." หัวใจของบดินทร์กระตุกวูบวาบราวกับเต้นไม่ถูกจังหวะ ไร้ร้างคำพูดใดๆจะเอื้อนเอ่ย ดนัย...คนตรงหน้าเขาคือดนัย คนที่เป็นเหมือนลูกรักคนที่สองของท่านประธานเสน่ห์จันทร์ ตกใจไม่เท่ากระวนกระวายใจ ก็จะให้คงสติอยู่ได้ยังไงล่ะในเมื่อที่สามารถหยัดยืนในวงการอยู่ได้ก็เพราะอาศัยบารมีของท่านประธานล้วนๆ แถมยังไม่ใช่ลูกรักกลับเป็นแค่ลูกชังกลายๆเสียอีก แล้วนี่ยังดันทะลึ่งไปกร่างกับลูกรักของท่านอีกด้วย อนาคตเขาจะเหลืออะไรล่ะ แค่มโน จิตสำนึกก็ตกประหม่า แต่ก็ยังตั้งสติกัดฟันหยิบบุหรี่หนึ่งมวนส่งให้ดนัยที่ยืนคอยท่าด้วยมือที่สั่นระริกบางเบา

"ขอบคุณครับ" ดนัยยิ้มรับแบบไม่มีขัดเขิน

บดินทร์ก้มหน้าหลบเลี่ยงทันทีที่ส่งบุหรี่ให้เสร็จสรรพ ตั้งท่าจะลุกขึ้นเดินออกจากห้อง ที่ตอนนี้ตรงหน้าประตูมีสองสาวช่างแต่งหน้ายืนทำหน้าตาเลิ่กลั่กกันอยู่ ทว่าพอจะลุกยืนออกมาให้พ้นซอกที่นั่ง ร่างสูงสง่าของดนัยก็ก้าวเข้ามาขวางเอาไว้หมิ่นเหม่

"ทำไมเงียบจังละครับ เมื่อกี่ยังชวนผมคุยจ้อยๆอยู่เลย..." นอกจากจะเบี่ยงกายออกมาขวางบดินทร์แล้ว ดนัยยังเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงสดใส ราวกับว่ามองไม่เห็นบรรยากาศรอบตัวของบดินทร์เลยแม้แต่นิด

".............."  ฝ่ายบดินทร์แม้จะถูกสกัดทางผ่าน แต่ก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นสบตาดนัยแม้แต่น้อย ภายในใจของชายหนุ่มตอนนี้นอกจากความตื่นตระหนกแล้ว แน่นอนว่ามันยังคงเหลือความคุกรุ่นเล็กๆติดอยู่ด้วย

"เอ๊ะหรือว่า....พูดไม่ออก...ครับ...คุณบดินทร์  หึหึ...คงไม่ใช่หรอกมั้ง คุณจะกลัวอะไรล่ะ ขาใหญ่ซะอย่าง..." เห็นว่าอีกฝ่ายยังคงเงียบจัด ดนัยเลยอดไม่ได้ที่จะแขวะเล่นให้ได้เห็นบดินทร์ขึ้นหน้าซับสีเลือด จริงอยู่ถึงดนัยจะดูเป็นคนอารมณ์ดี เข้าถึงง่ายยิ้มง่ายขี้เล่น แต่ทั้งหมดที่ทุกคนเห็นนั้น ไม่มีใครรู้เลยว่าแท้จริงชายหนุ่มยังมีด้านมืดที่เป็นคนชอบข่มขวัญคนที่ไม่ชอบหหน้าอยู่ด้วย และเลวร้ายชนิดที่ว่า หากใครทำเขาไม่ชอบหน้าขึ้นมาล่ะก็ดนัยเจ้าชายยิ้มหวานคนนี้จะทำทุกวิถีทางเพื่อริดรอนศักด์ศรีของคนที่เขาชิงชัง ทำทุกอย่างโดยไม่เลือกวิธีการ และแน่นอนว่าที่เขาทำอยู่ตอนนี้ก็คือการแผ่บารมีข่มบดินทร์ให้ยิ่งติดดิน และเหตุผลที่ทำก็ง่ายนิดเดียว นั่นก็คือ 'หมั่นไส้' 

หมั่นไส้ทั้งท่าทางหยิ่งผยองไม่เป็นท่า

และโคตรหมั่นไส้ ที่บังอาจมาแกล้งข่มสดายุ ผู้เคยมีบุญคุณของเขานั่นเอง!


ที่สำคัญ...



นี่มันแค่การเริ่มต้นเท่านั้นด้วย



"อ๊ะ เดี๋ยวสิคร๊าบ..." พอเห็นบดินทร์จะเดินเลี่ยงออกไปทั้งที่ยังไม่ยอมพูดอะไรอีก ดนัยก็เข้าไปขวางในระยะประชิดอีกครั้ง

"..............." และครานี้ความอดทนของบดินทร์ก็หมดลงไปแล้วจริงๆ ชายหนุ่มตวัดสายตาขุ่นขวางขึ้นสบตาดนัยทันที เห็นดังนั้นดนัยก็รีบก้มหน้าลงใกล้ในระยะที่ทำให้บดินทร์ถึงกับผงะอีกรอบ

บดินทร์สับสนในคราแรก แต่พอดนัยเอาบุหรี่ขึ้นมาคาบที่ปากแล้วโยกหน้าน้อยๆเป็นเชิงให้สัญญาณ บดินทร์ก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร

'แม่งงงงง'

กริ๊ง..แชะ...

บดินทร์กัดกรามกรอด เพราะท่าทีของดนัยนั้นมันหมายถึงให้เขาบริการจุดบุหรี่ให้ ไม่อยากทำจนอยากจะกัดลิ้นตาย แต่ก็ต้องจำใจหยิบzippoขึ้นมาจุดให้อย่างเลี่ยงไม่ได้ 

ดนัยพ่นควันปุ๋ยๆ ท่าทางช่างสำราญใจ ยิ่งได้เห็นบดินทร์จำยอมจนเส้นเลือดปูดตรงขมับ ดนัยยิ่งยินดีจนหยุดยิ้มไม่อยู่ "ฟู่...ขอบคุณครับ ขาใหญ่" พูดขอบคุณออกไปพร้อมเบี่ยงตัวเปิดทางให้บดินทร์ในที่สุด และบดินทร์เองก็รีบผละออกไปอย่างไม่รอช้าเช่นกัน

"หลีกไป!!"

"อร๊ายย ว๊ายยย!!"

บดินทร์เร่งฝีเท้าก้าวฉับๆไปดับบุหรี่ของตนโดยการขยี้มันลงบนหน้าบาร์แต่งหน้า ก่อนจะเดินกระแทกไหล่สองสาวช่างแต่งหน้าที่ยืนเผือกระทึกกันอยู่จนเจ้าหล่อนเสียหลักร้องวี๊ดว๊ายกันเป็นทิวแถว เขาโมโห โมโหจนแทบจะฆ่าคนได้ ไม่เคยรู้สึกเสียศักดิ์ศรีขนาดนี้มาก่อน ตัวตนของดนัยข่มเขาจนไม่สามารถทำอะไรได้ เกลียด เขาเกลียดการเป็นไก่รองบ่อนแบบนี้เป็นที่สุด



เกลียดเสียยิ่งกว่าตอนอยู่กับสดายุเสียอีก!


หลังจากนั้นไม่นาน ซอลย่าก็กลับมา แต่มันช้าเกินไปเสียแล้วเมื่อบดินทร์กำลังอาละวาดอยู่ในห้องน้ำด้วยความขุ่นเคือง  กว่าที่ซอลย่าจะปลุกปลอบให้เย็นลงได้ เวลาก็ล่วงไปจนเกือบถึงเวลาบันทึกรายการ

ด้วยความเป็นมืออาชีพสุดท้ายบดินทร์ก็กลับมาทำหน้าที่ของตนได้อย่างดีเหมือนเดิม การสัมภาษณ์เป็นไปอย่างราบรื่น เบื้องหน้าแสนดีของดนัยเรียกเสียงหัวเราะและเสียงชื่นชมไม่ขาดปาก กิจกรรมเล็กๆระหว่างการสัมภาษณ์ทำให้ได้ถึงเนื้อถึงตัวกันเล็กน้อยระหว่างพิธีกรและแขกรับเชิญ ยิ่งใกล้ดนัยก็ยิ่งแกล้ง แต่ไม่มีใครเห็นว่ามันคือสงคราม กลับชื่นชมกันว่าน่ารัก โดยไม่ได้สังเกตุเห็นหน้าตาอิหลักอิเหลื่อของบดินทร์แม้แต่น้อย

ทุกครั้งที่พักเบรคเหมือนนักมวยแยกเข้ามุม ซอลย่าลุ้นจนตัวโก่งทุกครั้งที่บดินทร์ทำท่าจะหลุดมาดบนเวที กว่าการบันทึกรายการจะจบลงซอลย่าไข้แทบขึ้น ส่วนบดินทร์ก็ยิ่งความดันขึ้น จบรายการได้ก็หน้าดำหน้าแดงไประบายอารมณ์ในห้องน้ำทันที ซอลย่าตั้งใจจะเร่งตามไปดูแล แต่ก่อนที่จะไปถึงตัวบดินทร์ ซอลย่าดันหันไปเห็นดนัยเข้าเสียก่อน แล้วรอยยิ้มที่เขาได้เห็นจากเจ้าชายยิ้มหวานที่กำลังมองตามแผ่นหลังของบดินทร์ไป นั่นคือรอยยิ้มแห่งความเหยียดหยันและสาแก่ใจ

รอยยิ้มที่ทำให้ซอลย่าขนลุก

ซอลย่าหายใจสะท้อน หน่วงกับเรื่องที่ได้เห็นเหลือเกิน บดินทร์เผลอไปทำอะไรให้ดนัยโกรธถึงขนาดนั้นกันนะ เขาเป็นห่วงเหลือเกิน





*************************************************

 :katai5:
ต่อด้านล่างจ๊า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-08-2014 00:19:21 โดย อนาคี99 »

ออฟไลน์ อนาคี99

  • อยากให้ชีวิตมีปุ่ม SKIP
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +460/-3
    • อนาคี99เพจ
ต่อแล้วต่ออีกจ๊า
 :hao6:



กลิ่นหอมกรุ่นของอาหารบางอย่างลอยฟุ้งเข้ามาในห้องนอนที่เปิดประตูทิ้งไว้ ร่างผอมบางขาวผ่องเหยียดกายบิดร่างบนที่นอนนุ่มเพื่อไล่ตัวขี้เกียจออกจากกาย ก่อนจะลุกขึ้นมองทะลุประตูห้องที่เปิดอ้าอยู่ออกไป

'หิวแฮะ'

สดายุคิดในใจก่อนจะอ้าปากหาวหวอดๆ ก็จะไม่ให้เขาหิวตั้งแต่เช้าได้อย่างไร ในเมื่อเขาถูกทารุณอยู่บนเตียงนี้ตั้งแต่กลับถึงห้องเมื่อวานเย็นตลอดคืนจนถึงขนาดที่จำไม่ได้เลยว่าถูกปล่อยตัวให้หลับได้ตอนไหน ข้าวเย็นก็ไม่ได้ทาน อาหารว่างก็ไม่ได้แตะ ดังนั้นแค่ได้กลิ่นข้าวสวยจากนอกห้องท้องเขาก็ประท้วงโครกครากกันใหญ่แล้ว

ร่างเปล่าเปลือยค่อยๆขยับกายลงจากเตียง หยิบเสื้อเชิ๊ตของกฤตเมธขึ้นมาคลุมร่างพลางติดกระดุมลวกๆสองสามเม็ด ก่อนจะเยื้องย่างออกจากห้องทั้งๆสภาพอย่างนั้น นั่นคือมีเพียงเสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีขาวคลุมกายหมิ่นเหม่ ติดกระดุมเพียงแค่เม็ดที่หน้าอกกับตรงสะดือ โชคดีที่เสื้อของกฤตเมธตัวใหญ่พอที่จะคลุมปิดไปได้จนถึงโคนขาอ่อนอย่างเฉียดฉิว แม้ว่าไม่ได้ใส่อะไรข้างในก็ไม่ได้เผยให้เห็นของสำคัญมากนัก 

"หอมจัง..."

เดินเตาะแตะออกมาจากห้องได้ ก็เห็นพ่อครัวหัวป่าก์กำลังง่วนกับการทอดไข่ฟูของโปรด บนโต๊ะอาหารกลางห้องมีถ้วยแกงจืดเต้าหู้หมูสับใส่ใบตำลึงหอมฉุยตั้งรอไว้อยู่แล้ว สดายุยิ้มกรุ้มกริ่มเดินย่องเข้าไปกอดหมับเข้าด้านหลังของกฤตเมธ กะจะให้พระเอกรุ่นใหญ่ตกใจเล่น

"ไง ตัวแสบ ตื่นไหวแล้วเหรอ?" ทว่าพ่อพระเอกกลับเส้นลึกกว่าที่คาด เพราะนอกจากจะไม่ตกใจที่จู่ๆก็โดนกอดแล้วกฤตเมธยังกระเซ้าสดายุกลับมาได้เสียอีก สดายุยู่หน้าเหยเกเล็กน้อย ก่อนตอบออกไปทั้งที่ยังไม่ยอมคลายอ้อมแขน

"ถามใครกันครับคุณกฤตเมธ นี่ใครนี่ใคร ผมสดายุนะคร๊าบ เลเวลแบบคุณน่ะฆ่าผมไม่ตายหรอก...." สดายุตอบกลับยียวนพลางเกยคางลงบนไหล่กว้างเพี่อชำเลืองมองเสี้ยวหน้าที่กำลังอมยิ้มน้อยๆของกฤตเมธ

"ครับๆ คนเก่ง...หึหึ ไปนั่งรถที่โต๊ะได้เลยนะ ไข่ฟูของโปรดยุเสร็จแล้วครับ" กฤตเมธออกปากไล่ระหว่างสะเด็ดน้ำมันจากไข่ฟูเหลืองกรอบ

"โอเค หือ...หอมจัง น้ำย่อยผมออกมารอกันเพียบแล้วเนี่ย" สดายุทำตามอย่างว่าง่าย เพียงอึดใจชายหนุ่มก็ไปนั่งรอตรงโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว

ช่วงเวลาหรรษาของอาหารเช้าผ่านไปอย่างรื่นรมย์ วันนี้ทั้งคู่มีเข้ากองช่วงบ่าย และโลเกชั่นที่ใช้ถ่ายทำวันนี้ก็อยู่แค่ฝั่งธนดังนั้นจึงยังเหลือเวลาอีกเยอะที่จะเอ้อระเหย

ทานเสร็จสดายุก็เดินไปหย่อนตัวแหมะอยู่ตรงโซฟาหน้าทีวี ปล่อยภาระเก็บล้างเป็นของพ่อบ้านมือทองอย่างรู้หน้าที่ เพราะตั้งแต่กฤตเมธมาอยู่ด้วยสดายุแทบไม่ได้หยิบจับอะไร พ่อพระเอกรุ่นใหญ่บริการแฟนเด็กซะจนบางครั้งสดายุยังอดบ่นไม่ได้ ว่าจะเป็นง่อยตายอยู่แล้ว

"นี่ยุ กินแล้วนอนเดี๋ยวอ้วนหรอก ยังต้องรักษาน้ำหนักไม่ใช่เหรอครับ" กฤตเมธทักขึ้นก่อนจะนั่งลงข้างๆสดายุที่นอนแผ่อยู่บนโซฟา

คนถูกบ่นชำเลืองมองเล็กน้อยพลางพลิกตัวนอนตะแคงเท้าแขนกับศีรษะตัวเอง

"ไม่อ้วนหรอก ผมออกกำลังกายหนัก"

"หืม?...ตอนไหน"

"ทั้งคืน"

บทสนทนาชวนจั๊กกะจี้ใจพรั่งพรูระหว่างคนทั้งคู่ ลื่นไหลเป็นธรรมชาติสมกับที่ได้เลื่อนขั้นเป็นคนรักกันในที่สุด กฤตเมธสบตาสดายุ สดายุสบตากฤตเมธ คำว่ารักคำว่าห่วงใยสื่อออกมาอย่างไม่มีปิดกั้นเหมือนที่ผ่านมา

การมีคนรักเป็นอย่างนี้เองสินะ สดายุคิดอย่างนั้น ถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกันที่ทำเอาสับสนในช่วงแรก แต่พอลองได้เปิดใจ ยอมเป็นคนที่ถูกรัก ในที่สุดสดายุก็ได้รู้สึกตัว ว่าหนุ่มใหญ่ชายแก่นี่เวลาอยู่ด้วยกันมันอุ่นใจดีจัง คงเพราะเขาไม่มีพ่อด้วยหรือเปล่านะ แม้ว่าตัวเขาเองที่เป็นผู้ชายจะพยายามทำตัวเข้มแข็งดูแลปกป้องแม่มาตลอด แต่เอาเข้าจริงในส่วนลึกเขาก็อาจยังคงเป็นเด็กที่โหยหาการปกป้องคุมภัยจากผู้ชายที่ให้ความรู้สึกเหมือน 'พ่อ' และกฤตเมธก็ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยได้จริงๆ พิสูจน์แล้วว่า 'ผ่าน'

ฝ่ายกฤตเมธก็ได้แต่คิดว่า ถึงจะแหวกแนวไปหน่อย แต่คนที่ชื่อสดายุนี่แหละที่ทำให้เขารักและหลงจนแทบคลั่ง ขนาดที่ว่าคงไม่อาจปล่อยมือได้อีกแล้ว ผู้ชายบ้าอะไรเนี่ย ทั้งน่ารัก ทั้งเซ็กซี่ เมื่อก่อนไม่ยักรู้ว่าจะอ้อนเก่งเป็นลูกแมวแบบนี้ด้วย มาประจักษ์เต็มๆก็เมื่อคืนนี่แหละ ที่เล่นซะอารมณ์เขาสงบไม่ได้เลย ทั้งอ้อนทั้งยั่ว ใครจะคิดว่าอดีตพระเอกจอมหยิ่ง แถมซึน เข้าถึงยากอย่างสดายุ พอลองเปิดใจกับใครเข้าหน่อยก็อ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟขนาดนี้ เล่นเอากฤตเมธถึงกับต้องตั้งปนิธานว่าจะไม่ยอมให้ใครได้เห็นสภาพนี้ของสดายุอีก ถึงเขาจะเป็นพระเอกเทพบุตร แต่เขาก็เป็นคนหวงของนะ... หวงมากด้วย

"นี่ลุง...มือน่ะ อยู่ไม่สุขเลยนะ"

((^____^  )) กฤตเมธยิ้มรับการค่อนขอดของสดายุหน้าชื่น ก็เขามือไม่สุขจริงๆนั่นแหละ เพราะตอนนี้กำลังลูบเรื่อยๆอยู่ตรงแก้มก้นเปลือยเปล่าของสดายุเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมไม่ใช่แค่ลูบเปล่า บางทีก็แอบขยำเล่น แถมปลายนิ้วร้ายกาจยังดูเหมือนจะหมิ่นเหม่ล่วงล้ำได้ทุกเมื่อ

"ก็ใครใช้ให้นอนยั่วกันล่ะ เซ็กซี่ขนาดนี้ใครจะอดใจไหว...หึหึ"

"ลามกเหอะ ตาเฒ่าหัวงู"

"ก็อีหนูมันยั่วนี่นา..."

กฤตเมธต่อคำด้วยสีหน้ากรุ้มกริ้ม รอยยิ้มที่ส่งให้สดายุแฝงไปด้วยความหมายว่า 'อยากกิน' เต็มแก่ มือไม้ที่แค่ลูบคลำเมื่อครู่เริ่มรุกล้ำหนักขึ้น สดายุจดจ้องผู้รุกรานนิ่ง ก่อนจะพยุงตัวลุกขึ้นนั่งในท่าที่หันหน้าคร่อมด้านข้างของกฤตเมธไว้ แล้วใช้ขาข้างหนึ่งพาดเกี่ยวขาของกฤตเมธเอาไว้ด้วย

"งั้น...ก็เอาใจอิหนูหน่อยสิครับคุณลุง..." สดายุกระซิบเสียงหวาน ก่อนจะเอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อยโดยใช้สองแขนค้ำลำตัวเอาไว้ ขาขาวเปลือยที่พาดอยู่กับกฤตเมธเริ่มขยับเสียดสีเบาๆ ปลายเท้าสะกิดเกาที่หน้าแข้งของหนุ่มใหญ่ผ่านเนื้อผ้าเป็นการเชิญชวน

กฤตเมธไม่ได้เอ่ยอะไรนอกจากเผยรอยยิ้มบางๆ ดวงตาคมกล้าจดจ้องร่างตรงหน้าด้วยความปรารถนา ทำไมถึงยั่วเก่งขนาดนี้นะ! ในใจของชายหนุ่มคิดซ้ำไปซ้ำมาอยู่แค่นั้น เพราะความเย้ายวนที่สดายุแสดงออกมานั้นมันทำให้สมองเขาพร่าไปหมด ยิ่งเห็นก็ยิ่งหวง หากในสักวันสดายุเผลอไปทำแบบนี้กับคนอื่นล่ะก็ เขาคงจะหักคอไอ้หมอนั่นแล้วล่ามสดายุไว้ในบ้านเสียเลย!

"อือ...." สดายุถอนหายใจเฮือก เมื่อปลายนิ้วของกฤตเมธที่ลูบไล้อยู่ตรงหน้าขาเริ่มรุกรานมาถึงซอกหลืบ

"...หื่นอ่ะลุง..."

"แล้วชอบมั้ยล่ะ"

"บ้า....อ๊ะ..."

เพียงครู่เสื้อเชิ๊ตตัวเดียวที่คลุมร่างสดายุเอาไว้ก็หลุดลุ่ย เผยผิวเรียบลื่นขาวกระจ่างสู่สายตาของกฤตเมธ รูปร่างของผู้ชายไม่ได้มีซวดทรงองเอวเฉกเช่นเรือนกายของผู้หญิง แต่กลับมีเสน่ห์ยวนเย้าที่ทำเอากฤตเมธแทบไม่อยากละสายตา แค่ปลายนิ้วมันไม่พอที่จะดับความกระหาย ร่างสูงใหญ่ค่อยๆโน้มกายลงหาผิวขาวผ่องตรงหน้าช้าๆ จุดหมายคือดอกตูมสีชมพูอ่อนบนหน้าอกของคนตรงหน้า 

"อื้อ...หึหึ...ยังมีแรงเหลืออีกเหรอลุง แอบโด๊ปไวอากร้าหรือเปล่าเนี่ย...อืม..." สดายุกระเซ้าเมื่อเห็นว่ากฤตเมธเริ่มรุกเร้าหนัก ทั้งที่เมื่อคืนก็จัดกันเต็มเหนี่ยวไปแล้ว ไม่นึกเลยว่าเช้ามาคนตรงหน้ายังคึกคักได้อีก

เมื่อโดนแซวกฤตเมธเลยต้องละจากจุกนมน้อย เผยรอยยิ้มร้ายก่อนจะแซวกลับไปให้สดายุได้ขัดเขินบ้าง

"ทำไมครับยุ...คุณไม่ไหวแล้วเหรอ? ยังหนุ่มยังแน่น เหนื่อยง่ายนะเรา หึหึ"

"ตลกน่า ระดับผมเนี่ยนะ ทั้งวันก็ยังไหว" คำกระเซ้าได้ผล สดายุร้อนตัวรีบแก้ต่างยกหางตัวเองพัลวัล

"...งั้น....จะรออะไรล่ะครับ" กฤตเมธย้ำก่อนจับร่างบางเปลี่ยนท่า โดยการกดพรวดให้หงายหลังลงกับโซฟาตัวใหญ่ แล้วระดมกดจูบไปทั่วทั้งแผ่นอกและหน้าท้อง

"อ๊า...หื่นอ่ะ...อื้อ..." สดายุหมดทางหนีอย่างสิ้นเชิง จึงได้แค่บ่นกฤตเมธออกไปเบาๆแล้วจำใจถูกรุนรานจนสะท้านไปทั้งร่าง

"อือออ...เมธ..." เสียงแหบหวานครางหวือ เมื่อส่วนกลางของร่างกายถูกปรนนิบัติจากโพรงปากร้อนผ่าวและเรียวลิ้นช่ำชอง

กายขาวของสดายุบิดพล่าน การเอาใจของกฤตเมธทำเอาสดายุแทบจะขาดใจ เรียวขาขาวสั่นระริกแยกออกกว้างเปิดทางให้ศีรษะของคนช่างบริการได้ทำหน้าที่เอาอกเอาใจได้อย่างเต็มที่ สองมือของสดายุจิกขยุ้มเส้นผมดำขลับของกฤตเมธที่อยู่ตรงกึ่งกลางร่างกายเพื่อระบายความเสียดเสียว

"อ๊า...เมธหยุด...อื้อ!...อึก...พ...พอก่อน..."  สดายุพยายามเอ่ยปากห้ามพร้อมทั้งยกร่างของตนขึ้นเพื่อผลักหน้าของกฤตเมธที่ดื้อรั้นฝังอยู่ตรงจุดอ่อนไหวออกไปให้พ้นทาง

"...ทำไมครับ เสียวเหรอ....ทนไม่ไหว?..." เงยหน้าขึ้นได้ ใบหน้าเจ้าเล่ห์ของกฤตเมธก็ปรากฏสู่สายตาของสดายุทันที เจ้าเล่ห์จนสดายุนึกอยากจะจกให้ตาบอด แต่ด้วยอารมณ์หวามไหวที่พลุ่งพล่านในร่างตอนนี้ ทำให้สดายุนึกอยากทำอะไรที่มากกว่าแค่ต่อปากต่อคำ

"....พูดมากน่าลุง....นอนลงเลย..." สดายุพูดพร้อมโถมร่างผลักคนตัวโตกว่าหงายเริ่ดลงบนโซฟานุ่ม ด้วยพื้นที่ที่จำกัดจึงต้องช่วยกันจัดท่ากันเล็กน้อย โดยการให้กฤตเมธนอนรอท่า แล้วสดายุก็คร่อมร่างอยู่ด้านบน

"ใจร้อนจังนะ วัยรุ่น...หึหึ..." กฤตเมธหัวเราะออกมาเบาๆ ขณะที่สดายุเร่งปลอดตะขอกางเกงของเขาอยู่

"ใครใช้ให้คนแก่ยืดยาดล่ะ" สดายุยิ้มร้าย "ตัวเองเป็นขนาดนี้แล้วยังใจเย็นอยู่อีก หึหึ" สดายุกระเซ้าขึ้นเมื่อเห็นอาวุธร้ายของกฤตเมธที่พร้อมประจันบานจนเปียกฉ่ำไปหมด แต่เจ้าตัวยังคงตีหน้านิ่งเล้าโลมเขาอยู่ได้

"งั้น...ก็ช่วยคนแก่หน่อยสิ......จะไม่ไหวแล้วเนี่ย..." เสียงทุ้มพร่าของกฤตเมธเอ่ยออดอ้อน

ได้ยินดังนั้นสดายุก็กระตุกยิ้มร้าย ดวงตากลมคมกล้าทอประกายนักล่าออกมาอย่างเต็มที่ ในเมื่อมีเหยื่อตัวบักเอ้กนอนรอให้เขมือบอยู่ตรงหน้า ก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะอิดออด สดายุสบตากับกฤตเมธอีกครั้งก่อนจะยกร่างขึ้นยืดตัวนั่งคุกเข่าในท่าทางหมิ่นเหม่ สองมือเรียวขาวเอื้อมไปจับแก่นกายร้อนระอุของคนใต้ร่างไว้มั่น ก่อนจะค่อยๆชักนำสิ่งนั้นให้มาแตะอยู่ตรงดอกตูมฉ่ำของตนที่เพิ่งราศึกมาได้ไม่กี่ชั่วโมง ไม่ต้องเตรียมการอะไรมากมันก็เพียบพร้อมสำหรับการรับศึกครั้งใหม่ได้อีกแล้ว

“อึก! อื้อ......”

แค่ส่วนหัวกลมมนผลุบเข้าไปได้ ร่างบางก็ถึงกับเสียดเสียวจนต้องครางหวิวเพื่อระบายความอัดอั้น
อึดอัดคับแน่น แต่ยังไม่พอ

“อ๊ะ อ๊า อื้อ...”

เสียงแหบหวานครางโหยเมื่อสิ่งที่ตัวเองปล่อยให้รุกรานเข้ามาด้วยความเต็มใจนั้นกำลังรุกล้ำเข้าไปลึกขึ้นด้วยฝีมือของเขาเอง ความทรมานช่างยาวนานจนสดายุไม่อาจรั้งรอ ชายหนุ่มกัดฟันโถมน้ำหนักของตัวเองนั่งทับดุ้นไฟนั้นรวดเดียวจนสุดโคน ช่องทางตอดรัดส่วนแข็งขึงและร้อนจัดนั้นจนแน่นตื้อ ร้อนรุ่มเข้าไปจนถึงในสุดของร่างกาย

“อือ...ยุ...ข้างในคุณร้อนจัง...ดีเกินไปจนผมจะละลายแล้วนะ”

เมื่อถูกรัดถี่ๆทั้งที่ยังไม่ทันจะได้ขยับกายความสุขสมก็แล่นพล่าน ขนาดรุ่นใหญ่อย่างกฤตเมธยังแทบจะสกัดกลั้นอารมณ์โหดหื่นของตัวเองที่จะกระทุ้งแรงๆใส่ร่างข้างบนไม่ได้ และยิ่งได้เห็นว่าร่างนั้นเริ่มถ่ายเอนไปด้านหลังแล้วใช้สองมือประคองตัวกับต้นขาเคร่งครัดของเขา เพื่อต้องการโชว์ให้เห็นจุดเชื่อมโยงหมิ่นเหม่รำไรอย่างจงใจ กฤตเมธถึงกับหอบหายใจสะท้าน ‘จะยั่วกันไปถึงไหนเนี่ยเจ้าตัวแสบ!!’ 

“อา…อ๊ะ…อ๊ะ…อ๊า…อื้มมม…” สดายุครางเครือออกมาแผ่วเบา ด้วยแรงอารมณ์ที่กระพือโหม พลางแลบลิ้นเลียริมฝีปากบนน้อยๆ
ภาพตรงหน้าเซ็กซี่เย้ายวนจนแทบขาดใจ จนกฤตเมธต้องจ้องมองอยู่อย่างนั้นเพราะไม่อาจกระพริบตา

สดายุบิดกายเร่านำพากลีบเนื้อนุ่มแนบเข้ากับความโอฬารที่ตั้งผงาด ชั่วขณะที่ทิ้งตัวลงไป ส่วนปลายที่เสียดสีอยู่กับปากทางก็จมหายเข้าสู่ส่วนลึกแทรกเข้ามาจนสุดความยาวในรวดเดียว ผลุบเข้าผลุบออกตามแรงขยับอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีทีท่าว่าจะเหนื่อยอ่อนลงแต่อย่างใด

“อ๊ะ…ดีจัง…อื้อ…มะ…เมธครับ…ดีมั้ย…อ๊ะ…ดีมั้ย…” สดายุถามคนใต้ร่างขณะขยับกายถี่ บดขยี้ช่องทางหวานล้ำของตนกับแท่งไฟร้อนระอุของกฤตเมธเป็นการเอาใจคนแก่แบบถึงลูกถึงคน

“ดีครับยุ…อือ…ดีสุดๆ...” กฤตเมธตอบเสียงพร่า ทั้งที่ยังคงจ้องใบแดงก่ำของหน้าสดายุไม่วางตา ชายหนุ่มยิ้มร้ายที่มุมปากก่อนกระแทกร่างสวนขึ้นโดยแรงแทนคำขอบใจ

"โอ๊ว! อื้อ...ตาลุงลามก!" การขยับกายรุนแรงอย่างกะทันของกฤตเมธทำเอาสดายุเสียศูนย์เพราะไม่ทันได้ตั้งหลัก จุดอ่อนไหวในร่างถูกกระทุ้งถี่จนสดายุแทบสิ้นเรี่ยวแรง

"อือ...ก็ผมอยากช่วย อา...กลัวยุจะเหนื่อย..." กฤตเมธตอบพร้อมยิ้มร้ายอย่างเป็นต่อ สดายุเม้มริมฝีปากแน่นทันทีที่รู้ว่ากำลังโดนหยอก อยากช่วยดีนัก งั้นก็...

ในขณะที่กฤตเมธขยับกายไม่หยุด สดายุก็ขยับกายเปลี่ยนท่า กฤตถึงกับต้องกัดฟัดกรอดเพื่อระงับอารมณ์พลุ่งพล่านที่กำลังจะถึงแหล่ไม่ถึงแหล่ของตน เมื่อได้เห็นท่าใหม่ของกิจกรรม ท่าใหม่ที่ยกระดับความเซ็กซี่อารมณ์หวามของเขาแทบทะลุจุดเดือด ท่าที่สองเข่าที่เคยยันอยู่กับพื้นค่อยๆยกขึ้นตั้งชันทั้งที่กายบางยังแอ่นเอนไปทางด้านหลัง จงใจเผยให้เห็นส่วนที่เชื่อมโยงกันอยู่อย่างเต็มตาไม่มีกั๊ก ความปรารถนาของสดายุที่ตอนนี้ตั้งชันจนมีหยาดทิพย์หลั่งชุ่มทั่วส่วนปลายนั้นขยับขึ้นลงตามแรงเขยื้อนของเจ้าของที่ยังคงขย่มร่างตามแรงหฤหรรษ์ไม่รู้จักสิ้นสุด ‘วิวดีเกินไป’ จนกฤตเมธยังต้องลอบกลืนน้ำลายดังเอื๊อก เห็นท่าจะไม่ได้การกฤตเมธเลยต้องรีบยกตัวขึ้นเพื่อเป็นฝ่ายเดินเกมเองบ้างไม่อย่างนั้นเขาคงจะแตะขอบฟ้ากันเสียดื้อๆในอีกไม่กี่วินาทีนี่แหละ! แล้วคงโดนเจ้าตัวแสบคนนี้ข่มไปอีกนานเลยทีเดียว เดี๋ยวจะหาว่า นกกระจอกไม่ทันกินน้ำ!!

"อ๊ะ!!!" สดายุร้องออกมาเสียงไม่เบานักเมื่อจู่ๆก็ถูกกฤตเมธจับรวบลงไปนอนแบใต้ร่างทั้งๆที่ยังเชื่อมกายกันอยู่ และในระหว่างที่ยังไม่หายตกตะลึง ก็ถูกกระซิบเบาๆที่ข้างแก้ม

"ให้ผมปรนนิบัติคุณบ้างนะ...นอนเล่นไปก่อนได้เลย"

"อื้อ!! ไอ้ลุงหื่นนน!!....อ๊า!!!"

*
*
*
*
*

"ยุครับ...ตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวได้แล้วนะ จะสิบเอ็ดโมงแล้ว"

กฤตเมธกระซิบหวานตรงริมหูสดายุหวังปลุกคนที่สลบเป็นตายกหลังกิจกรรมหวามหวานเมื่อเช้าให้ตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว เพราะเขาจะมีเข้าฉากกันตั้งแต่บ่ายสองถึงค่ำ ดังนั้นกฤตเมธจึงตั้งใจที่จะพาสดายุไปหาข้าวเที่ยงทานกันก่อนเข้ากองถ่าย

"อือ....ขออีก 5 นาทีนะครับ..." ทว่าสดายุยังคงขี้เซาเพราะเขาหมดเรี่ยวหมดแรงแล้วจริงๆจากการ 'ปรนนิบัติ' ขั้นเทพของกฤตเมธที่ทำเอาสดายุเกือบถึงขั้นตรีฑูต

"ฮื่อ...อย่างอแงสิครับยุ เดี๋ยวไปไม่ทันนะ ลุกเลยๆ" ไม่พูดเปล่า กฤตเมธช่วยพยุงร่างปวกเปียกของสดายุให้ลุกขึ้นด้วย "เดี๋ยวผมช่วยอาบน้ำให้นะ" แถมด้วยเซอร์วิสเบาๆด้วยการออกตัวว่าจะช่วยอาบน้ำ เล่นเอาสดายุที่ยังคงนั่งตาปรือถึงกับส่ายหน้าพรืด

"ผมอาบเองได้ครับ ไม่ต้องบริการขนาดนั้นหรอก"

"ก็ผมอยากไถ่โทษนี่นา...ทำคุณเหนื่อย..." กฤตเมธอธิบายด้วยสายตากรุ้มกริ่ม สดายุชักสีหน้าทันทีที่ได้ยินเพราะนั่นหมายถึงเขามันอ่อน แค่โดนคนแก่จับกดรอบเดียวก็ถึงกับหมดเรี่ยวหมดแรง เจ็บใจแต่ก็เถียงไม่ออก เลยทำได้แค่จ้องหน้ากฤตเมธจนตาคว่ำเท่านั้น

"เลิกทำหน้าหื่นได้แล้ว! ชิ เปลืองตัวชะมัด" สดายุบ่นพร้อมผลักอกกฤตเมธที่ยื่นหน้าเข้าใกล้ให้ออกห่าง ก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าเพื่อเตรียมตัวไปกองถ่าย

กฤตเมธยิ้มร่าเมื่อเห็นสดายุเดินขโยกเขยกจากไป เสื้อเชิ๊ตตัวเดียวที่คลุมร่างอยู่นั้นไม่สามารถปกปิดสิ่งต่างๆที่ไหลย้อยลงมาตามเรียวขาได้เลย แค่ได้เห็นกฤตเมธก็ถึงกับเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความเขินเล็กๆ  'เฮ้อ...อยากเข้าไปช่วยล้างจังเลย...'

กฤตเมธยิ้มกับตัวเองเล็กๆ เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อวาน คิดถูกจริงๆที่เมื่อวานเขาตัดสินใจไปคุยกับเสน่ห์จันทร์ เขารู้สึกได้เลยว่าหลังจากตอนนั้น สดายุดีกับเขาขึ้นมาก แม้ก่อนหน้านั้นอีกฝ่ายจะเคยบอกรัก หรือทำตัวว่าง่าย แต่ก็ไม่เคยออดอ้อนหรือเป็นกันเองขนาดตอนนี้ ก่อนหน้านั้นสดายุไว้ตัวมาก อ่อนให้เขาก็แค่พอประมาณ อ้อนก็แค่เป็นพิธี นิดหน่อยก็พร้อมจะถอยห่างเขาได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะเมื่อมีเรื่องของชิดจันทร์เข้ามาเกี่ยวข้อง กฤตเมธได้แต่ถอนหายใจโล่งอกว่าดีจริงที่ตัดสินใจได้ทัน เคลียร์ทุกอย่างให้จบก่อนที่สดายุจะเลิกวางใจในตัวเขาแล้วพยายามหนีหายไปจากอีก ทำให้วันนี้ได้เห็นปฏิกิริยาน่ารักหลายๆอย่างที่คาดไม่ถึง ยกตัวอย่างเช่น การกอดจากด้านหลังเพื่ออ้อนขออาหารอย่างเมื่อเช้าเป็นต้น


‘...พี่รักยุนะยุ แม้ว่ามันจะยากเย็น แต่พี่สัญญาว่าจะฝ่าฟันมันไปให้ได้ ขอร้องนะครับยุ ให้พี่ได้รักยุ ให้พี่ด้อยู่เคียงข้างยุ…'

‘ยุก็รักพี่เมธครับ ยุไม่เคยยึดติดกับใครเท่าพี่เมธมาก่อน พี่เมธครับได้โปรด...ได้โปรดอย่าหักหลังความเชื่อใจของยุ...'

‘ครับพี่สัญญา…'



นั่นคือถ้อยคำรักที่เขามอบให้กันเมื่อคืน หลังจากความเร่าร้อนมอดลง พวกเขาพูดมันออกมาจากหัวใจ และตั้งใจที่จะรักษามันเอาไว้ให้ได้ตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจอยู่

ไม่มีใครหยั่งรู้อนาคต แต่พวกเขาก็อยากจะรักษากันและกันไว้ให้ได้นานที่สุด



“เหม่อไรลุง? เรียกนานแล้วนะ หลับในเหรอ?”

“อ้าว แต่งตัวเสร็จแล้วเหรอ?”

“กี่โมงแล้วครับ นั่งหลับในจริงๆใช่มั้ยเนี่ย? ไม่สบายหรือเปล่า?”

ไม่พูดเปล่าสดายุใช้มือของตนลองอังเข้าที่หน้าผากของกฤตเมธดูด้วย เพื่อวัดว่าอีกฝ่ายมีไข้อย่างที่ตนกังวลหรือไม่ ท่าทางเป็นห่วงเป็นใยแบบนั้นเรียกรอยยิ้มของกฤตเมธได้ทันที ชายหนุ่มจึงเอื้อมมือขึ้นมาจับมือของสดายุลงมาจูบเบาๆ

“เฮ้อ…อยากป่วยจัง ยุจะได้ดูแลผมเยอะ” จูบเสร็จก็ตบคำอ้อนตามประสา

“มากไปลุง ไปกันได้แล้ว” สดายุเอ็ดขึ้นมาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยปากเร่ง

กฤตเมธยิ้มกว้าง แล้วลุกขึ้นหยิบข้าวของเตรียมตัวออกจากห้องอย่างที่สดายุว่า ทั้งคู่เดินจูงมือกันออกมาตั้งแต่ห้องนอน จับมือกันไว้อย่างนั้นจวบจนหน้าประตูห้อง

ทั้งสองหนุ่มยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโน้มตัวเข้าหากันเพื่อมอบจูบแสนหวานให้กันและกัน

จูบนั้นอ่อนหวาน เนิ่นนาน อ้อยอิ่ง เสียงจุ๊บดังขึ้นเบาๆ เพียงครั้งเดียวตอนที่ริมฝีปากของทั้งคู่ผละจากกัน

กฤตเมธตระกองแก้มของสดายุไว้แล้วมอบจุมพิตที่หน้าผากมนอีกครั้งเป็นการทิ้งท้าย

สดายุเองก็หอมแก้มกฤตเมธเป็นการทิ้งทวน

ก่อนที่จะปล่อยมือจากกันเมื่อกฤตเมธบิดลูกบิดประตู



ในห้องน้อยห้องนี้คือโลกของพวกเขาทั้งใบ

แต่นอกนอกประตูบานนี้คือโลกแห่งความจริงที่พวกเขาต้องเผชิญ



ประตูบานน้อยปิดลง พร้อมทั้งสองร่างที่หันหลังเดินคนละทาง กฤตเมธลงบันไดหนีไฟไปต่อลิฟท์ที่โซนหลัง สดายุลงลิฟท์หน้าไปต่อที่ลานจอดรถ

ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ภาระนี้จะสิ้นสุดลง

ไม่รู้เมื่อไหร่ที่เขาทั้งสองคนจะสามารถเดินจับมือกันออกสู่โลกแห่งความจริงได้เสียที


***********************************************************************************
ขอโทษที่ช้านะจ๊ะ
ช่วงนี้งานเก๊าชุม กลุ้มรุม จนอยากจิร้องไห้....

เจ๊บลู...กำลังสับสนหนัก เมื่อต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองขนานหนักจากเคยตั้งใจจะตั้งรับ กลับเป็นตัวรุกซะงั้น!

บดินทร์ & ดนัย : คู่ดาร์ค ที่ยังไม่มีอนาคต

เมธ x ยุ : ยังรักกันดี เพราะตัวแปรหลักๆยังไม่ค่อยมีบท

อ๊อด*กมล  : คู่รุ่นใหญ่รอไปก่อน บทน้อยท้ายเรื่องจิมาโผล่จ๊ะ

พอร์ช x รุจน์ :  ใครคิดถึงคู่นี้...ตอนหน้าเจอกันเน่อ

ขอบคุณค๊าบบบบ....จุ๊บๆๆๆ


ปล. คุณพระ! 5 คู่!!
 :katai1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-08-2014 00:43:19 โดย อนาคี99 »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด