ผมคือ...นางเอก
ซีนที่ 39 ชิดจันทร์!"ข่าวนี่มันหมายความว่ายังไงกัน ชิดจันทร์!?" เสียงแผดกล้าอย่างไม่รักษาอาการของผู้เป็นใหญ่เรียกรอยยิ้มร้ายให้ผุดพรายขึ้นทันทีตรงใบหน้าสวยหวานของหญิงสาว
"ก็หมายความอย่างที่เป็นข่าวนั่นแหละค่ะ ต่างกันหน่อยตรงที่พี่เมธไม่ได้ตั้งใจไป แต่ถูกชิดมอมไปก็แค่นั้น..."
"ยัยชิด! ทำไมถึงทำแบบนี้!?"
"คุณแม่จะโมโหไปทำไมคะ? เรื่องน่ายินดีออก" ชิดจันทร์เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มบางๆบนใบหน้า ก่อนจะค่อยๆสืบกายเข้าใกล้ผู้เป็นมารดาแล้วโน้มกายลงกระซิบใกล้เสน่ห์จันทร์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ประธานเบาๆ
"อยากได้จนตัวสั่นไม่ใช่เหรอคะ ลูกเขยที่ชื่อกฤตเมธน่ะ..."
"ชิดจันทร์!!"
เพี๊ยะ!!
เสียงฝ่ามือสัมผัสผิวแก้มดังสนั่น บ่งบอกถึงแรงอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของผู้กระทำที่ฟาดลงไปแบบไม่ยั้งแรง
คบตบใจหาย
แต่คนถูกตบกลับยิ้มร่ารับรอยฝ่ามือนั้นด้วยเสียงหัวร่อ
"ฮะ ฮะ ฮะ...ทนฟังไม่ได้ขนาดนั้นเลยเหรอคะคุณแม่ จี้ใจดำเหรอ? ตบทีเดียวคงไม่สะใจมั้งคะ อีกทีมั้ย? ตบหนูอีกสิคะ ตบหนูแรงๆ!! ตบอีกสิคุณแม่!!"
"หยุดนะ!!" เสน่ห์จันทร์แผดเสียงลั่นด้วยอดรนทนกิริยาของอีกฝ่ายไม่ไหว หล่อนพลาดไปที่เผลอระงับอารมณ์ไม่อยู่ จึงเข้าทางให้อีกฝ่ายได้ช่องทางหาเรื่องทิ่มแทงใจหล่อนอยู่แบบนี้
อีกฝ่าย...ที่เป็นลูกในใส้ของหล่อนเอง
ลูกในใส้...ที่เกลียดหล่อนเข้ากระดูกดำ!!
"เธอคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงกล้าทำเรื่องงามหน้าแบบนี้? กฤตเมธเขาเสียหายยังไงก็เป็นผู้ชาย แต่เธอนี่สิ...เธอเป็นผู้หญิง มีข่าวแบบนี้ ต่อไปจะเป็นยังไง? จะขึ้นเป็นเจ้าคนนายคนได้ยังไง!?..."
"แคร์ทำไม? ก็คนจะหาผัว! แล้วมันผิดตรงไหน ในเมื่อว่าที่ผัวก็เป็นคนที่แม่แท้ๆยัดเยียดให้! อนาคต? เจ้าคนนายคน? กลัวทำไมคะ? ชิดจันทร์ลูกสาวคนเดียวของคุณเสน่ห์จันทร์มันก็แค่เจริญรอยตามคนเป็นแม่นั้นแหละค่ะ..." ชิดจันทร์ค่อยๆเดินห่างออกจากเสน่ห์จันทร์เล็กน้อย เดินเยื้องย่างมาตรงด้านหน้าโต๊ะท่านประธานที่แสนยิ่งใหญ่ ก่อนจะเขยิบกายขึ้นไปนั่งไขว่ห้างด้วยท่าทีไม่ยี่หระต่อสายตาของผู้เป็นมารดา
"ตอนสมัยสาวๆ เจ้าแม่เสน่ห์จันทร์ยังเคยทำเรื่องงามหน้าอย่างหนีตามผู้ชายเลย แล้วประสาอะไรกับลูกสาวที่พยายามเจริญรอยตามแม่ทุกกระเบียด...ที่จะพยายามหาผัวโดยการมอมผู้ชายเข้าโรงแรมบ้างไม่ได้...คิกคิก..." ชิดจันทร์พูดไปหัวเราะไปอย่างอารมณ์ดี ยิ่งได้เห็นเสน่ห์จันทร์เต้นเร่าไปตามคำพูดของตัวเองด้วยแล้ว เสน่ห์จันทร์ยิ่งนึกขำ
ตาแดงๆนั่นทำให้หล่อนอิ่มเอมใจ
เพราะในที่สุดดวงตาคู่นั้นก็จับจ้องมาที่หล่อนตรงๆเสียที
แม่ลูก? แล้วมันยังไง?
แม่ที่ทอดทิ้งลูกไม่ดูดำดูดี แต่ไปเชิดชูคนอื่น มันไม่น่าให้อภัยหรอก!
"ฉันคนนี้...พยายามทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเอาอกเอาใจเธอ ฉันคนนี้ที่เป็นแม่ของเธอ...มันไม่ได้มีค่าต่อเธอเลยใช่มั้ย? ชิดจันทร์..." เสน่ห์จันทร์เปรยขึ้นเสียงสั่นพร่า หล่อนยืนค้ำอยู่ที่อีกฟากของโต๊ะเพื่อประจันหน้ากับลูกสาวของตัวเอง
"...เอาเถอะ ฉันรู้...รู้ดีอยู่เต็มอกว่าเธอเกลียดฉันแค่ไหน แต่ขอร้องล่ะ อย่าเอากฤตเมธหรือใครเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้...พวกนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง..."
"หึ! พูดออกมาได้นะ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง...คุณแม่ไม่อายปากบ้างหรือไงกันคะ? น่าขันจริง"
ชิดจันทร์หยันขึ้นทันทีที่ได้ยินคำที่เสน่ห์จันทร์พูด
"เธอจะพูดอะไร คิดยังไงก็เรื่องของเธอเถอะ แต่รู้ไว้ด้วยก็แล้วกันว่าฉันไม่ตลกด้วยหรอกนะ กับสิ่งที่เธอทำน่ะ โกรธฉัน เกลียดฉัน ก็มาลงที่ฉันสิ ตรงๆ แฟร์ๆ ฉันจำไม่ได้ว่าเคยสอนเธอให้เป็นคนสกปรกทำอะไรลับหลังแบบนี้! กฤตเมธเป็นเด็กดี เป็นเด็กที่ฉันฟูมฟักมา เขาไม่เคยเหลวไหล ไม่เคยมีประวัติเสียหาย ตอนนี้เป็นโค้งสุดท้ายในวงการของเขาแล้ว ฉันอยากให้เขาจบเส้นทางนี้ด้วยดี ต้องการให้เขาฝากชื่อเสียงไม่ใช่ชื่อเสีย...ฉันคนนี้ ปกป้องเขามาทั้งชีวิต ก็เพียงเพื่อจะให้ดาวดวงหนึ่งยังคงจรัสฟ้าเป็นที่จดจำ มันคือสุดยอดความใฝ่ฝันในฐานะผู้สร้างดารา...ฉันปกป้องเขาจากความหมองมัวมาได้จนเกือบจะสุดทางแล้วแท้ๆ ไม่นึกเลยว่า สุดท้ายคนที่ทำลายเขากลับไม่ใช่ใครอื่น...กลับเป็นลูกสาวแท้
ๆของฉันเอง ที่มันทำเรื่องงามหน้า ให้ต้องเสียหายกันไปหมด!!"
"ก็เห็นว่าอยากได้นี่! อยากได้มากจนหนูเริ่มไม่แน่ใจ ว่าแม่อยากได้พี่เมธในฐานะอะไร ลูกเขย? หรือสามี..."
"ชิดจันทร์!! มันจะมากไปแล้วนะ!! ใช่! ฉันต้องการเขามันผิดหรือไง!? ฉันฟูมฟักเขามาอย่างลูกในใส้ ให้เขาเป็นคนที่เพียบพร้อมที่สุด เพื่อเธอนะ! ฉันเลี้ยงเขามาให้เป็นคนที่เพียบพร้อม เพื่อให้เหมาะสมกับเธอ!! ผิดหรือไง!? ถ้าแม่อย่างฉันจะหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกตัวเอง!!..."
"ไม่จำเป็น! แม่ไม่ต้องมาอ้างเรื่องหนูนะ!! สิ่งที่ดีที่สุดเพื่อหนู? ผิดหรือเปล่า...กฤตเมธไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดเพื่อชิดจันทร์ แต่ชิดจันทร์ต่างหากที่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อกฤตเมธ! แค่เป็นเด็กปั้นมันไม่พอหรอก หากได้เป็นลูกเขยก็จะได้มีสิทธิ์ที่จะรับช่วงต่อในกิจการทั้งหมดที่ตัวเองมีสินะ ปูทางเอาไว้อย่างนั้นสินะ! รักมันมากกว่าลูกในใส้อยู่แล้วนี่!! ก็กฤตเมธน่ะ มันเป็นตัวแทนของลูกรักของตัวเองที่ตายไปนี่!! จะมาดีน้อยไปกว่าลูกชังอย่างนังชิดจันทร์ได้ยังไงล่ะ!!"
ชิดจันทร์ตวาดกร้าว โดยสายตาไม่ยอมละจากใบหน้าของผู้เป็นมารดาเลยแม้แต่นิด อารมณ์หลายๆอย่างกำลังตีรวนในหัวอก เจ็บปวด น้อยใจ เกลียด ชิงชัง ดงงตาแข็งกร้าวของหล่อนเริ่มคลอหน่วยไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความเคืองขุ่น ไม่ต่างจากเสน่ห์จันทร์ผู้เป็นแม่ที่ตอนนี้แทบจะล้มทั้งยืน
"ชิดจันทร์! เธอกำลังเข้าใจฉันผิดนะ...ทั้งชีวิตฉันทำเพื่อเธอจริงๆ...เธออย่าเอาแต่ทิฐิบ้าบอสิ ลืมตามองให้ดีชิดจันทร์!..."
"หึ!...จนถึงบัดนี้...ก็ไม่ได้รูสึกผิดเลยสินะคะ แม่น่ะ?"
"อะไร?"
"จริงสิ คนอย่างเจ้าแม่เสน่ห์จันทร์คงไม่เคยผิดหรอก..."
"ต้องการจะพูดอะไรน่ะชิดจันทร์!?"
คำตอกย้ำของมารดาทำเสียงของชิดจันทร์แหบแห้ง น้ำตายังคงคลอหน่วย แต่มันไม่ยอมไหล...
"ที่พูดมาทั้งหมดว่าทำเพื่อหนูน่ะ...แม่เคยรู้สึกตัวบ้างมั้ย? ว่าตัวเองกำลังโกหกอยู่..." ชิดจันทร์เอ่ยขึ้น ขณะที่ตัวเองค่อยๆขยับลงจากโต๊ะ แล้วยืนหันหลังให้ผู้เป็นแม่อยู่อย่างนั้น พร้อมบอกเล่าความในใจที่คั่งแค้นโดยที่ไม่ยอมหันมองหน้าเสน่ห์จันทร์ผู่เป็นมารดาเลยแม้แต่นิด
"ทำไปเพราะรักหนู?...แม่ไม่กระดากใจบ้างเหรอ ทุกครั้งที่แม่เอ่ยคำนี้ออกมา...รัก แล้วเคยรู้บ้างมั้ยว่าหนูอยู่ในบ้านหลังนั้นยังไง? เคยรู้บ้างมั้ยว่าช่วงเรียนมัธยมหนูโดนใครทำอะไรบ้าง? แล้วเคยสนใจบ้างมั้ย? ว่าตอนที่แม่ส่งหนูไปชุบตัวที่เมืองนอกน่ะหนูรู้สึกยังไง?...ไม่เลย แม่ไม่เคยรู้...ไม่สิ...แม่ไม่เคยสนใจมากกว่า วันๆก็เที่ยวแต่จะดูแลกฤตเมธอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วชิดจันทร์ล่ะ? แม่เอาหนูไปไว้ที่ไหน?..หึ! นี่เหรอ...คำว่ารักของแม่น่ะ?..."
ความอัดอั้นที่หน่วงหนักอยู่ในอกค่อยๆปะทุขึ้นทีละน้อย ทั้งที่จริงแล้ววันนี้หล่อนแค่ต้องการมาเย้ย แต่ไม่นึกเลยว่าการประคารมกับเสน่ห์จันทร์ครั้งนี้ จะทำให้หล่อนอดทนต่อไปไม่ไหว
"ฉันรู้ว่าฉันผิด...ที่ตอนเธอยังเล็กฉันไม่สามารถไปดูแลเธอได้ อย่าว่าแต่ไปดูหน้าเธอที่เป็นลูกในใส้เลยชิดจันทร์ แม้แต่หน้าบ้านหลังนั้นฉันก็เหยียบเข้าไปไม่ได้...อาม่าของเธอเกลียดฉันอย่างกับอะไร และฉันก็รู้ว่าเขาคงเลี้ยงเธอมาให้ชิงชังฉันคนนี้ที่เป็นแม่แท้ๆไม่ต่างจากที่เขาเกลียดแน่ๆ!..."
"อย่าพูดถึงอาม่าแบบนั้นนะ!! คนอย่างแม่ไม่มีสิทธิ์!!"
"......" เสียงแผดกร้าวกับใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตาของชิดจันทร์นั้น ทำเสน่ห์จันทร์ถึงกับนิ่งอึ้ง ลูกของหล่อนกำลังเสียใจ หล่อนอยากเอื้อมมือเข้าไปหา แต่กำแพงที่ชิดจันทร์กางกั้นเอาไว้นั้นมันช่างยิ่งใหญ่และแข็งแรงมากเหลือเกิน...
"เอางี้...คุณแม่โลกสวยของหนู ไหนๆก็มาถึงขั้นนี้แล้ว หนูจะเล่าทุกอย่างให้ฟังแล้วกันนะ เรื่องระยำทั้งหมด...ที่เกิดในชีวิตหนู เรื่องที่แม่ไม่เคยสนใจ!"
คราวนี้ชิดจันทร์หันไปเผชิญหน้ากับเสน่ห์จันทร์ตรงๆ ระหว่างสองแม่ลูกมีโต๊ะตัวใหญ่กั้นกลางเอาไว้ โต๊ะเพียงตัวเดียวก็สามารถทำให้ทั้งคู่อยู่ไกลแสนไกลได้อย่างง่ายดาย...
"ใช่ค่ะ...ชีวิตวัยเด็กหนูสำราญมาก มีความสุขมาก เพราะมีอาม่าที่รักหนูยิ่งกว่าใครคอยอยู่เคียงข้าง ตามใจ ห่วงใย ดูแล...แม้ว่าคนเป็นพ่อมันจะห่วย ไม่เคยหันมาสนใจใยดีหนูไม่ต่างกับแม่ แต่หนูก็ไม่ได้รู้สึกขาด วันแม่วันพ่อ ไม่ว่าที่โรงเรียนจะจัดกิจกรรมอะไรหนูก็ไม่เคยไปร่วม หนูหยุดอยู่บ้านกับอาม่าสบายใจกว่าให้พ่อหรือแม่ที่ชีวิตจริงไม่เคยเหลียวแลหนูไปร่วมงาน...ถามสิ ว่าอิจฉาเพื่อนมั้ยที่เขาครบครันพ่อแม่ลูก หึ! อิจฉาใจแทบขาด แล้วยังไง มันก็ไม่ได้มีค่าอะไรกับคนอย่างหนู ตราบใดมีอาม่าอยู่ด้วยหนูก็จะปลอดภัยมีความสุข...
ไม่ว่าแม่ที่ออกทีวีอยู่บ่อยๆจะรักคนอื่นมากกว่ าหนู หรือต่อให้พ่อมาผู้หญิงเข้าบ้านไม่ซ้ำหน้า มันก็ไม่ใช่ธุระอะไรของหนู...เพราะอาม่า แค่มีอาม่าอยู่ แค่นั้นหนูก็มีความสุขพอแล้ว...เด็กโดนสปอยล์ คำที่นังแม่เลี้ยงใจมารแต่ละคนคาบไปฟ้องพ่อให้หนูโดนทำโทษ แต่มันไม่เคยสำเร็จเพราะมีอาม่าคอยปกป้อง ให้ท้ายแล้วยังไง อาม่ารักหนูนี่...
แต่แม่รู้มั้ย อาม่าจากหนูไปตอนหนูอยู่ ม.2 ชีวิตหนูเปลี่ยน พ่อมีเมียใหม่ มีลูกใหม่ เป็นลูกชายน่ารัก ทุกคนรักมัน ยกเว้นหนู เพราะทั้งเมียใหม่ทั้งลูกใหม่ของพ่อมันเข้ามาแย่งทุกอย่างไปจากหนู สิ่งที่อาม่าเหลือทิ้งไว้ให้ก่อนตายทั้งหมด มันแย่งไปจากหนู เกลียดมัน แค่เกลียดมันหนูก็โดนทำโทษทั้งที่ไม่ได้ทำผิด...หึ...
ในขณะที่แม่กับกฤตเมธเด็กที่แม่รักประหนึ่งลูกชายบังเกิดเกล้าของแม่กำลังมีความสุขอยูในทีวี หนูถูกทรมานอยู่ในบ้านหลังนั้น! ขณะที่แม่ปรนเปรอคนอื่นอยู่...หนูถูกพวกมันข่มเหงอย่างไม่มีทางสู้...
ตอน ม.3 นังเมียพ่อคนนั้นมันพาญาติมันเข้ามาเสวยสุขอยู่ในบ้านด้วยทั้งพี่ชายน้องชายของมัน แล้วแม่รู้มั้ย? ตอนที่หนู่อยู่ ม.3 ตอนที่หนูเฝ้าภาวนาให้แม่มารับหนู...ตอนที่แม่ยังออกงานหรูหรากับไอ้กฤตเมธดาราปั้นคนดีของแม่อยู่น่ะ...หนูถูกพวกมันรุมข่มขืน!! ทุกคืนทุกคืน...
พ่อไ ม่เคยช่วยอะไรได้เพราะเอาแต่หลงเมียระยำนั่น...บ้านหลังนั้นคือนรกของหนู หนูภาวนา เฝ้าอธิฐานทุกวันให้แม่มาหา ให้แม่มารับหนูมาอยู่ด้วย หนูพยายามจะโทรหาแม่หลายครั้ง แต่แม่ก็ไม่เคยว่าง ทุ่มเทอยู่แต่กับมัน แต่ไม่เคยให้เวลาหนู...
ไม่ต้องรอให้เรียนจบ ม.3 หนูหนีออกจากบ้านทั้งๆอย่างนั้น โชคดี...หรือโชคร้ายก็ไม่รู้ที่ได้มาเจอกับ ทศพล ลูกมาเฟียคนดัง...ใช่ สุดท้ายหนูก็เป็นเมียมัน ถึงมันจะเป็นลูกมาเฟีย แต่มันก็รักหนู มีหนูคนเดียว และปกป้องดูแลหนูจากทุกอย่างที่หนูไม่ชอบ...ลูกคนชั่วลูกมาเฟียคุมบ่อน ลูกคนค้ายาแล้วไง แต่ทศพลคือเทวดาของหนู ทศพลคือคนเดียวที่ปกป้องหนู...ในวันที่แม่ไม่เคยให้ความสนใจ!"
ชิดจันทร์เล่าทุกอย่างออกมาด้วยแววตาที่ฉายแต่ความเคียดแค้นชิงชัง เล่าไปพร้อมๆกับที่หยาดน้ำตาพร่างพรูอยู่บนใบหน้า เล่าไปแสยะยิ้มไปราวกับว่ามันเป็นเพียงเรื่องตลกร้าย เล่าออกมาไม่หยุด โดยที่ไม่ยอมฟังเสียงคร่ำครวญของผู้เป็นแม่ที่ตอนนี้กำลังร้องไห้ปริ่มจะขาดใจอยู่เบื้องหน้า เล่าไปหลบเลี่ยงสองมือสั่นระริกของผู้เป็นมารดาที่พยายามเอื้อมเข้าหาไม่หยุด แล้วยังคงเล่าต่อไปเรื่อยๆ แม้ว่าร่างของเสน่ห์จันทร์นั้นจะร่วงลงไปกองอยูแทบเท้าของหล่อนแล้ว...
"ฟังให้จบนะคะคุณแม่...อย่าเป็นลมไปก่อนเชียว ไม่งั้นหนูไม่ให้อภัยแน่!"
ชิดจันทร์ยอบกายลงตรงหน้าเสน่ห์จันทร์เล็กน้อยเพื่อเอ่ยคำขู่ขวัญ หัวใจของหล่อนแข็งชาจนไม่รู้สึกอะไรอีกไม่ว่าคนเป็นแม่ของหล่อนจะร้องไห้สะอึกสะอื้นยังไง ไฟแค้นทำดวงตาหล่อนมืดบอดไม่ต่างหัวใจ ที่ตอนนี้มันดำสนิทไปทั้งดวงอย่างสมบูรณ์
"หนูใช้ชีวิตอย่างสุขสงบอยู่กับทศพลอยู่ดีๆ...มีความสุขจนหนูคิดว่ามันจะไม่มีอะไรเลวร้ายเข้ามาในชีวิตอีก จริงอยู่ว่าการใช้ชีวิตเป็นผู้หญิงของลูกมาเฟียน่ะมันเสี่ยง จริงอยู่ว่าชีวิตที่เราใช้ไปวันๆมันผิดกฎหมาย แต่หนูมีความสุข...สุขจนไม่รู้สึกว่าที่เป็นอยู่มันเลวร้าย เพราะหนูมีทศพล เขาคือคนที่หนูรัก...และเราพร้อมที่จะตายไปพร้อมกันหากวันแห่งโชคชะตามาถึง...แล้วแม่รู้มั้ยว่าความเลวร้ายที่เข้ามาในชีวิตของหนูหลังจากนั้นคืออะไร..."
ชิดจันทร์เอ่ยถามพลางจ้องมองใบหน้าของแม่ตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นเดินห่างออกไป แล้วยิ้ม...
"ความเลวร้ายนั่น...มันก็คือแม่ยังไงล่ะ!"
ชิดจันทร์แสยะยิ้มร้ายพร้อมหยาดน้ำตาที่ถะถั่งออกมาไม่ขาด จดจ้องร่างของมารดาแท้ๆของตนที่สะอื้นฮั่กๆ ฟุบอยู่กับพื้น แต่แทนที่หล่อนจะนึกสงสาร กลับยิ้มหัวเราะร่า สาแก่ใจยิ่งนักที่วันนี้หล่อนสามารถทำให้ผู้ให้กำเนิดแสดงอาการอ่อนแอขนาดนี้ได้
เพราะตลอดมาชิดจันทร์ไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้สึกเลยกระทั่งกระแสความอ่อนไหวที่คนเป็นแม่อย่างเสน่ห์จันทร์มีให้ตน
แม้ใครๆจะลงความเห็นว่าเสน่ห์จันทร์รักและตามใจชิดจันทร์มาก เพราะหล่อนคอยประคบประหงมปรนเปรอลูกสาวคนเดียวอย่างดี ทั้งส่งเรียนเมืองนอกตั้งแต่มัธยมปลาย รถหรู คอนโดกลางเมือง แบรนด์เนมต่างๆ ไม่เคยขาดมือ ทั้งยังไม่เคยออกปากบ่นว่าแม้สักแอะ ไม่ว่าชิดจันทร์จะวีน จะเหวี่ยง ทำตัวเหลวไหลหรือเป็นข่าวกับใคร เสน่ห์จันทร์ก็ใช้อิทธิพลปิดเงียบไว้ทุกกระเบียด...
เป็นใครก็นึกว่าเสน่ห์จันทร์รักและห่วงลูกสาวที่สุด
แต่...ชิดจันทร์กลับไม่คิดแบบนั้น
“หนูอยู่ของหนูดีๆ จู่ๆแม่ก็เข้ามา...ชีวิตหนูกำลังไปได้ดีอยู่แล้ว แม่ก็เข้ามาทำลายมัน!”
“...ฮึ่ก...ชิด...ลูก...”
“แม่แจ้งตำรวจจับคนที่รักหนูที่สุด แค่เรื่องเป็นมาเฟียที่เกี่ยวข้องกับการค้าของเถื่อนมันก็แย่พออยู่แล้ว แต่แม่ยังใส่ความว่าเขาลักพาตัวกักขังหน่วงเหนี่ยวหนูอีก ทั้งที่หนูขอร้องแม่แล้วแต่แม่ก็ไม่เคยฟัง!! สะใจมั้ยล่ะ สามารถทำให้คนคนนึงที่คอยปกป้องหนูมาตลอดต้องติดคุกไปเกือบตลอดชีวิตได้น่ะ! หึ!! รู้เอาไว้เลยนะว่าเรื่องนี้หนูไม่มีวันให้อภัยเด็ดขาด! แม่ทำลายครอบครัวหนู! ทำร้ายผัวหนู! แม่ฆ่าลูกหนู!!...”
“ตอนที่หนูต้องการแม่สุดใจ แม่ไม่เคยมาเหลียวแล แต่กลับโผล่มาพรากทุกอย่างไปจากหนู!”
“แม่คงไม่รู้สินะว่าตอนนั้นหนูท้องอ่อนๆได้สามสัปดาห์แล้ว เรื่องที่แม่ทำลงไป ทำให้หนูเครียดจนแท้ง! แม่ฆ่าหลานตัวเอง รู้เอาไว้ซะด้วย!!”
ดั่งฟ้าถล่มลงมาทับร่างจนแหลกเหลว หัวใจที่เคยแกร่งถูกฉีกกระชากเป็นชิ้น ความรู้สึกทุกอย่างที่มีถูกเป่ากระจุยเป็นผุยผง เสน่ห์จันทร์คลุกคลานเข้าไปหาบุตรสาวคนเดียวของตนด้วยด้วยความรู้สึกผิดเหลือประมาณ ร้าวราน ปวดปร่า เจ็บชาจนทั้งร่างสั่นระริก
ตอนนี้ไม่เหลืออีกแล้ว ความทรนงของเจ้าแม่เสน่ห์จันทร์ ไม่เหลืออะไรแม้สักสิ่ง คิดแค่เพียงอยากกอดลูก อยากขอโทษลูก อยากปลอบลูก คิดวนคิดเวียนอยู่แค่นั้น ...หล่อนผิดไปแล้ว...
แค่อยากสัมผัวลูกแค่นั้น แต่มือหล่อนกลับเอื้อมไปไม่ถึง ยิ่งเอื้อมก็ยิ่งไกล ยิ่งพยายามเข้าใกล้ ลูกเธอยิ่งไปไกลลิบตา...
“ชิด....ฮือ...ม...แม่...แม่ขอโทษ...ชิด.....” เสียงที่เคยองอาจสั่นพร่าแผ่วผิว เอ่ยเรียกลูกสาวคนเดียวราวจะใจจะขาด แต่ก็ไม่ได้ทำให้หัวใจดำมืดและแข็งกระด้างของชิดจันทร์อ่อนลงได้แม้แต่น้อย
“หึ! ไม่ต้องมาพยายามบีบน้ำตาเพื่อหนูค่ะ มันไม่มีประโยชน์!...”
“ชิด...แม่ผิด...ฮึ่ก...ผิดไปแล้ว...”
“อย่าเพิ่งค่ะ อย่าเพิ่งรีบสำนึกตอนนี้ มันยังไม่จบ เรื่องที่แม่ทำกับหนูยังไม่จบ!” ชิดจันทร์เอ่ยยั้ง พลางรั้งร่างตัวเองออกจากตรงหน้ามารดา หล่อนถอยออกมาสองสามก้าว จ้องมองร่างที่ยังคงทรุดอยู่ที่พื้นด้วยดวงตาที่แดงช้ำเพราะหยาดน้ำตาที่ถะถั่งออกมาแบบไม่มีที่ท่าว่าจะหยุดหย่อน ทว่ากลับ...ว่างเปล่า ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆอย่างสิ้นเชิง
“หลังจากส่งคนที่หนูรักไปติดคุก แม่ไม่สนใจเสียด้วยซ้ำว่าหนูจะเป็นยังไง เร่งยิกๆ จัดการส่งหนูไปเรียนเมืองนอกทันที เพื่อหนีข่าวคาวของหนู รีบกำจัดหนูให้พ้นทาง เพียงเพราะไม่ต้องการให้เรื่องของหนูกระเทือนชื่อเสียงแม่! ทั้งที่ตอนนั้นหนูเสียใจจนแทบจะตายวันละหลายรอบ แต่แม่ก็ไม่เคยสนใจ! แถมยังไล่ให้หนูไปใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังอีก! หนูขอถามแม่ตรงๆหน่อยเถอะ…ใจแม่ทำด้วยอะไรคะ!?”
“ชิด...แม่ขอโทษ...”
“แค่ขอโทษมันไม่พอหรอกค่ะ! มันไม่เคยจำเป็นสำหรับหนู!! อ่อ ไอ้ชื่อเสียงเงินทองที่เอามาปรนเปรอนั่นก็เหมือนกัน หนูไม่เคยต้องการมันเลยสักนิด! เงินจากผู้หญิงที่ทำไม่ได้แม้แต่กอดลูกของตัวเอง หนูไม่อยากได้!! ไม่ต้องมาจับ!!” ชิดจันทร์แผดเสียงลั่น ปัดป้องมือของเสน่ห์จันทร์ที่ยื่นเข้าหาอย่างสุดกำลัง
“จำไว้เลยนะ! หนูเกลียดแม่! เกลียดแม่ที่สุด รักมันมากใช่มั้ยไอ้กฤตเมธน่ะ!? รักมันมากเลยพยายามให้มันได้กับหนูใช่มั้ย? ดี!! ถ้าจะรักมันขนาดนั้น ก็คอยดูมันย่อยยับไปพร้อมกับหนูเลยแล้วกัน!!”
“...โธ่...ชิด...ลูก...อย่าทำร้ายตัวเองอย่างนั้น ฮึ่ก...ฮือ...แม่รักลูกนะ...แม่รักลูกกว่าใคร...”
“เลิกพูดโกหกเสียทีเถอะ! แม่อยู่เฉยๆแล้วคอยดูความชิบหายของมันก็แล้วกัน!”
*
*
*
*
*
"คุณคิดดีแล้วจริงๆเหรอ? เรื่องที่จะพูดความจริงทั้งหมดน่ะ..."
เสียงแหบหวานถามไถ่ในขณะที่เดินคู่กับร่างสูงไปตามโถงทางเนของตึกสำนักงาน
"คิดเแล้วครับ หึหึ...ยุ ผมรู้ว่าคุณห่วงผม แต่เล่นถามแต่คำถามนี้แทบทั้งวันนี่ เล่นเอาผมอิ่มจนแทบจุกเลยนะ"
ผู้ถูกตั้งคำถามหัวเราะร่า เสียงทุ้มน่าฟังเอ่ยกระเซ้าอย่างอดไม่ไหว
"...อย่าแซวผมสิ ผมก็แค่กังวล ที่คุณตัดสินใจแบบนั้น" สดายุบ่นออกมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้นึกโกรธที่โดยอีกฝ่ายแซวแต่อย่างใด
“ทำไมล่ะ เกิดเป็นห่วงชิดจันทร์ขึ้นมาเหรอ? ไหนตอนแรกบอกให้ผมแฉแบบจัดหนักไง? หึหึ” กฤตเมธถาม พร้อมยื่นมือไปขยี้ผมของสดายุเบาๆ
“เปล่า...ผมไม่ได้ห่วงเขา เขาทำตัวของเขาเอง ผมจะไปคอยตามห่วงให้ได้อะไร...ผมห่วงคุณต่างหาก” สดายุว่า พร้อมปัดมือกฤตเมธออกจากศีรษะตนแล้วปัดผมตัวเองให้เข้าที่ “กลัวคุณจะกลายเป็นเทวดาตกสวรรค์ เพราะปากกล้าไปแฉลูกสาวเจ้าแม่เข้าน่ะสิ หมดเลยนะภาพเทพบุตรที่อุตส่าห์สั่งสมบารมีมาน่ะ หึหึ” ทิ้งท้ายด้วยการข่ขวัญเบาๆ
“ถ้ากลัว ผมจะมาเปิดแถลงข่าวทำไม รุ่นนี้แล้ว ไม่มีอะไรจะเสีย” กฤตเมธไหวไหล่ไม่จริงจัง
“แล้วคุณจะตอบคำถามของนักข่าวว่ายังไง? หลังจากประกาศออกไปว่า...มิตรรักแฟนละครครับ ผมถูกสาวมอมเหล้าลากเข้าโรงแรมครับ...ดูเสียเชิงพระเอกรุ่นใหญ่สุดๆอ่ะ”
“เสียเชิงพระเอก? ....ฮะฮะ มันเสียตั้งแต่ผมเล่นหนังเกย์แล้วล่ะ”
“เออ! หัวเราะไปเถอะ แถลงข่าวเสร็จ ท่านประธานสุดบูชาของคุณ ได้แล่นมาฉีกอกคุณแน่ ไม่สิ! ป่านี้คงไปดักรอหน้าโต๊ะแถลงข่าวแล้วล่ะ เจ้แกข่าวไวจะตาย หูตายิ่งกว่าสับปะรดเสียอีก! หึหึ”
“...อาจเป็นอย่างนั้นก็ได้นะ”
กฤตเมธเห็นด้วย เพราะทันทีที่เขาประกาศแถลงข่าวไปเมื่อตอนบ่าย ข่าวคงถึงหูเสน่ห์จันทร์แล้วตั้งแต่ตอนนั้น ตอนแรกก็แอบแปลกใจนิดหน่อยที่ตั้งแต่บ่ายถึงเย็นไม่ยักกะมีโทรศัพท์จากท่านประธานสักสาย เพราะอะไรกันนะ เพราะเสน่ห์จันทร์ยังไม่รู้ หรือว่า...
“เมธ!”ต่อด้านล่างจ๊ะ 