ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)  (อ่าน 1268992 ครั้ง)

ออฟไลน์ himoru

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
โฮกกก เค้ากลัวดนัยแบบสุดๆอ่า
คือมันเรียกอาการแบบนี้ว่าอะไร????

ออฟไลน์ sugarcandy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ดนัยอาจกำลังพยายามปลูกฝังความเป็น M ให้บดินทร์ คิๆ

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
ดนัยน่ากลัวอ่ะ ส่วนบดินทร์ถึงจะสงสารแต่ถ้าเราเจอในชีวิตจริง
คงจะอโหสิให้แล้วทางใครทางมันเหอะ อย่าได้มายุ่งเกี่ยวกันอีกเลยลาขาด

ออฟไลน์ Tonglee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ดนัยน่ากลัวอะ ฮือออออออออ  :sad4: ใจร้าย
สงสารดิน  :o12:

ออฟไลน์ sugarcandy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
คนเขียนจ๋า ต่อเร็วๆน้า    :hao5:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
ครบทุกรสจริงๆ พล็อตน่าติดตามทุกตอนเลย
สงสารบดินทร์เหมือนกันนะ มีอะไรก็ไม่พูดออกมา

 :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
รอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ jinjin283

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 934
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
เข้ามารอด้วยคน คิดถึงคนเขียนแล้ววนะ

ออฟไลน์ Mitra

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ดันให้อยู่อันแรกๆ เลยจ้า

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
Waiting forever  :impress2:
รออยู่น้่าาา ชอบทุกคู่เลยอ่ะ น่าติดตามไปคนละแบบ
แต่ตอนนี้รอดูดินกับดนัยเป็นพิเศษ รอคนเขียน รอๆๆๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sugarcandy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
คนเขียนหายไปไหนแล่วง่า   :hao5:

ออฟไลน์ Xhunters

  • 씨엘씨
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
เค้ายังรออยู่นะ  :mew2:

ออฟไลน์ ekuto

  • ถ้าวันไหนไม่เข้ามาในเล้า วันนั้นเหมือนชีวิตขาดบางอย่าง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 605
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-5
อย่าเลย อย่าบอกให้รอเลย

เพราะฉันรอไม่ไหวแลัววววว

2วันตามทันตอนล่าสุด มาต่อเถอะครับ คนอ่านใจจิขาด

ออฟไลน์ aukuzt

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
พรุ้งนี้จะครบเดือนแล้วน้า หากคนเขียนงานยุ่งก็ขอให้เสร็จงานโดยไวหรือหากไม่สบายก็ขอให้หายเจ็บหายไข้ ก็คนอ่านใกล้ขาดใจแล้วเหมือนกัน คิดถึงเรื่องนี้มากมาย

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2

ออฟไลน์ NIMME

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1

ออฟไลน์ NOPKAN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-1
รู้สึกสงสารดิน

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
1 เดือนแว้วววว คิดถึงคนเขียนมากมาย   :impress2:

ออฟไลน์ saythong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :mew2:รอฉันรอเธออยู่แต่ไม่รู้เธอจะมาเมื่อไร คนเขียนหายไปนานมาก  :mew4:

ออฟไลน์ อนาคี99

  • อยากให้ชีวิตมีปุ่ม SKIP
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +460/-3
    • อนาคี99เพจ
เดี๋ยวพรุ่งนี้มาตบแต่งหน้านิยายให้ใหม่นะคะ คอมที่บ้านเอ๋อเหลือเกินค่ะ TT^TT

โปรดเตรียม...ผ้าเช็ดหน้า


ผมคือ...นางเอก
ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ



“เอ่อ...ผม...ส่งคุณแค่นี้พอใช่ไหม?”

นั่นคือคำพูดสุดท้าย ในขณะที่ยังมีอิสรภาพของซอลย่า ที่ขณะนี้ถูกกักบริเวณอย่างแน่นหนาบนหอคอยงาช้างของบลูม่าผู้คุมสุดเหี้ยมเกรียมหลังจากประกาศิตที่ว่า...

“ใครอนุญาตให้เธอกลับได้กัน?”

ผู้จัดการดาราตัวเล็กได้แต่นั่งเม้มปากนิ่งเงียบอยู่ในห้องนอนของเจ้าถิ่น และนั่งนิ่งมาอย่างนี้ร่วมชั่วโมงได้แล้ว ไม่ได้ไม่อยากกลับไปดูบดินทร์ ความจริงนั้นห่วงแสนห่วง แต่ติดตรงที่บลูม่าเองก็นั่งเฝ้าเขาอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้าม ที่ยังไม่ยอมเปิดปากคุยกันตอนนี้ไม่ใช่เหตุผลอื่นใด แต่เป็นเพราะเพิ่งทะเลาะกันบ้านแทบแตกไปเมื่อครู่ ตอนนี้จึงยังอยู่ในภาวะพักรบชั่วคราว

“...เมื่อไหร่คุณจะปล่อยผมกลับเสียที?”

ซอลย่าเอ่ยถามขึ้นเมื่อรู้สึกว่าเขาอยู่ในที่คุมขังนี้มานานพอที่จะพ้นโทษได้แล้ว ตอนนี้บดินทร์กำลังอ่อนแอ เขาอยากรีบกลับไปดูแล เพราะฉากสุดท้ายที่เห็นคือสภาพยับเยินแทบไม่เหลือคราบความหล่อเหลายามปกติ  จริงอยู่ว่าตอนที่จากมาเขารู้สึกผิดหวังในตัวของบดินทร์มาก  แต่มาตอนนี้ ซอลย่ากลับรู้สึกว่าเขาไม่ควรอยู่ที่นี่ หน้าที่สำคัญที่สุดของเขาตอนนี้คือการอยู่ข้างกายของบดินทร์ เพื่อดูแล และถามไถ่ถึงเหตุผลทั้งหมดแห่งการกระทำของน้องชายคนนี้

วันนี้บดินทร์แปลกไป เขาก็รู้อยู่แก่ใจ ทำไมตอนนั้นถึงทิ้งชายหนุ่มมาได้ลงคอกันนะ

“ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ผมขอตัวกลับได้ไหม? ผมยังมีอะไรที่ต้องทำอีกเยอะนะ”

ซอลย่าพยายามขอร้อง ด้วยท่าทีที่ร้อนใจ

“ทำอะไร? ป่านนี้แล้ว”

แต่ดูเหมือนบลูม่าจะทำเป็นมองไม่เห็นในจุดนั้น เขาแสร้งทำเหมือนเป็นเรื่องไม่สำคัญ ขณะยังคงนั่งไขว่ห้างอ่านนิตยาสารไปเรื่อย

“ผมคิดว่าคงไม่ใช่ธุระอะไรของคุณมั้งครับ”

ท่าทีของบลูม่าที่ดูไม่ยี่หระต่อความร้อนรนของซอลย่านั้น ทำเอาซอลย่าเริ่มมีอาการหงุดหงิดขึ้นทุกขณะ ทำไมกันนะคนตรงหน้าเขาถึงไม่เคยทำดีกับเขาบ้างเลย ไมตรีที่เขาเคยมอบให้ไป มันคงไร้ค่ามากเลยสินะ

ซอลย่าได้แต่เพียงนึกน้อยใจ พลางจ้องมองคนที่เอาแต่อ่านนิตยาสารด้วยดวงตาที่รื้นฉาบไปด้วยหยาดน้ำตาบางเบา

‘พอกันที’

ก่อนจะเผลอทำน้ำตาหลั่งร่วง ซอลย่าก็ลุกขึ้นคว้ากระเป๋าใบย่อมของตนขึ้น หมายจะเร่งออกไปจากห้องของคนใจร้าย จะไม่สนใจอีกต่อไป แม้จะโดนห้ามไว้ บลูม่าไม่ได้ต้องการอยู่กับเขานี่  แค่กักเขาไว้ที่นี่เพื่อกันเขากลับไปดูบดินทร์ก็เท่านั้น ถ้าไม่มีเรื่องนี้ มีหรือที่อีกฝ่ายจะนึกสนใจใยดีในตัวของเขา...

“เดี๋ยว!!”

และแน่นอนว่าทันทีที่ซอลย่าเดินดิ่งไปจนเกือบถึงประตูห้องนอน บลูม่าก็เข้ามาคว้าตัวไว้ได้ทันอย่างเฉียดฉิว

“ปล่อยผมไปเถอะครับ คุณบลูม่า ผมต้องกลับไปดูบดินทร์เขาจริงๆ”

“จะไปดูอะไรมันนักหนา? มันไม่ตายหรอกน่า คุณกฤตเมธเตะไปแค่ไม่กี่ที คงไม่ช้ำในขนาดนั้นหรอกมั้ง!”

พอถูกตะครุบตัวเอาไว้ ซอลย่าก็พยายามดิ้นรน จากแค่ถูกจับไว้เพียงต้นแขน ตอนนี้เลยกลายเป็นถูกโอบรัดไปทั้งตัว

แต่ถึงอย่างนั้น ผู้จัดการดาราร่างเล็ก ก็ยังคงพยายามอ้อนวอน

“ได้โปรดให้ผมไปเถอะครับ ผมเป็นห่วงเขาจริงๆผมปล่อยเขาไว้กับคุณดนัยสองต่อสองไม่ได้หรอก...”

“ทำไม? อยู่กับดนัยแล้วมันจะตายหรือไงยะ?”

ทว่ายิ่งฟังคำร้องขอ บลูม่าก็ยิ่งหงุดหงิด เขากระชับซอลย่าเข้าสู่อ้อมกอดแน่นขึ้น เพื่อแสดงให้อีกฝ่ายประจักษ์ ว่าจะไม่มีการอ่อนข้อให้โดยง่าย

“ดนัยเขาไม่ชอบบดินทร์เป็นทุน ขืนปล่อยให้อยู่ด้วยกัน...บดินทร์อาจถูกทำร้าย...”

“ก็ดีนี่ ให้มันโดนซะบ้างจะได้สาสมกันกับที่มันทำกับน้องยุไง!!”

“เพราะงั้นผมถึงต้องกลับไปคุยกับดินเขาไง! จะได้รู้กันไปว่ามีเหตุผลอะไรหรือเปล่า”

“มันคงบอกหรอก!”

“ปล่อย!!”

ก่อนที่การมีปากเสียงจะบานปลายออกไป ซอลย่าก็จบมันโดยการผลักร่างของบลูม่าออกไปเต็มแรง

“...นี่เธอกล้าผลักฉันเหรอ?”

บลูม่าที่ถูกผลักจนเซ ถึงกับหน้าบึ้งหนักกว่าเก่า เสียงที่ดัดจริตตลอดเวลาตอนนี้ทุ้มพร่าเพราะแรงอารมณ์

“เธอผลักฉัน...เพื่อจะได้ไปหามัน?” เสียงทุ้มกังวาลสมชายเอ่ยถามเย็นเยียบ ราวกับจะแช่คนถูกถามให้กลายเป็นน้ำแข็ง

“...ก็คุณ...ไม่ยอมปล่อย” ซอลย่าเองก็ได้แต่ตอบออกไปเสียงสั่น ร่างบอบบางค่อยๆถอยห่างออกมาทีละก้าว เพราะดูท่าอารมณ์มาคุที่แสนจะกดดันของบลูม่ากำลังจะฆ่าเขาให้ตายด้วยสภาวะขาดอากาศหายใจเสียแล้ว

“ฉันถามว่าเธอผลักฉัน เพื่อไปหามันเหรอ?” บลูม่าคาดคั้นขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับค่อยๆสืบเท้าเข้าใกล้ซอลย่าช้าๆ

“ใช่...ผมจะไปหาดิน...ผมต้องคุยกับเขา...” คำตอบสุดท้ายหลุดออกมาพร้อมกับแผ่นหลังที่ชนเข้ากับผนังห้อง ถอยหนี จนไร้ซึ่งทางหนีเสียแล้ว

“ค...คุณ...บลู?...”

ซอลย่าครางเรียกชื่อบลูม่าเสียงแผ่ว เมื่อถูกร่างสูงใหญ่ไล่ประชิด แล้วกันร่างเขาไว้กับกำแพงหนาราวกับนักโทษ

“เป็นห่วงกันจังนะ...ทำไมเหรอ? ไอ้บดินทร์มันสำคัญกับเธอขนาดนั้นเชียว?”

บลูม่าถามขึ้น ขณะโน้มตัวลงจดจ้องใบหน้าเศร้าหมองของซอลย่า แบบไม่ละสายตาย เล่นเอาคนตัวเล็กกว่าประหม่าจนใจสั่น ซอลย่าได้แต่ร่ำร้องอยู่ในใจว่า ได้โปรดอย่าทำแบบนี้...

เขายังรักบลูม่ามาก ยิ่งผ่านคืนนั้นมา ก็รู้สึกได้ว่าทั้งตัวและหัวใจเป็นของอีกฝ่ายจนหมดสิ้น แม้จะเจ็บร้าวรุนแรง แต่ก็ยังมีความสุขในส่วนลึกของหัวใจ ว่าในที่สุดก็ได้ตกเป็นของคนที่ตัวเองรัก...

แต่ในเมื่อบลูม่าไม่ได้รู้สึกดีกับตนไปด้วย ซอลย่าก็ยินดีถอยห่างอย่างเจียมตัว

และการทำแบบนั้นมันต้องอาศัยแรงใจอย่างมหาศาล คนกำลังหลบเลียแผลใจอยู่แท้ๆ ทำไมตัวต้นเหตุอย่างบลูม่าช่างไม่เคยรู้ตัวเลยนะ ถึงได้คอยตามราวีหัวใจของเขาอยู่ได้

‘มันเจ็บนะ!รู้ตัวบ้างสิ!’

ยิ่งคิดซอลย่าก็ยิ่งเจ็บปวด และเพราะเหตุนั้นก็เลยพาลหงุดหงิดในความไม่รู้เรื่องรู้ราวของบลูม่าไปด้วย

ดังนั้นจึงเผลอประชดออกไปโดยไม่รู้ตัว...

“สำคัญสิ! เขาสำคัญกับผมมาก! ไม่อย่างนั้นผมคงไม่ร้อนใจจะเป็นจะตาย แค่ไม่ได้ไปหาเขาหรอก!!”

“หล่อนเป็นเมียมันรึไง!!?”

“ยัง! แต่จะกลับไปเป็นเสียคืนนี้แหละ!  ไหนๆก็เป็นคนมีแผลใจเหมือนกันแล้ว ก็คงได้กันไม่ยาก!!”

“ซอล!!”

“.....!!!!?”


ด้วยรับไม่ได้กับคำประชดประชัน ด้วยหัวใจที่โหมเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ด้วยสมองที่ว่างเปล่าเพราะคำของอีกฝ่ายที่ว่าจะไปเป็นของคนอื่น ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจของคนตรงหน้า ด้วยสิ่งเร้าหลายอย่างประเดประดัง บลูม่าจึงไม่อาจตั้งสติรั้งมือตัวเองไว้ได้ทัน จนเผลอไผล เหนี่ยวรั้งใบหน้าคนรั้นเข้ามาบดจูบอย่างร้อนแรงไปเสียแล้ว...

“.....อื้อ...”

รสจูบนั้นรุนแรงและเร่งเร้า ทุกจังหวะบดเบียด ทุกลมหายใจร้อนผ่าว ทุกมุม ทุกองศา เนิ่นนานราวกับทั้งชีวิต วินานทีแรก ซอลย่าตื่นตระหนกกับจูบของบลูม่าจนตัวสั่น แต่หลังจากนั้น เขากลับเผลอตอบรับอย่างเร่าร้อน  แทบจะหลงลืมตัวเอง ว่าแท้จริงเขากำลังยืนอยู่ตรงนี้ในฐานะอะไร

ริมฝีปากต่อริมฝีปาก  ปลายลิ้นต่อปลายลิ้น และเสียงเปียกฉ่ำจอกแจก ยามบดเบียดและเอนไซน์หวานล้ำ พาสติของทั้งคู่กระเจิดกระเจิง บลูม่าขมวดคิ้วมุ่น ความปรารถนา กับทิฐิกำลังตีกันวุ่นวาย

ไม่เคยคิดอยากสัมผัส

แต่พอเริ่มกลับหยุดไม่ได้...

จ๊วบ...

เสียงยามริมฝีปากผละจากกันช่างฟังแล้วบาดหู เสียงหอบหายใจกระเส่า ฟังแล้วยิ่งเร้าอารมณ์ให้นึกสานต่อ ทั้งสองได้แต่คิดในใจ ถ้าเขาต่างก็เป็นคนรู้ใจกัน มีไมตรีที่ดีต่อกัน ป่านนี้พวกเขาคงไม่หยุดแค่การจูบ แม้ต่างก็ยังมือใหม่ เพิ่งผ่านประสบการณ์ระหว่างกันมาเพียงแค่คนละครั้ง แต่เพราะแบบนั้นแหละ มันจึงยิ่งเร้าอารมณ์โหยหา...

ปึ่ก!

ระหว่างยังคงมึนงงกับความหฤหรรษ์ที่ยังคงอ้อยอิ่งอยู่แถวริมฝีปาก บลูม่าก็ต้องตกใจเล็กน้อยกับความเจ็บที่อกข้างซ้าย ด้วยน้ำมือของซอลย่าที่ทุบลงมาไม่เบานัก

“...ทำแบบนี้ทำไม?”

เสียงหวานพร่าเอ่ยถามแผ่วเบา ใบหน้าแดงซ่านก้มต่ำ ฉาบไว้เพียงริ้วรอยแห่งความเศร้าหมอง ดวงตากลมใสยามปกติ ขณะนี้กำลังรื้นฉ่ำไปด้วยน้ำตา ที่กำลังกลั่นเป็นหยดน้ำใสกลิ้งผ่านพวงแก้มนิ่ม

“สนุกนักรึไง? ที่ได้เห็นว่าผมมันใจง่าย”

“............”

คำถามที่แสดงถึงความน้อยเนื้อต่ำใจอย่างแสนสาหัสของซอลย่า แล่นตรงจี้ใจของบลูม่าอย่างหนักหน่อยรุนแรง ‘นี่เขาเผลอทำอะไรลงไป?’

“ใช่สินะ...คนอย่างผมมันใจง่าย แค่อยากได้คุณ ผมก็ดิ้นรนเอาตัวเข้าแลกราวกับพวกอีตัว ขนาดคุณไม่เอาก็ยังพล่านจะเอาให้ได้ พอเสร็จสมหมายก็เล็งจะเอาคนอื่นต่อ คนอย่างผม...ที่คุณมองเห็น คงเป็นแบบนั้น...ใช่ไหม?”

“....ไม่...คือฉัน...”

“งั้นก็อย่าเอาตัวคุณมาเกลือกกลั้วกับคนอย่างผมอีกเลย...ปล่อยผมไปเสียเถอะ เดี๋ยวผมจะทำให้คุณเสื่อมเสียเปล่าๆ”

“ซอลมันไม่ใช่แบบนั้น.....”

“.............ผมมันคนไม่ดี....ฮึ่ก...”

“โถ่เอ้ย!”

หมับ!

บลูม่าสบสออกมาอย่างหัวเสีย พลางรวบตัวซอลย่าที่กำลังยืนทอดถอนใจสะอึกสะอื้นอยู่ตรงหน้าเข้าสู่อ้อมแขน

“หล่อนอย่ามโนเอาเองพร่ำเพรื่อนักได้ไหม! ฉันพูดสักคำแล้วเหรอว่าหล่อนเป็นแบบนั้นน่ะ!!?”

“ถ้าไม่ได้คิด แล้วคุณมองผมกับบดินทร์ในเชิงนั้นได้ยังไง!!?”

แม้บลูม่าจะปฏิเสธ แต่ดูเหมือนซอลย่าจะไม่เชื่อ

และนั่น ทำให้บลูม่าจำต้องสารภาพความจริง

“พูดเพราะ ‘หึง’ ยังไงล่ะ! ดูไม่ออกหรือไง!!”

“....เอ๊ะ?...”

คำสารภาพของบลูม่าทำเอาคนฟังอึ้งจนตาค้าง หูดับ สมองโล่งขนาดที่ว่า ไม่สามารถประมวลผลคำพูดของบลูม่าได้เลย

“อย่ามาทำเอ๋อใส่ฉันตอนนี้นะ...เฮ้อ ให้ตายสิ เสียหน้าเป็นบ้าเลย!”

เพราะไร้การตอบสนองที่น่าพึงใจจากซอลย่า บลูม่าถึงกับอยากกรีดร้อง ใบหน้าคมคายแดงก่ำ รู้สึกอายตัวเองขึ้นมาจนแทบทนไม่ไหว ทำได้แต่กอดซอลย่าแน่นขึ้นแล้วซุกซ่อนใบหน้าของตนลงบนลาดไหล่ผอมบาง

“...หึง?...บลู...อย่าพูดแบบนี้นะ...ถ้าไม่ได้มีใจให้กัน...ได้โปรด...อย่าพูดแบบนี้อีก...อย่าทำร้ายกัน...”

ซอลย่าได้แต่ครางเครือเสียงแผ่วผิว ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลยว่าจะถูกบลูม่าพูดคำนี้ใส่ หัวใจดวงน้อยเต้นระรัว ร่างกายบอบบางสั่นระริก ถ้านี่ไม่ใช่ความฝัน ถ้าหูเขาไม่เฝื่อนไปเอง...

นั่นก็แสดงว่า...

“เงียบไปเลย หล่อนทำให้ฉันกลายเป็นเลสเบี้ยนไปแล้ว...”

“ม...หมายความว่ายังไง...?..”

“...ชิ...ฉันน่ะนะ อุตส่าห์สงวนตัวไว้ให้ผู้ชายหล่อล่ำสักคนมาตกฉันไปเป็นศรีภรรยา หล่อนก็มาทำให้ฉันกลายพันธุ์จากสายรับเป็นรุกซะอย่างนั้น แทนที่จะได้ผัวก็ดันได้เมีย...แถมดัน...ติดใจซะได้.......ฮึ่ย...”

“นี่มัน...อะไรกัน?”

“ก็จะอะไรล่ะยะ!...ฉันก็กำลังบอกว่าชอบหล่อนอยู่นี่ไง!”

“ห๊ะ?...ช...ชอบผม?”

“ก็ใช่น่ะสิยะ! ไม่ชอบ ฉันจะมาตรมหึงหล่อนยิกๆเพื่อ?”

“...ต...แต่ตอนนั้นบลูบอกว่า...”

“ช่างหัวตอนนั้นฉันเถอะน่า ตอนนั้นฉันสับสนจนหน้ามืด แต่ตอนนี้ฉันหลงหล่อนจนหัวปักหัวปำแล้ว! รับผิดชอบฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ!!”

“...ไม่ได้หลอกกัน...ใช่ไหมเนี่ย?”

“จะบ้าเหรอ...เห็นฉันเป็นคนแบบนั้นรึไง...เดี๋ยวโดน”

“....................”

“.........”

หลังจากการสารภาพความในใจที่ยาวนาน ต่างคนต่างก็เงียบ ซอลย่ายังคงนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของบลูม่า ใบหน้าแดงซ่านยังคงริ้วรอยแห่งความตระหนกตกใจเล็กๆ  ก่อนจะค่อยๆยกสองมือสั่นระริกขึ้นโอบแผ่นหลังกว้างไว้บางเบา

ราวกับบลูม่าจะรู้สึกได้ถึงการตอบสนองในทางที่ดีของซอลย่า ร่างสูงจึงกระชอับอ้อมกอดแน่นขึ้น ใบหน้าที่ยังแดงซ่านนั้นค่อยๆปรากฏรอยยิ้มยินดี...

“คืนนี้...อยู่กับฉันนะ”

“.......”

“ได้ไหม?...”

“.....แต่...”

“ฉันสัญญา...พรุ่งนี้จะพาไปดูอิตานั่นแต่เช้าเลย...เพราะฉะนั้น คืนนี้อยู่กับฉันก่อนนะ...”

“...บลู...”

“ซอล...ได้โปรด...”

บลูม่าออดอ้อนคนในอ้อมกอดเสียงหวาน ไหนๆก็ไหนๆ เขายอมหมดแล้วตอนนี้ ขอแค่ซอลย่ายอมอยู่ด้วย ขอแค่ซอลย่าไม่กลับไปหาชายอื่น แค่นั้นจริงๆ คนเรา พอรู้ใจตัวเองปุ๊บ ร่างกายก็ไม่อาจหยุดการเคลื่อนไหวตามใจปรารถนาได้เลย


อ้อมกอดอุ่นชวนเคลิ้มเกินไป หัวใจของซอลย่าเลยอุ่นซ่านมากกว่าที่เคยเป็น สัมผัสนุ่มนวลชวนฝัน ทำให้เขาไม่สามารถผละจากไปได้อีก รู้สึกว่าตัวเองช่างเห็นแก่ตัวเหลือเกิน รู้สึกผิดต่อบดินทร์สุดหัวใจ

แต่...วันนี้คงต้องขอเป็นคนไม่ดีเสียแล้ว

‘ขอโทษนะ...ดิน...’

‘ขอโทษ...ที่พี่ใจง่ายเหลือเกิน...’

“.....อืม...อยู่ก็ได้...”

และคำตอบที่ซอลย่ามอบให้ ก็เรียกรอยยิ้มถูกใจให้กับบลูม่าไม่น้อย

สองร่างค่อยๆ ผละจากกันช้าๆ

สองสายตาสบกันแว่วหวาน...

ก่อนจะเคลื่อนใบหน้าเข้าหากันทีละนิด ทีละนิด...

*
*
*
*
*

แสงหรุบหรูรำไรที่ลอดทะลุผ้าม่านหน้าต่างเข้ามาทางหัวนอนปลุกร่างอ่อนล้าเปลือยเปล่าที่นอนขดเป็นลูกนกให้ได้รู้สึกตัวตื่น

“...อา..” เสียงครางหวิวดังขึ้นเบาๆ เมื่อร่างบอบช้ำขยับกาย เจ็บร้าวไปหมดตลอดหัวยันปลายเท้า

กว่าจะได้ลุกขึ้นนั่งเป็นกิจลักษณะได้ ก็เล่นเอาหมดแรง ตั้งสติได้รีบมองซ้ายมองขวา เพื่อให้แน่ใจว่าตอนนี้มีเพียงเขาที่อยู่ที่นี่แล้วจริงๆ

มัจจุราชตนนั้น...จากไปแล้วจริงๆ

ในห้องมืดหม่นว่างเปล่า มองไปรอบกายไม่เห็นเสื้อผ้าอาภรณ์ของอีกฝ่ายที่ถอดเรี่ยราดไว้เมื่อคืนแล้ว แสดงว่าคงไม่อยู่แล้วจริงๆ

เห็นดังนั้นบดินทร์ก็ถอนใจออกมาบางเบา

‘รอดแล้ว...หรือเปล่านะ’

ไม่...ใครว่ารอด

แม้ว่าเมื่อคืนจะถูกลงฑัณฑ์ปางตาย ก็ไม่ได้หมายความว่าความชั่วของเขาจะได้รับการชำระล้าง บดินทร์ทำได้เพียงถอนหายใจเหนื่อยล้า ก่อนทิ้งกายเอนพิงกับหัวเตียงเพื่อพักกายที่อ่อนแรง

สมองมึนเบลอ คิดเพ้อไปต่างๆนาๆ  ไม่ได้คิดน้อยใจในเรื่องเลวร้ายที่ได้ถูกกระทำสักเท่าไหร่ แต่เสียใจในเรื่องเลวร้ายที่ตัวเองได้ทำลงไปเสียมากกว่า คิดวกไปวนมา ก็เริ่มรู้สึกว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวานนั้นราวกับความฝัน ยิ่งได้นั่งเงียบๆเพียงลำพัง ยิ่งเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง...

นึกไปก็เผลอยิ้มออกมาบางๆ

ถ้าเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงความฝัน มันคงจะวิเศษที่สุด...

ถ้าเป็นแค่เพียงความฝัน...

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด...

ร่างบอบช้ำสะดุ้งไหว เพราะเสียงนาฬิกาปลุก ดันดังขึ้นกวนจนลอบใจหายไปวูบหนึ่ง  นาฬิกาบอกเวลา 6 โมงครึ่ง ขณะที่บดินทร์เอื้อมมือไปปิดเสียงปลุก ก็ไพล่นึกไปถึงคนที่เพิ่งจากไป ถ้าจำไม่ผิดดนัยน่าจะออกจากห้องไปตอนตี 4 หลังเสร็จสิ้นกับกิจกรรมรอบสุดท้าย

‘ไม่เหนื่อยบ้างรึไงนะ?’

บดินทร์เอาแต่นึกชื่นชมในความอึด เพราะเขาเอง ยังไม่เคยมีเซ็กซ์กับใครได้นานและหลายรอบขนาดนัยเลย ขนาดเขาเองเป็นแค่ฝ่ายรับแท้ๆ ไม่ได้ออกแรงมากไปกว่าแค่นอนคราง ยังสลบไปตั้งหลายรอบ นึกแล้วก็อดทึ่งไม่ได้...

คิดไปคิดมาบดินทร์ก็ได้แต่หัวเราะกับตัวเองเล็กๆ ทำไมกันนะ ทำไมเขาถึงได้ไม่รู้สึกเจ็บช้ำที่โดนดนัยข่มขืน ไม่ได้รู้สึกว่าโดนทำร้าย แม้จะร้าวระบมไปทั้งร่าง ‘สาสมแล้ว’ งั้นเหรอ? หรือเป็นเพราะหัวใจของเขาตายด้านกันแน่นะ

เฮ้อ...เขาคงฟันแล้วทิ้งแหละเนอะ

วันนี้จะกินอะไรดีน๊า...

อา...เจ็บตูด...

ฟ้าหลัวจัง...สงสัยฝนจะตกแฮะ...

บดินทร์ได้แต่นั่งเหม่อ คิดอะไรเพ้อเจ้ออยู่คนเดียวโดยไม่ยอมขยับกายไปไหน นั่งแก้ผ้าโล่งโจ้งอยู่ในห้องมืดๆ เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวเศร้า แล้วแต่เรื่องที่แล่นวาบไปวาบมาอยู่ในหัว

ส่วนลึกรู้ดีว่าตอนนี้เขากำลังหนีความจริงอยู่...

แต่เพราะรู้นี่แหละ เลยพยายามอย่างเอาเป็นเอาตาย เข้าขั้นบ้าคลั่งที่จะไม่คิดถึงพรุ่งนี้ หรือแม้แต่นาทีต่อไป

กบดานอย่างเงียบเชียบอยู่ในห้องน้อยๆของตัวเอง

เปาะ แปะ...

เปาะแปะ...

เสียงเม็ดฝนร่วงหล่นจากฟ้า แล้วถูกสายลมพัดพาให้มากระทบอยู่กับหน้าต่างตรงหัวนอน เปาะแปะ เปาะแปะ จากบางเบาค่อยๆหนักหน่วงขึ้น บดินทร์เอนศีรษะซบตรงขอบหน้าต่างเพื่อสดับฟังเสียงฝนที่ช่างไพเราะราวกับกำลังฟังวงออเคสตรามืออาชีพ ไพเราะจนดึงสมธิอันฟุ้งซ่านของเขาให้สงบลงได้ ราวกับเสียงนั้นได้ชะโลมให้หัวใจของเขาได้ชุ่มฉ่ำขึ้นอีกครั้ง...

เสียงของน้ำฟ้าที่ชะล้างได้ทุกสิ่ง...

ฝนเอย...จะชำระล้างหัวใจของเขาได้ไหมนะ...



วืด...วืด...

กำลังนั่งเหม่อลอยไม่ทันไร เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็ทำเอาผวา ไม่ว่าจะเป็นสายจากใครก็ตาม ไม่น่าคุยทั้งสิ้น...

วืด....วืด....วืด....

เสียงเครื่องสั่นไม่ยอมหยุด แม้จะสิ้นสุดการเรียกจนนิ่งไปได้ แต่เพียงครู่เดียวก็สั่นขึ้นมาใหม่ ใครกันนะที่ตื้อไม่เลิกขนาดนี้? เจ้าหนี้? ชิดจันทร์? ตำรวจ? ยิ่งคิดก็ยิ่งตกประหม่า มือสั่นระริกค่อยๆเอื้อมไปที่เจ้ามือถือสั่นไม่หยุดของตนช้าๆ ตั้งใจจะปิดเครื่องเสียให้รู้แล้วรู้รอด ปิดเครื่อง ล็อคห้อง ตัดขาดจากสรรพสิ่งทั้งปวง

แต่ในขณะที่จะกดปิด เบอร์ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอก็ทำเอาหัวใจได้ฉงนสงสัยอีกครั้ง

‘พ่อ?’

ตั้งแต่ถูกไล่ออกจากบ้าน ตั้งแต่ถูกตัดพ่อตัดลูกกันมาเป็นปีๆ บดินทร์ไม่เคยได้รับทรศัพท์จากผ็เป็นพ่อเลย แม้กระทั่งเขาเป็นฝ่ายโทรไปเอง อีกฝ่ายยังไม่ยอมรับสายเลยด้วยซ้ำ แล้ววันนี้มันเกิดอะไรขึ้นกัน?  หรือว่า...

ในหัวใจแห้งแล้งเริ่มสับสนขึ้นอีกคราว ไม่แน่ใจว่าควรรับสายจากบิดาดีหรือไม่

แต่เพราะวันนี้เขาอ่อนล้า

เพราะวันนี้เขาแสนเหงา

เพราะชื่อนี้...เขาแสนคิดถึง

ปิ๊บ...

ปลายนิ้วสั่นระริกจึงกดรับสายราวกับต้องมนต์

“...ค...ครับพ่อ”

‘ไอ้ดิน!!?’

แค่เสียงเรียกผ่านสาย ก็ทำเอาใจหายวูบ จนอดคิดไม่ได้เลยว่า ‘ไม่น่ารับสายเลย’

‘แกนี่มันลูกทรพีจริงๆ!สร้างเรื่องได้ไม่หยุดหย่อน! ฉันไปสร้างกรรมสร้างเวรอะไรกับแกไว้นัก ฮึ! ถึงได้ตอบแทนข้าวแดงแกงร้อนที่ฉันสู้อุตส่าห์ฟูมฟักแกมาแบบนี้!? แกเกลียดอะไรฉันนัก!!?...’

คำผรุสวาทที่ออกจากปากผู้เป็นพ่อ ทำหัวใจบอบช้ำอยู่แล้วของบดินทร์ยิ่งเจ็บร้าวหนัก เกิดอะไรขึ้นที่บ้านกันนะ ถึงได้ทำให้พ่อของเขารู้สึกเดือดดาลเขาได้ขนาดนี้

“...เกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ๆพ่อมาด่าผมแบบนี้?”

บดินทร์ถามออกไปด้วยความจนใจ และอย่างที่คิดเอาไว้ จบคำถามพ่อของเขาก็ยิ่งโมโหแล้วพาลใส่เขาหนักกว่าเดิม

‘อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องนะ!!เหอะ! ไอ้ผีพนัน ฉันไม่เคยเลี้ยงแกมาให้เป็นแบบนี้นะ!เป็นหนี้ จนเจ้าหนี้เขามาทวงให้เสียชื่อเสียเสียง แกลอยนวล แต่เขามาทวงกับฉันที่เป็นพ่อแกนี่! พวกมันประจานจนชาวบ้านชาวช่องเขารู้กันหมดแล้ว! พวกมันทำจนฉันไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้วเนี่ย! สิบล้าน แกทำไปได้ยังไง? แกทำกับพวกฉันอย่างนี้ได้ยังไง? ถ้าแกไม่รีบใช้หนี้ให้พวกมันมันจะยึดบ้าน ยึดที่ซุกหัวนอนและทรัพย์สินของพวกฉันทั้งหมด!แกทำอย่างนี้ได้ยังไงห๊า...’

คำเฉลยของพ่อทำเอาบดินทร์ถึงกับทรุด หัวใจเต้นรัวราวกับจะทะลุออกจากอก ‘ทวงหนี้?’ คำคำนี้ยอกใจบดินทร์จนเป็นหนอง ตกใจจนสมองแทบไม่ประมวลผลถึงสิ่งที่เกิดขึ้น  พวกนั้นมันรู้ได้ยังไงว่าเขาทำงานพลาด? นี่เพิ่งจะ 7 โมงเช้า แล้วพวกมันบุกไปถึงบ้านพ่อเขาได้อย่างไร?

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-07-2015 12:52:02 โดย อนาคี99 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ อนาคี99

  • อยากให้ชีวิตมีปุ่ม SKIP
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +460/-3
    • อนาคี99เพจ
‘ใจจริงฉันไม่ได้อยากจะโทรหาแกเลยแม้สักนิด แต่แบบนี้มันเกินไปแล้ว มันมากเกินไป!พวกมันมาเฝ้าราวีพวกฉันตั้งแต่เมื่อคืน จะทำอะไรมันก็ไม่ได้ แจ้งความก็ไม่ได้ มันบอกว่าเพื่อใช้หนี้ แกยอมกระทั่งทำเรื่องชั่วช้า แต่ดันทำพลาด แกเป็นถึงขนาดนี้ได้ยังไงห๊ะ ไอ้ดิน ไอ้ลูกชั่ว!!’

ถูกตลบหลังสินะ...ยัยชิดจันทร์ นังชั่ว!

‘แกรีบไปเคลียร์กับพวกมันเลยนะ!คิดจะทำห่าเหวอะไรก็แล้วแต่เรื่องของแก แต่อย่าให้พวกฉันต้องไปรับเคราะห์กับเรื่องชั่วๆที่แกทำอีก!!’

...ถูกตัดหางปล่อยวัดโดยสมบูรณ์เลยว่ะ

“..พ...พ่อ ผมขอโทษ...พ่อช่วยถ่วงมันไว้ให้ผมหน่อยได้ไหม? ถ้าพวกมันเจอผมตอนนี้ ผมตายแน่”

แม้จะถูกตัดรอน แต่ในส่วนลึกในหัวใจก็ยังคาดหวัง ว่าบุพการีคนเดียวในชีวิตที่ยังเหลืออยู่ จะยังพอเหลือใจเมตตากับเลือดในอกคนนี้บ้าง

‘เรื่องของแกสิ!ทั้งหมดนี่แกทำมันขึ้นมาเองทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ!? แกก็ต้องรับผิดชอบเอง ไม่ใช่ให้พวกฉันที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวต้องไปรับผิดชอบด้วย!’

แต่ดูเหมือนมันจะเป็นเพียงแค่ความหวัง ที่ไม่มีทางเป็นเรื่องจริง

“...พ่อ...ไม่เห็นว่าผมเป็นลูกเลยเหรอ? ตัดรอนกัน...ขนาดนี้...”

‘...ลูกชายฉัน ตายไปนานแล้ว’

คำพูดสุดท้ายก่อนบิดาจะวางสาย คือคำพูดสุดท้าย ระหว่างความผูกพันสองพ่อลูก บดินทร์ได้แต่น้อยใจในส่วนลึก แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาเองก็ผิดกับบิดาไว้มาก การจะโดนทอดทิ้ง คงเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว...




นังผู้หญิงคนนั้นมันดีกว่าแม่ตรงไหน หรือแค่คลำแล้วไม่มีหางก็เอาได้ทั้งนั้น!?

ดิน! เรื่องนี้พ่อผิดเองแต่พ่ออยากให้ดินรู้ว่าพ่อไม่มีทางรักใครมากไปกว่าแม่ของดินและดินเลยนะ

ใครจะไปเชื่อลงกัน! พ่อหลงมันจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว!

ดิน! หยุดลามปามพ่อได้แล้ว!! พ่อเป็นพ่อนะ!!

พ่อที่เห็นผู้หญิงคนอื่นดีกว่าลูกในใส้น่ะผมไม่มีก็ได้!

ดิน!!

ดินลูกพ่อตายห่าไปนานแล้ว!!



แกทำอย่างนี้ได้ยังไงดิน!? แกทำกับน้องได้ยังไง!?

มันไม่ใช่น้องผม! มันก็แค่ผู้หญิงร่านๆ เหมือนแม่มัน!

ฉันไม่เคยเลี้ยงแกให้โตขึ้นมาหน้าตัวเมียแบบนี้นะดิน! ลูกผู้ชายกล้าทำต้องกล้ารับสิ!

ไม่ว่าจะพูดยังไงพ่อก็เห็นพวกมันดีกว่าผมอยู่แล้วนี่ ต่อให้ยัยเด็กนั่นดอดเข้ามาขย่มผมเองตอนกลางดึก ผมก็เป็นฝ่ายผิดอยู่ดี!

แต่เพียงดาวท้องไปแล้ว!!...

ลูกผมหรือเปล่ายังไม่รู้เลย! พ่อเคยรู้บ้างหรือเปล่า ว่าลูกเลี้ยงที่พ่อรักหนักหนาเนี่ย ไปนอนกับสดายุมากี่ครั้งแล้ว! กับคนอื่นๆ มันก็เคย แถมไม่หนำใจยังมาขอนอนกับผมอีก! ลูกสาวคนดีของพ่อร่านขนาดนี้ ควรจะให้ผมรับผิดชอบไหม!?

จะยังไงก็ตาม แกต้องนับผิดชอบเพียงดาว!

ถ้าเด็กเกิดมาแล้วใช่ลูกผมล่ะก็ ผมรับก็ได้ แต่ถ้าไม่ใช่ก็เร่หาพ่อเด็กเอาเองละกัน! พ่อไม่ต้องกลัวไปหรอกน่า เดี๋ยวมันก็หาได้ ง่ายเหมือนคนเป็นแม่ที่ได้งาบพ่อได้ง่ายๆไง!

ไอ้ดิน!

ผลั๊วะ!!

.......นี่พ่อต่อยผมเพื่อมัน!?

คนไร้สามัญสำนึกอย่างแกไม่ใช่ลูกฉัน! ฉันไม่เคยมีลูกอย่างแก!!

เออ! ผมมันก็แค่ลูกเมียเก่า จะเฉดหัวกันเมื่อไหร่ก็ได้อยู่แล้วนี่

เออ! ออกไปจากบ้านฉันซะ! ตั้งแต่วันนี้ไปแกกับฉันไม่ใช่พ่อไม่ใช่ลูกกันอีก!!

ก็ได้! จะได้รู้กันไปว่าพ่อเห็นมันดีกว่าผม! รักลูกนอกใส้ มากกว่าเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง!

คนที่ไม่เคยเห็นฉันเป็นพ่ออย่างแก รีบไสหัวออกไปจากชีวิตฉันซะ ออกไป๊!!

...พ่อพูดเองนะ

ออกไป...

...เออ ผมจะออกไปเอง เชิญพ่อเสวยสุขอยู่กับพวกมันไปแล้วกัน

ไปเถอะ จากวันนี้ไป ฉันจะถือว่าลูกชายของฉัน มันได้ตายไปแล้ว...



ย้อนคิดไปถึงอดีต บดินทร์ก็ได้แต่ยิ้มเยาะในทิฐิอันโง่เขลา และความชั่วช้าต่ำทรามของตน ผมกรรมหนักเบาที่เคยทำไว้ตั้งแต่คราวนั้น พลันย้อนกลับมาสนองเขาแล้วในคราวนี้

เพียงดาว...ลูก ทอดทิ้ง ดูแคลน จะลูกน้อยไม่ได้ลืมตาดูโลก ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะเป็นลูกเขาหรือไม่ หรือต่อให้การแท้งของเพียงดาวไม่ใช่เหตุจากเขาโดยตรง แต่แน่นอนว่าเขาก็คือหนึ่งในปัจจัยนั้น

เนรคุณบุพการี ว่าร้าย ทิฐิ จองหอง

ดูดายเพื่อนรักที่ต้องมาต้องมลทิลเพราะตัวเขา ต้องออกจากวงการเพราะตัวเขา

และ...ชีวิตอันไร้ค่าของตัวเขาเอง ที่เขาทำลายมันจนป่นปี้คามือ

เคราะห์กรรมหนักหนาเหลือเกินที่เคยสร้าง หนักหนาจนไม่รู้ว่าจะหาทางออกแบบไหน รอบด้านมืดมนไปหมด หนี้บ่อนสิบล้าน ในชาตินี้เขาคงไม่มีปัญญาจ่าย เรื่องเลวร้ายที่ทำลงไปกับสดายุ เขาคงไม่มีทางได้รับการให้อภัย งานการ ก็คงไม่มีโอกาสได้กลับไปทำอีกแล้ว วันนี้คงมีข่าว พรุ่งนี้คงยังเป็นข่าว ถูกยกเลิกสัญญาว่าจ้าง อาจถูกปรับ เงินติดบัญชีมีไม่ถึงห้าพัน ค่าผ่อนคอนโดงวดต่อไปคงไม่มี จะโทรหาใครก็ไม่ได้

เขาไม่มีใคร

พี่ซอล...คนที่เคยช่วยเหลือดูแล พี่ซอลที่ผิดหวังกับสันดานของเขาจนแทบไม่อยากมองหน้า คงไม่มีทางให้ความช่วยเหลือ ไม่มีทางอยู่ข้างๆกันอีกแล้ว...

แม้แต่ครอบครัวที่เขาเหลืออยู่อย่างพ่อ ก็คงไม่เอาลูกทรพีที่ดีแต่ทำตัวเลวไปวันๆอย่างเขาอีกแล้ว

มือที่ยังกำมือถืออยู่สั่นระริก หยาดน้ำอุ่นหยดน้อยค่อยๆกลั่นตัวหล่นกลิ้งไปตามพวงแก้มซีดเผือด หยดแล้ว หยดเล่าริมฝีปากพร่ำพูดเพียงคำขอโทษซ้ำแล้วซ้ำอีก

‘พ่อ...พี่ซอล...เพียงดาว...ยุ...ดินขอโทษ’


วืด...วืด...

โทรศัพท์ในมือสั่นขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับปรากฏเบอร์เรียกเข้าที่ไม่เคยคุ้น

วืด....วืด....วืด....

แต่ตอนนี้บดินทร์ไม่ได้รู้สึกตกใจกลัว ว่าปลายสายที่เรียกเข้ามาจะเป็นใคร เขากดรับ และอย่างที่เคยนึกกลัว คนของบ่อนโทรมาจริงๆ ในเมื่อเขาทำงานพลาด สัญญาคุ้มกะลาหัวทั้งหมดที่มีก็สิ้นสุด จากวินาทีนี้ไป เขาต้องชดใช้ทั้งหมดให้แก่เจ้าหนี้ผู้ยิ่งใหญ่นี้ หนี้ที่ยาวนาน ทางบ่อนต้องการให้จบภายในเดือนนี้

บดินทร์ไม่ได้ต่อรอง เขาแค่ถามออกไปเพียงคำถามเดียวว่า...

‘ถ้าไม่มีจ่าย จะเป็นยังไง?’

และคำตอบที่ได้คือ...

‘ตาย’

น่าแปลกที่บดินทร์ไม่รู้สึกตกใจ เขาตอบกลับไปเพียงแค่ ‘เข้าใจแล้ว’และกดวางสายอย่างสงบ

*
*
*
*
*

แสงหรุบหรูรำไรที่ลอดทะลุผ้าม่านหน้าต่างเข้ามาทางหัวนอน พร้อมเสียงฝนฟ้าที่แว่วมาจากด้านนอก ปลุกร่างบอบบางใต้ผ้าห่มอุ่นให้ได้รู้สึกตัวตื่น

“...อือ...” เสียงครางหวิวดังขึ้นเบาๆเปลือกตาหนักอึ้งกระพริบถื่น เพื่อพยายามขับไล่ความงุ่วงงุนหน่วงหนัก

“ตื่นแล้วเหรอยุ”

เสียงทุ้มนุ่มรื่นดังขึ้นไม่ไกลตัวนัก สดายุหันไปมองด้วยท่าทีมึนเบลอ ยังจับต้นชนปลายไม่ค่อยได้ แต่ก็พอจะเห็นรางๆว่าคนที่ส่งยิ้มให้มาคือใคร

“เป็นยังไงบ้างครับ? เจ็บตรงไหนหรือเปล่า? คุณหลับไปนานเลย ผมเป็นห่วงแทบแย่แน่ะ”

แค่ได้เห็นว่าคนที่หลับมาตลอดฟื้นลืมตา กฤตเมธก็ดูท่าทางจะเก็บความตื่นเต้นเอาไว้ไม่ได้ ร่างใหญ่โน้มตัวคร่อมสดายุเอาไว้ พร้อมเกลี่ยนิ้วไล้ที่แก้มใสขณะไต่ถาม

ความห่วงใยที่ถูกส่งมาท่วมท้น สดายุสัมผัสและรู้สึกถึงสิ่งเหล่านั้นได้ทั้งหมด คนบนร่างรักเขามากแค่ไหน หัวใจดวงนี้รู้สึกได้เป็นอย่างดี

“มึนหัวนิดหน่อย แต่ดีขึ้นแล้วครับ...ขอบคุณนะที่เป็นห่วง...”

สดายุแย้มยิ้มตอบกฤตเมธด้วยเสียงแสบเสน่ห์ประจำตัว เรียวมือขาวยกขึ้นลูบไล้ใบหน้าสากระคายด้วยตอหนวดอย่างรู้สึกรักใคร่ เจ้าของใบหน้ารีบเกาะกุมมือขาวเย็นเย็บนั้นไว้ให้แนบกับใบหน้าของตนนานขึ้น ก่อนจะเคลื่อนใบหน้าลงใกล้ แล้วแนบหน้าผากเข้าหาคนบนที่นอนอย่างอ่อนโยน

“ผมจะไม่ปล่อยให้คุณอยู่คนเดียวอีกแล้ว คนอะไร ละสายตาทีไรได้เรื่องทุกที”

“หึหึ อย่าเพิ่งเอ็ดผมสิ ใช่ว่าผมจะตั้งใจเสียหน่อย”

สดายุตอบเสียงใส พลางหัวเราะแหะๆ เรียกความรู้สึกรักใคร่เอ็นดูของกฤตเมธให้ยิ่งเพิ่มทวีขึ้น ทว่าดวงหน้าที่ยังซีดเซียวนั้น ก็ยังคงตอกย้ำถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่กฤตเมธไม่อาจลบออกจากหัวได้

ใบหน้าหล่อเหลาเครียดขึงขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปากถามคนรักออกไปอย่างยากลำบาก แม้เมื่อคืนเขาจะสำรวจร่างกายของสดายุไปรอบหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจวางใจอยู่ดีว่าอีกฝ่ายปลอดภัยจากเงื้อมมือของบดินทร์จริงๆ ยิ่งคิด ดวงตาคมกล้าก็ทอประกายเจ็บปวด แจ่มชัด

“แล้ว...ยุเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า? โดนไอ้บ้านั่นทำอะไรเกินเลยไหม?”

คำถามที่แฝงความร้อนใจจริงจัง ทำให้สดายุรับรู้ได้ว่ากฤตเมธเป็นห่วงเขามากแค่ไหน และไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากเพียงใด ความอุ่นซ่านที่ชโลมลงสู่หัวใจนั้น ยิ่งทำให้ช่องอกดูเหมือนจะเต็มแน่น เพราะหัวใจที่ขยายพองโต

“...ไม่หรอก บดินทร์ไม่ได้ทำอะไรผมมากไปกว่าที่คุณเห็นเลย....”

สดายุตอบออกมาตามจริง พลันภาพคืนวานย้อนเข้าสู่มโนสำนึก

‘ขอโทษนะยุ...’

‘ฉันสัญญา จะไม่ทำอะไรนายแน่นอน...’

น้ำเสียงแสนเศร้าหมองไหลสู้ห้วงหัวใจอีกครั้ง ความหมองหม่นของบดินทร์ที่ตอนนี้ สดายุเองยังไม่เข้าใจคนเลวร้ายที่จ้องทำลายเขาอย่างเลือดเย็นคนนั้น คนที่หาเรื่องราวีไม่เลิกคนนั้น แม้กระทั่งเมื่อคืน คนคนนั้นก็ลงมือทำในสิ่งที่เขาอาจไม่มีวันให้อภัย...

ทั้งๆอย่างนั้น ทำไม?

น้ำเสียงของคนใจร้ายที่แสนเศร้าเหลือเกิน...

“ยุ?” เสียงแว่วหวานที่ข้างหู เรียกสดายุจากภวังค์ความคิด

“ครับ?”

“ยังมึนหัวอยู่หรือเปล่า ดูคุณเบลอๆนะ” เพราะสดายุเหม่อไปหน่อย ดูท่าจะยิ่งทำให้กฤตเมธเป็นห่วงมากขึ้นเสียแล้ว

“...ไม่มีอะไร ผมแค่...หิว...หิวจะตายอยู่แล้วครับ...”

คนป่วยออกอาการอ้อนเล็กๆ ตรงคำว่า ‘หิว’ ไม่ได้แกล้งพูดแต่อย่างใด สดายุหิวจริงจังมาก เพราะตั้งแต่มื้อเที่ยงของเมื่อวานเป็นต้นมา ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย แถมยังโดนวางยาสลบเข้าไปอีก ร่างกายจึงอ่อนเปลี้ย ท้องก็หิวจนเกินทน จะลุกไปหากินเองก็ยังมึนๆ เกรงว่ากว่าจะได้กินคง ไอ้อาเจียนเพราะเมายาซะก่อน ทางเดียวที่ทำได้ คือการอ้อนคนรักตรงหน้านี่แหละ ว่าแล้วก็พลิกตัวเข้ากอดเอวอุ่นของคนรักที่นั่งเฝ้าอยู่บนเตียงเป็นการสำทับคำอ้อนทันที

“หึหึ น่าสงสารจัง งั้นเดี๋ยวผมไปทำข้าวต้มให้นะครับ”

กฤตเมธตอบรับอย่างนุ่มนวล อุ้งมืออุ่นลูบไล้ไปบนศีรษะทุยด้วยความรักใคร่ ไอรักอ่อนละมุนแผ่กำจายปกคลุมสองร่างให้รู้สึกปลอดภัย รังรักนี้ช่างปลอดภัยสำหรับเขาสองคนเหลือเกิน การอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันช่างแสนอบอุ่น จนเรื่องเลวร้ายที่เคยประสบพบมาราวกับเป็นแค่ความฝัน

แค่นี้...ก็เพียงพอแล้วสำหรับสดายุ

แค่นี้...ก็สุขเหลือเกินแล้ว...

กฤตเมธก้มลงจุมพิตข้างแก้มใสครั้งหนึ่ง ก่อนจะลุกจากมาเพื่อทำอาหารให้คนป่วยได้ทานรองท้อง
ทันทีที่หันหลังให้ใบหน้าของชายหนุ่มเครียดขึงขึ้นทันทีใช่ว่าเขาจะโล่งใจที่สดายุฟื้นขึ้นมาในสภาพที่น่าพอใจจนไม่ติดใจเรื่องของบดินทร์เขาโกรธมากจนแค่คิดถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาก็พาลอยากจะไปกระทืบซ้ำอีกสองรอบสองรอบทว่าเขาจำต้องนิ่งไว้เพียงเพื่อไม่ให้สดายุต้องรู้สึกกัวลหรือสะเทือนใจมากไปกว่านี้

ฝ่ายสดายุเองก็ไม่แตกต่าง หลังจากกฤตเมธเดินจากไป ชายหนุ่มก็ได้แต่ครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

เมื่อคืนกว่าที่กฤตเมธจะมาถึง เขารู้สึกได้ว่ามันใช้เวลาอยู่พอสมควร ซึ่งในช่วงเวลาขนาดนั้น หากบดินทร์ต้องการจะทำอะไร เขาทำสำเร็จได้ง่ายๆ เพราะถึงอย่างเขาก็ไม่มีแรงจะขัดขืนอยู่แล้ว...

ประเด็นคือ...ทำไมถึงไม่ยอมทำ

แล้วไหนจะคำขอโทษสารพัดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยนั่นอีก มันหมายความว่ายังไงกันแน่นะ

สดายุคิดวกไปวนมาซ้ำๆอยู่กับเรื่องของบดินทร์ ที่จริงก็อยากจะสืบค้น อยากจะประมวลผลให้เสร็จสิ้น แต่ด้วยร่างกายที่อ่อนล้าเกินทน จึงต้องขอตัดใจ เก็บเรื่องสงสัยเหล่านั้นไว้ในใจก่อน สดายุถอนหายใจบางๆ ดวงตาหนักอึ้งค่อยๆปิดตัวลงช้าๆ ชายหนุ่มตัดใจที่จะคิด และขอนอนหลับต่ออีกสักหน่อย เพื่อพักร่างกายที่ยังไม่สร่างจากฤทธิ์ยา

กริ๊งงงง....

กริ๊งงงงงงงงงง...

ทว่ายังไม่ทันจะได้หลับ เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน

“เบอร์ใคร?”แค่หยิบมือถือขึ้นมาดูก็ต้องขมวดคิ้วฉงน ด้วยเพราะเบอร์ที่โทรเข้ามาไม่ใช่เบอร์ที่คุ้นเคย

ปี๊บ...

“สดายุพูดครับ”

“..............................................”

“ฮัลโหล? ได้ยินหรือเปล่าครับ?”

“..............................”

ไม่ว่าจะทักทายออกไปเท่าไหร่ ปลายสายก็ยังคงเงียบ ความง่วงงุนทำให้สดายุหงุดหงิดอยู่เป็นทุนแล้ว ยังโดนมีพวกว่างเกินเหตุโทรมาแล้วไม่คุยอีก สดายุจึงไม่ทนที่จะสนทนาต่อ ชายหนุ่มตั้งใจจะกดวางในทันที

แต่ในวินาทีก่อนที่เรียวนิ้วจะกดวาง เสียงที่ดังจากปลายสายออกมา ก็ทำให้สดายุตื่นเต็มตาเสียก่อน

“...ยุ...”

“.......................”

เสียงแหบเครือที่เอ่ยเรียกสดายุออกมา คือเสียงที่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของสดายุ เขาไม่อาจตอบโต้อะไรออกไปได้เลย เพราะแค่ได้ยิน ความรู้สึกหลายๆอย่างก็พลุ่งพล่านขึ้นมาจนถึงอก

“...ร่างกาย...เป็นยังไงบ้าง?” เสียงที่ดังมาตามสายช่างแผ่วเบา ทว่าสดายุได้ยินมันอย่างชัดเจน

พอได้ยินคำถาม สิ่งที่พลุ่งพล่านอยู่ในอกของสดายุก็ดูเหมือนจะปะทุออกมาเป็นความเดือดดาลที่ไม่อาจระงับ

“หาเรื่องรึไง!?” เสียงแหบพร่าถามขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์นัก สดายุอดรนทนไม่ไหวถึงกับต้องพยุงกายลุกขึ้นนั่ง เพื่อจะได้สนทนากับบดินทร์ได้อย่างมีสติ แม้ว่าจะต้องใช้แรงกายอย่างมหาศาลก็เถอะ

“...ปล...เปล่า...ฉันเป็นห่วงนายจริงๆนะ...”

“อย่ามาตลก! เป็นห่วง? ต่อให้อมพระมาพูด แม่งก็เชื่อไม่ลงหรอก!”

“...ขอโทษ...”

“ถ้าขอโทษแล้วมันจบง่ายๆ โลกจะมีตำรวจเอาไว้บูชารึไง!?”

คำตอกกลับรุนแรง ที่แม้แต่สดายุเองก็คิดว่าหากไม่ทำให้อีกฝ่ายสะเทือนใจเงียบอึ้ง ก็คงทำให้ได้ประคารมเพิ่มด้วยแรงอาฆาตทวีคูณเป็นแน่

แต่ดูเหมือน ทุกอย่างที่สดายุคิด มันจะผิดแผกไปหมด บดินทร์ไม่ได้นิ่งอึ้ง ไม่มีแม้แต่เสียงสบถสักคำยังมี

เสียงที่ได้ยินนั้น มีเพียงสำเนียงเสร้าสร้อย รวดร้าวราวใจจะขาดเท่านั้น

“ขอโทษนะยุ...ขอโทษในทุกเรื่องที่ผ่านมา ฉันคนนี้จะไม่ขอแก้ตัวอะไรทั้งนั้น เรื่องทั้งหมด ฉันคนนี้แหละที่เลว ฉันคนนี้เองที่ชั่วช้า ระยำชั่วชาติ ฉันที่หักหลังนาย ฉันที่ทำตัวกร่าง ฉัน...ที่คิดจะทำร้ายนาย...เมื่อคืน... ฉัน...คนนี้...มันไม่สมควรจะ......”

“หยุดพล่ามได้แล้ว! พูดอะไรของนายกัน!? ชั่วดีก็รู้อยู่แก่ใจนี่ จะมาสาธยายให้ฉันฟังทำไม!?”

ก่อนที่บดินทร์จะเอ่ยความจบ สดายุก็ขัดขึ้นเสียก่อน มารยาทแย่ๆแบบนี้ ถ้าไม่เกลียดชังจริงจัง สดายุก็ไม่เคยแสดงกับใครง่ายๆ แท้จริงสดายุก็รู้อยู่แก่ใจว่าบดินทร์มาเพื่อสารภาพบาป เพื่อสำนึกผิด เพื่อขอโทษ ขออภัย แต่สดายุไม่สามารถทำใจรับได้ในตอนนี้ สิ่งที่เขาได้รับ เคราะห์ที่เขาประสบ มันเลวร้าย และหนักหนาเกินกว่าจะให้อภัย!

“...ฉันควรทำยังไง?...ควรทำยังไง ควรชดใช้ให้นายยังไง...”

เสียงสั่นพร่าเอ่ยวาจาอ้อนวอนราวกับกำลังร้องขอชีวิต เสียงสะอึกสะอื้นเป็นระลอกที่ได้ยินมาเคียงกัน ทำให้สดายุไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าหัวใจของเขาเริ่มมีอาการสั่นไหว

แต่...เขาก็ไม่อาจเอ่ยปากให้อภัย

เขาจ่อมจมอยู่กับความเจ็บปวดเสียใจ ฝังตัวอยู่กับคำถามว่าทำไมเพื่อนรักคนเดียวที่เขามีถึงทำร้ายเขาได้อย่างเลือดเย็น เจ็บปวดแสนสาหัส กว่าจะสามารถทำใจให้เข้มแข็งได้ ใช่ว่าจะไม่ต้องใช้เวลาเสียเมื่อไหร่ เพราะฉะนั้น แม้คำขอโทษแสนร้าวรานของอีกฝ่ายจะทำให้หวั่นไหว แต่เขาก็ไม่อาจออกปากเอ่ยคำว่า ‘ให้อภัย’ ออกมาได้แม้แต่เสี้ยวคำ

 ดังนั้น คำเดียวที่สดายุสามารถพูดได้ในตอนนี้คือ...

“ออกไปจากชีวิตของฉันซะ อย่าได้ต้องเจอะต้องเจอกันอีกเลย”

 สดายุเลือกที่จะพูดจาทำร้ายบดินทร์ออกไป เพราะสุดท้ายหัวใจฝ่ายอธรรมก็ชนะแบบฉิวเฉียด ผลักดันให้เขาเลือกแก้แค้นบดินทร์ด้วยถ้อยคำที่โหดร้าย สดายุได้เพียงถามตัวเองว่าสาแก่ใจกับสิ่งที่ทำลงไปไหม คำตอบคือไม่  แต่หากจะต้องเลือกอีกครั้ง เขาก็ยังยืนยันที่จะทำอย่างเดิม

“....ยุ...เราขอโทษนะ...”

ปิ๊บ!...

สดายุไม่รู้ว่าบดินทร์จะพูดอะไรต่อ และไม่คิดจะฟังด้วย เขากดวางสายทันทีที่ยื่นคำขาดเสร็จสิ้น คำสุดท้ายที่แว่วผ่านหูคือคำว่า ‘ขอโทษ’

คำขอโทษ...ที่สดายุไม่เคยต้องการ




“หมอนั่นโทรนมาทำไม?”

กฤตเมธทักขึ้นแทบจะทันทีที่สดายุกดวางสาย แท้จริงชายหนุ่มยืนฟังอยู่ตั้งแต่ต้น เรียกได้ว่าทันทีที่ได้ยินเสียงของสดายุ ชายหนุ่มก็วกกลับเข้ามาดูทันที

“........เขา....โทรมาขอโทษ....”

สดายุได้เพียงตอบออกไปเสียงแผ่วระโหย หัวใจยังคงบีบรัด ร่างกายที่อ่อนล้าอยู่แล้ว เหมือนจะสิ้นแรงให้ได้ล้มตัวลงนอนสิ้นสติ

คงเป็นอย่างนั้น ถ้ากฤตเมธไม่เข้ามาคว้าตัวไว้เสียก่อน

“มันคิดอะไรของมัน? ทำขนาดนั้น แล้วโทรมาขอโทษ? ประสาท”

กฤตเมธโวยขึ้นเมื่อได้รู้เหตุผลของบดินทร์ จากนั้นก็ได้เพียงถอนหายใจบางเบา เมื่อเห็นว่าร่างของคนในอ้อมกอด นิ่งทื่อ และหมองหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด สองแขนแกร่งรีบโอบร่างสดายุไว้แนบอกแน่นขึ้นเพื่อปลอบขวัญ

“เฮ้อ...คุณนี่น๊า...แค่ผมละสายตาเข้าครัวแป๊บเดียว คุณก็โดนลอบทำร้ายอีกแล้ว เดี๋ยววันนี้ผมยึดมือถือคุณไว้เลยดีกว่า” จากนั้นก็แซวออกไปเล็กๆ เพื่อให้คนรักได้ผ่อนคลายขึ้นบ้าง

“หึหึ...สงสัยบดินทร์มันคงเป็นเจ้ากรรมนายเวรของผมน่ะ ถึงได้ราวีไม่เลิกขนาดนี้...ผมอนุญาตนะ ยึดมือถือผมไปได้เลย” ไม่นานสดายุก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ไหนล่ะข้าวต้ม...ผมหิวจะแย่แล้วนะ” ก่อนจะเอ่ยถามถึงอาหารที่ตนรอคอย

“มีอะไรบอกผมได้นะยุ อย่าเก็บเอาไว้คนเดียว ผมไม่อยากให้คุณไม่สบายใจไปมากกว่านี้...ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากเป็นคนที่ยุวางใจ อยากเป็นที่พักพิงให้ยุนะครับ...”  กฤตเมธอ้อนวอน เขาอยากช่วยแบ่งเบาภาระหนักอกที่สุมแน่นในหัวใจของสดายุออกมาบ้าง

“......ผม...ยังสับสน ถ้าผมพร้อมเมื่อไหร่ สัญญาว่าคุณจะเป็นคนแรกแน่นอนครับ” สดายุหยุดคิดเล็กน้อยก่อนตอบออกๆไปตามความจริง เขาไม่อาจเล่าเรื่องใดๆให้กฤตเมธฟังได้ตอนนี้ เพราะมันยังคงสับสน และยุ่งเหยิง ขนาดที่ว่าเขาเอง ยังจับต้นชนปลายแทบไม่ถูก

“ผมจะรอนะ”

“อืม...รอผมนะ”

ราวกับคำสัญญาที่ทั้งคู่ได้มอบให้กันขณะยังคงโอบกอด

หัวใจของสดายุอุ่นซ่าน ชายหนุ่มหลับตาลงในอ้อมแขนของคนรัก ปลดปล่อยตัวเองออกจากพันธนาการทั้งหมด แล้วดำดิ่งลงสู่ความอบอุ่นนี้อย่างอิสระ

พอกันทีบดินทร์...ฉันจะไม่เอานายมาเป็นสาระในชีวิตของฉันอีกต่อไป

*
*
*
*
*



 “สวัสดีครับ ชาวโซเชียลแคม...”

“จำหน้าผมกันได้หรือเปล่าเอ่ย...ผมบดินทร์ไงคร๊าบ สภาพอาจดูแย่หน่อย แต่ตัวจริงเสียงจริงแน่นอน...”

“สงสัยกันใช่ไหมล่ะครับ ว่าผมโผล่มาทำอะไรตอนนี้ อย่างแรกเลย ผมมาเพื่อขอบคุณแฟนๆทุกท่านครับ ที่ให้การสนับสนุนผมเสมอมา...”

“และ...”

“ผมมาเพื่อขอโทษครับ...”

“ขอโทษที่ผมเลว...ผมคือคนเลว คือคนที่หักหลังเพื่อนได้อย่างเลือดเย็น คือผีพนัน คือคนที่ทำร้ายคนอื่นได้ทุกอย่างเพียงเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดครับ คนอย่างผม...คือคนเลวที่ไม่อาจหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบได้เลย...”

“ยังจำเรื่องข่าวฉาวของพระเอกดังอย่างสดายุได้ใช่ไหมครับ...เรื่องที่ทำผู้หญิงท้องแล้วไม่รับ ความจริง...ผมเป็นคนใส่ร้ายเขาเองครับ...”

“ใช่แล้วครับ ผมใส่ร้ายเพื่อนรักของตัวเอง เพียงเพราะอิจฉา...ผมอิจฉาสดายุที่เด่นกว่า ดังกว่า ผมเลยร่วมมือกับน้องสาว...เพื่อหาเรื่องใส่ความเขา...เพื่อให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เพื่อให้เขาอยู่ในวงการไม่ได้อีกต่อไป เพื่อผมจะได้อาศัยฝีมือง่าวๆของผมสวมรอยเขา...แค่เรื่องแรก ก็ยี้กันแล้วใช่ไหมครับ...หึหึ อย่าเพิ่งปิดคลิปนะครับ เรื่องเน่าๆของผมยังมีอีกเป็นกุรุส...”

“อย่างเรื่องผีพนัน คุณรู้ไหมครับ ผมติดการเข้าบ่อนมาก มีเงินเท่าไหร่ไม่เคยพอ ผมเอาไปถลุงที่บ่อนหมดทุกบาท พอหมดก็เริ่มเป็นหนี้ ก็มันยังไม่พอนี่ครับ ผมยังอยากเล่น มันสนุก มันเร้าใจ จนตอนนี้...ผมเป็นหนี้บ่อนอยู่ 10 ล้านครับ และกำลังหนีเจ้าหนี้หัวซุกหัวซุนอยู่...น่าสมเพชใช่ไหมล่ะครับ”

“ยังครับ...ยังไม่หมด พอผมเป็นหนี้ ผมก็เริ่มรับงานชั่วๆ ที่อีผู้หญิงคนหนึ่งจ้างวาน อีนั่นคือชิดจันทร์ครับ ชื่อคุ้นไหมเอ่ย ลูกสาวคนเดียวของเจ้าแม่เสน่ห์จันทร์ไงล่ะครับ หล่อนเป็นเด็กโรคจิต ฮิสทีเรียมากผมบอกเลย อยากได้ผู้ชายจนตัวสั่น พอเขาไม่เล่นด้วยก็จ้างผมให้ไปทำร้ายผู้ชายคนนั้นสารพัด...ตอนนั้นผมเองก็หน้ามืด เพราะไม่มีทางเลือก ก็บ่อนที่ผมไปติดเงินเขาอยู่ดันเป็นบ่อนของคู่ขาของนาง นางหลอกใช้ผมว่าจะยกหนี้ให้ถ้าทำร้ายผู้ชายคนนั้นได้ และคุณเชื่อไหม...ว่าผมทำ บอกแล้วว่าผมมันเหี้ยกว่าที่พวกคุณคิด...ผมทำ แต่เสือกไม่สำเร็จ นังชิดจันทร์ตัวแสบกับคู่ขาของมันเลยยกพวกมาถล่มบ้านผม...เพราะอย่างนี้ไงครับ ผมเลยมาออกคลิปไว้ก่อน เผื่อผมถูกฆ่าหมกห้อง แล้วถูกจัดฉากว่าฆ่าตัวตายขึ้นมา จะได้ตามตัวถูก"

“ถ้าผมเป็นอะไรไป บอกเลย นังชิดจันทร์กับเจ้าพ่อคู่ขาของมันแน่นอนครับ”

“สุดท้าย...ผมคงไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว นอกจากฝากไปบอกผู้ชายคนนั้นที่เป็นเหยื่อเคราะห์ร้ายในครั้งนี้ว่า...”

“ผมขอโทษ”

“คุณตำรวจครับ จะจับก็รีบมานะครับ ตอนนี้ผมอยู่ที่คอนโด xxcc ชั้น 10 ห้อง 1010 รีบมาก่อนผมเป็นศพนะครับคุณตำรวจ”

“แล้วก็..................................................................................................”

“....................................”

“..............................”

“.......พี่ซอล....”

“...ดินขอโทษนะ ที่ทำให้พี่เดือดร้อนอีกแล้ว ขอบคุณนะครับ ที่ช่วยดูแลดินมาตลอดเลย...”

“....................................”

“..............................”

“.............พ่อ...ผมขอโทษนะครับสำหรับทุกเรื่องที่ผ่านมา...ลูกเนรคุณคนนี้...ขออโหสิกรรมได้ไหมครับ...”

“เพียงดาว...พี่ขอโทษนะ”

“.........................................................................”

“.......................................”

“.................................”

“.........................”

“..........ยุ...”



“...ยุ...กูขอโทษ”


“ทุกคนครับ...สิ่งเลวร้ายทั้งหมดที่ผมได้ทำลงไป ผมขอชดใช้มันด้วยลมหายใจอันโสโครกของผมเอง...”


“................”

“..........”

“......”

“...”


“ลาก่อนครับ”

ออฟไลน์ อนาคี99

  • อยากให้ชีวิตมีปุ่ม SKIP
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +460/-3
    • อนาคี99เพจ
I remember tears streaming down your face
When I said, I'll never let you go
When all those shadows almost killed your light
I remember you said, Don't leave me here alone
But all that's dead and gone and passed tonight

เสียงเพลงคลอเบาๆ เพลงที่บดินทร์ชอบที่สุด ชอบขนาดที่เรียกได้ว่า ฟังอยู่แค่เพลงเดียว  ชอบทั้งนักร้อง ชอบทั้งความหมาย ฟังแล้ว...รู้สึกปลอดภัย

Just  close your eyes
The sun is going down
You'll be alright
No one can hurt you now
Come morning light
You and I'll be safe and sound

ร่างสูงโปร่ง ยืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาคมคายแย้มยิ้มบางๆให้ตัวเองในกระจก หันซ้ายที ขวาที เช็คความเรียบร้อยของชุดเก่งตัวโปรด เสื้อยืดคอเต่าแขนยาวสีขาว ทีซื้อเป็นคู่กันกับของสดายุที่เป็นสีดำ กางเกงยีนส์ขาเดฟมีรอยขาดรุ่งริ่งเป็นแฟชั่น ที่สดายุซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด สร้อยทองสองบาทพร้อมจี้พระเลี่ยมทององค์ที่พ่อรักที่สุด ที่พ่อให้ไว้ในงานฉลองรับปริญญา นาฬิกาข้อมือ แทคฮอยเออร์ ที่ผู้จัดการส่วนตัวอย่างซอลย่าซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดในปีที่ผ่านมา...

ของแสนรัก จากคนที่รักเขา แขวนเต็มอยู่บนร่าง รู้สึกอบอุ่นจนต้องยกแขนขึ้นมากอดตัวเองสำทับ อุ่นจริงๆ อุ่นจนน้ำตาจะไหลให้ได้...

Don't you dare look out your window darling
Everything's on fire
The war outside our door keeps raging on
Hold on to this lullaby
Even when the music's gone

บนเตียงถูกจัดไว้อย่างดี สะอาดสะอ้าน ประดับประดาไปด้วยตุ๊กตาและของขวัญต่างๆมากมายที่เคยได้มาจากเหล่าแฟนคลับ เตียงนอนดูน่าอบอุ่น ช่างน่านอนเหลือหลาย ผ้าม่านถูกเปิดออกกว้าง มองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม แม้มันจะเหมือนเดิมทุกวัน แต่วันนี้ดูเหมือนมันจะสวยที่สุด สายฝนหวดกระหน่ำไม่หยุด ทำให้ภาพเมืองหลวงที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า เป็นเพียงเมืองในสายหมอกราวกับเทพนิยาย ทุกอย่างเป็นใจไปหมด งดงาม เข้ากับบทเพลงที่บรรเลงซ้ำไปซ้ำมาอย่างที่สุด

บดินทร์ยิ้มหวานให้ตัวเองในกระจกอีกครั้ง ก่อนจะเดินมายังที่นอนของตน

มีดพกคมกริบตรงหัวเตียงถูกหยิบขึ้นมากระชับมั่นไว้ในมือ บดินทร์จ้องมองสิ่งนั้นแน่นิ่ง เหม่อลอย

เขาพร้อมแล้ว...


ฟึ่บ!


คมมีดกรีดลึกรวดเดียวถึงเส้นเลือดใหญ่ตรงข้อมือซ้าย ของเหลวสีแดงคล้ำข้นคลั่กทะลักออกมาจากบาดแผลนั้นแทบจะทันที

บดินทร์ยิ้มขื่น มองเลือดของตนหยาดหยดลงบนพื้นด้วยความเย็นชา

เจ็บ...

แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บ...



Just  close your eyes
The sun is going down

บดินทร์เอนร่างลงบนเตียง นอนในท่าที่สบายที่สุด เขาชอบนอนตะแคงข้าง แล้วกอดตุ๊กตาหมีตัวโปรดที่สดายุยกให้ตอนเพิ่งเข้าวงการไว้ในอ้อมกอด พาดแขนซ้ายออกนอกเตียง ปล่อยโลหิตรินรดลงพื้นไม่หยุดหย่อน

You'll be alright
No one can hurt you now

เสียงเพลงแว่วหวานเข้าหู ทำให้บดินทร์อดไม่ได้ที่จะร้องตามไปด้วย

เพลงความหมายดีๆ บอกว่าเขาจะไม่เป็นอะไร ไม่มีใครสามารถทำร้ายเขาได้อีกแล้ว...

บดินทร์ร้องเพลงไปยิ้มไป พาลนึกไปว่า...อยากได้อ้อมกอดอุ่นๆจังเลยนะ...

Come morning light
You and I'll be safe and sound

ความหมายของท่อนนี้คือ...เมื่อแสงของพรุ่งนี้สาดส่อง เราทั้งคู่จะปลอดภัย...สินะ

บดินทร์แปลความพลางยิ้ม

แต่เรามันตัวคนเดียว...ถ้าพรุ่งนี้มาถึง...เราคง...ไม่เหลือลมหายใจอีกต่อไปแล้ว แบบนั้น จะเรียกได้ว่าปลอดภัย...หรือเปล่านะ

ถ้าเราไม่อยู่แล้ว...จะมีใคร...เสียใจไหมนะ

ถ้าเราไม่อยู่แล้ว...จะมีคน...เหงา...บ้างไหมนะ...

งานศพ...จะมีคนมาไหม...

เอ๊...หรือเราจะเป็นศพไร้ญาติ ต้องพึ่งร่วมกตัญญูกันนะ...

หนาว...จังเลย

ร่างอ่อนแรงขดตัวเข้าหากันเล็กน้อย ปล่อยหยาดน้ำตาหลั่งรินหยดแล้วหยดเล่า...

เหงา...จังเลย


Just  close your eyes
The sun is going down
You'll be alright
No one can hurt you now
Come morning light
You and I'll be safe and sound


เสียงแหบแห้งยังคงร้องเพลงเจื้อยแจ้ว แม้มันจะแผ่วลงเรื่อยๆ แต่ริมฝีปากซีดเซียวนั้นก็ยังคงขยับขับขาน

ติ๋ง...

ของเหลวอุ่นร้อนสีแดงคล้ำ ไหลเรื่อยจากข้อมือสู่ปลายนิ้ว หยดลงพื้นไม้ปาเก้ราวก๊อกรั่ว

ติ๋ง...ติ๋ง...

ยิ่งไหลออกมามากเท่าไหร่ โลหิตแดงฉานก็ขยายวงไปบนพื้นไม้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

ร่างกายผู้เป็นเจ้าของอ่อนแรงลงทุกขณะ

เหมือนหัวใจดวงเท่ากำปั้นจะแผ่วแรงลง

ลมหายใจค่อยๆเนิบช้า...




บดินทร์!!!

เสียงเรียกชื่อของของตนดังแว่วมาไกลๆ จนบดินทร์ไม่อาจหยั่งรู้ว่าเสียงเพรียกนั้นดังมาจากที่ไหน...สติของเขาเลื่อนลอยออกไปในทุกขณะ

โธ่เว้ย! เรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย!

กับเสียงใครสักคนสบถอยู่ไกลๆ...ข้างห้อง...หรือเปล่านะ?

ทำไมถึงทำอะไรโง่ๆอย่างนี้!?

นั่นคือประโยคสุดท้ายที่บดินทร์ได้ยิน ก่อนที่จะรู้สึกว่าร่างของตัวเองลอยได้

จากนั้นทุกอย่างก็มืดสนิท...

เขาตาย...แล้วสินะ...

ดีจัง...

*
*
*
*
*

วี้หว่อ...วี้หว่อ...

เสียงไซเรนรถพยาบาลดังแว่วบ่อยครั้ง ตลอดเวลาที่ดนัยยังคงนั่นนิ่งอยู่ตรงหน้าห้องฉุกเฉิน เสื้อของชายหนุ่มเปื้อนสีแดงคล้ำเป็นดวงๆ อยู่หลายจุด สองมือประสานกันแน่นราวกับกำลังสะกดกลั้นอะไรบางอย่าง ใบหน้าก้มต่ำ ริมฝีปากเม้มแน่น การรอคอยมันช่างยาวนานเหลือเกิน

จะเกิดอะไรขึ้นกับบดินทร์นะ...ถ้าเขาไม่กลับเข้าไปที่ห้องของชายหนุ่ม

จะเกิดอะไรขึ้นกับบดินทร์นะ...ถ้าเขาช้าไปกว่านั้นอีกเพียงไม่ถึงสิบนาที

จะเกิดอะไรขึ้นกับบดินทร์นะ.......

จะเกิดอะไรกับเขานะ...ถ้าบดินทร์...ตาย


“โธ่เว้ย!!”


กำปั้นแกร่งทุบลงบนหน้าขาอย่างแรงซ้ำๆ เพื่อระบายความอัดอั้น ระบายความรู้สึกบางอย่างที่เอ่อท้น

เขาสะใจที่เห็นบดินทร์เจ็บ

แต่เขาใจจะขาดเมื่อเห็นบดินทร์ใกล้จะตาย

สับสนจนตัวสั่นเทา

กลัว...กลัวเหลือเกิน

“...อย่าตายนะบดินทร์...ห้ามตายเด็ดขาดเลยนะ...”

ดนัยได้แต่ภาวนากับตัวเองแผ่วเบา ขณะยังรออยู่ตรงที่เดิมต่อไป

“...ฉันสัญญาจะดีกับนาย...ขอร้องล่ะ อย่าตายนะ”



ทั้งที่เพิ่งจะผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ แต่มันช่างเนิ่นนานเหลือเกินในการรอคอยของดนัย ชายหนุ่มรู้ดีว่ามันยังต้องใช้เวลา แต่เขากลับร้อนใจจนแทบบ้า 

ในขณะที่ยังนั่งกระวนกระวายอยู่นั้น จู่ๆประตูก็เปิดออกโดยแรง พร้อมกับร่างของพยาบาลสาวในชุดสีเขียววิ่งถลาออกมา

ในจังหวะนั้น ดนัยไม่รอช้าที่จะเข้าไปขวางตรงหน้าร่างนั้นไว้

“ขอโทษนะครับ! เข้าเป็นยังไงบ้าง!?”

ด้วยความเร่งรีบพยาบาลสาวจึงเดินเลี่ยงดนัย พร้อมอธิบายความอย่างเร่งร้อน

“คนไข้เสียเลือดมากค่ะ เลือดสำรองเราเหลือไม่พอ จึงต้องหาเลือดเพิ่มด่วนค่ะ”

“ก...กรุ๊บอะไรครับ!?”

“AB ค่ะ!”

“กรุ๊ปเดียวกับผมครับ! ผมให้เลือดได้!”


*
*
*
*
*

ในห้องพักฟื้นผู้ป่วย ห้องพิเศษสุดหรูของโรงพยาบาลเอกชนมีชื่อ ห้องเงียบ ไร้คนรบกวน ทั้งที่มีดาราที่เป็นกระแสแรงสุดในตอนนี้อย่างบดินทร์ที่เพิ่งออกคลิปประกาศความชั่วของตนออนไลน์ทั่วประเทศแบบไม่กลัวตกงาน แต่ภายในห้องพัก กลับไร้วี่แววนักข่าวรบกวน

นั่นก็เพราะอิทธิพลของบ้านดนัยนั่นเองที่สามารถปิดเงียบทุกความเคลื่อนไหว

และ ณ ตอนนี้ ตัวดนัยเอง ก็นั่งอยู่ในห้องเงียบสงัดแห่งนี้ด้วย

บดินทร์ที่ยังนอนให้น้ำเกลืออยู่ยังคงนอนเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างราวกับไร้วิญญาณ  ฝ่ายดนัยเอง ก็ได้แต่จ้องมองร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงเงียบๆ ไม่พูดไม่จา เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ที่บดินทร์ถูกย้ายมาพักฟื้นที่ห้องพิเศษห้องนี้ คำสุดท้ายระหว่างกันคงเป็นคำว่า ‘ทำไมถึงทำอะไรโง่ๆอย่างนี้!?’ ที่ดนัยโวยวายใส่ ตอนพาตัวบดินทร์ส่งโรงพยาบาล ขณะที่ยังไม่หมดสติ จากตอนนั้นก็ผ่านมาร่วมครึ่งวัน จากสิบโมงเช้า จนตอนนี้จะทุ่มหนึ่งแล้ว ทั้งคู่ยังไม่มีปฏิสัมพันธ์ใดๆต่อกัน ที่มากไปกว่าการนั่งจ้อง กับการนอนนิ่งๆเลย

“...คุณ...ไม่ต้องเฝ้าผมก็ได้นะ...”

เสียงแหบพร่า เอ่ยขึ้นเบาๆให้พอได้ยินกันเพียงสองคน เรียกได้ว่าเป็นประโยคแรกที่ออกจากปากของบดินทร์ นับตั้งแต่เขาถูกพาตัวมาที่นี่เลยก็ว่าได้

“...ที่ผมเป็นแบบนี้ คุณไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก...เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น...มันไม่ได้เกี่ยวกับคุณเลยสักนิด...” 

บดินทร์ยังคงพูดเรื่อย โดยที่ไม่ได้หันมามองเลยว่าดนัยจะต้องการรับฟังเรื่องเหล่านั้นหรือไม่

“ทำไม? ก็เห็นอยู่ว่ามันเกิดขึ้นเพราะผม”

ดนัยตอบโต้ คิ้วของชายหนุ่มเริ่มขมวดเป็นปม ไม่ได้อยากเป็นผู้ร้าย แต่คำพูดของบดินทร์ที่สลัดเขาออกจากเรื่องทั้งหลายที่เกิดขึ้น ทำให้ดนัยรู้สึกไร้ค่าอย่างบอกไม่ถูก เพียงแค่นั้น ก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดจนแทบทนไม่ได้น้ำเสียงจึงกร้าวขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ

“ไม่ใช่หรอก...ไม่ใช่คุณหรอก สิ่งที่คุณทำมันสาสมดีแล้ว...ถูกต้องที่สุดแล้วในสิ่งที่คนชั่วช้าอย่างผมได้รับ ไม่มีใครผิดทั้งนั้นแหละครับ...นอกจากตัวผมคนนี้...คนอย่างผม...คนเลวอย่างผม ไม่ควรได้รับการให้อภัย หรือความเห็นใจจากใครเสียด้วยซ้ำ...”

ได้ยินเสียงกรรโชกเล็กๆ ของดนัยเข้า บดินทร์ก็อธิบายออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนเปลี้ย ไม่ได้เจตนายั่วยุให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดีเสียหน่อย ใยถึงโมโหขึ้นมาได้กันนะ  หรือเพราะเขา...เพราะเป็นคำพูดของเขาที่ทำให้อีกฝ่ายอารมณ์ไม่ดี...เขาผิดอีกแล้วสินะ

คำพูดตัดพ้อตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าของบดินทร์ ปลุกจิตสำนึกของดนัยขึ้นมาได้อีกครั้ง ตอนนี้คนตรงหน้าของเขาช่างเปราะบางจนแทบจะแตกสลายไปต่อหน้า ทั้งๆอย่างนั้น เขากลับตะคอกใส่อีกฝ่ายได้ลงคอ คิดแล้วก็เผลอทุบเข้ากับหน้าขาตัวเองครั้งหนึ่งเพื่อลงโทษตัวเองกลายๆ

“.........ผม...” จากนั้น ดนัยก็พยายามสรรหาบางถอ้ยคำเพื่อปลอบประโลมคนอ่อนล้าให้ได้พอทุเลาลงบ้าง แต่ดันมืดแปดด้านทันทีที่จะพูด ด้วยความเป็นคนเสแสร้งเก่ง ความจริงเขาเป็นคนคารมคมคายดีเสียด้วยซ้ำ ไม่รู้ทำไมครานี้กลับน้ำท่วมปากขึ้นมาซะได้ จนได้แต่อึกอัก พูดไม่ออกแม้สักคำ...

“.................”  ที่พูดไม่ออก หรือเพราะในใจเขากำลังสับสนกันนะ หากเป็นคนทั่วไป คนอื่นคนไกล เขาคงพูดได้น้ำไหลไฟดับ แต่พอเป็นบดินทร์ที่เขาเพิ่งลงมือทำร้ายไปสดๆร้อนไ เขากลับพูดไม่ออก คิดในแง่ร้าย ก็อาจเป็นเพราะคนตรงหน้าคือศัตรู คือเหยื่อ คือคนเลวร้ายในสายตา ความรู้สึกบางอย่างในหัวใจของเขาจึงยังคงแข็งกร้าวต่ออีกฝ่ายมากนัก

ใจหนึ่งก็แสนชัง ใจหนึ่งก็สงสาร...

ใจหนึ่งก็...รู้สึกผิด



ก๊อก ก๊อก ก๊อก...

“ขออนุญาตครับ”

“อ้าว...หวัดดียุ พี่เมธ”


สุดท้าย ดนัยก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป นอกจากกำมือแน่นแล้วนั่งมองคนที่นอนเบือนหน้าไปอีกด้านอย่างร้อนรน พอนึกขึ้นได้ว่ากำลังจะพูดอะไรสักอย่าง ก็พอดีกับที่กฤตเมธและสดายุเปิดประตูเข้ามาพอดี

ดนัยลุกขึ้นยืนต้อนรับการมาของคนทั้งคู่อย่างยินดี แม้แต่บดินทร์ที่เอาแต่นอนทื่อก็เริ่มหันมามีปฏิกิริยา ชายหนุ่มพยายามลุกขึ้นนั่งมองมายังสดายุและกฤตเมธด้วยสายตาวูบไหว...

ดูท่าบดินทร์จะตกใจไม่น้อยเลยที่จู่ๆ สดายุก็มาเยี่ยม

“มาเยี่ยมเหรอ?” ดนัยเอ่ยปากถามสดายุที่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า และพยายามจะชวนคุยต่อ  “เอ่อ...เมื่อวานเป็นยังไง....บ้า...ง...” แต่ดูเหมือนสดายุจะไม่ได้สนใจดนัยเลยแม้แต่นิด

และเพียงพริบตาเดียว สดายุก็ก้าวพรวดๆเข้าถึงร่างของบดินทร์เสียแล้ว


เพี๊ยะ!!

เสียงดังฟังชัด ที่เล่นเอากฤตเมธและดนัยถึงกับตะลึง เพราะไม่คิดว่าสดายุจะลงมือตบหน้าบดินทร์ฉาดใหญ่โดยไม่มีแม้คำเตือน

คนตบ ยืนนิ่งเป็นศิลา

คนโดนตบ ก็แข็งทื่อยิ่งกว่าตุ๊กตาดินปั้น

เหลือเพียงกฤตเมธ และดนัยเท่านั้น ที่ได้แต่ยืนมองหน้ากันเพื่อส่งความสงสัยผ่านสายตา

“ขอโทษนะครับ...ผมขอคุยกับเขาแค่สองคนได้ไหม?”

ท่ามกลางความเงียบที่โรยตัวอยู่นานหลายอึดใจ ในที่สุดเสียงแหบหวานก็เปรยขึ้นมาเบาๆ ไม่มีกระแสใดๆในน้ำเสียงนั้น ทั้งความโกรธ หรือความเศร้า

กฤตเมธและดนัยไม่ได้ตอบคำใด ต่างก็ได้แต่พยักหน้า แล้วเคลื่อนตัวเองออกจากห้องไปเงียบๆตามเจตจำนงของสดายุ เพียงอึดใจ ความเงียบก็เข้าครอบคลุมในห้องผู้ป่วยอีกรอบ คราวนี้ไม่ใช่แค่เงียบ แต่มันแฝงความอึดอัดเพิ่มทวีขึ้นด้วย เมื่อสดายุผู้มาเยือนยังไม่ยอมเอื้อนเอ่ยสิ่งใด บดินทร์เจ้าของห้องก็ไร้ซึ่งถ้อยคำใดๆในการโต้ตอบทั้งนั้น

ในหัวใจอันบอบช้ำของบดินทร์อึงอื้อ คำพูดเป็นล้านที่เขาอยากพูดมันเหมือนจะจุกอยู่ตรงลิ้นปี่ จนพาให้คลื่นเหียร พาลอยากอาเจียนเสียมากกว่า

“เลือดเย็นจังนะ”

ระหว่างยังทำใจอยู่นั้น คำพูดแรกของสดายุก็ถูกเอ่ยออกมา ก็ยิ่งทำให้หัวใจของบดินทร์บอบช้ำยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อเช้าที่เขาคุยทางโทรศัพท์ ที่เขาเอ่ยคำขอโทษสารพัด มันคงไม่เพียงพอให้สดายุอภัยให้สินะ คนเลวอย่างเขา ไม่ควรคาดหวังให้สดายุยกโทษให้สินะ

“...ขอโทษ...” คิดอะไรไม่ออกอีกแล้ว หลังจากได้ยินคำปรามาส คำเดียวที่อยู่ในหัว ยังคงมีแค่คำว่า ‘ขอโทษ’ ซ้ำไปซ้ำมา คำคำเดียวที่เมื่อเช้าเขาก็บอกกับสดายุไปแล้วเป็นร้อยคำ

“ขอโทษใคร?” ทว่าดูเหมือนยิ่งพูดขอโทษ สดายุก็ยิ่งหงุดหงิด เสียงแหบเสน่ห์ที่เคยได้ยินจนชินหูนั้น วันนี้มันยิ่งเย็นชากว่าทุกครั้ง

“...ข...ขอโทษยุ...ที่ฉันทำแต่เรื่องไม่ดี...” ยิ่งโดนต่อว่า แม้เพียงคำ บดินทร์ก็เริ่มลนลานตัวสั่น ราวกับเด็กที่ผิดแล้วโดนจับได้ สภาพแบบนั้นยิ่งทำให้สดายุอารมณ์เสียหนัก จนอดไม่ได้ที่จะคว้าใบหน้าของคนที่เอาแต่ก้มงุดๆ ให้เงยขึ้นสบตาของเขา อย่างไม่มีปราณี

“ดิน! กูไม่ได้มาที่นี่ เพื่อฟังมึงขอโทษ! กูฟังมาพอแล้ว ทางโทรศัพท์เมื่อเช้า ก่อนที่มึงจะทำเรื่องโง่ๆนี่ !!”

สดายุแผดเสียงกร้าวแบบไม่มีการรักษาน้ำใจของบดินทร์แม้แต่นิด ฟังเหมือนโหดร้าย แต่สรรพนาม มึง-กู ที่สดายุเลือกใช้กับบดินทร์ตอนนี้ คือสรรพนามเดิมๆ ที่พวกเขาเคยใช้เรียกหา เคยใช้คุยกันในสมัยยังคงรัก ยังคงสนิทสนม

“...ยุ...”

“มึงทำแบบนี้ทำไม?” สดายุถามบดินทร์ขึ้นอีกครั้ง ในขณะที่ตัวเขายังคงยืนนิ่ง แผ่บรรยากาศกดดันบดินทร์อยู่ตรงหน้าเตียง แต่แม้สดายุจะรอคำตอบเท่าไหร่ บดินทร์ก็ยังไม่ยอมพูดอะไรออกมาอยู่ดี

“ดิน! อย่าให้กูต้องง้างปากมึง บอกมามึงฆ่าตัวตายทำไม!? มึงทำกับกูถึงขนาดนั้น น่าจะสมใจมึงไม่ใช่รึไง? แล้วมึงจะฆ่าตัวตายทำไม? ที่มึงโทรมาบอกกูว่า เรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด มึงผิดเอง มึงขอโทษ มันเป็นความผิดพลาด มึงไม่ได้ตั้งใจ มึงขี้ขลาด ให้ตายเหอะ กูไม่เก็ตที่มึงพูดเลยสักเรื่อง แค่นั้นยังไม่พอ มึงออกคลิปสารภาพบาปบ้าบออะไรก็ไม่รู้ ฉาวไปทั้งบ้านทั้งเมือง ถามหน่อย มึงบอกอะไรกูสักคำหรือยัง? ที่มึงขอโทษมา กูจะรู้ไหมว่ามันคือเรื่องอะไรบ้าง มึงไปออกคลิปประจานตัวเอง แล้วยังไง กูได้รับรู้ในเรื่องนั้นไหม? กูยังมีชีวิต ยังหายใจอยู่ตรงนี้แท้ๆ ทำไมมึงไม่มาพูดกับกูตรงๆ! คิดเอง เออเอง แล้วฆ่าตัวตายเนี่ยนะ! ประสาทหลอนไปแล้วเหรอ!!?”

ราวกับความอัดอั้นในหัวใจที่เก็บไว้เนิ่นนานกลายเป็นน้ำป่าที่ไหลบ่าออกมาไม่หยุด  สดายุแทบจะตะปบตัวของบดินทร์ขึ้นมาเขย่าถามให้รู้เรื่อง ติดตรงที่ว่าอีกฝ่ายกำลังอ่อนแรง แค่พยุงตัวให้ยังนั่งอยู่ได้ก็ดูจะลำบากเหลือแสน สดายุจึงยังคงยั้งมือ ยั้งแรงเอาไว้ ไม่ให้ความโมโหครอบงำจนหน้ามืด

“..........”

“อย่าเอาแต่เงียบนะ ดิน!!”  แม้จะคาดคั้นเท่าไหร่ บดินทร์ก็ยังไม่ยอมปริปาก สดายุจึงยังกดดันอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ

แล้วในที่สุด บดินทร์ก็ทนเงียบต่อไปไม่ไหว...

“กูก็ขอโทษมึงไปแล้วไง มึงจะเอาอะไรกับกูอีก!? มึงบอกให้กูหายไปจากชีวิตมึง กูก็จะไปแล้วนี่ไง! กูฆ่าตัวตายแล้วทำไมเหรอ! คนอย่างกูตายไปเสียได้ไม่ดีกว่าหรือไง!!?..........”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-12-2014 03:46:59 โดย อนาคี99 »

ออฟไลน์ อนาคี99

  • อยากให้ชีวิตมีปุ่ม SKIP
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +460/-3
    • อนาคี99เพจ
เพี๊ยะ!!

เสียงตบดังขึ้นอีกฉาดใหญ่ ทันทีที่บดินทร์พูดจบคำ ใบหน้าของชายหนุ่มชาวาบไปเป็นแถบ ถูกตบซ้ำที่เดิมถึงสองรอบ เล่นเอาเนื้ออ่อนด้านในปากปริ จนซับรสเลือดได้เลยทีเดียว แต่บดินทร์ไม่มีอารมณ์มาใส่ใจหรอกว่าปากจะแตก หรือแก้มจะชา เพราะสิ่งที่เจ็บกว่านั้น...คือหัวใจ

คนตบอย่างสดายุเอง แท้จริงก็ใช่ว่าจะสาแก่ใจเสียเมื่อไหร่กับการลงมือทำร้ายอดีตเพื่อนรัก ใช่ เขาเกลียดชายตรงหน้า เกลียดที่หักหลังกันได้อย่างเลือดเย็น และยังตั้งใจจะทำเรื่องแสนเลวร้ายกับเขาเมื่อคืนอีก เจ็บแค้น จนแทบอยากจะฆ่าให้ตาย  แต่ทันทีทีรู้สึกตัวขึ้นมาตอนเช้า กลับได้รับคำขอโทษที่ไม่คาดฝัน จากนั้นก็เป็นคลิปสารภาพบาป และสุดท้ายก็โทรศัพท์จากดนัยที่แจ้งข่าวการฆ่าตัวตายของบดินทร์  สับสนวุ่นวายจนสดายุยังอดร้อนรนไม่ได้ ทำให้ตอนนี้เขาถึงต้องมายืนอยู่ตรงหน้าของบดินทร์ ทั้งที่ถ้าเป็นเมื่อก่อนถ้าต้องเผชิญหน้ากันแบบนี้เขาคงกัดลิ้นตายไปแล้ว

สดายุขบกรามแน่น เพื่อข่มอารมณ์พลุ่งพล่านดาลเดือด จ้องมองบดินทร์ที่ค่อยๆ ผินหน้ามาสบตาเขาเชื่องช้า

ใบหน้านั้นดูเหนื่อยอ่อน และสิ้นหวัง

ประกายในสายตาก็ดูว่างเปล่า ราวกับเป็นเพียงหลุมดำกลวงๆ

เจ้าของใบหน้าซีดเซียวแสยะยิ้มเล็กๆ เมื่อได้สบสายตาวาวโรจน์ของสดายุ รอยยิ้มเยาะที่ไม่ได้หมายถึงฝ่ายตรงข้าม แต่หมายถึงตัวตนของตัวเอง บดินทร์ยิ้มเยาะในความขลาดเขลา และความซวยซ้ำซวยซากของตน

“...ได้...ถ้าอยากรู้ความอัปยศของกูนัก กูก็จะบอก...” ในที่สุด บดินทร์ก็ยอมที่จะบอกทุกอย่างแก่สดายุ ความลับ ที่เขาเก็บงำมาทั้งชีวิต ความลับที่แสนโสมมของตัวเอง

“..........ว่ามา!” สดายุไม่ได้ว่าอะไรต่อ เพียงแต่เงียบฟังแต่โดยดี ร่างโปร่งยืดตัวขึ้นกอดอก พร้อมแล้วที่จะรับรู้ทุกสิ่งที่บดินทร์จะเอื้อนเอ่ย


“...ยุ มึงจะรับได้ใช่ไหม กับเรื่องที่กูจะเล่าออกไปทั้งหมด”

สดายุคิ้วกระตุกน้อยๆ กับสิ่งที่บดินทร์เอ่ย พอจะตอบว่า ‘รับได้’ อีกฝ่ายก็ดันไม่เปิดโอกาส

“มึงจะสมเพชกูมากไหม ถ้าเรื่องที่กูเล่า มันดูงี่เง่าจนแทบทนไม่ไหว...”

“มึง...จะโกรธกูไหม...”

บดินทร์ยังคงพร่ำเพ้อ ด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน ดวงตาที่ดูว่างเปล่าเริ่มไหวระริก จากหยาดหยดแห่งความอาดูรกำลังจะกลั่นออกมาเป็นสายน้ำแห่งความเจ็บปวด ภาพนั้นสั่นสะเทือนความรู้สึกของสดายุไม่น้อย แต่ก็ต้องกัดฟันทนเอาไว้ เพราะวันนี้เขาไม่ได้มาเพื่อแสดงความสงสาร แต่มาเพื่อความจริง!

“ไม่ต้องถาม! เรื่องนั้นไว้กูตัดสินเองว่าจะรู้สึกแบบไหน หน้าที่มึงไม่ใช่การสนใจในสิ่งที่กูคิด แต่เป็นการพูดความจริงให้กูฟัง!”

คำพูดของสดายุทำบดินทร์ยิ่งสลด ใบหน้าซีดขาวก้มต่ำลงอีกครั้ง แต่สดายุไม่ยอมให้อีกฝ่ายหลบหน้าหลบตาอย่างที่ผ่านมาอีกแล้ว  เขาจึงใช้มือช้อนคางของบดินทร์ให้ขึ้นมาสบตา แล้วเริ่มขอร้องกลายๆ

“ดิน!อย่าหลบหน้ากูจะอะไรก็ได้ช่วยเล่าออกมาสักเรื่องเหอะ!” 


“เพียงดาว...ท้องกับกู...”

จบคำสดายุ บดินทร์ก็เอ่ยบางอย่างออกมาทันที บางอย่างที่ทำให้สดายุขมวดคิ้วเป็นปมหนักกว่าเดิม

“...มึง...ว่าไงนะ?”

“ความจริงแล้ว...เพียงดาวท้องกับกู...กูไม่ได้ตั้งใจ เราต่างก็พลาด แล้วพอที่บ้านรู้เข้า เขาก็รับกันไม่ได้...”

บดินทร์เอ่ยปากเล่าเรื่องตนกับเพียงดาวออกมา...ซึ่งชื่อของ ‘เพียงดาว’ นั้น สดายุจดจำได้อย่างดีว่ามันคือชื่อของแฟนเก่าของเขา ที่เป็นน้องสาวต่างสายเลือดของบดินทร์ และผู้หญิงคนนั้น คือคนที่ทำให้เขาถูกเด้งออกจากวงการ ด้วยข่าวฉาวที่ว่า

‘พระเอกดังฟันแล้วทิ้ง กินจนเบื่อแล้วหาเหยื่อใหม่ แถมยังท้องไม่รับ’

ไม่ใช่แค่ไปท้องกับคนอื่นแล้วขอร้องให้พี่ชายตัวเองอย่างบดินทร์ช่วยปิดปาก แล้วมาใส่ความเขา...

แต่นี่...หล่อนท้องกับบดินทร์เอง แล้วร่วมมือกันหักหลังเขา...

“...แล้วมึง ก็เลยเอากูเป็นเหยื่องั้นเหรอ?”  แค่ได้ยินใจของสดายุก็สั่นไหว ดูเหมือนไม่ใช่เพียงหัวใจ แม้แต่มือที่บีบปลายคางของบดินทร์อยู่ก็สั่นไปด้วย

“มึง...ทำกับกูขนาดนี้เลยเหรอวะ? มึง...ไม่เคยเห็นกูเป็นเพื่อนเลยเหรอ?” สดายุเค้นเสียงถาม ขณะที่บดินทร์พยายามส่ายหน้ายิก

“ก...กูไม่ตั้งใจ ตอนนั้น...กูไม่รู้จริงๆ ว่าเพียงดาวจะทำแบบนั้น...” ชายหนุ่มพยายามแก้ต่างให้ตัวเอง ขณะที่น้ำตาเริ่มกลั่นตัวหยาดลงมาเป็นสาย“...กว่ากูจะรู้เรื่อง ก็ตอนที่มันเป็นข่าวแล้ว...กูเอง...ก็ตกใจเหมือนกัน...” น้ำเสียงเครือสั่นยังคงอธิบายความ แม้ว่าตอนนี้มือที่บีบปลายคางจะปลดปล่อยออกไปแล้ว แต่บดินทร์ก็ยังไม่คิดจะผินหน้าหนีไปไหน ดวงตาเครือฉ่ำยังคงจดจ้องใบหน้าอดีตเพื่อนรักไม่ห่าง

“มึงไม่รู้เรื่อง?...” สดายุถามออกมาเบาๆ น้ำเสียงนิ่งเรียบ ราวกับผิวน้ำที่ไร้คลื่น ซึ่งแน่นอนว่าคลื่นลูกใหญ่กำลังก่ออยู่ใต้ผิวน้ำนี้อย่างเงียบเชียบเช่นกัน

“...ช...ใช่”

บดินทร์พยักหน้ารัวๆหัวใจเริ่มมีความหวัง

...สดายุคงจะเชื่อเขา

เชื่อเขา...สินะ

“แต่หลังจากนั้น....มึงก็ปล่อยให้มันเป็นไป ไม่มีช่วย ไม่มีบอก หลบหน้ากูราวกับเห็นผี จนกูถูกระเห็จออกจากวงการ ไม่มีแม้แต่จะโทรหากูสักครั้ง ไม่เคยคิดจะแยแสกูเลยสักนิด...หึหึ...นี่สินะ ที่มึงบอกว่าไม่รู้เรื่อง!”

คำพูดของสดายุราวกับหมัดฮุกหน่วงหนักซัดเข้ากลางอกจนบดินทร์แทบกระอักความจริงมันช่างน่ากลัวความจริงที่เขาพยายามหลบเลี่ยงมาตลอดมันช่างน่ากลัว

"อย่าเงียบสิดินไหนว่าจะเล่าทุกอย่างให้กูฟังไง? เล่าต่อสิกูรอฟังอยู่"

สดายุเพิ่มความกดดันให้บดินทร์อีกเล็กน้อยเป็นความกดดันที่เขาตั้งใจมอบให้อีกฝ่ายอย่างเต็มที่หัวใจแห่งความสงสารใช่ว่าเขาจะไม่มีแต่มันไม่ใช่ตอนนี้แน่ๆ

"ม...ไม่ใช่ว่ากูอยากให้มันเป็นแบบนี้แต่ตอนนั้น...พ...พอที่บ้านรู้ว่าเพียงดาว...ท้องกับกูพ่อกูก็มโหมากประกาศตัดพ่อตัดลูกกับกูเลย...ตอนนั้นกูก็กำลังแย่กูทำอะไรไม่ถูกกูสับสนไปหมดมารู้อีกทีก็ตอนที่มึงเป็นข่าวกับเพียงดาว...กูไม่คิดว่าพ่อกูจะให้เพียงดาวทำแบบนั้น...ไม่ใช่ว่ากูไม่อยากช่วย...แต่...กูทำไม่ได้..."

บดินทร์พยายามอธิบายพยายามเล่าทุกอย่างตามความเป็นจริงเขาไม่มีอะไรต้องปิดบัง...

เพราะเขาไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะปิดบัง

"...กูขอโทษ...ตอนนั้นกูกลัวไปหมดทั้งพ่อ...ทั้งมึง...และ...กูกลัวตัวเองเป็นข่าว...กูกลัวหมดอนาคตในวงการกูขอโทษ...ขอโทษที่กูคิดเองเออเองว่าถ้าเป็นมึงคงไม่เป็นอะไรดาราระดับสดายุแค่มีข่าวคาวเรื่องสองเรื่องเดี๋ยวก็เคลียร์ได้....แต่กู...เป็นแค่ดาราหน้าใหม่ที่กำลังเริ่มมีผลงานเริ่มเป็นที่รู้จักถ้าจู่ๆเป็นข่าวขึ้นมา...มันจะหมดสิ้นทุกอย่าง...ตอนนั้นกูคิดแค่นั้นจริงๆนะไม่ได้คิดทำลายมึงเลยไม่ได้คิดจริงๆหลังจากเกิดเรื่องกูก็เก็บตัวอยู่บ้านตลอด...มารู้อีกที...เรื่องมันก็เลยเถิดเกินกว่าที่กูจะจินตนาการถึง..."

เสียงทุ้มสั่นพร่าน้ำตาถะถั่งรู้สึกผิดรู้สึกด้อยค่าบดินทร์ทำได้เพียงเอ่ยขอโทษซ้ำๆอย่างสิ้นหวัง

"...แล้วไงต่อ?"

".........."

"แล้วหลังจากนั้นมันเป็นยังไงต่อ? ลูกมึง...เป็นยังไงบ้าง?"

สดายุยังคงเอ่ยถามต่อโดยไม่สะเทือนต่อภาพสิ้นไร้ไม้ตอกของคนตรงหน้าน้ำเสียงเย็นเยียบกับใบหน้าเย็นชากำลังแช่แข็งบดินทร์ไปทั้งร่าง

"...เพียงดาวแท้งเธอเครียดมากเพราะถูกนักข่าวรุมสัมภาษณ์ทั้งยังมีการขุดคุ้ยอดีตทั้งของเพียงดาวและของครอบครัวฉัน...ความเครียดสะสมทำให้เธอแท้งลูก...หลังจากนั้นพ่อก็ส่งเพียงดาวไปเรียนต่อที่ออสเตเรียทันทีส่วนกู...ก็ถูกพ่อไล่ออกจากบ้าน...ตั้งแต่ตอนนั้น..." 

บดินทร์เล่าไปพลางสะอึกสะอื้นร่างกายที่อ่อนแรงอยู่เป็นทุนยิ่งดูกระปลกกระเปลี้ยถ้าใจอ่อนกว่านี้อีกหน่อยสดายุคงเอ่ยปากบอกให้อีกฝ่ายนอนลงดีๆไม่ต้องนั่งพยุงกายสะท้านอยู่แบบนี้

แต่เพราะหัวใจของสดายุตอนนี้ยังด้านชาเกินกว่าจะสงสารเขาเลยทำได้เพียงแค่นิ่งมองอย่างสมเพชเวทนา

ใครเจ็บกว่ากันกันแน่...

สดายุเองก็เริ่มสองจิตสองใจเสียแล้ว

สภาพของบดินทร์ตอนนี้น่าสมเพชเกินกว่าจะให้สดายุคาดคั้นต่อสดายุได้แต่เม้มปากยืนมองร่างสั่นระริกนั้นเงียบๆจะถามต่อหรือจะจบถึงเวลาต้องตัดสินใจอีกแล้ว

"...โอเคความจำเป็นห่าเหวอะไรก็ช่างของมึงที่ทำให้กูได้พักงานยาวเป็นปีเรื่องนั้นกูทำใจได้แล้วกูตัดมันทิ้งไปจากชีวิตกูแล้วแล้วยังไงต่อ? ทำไมหลังจากที่กูกลับมามึงยังมาวุ่นวายกับกูอีก..."

ก็ว่าจะเลิกถามแต่มันก็อดไม่ได้ไม่ได้ติดใจตรงที่ตัวเองต้องเผชิญเคราะห์กรรมเพราะความเห็นแก่ตนของบดินทร์เท่าไหร่แต่ติดใจที่ทำไมคนตรงหน้าถึงยังคอยวุ่นวายทำลายเขาไม่เลิกอะไรคือเหตุผล? และมันสำคัญแค่ไหนกับการทำร้ายตัวเองของอีกฝ่ายเขาต้องรู้เพราะเขามีสิทธิ์ที่จะรู้

"...กู...ไม่ตั้งใจ...."

"ไม่ตั้งใจเหี้ยอะไรเมื่อคืนมึงโปะยาสลบกูซะขนาดนั้นยังบอกไม่ตั้งใจ? มึงเห็นว่าเขากูยาวลากพื้น หรือคิดว่ากูแดกหญ้ารึไง?"

"กูก็สารภาพไปทางคลิปหมดแล้วไง!"

"กูไม่ดู! คลิปง่าวๆของมึงกูไม่ดูหรอก!! กูจะฟังจากปากมึงมีปัญหาไหม? อยากพูดอะไรก็พูดต่อหน้ากูนี่!!"

การโต้เถียงไม่เคยกินเวลาเกินห้าประโยคเพราะไม่ว่ายังไงบดินทร์ก็ไม่มีทางเถียงชนะสดายุที่ตั้งใจมาคาดคั้นได้อย่างแน่นอน
สุดท้ายบดินทร์ก็จำใจต้องสารภาพทุกอย่างออกมาอีกครั้ง

"...ล...หลังจากมึงออกจากวงการไป...กูก็ตัวคนเดียว..."

บดินทร์สูดหายใจเข้าปอดหนักๆแล้วผ่อนออกมาเบาๆพลางเอ่ยปากพูดออกมาเสียงสั่นพร่าร่างกายที่อ่อนแออยู่แล้วกำลังใช้แรงทั้งหมดที่มีค้ำร่างไว้อย่างหมิ่นเหม่จะล้มแหล่มิล้มแหล่ มือขวาที่ระโยงสายน้ำเกลือ กำข้อมือซ้ายที่มีแผลเย็บยาวเหยียดเอาไว้แน่นพลางเอ่ยเล่าเรื่องราวต่อไปด้วยปากคอที่สั่นระริก

"ใช่ว่าเรื่องที่มึงออกจากวงการเพราะกูจะไม่เป็นที่พูดถึงซะที่ไหน...มึงอย่าน้อยใจเลยยุ...ในวงการนี้มีคนที่เข้าข้างมีคนรักมึงมากกว่าที่มึงคิดนะ...เพราะคนเหล่านั้นแหละข่าวมึงเลยเงียบเร็ว..."

"...และเพราะคนเหล่านั้นแหละกูเลยไม่เหลือใคร"

บดินทร์เล่าพลางปล่อยหยาดน้ำตาหลั่งรินอีกครั้ง

"...มึงพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง? จะบอกว่าทุกอย่างเป็นเพราะกูเหรอ?"

สดายุเสียงกร้าวขึ้นเล็กน้อยด้วยไม่สามารถตีความสิ่งที่บดินทร์สื่อออกมาเป็นอย่างอื่น

"...กูไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น...กูแค่จะบอกว่ามึงไม่ได้อยู่คนเดียวอย่างที่มึงคิดนะ...ในวงการยังมีคนที่พร้อมจะหนุนหลังมึงอยู่อีกตั้งเยอะ...น่าอิจฉา...กูอิจฉามึงจริงๆนะ..."

คำว่า ‘อิจฉา’ ที่บดินทร์เอ่ยออกมานั้น มันราวกับกำลังจี้แทงที่หัวใจของชายหนุ่มซ้ำๆ ยิ่งคิด ก็ยิ่งรู้สึกสมเพชตัวเอง

ใบหน้าที่ฉ่ำพราวไปด้วยหยาดน้ำตา ค่อยๆยกยิ้มหยันให้กับตัวเอง พลางเล่าเรื่องราวที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมาเรื่อยๆ ฝ่ายสดายุเองก็นิ่งฟัง ด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยสงบนัก ชายหนุ่มจึงต้องยกแขนขึ้นกอดอกตัวเองไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้มือไว้เผลอไปจับต้องบดินทร์ให้เรื่องต้องขาดตอนอีก สดายุตั้งมั่นว่าจะตั้งใจฟังตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่มีแทรกแซงอะไรอีก

ฟังให้จบ

แล้วค่อยจัดรวดเดียว

“...กูอิจฉามึงเหลือเกิน...ในขณะที่ใครๆต่างก็ย่อยยับด้วยคำครหานินทา มึงกลับยังยืนอยู่ได้ ในขณะที่ใครๆต่างก็วุ่นวายเพราะคำคน แต่คำใครก็ไม่มีทางทำอะไรมึงได้ ร้อยพันคำนินทา ต่อให้ถูกสาดสีสาดโคลนใส่ ไม่ว่ายังไงมึงก็ยังดูสวยสะอาด แม้แต่เรื่องที่มึงทำตัวเหลวไหล ก็มีแต่คนมองข้าม...แค่เรื่องเหล่านั้นกูก็อิจฉามึงจะแย่แล้ว...พอมีเรื่องข่าวนั่นขึ้นมา...กูยิ่งอิจฉามึงขึ้นอีกร้อยเท่า...มึงเคยรู้ตัวบ้างไหมวะ...”

“คนอย่างกูมันเหี้ยเหลือเกิน...ที่กูอิจฉามึง...ทั้งที่มึงคือเพื่อนสนิท...กูเป็นต้นเหตุให้มึงต้องออกจากวงการ โดยไม่ยอมช่วยเหลือใดๆ ยังไม่พอ กูยังอิจฉาที่มึงยังชีวิตอยู่ได้อย่างเยือกเย็นอีกด้วย ทั้งๆที่กูอยู่ในวงการอย่างยากเย็น เจ็บปวด โดดเดี่ยว  แต่มึงกลับอยู่ข้างนอกนั่นอย่างสบายอารมณ์ และพอข่าวซาไปแค่ไม่นาน ทางผู้ใหญ่เขาก็พยายามดึงมึงกลับเข้าวงการมาอีก...เส้นทางโรยด้วยกลีบกุหลาบตลอด...กูแม่งโคตรอิจฉา...กูเคยพยายามเลียนแบบมึง พยายามเข้มแข็งให้ได้อย่างมึง แต่ทำไมมันไม่เคยได้อย่างใจวะ...กูคิดอยู่เสมอเลยนะ ว่ากูกับมึงต่างกันตรงไหน...โอเค ไม่นับเรื่องฝีมือ หรือพรสวรรค์ แค่เรื่องความรู้สึกกับหัวใจ ทำไมกูถึงใจแข็งสู้มึงไม่ได้กัน...”

“แต่ก็นะ...สุดท้ายกูก็ได้แค่อิจฉา...ยิ่งกูอิจฉามึงเท่าไหร่ กูก็ยิ่งเกลียดตัวเองขึ้นเท่านั้น เพราะกูมึงเลยต้องออกจากวงการไป และเพราะอย่างนั้น กูเลยต้องโดดเดี่ยว ต้องทำทุกอย่างที่ท่านประธานสั่งเพราะมันเป็นเพียงทางเดียวที่กูจะยังสามารถอยู่ในวงการได้กู...หมดศรัทธาในการเป็นนักแสดงไปนานแล้วตั้งแต่ที่มึงจากไป...แต่...ถ้าไม่เป็นนักแสดงกู...ก็ไม่มีที่ไป...”

“ชีวิตที่เหลือหลังจากนั้น...กูก็แค่ใช้มันไปวันๆ ทำตามที่ท่านประธานชอบรับงานที่ท่านประธานสั่งจากนั้นก็ไม่มีอะไรเลยชีวิตกูโคตรจะว่างเปล่า...กูไม่มีใครไม่มีที่ยึดเหนี่ยวกูก็เลย..."

"เข้าบ่อน"

“ห๊ะ?”  สดายุถึงกับอุทานออกมาไม่เบานัก เมื่อได้ยินว่าบดินทร์ยุ่งเกี่ยวกับการพนัน ทั้งๆที่เขาจำได้ดีว่าในอดีตแม้จะเสเพลเหลวไหล แต่ทั้งเขาและบดินทร์ต่างก็ไม่ชอบการพนันเหล่านี้ และไม่เคยเฉียดใกล้แม้แต่น้อย  แล้วนี่บดินทร์กลับบอกว่าเข้าบ่อน เล่นเอาความพลุ่งพล่านที่สดายุพยายามเก็บงำเอาไว้เริ่มปะทุขึ้นมาอีกรอบ

“...เออ...มึงฟังไม่ผิดหรอก...กูเข้าบ่อน เพราะมันเป็นทางเดียวที่ทำให้กูผ่อนคลาย ทำให้กูรู้สึกสนุก ทำให้รู้สึกว่าในชีวิตจำเจของกูยังมีอะไรน่าค้นหา...แน่นอนว่ากูคิดผิด แน่นอนว่ากูมันโง่ แค่ไม่นานที่กูติดงอมแงมอยู่ในบ่อน รู้ตัวอีกทีกูก็เป็นหนี้มากมายซะแล้ว...”

“หนี้? เท่าไหร่?” สดายุยกกำปั้นขึ้นมายีขมับตัวเองครั้งหนึ่ง ขณะถามบดินทร์ออกไป ด้วยอารมณ์คุกรุ่น ‘โง่เง่า จนอยากควักสมองออกมาดูเสียที ว่ายังเหลือรอยหยักอีกสักกี่รอย หรือมันจะตื้นเขินไปหมดแล้ว...’

“...10 ล้าน”

“สิบล้าน!!” และคำตอบของบดินทร์ ก็ทำสดายุฟิวส์ขาดในที่สุด “มึงโง่ หรือมึงบ้าเนี่ย!? เล่นเข้าไปได้ไงวะ จนเป็นหนี้สิบล้าน!!”

ไม่เพียงแค่ตวาดถาม สดายุยังพลั้งมือเขย่าร่างของบดินทร์อย่างแรงจนหัวสั่นหัวคลอน เขาโมโหจริงๆ ที่บดินทร์ทำแบบนั้น  แม้จะไม่เข้าใจตัวเองว่าจะโมโหทำไม จะใส่ใจอีกฝ่ายอีกทำไมก็เถอะ

แต่ดูเหมือนยิ่งกระทำรุนแรง บดินทร์จะยิ่งเริงร่ายินดี

ร่างระทดระทวยส่งยิ้มหวานให้สดายุทั้งน้ำตา

“...มึงยังใส่ใจกูอยู่อีกเหรอ?...หึหึ...”

และคำพูดประโยคเดียวนั้น ก็ทำให้สดายุรู้สึกตัว ร่างโปร่งชะงักเล็กน้อย ก่อนสะบัดมือออกจากบดินทร์ด้วยท่าทีแสดงความหงุดหงิดไม่น้อย

“กูแค่สมเพชมึงเท่านั้นแหละดิน แล้วไงต่อ? มึงเป็นหนี้แล้วมันเกี่ยวกับการที่มึงพยายามหาเรื่องกูทุกครั้งที่เจอหน้าตรงไหน? ที่มึงร่ายมาเป็นคุ้งเป็นแควเนี่ย มันเกี่ยวกับกูตรงไหน?”

พอได้สติสดายุก็ผละออกไปยืนกอดอกมองบดินทร์ด้วยสายตาขุ่นข้องเช่นเดิม

“...ตอนแรกก็ไม่เกี่ยวหรอก...” บดินทร์เอ่ยออกมายิ้มๆ ดูเหมือนใบหน้าโศกเศร้า จะยิ่งสลดลงยิ่งกว่าเก่า

“ยังไง?”  สดายุเริ่มเค้นถามเสียงเข้ม รำคาญเหลือเกินแล้วกับท่าทียึกยักลีลาของอีกฝ่าย ไม่ติดว่ากำลังป่วย เขาคงจับง้างปากไปแล้ว

“ช่วงแรกที่ได้เจอมึงน่ะ...กูไม่ได้ตั้งใจจะทำให้มึงรู้สึกไม่ดีหรอกนะ อยากคุยดีๆด้วยจะตาย...แต่มันสายเกินไปที่คนอย่างกูจะเข้าไปคลุกคลีกับมึง จริงไหม?  แค่กูทักมึงคำเดียว มึงก็มองกูอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ทั้งๆที่กูรวบรวมความกล้าแทบตาย กว่าจะออกเสียทักมึงออกไปได้...ตอนที่มึงเรียกกูว่า... ‘คุณบดินทร์’ กูก็รู้ทันทีเลยว่า มึงคงไม่มีทางให้อภัยกูได้...”

บดินทร์บ่นร่ำถึงครั้งที่ได้พบกันครั้งแรก หลังจากสดายุกลับเข้าวงการ วันที่เขายืนรวบรวมความกล้าอยู่นานสองนานกว่าจะกล้าเข้าไปทักสดายุ อยากเอ่ยขอโทษเหลือเกินในตอนนั้น วาดหวังว่าสดายุคงจะยอมพูดคุยด้วยสักครั้ง ยอมเปิดโอกาสให้เขาได้ขออภัย

แต่มันกลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เพราะสายตาที่สดายุใช้กับเขาตั้งแต่แรกพบ คือสายตาแห่งความชิงชัง และมันช่างแสนเย็นชา

ตอนนั้นด้วยความที่ทำอะไรไม่ถูก และไม่อยากปล่อยโอกาสในการเจอหน้าสดายุให้หลุดลอยไปง่ายๆ เขาจึงได้เผลอทำอะไรโง่ๆออกไป โดยการพูดจาร้ายกาจ เพื่อยียวนสดายุให้หันกลับมาคุยด้วย แม้จะไม่ได้มาด้วยไมตรี แต่เขาก็ยินดีอย่างที่สุด ที่จะได้ยืดเวลาคุยกับอีกฝ่าย...แค่นาทีหนึ่งก็ยังดี...

“เพราะมึงผิดหวังที่กูไม่ง่าย มึงเลยร้ายใส่กูงั้นสิ?”

“เพราะกูอยากคุยกับมึง...ให้นานกว่านั้น กูเลยเผลอพูดไม่ดีใส่มึง...”

“อยากคุยกับกู? แต่เหี้ยใส่กูเนี่ยนะ? มึงอย่าบอกนะว่าเรื่องเมื่อคืน มึงก็ทำไปเพื่อหาเรื่องคุยกับกู?”

ยิ่งฟังบดินทร์ สดายุก็เริ่มพาล ชายหนุ่มหงุดหงิดงุ่นง่านจนอยากจะทึ้งผมตัวเองเสียตอนนี้ คนตรงหน้าคิดอะไร? ไม่สิ คนตรงหน้าใช้อะไรคิด? ถึงได้ทำเรื่องชั่วๆ แบบนั้น เพียงเพื่อจะคุยกับเขา? เรื่องแบบนี้มันบ้าที่สุด!!

โชคยังดีที่คำตอบของบดินทร์ ไม่ใช่คำว่า ‘ใช่’ เพราะถ้าตอบแบบนั้น สดายุคงหยุดไม่ได้ที่จะพลั้งมือต่อยหน้าอีกฝ่ายให้ได้เลือด

แต่คำตอบของบดินทร์กันทำให้สดายุอึ้งไม่น้อย เช่นกัน

“ช่วงแรกกูแค่หาเรื่องคุย แต่...ช่วงหลัง เพราะชิดจันทร์สั่งให้กูทำ”

“ว่าไงนะ? ชิดจันทร์? หล่อนเกี่ยวอะไรด้วย?” ชื่อชิดจันทร์ที่หลุดออกจากปากของบดินทร์ เล่นเอาสดายุอึ้งไปเล็กน้อย หัวใจชายหนุ่มเต้นระทึกขึ้นมาทันที ผู้หญิงคนนั้น คือเบื้องหลังของทั้งหมดอย่างนั้นเหรอ?

“เพราะมึงไปแย่งเหยื่อของหล่อนเข้าไงล่ะ กฤตเมธเป็นเหยื่อที่ชิดจันทร์หมายตาเอาไว้ แล้วมึงดันไปแย่งมาจากอก แถมยังไปยียวนใส่ซะเยอะอีก หล่อนเลยของขึ้นไง”  คำเฉลยของบดินทร์ยิ่งซ่อนเงื่อนงำ

“เกี่ยวอะไรกับกฤตเมธ?”

"ก็ไม่รู้สิ...ไม่เคยมีโอกาสได้ถามแค่รู้ว่าหล่อนเกลียดกฤตเมธอย่างกับอะไรเพราะหมอนั่นดันเป็นลูกรักของท่านประธานยังไงล่ะชิดจันทร์เลยเกลียดมันนัก..."

"เหตุผลงี่เง่าอะไรวะนั่น?"

"ไม่รู้สิ...ฉันมีหน้าที่แค่ทำตามที่หล่อนสั่งแค่นั้น..."

"เพราะอะไร?"

"...เพราะ 10 ล้านไง 10 ล้านหนี้พนันที่กูติดไว้มันดันเป็นบ่อนของเพื่อนชิดจันทร์เข้าพอดีหล่อนสัญญาจะผัดผ่อนหนี้ให้...ถ้ากูทำตามที่เธอสั่ง..."

สดายุได้แต่จ้องมองคนที่ยิ้มเยาะตัวเองพลางเล่าความไปพลางอย่างนึกสมเพชบดินทร์ที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ราวกับเป็นคนที่เขาไม่เคยรู้จักสมองของสดายุยังคงจำได้ดีไม่เคยผิดเพี้ยนว่าบดินทร์คนนั้นแม้จะเป็นคนเงียบๆแต่ก็หัวเราะได้สดใสที่สุดแม้จะเป็นคนพูดน้อยแต่ทุกคำก็จริงใจที่สุดแม้จะกวนโอ้ยไปบ้างแต่ก็ดีกับเขาที่สุดเช่นกัน... 

ทั้งๆอย่างนั้นวันนี้คนตรงหน้ากลับเปลี่ยนไปจนคาดไม่ถึง

เปลี่ยนไป...จนรู้สึกเจ็บปวดแทน

"...แล้วมึงก็โง่ทำตามทุกคำ? อิดออดไม่ได้ตุกติกไม่ได้ต่อให้เป็นเรื่องเหี้ยแค่ไหนก็ทำงั้นสิ? แบบนี้ไม่ได้เรียกว่าซื่อสัตย์แล้วล่ะ...เรียกอย่างอื่น"

คำจิกกัดของสดายุจี้ใจดำของบดินทร์จนเจ็บร้าวแผลยังสดเกินไปเมื่อถูกจวกซ้ำบ่อยครั้งมันก็เกินจะทานไหว

"แล้วจะให้กูทำยังไง!!?"

ในที่สุดบดินทร์ก็สติหลุดเสียงแหบแห้งเครือสั่นตวาดกร้าวร่างสั่นเทาในชุดคนไข้กระโจนใส่สดายุพร้อมตะปบคว้าคอเสื้อของอีกฝ่ายไว้แน่นพลางใช้เรียวแรงอันน้อยนิดที่เหลืออยู่ลากร่างโปร่งบางของสดายุเข้ามาใกล้ด้วยแรงอารมณ์ปวดร้าว

"กูเป็นหนี้มันอยู่สิบล้านถ้าไม่ทำก็ตาย! ไหนจะครอบครัวกูอีกถ้ากูไม่ทำพวกมันก็จะไปเล่นงานครอบครัวกูด้วย! กูตัดขาดออกจากที่บ้านแล้วกูไม่อยากสร้างปัญหา!! กูไม่ได้อยากทำแต่กูจำเป็นมึงจะให้กูทำยังไงล่ะ!!?"

"ก็ตายซะไง!"

".....!!!?"

คำตอบของสดายุที่พูดออกมาด้วยใบหน้าราวพระอิฐพระปูนช่างเชือดเฉือนหัวใจของบดินทร์แบบซ้ำแผลเก่าไม่หยุดหย่อน ‘ตายซะ’คำที่ทำให้บดินทร์รู้สึกผิดจริงๆที่ยังดั้นด้นหายใจอยู่

"ถ้าชีวิตมันยากขนาดนั้น...มึงก็ตายไปซะจะได้หมดเรื่องหมดราวไง"

ตอกย้ำซ้ำๆ เอาให้เจ็บเจียนขาดใจ

"...ก...กูก็ทำอยู่นี่ไง...กูก็กำลังจะตายให้อยู่นี่ไง...ฮึ่ก"

ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว แม้สักเศษเสี้ยวแห่งความหวังริบหรี่ ทั้งที่ไม่ได้คาดหวังสูงขนาดจะให้สดายุยอมให้อภัยทั้งที่หวังแค่เพียงจะได้คุยกันดีๆอีกสักครั้ง ทั้งที่หวังเพียงแค่นั้น มันกลับพังทลายไม่เป็นท่า...

ตายเหรอ?

ให้ตายตอนที่เขาก็ทำได้นะ

เขา...ยอมทุกอย่างเลย

ถ้ามันจะทำให้เขาได้ลดทอนความปวดร้าวจากความผิดพลาดชั่วช้าของตัวเองได้แม้สักนิด...เขาทำใจไว้แล้วที่จะตาย

ทว่า...

น้ำตาที่หลั่งร่วง กับดวงตาที่บอบช้ำ ไม่ได้ทำให้หัวใจของสดายุหวั่นไหว ชายหนุ่มยังคงเอ่ยถ้อยคำทำร้ายบดินทร์ได้อย่างเจ็บแสบ โดยไม่นึกเวทนา

“...ตายเหรอ? ตอนนี้เนี่ยนะ มันจะไปมีประโยชน์อะไร๊? ตายไปก็เป็นได้แค่ขยะ”

คำพูดของสดายุร้ายกาจเกินไป ร้ายกาจจนทำให้บดินทร์ถึงกับสิ้นเรี่ยวสิ้นแรง ทั้งร่างของชายหนุ่มทรุดฮวบลงบนเตียงคนไข้อย่างไร้กำลัง สองมือที่ถือกำคอเสื้อของสดายุไว้ร่วงผล๊อยลงข้างกายอย่างไร้แรงต้าน

‘ขยะ’  นี่คือคำจำกัดความของเขาในสายตาของสดายุหรือ?

ชีวิต...ลมหายใจของเขา ไร้ค่าขนาดนั้นเลยหรือ?

“ถ้าคิดจะตาย ทำไมไม่ตายไปตั้งแต่ยังไม่สร้างเรื่องล่ะ อย่างน้อยจะได้พอเหลือความดีให้คนข้างหลังเขาได้พูดถึงบ้าง ตายตอนนี้จะได้ประโยชน์อะไร ในเมื่อเหลือแต่เรื่องเลวๆเอาไว้ให้เขาด่าตามหลัง ถ้าคิดจะตาย ก็ช่วยทำดีล้างชั่ว ทำคุณล้างโทษก่อนสิเว้ย จะตายทั้งที  ก็ตายให้มันมีคุณค่าบ้าง! สมองน่ะ ไม่ได้มีเอาไว้ขั้นใบหูอย่างเดียวไม่ใช่เหรอ? ถ้าคิดจะตายเป็น ก็ช่วยคิดทำอย่างอื่นด้วย!”

ออฟไลน์ อนาคี99

  • อยากให้ชีวิตมีปุ่ม SKIP
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +460/-3
    • อนาคี99เพจ
“ถ้าคิดจะตาย ทำไมไม่ตายไปตั้งแต่ยังไม่สร้างเรื่องล่ะ อย่างน้อยจะได้พอเหลือความดีให้คนข้างหลังเขาได้พูดถึงบ้าง ตายตอนนี้จะได้ประโยชน์อะไร ในเมื่อเหลือแต่เรื่องเลวๆเอาไว้ให้เขาด่าตามหลัง ถ้าคิดจะตาย ก็ช่วยทำดีล้างชั่ว ทำคุณล้างโทษก่อนสิเว้ย จะตายทั้งที  ก็ตายให้มันมีคุณค่าบ้าง! สมองน่ะ ไม่ได้มีเอาไว้ขั้นใบหูอย่างเดียวไม่ใช่เหรอ? ถ้าคิดจะตายเป็น ก็ช่วยคิดทำอย่างอื่นด้วย!”

“....ยุ...”

ที่แท้...ไม่ใช่เพียงแค่คำปรามาส แต่มันคือคำเตือนสติด้วย ร่างสั่นเทาของบดินทร์รับรู้ได้ สมองของบดินทร์ก็เหมือนจะกำลังรับรู้ได้

น้ำตายังคงหลั่งไหล แต่ใบหน้ากลับเริ่มมีความหวัง...

สดายุ...ยังคงมองเห็นเขา

“กูถามมึงหน่อยเหอะ เคราะห์กรรมที่มึงเป็นคนสร้าง ทำไมกูต้องรับแทนมึงด้วยวะ? ตั้งแต่เรื่องเพียงดาว บอกว่ายกให้กู มึงเสือกไปทำจนท้อง แล้วมาโบ้ยกู ถามหน่อย กูไม่ใช่พ่อเด็กกูจะรับไหม? ไม่ว่ายังไงค่าก็เท่ากัน มีแต่เสียกับเสีย กูก็เลยไม่รับ...ฉิบหายเลย เป็นไง ถูกเฉดหัวออกจากวงการเฉย ทั้งที่กูไม่ได้ทำอะไรเลย...”

“...ขอโทษ...”

“เดี๋ยว ยังไม่จบ จบจากเรื่องเพียงดาว กูก็ยอมออกจากวงการไปดีๆ ไม่แม้แต่จะถามมึงสักคำ ว่ากูผิดอะไร กูไปทำให้มึงเจ็บช้ำน้ำใจตอนไหน? ทั้งที่กูอยากถามมึงจะแย่ แต่ถ้ามึงไม่พร้อม มึงไม่อยากยุ่งกับกูอีก กูก็พร้อมจะออกมาอย่างที่มึงต้องการ...”

“แต่ขนาดกูจากมาโดยไม่มีเงื่อนไขเหี้ยอะไรกับมึงแล้วนะ มึ๊งก็ยังอุตส่าห์ตามราวีกูอยู่นั่น จะไม่ให้กูลืมตาอ้าปากเลยใช่ไหม กูเคยไปเผาบ้านมึงไว้เหรอ? หรือกูเคยไปฆ่าญาติมึง? ถึงได้จองเวรกูนัก  แค่กูกลับเข้าวงการได้ไม่เท่าไหร่ มึงก็ตามเป็นมารผจญกูซะแล้ว ไม่ต้องมาอ้างเลยนะว่าทำไปเพราะจำเป็น เพราะครอบครัว หรือเพราะห่าเหวอะไรของมึงน่ะ ต้องทำตามที่ชิดจันทร์บงการ? แล้วไง? บอกว่าจำใจทำ แต่มึงก็ทำ....”



“ดิน...กูถามจริง มึงเคยคิดว่ากูเป็นเพื่อนบ้างไหม?”



“...ฮึ่ก กูขอโทษ....โฮ....”

สิ้นคำถามของสดายุ บดินทร์ก็ทิ้งร่างลงฟุบหน้าร้องไห้ปริ่มใจจะขาดอยู่บนเตียงคนไข้  ไม่ได้ร้องไห้เพียงแค่คำตัดพ้อของสดายุ แต่ร้องไห้ เพราะเห็นน้ำตาที่หลั่งรินออกมาจากดวงตาที่ยังคงแข็งกล้าคู่นั้น

เจ็บไม่แพ้กัน...

เขาสำนึกแล้ว

“....ฮือ....ขอโทษ.....”

บดินทร์ร้องครางอย่างเจ็บปวด สองมือสั่นระริกที่ระยางไปด้วยสายน้ำเกลือค่อยๆขยับไปจับมือของสดายุที่อยู่ตรงหน้า อย่างหน้าไม่อาย เพราะไม่ได้ถูกสะบัดไล่ จึงค่อยๆซบใบหน้าเปื้อนน้ำตาลงไปแนบ

ผิดไปแล้ว...

ผิดไปแล้ว...ผิด...จนไม่อาจสรรหาคำใดมาขออภัยจากเจ้าของมือคู่นี้ได้เลย

“สมควรแล้วที่มึงจะอิจฉากู...ดิน มึงสงสัยนักหนาใช่ไหมว่าทำไมกูถึงไม่สะทกสะท้านกับอะไรง่ายๆ...แล้วทำไมมึงถึงทำอย่างกูไม่ได้ นั่นก็เพราะมึงมันอ่อนแอไงล่ะ...อ่อนแอ อย่างกับหนอน ไม่สิ...หนอน มันยังรักชีวิต เอามึงไปเทียบกับมันก็สงสารหนอนเปล่าๆ...เพราะมึงอ่อนแอยิ่งกว่านั้น แถมยังไม่มีหัวคิดด้วย มึงเลยเป็นแบบนี้...จำคำกูไว้เลยนะ ถ้าจากนี้ไปมึงยังไม่ยอมปรับปรุงตัวเอง มึงเตรียมอิจฉากูไปทั้งชาติได้เลย...”

เสียงแหบพร่าก่นด่า ขณะปล่อยให้บดินทร์ซบกายสั่นระริกอยู่กับสองมือ และยอมให้คนที่เขาด่าทอใส่ไม่ยั้งนั้นเคลื่อนกายเข้าโอบเอวบางของตนอย่างง่ายดาย

เกลียด...แต่ก็ยอมให้กอด

โกรธ...แต่ก็เผลอยกมือขึ้นโอบศีรษะของบดินทร์ที่ซบอยู่ตรงหน้าอกเสียแล้ว


“...ทำไมมึงไม่บอกกูสักคำ หือ?...”


สดายุเอ่ยถามทั้งน้ำตา สองแขนสั่นไหวไม่แพ้ร่างในอ้อมกอด ในหัวใจสับสนวุ่นวายราวกับอยู่ในทางวงกต ใจหนึ่งก็ช่างเจ็บแค้น ใจหนึ่งก็แสนคิดถึง ถอยคำที่หลั่งไหลออกมาตอนนี้ทุกอย่างกลั่นออกมาจากใจทั้งสิ้น ไม่มีแล้วซึ่งคำต่อว่า หรืออารมณ์ชิงชัง ทุกอย่างมีเพียงความรู้สึกที่ติดค้างในหัวใจ...

“ถ้ามึงเล่าให้กูฟัง ไม่ว่าเมื่อไหร่กูก็พร้อมจะฟังแท้ๆ...เรื่องเพียงดาวท้องกับมึง  แค่มึงบอก...กูก็คงไม่ปฏิเสธมึงแน่ มึงก็รู้...เราเคยเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ...ทั้งๆที่กูรอให้มึงเล่าทุกอย่างให้กูฟังอย่างเคยๆ รอมาตลอด...ทำไม...มึงถึงปล่อยให้มันเป็นแบบนี้...หืม?...”

“...กู...ขอโทษ...ขอโทษจริงๆ....ฮือ....ยุ...กูขอโทษ...”

มีเพียงเสียงขอโทษแผ่วเบากับอ้อมกอดที่กระชับแน่นเท่านั้นที่แทนทุกความรู้สึกของบดินทร์ออกมา

จากนั้นก็ไม่มีคำใดๆหลุดออกจากทั้งคู่อีก

นอกจากเสียงสะอื้นเบาๆเท่านั้น...





“ดิน...กูอโหสิกรรมให้...เพราะกูจะถือว่าคนที่ชื่อบดินทร์ได้ตายไปจากชีวิตกูไปแล้ว...”

“แต่เรา...”

“คงกลับไปเป็นเพื่อนกันไม่ได้อีก...”



“อย่าร้อง...จากนี้ไปมึงต้องอยู่ให้ได้...กรรมที่มึงสร้างขึ้นมาแล้ว ชดใช้มันซะให้จบ”




“เอาล่ะ...”

“นอนพักซะ...”

*
*
*
*
*


“เรื่องครั้งนี้ เป็นบทเรียนราคาแพงเลยนะ สำหรับบดินทร์” 

กฤตเมธเอ่ยขึ้น ขณะยังคงยืนกอดอกพิงกำแพง เสมองไปทางอื่นไม่ได้สนใจคนที่ยืนอยู่ข้างกายแม้แต่น้อย

“และมันก็เป็นบทเรียนที่มีค่ามากสำหรับนายด้วย ดนัย”

“.............” คำพูดของรุ่นพี่ที่เคารพ ที่วกมาจี้ใจดำทำเอาดนัยพูดอะไรไม่ออก ใบหน้าที่เครียดเคร่งอยู่แล้วยิ่งตึงเขม็ง ถึงขนาดที่ว่าอยากจะอัดบุหรี่เข้าปอดสักฟอดใหญ่ มือเรียวขาวหยิบบุหรี่ตัวหนึ่งขึ้นมาคีบไว้ในมือ แต่ก็นึกขึ้นได้เสียก่อนว่าตรงนี้คือโถงหน้าห้องผู้ป่วย การสูบบุหรี่เป็นที่ต้องห้าม ชายหนุ่มชะงักงัน แต่มือที่คีบตัวบุหรี่นั้นยังคงค้างอยู่และเกร็งสั่นน้อยๆ ขนาดที่ว่ากฤตเมธยังรู้สึกได้

และพี่ชายใจดีอย่างเขา ก็ไม่ปล่อยโอกาสสั่งสอนให้หลุดมือ

“อย่างที่พี่เคยบอกนาย จุดยืนของคนเราไม่เท่ากัน อย่างที่แล้วๆมา คนที่นายกำจัดให้พ้นทาง จุดยืนของพวกนั้น อาจเข้มแข็ง อาจมีคนคอยหนุน ถึงจะล้ม ก็ยังอยู่ได้ แต่สำหรับคนบางคนจุดที่เขายืน อาจมีเพียงที่เดียวตรงปากเหวลึก ซ้ำตัวเขาเองยังอ่อนแอ จนแทบจะสิ้นแรงอยู่รอมร่อ เพราะฉะนั้น เพียงแค่โดนลมพัด เขาก็พร้อมจะร่วงหล่นลงเหวนั้นได้โดยง่าย...อย่างเช่นบดินทร์ไง...”

“...ผมไม่นึกว่าเขาจะตัดสินใจแบบนี้...ไม่นึกว่าคนที่หยิ่งผยองอย่างบดินทร์...”

“ดนัย...เราไม่มีสิทธิ์ตัดสินว่าคนคนนั้นเป็นยังไงแค่การมองหรอกนะ พี่บอกเลย พี่เองก็เคยพลาดมา โชคดีนิดหน่อยที่คนที่พี่ทำพลาด จุดยืนของเขาเข้มแข็งพอ แต่เชื่อเถอะ เรื่องความเลวร้ายที่เราเคยกระทำต่อกัน มันลบล้างกันไม่ได้กับความดีที่เราพยายามทำชดใช้หรอก”

“...หมายถึงสดายุน่ะเหรอ?”

“อือ...พี่กับเขาเริ่มต้นได้ไม่ดีนัก พี่ทำไม่ดีกับยุเขาจนเกินขีดที่คนคนนึงจะให้อภัย กว่าพี่จะง้อเขาได้ใช้เวลาอยู่ตั้งนาน...และกระทั่งตอนนี้ พี่เองยังรู้สึกติดค้างกับยุมากยิ่งพี่รักและห่วงยุมากเท่าไหร่  พี่ยิ่งรู้สึกรังเกียจตัวเองในวันนั้น เคยคิดกระทั่งอยากกลับไปกระทืบตัวเองเสียทีที่ทำระยำขนาดนั้นกับยุได้ลงคอ...ความผิดแบบนี้น่ะ มันติดตัว ต่อให้ไม่มีใครรู้ มันก็จะยังคั่งค้างอยู่ในใจเราอยู่ดี...”

“...พี่...ขืนใจยุเหรอ?”

“...คนกำลังสั่งสอน อย่าย้อนน่า...”

“หึหึ...โอเคๆ..........เรื่องบดินทร์น่ะ...ผมอึ้งมากเลยนะ ที่จู่ๆ...เขาก็ตัดสินใจทำแบบนั้น...พี่เมธ...คนเรา มันคิดสั้นกันง่ายๆขนาดนั้นเลยเหรอพี่? เขาคิดว่าชีวิตที่เขาใช้มาถึงตรงนี้มันคืออะไรวะ?”

“เรื่องแบบนี้มันแล้วแต่คนว่ะ พอถูกรุมเร้าหนักเข้า บางคนเขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะไหวไง...บางครั้งความตายอาจเป็นทางที่สบายที่สุดในสายตาเขาก็ได้”

“...คิดอะไรโง่ๆ”

“นายก็ด้วย”

“.........”

“ดนัย ฟังพี่นะ ตอนนี้นายอาจจะแค่รู้สึกผิด ที่ตัวเองเป็นต้นเหตุให้บดินทร์ลงมือทำเรื่องบ้าบิ่นแบบนั้น แต่ในสักวันหากนายรู้สึกรักบดินทร์ขึ้นมา นายจะรู้สึกแย่ยิ่งกว่านี้...”

“มันเป็นไปไม่ได้หรอกน่า พี่เมธ ผมจะไปรักเขาได้ยังไง?”

“พี่ก็แค่สมมติ...ร้อนตัวทำไม”

“...................”

“พี่ก็แค่พูดไว้ก่อน นายจะได้ทำใจรอไว้ เมื่อวันนั้นมาถึง”

“ทำใจ...ว่าจะรู้สึกผิดไปจนตายน่ะเหรอ?”

“ก็ด้วย แต่อีกเรื่องคือ...ทำใจว่าบดินทร์คงเกลียดนายไปทั้งชีวิตต่างหาก”

“...ก็น่าอยู่หรอก”

“เออสิ ขนาดพี่ที่เป็นคนดีขนาดนี้ ตอนแรกยุยังเกลียดพี่จะตาย ไม่อาศัยลูกตื้อในวันนั้น พี่เองก็คงไม่มีวันนี้ หึหึ”

“...นี่พี่จะเล่าเรื่องตำนานความรักของพี่ให้ผมฟังทำไมเนี่ย?”

“ก็แค่อยากบอก...ให้สำนึกได้แล้วว่า ควรไปขอโทษเขาเสียที”

“...............”

“ไม่ต้องมาทำเงียบ ทำมึน เรื่องที่นายทำมันผิด รู้อยู่แก่ใจ ใช่ไหม?”

“...................ก็รู้...แต่ฝ่ายนั้นก็....”

“ฝ่ายนั้นก็ผิด ใครๆก็รู้ พี่เองก็บันดาลโทสะไปหลายหมัดเหมือนกัน เพราะหน้ามืดที่เขามาทำคนของพี่  ส่วนนายจะเจ็บใจไปด้วยพี่ก็ไม่ว่า แต่สิ่งที่นายทำ มันเกินไปหน่อยหรือเปล่า? คิดบ้างไหม? พี่รู้ตัวนะ ว่าพี่เองก็มีส่วนผิด เราเจ็บใจ เราเดือดดาลที่เขามาทำคนที่เรารัก เราจึงลงมือทำร้ายเขา แล้วคิดว่ามันคือความยุติธรรม ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้หรอก ที่พอเขาทำร้ายเราเขาผิด แต่พอเราไปทำร้ายเขาแล้วเราไม่ผิดน่ะ ต่างคนก็ต่างผิดทั้งนั้น...”

“...พี่เมธ โคตรพ่อพระเลยอ่ะ สมฉายาเทพบุตรแห่งวงการสุดๆ”

“หึหึ...ก็ว่าไปตามหลักการแหละนะ เพราะเอาเข้าจริง มนุษย์ไม่มีทางยอมให้ใครมาก้าวก่าย ทำร้ายตัวเองโดยไม่ตอบโต้ได้หรอก เพราะงั้น เลยตื้บไปซะเยอะเลย”

“ฮะ ฮะ..ถามจริง พี่ไม่โกรธเลยเหรอว๊า”

“โกรธสิ เล่นเอาหน้ามืดเลยล่ะ...แต่ถึงตอนนี้ พี่ก็ได้แต่อโหสิกรรมล่ะนะ คนที่มีสิทธิ์เรียกร้องความจริงมันก็ไม่ใช่พี่ สดายุต่างหาก...”

“เฮ้อ...นั่นสินะครับพี่...ผมเอง...ก็คงพลาดไปแล้วจริงๆ...”

เหมือนกับว่าในที่สุดดนัยก็สามารถผ่อนคลายลงได้นิดหน่อย หลังจากได้พูดคุยกับกฤตเมธ พี่ชายที่คอยให้คำปรึกษากับเขามาตลอด แต่ถึงจะคลายความตึงเครียดลงได้แต่ความหน่วงในหัวใจก็ยังคงอยู่ครบถ้วนอยู่ดี

ความคึกคะนองลำพองตนว่าแน่ ผลักดันให้เขาเผลอกระทำเรื่องที่ถือว่าเลวร้ายระดับสุดยอดลงไปซะแล้ว ต่อให้คนที่รับมันคือคนอย่างบดินทร์  แต่ผลมันก็ยังร้ายกาจมากอยู่ดี...พลาดไปซะแล้ว

สภาพของผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ ที่ในยามปกติดูองอาจผึ่งผาย ใบหน้าเคล้าด้วยรอยยิ้มแสนกลตลอดเวลา ตอนนี้ กลับดูราวเด็กเล็กที่ทำความผิดมหันต์และรอการลงทัณฑ์จากผู้ปกครอง ใบหน้ายับยู่น่าสงสาร จนกฤตเมธยังอดไม่ได้ที่จะส่งมือไปยีศีรษะที่ก้มต่ำนั้นแรงๆ แทนการปลอบโยนเสียที

“เรื่องมันเกิดไปแล้ว เรากลับไปแก้อะไรมันไม่ได้หรอกนะ หนทางต่อจากนี้ต่างหากที่สำคัญ ว่านายจะเลือกเดินทางไหน”

คำปลอบโยนของพี่ชาย เรียกให้คนก้มหน้าก้มตา ได้เงยขึ้นมามองหน้าเป็นครั้งแรก

“....แล้วผม...ควรทำยังไงดีอ่ะพี่ พูดจริง ตอนนี้นะ ผมตึ่บไปหมด...”

ดนัยเอ่ยถามกฤตเมธด้วยน้ำเสียงเครือพร่า คนอย่างดนัยไม่เคยพลาดขนาดนี้มาก่อน จะทำอะไรวางแผนอย่างดีทุกครั้ง และเหยื่อของเขาแต่ละคน ก็เจียมเนื้อเจียมตัวกันขึ้น ไม่เคยมีใครคิดปลิดชีวิตตัวเองแบบบดินทร์

ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น จึงทำให้ดนัยคิดหนัก แน่นอนว่าชายหนุ่มโทษตัวเองทั้ง 100% ว่าเขาเองที่เป็นคนทำให้เรื่องราวมันดำเนินมาในทางที่เลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่...

การเป็นต้นเหตุให้ใครสักคนหนึ่งคิดฆ่าตัวตาย มันช่างเลวร้ายจนดนัยคิดไม่ถึง หัวใจของดนัยเจ็บร้าวหน่วงหนัก

ปกติเขาทำเลวร้ายต่อใครหลายๆคนที่เลวร้ายใส่เขากับพวกพ้องก่อน ใช้ศาลเตี้ยตัดสินโทษทัณฑ์คนเหล่านั้นให้สาสมใจ จนอยู่ร่วมสังคม ทนเห็นหน้ากันไม่ได้ รู้สึกสะใจในทุกครั้งที่เห็นคนเหล่านั้นล่มจมไปต่อหน้า

แต่ตอนนี้ เขาไม่รู้เลยว่ากำลังรู้สึกยังไงกับคนในห้องนั้นกันแน่  สงสาร สมเพช เห็นใจ รู้สึกผิด...

ไม่รู้...ไม่รู้ว่าควรทำยังไงกับคนในห้องนั้นต่อไป

ปล่อยทิ้งไว้ เหมือนพวกที่เคยผ่านมือเขาอย่างเคยๆเหรอ?

ไม่...

ไม่รู้ทำไม...

แต่เขารู้สึกว่า...เขาทำไม่ได้

เขาปล่อยบดินทร์ไปตอนนี้ไม่ได้...



“พี่ว่านายมีคำตอบของตัวเองอยู่ในใจแล้วล่ะ”

กฤตเมธพูดออกมาเพียงแค่นั้น ก่อนเอื้อมมือไปตบตรงไหล่ของดนัยเบาๆ เพื่อเพิ่มน้ำหนักให้คำพูดของตน




“ขอโทษที่ให้รอครับ”

ปล่อยความเงียบปกคลุมบริเวณอยู่ใด้ครู่หนึ่ง สดายุก็เปิดประตูออกมา  กฤตเมธกับดนัยถึงกับหันมองเป็นตาเดียว ว่าใบหน้าของสดายุนั้นมีลางดีหรือลางร้าย ทว่า ใบหน้าคมคายนั้นกลับนิ่งสงบ ไม่มีริ้วรอยแห่งความโกรธเกลียดเคียดแค้น ไม่โมโห หรือแม้กระทั่งความยินดี

นิ่งสงบ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นในห้องนั้น

แล้ว...ทั้งคู่คุยอะไรกันบ้างนะ?

“กลับกันเถอะครับ เราต้องรีบไปกองถ่ายกันแล้ว เดี๋ยวจะสาย” เห็นว่าสองหนุ่มยังคงนิ่งอึ้งกับท่าทีของตน สดายุก็ได้แต่ยักไหล่ให้ แล้วออกปากเรียกกฤตเมธกลับออกไปด้วยกัน วันนี้พวกเขามีนัดถ่ายฉากเก็บตกช่วงกลางคืนถึงรุ่งสาง แม้สดายุจะเพิ่งฟื้นร่างกายจากยาสลบ แต่ชายหนุ่มก็คิดว่าตัวเองยังพอไหว เลยไม่คิดจะขอหยุดพัก เพราะไม่อยากเป็นภาระให้กองถ่ายต้องรวนไปเพราะตน

“อ่า...เออ พี่กลับก่อนนะดนัย ไว้คุยกันใหม่” ถูกคนรักเรียกตัว กฤตเมธก็ไม่รอช้า เอ่ยลาน้องชายกลับไปก่อน

“ครับ...แล้วเจอกันนะยุ” ดนัยโบกมือลาพี่ชายน้อยๆ โดยไม่ลืมกล่าวลาสดายุด้วย

“อือ...แล้วเจอกัน” สดายุพยักหน้าตอบรับ ยิ้มให้น้อยๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไป พร้อมกับกฤตเมธ

แต่ก่อนที่จะเดินจากไป กฤตเมธได้หันกลับมาพูดสิ่งหนึ่งกับดนัย

“คนเรา...ไม่มีสิทธิ์ตัดสินชีวิตใคร เหมือนกับที่ไม่มีใครมีสิทธิ์ตัดสินชีวิตของเรานะ...จำเหตุการณ์ครั้งนี้ไว้แล้วกัน นายจะได้โตขึ้นเสียที”

“...ขอบคุณครับ...พี่เมธ”

คำสอนสุดท้ายของพี่ชายที่เคารพรัก เป็นไปด้วยความจริง และสัจธรรมของผู้ที่ผ่านโลกมามากกว่า ทุกคำแนะนำที่เขาได้เคยได้จากกฤตเมธมาตั้งแต่เริ่มเข้าวงการล้วนมีแต่เรื่องดีๆ ที่สามารถทำให้เขายังสามารถเป็นที่รัของคนในวงการต่อไปได้ทั้งนั้น

ครั้งนี้ก็เช่นกัน

คำสอนของกฤตเมธ จะตราตรึงในหัวใจของเขาไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน

*
*
*
*
*

ดนัยเปิดประตูเข้ามาในห้องในที่สุด หลังจากยืนนิ่งเงียบอยู่ตรงหน้าห้องเนิ่นนาน

ทันทีที่เข้ามาได้คนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ ก็ผินหน้ามามองทางเขาเล็กน้อย ใบหน้านั้นซีดขาว แต่ดวงตาแดงช้ำราวกับผ่านการร้องไห้อย่างหนักมา ประกอบกับริมฝีปากและปลายจมูกที่แดงระเรื่อ เป็นการยืนยันได้อย่างดีว่าก่อนที่เขาจะก้าวเข้ามาเพียงครู่เดียว คนคนนั้นคงจะร้องไห้อย่างหนักอยู่

ดนัยยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าประตู ไม่แม้แต่จะขยับกาย หรือพูดทักอะไรออกไป ต่างฝ่ายต่างเงียบงัน  แต่ดนัยยังคงจดจ้องไปทางร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงนั้นไม่วางตา ใบหน้าราวรูปสลักของผู้จดจ้องไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆออกมา ดวงตานั้นหรือก็ว่างเปล่า ไม่หลงเหลือแล้วซึ่งความหยิ่งผยอง หรือกระแสคุกคามที่เจ้าต้วมักแสดงออกทุกครั้งยามสบตา

เนิ่นนานที่ทั้งสองมองหน้ากัน

และสุดท้ายก็เป็นบดินทร์เอง...ที่ละสายตาเบือนหน้ากลับไปในที่สุด

จากนั้นก็หลับตาลง ทิ้งหยาดน้ำหยดสุดท้ายกลิ้งผ่านแก้มสู่หมอนนิ่ม อย่างเงียบงัน


********************************************
ขอโทษที่มาช้านะคะ
ช่วงสิ้นปี งานค่อนข้างหนักค่ะ เรียกได้ว่า เสาร์-อาทิตย์ก็แทบไม่ได้หยุด T^T
ผนวกกับการปลุกปล้ำหนังสือเรื่อง ‘เกลียวบาป’ ด้วย เลยยิ่งทำให้แทบหมดพลังชีวิตกันเลยทีเดียวค่ะ
ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะ

ต่อให้คนจะเลวจะชั่วยังไงก็ไม่มีสิทธิ์ไปข่มขืนอย่างนี้อ่ะ
ไม่ค่อยชอบนิยายที่มีฉากประเภทข่มขืนนี่เลยเหมือนเป็นการส่งเสริมการข่มขืนอย่างหนึ่งนะประมาณว่าข่มขืนแล้วได้เป็นพระเอกเดี๋ยวก็แฮปปี้เอ็นดิ้งนางเอกรักไรเนี่ยเหอๆ

ขอโทษนะคะที่ทำให้อ่านแล้วรู้สึกไม่สบายใจ (T^T) เผลอดำเนินเรื่องมาในทิศทางนี้เสียแล้วคงไม่สามารถกลับลำทันเสียใจนะคะหากต้องทำให้เสียความรู้สึกจนเสียผู้อ่านดีๆไปอีกคนแต่คงต้องแจ้งว่าที่ปูทางมาแนวนี้ก็เพื่อให้ผลมันออกมาอย่างเช่นตอนนี้ค่ะมันอาจดูหนักหนาสาหัสและดูไม่สมเหตุสมผลต้องขออภัยทั้งคุณindy❣zakaและท่านผู้อ่านอีกจำนวนไม่น้อยที่อาจไม่ชอบแนวนี้มากๆด้วยนะคะสิ่งที่คุณindy❣zakaว่ามามันก็เป็นเรื่องจริงที่ทำให้สะอึกจนเขียนต่อไม่ถูกจริงๆนั่นแหละค่ะคงพูดอะไรไม่ออกนอกจากคำว่าขอโทษจริงๆค่ะ

นิยายเรื่องนี้ช่วงหลังอาจดาร์กไปหน่อยนะคะเนื้อหาอาจดูหนักไปหรืออาจไม่ค่อยสมเหตุสมผลอนาคีต้องขอโทษต่อผู้อ่านทุกท่าน
ที่อาจละเหี่ยใจกับนักเขียนที่เขียนเนื้อเรื่องเอาแต่ใจเหลือเกิน...(T^T)

ไหนๆก็จะจบในไม่ช้าแล้ว...
ได้โปรด...กัดฟันทน...อยู่กันไปจนจบนะคะ
Pleaseeeee….

ขอบคุณที่ยังติดตามนะค๊า

ปล. เพิ่งจะเข้าไปดูผลเซ็งเป็ดมาค่ะ...หลังจากไม่ได้เข้าบอร์ดเสียนาน
ตกใจเล็กน้อยที่น้องชิดจันทร์คนสวยติดโหวตตัวร้าย โอ้ว...นี่นางร้ายขนาดนั้นเลยหรือนี่ อิอิ

ขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านนะคะที่ช่วยร่วมโหวตให้
จนสามารถติดโผเซ็งเป็ดกับเขาได้ ปลื้มปริ่มจริงๆค่ะ

ปล. 2 ช่วงปลายปีงานหลวงอนาคีค่อนข้างยุ่งค่ะบางสัปดาห์เสาร์-อาทิตย์ก็ต้องทำงานT^T
เลยอาจทำให้การลงแต่ละตอนช้านานเหลือเกินและทำให้แต่ละตอนยาวเป็นวรรคเป็นเวรด้วย
เนื่องจากอนาคีต้องออกนอกพื้นที่บ่อยเลยทำให้ต้องไปเขียนข้างนอกตลอด
แต่ง...แล้วเก็บไว้สะสมไปเรื่อยๆจนกว่าจะมีโอกาสลงในบอร์ด
ต้องขอโทษจริงๆนะคะอยากมาบ่อยๆเหลือเกินค่ะ
แต่ช่วงนี้โอกาสอาจไม่อำนวยรอกันอีกหน่อยนะคะ
ไม่ได้หายไปไหนนะจ๊ะยังมาลงอยู่เนืองๆค่ะแต่อาจช้าสักหน่อย
ต้องขอโทษไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
อนาคี99

ชี้แจงเรื่องการสั่งซื้อนิยายเรื่องSin spiral_เกลียวบาป“แฝด”

ออฟไลน์ monetacaffeine

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-5
 :z13: :z13: :z13:


____________________
แฮ่ รีบแวะมาจิ้มก่อนอ่าน ดีใจได้จิ้มเรื่องนี้ซักครั้ง T ____ T //อะไรของนาง
เข้าเรื่องค่ะๆ คือจะบอกว่ายาวมากกกกกก จากที่จิ้มไปอ่านแบบ เป็นนิยายที่ตอนเดียวยาวที่สุดเท่าที่เคยอ่านมาจริงๆค่ะ
เริ่มเม้นแทบไม่ถูกเลย .. ก่อนอื่นบดินทร์ กรีดข้อมือถ้าไม่ลึกพอไม่ตายนะนาย แถมไม่แช่น้ำอุ่นให้เลือดมันไหลคล่องๆด้วยเนี่ย
จริงๆโอกาสตายไม่มากนะคะ แต่อ่านแล้วน้ำตาร่วงตามเลยจริงๆ คือเราก็ชอบเพลง Safe & Sound อยู่แล้วด้วยแหละค่ะ
เรียกว่าไม่ต้องเปิดฟังก็ร้องตามในใจได้ น้ำตาเลยปริ่มๆแล้วก็ร่วงจนได้ สงสารบดินทร์นะ พลิกบทเค้าไปเยอะเหมือนกัน
หลายๆมิติ หลายๆมุมที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้สัมผัสก็เทมาแบบโครมเดียว เล่นเอาตั้งตัวไม่ทันเหมือนกัน แต่ก็ใช่ว่าจะทำใจรับได้นะคะ
เพราะสิ่งที่เจ้าตัวทำก็ร้ายน้อยซะเมื่อไหร่ .. จะโทษว่าเป็นเพราะพ่อสั่ง(เรื่องน้องเพียงดาว)หรือชิดจันทร์สั่ง(แล้วกลัวตาย)มันก็นะ
ที่จริงมองลงไปลึกกว่านั้นต้นเหตุมันก็มาจากการกระทำของตัวบดินทร์เองนั่นแหละ ถ้าไม่มีอะไรกับน้องมีหรือจะท้องได้ ?
ถ้าไม่ไปเล่นการพนันมีหรือจะถูกชิดจันทร์ใช้เป็นเครื่องมือ ? เพราะฉะนั้นคงไม่สงสารถึงแม้จะเลือกทางออกโง่ๆก็เถอะ
รู้สึกว่าทำอะไรก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมาน่ะค่ะ (ใจร้ายไปหน่อยไหมเนี่ย ; ____ ;)

ส่วนเรื่องของดนัย .. พี่เมธนี่สมฉายาจริงๆค่ะ 5555555555 อ่านพี่เมธเทศน์ เอ้ย สอนดนัยตามแล้วซึ้งเลย ..
ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์โดนทำร้ายทั้งนั้นแหละเนอะ ทุกอย่างก็ควรให้มันเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม(ที่แม้จะหาได้ยากยิ่งในประเทศสารขัณฑ์ก็ตาม) นึกถึงการ์ตูนเด็กๆที่เราชอบดูเลยค่ะ โคนันก็เคยพูดไว้เหมือนกันว่าไม่มีใครสมควรได้รับความตาย ถึงคนๆนั้นจะเป็นฆาตกร เราก็ไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินโทษของใคร ซึ้งเลย T T

พอดีอ่านแล้วเจอคำผิดด้วย ขออนุญาตแก้ให้นิดนึงนะคะ มันผ่านตาพอดี แฮ่ะๆ (_ _)/
มาตรม -> มาตาม
กระชอับ -> กระชับ
ต่างๆนาๆ -> นานา
ขนาดนัย -> ขนาดดนัย
สมธิ -> สมาธิ
ตื้อ -> ตื๊อ
ได้รับทรศัพท์ -> โทรศัพท์
ผมกรรม -> ผลกรรม
ถื่น -> ถี่
เสียงแสบเสน่ห์ -> แหบ
เย็นเย็บ -> เยียบ รึเปล่าคะ ? ไม่ค่อยแน่ใจ
สดๆร้อนไ -> ร้อนๆ
ที่รัของคน -> ที่รัก
 
เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์นะคะ .. มาตามอ่านเกลียวบาปแฝดไม่ทันตอนที่เปิดรวมเล่ม เลยไม่ได้สั่งจองไป
เพิ่งรู้ว่ามีปัญหาก็ตอนนี้เอง อยากเป็นกำลังใจให้มากๆเลย คือไรเตอร์ไม่ได้ผิดอะไรเลยค่ะ ทำดีที่สุดในส่วนของตัวเองแล้ว
ไม่ต้องคิดมากนะคะ เราเชื่อว่าผู้อ่านทุกท่านมีวิจารณญาณแน่นอน สู้ๆต่อไปนะคะ กอดๆ :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-12-2014 03:31:38 โดย monetacaffeine »

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ขอบคุณมากค่ะ รอนานหน่อยแต่มาแบบถึงใจมาก  :กอด1:

บดินทร์นี่เป็นคนเลวที่น่าเห็นใจ  ก็คงได้แต่หวังว่าต่อไปจะเดินไปข้างหน้าได้โดยไม่ออกนอกลู่นอกทาง  ดนัยก็น่าจะเป็นที่พึ่งทางใจให้ได้

ออฟไลน์ NIMME

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
ยาวสะใจมาก อ่านไปน้ำตาไหลเป็นลิตร
ตอนนี้รู้สึกสงสารดินมาก
ดนัยอยู่กับดินก่อนนะ เพราะตอนนี้ดินไม่เหลือใครแล้ว
 :hao5:

ออฟไลน์ kissu111

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
สมกับการรอคอยค่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ monaligo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
อ่านตาแฉะเลย น้ำตาอ่ะนะ  :hao5:
คือเราสงสารดินอ่ะ สงสัยเราใจอ่อนฮือๆๆๆๆ
คือยุก็เจอมาเยอะ ถือว่านี่เป็นผลกรรมของดินเนอะ

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
น้ำตาร่วงเผาะ ๆ ถึงแม้ว่าจะแอบคิดว่าอาจต้องมีฆ่าตัวตาย

แต่พออ่านแล้ว บีบอารมณ์สุด ๆ แต่ก็ดีแล้วที่อยู่ จะได้แก้ไขให้มันดีขึ้น

อย่างน้อยเพื่อตัวเอง ไม่ใช่เพื่อใคร ดิน คนทำผิดก็มีโอกาสแก้ตัวนะ แต่อย่าใช้พร่ำเพรื่อ

มีโอกาสกลับมา ทำให้มันดีที่สุดนะ ไฟท์ !!!

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด