ความเย็นที่กดซับอยู่ตามแขน ลำคอ และใบหน้า เรียกสติของกฤตเมธให้ฟื้นขึ้น ดวงตาคมกล้าค่อยๆ ปรือปรอยลืมขึ้นเชื่องช้า
“ตื่นได้แล้วสิ แม่สาวน้อยไร้เดียงสา…”“…ย…ยุ…อืม ผมรอดมาได้เหรอเนี่ย…” เสียงงัวเงียของกฤตเมธตอบกลับออกมา ดวงตาที่ลืมขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งหลับลงอีกครั้ง เพื่อจัดระบบการประมวลภาพและลำดับความคิดใหม่อีกที เพราะตอนนี้ยังมึนได้ไม่เลิก
“รู้ได้ไงว่ารอด? คุณน่ะโดนข่มขืนแล้วทิ้งไว้ข้างทาง ผมกับเจ๊บลูไปเจอเข้าหรอกเลยช่วยกลับมา”
“หึ…อย่าอำผมสิ ถึงจะไม่ 100% แต่ผมก็พอมีสติจำได้ลางๆนะ ว่าคุณบุกไปช่วยผมมาได้น่ะ” กฤตเมธว่า พลางพยุงตัวลุกขึ้นนั่งเอนกายพิงขอบเตียงไว้ มือหนึ่งยกขึ้นนวดขมับที่ยังคงปวดตุบๆของตัวเอง
“อ้าว? ยังพอมีสติแล้วทำไมไม่หนีออกมาล่ะ หรือตั้งใจนอนรอเป็นพระอกในคลิปฉาวกัน?” สดายุแสร้งถามขณะเดินเอาผ้าชุบน้ำบิดหมาด ช่วยซับตามใบหน้าเหนื่อยอ่อนของกฤตเมธอีกครั้ง
“มีแรงที่ไหนล่ะ ไม่รู้ในไวน์นั่นใส่ยานอนหลับไปเท่าไหร่ โดนไปแค่อึกเดียว เล่นซะเคว้งเลย”
“เป็นไงล่ะ? ชิดจันทร์ น้องสาวแสนดีไร้เดียงสาของคุณ เห็นฤทธิ์แล้วหรือยัง?”
“…ผมเถียงไม่ออกเลยล่ะ ผมรู้อยู่แล้วว่าชิดจันทร์เป็นคนเอาแต่ใจ รู้อยู่เต็มอกว่าเขากำลังทำสงครามอยู่กับคุณ แต่ไม่นึกว่า…จะทำขนาดนี้” กฤตเมธยอมรับโดยดีพร้อมถอนหายใจบางเบา ชิดจันทร์เป็นคนยังไงเขาก็พอรู้ แต่นึกไม่ถึงจริงๆที่หญิงสาวจะทำกับเขาแบบนี้
“ดูเหมือนเขาจะอยากได้คุณมากเลยนะ ถึงกับยอมเอาตัวเองเข้าแลกขนาดนี้…คุณหนูชิดจันทร์ คงรักคุณมาก”
สดายุพูดออกไปตามความคิด เมื่อคืนเขารุนแรงกับชิดจันทร์ไปเยอะ ด้วยความไม่พอใจที่เห็นว่าอีกฝ่ายไม่เล่นไปตามกติกา แต่พอนำกฤตเมธกลับมาที่ห้อง พอได้นั่งมองคนที่หลับไม่ฟื้นเสียทีอยู่เงียบๆ แล้วลองไพล่นึกถึงสิ่งที่ชิดจันทร์พยายามจะทำ เขาไม่เข้าใจว่าหล่อนต้องการอะไร แต่…หากผู้หญิงคนหนึ่งจะลงทุนทำขนาดนั้นเพื่อให้ได้คนที่ตัวเองรักกลับไปล่ะ ชิดจันทร์เอง…จะอยู่ในกลุ่มผู้หญิงที่คิดอย่างนั้นหรือเปล่านะ…
ความคิดนั้น เล่นเอาสดายุห่อเหี่ยวใจสุดๆเลยทีเดียว
เพราะถ้าให้พูดตรงๆ เขาคือคนที่มาทีหลัง ดังนั้นชิดจันทร์จึงมีสิทธิ์ทวงคืน!
ทว่า…
“ชิดจันทร์น่ะ ไม่ได้รักผมหรอก” “เอ๊ะ?” กำลังคิดหนักอยู่ดีๆ กฤตเมธก็ดันโพล่งตัดกระบวนความคิดที่อุตส่าห์จะมองชิดจันทร์ดีขึ้นมาหน่อยจนหายเหี้ยน
“ผมไม่รู้แรงจูงใจของเขาหรอกนะ แต่เชื่อเถอะ มันไม่ใช่เพราะเขารักผมแน่ๆ”
“แล้วทำไม คุณหนูนั่นถึงจ้องทำขนาดนั้น? คุณแน่ใจเหรอ?”
“ใครชอบผม ผมดูออก แค่มองตาก็รู้แล้ว…” กฤตเมธเอ่ยพลางเอื้อมมือข้างหนึ่งมาจับไว้ที่แก้มของสดายุ
“และชิดจันทร์ ไม่เคยมองผมด้วยสายตาของคนรัก”คำยืนยันแน่นหนักของกฤตเมธ ทำเอาสดายุมึนหนัก กฤตเมธเล่นออกตัวแบบนี้ จุดประสงค์แท้จริงของชิดจันทร์ก็ยิ่งคลุมเครือน่ะสิ อย่าบอกนะ ว่าที่ลงทุนทำทั้งหมดน่ะ
‘แค่เพื่อเอาชนะเขา??’ ต้องการเอาชนะ โดยการลงทุนเป็นนางเอกคลิปฉาวกับคนที่ตัวเองไม่ได้รักเนี่ยนะ!?
สดายุได้แต่สะท้อนใจ เพราะถ้าแค่เหตุผลนั้นจริงๆล่ะก็ ชิดจันทร์ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
บ้าเข้าขั้นเลยด้วย!!
ตั้งแต่ได้ยินคำบอกเล่าของกฤตเมธ สดายุก็เอาแต่นิ่งเงียบ เพราะมัวแต่วิเคราะห์ประเด็นที่น่าจะเป็นไปได้ของเหตุผลที่ชิดจันทร์ลงมือทำเรื่องดังกล่าว แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีผลสรุป เพราะถ้าแค่จะเอาชนะเขา ยังมีวิธีอีกร้อยแปดที่ไม่ต้องถึงขนาดเปลืองตัวเอง แต่เหตุผลอะไรล่ะที่มันจะหนักแน่นพอให้ชิดจันทร์ลงมือ ข้อนี้สดายุคิดไม่ตกจริงๆ
ความเงียบงันปกคลุมคนทั้งคู่อยู่พักใหญ่ๆ ต่างคนต่างคิดไปคนละอย่าง สดายุเครียดเรื่องชิดจันทร์ แต่กฤตเมธกลับเครียดกับอีกเรื่องที่สำคัญกว่า
"ยุ...ผมขอโทษนะ"
"...หืม? ขอโทษผมทำไม?"
จู่ๆกฤตเมธก็เอ่ยขอโทษออกมาด้วยสีหน้าเครียดขึง สองมือใหญ่จับตระกองมือข้างหนึ่งของสดายุไว้มั่นขณะเอื้อยเอ่ยคำขอโทษนั้น
"ทุกเรื่อง...ทุกเรื่องที่ผมทำลงไปโดยไม่คิดถึงคุณ..."
"หึ...รู้ตัวด้วยเหรอ?...ว่าแต่เรื่องอะไรบ้างล่ะ? ผมจำไม่ค่อยจะได้แล้ว" ดายุแสร้งขำออกมาบางๆ เพื่อลดทอนบรรยากาศหน่วงๆ ที่กฤตเมธสื่อมาถึงตน ‘จู่ๆ จะดราม่าอะไรอีกล่ะลุง?’
“เรื่องชิดจันทร์...”
“...ไม่เห็นต้องขอโทษ คุณโดนมอมนี่ ไม่ได้สมยอมตามไปถึงเตียงเสียหน่อย คุณต้องรู้สึกผิดทำไม?”
“ไม่ใช่แค่เรื่องนั้น ผมหมายถึงเรื่องที่ผมยอมตามใจชิดจันทร์ ในการให้ข่าวต่างๆกับสื่อ ยอมออกหน้ากล้องให้สัมภาษณ์คู่กับเธอโดยไม่ปริปากแย้งอะไรเลย...”
“อืมมมม...เรื่องนั้นมันก็น่าโมโหจริงๆนั่นแหละ แต่ผมก็เข้าใจ คุณก็แค่ทำตามหน้าที่ล่ะนะ สุภาพบุรุษที่ดีย่อมไม่ควรหักหน้าสุภาพสตรีในที่สาธารณะ...ละมั้ง”
ถ้อยคำติดประชดประชันเล็กน้อย ทำเอากฤตเมธถึงกับหน้าสลดกว่าเก่า แต่สดายุก็ไม่ได้คิดสงสาร เพราะเรื่องนี้ก็ฝังใจเขามานานแล้วเช่นกัน เพียงแต่ยังไม่ได้เปิดประเด็น ด้วยคิดว่ายังเร็วเกินไป และที่อีกอย่าง ทางสดายุก็ไม่ได้เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญอะไรมากมายนัก มันก็แค่โลกมายา เบื้อหน้าอย่างเบื้องหลังอย่างมันก็เรื่องปกติ ช่างหัวมันเถอะกับข่าวหน้าฉาก สดยุไม่เดือดร้อนอยู่แล้ว
แต่ถ้ากฤตเมธจะคิดมากเพราะเขา...อืม...สดายุก็คิดว่าน่าสนุกดีเหมือนกันนะ แกล้งคนแก่เล่นซะหน่อยดีกว่า
“ทุกครั้งที่ต้องให้สัมภาษณ์ต่อหน้านักข่าว ผมจะปิดปากเงียบแล้วปล่อยให้ชิดเป็นคนให้ข่าวเพียงคนเดียว ที่ทำแบบนั้นไม่ใช่เห็นดีเห็นงามในสิ่งที่เธอทำ แต่เพราะผมเห็นแก่คุณเสน่ห์จันทร์ ผม...ไม่อยากทำให้ท่านเสื่อมเกียรติ...”
“อ้อ....ครับ ผมพอเข้าใจ....” สดายุพยักหน้าช้าๆสองสามครั้ง สายตาบ่งบอกอาการเหนื่อยหน่ายเล็กๆ เห็นด้วยอยู่หรอกกับการที่กฤตเมธทำแบบนั้นเพื่อรักษาหน้าของท่านประธาน แต่มันก็อดหมั่นไส้เล็กๆในความกตัญญูเกินเหตุนั่นไม่ได้จริงๆ
และมันอดไม่ได้ จนต้องหลุดเหน็บไปคำโต
“...อืมๆ เพื่อคุณเสน่ห์จันทร์สินะ...ดีครับดี คุณนี่ช่างเป็นพระเอกทั้งในและนอกจอจริงๆ นี่ถ้าผมนิสัยพระเอกได้สักครึ่งของคุณนะเมธ ป่านนี้ผมคงได้เป็นเทพบุตรแห่งวงการกับเขาบ้างแล้วล่ะ...”
“...อย่าประชดผมสิยุ...ผมเจ็บนะ” โดนแขวะไปเต็มรัก จนต้องออดอ้อนขอความเมตตาจากคนรัก ก่อนที่แผลจะเหวอะไปมากกว่านี้
ร่างหนาเบียดกายเข้าใกล้ มือแกร่งเอื้อมไปโอบเอวคนช่างประชดเอาไว้เบาๆ แล้วซุกศีรษะหนักๆของตนลงบนไหล่บอบบางแต่ผึ่งผายของสดายุอย่างไม่เกรงใจว่าอีกฝ่ายจะหนักหรือเปล่า
สดายุพรูลมหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนซบศรีษะของตนบนศีรษะของกฤตเมธอีกที
“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร เอาเข้าจริงถ้าผมเป็นคุณ ก็อาจทำแบบนั้นเหมือนกันก็ได้...ถ้าบังเอิญผมคบอยู่กับลูกสาวของเจ๊บลูม่า ผมเองก็คงต้องยอมฝ่ายหญิงแบบนี้แหละ ต่อให้ไม่ได้รักก็เถอะ...ผมเข้าใจคุณ โอเคยัง?”
“เปรียบเทียบซะเห็นภาพเชียว หึหึ...ขอบคุณนะยุ ที่คุณเข้าใจผม”
“จำใจต่างหาก”
“ยุครับ...จากนี้ไปผมจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนั้นมันเกิดขึ้นอีก”
“ทำไม? จะไม่ออกสื่อคู่ยัยคุณหนูนั่นแล้วสิ เข็ด?”
"จะออกสื่อหรือไม่ ผมก็จะไม่ปล่อยให้ชิดจันทร์พูดอะไรตามใจตัวเองแบบนั้นอีกแล้ว..." ถึงตรงนี้กฤตเมธผงกหน้าขึ้นมองสบตากับสดายุเป็นนัย ว่าคำพูดต่อจากนี้ไปของเขาจะเทียบเท่าคำสัญญา
“
ผม...จะชัดเจนกับความรู้สึกของตัวเอง ไม่ว่ายามที่อยู่เบื้องหน้าหรือเบื้องหลัง ผมมันงี่เง่าเองที่มัวแต่ให้เกียรติ์คนอื่น แต่ไม่ยอมให้เกียรติ์หัวใจคุณ...ผมเกลียดตัวเองจัง ที่มาฉลาดเอาตอนนี้...”
คำมั่นพร้อมคำตัดพ้อตัวเองของกฤตเมธ ทำหัวใจสดายุวูบไหว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาดีใจที่กฤตเมธใส่ใจเขามากมายขนาดนี้ แต่คนฟอร์มจัดอย่างเขา จะให้ยิ้มรับหน้าชื่น ก็คงจะดูแปลกไปหน่อย ดังนั้นจึงขอเล่นตัวอีกนิด พอให้อีกฝ่ายใจหายใจคว่ำเล่นๆ
“พูดซะใหญ่โตเชียว ทำอย่างกับคุณจะแถลงการณ์ว่าคั่วอยู่กับผมตอนออกสื่อครั้งหน้าอย่างงั้นแหละ”
“ใช่”
“เฮ้ย?” ทีแรกแค่ตั้งใจจะแหย่เล่น แต่พอกฤตเมธรับคำจริงจังเข้า สดายุก็ถึงกับเอ๋อ เพราะคนที่ใจหายใจคว่ำดันกลายเป็นเขาซะอย่างนั้น
“ผมพูดจริงนะ ถ้ามันจำเป็น”
“ตลกน่า ใจหายหมด จะทำอะไรก็ช่วยรอหนังฉายจบก่อนเถอะคุณ แค่นี้ก็เป็นข่าวจะแย่ละ” ดีว่ายังมีเงื่อนไขตามหลัง สดายุส่ายหัวยิก ให้คนรักที่เอาแต่ทำหน้าจริงจังอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะชำเลืองไปเห็นว่าอีกฝ่ายลอบอมยิ้ม
‘อ้าว? โดนคนแก่เล่นอีกแล้ว’ใบหน้ายียวนของกฤตเมธ เรียกหมัดหนักๆของสดายุให้ฟาดลงดังผั๊วะ ตรงต้นแขนหนาล่ำ พร้อมใบหน้าแสดงความเคืองขุ่นเล็กๆที่ทำให้กฤตเมธต้องรีบโอบกอดร่างบอบบางของสดายุไว้อีกครั้งเพื่ออ้อนขอความเห็นใจ ผิดไปแล้วที่ทำให้โกรธ...
“ผมไม่ได้ล้อเล่นนะยุ ผมอยากแถลงข่าวจริงๆ อยากคบกันแบบออกหน้าออกตาจะแย่อยู่แล้ว”
“อย่าเพิ่งรีบเลยคุณ แค่นี้คุณก็ต้องสละหลายอย่างมากพอแล้ว คิดให้ดีก่อนเถอะ อย่าใจเร็ว จนทำให้ต้องเสียใจในอนาคต เพราะผมอาจกลายเป็นสิ่งที่คุณตัดสินใจพลาดไป”
“มันจะเป็นอย่างนั้นไปได้ยังไงกัน คุณคือความแน่นอน ที่ผมไม่เคยมีมาก่อน ผมมั่นใจว่ามันจะไม่พลาด”
กฤตเมธเถียงจริงจัง ผละตัวออกมาพลางใช้สองมือตระกองไหล่บอบบางนั้นไว้ จดจ้องสองตาคมสวยตรงหน้าอย่างค้นหาคำตอบ
‘เมื่อไหร่นะ สดายุถึงจะเชื่อใจเขาเสียที’
“เมธ...ในวันที่คุณยืนยันที่จะใช้ชีวิตร่วมกับผมอย่างจริงจัง วันนั้นคุณต้องละทิ้งหลายๆสิ่งที่คุณมีอยู่ในตอนนี้...อย่างแรกก็...เกียรติยศ ชื่อเสียงที่คุณอุตส่าห์สั่งสมมาร่วมสิบปี ในวันที่คุณจูงมือผมออกสื่อ มันคง...หายวับ แบบไม่มีทางกู่กลับ”
“อย่างที่สองก็...โอกาสทางการแสดง ขึ้นชื่อว่าเกย์ งานพระเอกคงไม่เหลือ”
“อย่างที่สาม...ก็คือความเมตตาจากผู้มีพระคุณ ทิ้งลูกสาวเขาแล้วมาเอาผม เข้าขั้นเนรคุณเชียวนะ บอกเลย”
“และที่สำคัญ...หากคุณต้องการจะมีผมไปทั้งชีวิต คุณจะหมดสิทธิ์ที่จะได้เป็นพ่อคน...คุณจะไม่มีงานแต่งงานออกหน้าออกตา ไม่มีครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อม ไม่มีลูกที่สืบสายเลือดของตัวเอง...ผมถามจริงคุณเมธ...ถึงตอนนั้น คุณจะรับได้เหรอ? ครอบครัวคุณ ญาติพี่น้องคุณ เขาจะรับได้เหรอ? ...คนอย่างผม...”
“ยุ! ผมรักคุณ ไม่มีอะไรที่คุณว่ามาสำคัญต่อชีวิตผมมากไปกว่าคุณ เกียรติยศ ชื่อเสียง หรือโอกาสในวงการอะไรนั่นมันไม่ได้จำเป็นสำหรับผมสักนิด มีลูกไม่ได้ ผมก็มีคุณแล้วไง เราอยู่กันแค่สองคนไปจนแก่จนเฒ่าก็ได้นี่ ญาติพี่น้องเขาก็ไม่ได้มามีสิทธิ์อะไรกับชีวิตผมสักหน่อย ครอบครัวของผมมีแค่คุณแม่...และท่านรู้ดีว่าผมรักคุณ!............”
“ว่าไงนะ!?” กำลังซาบซึ้งกับคำประกันรักของกฤตเมธอยู่ดีๆ ประโยคสุดท้ายของชายหนุ่มทำเอาสดายุแทบสำลัก
‘คุณแม่ของกฤตเมธ รู้เรื่องที่เขาทั้งคู่รักกันแล้ว!?’
“ต...ตั้งแต่เมื่อไหร่!? คุณบอกแม่คุณตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย!!?” สดายุแทบจะกระชากคอถาม สองมือเขย่าไหล่กฤตเมธไปมาจนหัวสั่นหัวคลอน อารามตกใจทำให้สองแขนผอมบางทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ
“ใจเย็นก่อนยุ...ผมบอกเรื่องคุณกับแม่ตั้งแต่กลับถึงไทยแล้ว...” กฤตเมธยกสองมือขึ้นเหนือศีรษะ ยอมแพ้แก่คนรักโดยสดุดี
“อร๊ากกก คุณจะบ้าเหรอ!? แล้วทำไมไม่บอกผมก่อน!!” ทว่าสดายุก็หาได้ปรานีไม่ ร่างโปร่งลุกขึ้นยืนฉับพลัน ยันขาข้างหนึ่งไว้บนเตียงข้างตัวของกฤตเมธ พลางเขย่าคอของเหยื่ออารมณ์ไปมาแบบไม่มียั้งแรง
"โอ้ย...ยุ อย่าเขย่าคอสิ ผมยังมึนอยู่นะ...คุณจะอารมณ์เสียทำไมเนี่ย...?" กฤตเมธได้แต่ท้วงออกมาเบาๆ เมื่อคอยังคงโดนเขย่าไปมา
"แก่ปูนนี้แล้วทำอะไรไม่ยั้งคิดเลยนะคุณน่ะ! แล้วนี่แม่ของคุณเขาจะคิดยังไง! เขาจะเสียใจแค่ไหน ที่ลูกชายเขาเป็นแกย์! คุณมันบ้าที่สุดเลยกฤตเมธ!!"
"ใจเย็นๆก่อนสิครับยุ แม่ผมไม่ได้เป็นอะไร ท่านออกจะดีใจซะด้วยซ้ำ..." เห็นว่าคนรักกำลังจะเสียสติ กฤตเมธจึงรีบปลอบขวัญ สองมือแกร่งที่ยกชูเหนือศีรษะอยู่เมื่อครู่เปลี่ยนมาแกะสองมือผอมบางที่ขยุ้มคอเสื้อเขาอยู่ลงมาถือเอาไว้แทน พลางเร่งบอกสดายุออกไปว่าไม่ต้องคิดมาก เพราะมันไม่ได้มีปัญหาใหญ่โตอะไรอย่างที่สดายุคิดเอาไว้ทั้งนั้น
"อย่ามาโกหกซะให้ยากเลย แม่ที่ไหนเขาจะดีใจที่ลูกตัวเองเป็นเกย์กัน!!?" แต่มีหรือที่สดายุจะยอมเชื่อในทันที ชายหนุ่มที่มองโลกในแง่ร้ายอย่างเขา จะทำใจเชื่อเรื่องแบบนี้ลงด้วยหรือ?
"...ก็แม่ผมไง ตอนผมบอกท่านว่าผมมีคนรักแล้ว แต่ว่าเป็นผู้ชาย เห็นท่านดีใจจะแย่" กฤตเมธย้ำชัด ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าจริงจัง
"...แม่คุณ...ท่าน..."
"ก็เพี้ยนเหมือนผมนี่แหละ หึหึ..."
"...เมธ นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ"
"ก็ไม่ได้ล้อเล่นไง ผมพูดจริงๆนะ แม่ผมน่ะ ท่านดีใจจริงๆที่ผมมีคนรัก ตอนที่ผมบอกเรื่องคุณกับท่านน่ะ ท่านดีใจจะตาย ซ้ำยังขอให้ผมเล่าเรื่องของคุณให้ฟังเยอะๆอีก ความจริงท่านบ่นว่าอยากเจอคุณมาตั้งนานแล้ว แต่ผมยังไม่มีโอกาสจะบอกคุณสักที"
".................อะไรล่ะนั่น แม่คุณทำผมมึนอ่ะ" ฟังคำสาธยายของกฤตเมธ สดายุก็หน้าแดงแจ๋ บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง เขิน? ดีใจ? มีความสุข?
แน่นอนว่าการได้รับการยอมจากบุพการีของคนรักย่อมเป็นสิ่งที่เขาปรารถนา ความจริงเรื่องนี้เขาตัดใจและทำใจรอมาตั้งแต่เริ่มคบกับกฤตเมธแล้ว ว่าทางครอบครัวของกฤตเมธคงรับเขาไม่ได้ แต่พอมาได้ยินเรื่องน่าเหลือเชื่อจากปากกฤตเมธแบบนี้ สดายุก็ถึงกับลมแทบจับ เพราะความตื้นตันมันล้นเอ่อ...
"อ้อ...ลืมบอกไป..." เห็นว่าสดายุอ่อนยวบลงแล้วกฤตเมธก็ไม่ยอมพลาดโอกาสงามๆตรงหน้า สองแขนแกร่งรีบคว้าเอวบางเข้ามากอดหมับ แล้วซุกศีรษะหนักๆของตนลงบนหน้าท้องของสดายุทันที แรงกอดรัดทำเอาร่างที่ยืนอยู่ข้างเตียงเสียงหลักเล็กน้อยจนต้องเผลอใช้มือรั้งไหล่คนนั่งมั่นคงอยู่ยนเตียงใหญ่อย่างช่วยไม่ได้ เข้าทางให้กฤตเมธได้กอดรัดแน่นหนากว่าเดิม
"แม่ผมน่ะ แฟนละครตัวยงของคุณเชียวนะ" "ห๊ะ?"
"เพราะงั้น...พอรู้ว่าได้ดาราในดวงใจอย่างคุณมาเป็นว่าที่ลูกสะใภ้ของ บอกตรงๆ แม่ผมงี้ดีใจจนเนื้อเต้นเลยทีเดียว...หึหึ"
"นี่คุณ....อย่ามาอำผมน่า..." สดายุแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง สมองประมวลผมยังไม่ได้ด้วยซ้ำในสิ่งที่กฤตเมธพูดออกมา ซ้ำชายหนุ่มยังเอาแต่พูดอู้อี้อยู่ตรงพุงเขาโดยไม่ยอมสบตากันแบบนี้อีก อำกันเล่นหรือเปล่า? จะไปเชื่อลงได้ยังไง? เรื่องดีๆแบบนี้มันจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆอย่างนี้เลยน่ะเหรอ?
"ผมพูดจริงนะ ถ้าคุณไม่เชื่อ...ลองไปเจอท่านดูมั้ยล่ะ"
".......จ...เจอแม่คุณ...น่ะเหรอ?" คำชวนพาสดายุอึ้ง เพราะมันฉุกละหุก จนเขาตั้งตัวไม่ทัน
"อืม...ยุ คุณพร้อมจะเจอ ผู้หญิงคนเดียวที่ผมรักหรือยัง? ผู้หญิงคนนั้นน่ะ เขาพร้อมจะเจอคุณมาตั้งนานแล้วนะ..." คราวนี้กฤตเมธเงยหน้าขึ้นสบตาสดายุชัดๆ ถ้อยคำอ่อนหวานเอ่ยชวนเนิบนาบ หลอกล่อคนตกประหม่าจนหน้าแดงให้เคลิ้มตามตอนที่ยังตั้งสติไม่ได้
"...จะดีเหรอ?....ผม...ผมเป็นผู้ชายแบบนี้...ประวัติก็....เลวร้าย..." สดายุอึกอัก สองจิตสองใจ
“ดีสิ ไปพบท่านกับผมนะ” พระเอกหนุ่มใหญ่ทั้งหลอกล่อ ทั้งออดอ้อน สองตาคมกล้าจ้องตาอีกฝ่ายไม่ลดละราวกับกำลังสะกดจิต
“...เอ่อ...ผม...” การสะกดจิตใกล้จะได้ผล เมื่อสดายุเริ่มออกอาการลังเล...เผลอไผล ใกล้จะเคลิ้มตามในไม่ช้า
“ตั้งแต่ที่พ่อผมเสีย ตัวผมก็อยู่กับแม่แค่สองคนมาตลอด ทำงานในวงการควบกับการฟื้นฟูธุรกิจของครอบครัว ยุ่งตัวเป็นเกลียวจนไม่มีเวลาเปิดใจคบกับใคร ที่เคยมีคบหาก็แค่ฉาบฉวย ส่วนใหญ่อีกฝ่ายจะเป็นคนเข้ามาหาผมก่อน เพราะผมไม่เคยให้ความสนใจใครเป็นพิเศษ แถมเวลาก็ไม่มีให้ คบกันประเดี๋ยวประด๋าวก็เลิก ก็จบกันไป...ตรงจุดนี้คุณแม่ท่านบ่นตลอด เพราะกลัวผมจะกลายเป็นคนหัวใจตายด้าน เอาแต่งานไม่เอาเมีย...กระทั่ง...ได้มาเจอคุณ”
เห็นว่าสดายุกำลังเคลิ้มตามได้ที่ กฤตเมธเลยตะล่อมต่อด้วยเหตุผลที่แม่ของเขายอมรับสดายุได้ อยากบอกให้รู้ อยากให้สดายุสบายใจ
“ผมยอมรับครับ ว่าตอนที่ผมบอกแม่ ท่านตกใจน่าดู คงคิดไม่ถึงว่าผมจะชอบผู้ชาย...แต่พอผมเล่าหลายๆอย่างให้ท่านฟัง บอกท่านว่าคุณคือใคร แท้จริงคุณน่ารักแค่ไหน ไม่นานท่านก็ยอมรับได้ บอกว่าดีแล้วที่ในที่สุดผมก็รักใครแบบจริงๆจังๆเป็นเสียที ต่อให้อีกฝ่ายเป็นผู้ชายแต่ถ้าเป็นคนดี ท่านก็ยินดีด้วย”
“...คุณแม่คุณนี่...สุดยอดไปเลย” ยิ่งได้ฟังสดายุก็ยิ่งทึ่ง คุณแม่ของกฤตเมธในความรู้สึกของสดายุตอนนี้มีแต่ความน่ารักและอ่อนโยน
'ตัวจริง...จะน่ารักและใจดีอย่างนี้หรอเปล่านะ'ถึงอดจะสงสัยไม่ได้ขึ้นมา แต่พอได้มองคนที่ยังคงกอดเอวเขาไว้ไม่ห่าง จ้องหน้าเขาอย่างกับจะดูดให้เข้าไปอยู่ในดวงตาคู่นั้น ทั้งยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่น่าเอ็นดูเสียยิ่งกว่าเด็กเล็กทั้งที่แก่จะแย่อย่างกฤตเมธ สดายุก็เริ่มมีความมั่นใจขึ้นมาหน่อยแล้วว่า
'คุณแม่ของคนอย่างกฤตเมธ จะต้องเป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมมากแน่ๆ'
แล้วในที่สุด สดายุก็ตัดสินใจได้
"คุณแม่ผมชอบคุณมากจริงๆนะ ตอนที่ผมเฉลยว่าผู้ชายที่ขโมยหัวใจผมไปได้คือใคร แม่ผมดีใจใหญ่บอกว่าตัวเองเป็นแฟนคลับคุณอยู่ พยามจะให้ผมรีบพาคุณไปเจอท่านให้ได้ บ่นอยากเห็นหน้าลูกสะใภ้จะแย่แล้ว"
"พอเหอะคุณ ไม่ต้องยกยอแล้ว.." สดายุรีบห้าม เพราะพาลจะเลี่ยนกับคำป้อ เขาไม่อยากถูกอวยจนเหลิง เดี๋ยวเจอตัวจริงแล้วไม่เป็นดังคิด ชีวิตจะเปลี่ยนเสียเปล่าๆ
"ตกลงผมจะลองไปเจอท่านดู" ว่าแล้วก็รีบตอบตกลงก่อนจะโดนตะล่อมจนเคลิ้มไปกันใหญ่
"จริงนะ" กฤตเมธดีใจอย่างเห็นได้ชัด เพราะชายหนุ่มยิ้มตาหยีไม่มีเก็กเหมือนปกติ เรียกได้ว่าหมดมาดพระเอกรุ่นใหญ่กันเลยทีเดียว
"แล้วจะโกหกไปทำไมล่ะ"
“งั้นไปพรุ่งนี้เลยมั้ย?”
“รีบไปแล้วคุณ หึหึ...พรุ่งนี้ให้ได้นอนก่อนเถอะ ไม่เห็นคิวถ่ายที่พี่อ๊อดให้ไว้เหรอ เช้าชนเช้าแหงๆ ยังจะมีเวลาไหนไป”
“...ก็ผมดีใจนี่ อยากให้คุณเจอกับแม่เร็วๆ...”
“วันอาทิตย์ก็ได้นี่ครับ วันนั้นไม่มีถ่าย” สดายุเสนอทางออก กฤตเมธยิ้มรับแล้วกอดเอวคนรักเอาไว้ต่อ เขามีความสุขที่ได้อยู่กับสดายุ มีความสุขมากจนไม่อยากปล่อยมือ ไม่อยากคลายอ้อมแขน
จำแทบไม่ได้แล้วว่าในวันที่ไม่มีคนคนนี้ข้างกายเขาผ่านวันเหล่านั้นมาได้ยังไง? เขารู้สึกเหงาแค่ไหน?
จากนี้ไปก็นึกไม่ออกเลยว่า ชีวิตต่อจากนี้ไป หากไม่มีสดายุเขาจะเป็นยังไง?
จะทนได้มั้ย...
เมื่อก่อนนั้น ก่อนที่จะได้เจอกับสดายุ เขาเองก็คงเคยรู้สึกเหงา แต่มันคงไม่ได้รุนแรง หรือมีผลอะไรเพราะเขาชินเหลือเกินกับการเดินเพียงลำพังบนเส้นทางที่เขาเลือก
แต่หลังจากได้เจอกับสดายุ ชีวิตเขาเปลี่ยนโดยสิ้นเชิง เขาไม่อาจเลือกเส้นทางที่จะเดินไปเพียงลำพังได้อีก
เขาทนเหงาขนาดนั้นไม่ไหว
ทุกวันนี้แค่ไม่เจอข้ามวันก็รู้สึกคิดถึง
นี่เขาเคยรู้สึกกับใครมากขนาดนี้มาก่อนหรือเปล่านะ...
คำตอบคือ 'ไม่'
แค่สดายุเท่านั้น เพียงสดายุเท่านั้น ที่ทำให้เขารู้สึกรุนแรงขนาดนี้
คนอย่างกฤตเมธไม่เคยหึงหวงใคร
แต่เขากลับหึงสดายุจนขาดสติ
คนอย่างกฤตเมธไม่เคยเหงาที่ต้องนอนคนเดียว
แต่เขากลับนอนไม่หลับถ้าไม่ได้นอนกอดสดายุ
คนอย่างกฤตเมธไม่เคยสนใจแม้ใครจะเดินจากไป
แต่เพียงสดายุบอกว่าจะไป เขาก็แทบทนไม่ได้
คนอย่างกฤตเมธไม่เคยแคร์หากใครจะไม่รัก
แต่เขาทนไม่ไหวหากสดายุจะไม่รัก
คิดได้ดังนั้น กฤตเมธก็ยิ้มออกมาน้อยๆขณะที่ยังซุกใบหน้าอยู่ตรงพุงอุ่นๆของสดายุ
'แย่แล้ว...สดายุทำเขาแย่แล้วจริงๆ'
**************************************************************