ผมคือ...นางเอก
ซีนที่ 42 รับกรรมแสงสว่างเบื้องบนกระตุ้นให้รู้สึก เปลือกตาหน่วงหนักค่อย ๆ เผยอขึ้นอย่างยากเย็น สมองมึนทื่อ ศรีษะหนักอึ้ง อยากจะจะปรับสายตาให้ชินกับแสงสว่างก็ทำไม่ไหว พยายามแล้วพยายามอีกก็ลืมตาไม่ขึ้น เหมือนเปลือกตาหนักๆของตนกำลังถูกถ่วงด้วยหิน สมองตื่น แต่ร่างกายกลับไม่ตื่นตามไปด้วย แขนขาชาดิก จนขยับไม่ไหว
สดายุพยายามสูดลมหายใจหนักๆ เพื่อรีดเร้นพลังงานในร่าง แต่สุดท้ายก็ยังแน่นิ่งเหมือนเดิม
ตื่น...แต่ไม่อาจลืมตา
รู้สึกกาย...แต่ไม่อาจขยับร่าง
“...อืมมม...”แม้แต่จะเปล่งเสียง ยังไม่สามารถทำได้สมใจ
อะไรบางอย่างขยับยุกยิกอยู่บนร่าง
...เย็น?
สดายุรู้สึกเย็นเยือกผิวกายราวต้องลมหนาว ผิวสัมผัสที่สมองเบลอๆพอจะรู้สึกได้ คือความว่างเปล่า...นี่อย่าบอกนะ ว่าเขาเปลือยอยู่?
ไม่ใช่แค่เสื้อ....แต่เป็นทั้งตัว!
“.......ยุ...”
น้ำเสียงคุ้นหูอย่างประหลาด ดังวนเวียนอยู่แถวศีรษะ
“...ยุ...ขอโทษ....”
ทำเสียงนั้นช่างเศร้านัก ฟังแล้วหดหู่จนน่าใจหาย ใครกันคือเจ้าของเสียง...
"ยุ..."
ใคร?เสียงแว่วที่ได้ยินอยู่ ทำให้สดายุอดคิดไม่ได้ว่าใครกันนะที่กำลังเศร้าสร้อยได้น่าสงสารขนาดนี้
"เรา....ขอโทษ..."
บดินทร์เหรอ?สดายุตกใจไม่น้อยเลยที่รู้ว่าน้ำเสียงโศกสลดนี้เป็นเสียงของบดินทร์อดีตเพื่อนรักที่เคยหักหลังกันอย่างเลือดเย็นเกิดอะไรขึ้นกัน? ทำไมคนคนนั่นถึงอยู่ข้างเขาในตอนนี้ได้ แล้วคำขอโทษซ้ำๆเหล่านั้น บดินทร์ขอโทษใคร? เขาเหรอ? เรื่องอะไรล่ะ?
“เราสัญญา...เราจะไม่ทำอะไรนายนะยุ”
ทำ?...จะทำอะไร? พลันร่างที่ยังคงหลับก็สัมผัสได้ถึงหยดน้ำอุ่นที่รินรดอยู่บนแก้ม สดายุรู้สึกได้ว่าบดินทร์ กำลังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ หัวใจของสดายุเต้นถี่ ด้วยเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจำทำอะไร อยากตื่น อยากลืมตา อยากปกป้องตัวเองได้
“เราขอโทษจริงๆ...เราขอแค่รูปในคลิปมันแค่การทำหลอกๆเท่านั้นไม่ต้องกลัวนะยุเราไม่ทำอะไรนายหรอกเชื่อใจฉันนะ...”
คลิปรูป? เฮ่ย! อย่ามาตลกนะ หลังสิ้นคำของบดินทร์ สดายุก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสร้อนผ่าวจากร่างกายของมนุษย์ที่ทาบทับลงมาบนตัวเขา ชายหนุ่มได้แต่ตกประหม่าด้วยไม่สามารถคาดเดาว่าอีกฝ่ายต้องการทำอะไรกับร่างกายเปล่าเปลือยของเขา
สีข้างลำตัว กำลังโดดนลูบไล้แผ่วผิว
ตรงซอกคอกำลังถูกซุกไซร้แผ่วเบา
ทั้งร่างกำลังถูกกระทำการที่เขาไม่พึงปรารถนา
กลัว...
รังเกียจ...
“ฮึ่ก...ยุ...เราขอโทษ...อยู่เฉยๆ แค่แป๊บเดียวเองนะ...เราจะไม่แตะต้องนายมากไปกว่านี้...อีกแค่แป๊บเดียว...”
“เรา...ขอโทษ...ฮึ่ก...”
ผ่านไปประมาณ 5 นาที คนที่รุกรานอยู่ด้านบนยังคงไม่เริ่มทำสิ่งใดมากไปกว่าขยับตัวไปมาคล้ายกำลังซุกไซร้ ทว่าไม่ได้โดนเนื้อต้องกายจริงจัง ซ้ำขณะที่บดินทร์ทำทีว่าจะย่ำยีสดายุอยู่นั้น ชายหนุ่มยังพร่ำขอโทษสดายุไม่หยุดอีกด้วย
นี่มันอะไรกัน?
เกิดอะไรขึ้นกับบดินทร์?
สดายุได้แต่เพียงคิด ร่างกายที่เพิ่งฟื้นตัวเล็กน้อย ค่อยๆมีปฏิกิริยา
และในที่สุดเขาก็สามารถลืมตาได้ แม้จะยังไม่เต็มที่ก็ตาม
“.....อย...อย่า....” นอกจากจะสามารถลืมตาสลึมสลือได้นิดหน่อย สดายุยังสามารถเปิดปากพูดเป็นคำออกมาได้แล้ว ภาพตรงหน้าเลือนลาง ซ้ำเงามืดยังทำให้ยิ่งมองไม่ชัด แต่ก็พอจับได้ว่าคนบนร่างคือบดินทร์อย่างที่คิดไว้จริงๆ และอีกฝ่ายนั้น กำลังร้องไห้อยู่...จริงๆ
“…ยุ...เราขอโทษ...”
“...ดิน?...”
ปึ่ง!!
โครมมม!
“เหี้ยเอ้ย!! หยุดนะมึง!!”“นั่นคือเสียงเดียวสุดท้ายที่สดายุได้ยินก่อนที่สติจะดับวูบไปอีกครั้ง
*
*
*
*
*
“ไอ้ระยำ!
เสียงของกฤตเมธตะคอกลั่น ข่มขวัญให้บดินทร์ที่กลัวจนตัวสั่น ยิ่งหัวใจกระตุกวูบเข้าไปอีก ทันทีที่กฤตเมธเข้ามาในห้องของบดินทร์ได้ สิ่งที่ชายหนุ่มเห็นคือภาพของสดายุที่นอนหลับใหลเปลือยไปทั้งร่าง โดยมีบดินทร์คร่อมอยู่ด้วยท่าทีหมิ่นเหม่
ไม่ต้องให้จินตนาการก็นึกภาพออกว่าบดินทร์คิดจะทำอะไรกับสดายุ โดยเฉพาะเมื่อเหมือบไปเจอเข้ากับกล้องวิดีโอบันทึกภาพที่ตั้งอยู่ตรงข้างๆเตียงนั้นด้วยแล้ว ความอดทนของกฤตเมธก็ขาดสะบั้นลงในวินาทีนั้น
“ไอ้สัตว์! มึงจะทำเหี้ยอะไรกับยุ!!?”
คำพูดสุท้ายที่บดินทร์ได้ยินก่อนที่ร่างเขาจะปลิวหวือลงไปกองบนพื้นพร้อมทั้งเลือดที่กลบอยู่ตรงมุมปาก หน้าชาไปเป็นแถบจนไม่รู้สึกเจ็บไปครู่หนึ่ง จากนั้นความรู้สึกต่อมาคือ เสียงของทั้งหมัดทั้งเท้า ที่ระดมรัวลงบนร่างแบบไม่มียั้งแรง
เจ็บจุก...แต่ก็ไม่คิดจะต่อกร
นั่นก็เพราะว่า...
เขาสมควรได้รับมัน
โทษทัณฑ์นี้ มันช่างเหมาะสมกับเขาที่สุดแล้ว...
“พอเถอะค่ะ คุณเมธ เดี๋ยวมันเสือกตายขึ้นมา เราจะลำบาก แค่นี่มันก็ได้หยอดน้ำข้าวต้มไปหลายวันแล้วล่ะค่ะ”
เสียงของบลูม่ายั้งขึ้น เมื่อเห็นว่าบดินทร์นอนขดกลมอยู่บนพื้นอย่างไร้ทางสู้ ดูหมดฤทธิ์แล้วจริงๆ
“จำใส่กะโหลกไว้เลยนะไอ้บดินทร์ ถ้ามึงกล้าเข้าใกล้สดายุอีกเป็นครั้งที่สอง คราวหน้า มึงได้ตายจริงแน่!”
กฤตเมธก้มลงข่มขู่อยู่ใกล้หูของบดินทร์ที่สิ้นสภาพไปนานแล้ว เพื่อย้ำชัดว่าคนอย่างบดินทร์ ไม่มีสิทธิ์จะยุ่มย่ามกับสดายุอีกแม้เพียงปลายผม หรือแม้เพียงเงา
และเรื่องนั้น...บดินทร์เองก็รู้ดีที่สุด
กฤตเมธหายออกไปจากร่างของบดินทร์แล้ว…
ดวงตาปรือปรอยของผู้ถูกลงทัณฑ์พยายามชำเลืองมองภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
สดายุปลอดภัยดี...ร่างที่เคยเปลือยเปล่านั้นถูกบลูม่าช่วยจัดการสวมเสื้อผ้าคืนให้ แล้วตอนนี้ร่างบอบบางก็ถูกช้อนขึ้นอุ้ม สู่อ้อมอกของกฤตเมธอย่างหวงแหน...
ดีแล้ว...
บดินทร์คิดเพียงแค่นั้นขณะเหม่อมองดูกฤตเมธอุ้มสดายุเดินออกไป พร้อมกับบลูม่าที่ตามไปติดๆ ทว่าตรงหน้าประตูบานนั้นกลับมีผู้ร่วมเหตุการณ์อีกหนึ่งคน
หนึ่งคนที่บดินทร์ไม่อยากให้มาเห็นตัวเองในสภาพนี้เลย
“...พี่...พี่ซอลย่า...?...”บดินทร์เอ่ยเรียกผู้จัดการส่วนตัวของตนด้วยน้ำเสียงที่เครือสั่น ยิ่งเห็นใบหน้าแสดงความผิดหวังแบบไม่มีปิดบังฉายชัดอยู่บนใบหน้าโศกหวานนั้น บดินทร์ก็แทบจะขาดใจ น้ำตาแห่งความรู้สึกผิดเอ่อท้นสองตาอย่างไม่อาจห้าม
“พี่ซอล...”
บดินทร์พยายามยันร่างตัวเองขึ้นเล็กน้อย เพื่อเอื้อมมือหาพี่ชายคนเดียวที่คอยยืนเคียงข้างเขาในวงการแห่งนี้ แม้เขาเคยเหลวไหลผิดบาป ซอลย่าก็ไม่เคยทอดทิ้ง และครั้งนี้ บดินทร์ก็ยังคาดหวัง
“”พี่ซอล...ดินอธิบายได้...”
“พอเถอะครับ...”
“...พี่?....”
“ผมผิดหวังในตัวคุณเหลือเกินบดินทร์ ไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นคนที่ร้ายกาจขนาดนี้...”“.......พี่ซอล...” ทว่าความหวังเดียวของบดินทร์ก็สิ้นสลายลงในทันที พร้อมกับคำตัดพ้อของซอลย่า
“...คุณมันเลือดเย็นเหลือเกิน บดินทร์...”“พี่ซอล...ได้โปรด...ฟังผมอธิบายก่อน...”
บดินทร์พยายามกระเสือกกระสนขยับกายเข้าใกล้ซอลย่าอย่างเอาเป็นเอาตาย ใครจะว่าเขายังไงก็ช่าง แต่ขอแค่คนเดียว ขอแค่ซอลย่าคนเดียวเท่านั้น เขาไม่อยากให้ซอลย่าต้องรู้สึกเสียใจกับเขาไปมากกว่านี้อีกแล้ว
แค่ซอลย่าคนเดียวที่ไม่อยากให้เสียใจ...‘เอาอีกแล้วนะ ดิน ชอบทำให้พี่ห่วงเรื่อย’
‘ไม่เป็นไร ใครก็พลาดกันได้ พี่เข้าใจ’
‘ยังคิดมากเรื่องคุณสดายุอยู่อีกเหรอ? สักวันเรื่องนี้มันต้องดีขึ้น พี่เชื่ออย่างนั้นนะ’
‘ต้องให้บ่นตลอดเลยนะดิน...ถ้าไม่มีพี่จะทำไงเนี่ย’
‘ไม่ต้องกังวลน่า..พี่ไม่ได้โกรธดินหรอก แต่คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีกนะ’
‘เราสองคนนี่เหมือนเป็นพวกนอกคอกเนอะ...หึหึ สมกับเป็นพี่เป็นน้องกันดีจริง’
‘เอาน่า...อย่านอยด์นักสิ คิ้วผูกเป็นโบว์แล้ว’
‘อย่าทำร้ายตัวเองอีกนะดิน พี่เป็นห่วงนายมากนะรู้ไหม?’คนเดียวที่อยู่เคียงข้างกันมาตลอด...คนเดียวที่เขามักจะมองผ่าน เพราะคิดว่าไม่ว่ายังไงก็จะไม่มีทางหายจากกันไปไหน เคยคิดว่าไม่ได้มีค่าต่อตนมากขนาดนั้น แต่ตอนนี้บดินทร์เข้าใจแล้ว ว่าซอลย่ามีค่ากับเขามากแค่ไหน เพิ่งรู้ตัวเดี๋ยวนี้เองว่าตลอดมาคนที่อยู่เคียงข้างเขาเสมอคือใคร แล้ววันที่ได้รู้ สายตาที่เคยห่วงหาอาทรณ์เขาคู่นั้น ก็ไม่เหลือความเชื่อมั่นในเขาอีกต่อไปแล้ว
แม้สายตาคู่นั้น จะไม่ได้ส่งกระแสดูแคลน
แต่ก็สิ้นแล้วซึ่งศรัทธา...
“...พี่ซอล...ดินขอโทษ...” บดินทร์พูดได้เพียงแค่นั้น ขณะมองดูซอลย่าถูกบลูม่าลากตัวออกไป ความรู้สึกที่ซอลย่ามีให้เขาคงจบอยู่แค่ตรงนั้น ความรู้สึกที่เขามีให้ตัวเองก็เช่นกัน
จบสิ้น...กันแล้วหลังจากเหตุการณ์สงบลง และทุกคนออกไปจากห้องจนหมด ชายหนุ่มเหม่อมองที่ประตู ด้วยสายตาที่ร้างไร้ความรู้สึก เป็นนานสองนานกว่าบดินทร์จะรู้สึกตัวว่า ประตูห้องของเขายังถูกเปิดอยู่ อยากเดินออกไปปิด แต่สภาพร่างกายของเขาตอนนี้ย่ำแย่เกินกว่าจะกระดิกตัว แค่ขยับ ตั้งแต่ชายโครงขึ้นมาก็ยอกแปลบ คงเพราะเขาถูกกฤตเมธเตะย้ำตรงนี้อยู่หลายครั้ง ‘อาจหัก?’ แต่เห็นยังเอี้ยวตัวไหว สงสัยคงแค่ยอก...
“อึก...”
บดินทร์ได้แต่โอดโอย พลางพยายามขยับกายไปเรื่อย หวังจะไปปิดประตูห้องตนเสียให้เรียบร้อย ระหว่างนั้นก็ไพล่นึกไปถึงการบุกมาของกฤตเมธกับบลูม่า ตอนแรกยอมรับว่าตกใจอยู่ไม่น้อยที่ถูกบุกประชิดตัวได้โดยง่าย แต่พอได้เห็นหน้าซอลย่า บดินทร์ก็พอเข้าใจว่าคนเหล่านั้นเข้ามาได้ยังไง ซอลย่ามีกุญแจสำรองห้องของเขาอยู่ เขาให้ฝ่ายนั้นไว้เผื่อว่า เขาจะแฮงก์อยู่ห้อง จนต้องมาลากกัน ซึ่งก็เป็นอยู่บ่อยครั้ง
และในครั้งนี้ ก็ถือว่าซอลย่าได้ช่วยเขาไว้ เช่นกัน
ช่วยให้เขาหลุดพ้น...จากขุมนรกที่เขาก่อไว้เร็วขึ้นอีกหน่อย
*
*
*
*
*
ในที่สุด บดินทร์ก็เคลื่อนกายถึงหน้าประตู ดูเหมือนไม่นาน แต่สำหรับสังขารไม่อำนวยอย่างบดินทร์นั้น เวลาแค่นาทีก็รวดร้าวจนแทบจะร้องไห้
แค่นี้ก็รู้สึกแย่ จนแทบทนตัวเองไม่ไหว แต่ชายหนุ่มก็ยังฝืนกัดฟันทน เพราะไม่ว่ายังไงเรื่องมันก็จบไปแล้ว
และไม่ว่าผลจะออกมาแบบไหน
เขาก็ไม่เหลือสิทธิ์ใดๆ ที่จะไม่ยอมรับมัน...
ในตอนนั้น บดินทร์ที่ยังไม่มีสติครบถ้วน ไม่มีทางรู้ตัวเลยว่า ความหมดอาลัยตายอยากที่ตัวเองประสบอยู่ในตอนนี้ มันช่างน้อยนิด เมื่อเทียบกับสิ่งที่รอเขาอยู่ตรงหน้าประตู...
หมับ!“...!!!?”
ในจังหวะที่เอื้อมมือไปหวังปิดประตูห้องให้เรียบร้อย วินาทีนั้นข้อมืออ่อนแรงของบดินทร์ก็ถูกคว้าไว้โดยง่ายจากใครอีกคนที่ยืนพิงหลังอยู่ตรงหน้าห้อง
"สวัสดีครับ...คุณบดินทร์"และในวินาทีนั้น สันหลังของบดินทร์ก็ชาวาบ ในหัวขาวโพลนไม่สามารถประมวลผล ในร่างที่แข็งทื่อราวกับถูกสาปนั้น มีเพียงหัวใจที่เต้นรัวเต็มกำลังราวกับจะหลุดจากอก
"...ดนัย?..."ริมฝีปากสั่นระริก ถ้อยทีเอ่ยนามพญายมผู้เฝ้ารอพิพากษาโทษ ดวงหน้าบดินทร์ซีดเผือด ไร้ซึ่งสีเลือดแม้เพียงเศษเสี้ยวทันทีที่ได้เห็นรอยยิ้มของผู้ที่กำลังจะกระชากทั้งวิญญาณเขาออกจากร่าง
...ตาย...แน่ๆ********************************
มาได้แค่ 30% ก่อน ต่องขอโทษด้วยนะคะ
ตอนนี้กำลังมีเรื่องหลายเรื่องต้องจัดการค่ะ เต็มไม้เต็มมือ
แต่สัญญาว่าภายใน วันที่ 23 นี้ ได้อ่านอีก 70% ครบแน่ๆค่ะ
ขอโทษที่ต้องมาเป็นติ่งเป็นต่อน
เพราะเห็นว่าหายไปหลายวัน กลัวลุ้นนานค่ะ
เลยมาต่อนแรกก่อนให้ได้รู้ว่า น้องยุ ปลอดภัยดี
แต่หลังจากนี้ บดินทร์ต้องรับกรรมแบบไหน รอวันที่ 23 ตุลาคม นะคะ T^T
ขอบคุณค่ะ