ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)  (อ่าน 1267508 ครั้ง)

ออฟไลน์ กฤษณ์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
กลับไปเถิด อย่ากลับมาหลอกหลอนกันอีกเลย  :katai1:
จะหน้าแหกกลับไปหรือตาบดินทร์จะปั่นกระแสคู่นี้นะ  :ling1:

ออฟไลน์ NIMME

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
ตอนนี้ยาวจุใจมากเลย
บดินทร์จะไม่เลิกใช่ป่ะ เดี๊ยวตามดนัยมาเคลีย
แล้วยัยชิดจันทร์นี่ใครจุดธูปเรียก อย่ามาทำให้ยุฉันเสียใจนะ :fire:

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
ชิดมาทำไมมมมมมมมมมมมม
เกทเอ้าททททททททท์
อยากอ่านหวานๆคุณเมธกะยุฮืออ
สงสารพอร์ชกะรุจน์ U_U

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
โอ้ววว นางกลับมาทำไมหนอออออออ
รอติดตามนะคะ

ขอบคุณคนเขียนมากค่า

ออฟไลน์ Xhunters

  • 씨엘씨
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ชิดจันทร์ มาทำไมให้อายบ้านาเล่านวลน้องงงงงงงง  o22 :z6:

ออฟไลน์ ppoi

  • When nothing goes right... GO LEFT.
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 720
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-12
หนูชิดต้องการอัลไล จะมาทำไมอีก ไม่รู้หรอ ผู้ชายได้หลังลืมหน้ากันหมดแหล่ะ กร้ากกก  :laugh3:

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
บดินทร์มีเหตุผลอะไรกันนะนั่น

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
นาง กลับมาเพื่อ ?!?!?!


ออฟไลน์ himoru

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
นี่นางยังไม่ไปผุดไปเกิด??
อะร๊ายยยยยยยย
นางกลับมาทำไมมมมมมม

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
โอยยย ดูท่ามาม่าจะยังมีอีกเป็นสิบตอน ไม่ไหวแล้วเครียดค่า  :ling3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เต็มอิ่มฝุดๆ แต่ก้อยังไม่พอ จะรอความดันขึ้นน้าา

ออฟไลน์ ReiiHarem

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 887
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-3
ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น
ขอให้พี่เมธกะน้องยุ จับมือผ่านขวากหนามไปให้ได้นะคะ
ส่วนน้องรุจกะน้องพอช ขอให้เคลียร์กันได้เร็วๆเน้อ
รอคู่บลูกซอลด้วยค่ะ รีบรู้ใจตัวเอง รีบเคลียร์
แอบดอด อยากอ่านคู่รุ่นใหญ่พี่อ๊อดอ่า

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
O^O!!!!
นางจะกลับมาทามมายยยยยยยยย
นึกว่าไปผุดไผเกิดแล้วซะอีกนะเนี่ย
ยังวนเวียนรอบตัวมาสีชาวบ้านเขาอยู่ด้ายยยยยย

ออฟไลน์ AdLy

  • ไม่ได้ Korea Fever แค่รัก ดงบังและเอสเจ เท่านั้น
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 555
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
อยากเอานังชิดไปหมกโถส้วมจริงๆ

ออฟไลน์ ultra_bang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1

ออฟไลน์ อนาคี99

  • อยากให้ชีวิตมีปุ่ม SKIP
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +460/-3
    • อนาคี99เพจ
ผมคือ…นางเอก
ซีนที่ 37 บุก!





“ชิดยินดีด้วยนะคะพี่เมธ”

ไม่พูดเปล่าหล่อนคว้ากฤตเมธลงมาหอมแก้มทันทีแบบไม่มีไว้หน้าใคร ไม่เกรงใจแฟนคลับ พร้อมที่จะแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอย่างออกหน้าออกตา ชิดจันทร์มอบช่อกุหลาบให้กฤตเมธถือไว้ ก่อนจะควงแขนพาเดินออกจากกลุ่มแฟนคลับไปทางฝั่งที่มีนักข่าวยืนรออยู่ โดยที่กฤตเมธไม่อาจสะบัดออกได้ทันทีเพราะจำเป็นต้องรักษามารยาท
ทันทีที่เหยี่ยวข่าวอิแร้งข่าว ได้เห็นสองคู่หนุ่มสาวก็กรูกันเข้ามาสัมภาษณ์กันอย่างเหือดหิว เพราะนานสักพักใหญ่ๆแล้วที่ไม่มีข่าวว่าเดินควงกันของกฤตเมธและชิดจันทร์ ทั้งที่ตอนแรกประโคมข่าวอวยกันเสียใหญ่โต จู่ๆก็หายหน้าเงียบ ดังนั้นเมื่อมีโอกาสขุดคุ้ยเหล่านักข่าวหัวเห็ดจึงไม่มีพลาด

‘ช่วงนี้ไม่เห็นออกสื่อด้วยกัน ข่าวว่ารักร้าวจริงหรือเปล่าคะ?’

‘ที่ว่าความจริงมีคนอื่นแล้ว และเลิกกันแล้วจริงหรือเปล่าคะ’

‘ยังออกมาแสดงความยินดีแบบนี้จะสยบข่าวรักร้าวสินะคะ’

‘โชว์หวานออกสื่อหน่อยได้มั้ยคะ’


แต่ละคำถามที่ถูกยิงมาจากนักข่าว มีเพียงชิดจันทร์ที่เอ่ยปากตอบ ใบหน้ายิ้มระรื่นนั้นไม่ได้ใส่ใจเลยว่าคนที่ยืนเคียงข้างจะรู้สึกยังไง กฤตเมธได้แต่ยิ้มเฝื่อน อยากบอกความจริงนักข่าวออกไปเหมือนกัน ว่าตนกับชิดจันทร์ไม่ได้เป็นอะไรกันเลยสักนิด รักที่ไหน เลิกอะไร ทั้งหมดเป็นดารเติมไข่ใส่สีกันเองของนักข่าวทั้งนั้น ส่วนชิดจันทร์ก็คงแค่สวมรอยให้ลงล็อค คงเพราะเป็นข่าวว่าคั่วกันมานาน หล่อนคงไม่อยากเสียหน้า กฤตเมธคิดเอาเองแบบนั้น เพราะแท้จริงก็ไม่รู้ถึงเหตุผลจริงๆของชิดจันทร์เหมือนกัน 

ตอนนี้ชายหนุ่มรู้สึกเพียงอยากจะผละออกไปจะแย่ แต่หากทำตัวเสียมารยาทต่อหน้านักข่าวตอนนี้คงไม่เป็นผลดีนักต่อการเปิดตัวหนังครั้งแรก หนุ่มใหญ่จึงทำได้แค่ยืนนิ่งเป็นพระอิฐพระปูน ปล่อยสาวเจ้ารับหน้าสื่อต่อไปเพียงลำพัง

"ยินดีต้อนรับกลับมานะคะน้องยุ"

"เราคิดถึงพี่ค่ะพี่ยุ"

"ขอบคุณครับ ขอบคุณที่ยังรักยุอยู่"

ฝ่ายสดายุที่ยืนห่างออกมายังคงทักทายแฟนคลับด้วยความอ่อนน้อมมีมารยาทและเป็นกันเอง บางคนเขายังจำหน้าได้ แต่บางคนเขาก็เผลอๆลืมๆไปบ้างแล้ว แต่ก็ไม่เป็นปัญหาในการปฏิสัมพันธ์กันต่อ 

สดายุยังคงยิ้มแย้มทั้งที่สายตา คอยแต่จะชำเลืองไปทางกฤตเมธที่โดนชิดจันทร์ลากไปหานักข่าวอีกด้าน ผู้หญิงคนนั้นหายหน้าไปนานจนเขาเกือบจะลืมไปแล้วเชียว ยังจะอุตส่าห์กลับมาเป็นก้างขวางคอกันได้อีก!

สายตาที่ลอบชำเลืองไปของสดายุคงร้อนแรงแผดเผา จนสาวชุดแดงคนนั้นต้องหันกลับมามอง

ตาจ้องตา เรียวปากอิ่มฉ่ำลิปสีแดงสดเผยอยิ้มอย่างเป็นต่อ สายตาจิกกัดราวกับสดายุเป็นเพียงคนต่ำต้อย ก่อนจะหันกลับไปฉอเลาะอ่อนหวานอยู่หน้ากล้องนักข่าว ทั้งที่สองมือยังไม่ยอมปล่อยจากแขนของกฤตเมธ หน้าอกอวบอัดก็ยังคงเบียดบี้ไปม่ห่าง

เจ็บใจแต่ทำได้แค่มอง ถูกท้าทายแต่ทำอะไรไม่ได้ สดายุได้เพียงแค่ลอบขบฟันกรอด ก่อนเอ่ยขอตัวจากเหล่าแฟนคลับ เมื่อเห็นว่าทักทายปราศรัยกันครบทุกคนแล้ว

"เป็นอะไรไปคะน้องยุ? หน้าบึ้งเชียว" ทันทีที่กลับเข้ามาในส่วนของห้องพักนักแสดง บลูม่าที่รออยู่ก่อนแล้วก็เอ่ยทักขึ้น ด้วยว่าสีหน้าที่ทางขวางโลกสุดกู่ของน้องรักนั้น บ่งบอกได้อย่างดีว่าโดนคนเหยียบรังแตนมาแน่นอน

"ไม่มีอะไรครับเจ๊ ผมแค่รู้สึกว่าตัวเองเป็นวัวกระทิง"

"หือ? วั...วัวกระทิง?" คำตอบของสดายุทำเอาบลูม่าถึงกับงง

"ครับ วัวกระทิงที่เห็นอะไรสีแดงๆแล้วอยากขวิดให้ตาย!" สดายุคำรามกร้าว

บลูม่าถึงกับต้องก้มลงดูเสื้อเชิ๊ตตัวในสีแดงแจ๋ของตนทันที พร้อมค่อยๆดึงเสื้อสูทปกปิดช้าๆ

“เอาจริงค่ะน้องยุ ใครทำน้องของพี่เคืองขุ่นขนาดนี้กันคะ?” บลูม่าใจดีสู้เสือ(ยุ)อีกครั้ง เพราะคาใจจริงจังกับอาการไม่อยู่กับร่องกับรอยของน้องชายคนดี และคำตอบที่ได้ก็ทำให้บลูม่าถึงกับบางอ้อ

“ก็ลูกสาวคนเดียวของท่านประธานเสน่ห์จันทร์ที่เจ๊เคารพรัก คุณหนูชิดจันทร์สั่นประสาทสุดที่รักของเจ๊ไง จู่ๆโผล่มาจากไหนไม่รู้ ฉกคุณเมธลากไปจกตับกินอยู่ตรงหน้านักข่าวโน่น สาแก่ใจสุดๆ!”

“No! No! No! No! อย่าค่ะคุณน้อง ได้โปรดอย่าปรักปรัมพี่ ถึงพี่ศรัทธาแม่ แต่ก็ระอาลูกเหมือนกันนะคะ อย่ามายกให้พี่พร่ำเพื่อค่ะ พี่รับไม่ไหวบ่องตง”  บลูม่าเร่งปฏิเสธเสียงหลง พร้อมส่ายหน้าส่ายหัวพัลวัลเมื่อถูกลากไปโยงใยกับคุณหนูชิดจันทร์ตัวร้าย

“ยุเห็นเขาหายหน้าไปตั้งนาน นึกว่าตัดใจไม่มาวุ่นวายกับพวกยุแล้วนะเนี่ย อุตส่าห์หลงชื่นชมท่านประธานของพี่อยู่ตั้งนานสองนาน ว่าคงไปสั่งสอนลูกเต้าเสร็จเรียบร้อยแล้วว่าไม่ต้องมายุ่งกับกฤตเมธอีกเพราะลุงเขาเป็นเกย์ บูดแล้ว กินไม่ได้แล้ว ที่ไหนได้...จกไปกินกันต่อหน้าต่อตาเลยเหอะ เฮ้ออออ.....เซ็งงงงง....”

สดายุสาธยายยาวแบบไม่มีหยุดหายใจ เพราะหงุดหงิดที่ถูกชิดจันทร์เย้ยเอาเมื่อครู่ เข้าใจอยู่หรอกที่กฤตเมธต้องรักษามารยาทต่อหน้าแฟนคลับและนักข่าวทำฝห้ไม่สามารถผละจากชิดจันทร์ได้ แต่ไม่ว่ายังไงสดายุก็อดโมโหไม่ได้อยู่ดี

“ใจเย็นค่ะน้องยุ เฮ้อพี่ก็เห็นใจนะ เรื่องคุณชิดเนี่ยก็พูดยาก ตอนแรกก็เหมือนว่าแม่บังคับจับคู่ให้ ไปๆมาๆตามคุณเมธแจซะงั้น ส่วนเรื่องที่ว่าท่านประธานบอกไม่บอกเนี่ยพี่ก็ไม่รู้นะ รู้แต่ที่คุณชิดหายหน้าหายตาไปช่วงนึงเนี่ยเพราะไปทำเรื่องจบที่มหาลัยอะไรสักอย่างนี่แหละค่ะ”

“ชิ...ทำไมไม่ไปแล้วไปลับซะนะ” สดายุบ่นพึมพำ ขณะที่นั่งเอนทั้งตัวอยู่บนโซฟาตัวเล็กแหงนหน้าหลับตาพักด้วยความเบื่อหน่าย

ความเงียบงันปกคลุมทั้งห้องทันทีที่สดายุเงียบเสียงลง เพราะบลูม่าเห็นว่าสดายุกำลังพักสายตา และคงต้องการพักสมองด้วย เลยไม่ได้ชวนคุยต่อ ผู้จัดการร่างแมนแฮนด์ซั่มจึงได้หยิบ Note ของตัวเองขึ้นมาเช็คตารางงานของดาราในสังกัด และทบทวนการจัดคิวของทุกคนให้เรียบร้อยสมบูรณ์ และระหว่างที่กำลังทำอะไรเพลินๆอยู่นั้น

“เป็นเกย์ทำไมมันลำบากจังเจ๊บลู?”

“ขา? อะไรนะคะน้องยุ?” บลูม่าที่กำลังนั่งเท้าคางเช็คตารางงานเรื่อยเปื่อยก็ถึงกับขานรับคำถามของสดายุแบบไม่เป็นภาษา กับคำถาม ที่บลูม่าไม่เคยคิดว่าจะได้ยินจากปากของน้องชายที่เคยเป็นถึงอดีตเสือผู้หญิงระดับแนวหน้าของวงการ!

“ตอนเป็นแมนเต็มร้อยผมนะไม่เห็นจะเคยมีปัญหาว่าต้องแย่งสาวกับใครให้ต้องรำคาญ อยากได้ใครก็ได้ เบื่อก็เลิก ทางใครทางมัน...แต่พอหันมาเป็นเกย์เท่านั้นแหละ ถึงขั้นต้องแย่งผู้ชายกับชาวบ้านเขาเลยอ่ะ เฮ้ออออออ....” บ่นจบยิ่งถอนหายใจยาวเข้าไปอีก

“โถ...น้องยุ...” บลูม่าอยากปลอบใจจะขาดว่าอย่างสดายุน่ะ ถ้าเป็นเกย์ที่ชอบผู้ชายที่นอกจากกฤตเมธขึ้นมาจริงๆแล้วล่ะก็ แค่หว่านเสน่ห์หน่อยก็มาตอมกันหึ่งไม่ต่างจากตอนเป็นแมนหรอก ทว่า...บลูม่ากลับพูดไม่ออก ยอมรับในจิตสำนึกตรงๆเลยว่า เขาไม่นึกอยากให้สดายุ...เป็นเกย์เลยแม้สักนิดเดียว...   ‘อย่าคิดจะเป็นเกย์ให้ลำบากเหมือนพี่เลยยุเอ้ย’


“ยุ...ยุยังไม่ได้เป็นเกย์หรอกนะ แค่รักกับคุณกฤตเมธเอง...”

“ชายรักชาย ไม่ใช่เกย์ตรงไหนกันเจ๊”

“ก็ไม่ใช่เกย์โดยกำพืดอย่างพี่ไง หรือยุชอบผู้ชายคนอื่นนอกจากคุณกฤตเมธด้วย?”

“หึ ไม่มีอ่ะ”

“ก็นั่นแหละยุเลยไม่ใช่เกย์ไง”

“แต่ยุกับเมธ...”

“อย่างดีแบบน้องยุเขาก็เรียกกันทั่วไปว่า ‘เสือไบ’ ค่ะ พวกที่หญิงก็ได้ชายก็ดี พวกนี้ไม่ใช่ว่าจะเป็นเกย์แท้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกนะ”

“ง่ะ...ฟังดูมั่วชะมัด”

“รักไม่มีพรหมแดนไงคะ คุณน้อง”

“.....งืมมม...คงงั้น ยุอาจเป็นเสือไบอย่างที่เจ๊ว่า หรือไม่ก็....”

“....หรือไม่ก็อะไรคะ?”

“เป็นเกย์ฝึกหัด ประมาณเกย์เยาวชน” 

“อุ๊ยตาย....คิดได้นะคุณน้อง”  ( -*-) น้ำเสียงประชดแบบไม่ปิดบังกันเลยทีเดียว

“ก็มันจริง.........”



แกร๊กก...!!



“ดินทร์ เปลี่ยนเสื้อเสร็จ.......อ๊ะ?”

“..................”

ระหว่างที่สองพี่น้องกำลังพูดคุยหยอกล้อกันอย่างออกรสชาด ซอลย่าที่เข้าใจว่าบดินทร์เปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้องนักแสดงก็เปิดประตูพรวดเข้ามาโดยลืมไปว่า วันนี้มีสัมภาษณ์ของพวกสดายุด้วย เนื่องจากตัวซอลย่าเองนั้นเพิ่งจะเสร็จธุระจากที่อื่นเข้ามา เพื่อรับบดินทร์ไปส่งคอนโด

แต่พอเปิดประตูมาเจอสดายุกับบลูม่าเข้า ซอลย่าถึงกับอึ้ง จนพูดอะไรไม่ออก

“สวัสดีครับคุณซอลย่า” สดายุยิ้มทักออกไปบางๆตามมารยาท และเพื่อช่วยให้ซอลย่าไม่เคอะเขินมากนัก

 “อ๊ะ สวัสดีครับคุณสดายุ เอ่อ...ขอโทษทีนะครับ ผมคงเข้าห้องผิด ขอตัวก่อนนะครับ”  ซอลย่าตอบกลับอย่างสุภาพพร้อมรอยยิ้มแหยๆ แล้วขอตัวออกจากห้องไปอย่างมีมารยาท

“ซอล!”

 “......”

ทว่ายังไม่ทันจะได้หันหลังจากไป บลูม่าก็ตะโกนเรียกขึ้นเสียก่อน ดูเหมือนซอลย่าจะชะงักไปอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรีบออกจากประตูไปโดยที่ไม่มีการหันมาถามไถ่ทางบลูม่าเลยแม้สักคำว่าเรียกทำไม? หรือ มีอะไรหรือเปล่า? ทำราวกับไม่ได้ยิน

“.......เจ๊?” ใบหน้าเครียดขึงของบลูม่าที่ใช้มองไปทางประตูที่ซอลย่าเพิ่งจากไปนั้นเป็นใบหน้าและสายตาในแบบที่สดายุยังไม่เคยเห็นมาก่อน  โดยเฉพาะสายตาที่แสดงความปราถนาแรงกล้าขนาดนั้น เขายังไม่เคยเห็นบลูม่ามองใครแบบนั้นมาก่อนเลย

“เอ่อ...เดี๋ยววันนี้ยุกลับกับพี่ใช่มั้ยคะ?” จู่ๆบลูม่าก็หันมาถามเร่งร้อน

“ครับ นักข่าวเยอะคงกลับกับเมธไม่ได้ แต่ถ้าเจ๊ไม่สะดวกผมกลับเองได้นะ”

“งั้นรอพี่ที่นี่แป๊บนะยุ พี่ขอไปทำธุระแป๊บเดียว!”  บลูม่าไม่รอคำตอบ ผู้จัดการสาวรีบวิ่งไปที่ประตูทันทีที่สั่งย้ำให้สดายุรอเสร็จ แต่สดายุก็ไม่ยอมปล่อยผ่านเหมือนกัน เพราะดูเหมือนอดีตพระเอกหนุ่มจะพอจับเรื่องราวอะไรบางอย่างของพี่สาวแสนดีคนนี้ได้บ้างแล้ว

“เจ๊บลู!!” สดายุตะโกนเรียกพอให้อีกฝ่ายชะงักเล็กน้อย ก่อนยิงคำถามที่เคยเป็นคำสัญญาระหว่างกันเมื่อนานมา

“เมื่อเจ๊กลับมา เจ๊พร้อมจะบอกผมมั้ย?”

“.............”

“One Night Stand...ของเจ๊”

คำเดียวรู้กัน แม้บลูม่าจะไม่ได้ตอบอะไรและผลีผลามออกไปทั้งๆอย่างนั้น แต่สดายุรู้ดีว่าบลูม่าเข้าใจในคำถามของเขา ชายหนุ่มทำเสียงจิ๊จ๊ะ ด้วยว่าขัดใจตัวเองเหลือเกินที่ช่วงหนึ่งเขามัวแต่สนใจแต่เรื่องของตัวเอง จนมองข้ามความเปลี่ยนแปลงบางอย่างของพี่สาวคนดีคนนี้  ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกายที่ลดสีฉูดฉาดลง จะว่าไปบลูม่าแต่งตัวดูเป็นผู้ชายขึ้นมาก เครื่องประดับบนร่างก็น้อยชิ้นลง จากที่เคยมีสร้อยร้อยเส้น ต่างหูยาวพราวระยับ ผ้าพันคอ แว่นตากันแดดอันเขื่อง กระเป๋าหลุยส์และแบรนด์เนมอื่นๆ รองเท้าส้นสูง(ทั้งที่ตัวเองก็สูงจะแย่)

ตอนนี้เหลือเพียงนาฬิกาเรือนเก๋ กับต่างหูทับเล็กๆ ไร้ผ้าพันคอ ไร้สร้อยระย้า ไม่มีแว่นตาดำ เสื้อเชิ๊ตระบายลูกไม้สิบสองสีฉูดฉาด กลายเป็นเพียงเสื้อเชิ๊ตเรียบๆ แม้จะยังคงสีสดใส แต่ก็มีเสื้อสูทเรียบๆใส่ทับ ทั้งที่เมื่อก่อนถ้าจะใส่สูทต้องเป็นสูทหนัง หรือปักเพชรเลื่อมวาววับ กางเกงยีนส์ขาเดฟเรียบหรู

เรียกได้ว่าตอนนี้เจ๊บลูม่าของสดายุนั้น หล่อขึ้นมากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะอะไร ทำไม คำตอบมันก็อยู่ใกล้แค่เขาเปิดประตู!

“โทษทีนะเจ๊ ขอยุเผือกหน่อยเหอะ ขืนรอเจ๊บอกเอง ชาตินี้ยุคงไม่ได้รู้!”




แกร๊ก!


“ว๊าย!”

“.................!!?”

“จะรีบไปตายที่ไหนเหรอคะ คุณสดายุ!?”

เหมือนเทพเจ้าเผือกไม่เข้าข้างสดายุเท่าไหร่นัก เพราะทันที่ที่เปิดประตูออกมากะจะตามไปสอดแนมผู้จัดการส่วนตัวของตัวเองสักหน่อย ดันมีคนมาดักรออยู่ที่ประตูห้องเสียได้ แถมยังเป็นคนที่สดายุไม่อยากเจอที่สุดอีกต่างหาก!

‘จะโผล่มาทำซากอะไรตอนนี้วะ!!?’

สดายุไม่คิดจะต่อปากต่อคำ เพราะตอนนี้เขากำลังรีบ จะว่าอะไรก็ช่างหัวหล่อนแล้วกัน

“หนีเป็นหมาหางจุกตูดเชียวนะ หึหึ หนีจากข้างนอกเข้ามาหลบข้างใน แล้วนี่จะหนีไปไหนอีกล่ะ คิกคิก”

คำเดียวอยู่ สดายุที่กำลังจะเดินเลี่ยงร่างแบบบางแต่อุดมไปด้วยพิษร้ายถึงกับชะงัก ด้วยศักดิ์ศรีลูกผู้ชายคนหนึ่งก็ไม่ได้อยากจะเสียเวลามางัดกับผู้หญิงที่ทั้งอายุน้อยกว่าและตัวเล็กกว่าหรอกนะ แต่ถ้าผู้หญิงมันปากไม่น่าคบ ก็คงต้องจัดกันสักหน่อย

“มีธุระอะไรกับผมครับคุณหนู? ผมไม่ได้ว่ามาคอยเล่นด้วยหรอกนะ” เพราะกำลังจะตามไปเผือกเจ๊บลูม่าอยู่

“หึ ไม่ว่าง หรือกำลังจะหนี เพราะรับตัวเองไม่ได้ ที่กำลังจะแพ้”

‘แพ้? แพ้อะไรของยัยเด็กนี่วะ’ หางตาสดายุเริ่มกระตุกถี่ อารมณ์กรุ่นกริ้วที่ลดลงไปหน่อยแล้วเมื่อครู่นั้นเริ่มตีรวน กระพือโหมขึ้นอีกครา

“ตรงไหนเหรอ? ที่บ่งบอกว่าผมแพ้...คุณหนู?” สดายุเอียงหน้าเล็กน้อยพลางยื่นเข้าใกล้ชิดจันทร์ที่ยืนกอดอกอย่างผู้มีชัยรออยู่

“ไม่เห็นเหรอ? ข้างนอกนั่นน่ะ ไม่ว่าใครเขาก็เห็นดีเห็นงามกับการที่ฉันกับพี่เมธยืนเคียงคู่กัน...คำถามคือ แล้วแกล่ะ กล้าที่จะออกสื่อคู่พี่เขาอย่างที่ฉันทำมั้ย?”

สดายุได้เพียงนิ่งรับ เขาไม่เถียงในสิ่งที่ชิดจันทร์พูด เพราะหล่อนพูดเรื่องจริง เขากับกฤตเมธไม่มีทางจะหวานออกสื่อได้ อย่าน้อยก็ตอนนี้

"หึหึ ทำไม่ได้สินะ” เห็นว่าสดายุเอาแต่เงียบ ชิดจันทร์ก็ยิ่งได้ใจ “อย่างแกน่ะไม่มีวันทำได้หรอก อย่าหาว่าฉันมายุแกล่ะ เดี่ยวบ้าจี้ทำอะไรทุเรศๆต่อหน้าสื่อขึ้นมา พี่เมธเขาจะขายขี้หน้าชาวบ้านเขา"

"จริงครับคุณหนู ผมคงไม่สามารถยืนเอานมเบียด เอาตัวเสียดสีเลื้อยไปเลื้อยมากับพี่เมธเขาออกสื่อได้อย่างคุณหนูหรอก อย่างดีก็ทำได้แค่ยืนคู่กันแบบปกติมนุษย์เขาทำกันเท่านั้นแหละครับ ผมก็ไม่รู้หนอกนะว่าคุณหนูยังจะโผล่มาทำไมต้องการอะไร หรือคุณแม่ยังไม่ได้บอกว่าให้เลิกยุ่งกับผมและพี่เมธซะที เรารักกันและพร้อมที่จะจัดแถลงข่าวออกสื่อทุกแขนง ถ้าแม่คุณยังไม่ได้บอก ผมก็ขอบอกแทนให้เลยว่าพี่เมธของคุณน่ะเป็นเกย์ และเขารักผม ถ้าหวังจะเอาอะไรต่อมิอะไรของคุณมาเบียดมาถูเพื่อให้ได้ใจพี่เมธล่ะก็ เลิกคิดไปเหอะ"

ตอนแรกสดายุก็กะจะทนให้จบๆไป เพราะเขาไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับผู้หญิงสักเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะกับผู้หญิงพูดยากเข้าใจลำบากอย่างชิดจันทร์ ซึ่งแน่นอนว่าสุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหว  ทว่าแม้จะพูดออกมาเจ็บแสบแค่ไหน ดูเหมือนชิดจันทร์จะไม่สะทกสะท้าน

"คิกๆ หึหึ ฮะฮะฮะ ได้ใจเหรอ? ฉันเนี่ยนะหวังจะได้ใจพี่เมธ? หึหึหึหึ ตลกดีจริง ฉันจะเอาไปทำอะไร?"

"................แล้วคุณหวังอะไร?" คำที่ชิดจันทร์เอ่ยออกมาทำเอาสดายุถึงกับมึนงง หล่นอไม่ต้องการ ‘หัวใจ’ แล้วอะไรล่ะที่ชิดจันทร์อยากได้

"หึ! ฉันไม่จำเป็นต้องบอกแก รู้เอาไว้อย่างเดียวพอ ว่าพี่เมธ เป็นของของฉัน อย่าสะเออะจะมาคาบของๆคนอื่น!!"

"คิดไปเอง! เมธไม่ใช่สิ่งของ และเขาก็ไม่ใช่ของของใครทั้งนั้น!"

“...งั้น...ลองดูมั้ยล่ะ”

“....อะไร?”

"แกคิดว่ามีแค่แกเหรอที่พี่เมธเขาตามใจ แกมันก็แค่ของแปลกที่พี่เขาอยากเล่นด้วยชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้นแหละ รู้เอาไว้ซะด้วยว่าที่พี่เมธไปนอนกกแกอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะฉันยอมให้"

“...คุณหนูมันไม่มีประโยชน์อะไรหรอกนะที่คุณจะมาใส่ร้ายพี่เมธเพื่อทับถมผมน่ะ ผมเชื่อใจเขา”

คำว่า ‘เชื่อใจ’ เรียกเสียงขบขันจากชิดจันทร์ไม่น้อย ร่างแบบบางขยับเข้าประชิดสดายุมากขึ้น นิ้วเรียวของหล่อนยกขึ้นลูบไล้ไปตามเนื้อเสื้อสูทบนร่างของสดายุเบาๆ

“เดี๋ยวแกก็รู้ หึหึ”

หล่อนทิ้งท้ายไว้เพียงแค่นั้นก่อนจะเดินจากไป พร้อมเสียงหัวร่อระคายหู สดายุไม่รู้หรอกว่าชิดจันทร์คิดจะทำอะไร รู้แค่ว่าเรื่องนี้มันไม่ชอบมาพากล

สดายุตัดสินใจจะเดินตามชิดจันทร์ไป แต่ดันมีสายเรียกเข้าเสียก่อน

“ครับเมธ?” เป็นกฤตเมธที่โทรเข้ามา สดายุคิดไปว่ากฤตเมธคงโทรมาบอกที่นัดหมายที่จะออกไปเจอกันหลังจากนี้

“ยุ ขอโทษทีนะวันนี้ผมคงไม่ได้กลับไปทานข้าวเย็นกับคุณ หาอะไรทานไปก่อนได้เลยนะครับ”

“อ๋อ....ได้สิครับ ว่าแต่คุณจะไปไหน?” สดายุไม่ได้อยากละลาบละล้วงแต่ด้วยความเคยชินเลยเผลอปากถาม

“บังเอิญผมต้องไปทานข้าวกับทาง ‘เสี่ยฮง’ น่ะ เขาอยากคุยกับผมเรื่องโปรเจ็คละครที่ผมเคยเสนอเขาไว้ตั้งแต่ก่อนถ่ายหนังน่ะ เสี่ยอุตส่าห์มาเชิญผมถึงที่ ผมเลยปฏิเสธไม่ได้...”

ได้ยินว่าเป็นเรื่องงานสดายุก็ไม่ได้คิดจะถามอะไรต่อ เพราะเป็นปกติอยู่แล้วที่กฤตเมธจะออกไปทานข้าวกับบรรดาลูกค้าของธุรกิจส่วนตัว และเหล่าผู้อำนวยการสร้างหนัง ละครต่างๆ เพราะกฤตเมธกำลังจะผันตัวมาทางเบื้องหลัง บางครั้งชายหนุ่มก็มีเรื่องต้องศึกษากับรุ่นพี่ ซึ่งสดายุรู้ดีอยู่แล้ว

“ครับ ตามสบายเลยคุณเมธ เดี๋ยวผมแวะกินข้าวกับเจ๊บลูแล้วค่อยกลับ”

“เอ่อ ยุ...นอกจากเสี่ยฮงแล้ว ยังมีชิดจันทร์ด้วย”

“............” สดายุอึ้งไปแทบจะทันทีที่ได้ยินว่ามีชิดจันทร์ร่วมมื้อเย็นมื้อนี้กับกฤตเมธด้วย “คุณชิดจันทร์คือคนพาเสี่ยมาสินะครับ”

“ใช่ จู่ๆก็มาหาถึงที่เล่นเอาตั้งตัวไม่ทัน” กฤตเมธอธิบาย ถึงตอนนี้สดายุรู้แล้วว่าการกลับมาคราวนี้ของชิดจันทร์ มันมีลับลมคมใน!

“ยุไม่โกรธผมนะ” กฤตเมธอ้อนออกมาน้อยๆ ด้วยความไม่สบายใจ ด้วยกลัวว่าสดายุจะเคืองที่ตนตกปากรับคำไปทานมื้อเย็นกับเสี่ยฮงและชิดจันทร์โดยที่ไม่ยอมบอกสดายุก่อน

“ผมจะโกรธคุณทำไมกัน มันเป็นงานนี่นา...ผมจะรอที่ห้องแล้วกันนะ”

“ครับผมจะรีบกลับ” เสียงอ่อนโยนตอบรับ

“เอ่อ...เมธ คุณไปทานที่ไหนเหรอ?” ตอนแรกสดายุก็กะจะไม่ถาม แต่เหมือนความรู้สึกบางอย่างข้างในผลักดันให้เขาถามถึงสถานที่ที่กฤตเมธจะไปด้วย

“อ๋อ คงเป็นที่ห้องอาหารของโรงแรมของเสี่ยฮงนั่นแหละ ใกล้ๆนี่เอง ผมกลับไม่ดึกหรอก”

“ครับ...ผมจะรอ”

กฤตเมธวางสายไปแค่นั้น แต่สดายุไม่จบแค่วางสาย ดวงตาคมกล้าของสดายุทอประกายดุดัน ครั้งนี้ชายหนุ่มตัดสินใจที่จะไม่เล่าเรื่องที่ชิดจันทร์มาคุยกับตนให้กฤตเมธฟัง สดายุแน่ใจว่าถึงกฤตเมธจะยังลังเลบ้าง แต่ต้องเชื่อเขามากกว่าชิดจันทร์แน่นอน (หวังว่าล่ะนะ) แต่การทำแบบนั้นก็อาจทำให้เขาพลาดที่จะเฝ้าดูว่าชิดจันทร์ต้องการจะทำอะไรและหล่อนวางแผนอะไรไว้กันแน่

ดังนั้นสดายุจึงยังไม่เล่า และตัดสินใจจะแฝงเข้าร่วมดินเนอร์ในมื้อนี้ด้วยแทน!

ก็ถ้าชิดจันทร์จะวางแผนทำอะไร เขาก็จะตามเกมให้ทันเช่นกัน!!

“ว่าแต่เจ๊บลูอยู่ไหนวะเนี่ย!!?”

***



“ฮัลโหล ดิน? เธออยู่ไหนเนี่ย? อะไรนะ!? ออกไปแล้ว? ติดธุระด่วน? แล้วทำไมไม่บอกพี่ก่อนล่ะ? ก็เดินตามหาอยู่นี่ไง... อืมๆ โอเครู้แล้ว งั้นพี่กลับเลยแล้วกัน ดินกลับคนเดียวได้ใช่มั้ย อืม...โอเค เจอกันพรุ่งนี้ บาย...”

หลังจากหน้าแตกยับเพราะเพิ่งทะเล่อทะล่าเข้าห้องผิดไป ซอลย่าก็เร่งหนีออกมาก่อนจะโทรตามเด็กในสังกัดที่นัดกันดิบดีแล้วกลับหายตัวไปซะดื้อๆ แต่คำตอบที่ได้กลับทำให้ซอลย่าถึงกับหน้ามืด เพราะบดินทร์ดันหนีกลับไปไม่บอกไม่กล่าวเสียก่อน โดยอ้างว่ามีธุระด่วน  ซอลย่าได้แต่ส่ายหน้าระอา ‘เหลวไหลจังนะ ดินเนี่ย’ ก่อนจะตัดสินใจกลับบ้านของตนเช่นกัน

“ซอล!”

“...บลู?...”

ทว่าช่วงที่กำลังจะเดินออกไปตรงลานจอดรถ เสียงคุ้นหูก็ตะโกนเรียกมาจากทางด้านหลังเข้าเสียก่อน

ภาพของ‘บลูม่า’ที่กำลังตรงเข้ามาหาเขานั้นทำซอลย่าตกประหม่าไม่น้อย ตั้งแต่วันนั้น นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้คุยกัน...

ซอลย่ายืนรอบลูม่าอยู่ที่เดิมไม่กล้าขยับกายไปไหน เพราะไม่รู้ว่าบลูม่าเรียกตนไว้ทำไม หากเป็นเรื่องงานแล้วล่ะก็คงไม่ใช่เรื่องดีนักหากเขาจะมัวเล่นตัว ‘คงเป็นเรื่องงานแหละ ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน อย่างบลูคงไม่อยากคุยกับเราหรอก’

“......”

“.......”

วิ่งกระหืดกระหอบตามมาเสียราวกับมีเรื่องเร่งด่วน แต่พอมายืนเผชิญหน้ากันบลูม่ากลับไม่ยอมปริปากพูดอะไรเลย

ซอลย่าก็เงียบ

บลูม่าก็เงียบ

มีเพียงเสียงลมหายใจหอบจางๆของบลูม่าเท่านั้นที่ดังอยู่ระหว่างคนทั้งคู่ บลูม่าก้มลงจดจ้องซอลย่าไม่วางตา สวนคนถูกมองกลับหลุบตามองพื้น ไม่กล้าแม้เพียงจะเงยหน้าขึ้นมาให้เห็น หัวใจดวงน้อยเต้นโครมคราม ‘ทำไมไม่ยอมพูดอะไรสักทีล่ะบลู...’ ซอลย่าคิดในใจจนเกือบจะร้องไห้ออกมา

“...เอ่อ...ไอ้บดินทร์ล่ะ” คำแรกที่ถามไถ่ กลับเป็นคำถามพาดพิงบุคคลที่สาม

“ก...กลับไปแล้ว”

“...เหรอ งั้นก็ดี เราได้มีเวลาคุยกันหน่อย” บลูม่าสืบเท้าเข้าประชิดซอลย่าที่ยังคงยืนก้มหน้าก้มตามากขึ้น

“....เอ่อ...คุย? อ๊ะ?”  ร่างเล็กเริ่มรู้สึกตัวว่าถูกเข้าใกล้จนเกินไป  จึงคิดจะถอยห่าง แต่เพียงแค่ขยับกายเพียงเล็กน้อย ก็กลับถูกคว้าต้นแขนซ้ายรั้งไว้กับที่เสียก่อน

“ใช่! คุยเรื่องเธอกับเพชรจ้าไง เธอยังไม่ได้ตอบคำถามฉัน...” น้ำเสียงของบลูม่าคล้ายจะตะคอกกลายๆ แต่ก็ไม่ได้มากมายขนาดที่ว่าให้ความรู้สึกคุกคาม ผู้จัดการดาราร่างใหญ่กระตุกแขนซ้ายของคนตรงหน้าเบาๆ เพื่อลากเข้ามาใกล้ตัวเองอีก

“ร...เรื่องนั้น...มันสายไปแล้วหรือเปล่า...มันนานนานเหลือเกินจนผมจำไม่ได้แล้วล่ะ” ซอลย่าพยายามหลบเลี่ยง พลางขืนกายออกจากร่างสูงตรงหน้า ทั้งที่ยังไม่ยอมแม้แต่สบตากับอีกฝ่าย

“โกหก”

“...เปล่าสักหน่อย”

“เธอจำได้ฉันรู้!” บลูม่าตะคอกขึ้นอีกครั้ง พร้อมใช้มือแกร่งของตนจับเชยปลายคางคนรั้นให้เงยหน้า ไม่ได้คิดจะใช้ความรุนแรง แต่เพราะคนดื้อดึงในอุ้งมือยังไม่ยอมปริปากในเรื่องที่เขาอยากจะรู้เสียที แถมยังไม่ยอมมองหน้าอีก เส้นความอดทนของบลูม่าจึงค่อนข้างสั่นคลอน

“........!!?...” ฝ่ายซอลย่าที่จู่ๆก็ถูกเชยคางขึ้นเพื่อบังคับให้สบตากับบลูม่านั้น ก็ได้แต่นิ่งอึ้ง เพราะเขาทำตัวไม่ถูกเมื่อถูกจดจ้องมองลึกซึ้งเข้าไปในดวงตา ซอลย่าสะบัดใบหน้าออกจากมือแกร่งนั่นทันทีเพื่อหลบสายตาของบลูม่าอีกครั้ง

“บอกสิ...บอกฉันมาหน่อย ซอล?” บลูม่าเองก็ไม่ได้ดึงดันให้อีกฝ่ายหันกลับมามองอีก เขาเพียงแค่เริ่มขอร้องซอลย่าด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงมากกว่าเดิม

“ผ...ผมว่าเรื่องนั้นมันไม่จำเป็นสำหรับคุณแล้วคุณบลู...มันนานมากแล้ว...”

“จำเป็นสิ! ฉันมีสิทธิ์ที่จะรู้ไม่ใช่เหรอ? ความจริงน่ะ”

“...อยากรู้...วันนี้เนี่ยนะ”

“ใช่! วันนี้แหละ! อย่าทำเป็นลืมนะซอล ในวันนั้นฉันก็เคยถามคำถามนี้ แล้วเธอก็หลบเลี่ยง...ที่จะตอบมัน”

“.......”

“เธอทำให้ฉันต้องจมปลักกับความไม่รู้ กับเรื่องที่ต้องคิดเองเออเองอยู่เป็นสิบปี!...เธอ...ไม่เห็นใจฉันบ้างเลยเหรอ?...” น้ำเสียงเครือเล็กๆที่ออกจากปากของบลูม่า สะท้อนถึงความเจ็บปวดและความน้อยเนื้อต่ำใจแจ่มชัดจนซอลย่ารู้สึกได้ คนที่มั่นใจในตัวเองมาตลอดอย่างบลูม่า ทำไมจู่ๆถึงได้มีน้ำเสียงที่น่าสงสารขนาดนี้นะ หัวใจซอลย่ากระตุกวูบไหวไปกับน้ำเสียงนั้น จนอดไม่ได้ที่จะต้องหันกลับมามองหน้าอีกฝ่าย เพื่อจับจ้องความหมายที่สื่อชัดออกมาทางสายตา...แล้วซอลย่าก็ได้เห็น

“...ถ้าคุณรู้แล้ว...ระหว่างผมกับคุณจะเปลี่ยนมั้ย?”  ความเว้าวอนที่สื่อชัดออกมาจากสายตาบลูม่านั้น ทำเอาหัวใจดวงน้อยของซอลย่าเริ่มระทวยอ่อน ผู้จัดการดาราร่างเล็กตั้งคำถามออกไปเพื่อหยั่งเชิงบางสิ่งที่จะสามารถยืนยันความรู้สึกของบลูม่าที่มีต่อเขาในตอนนี้

“แน่นอนสิ!”

“.......” ‘สายตาแบบนั้น...บลู ไม่ได้เกลียดฉันแล้วใช่มั้ย?’

“ฉันไม่อยากคิดไปเองคนเดียวอีกแล้ว ซอล...ได้โปรด”

“...งั้น...ถ...ถ้าผมบอกแล้ว...เรา...เราจะกลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม...ใช่มั้ย?...” ‘น้ำเสียงแบบนั้น บลู...เริ่มเปิดใจให้ฉันแล้วใช่มั้ย?’

“ใช่...ต่อให้มากกว่าเพื่อนเราก็เป็นได้...”

“.....บลู...” ‘บลู...ฉันไม่ได้คิดไปเอง...ใช่มั้ย?...เธอ...’

ทั้งน้ำเสียงที่เว้าวอนที่เปล่งออกมา ทั้งสายตาออดอ้อนขอร้อง ทำให้ซอลย่าไม่อาจห้ามใจไม่ให้เอื้อมมือไปสัมผัสข้างแก้มของคนตรงหน้าอย่างแผ่วเบาได้ ใบหน้านั้นเรียบเนียนเหมือนดังสิบห้าปีก่อน โหนกแก้มสูง สันจมูกโด่งคม ดวงตาคมกล้าสีดำขลับ กับริมฝีปากอิ่มที่ตอนนี้กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้....จนลมหายใจ...รินรดที่ข้ามแก้ม...




“เจ๊บลูม่า!!”




 :hao7:
ต่อด้านล่างค๊า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-10-2014 09:18:32 โดย อนาคี99 »

ออฟไลน์ อนาคี99

  • อยากให้ชีวิตมีปุ่ม SKIP
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +460/-3
    • อนาคี99เพจ
ต่อคร๊า...
 :katai2-1:




“เจ๊บลูม่า!!”

‘เฮือก!!!?’ สองร่างที่ขยับเข้าใกล้กันจนแนบชิดถึงกับสะดุ้งสุดตัวผละจากกันแทบไม่ทัน เพราะเสียงตะโกนลั่นทุ่งของสดายุ

‘น้องยุ!!! โผล่มาทำไมตอนนี้เนี่ย!!?’ บลูม่าแทบจะตะโกนออกมาอย่างลืมตัว

“เจ๊!” เสียงแหบหวานยังคงตะโกนเรียกจากระยะไกล ร่างสูงโปร่งวิ่งฉิวแทบจะถลาเข้าหาบลูม่า หน้าแต่หล่อเหลาดูเครียดขึง เรียวคิ้วขมวดมุ่นจนแทบจะเป็นโบว์

“เอ่อ...น้องยุ?” อยากถามออกไปว่ามีอะไรหรือเปล่า แต่ก็ไม่ทันจะให้คำถามเหล่านั้นพ้นลิ้นไก่ออกมาเพราะทันทีที่สดายุถลาเข้ามาประชิดตัวได้ ก็ออกแรงฉุดข้อมือแกร่งของบลูม่าลากพรืดออกไปทันที

“ขอโทษจริงๆ ที่ขัดจังหวะนะเจ๊ ผมจะชดใช้ให้วันหลังนะ! แต่ตอนนี้มากับผมก่อน!! ขอโทษทีนะครับคุณซอลย่า” สดายุเอ่ยขอโทษรัวเร็วขณะลากร่างสูงใหญ่กว่าของบลูม่าให้ไถลไปกับตน ความรวดเร็วนั้น ทำเอาซอลย่าพยักหน้าหงึกหงักรับคำไปด้วยอย่างลืมตัว

“เอ๋!? ห๊ะ น้องยุ!!?” บลูม่าที่เซแซ่ดๆไปตามแรงดึงนั้น หันกลับมามองที่ซอลย่าหน้าตาตื่น อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ดันพูดออกมาไม่ได้ แม้แต่คำว่า ‘แล้วเจอกัน’ ยังไม่ทันจะได้พูดเลยด้วยซ้ำ จึงทำได้แค่มองอยู่อย่างนั้น ทั้งๆที่ระยะห่างเริ่มไกลกันออกไปเรื่อยๆ

และดูเหมือนความเร็วมันจะเพิ่มขึ้น...เมื่อสดายุเริ่มออกวิ่งแล้วคราวนี้!!

“เดี๋ยวววววววว....” ซอลย่าได้แต่ยืนตะลึงฟังเสียงร้องโหยหวนของบลูม่าที่ซึ่งถูกสดายุลากพรืดๆจากไปดื้อๆแบบไม่ทันได้กล่าวคำร่ำลา ‘มีเรื่องด่วนมาก...สินะ’ ซอลย่าได้แต่พึมพำกับตัวเองทั้งที่ยังมึนงงอยู่




‘...งั้น...ถ...ถ้าผมบอกแล้ว...เรา...เราจะกลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม...ใช่มั้ย?...’


‘ใช่...ต่อให้มากกว่าเพื่อนเราก็เป็นได้...’



ตึ่กตั่ก...

เพียงนึกถึงบางประโยคที่บลูม่าเอ่ยทิ้งท้ายไว้ หัวใจของซอลย่าก็เต้นแรงขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้หัวใจดวงน้อยไม่ได้เต้นรัวเพราะความประหม่าอย่างตอนถูกบลูม่าเรียก ไม่ใช่เพราะความตื่นตกใจจากการที่สดายุบุกมาฉุดตัวบลูม่าไปอย่างเมื่อครู่...

แต่มันเป็นการเต้นในจังหวะของคนที่กำลังมี… ‘ความหวัง’


“เรากับบลู...เรากับบลูจะกลับไปเป็นเพื่อนกันได้อีก...”

“ถ้าหากเรากับบลูได้คุยกัน....อีกครั้ง...”

“...แค่อีกครั้ง”



ซอลย่าพึมพำกับตัวเองเบาๆ แก้มเนียนขาวค่อยๆแดงซ่านไปจนถึงใบหู ริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูอ่อนค่อยๆผุดรอยยิ้มระเรื่อ...

*
*
*
*
*

“โอ้ยยยย น้องยุคะ!? จะลากพี่ไปไหนเนี่ยยยย!”

“กุญแจรถอยู่ไหนเจ๊!?”

“ห๋า? อ่ะนี่ค่ะ”

“ขึ้นรถเลยเจ๊ เดี๋ยวยุขับเอง!”

“ห๊ะ!? จะไปไหน?....อ๋า!!...”


ปึ่ง!

บรื๋นนนนนนนนน…



นั่นคือความทรงจำสุดท้ายที่บลูม่าจำได้ ก่อนจะมานั่งทำตาปริบๆอยู่ฝั่งที่นั่งข้างคนขับ แล้วปล่อยให้สดายุบังคบพวงมาลัยไปตามทางที่ชายหนุ่มเท่านั้นที่เป็นคนรู้...

เงียบ...จนบลูม่าหงุดหงิด 'น้องยุคะ! ถ้าจะลากพี่มาแล้วทิ้งขว้างกันแบบนี้ ทำไมไม่เอาแต่รถพี่มาแล้วทิ้งพี่ไว้ให้พี่เคลียร์ปัญหาหัวใจของพี่ก่อนนนน!! คนของพี่น่ะหาตัวโคตรยากเลยนะขอบอก! ฮือๆ ชวดเลยคราวนี้!!'  บลูม่าได้แต่บ่นในใจด้วยความหนักอก ยังเสียดายไม่หายที่จู่ๆก็ถูกลากออกมาทั้งๆที่กำลังจะเคลียร์กับซอลย่าได้อยู่แล้ว ถึงแม้จะยังไม่เข้าใจตัวเองว่าจะเคลียร์ไปทำไม แล้วใยเขาต้องแคร์ซอลย่ามากขนาดนั้นก็เถอะ ถึงยังไงก็ยังรู้สึกเสียดายใจแทบขาดอยู่ดี!  ‘ฮึ่ย! น้องยุนะน้องยุ!!’



แต่...ไหนๆก็ถูกลากออกมาแล้ว จะมัวนอยด์อยู่คงไม่เข้าท่านัก บลูม่าเลยปริปากถามสดายุอย่างเป็นจริงเป็นจังเกี่ยวกับที่หมายที่น้องชายคนดีกำลังเร่งมุ่งหน้าไปเสียที

“ยุ...ตกลงนี่คุณน้องจะพาพี่ไปไหนคะ? ช่วยแถลงไขให้พี่แจ้งแก่ใจสักนิดเถอะค่ะ พี่คนนี้จิอกแตกตายแล้วนะ!”

รถราบนท้องถนนก็ยังคงอุ่นหนาฝาคั่ง แต่น้องรักของเขาก็ยังคงแทรกซ้ายเบียดขวาปาดหน้าชนิดไม่สนใจคันหลังอยู่เนืองๆ ถึงรถของบลูม่าก็เรียกได้ว่าเก่าแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าบลูม่าจะไม่รู้สึกอะไรถ้ามันจะโดนชนนะ! แล้ววันนี้น้องสดายุของเขาเป็นอะไรไปเนี่ย!!

“ไปโรงแรมของเสี่ยฮงครับเจ๊” สดายุตอบเสียงเรียบ ขณะที่ดวงตายังจดจ้องบนท้องถนน เตรียมจะแซงปาดคันหน้าที่ช้าเหลือเกินอยู่

“โรงแรมเสี่ยฮง? ไปทำไมคะ จะทานข้าวเย็นกันที่นั่นเหรอ?”

“ไปสอดแนมกัน”

“สอด...? ห๋ะ!? สอดแนมใครคะน้องยุ?”


“ฟังผมนะเจ๊...”


ในที่สุดสดายุก็เปิดฉากเล่าเรื่องทั้งหมดให้บลูม่าฟัง ถึงจะรู้สึกว่าอาจคิดมากไปเอง เพราะอย่างน้อยๆกฤตเมธก็เป็นผู้ชายตัวโตๆคนหนึ่ง ชิดจันทร์จะไปทำอะไรได้ อย่างดีอาจแค่นัดนักข่าวมาถ่ายภาพหลุดขณะกำลังดินเนอร์แสนโรแมนติก ถ้าแค่นั้นล่ะก็สดายุคงไม่คิดมาก แต่หากชิดจันทร์คิดจะทำอะไรที่มากกว่านั้นขึ้นมาล่ะ? ถึงไม่รู้ว่าจะทำอะไร และทำไปเพื่ออะไรก็เถอะ สดายุก็ขอไม่วางใจทั้งนั้น ‘เอาวะ! กันไว้ดีกว่าแก้!’

กว่าจะฝ่ารถติดมาถึงที่หมายได้ก็ใช้เวลาไปเกือบชั่วโมง แถมโรงแรมของเสี่ยฮงใหญ่โตโอฬาร ห้องอาหารก็มีเป็นสิบๆร้าน แล้วเสี่ยฮงกับชิดจันทร์จะนัดกันพากฤตเมธไปทานอะไรที่ร้านไหนกันเนี่ย? อาหารฝรั่งเศส? จีน? ญี่ปุ่น? ไทยฟิวชั่น? หรือบาร์ด้านบนกันแน่นะ...?

สดายุกับบลูม่าใช้เวลาตามหากันอยู่พักใหญ่ๆ โดยตั้งต้นที่ร้านอาหารระดับลักซ์ชัวรี่ที่น่าจะเหมาะกับคนระดับเสี่ยฮงที่เป็นถึงเจ้าของโรงแรมนี้ แล้วในที่สุดก็หาตัวพบ ในร้านอาหารฝรั่งเศสชั้นบนสุดของตัวโรงแรม สมแล้วที่เป็นคนระดับเสี่ยฮง เพราะร้านอาหารฝรั่งเศสร้านนี้ช่างเลอค่า เรียบหรูดูผู้ดีเป็นที่สุด (แน่นอนว่าราคาอาหารย่อมสมกับสถานที่อย่างไม่ต้องสงสัย)
 
แม้ว่าสดายุกับบลูม่าจะสามารถเข้าไปในร้านนั้นได้ แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าใกล้โต๊ะวีไอพี.ของร้านอย่างโต๊ะของเสี่ยฮงที่อยู่ตรงไพรเวทโซนได้อยู่ดี สดายุและบลูม่าจึงทำได้แค่เพียงเลือกโต๊ะที่สามารถมองเห็นทุกความเคลื่อนไหวของโต๊ะ วีไอพี.ได้ชัดเจนที่สุด และที่สำคัญต้องเป็นโต๊ะที่เขาทั้งคู่จะพรางตาจากกฤตเมธและชิดจันทร์ได้ด้วย

“คุยกันถูกคอน่าดูนะคะนั่น เสี่ยฮงหัวเราะถูกใจใหญ่” บลูม่ากระซิบคุยกับสดายุ สองตาจับจ้องเหยื่อ สองมือหั่นเนื้อลูกแกะเข้าปาก ช่วยไม่ได้ที่ต้องสั่งอาหารกันมา เพราะไหนๆก็เข้ามานั่งแล้ว ขืนไม่สั่งอะไรทานคงถูกเชิญออกไปนอกร้านอย่างไม่ต้องสงสัย แม้อาหารแต่ละอย่างจะแพงจนแทบน้ำตาไหล แต่ก็ยังพอไหว ยังไงซะพวกเขาก็กำลังหิวอยู่พอดีเหมือนกัน

“น้องยุคะ น้องว่าคุณชิดจันทร์จะทำอะไรกับคุณเมธอ่ะ” บลูม่ากระซิบถามขึ้นอีกครั้ง

“ผมจะไปรู้มั้ยล่ะเจ๊ ถ้ารู้จะมานั่งสังเกตุการณ์อยู่ทำไมล่ะ”

“แต่เสี่ยฮงอยู่ด้วยแบบนี้พี่ว่าคุณชิดจันทร์คงยังไม่ลงมือหรอกค่ะ แถมที่นี่คนเยอะแยะ”

“...ผมก็คิดอย่างนั้น แต่อย่างที่บอก ยัยชิดจันทร์ดันทิ้งท้ายไว้ซะผมหลอน เลยวางใจไม่ได้อยู่นี่ไง”

“...เฮ้อ...ยัยคุณหนูชิดจันทร์จะสร้างปัญหาอะไรอีกล่ะทีนี้ พี่ล่ะหนักอกแทนคุณเสน่ห์จันทร์จริงจรี๊ง”

เวลาผ่านไปประมาณสี่สิบห้านาที โดยประมาณ ดูเหมือนในที่สุดโต๊ะวีไอพี.จะมีการเคลื่อนไหวเสียที

“อ๊ะ! เจ๊! ลุกขึ้นกันแล้ว!” สดายุอุทานขึ้นเบาๆ เรียกรวมพลสายตาสองคู่รวมพลังสอดส่อง โดยคนที่เคลื่อนไหวคือเสี่ยฮงที่เป็นผู้ลุกออกจากโต๊ะนั้นไปก่อน และดูเหมือนจะไม่ใช่การลุกไปเข้าห้องน้ำหรือทำธุระชั่วครู่ เพราะทันทีที่เสี่ยฮงลุก ทั้งกฤตเมธและชิดจันทร์ก็ลุกตาม พร้อมจับไม้จับมือกับเสี่ยฮงคล้ายเป็นการกล่าวลา

สดายุกับบลูม่าต่างช่วยกันจ้องตาเขม็ง เพื่อดูว่ากฤตเมธกับชิดจันทร์จะออกไปพร้อมกันเลยหรือเปล่า และจะไปไหนกันต่อ ทว่าดูเหมือนพอลับร่างเสี่ยฮงไป ชิดจันทร์จะแสดงท่าทางออดอ้อนให้กฤตเมธอยู่เป็นเพื่อนตนต่อ ชายหนุ่มคงปฏิเสธไม่ได้เลยต้องนั่งลงเคียงข้างหญิงสาว ชิดจันทร์หันไปให้สัญญาณอะไรบางอย่างกับบริกร และหลังจากนั้นเพียงครู่ ไวน์แดงสองแก้วก้มาเสริฟ

“สั่งไวน์มาเพิ่มด้วยอ่ะยุ คุณหนูเขากะจะมอมคุณเมธหรือเปล่าอ่ะ!?”

“จับตาดูไว้ให้ดีเลยเจ๊ ห้ามคลาดสายตาเชียวนะ!!”


“ทำอะไรกันอยู่อ่ะครับ ยุ? เจ๊บลู?”

“.........!!!!!???” ทั้งสดายุและบลูม่าสะดุ้งโหยงหันจวับกลับมามองแทบไม่ทันว่าใครกันดันรู้จักเขาทั้งคู่แล้วยังจะอุตส่าห์เข้ามาทักทายเสียงใส ในสถานการณ์แสนสำคัญแบบนี้!

“อ่า....คุณดนัย?” บลูม่าอุทานออกมาเบาๆ ที่ได้เห็นผู้มาเยือนยืนยิ้มเฉ่ง ขณะที่สดายุนั้นก็หันมาค้อนตาเขียวปั๊ดเหมือนกัน

“เอ่อ…ผมมาขัดจังหวะหรือเปล่า?” เห็นสายตามาดร้ายของสดายุเข้า ดนัยก็เริ่มรู้ตัวแล้วว่า คงมาผิดจังหวะซะแล้ว…

“ว๊าย! น้องยุ! คุณเมธโดนลากไปแล้วค๊า!!” บลูม่าแทบจะกรีดร้อง ทันทีที่เห็นว่าชิดจันทร์กำลังประคองกฤตเมธออกจากร้าน โดยที่ฝ่ายกฤตเมธนั้นดูท่าทางแปลกๆ ร่างสูงใหญ่ดูจะเดินเซเล็กน้อยจนชิดจันทร์ต้องเขาไปประคองใกล้ๆ

“ห๊ะ!?” ‘โดนเข้าแล้ว!! ’สดายุลุกพรวดพราดขึ้น เขาต้องรีบตามไปตอนนี้ เพราะเกิดคลาดสายตาขึ้นมาล่ะก็ กฤตเมธของเขาจะต้องแย่แน่ๆ

“อ๊ะ! ยุ! อึ๋ย ค…คุณดนัย ขอโทษจริงๆค่ะ ฝากจ่ายค่าอาหารให้ก่อนนะคะ! เดี๋ยวเสร็จธุระจะรีบมาใช้คืนค่ะ!!”

“ห๋ะ!? อ่ะ เฮ้ย เจ๊บลู!? ยุ!?” ดนัยถึงกับเหวอ เมื่อจู่ๆก็ถูกผลักภาระการชำระหนี้ตามกฎหมายมาให้ซะเฉย แล้วสองคนนั้นที่เขาอุตส่าห์เข้ามาทักทายด้วยความเป็นมิตรกลับวิ่งเตลิดตามใครไปก็ไม่รู้ ‘อ้าว…กรรม’




เพียงพริบที่คลาดกันตอนออกจากร้าน ชิดจันทร์กับกฤตเมธก็อันตรธานหายไปจากคลองสายตาของสดายุและบลูม่าอย่างสิ้นเชิง ‘อะไรจะไวขนาดนั้น!’ ความร้อนใจทำให้ต้องเดินตามหากันให้วุ่น

“น้องยุ ทางนี้ค่ะ!” บลูม่าตะโกนเรียกสดายุให้ตามมา เพราะเขาเห็นแล้วว่าชิดจันทร์พากฤตเมธไปที่ไหน

ทางที่บลูม่านำไปนั้นเป็นทางไปล๊อบบี้ของโรงแรมหรู สดายุวิ่งตามไปทันพอดีตอนที่ชิดจันทร์พากฤตเมธขึ้นลิฟท์ไปแล้ว สดายุยืนจ้องตัวเลขหน้าลิฟท์ไม่วางตา เพื่อที่จะดูว่าสุดท้ายแล้วมันจะไปจอดที่ชั้นไหน

‘หนอย…ยัยตัวแสบ!’

‘ชั้น 45!’ในที่สุดลิฟท์ก็หยุดที่ชั้นสี่สิบห้า สดายุรีบกดลิฟท์อีกตัวตามไปอย่างไม่ลังเล ทว่าพอถึงชั้นสี่สิบห้าสดายุกับบลูม่ากลับต้องปวดหัวกันอีกครั้งเพราะไม่รู้แล้วว่าชิดจันทร์นั้นพากฤตเมธไปที่ห้องไหน สดายุพยายามกดโทรศัพท์หากฤตเมธเผื่อว่าอีกฝ่ายจะยังรับสายได้ แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะมือถือของกฤตเมธติดต่อไม่ได้อีกต่อไปแล้ว มันโดนปิด!

“แย่แล้วล่ะค่ะน้องยุ แบบนี้เราหาคุณเมธไม่เจอแน่”

“ยัยคุณหนูนั่น ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่!? ตั้งใจจะทำอะไรกับกฤตเมธกันแน่! ยัยนั่นต้องการอะไรกันแน่!!?” เสียงแหบพร่าคำรามกร้าวด้วยความเดือดดาล ชิดจันทร์ทำเขาเหลืออดจริงๆในครานี้

“ยุ…” บลูม่าได้แต่จับไหล่สดายุไว้ เพื่อหวังจะให้คลายความคุกรุ่น เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าชิดจันทร์ทำแบบนี้ไปทำไม

“ผมไม่เข้าใจเจ๊ ทั้งที่การทำแบบนั้นมันมีแต่ทำลายชื่อเสียงตัวเอง! ต่อให้มีคลิปหรืออะไรออกมา ก็มีแต่จะลดคุณค่ากับศักดิ์ศรีของตัวเองลงเพราะไม่ว่ายังไงยัยนั่นก็เป็นผู้หญิง! ถ้ายัยคุณหนูนั่นคิดจะทำแบบนี้เพื่อเอาชนะผมล่ะก็ ผมจะไม่มีวันให้อภัยการกระทำโง่ๆนั่นเลย!!”

แกร๊ก…

“…..!!?” จู่ๆหนึ่งในบานประตูที่เหมือนๆกันบานหนึ่งก็เปิดออก สดายุและบลูม่ารีบหลบเข้าไปซ่อนตรงมุมโถงลิฟท์ที่ยื่นออกมาทันที และเหมือนโชคเข้าข้าง เมื่อเจ้าของประตูบานนั้นคือชิดจันทร์ หล่อนเปิดประตูออกมาพร้อมโวยวายกับใครสักคนในมือถือ

“แกชักช้าอะไรอยู่ห๊ะ!?” เสียงหวานที่ตวาดแหวอยู่นั้นทำให้รู้ว่าชิดจันทร์หงุดหงิดไม่น้อยกับการรอคอยใครบางคน

“ฉันรออยู่ที่หน้าห้องนี่ไง!” หญิงสาวโวยวายอยู่ครู่หนึ่ง ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มอีกคนก็ปรากฏขึ้น ชายคนนั้นใส่เสื้อเจ็คเก็ตยีนส์สีดำ ใส่หมวกแก๊ป แว่นตาดำและผ้าปิดปากมิดชิด จนไม่สามารถมองออกว่าหน้าตาเป็นแบบไหน

“นั่นใครน่ะ?”

“มองไม่ออก…แต่คุ้นตาชะมัด”

 บลูม่าหรี่ตามองแล้วมองอีก แล้วก็เห็นด้วยอย่างที่สดายุว่า คือคุ้นตา แต่ว่านึกไม่อกว่าเคยเห็นที่ไหน

ทันทีที่เจอหน้าชิดจันทร์โวยวายชายคนนั้นเล็กน้อยก่อนที่จะพากันเดินไปที่ห้องที่หล่อนเปิดเอาไว้ สดายุกับบลูม่าสบตาปรึกษากันทันที เพราะวินาทีนี้อาจเป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวที่พวกเขามีก็เป็นได้

พรึ่บ!

“ว๊ายยยย!!?”



ในเสี้ยววินาทีสุดท้ายที่ประตูกำลังจะปิดลง สดายุและบลูม่าวิ่งไปคว้าประตูบานนั้นเอาไว้ได้ทันการ ชิดจันทร์กรีดร้องขึ้นด้วยความตกใจ และยิ่งตกใจยิ่งกว่าเมื่อเห็นว่าผู้บุกรุกคือใคร

“ไอ้สดายุ!!”

“เออ! แล้วคิดว่าใครกันล่ะครับ คุณหนู?”


ทั้งเจ้าของห้องและผู้บุกรุก สี่คนยืนตั้งท่าหยั่งเชิงกันอยู่ในห้องชุดสุดหรูของโรงแรมระดับห้าดาว บนเตียงหลังใหญ่กลางห้องนั้นมีร่างของกฤตเมธนอนสลบไศลอยู่ด้วย สดายุและชิดจันทร์ใช้สายตาจดจ้องฟาดฟันกันแบบไม่มีใครยอมแพ้ บลูม่าที่ยืนขวางอยู่ตรงหน้าประตูก็คอยจ้องสะกดชายปริศนาอีกคนในห้องไว้ เผื่อว่าอีกฝ่ายอาจเล่นตุกติก (ถึงเป็นกะเทย แต่ก็ล่ำนะยะ!!)

“นี่น่ะเหรอที่เธอบอกว่าพี่เมธเป็นของเธอ? ตามใจเธอ? คงตามใจมากเลยสินะ ถึงขนาดต้องมอมยาลากเข้าห้องแบบนี้! หึ…น่าสมเพชว่ะ!”

“กรี๊ดดดด!! แก! ไอ้สดายุ! อย่ามาปากดีกับฉันนะ!!” โดนสดายุจี้ใจดำเข้าหน่อย ชิดจันทร์ก็ร้องกรี๊ดด้วยความโมโห ปากกล้าท้าทายต่อโดยไม่คิดสลดในสิ่งที่ตัวเองทำ

“เออ! จะปากดี! แล้วมันมีปัญหาอะไรมะ!!? กับผู้หญิงอย่างเธอ ยังจะให้ฉันรักษามารยาทหาป้าอะไรอีกวะ! ถ้าอยากให้พูดดีด้วยก็ช่วยทำตัวให้มันสมกับเป็นลูกผู้ดีหน่อยสิคุณหนู! ต่อให้สันดานจริงจะเน่ายังไงก็ช่วยรักษาภาพพจน์ไว้บ้าง! ผู้หญิงอะไร ร่าน! ผู้ชายเขาไม่เอายังจะอยากถึงขนาดมอมยาลากเข้าโรงแรม ต่ำ! ฉันไม่เคยพบเคยเจอผู้หญิงที่ไหนทำตัวไร้ศักดิ์ศรี ทำตัวทุเรศเท่าเธอมาก่อนเลย!! มีสมองหรือเปล่า!? ถึงได้ทำอะไรไม่คิด อย่างกับผู้หญิงข้างถนน! ไม่เห็นแก่หน้าของตัวเอง ก็ช่วยคิดถึงหน้าแม่ของตัวเองบ้าง! คงภูมิใจแทบอกแตกตายกันบ้างล่ะมีลูกสาวทำตัวแบบนี้!!”

สดายุด่าสาดแบบยาวเหยียดชนิดที่เล่นเอาอึ้งกันไปทั้งห้อง ขนาดชิดจันทร์ที่โดนด่าเองยังพูดอะไรไม่ออก หล่อนต้องตั้งสติอยู่เป็นนาทีเลยทีเดียวกว่าจะร้องกรี๊ดออกมาด้วยความอับอายและโกรธเกรี้ยว ร่างบอบบางถลาเข้าหาสดายุหวังจะทุบตีทำร้ายให้สาแก่ใจ แต่แค่เข้าใกล้ได้เพียงนิดหล่อนก็ถูกผลักออกไปทันที จนไม่สามารถทำอะไรได้ ชิดจันทร์จึงหันไปออกคำสั่งกับชายหนุ่มอีกคน พวกพ้องเพียงคนเดียวที่หล่อนมีอยู่

“จะยืนเซ่ออยู่ทำไมล่ะ! จัดการมันซิยะ!! ไอ้โง่!!!”

“ก็ลองแตะน้องยุดูสิ! พ่อเตะคว่ำแน่!!” แต่ยังไม่ทันที่ชายคนนั้นจะขยับกาย บลูม่าก็ประกาศกร้าวด้วยเสียงห้าวเข้ม ชายคนนั้นตัวเล็กกว่าบลูม่านิดหน่อย เพราะฉะนั้นบลูม่าจึงมั่นใจพอสมควรว่าถ้าจะวัดกำลังกันเขาก็เป็นต่ออยู่หลายขุม!

“อ๊ายยย!! แกจะไปกลัวบ้าอะไรกับอีแค่พวกกะเทยห๊ะ!!? รีบจัดการมันเข้าสิ ไอ้ผู้ชายเฮงซวยนี่!!” ชิดจันทร์หันไปออกคำสั่งทั้งยังก่นด่าชายคนนั้นเป็นการใหญ่เมื่อเห็นว่าพวกเพียงคนเดียวของตนยังคงยืนลังเล

ชายคนนั้นขยับกายตั้งท่าจะเข้าปะทะ บลูม่าก็ตั้งการ์ดรับแบบไม่มีหวั่น ทว่า พออีกฝ่ายพุ่งเข้ามา แทนที่จะมีการแลกหมัด กลับเป็นวืด เมื่อหนุ่มปริศนาขยับหลบหมัดของบลูม่าหวุดหวิด ก่อนจะเอื้อมคว้าลูกบิดประตูถลาเปิดถลาออกจากห้องไปแบบไม่เหลียวหลัง

“เฮ้ย!!? อย่าหนีนะ!!”   บลูม่าได้แต่ร้องเรียกด้วยความตกใจ จะวิ่งตามไปก็ไม่ทัน ชายคนนั้นไวปานลิงวอก เผลอแค่แป๊บเดียวก็หายไปจากโถงทางเดินเสียแล้ว!

“กรี๊ดด!! ไอ้ขี้ขลาด กลับมานะไอ้สารเลว!!” ชิดจันทร์ได้แต่ก่นด่า เมื่อคนที่คิดจะให้ช่วยจัดการศัตรูกลับทิ้งหล่อนไว้แล้วหนีเอาตัวรอดไปอย่างหน้าด้านๆ ปล่อยให้หล่อนเผชิญชะตากรรมในห้องนี้เพียงลำพัง

“อ๊ายยย! ถอยไปนะไอ้ตุ๊ด ไอ้สารเลว!” ชิดจันทร์หันมาตวาดใส่สดายุอีกครั้งเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายขยับกายเข้าหา

“หนวกหูน่า! เลิกกรี๊ดเสียทีเหอะ!” สดายุโวยขึ้นพร้อมผลักร่างแบบบางของชิดจันทร์ออกไปเบาๆให้พ้นทาง แม้จะเกลียด แต่เขาก็ไม่ได้ต้องการทำร้ายผู้หญิง

ชิดจันทร์ทำได้แค่ยืนมอง ขณะที่สดายุกำลังพยายามจะแบกร่างสูงใหญ่ของกฤตเมธขึ้นหลัง หล่อนมองภาพนั้นด้วยความชิงชังและเคียดแค้น

“แกวอนรนหาที่เองนะอีตุ๊ด!…ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่…แกจำไว้ ฉันไม่ปล่อยแกไปเด็ดขาด สดายุ!”

ชิดจันทร์เอ่ยคาดโทษสดายุด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังนัก แต่ก็ชัดทุกถ้อยทุกคำ สดายุเพียงชำเลืองมองแล้วไม่สนใจอะไรกับชิดจันทร์อีก ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่เข้าใจเอาเสียเลยในสิ่งที่ชิดจันทร์พยายามจะทำ เพื่อทำให้กฤตเมธเป็นของตัวเอง? เพื่อเอาชนะเขา? หรือมีเหตุจูงใจอื่นที่เขาไม่รู้? แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่มีวันเข้าใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้หญิงที่ทำอะไรไร้หัวคิดแบบนี้เขายิ่งไม่อยากเข้าใจ

“…ระวังตัวเอาไว้ได้เลย!”

“เออ! อย่าเก่งแต่ปากก็แล้วกัน! ฉันจะตั้งตารอ!”

ระหว่างที่สดายุพยายามแบกร่างใหญ่โตของกฤตเมธเดินผ่านหน้าชิดจันทร์ออกมา ก็ยังไม่วายที่เจ้าหล่อนจะกล่าวคำอาฆาต ด้วยความรำคาญสดายุจึงท้าทายออกไปให้ได้รู้ว่าคนอย่างเขาก็ไม่ได้รู้สึกกลัวเกรงเลยแม้แต่น้อย

บลูม่าเดินกลับมาที่หน้าห้องมือเปล่า พร้อมบ่นอุบว่าวิ่งตามชายปริศนาคนนั้นไม่ทัน ก่อนจะเข้ามาช่วยแบบกฤตเมธขึ้นหลังแทนสดายุ เพราะตัวเองตัวใหญ่กว่า

เมื่อได้ตัวกฤตเมธดังที่ตั้งใจแล้ว สองหนุ่มก็จากไปทันทีโดยไม่มีใครหันมาให้ความสนใจหญิงสาวคนเดียวผู้เป็นเจ้าของห้องหรูนั่นอีก หล่อนถูกทิ้งเอาไว้แบบนั้นเพียงลำพัง ทิ้งเอาไว้กับใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยความชิงชังพร้อมกับดวงตาที่สุมไฟแค้นกระพือโหม…

*
*
*
*
*
เสียงฝีเท้าวิ่งลงบันไดอย่างเร็วแบบไม่มีพัก ร่างโปร่งใส่ยีนส์สีดำใส่หมวกแก๊ปกับแว่นและที่ปิดปากพรางตัวเต็มยศวิ่งห้อแบบไม่คิดชีวิต ลงมาได้ถึงชั้นที่สี่พอดีกับที่ลิฟท์ลงเปิดหนึ่งตัว ชายหนุ่มถลาเข้าไปในนั้นแบบเฉียดฉิว ก่อนจะปะทะเข้ากับอีกคนที่ทำเอาผงะ

“อ๊ะ ขอโทษครับผมนึกว่าไม่มีคนเข้า” ชายหนุ่มอีกคนในลิฟท์เอ่ยขอโทษด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรพลางส่งยิ้มแผล่มาให้ เพราะเขาเป็นคนกดปิดประตูลิฟท์เองทำให้ประตูลิฟท์หนีบเข้ากับชายชุดดำที่วิ่งกระหืดกระหอบมา

แม้จะเอ่ยขอโทษ แต่ชายชุดดำก็ไม่ได้ตอบอะไร นอกจากรีบหันหลังให้แล้วก้มหน้าก้มตาเงียบ

พอลิฟท์เปิดที่ชั้นหนึ่งชายชุดดำก็พุ่งพรวดออกไปทันทีแบบไม่คิดจะเหลียวหลัง ส่วนอีกหนึ่งหนุ่มก็ไม่ได้สนใจมากนัก ถึงอย่างไรก็ไม่ได้รู้จักมักจี่…

“อ้าว?...เฮ้ย? คุณ! กระเป๋าตก!!”

ว่าจะไม่สนใจ แต่ก็ต้องรีบคว้ากระเป๋าเงินสีดำที่ชายคนนั้นทำตกเอาไว้ แล้ววิ่งตามไปคืนตามหน้าที่พลเมืองที่ดี

“คุณ! เฮ้ย! คุณชุดดำนั่นน่ะ!! เฮ้! กระเป๋าเงินคุณตก!! วู้วววว!!”

ทั้งกู่ทั้งตะโกนเรียกทั้งวิ่งตามแต่ชายคนนั้นก็ไม่คิดจะแลเหลียว ทั้งที่คนอื่นมองกันทั้งล๊อบบี้โรงแรม และสุดท้ายชายคนนั้นก็คลาดสายตาไปในที่สุด

‘เวรละ…เอาไงดีเนี่ย? ฝากฟร้อนท์ไว้ หรือแจ้งตำรวจดีวะ?’

‘ฝากไว้ที่นี่แล้วกัน คนคนนั้นคงเป็นแขกของที่นี่แหละ’

ในที่สุดชายหนุ่มก็ตัดสินใจว่าจะฝากไว้ที่ฟร้อนท์โรงแรม ทว่า…

ตอนที่ลองเปิดกระเป๋าใบนั้นสำรวจดู ก็พบกับอะไรบางอย่างที่น่าสนใจเข้าเสียก่อน…

น่าสนใจ ขนาดที่ว่าเขาต้องเก็บกระเป๋าใบนี้เอาไว้เสียเอง




ไม่ต้องฝากใครแล้วล่ะ เดี๋ยวเขาเอาไปคืนเจ้าของด้วยตัวเองเอง!


*************************************************************************
มาต่ออีกตอน…อิอิ
โอ้วววว…น้ำข้นถ้วยแรกมาแว้ววววว…
ไม่เข้มข้นเราไม่นอน! ฮิ้วววววว!!

ปล. พี่ที่นั่งทำงานข้างๆกันเป็นอิสุกอิใสค่ะ…ป่วยงอมเลยค่ะ
เก๊าที่นั่งข้างกันยังไม่เคยเป็นค่ะ…กลัวติดค่ะ….งื้อๆๆๆๆ
ถ้าพรุ่งนี้มีไข้ล่ะใช่แน่แบบไม่ต้องสืบล่ะค๊า!!
ตายแล้ววว! รึเราจะถึงคราวต้องออกดอกล่ะเนี่ย!!
(หุหุ…ไม่มีอะไรค่ะ แค่แอบนอยด์ การเป็นอิสุกอิใสตอนแก่…มันไม่น่าปลื้มเลยชิมิคะ งื้อออ)

ปล. 2 สปอล์ยว่า...คุณหนูชิดจันทร์นั้น 'เธอเป็นคน...มีปมค่ะ'...(มากด้วย) หุหุ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-08-2014 11:47:52 โดย อนาคี99 »

ออฟไลน์ ppoi

  • When nothing goes right... GO LEFT.
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 720
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-12
 :z13: :z13: :z13:

นายดินสินะที่วิ่งหางจุกตรู๊ดดดหนีไป...  :mew5:

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
เป็นคนมีปม ที่ เอิ่มมม
ไม่น่าให้อภัยเท่าไหร่นะ

ออฟไลน์ Xhunters

  • 씨엘씨
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
มีปมก็มีค่ะ แค่ถ้ากล้ามาแหยมกับยุล่ะก็ ต่อให้มีปมเป็นร้อยก็เกลียดค่ะ  :fire: :m31:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
อีเศษดินอีกละ ไม่หยุดจิงๆนะ

อีชะนีลูกชิดนี้ก้อหน้าเอาไฟแหย่....นะ จะได้หายคัน

ออฟไลน์ monaligo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
นังคุณหนูมีปมหรือโรคจิตอ่อนๆ(ถึงขั้นไม่ธรรมดา)กันแน่คะ
กัดไม่ปล่อยเลย บดินทร์ก็อีกคน หาเรื่องเข้าตัว ดนัยจัดสักทีดิ

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
ตบอิคุณหมูบ้านั่นรัวๆค่ะ สะใจน้องยุดีแท้ อย่าไปยินยอมอะไรค่ะ ต้องสู้ค่ะน้องยุของพรี่

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
ชายชุดดำดินใช่มั้ย
อิคุณหนูเนี่ยน่าตบจริงๆ

ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1379
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
โหหห ตอนนี้มันส์มากอะ บู๊ระห่ำสุด ๆ 5555 (พี่เมธรู้เรื่องอะไรกะเขาบ้างมั้ยเนี่ย)
ยัยชิดจันทร์แม่ม ไม่มีที่ให้หล่อนยืนในเรื่องนี้แล้ว เชิญประตูสองค่ะ!!! นับวันยิ่งโรคจิตนะหล่อน
ตอนสุดท้ายรู้ตัวคนร้ายแล้ว ตอนหน้าจะเฉลยใช่ไหม ฮึ้ย เตะก้านคอมันเลยนะคะเจ๊บลู แล้วเดี๋ยวเอาซอลถวายใส่พานเป็นรางวัล อิอิ

ออฟไลน์ fahhee_zeze

  • Love you...YAOI~
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
 :hao3: ดนัยเอากระเป๋าไปคืนดินที่ห้องนอนเลยก็ดีนะ 55555  :hao7:

ออฟไลน์ tomybsl

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4
ถ้าเป็นไอ้เชี่ยดินจริงล่ะก็ เสียใจว่ะ หลงนึกว่ามันจะเป็นคนดี อยากจะ  :z6: มันจริงๆเลย
แต่อีกใจก็นึกว่าอาจจะเป็นดาราที่เคยไปของานกับคุณเสน่ห์จันทร์แต่ไม่ได้ แล้วดูเหมือนว่าจะแค้นยุด้วย สงสัยจังเลยว่าใคร :hao5:

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1915
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
แย่จังเลย

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
บดินทร์ทำไมร่วมมือกับชิดจันทน์มาทำร้ายยุอีกแล้วหล่ะ แกรักยุใช่ไหมเนี่ย
คุณดนัยจัดการเลย อิอิ

ออฟไลน์ jinjin283

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 934
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
ชายชุดคำนั้นคือใครน๊าา เดาว่าเป็นบดินอะ คิคิ
มาต่อไวๆนะคะ คู่ดนัยน่าสนใจมาก ๆ คุณหนูชิดจันก็เหมือนกัน แรงจูงใจคง
อยากเอาชนะ แม่ตัวเองป่าวอะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด