*
*
*
*
*
“ที่นี่แหละเมธ มันต้องจับตัวยัยชิดมาที่นี่แน่”เสียงสั่นน้อยๆ ทว่ายังทรงด้วยอำนาจของเสน่ห์จันทร์ บอกเล่าสิ่งที่หล่อนพอจะรู้ให้ผู้ร่วมทางฟัง
ตั้งแต่ที่เสน่ห์จันทร์รู้ว่า ชิดจันทร์ ลูกสาวเพียงคนเดียวถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ โดยชายผู้เคยเป็นอดีตเด็กในสังกัด หล่อนก็รู้ได้ในทันทีเลยว่า ที่ที่มันคนนั้นจะเอาชิดจันทร์ไปซ่อนไว้คือที่ไหน ที่แห่งความทรงจำที่เดียวของมัน...หมู่บ้านจัดสรรที่สร้างไม่เสร็จและถูกปล่อยให้รกร้าง
‘หมู่บ้านจันทร์พิมาน’ทันทีที่ได้รับการติดต่อจากทางพิมานเมื่อราวๆสี่ทุ่มครึ่งของเมื่อคืน ยอมรับว่าตกใจและกังวลเป็นที่สุด มันจะเรียกค่าไถ่ตัวชิดจันทร์ถึงร้อยล้าน โดยการให้จ่ายผ่านบัญชีที่มันส่งข้อความมาให้ภายในก่อนเที่ยงวัน
ไอ้พิมานมันพลาด พลาดที่เปิดเผยตัวตน คงคิดว่าหล่อนคงไม่กล้าทำอะไร เพราะมันมีชิดจันทร์เป็นตัวประกันอยู่
มันพลาดที่ส่งข้อความมา ทั้งยังโทรหาโดยไม่มีการแปลสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ทำให้ใช้เวลาไม่นานก็สามารถแกะสัญญาณที่อยู่ของมันได้อย่างไม่ยากเย็น.....สมแล้วที่เป็นมัน
เพราะไอ้พิมานมันโง่ เสน่ห์จันทร์รู้เช่นเห็นชาติคนคนนี้ดีตั้งแต่ที่เคยร่วมงานกันมาเมื่อครั้งยังหนุ่มยังสาว
พิมาน นรชัย อดีตดารารุ่นใหญ่วัยสี่สิบหกปี คนที่ทำลายชีวิตการแสดงของตนลงด้วยความโง่เง่าของตัวเอง!
“ตรงบ้านหลังใหญ่สุดนั่นแน่ครับ ผมมองเห็นแสงไฟรำไรอยู่ พวกมันต้องพาสดายุกับชิดจันทร์ไปหลบกบดานอยู่ตรงห้องนั้นแน่” กฤตเมธที่ยืนอยู่ข้างกันเอ่ยพลางตั้งท่าจะเดินลิ่วเข้าไปในรังของเหล่าโจรโฉดชั่วที่ลักพาตัวหัวใจของเขามา
“เดี๋ยวก่อน! อย่าผลีผลามอย่างนั้นสิเมธ เดี๋ยวมันเห็นเราเข้า ยัยชิดจะตกอยู่ในอันตราย...ฉันหมายถึงสดายุด้วย” แต่ก่อนจะได้ถลาเข้าไปมากกว่านั้น ก็โนเสน่ห์จันทร์รีบคว้าเอาไว้เสียก่อน แม้จะขัดใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็พอจะเห็นด้วยกับหล่อน “รออีกหน่อย ตำรวจกำลังมา” เสน่ห์จันทร์ว่า กฤตเมธถึงกับขบกรามกรอด เขาไม่อยากจะเสียเวลาแม้สักนิดเดียว!
ตั้งแต่เที่ยงคืนเป็นต้นมา เขาขับรถวนหา ตามล่ารถตู้ของพวกที่จับตัวสดายุมาเสียหลายชั่วโมง ที่ไหนพอจะมีเบาะแส เขาก็จะไปที่นั่น โดยรวมกับดนัยและสมุนฝ่ายนั่นช่วยกันหาอีกแรง บดินทร์ที่ติดสอยห้อยตามดนัยมา พอจะรู้จักไอ้ตัวหัวหน้ามันอยู่บ้าง จึงพอตามดมกลิ่นมาจนพบที่หมาย ด้วยว่าเขาอยู่ใกล้มากกว่าจึงล่วงหน้ามาถึงก่อนดนัยเล็กน้อย ไม่คิดว่าจะมาเจอกับเสน่ห์จันทร์กลางทางพอดี
แต่ก็ดีมากที่ได้เจอ เพราะนั่นหมายความว่า กฤตเมธมาถูกทาง เขาตามหาสดายุเจอแล้ว!!
กฤตเมธละล้าละลังอยู่เพียงอึดใจ ไม่ว่ายังไง เขาก็ไม่อาจรอไหว เขาต้องการเข้าไปช่วยสดายุออกมาให้เร็วที่สุด อุตส่าห์มาถึงที่แล้ว จะยังต้องรออะไรอีก
“คุณเสน่ห์จันทร์ รอพวกตำรวจที่นี่ก่อนนะครับ ผมจะเข้าไปข้างในก่อนนะครับเพื่อดูลาดเลาไอ้พวกนั้นก่อน” สุดท้าย กฤตเมธ ก็เลือกที่จะไม่ทนรอต่อไป
“แต่เมธ....”แน่นอนว่าเสน่ห์จันทร์รีบห้าม หล่อนไม่ต้องการให้กฤตเมธเข้าไปเสี่ยง เพราะถ้าไอ้พิมานจับได้ขึ้นมา มันอาจทำร้ายชิดจันทร์โทษฐานที่หล่อนไม่รักษาสัญญาก็เป็นได้ หล่อนกลัวกฤตเมธทำพลาด ห่วงว่าจะเสียไปทั้งสองคน เรียวนิ้วสั่นระริกเอื้อมคว้าแขนกฤตเมธไว้ เพื่อยั้งรอ
แต่กฤตเมธทำเพียงส่ายหน้า เป็นเชิงว่าได้โปรดอย่าห้ามเขา เพราะถึงอย่างไร ก็ไม่มีอะไรสามารถห้ามเขาได้ในตอนนี้ “ได้เรื่องยังไง ผมจะรีบติดต่อกลับมา รออยู่ตรงนี้นะครับ”
“ฉ ฉันไปด้วย”เมื่อกฤตเมธยืนยันคำตน เสน่ห์จันทร์ก็หมดปัญญาขัดขวาง แม้จะเป็นห่วงกลัวจะเกิดการเพลี่ยงพล้ำ แต่แท้จริงแล้วหล่อนเองก็ร้อนใจไม่ต่างกัน ในนั้นมีลูกหล่อนทั้งคน หล่อนย่อมเป็นห่วง กังวล และอยากไปเห็นด้วยตัวเองเช่นเดียวกัน ว่าดวงใจเพียงคนเดียวของตนนั้น ยังคงอยู่ดี ไม่อยากรออะไรอีกต่อไปแล้ว ด้วยหัวใจของคนเป็นแม่ เสน่ห์จันทร์เองก็อยากเข้าไปใจแทบขาด
“อย่าเลยครับ ผมไปคนเดียวคล่องตัวกว่า ยืนรอกำลังเสริม แล้วผมจะรีบติดต่อมา”ทว่าก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าถึงหล่อนเข้าไปก็รังแต่จะเป็นตัวถ่วง ดังนั้นเมื่อถูกกฤตเมธยั้งไว้ หล่อนก็ไม่ได้อิดออดดื้อดึง ปล่อยกฤตเมธเข้าไปคนเดียว น่าจะได้เรื่องมากกว่า
“...ฝาก...ฝากด้วยนะเมธ...”เสน่ห์จันทร์พูดได้เพียงเท่านั้น ก่อนคลายมือออกจากแขนของชายหนุ่มในที่สุด
กฤตเมธพยักหน้ารับคำ ก่อนจะวิ่งห้อเข้าไปในความมืด ทิ้งเสน่ห์จันทร์เอาไว้ตรงนั้น เพื่อความปลอดภัย
*
*
*
*
*
“พี่เมธติดต่อมา ว่าล่วงหน้าเข้าไปข้างในก่อนแล้ว จะเข้าไปดูลาดเลาให้” ดนัยเอ่ยขึ้นทันทีที่กดวางสายจากกฤตเมธ ตอนนี้พวกเขาและเหล่าสมุนมือดีอีกสามคน มาถึงหมู่บ้านร้าง แหล่งกบดานของพวกพิมานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเขาเลือกที่จะจอดรถไว้ด้านนอก เช่นเดียวกับกฤตเมธ แล้วเดินเท้าฝ่าทางมืดทึบเข้าตัวหมู่บ้านเพื่อให้ง่ายต่อการพรางตัว
หลังหาที่จอดรถซุกซ่อนสายตาในความมืดได้แล้ว เหล่าชายฉกรรจ์มากฝีมือก็เตรียมตัวไล่ล่าพวกผู้รายตัวแสบ เพื่อแย่งชิงตัวประกันคนสำคัญคืน ทุกคนเตรียมพร้อม บดินทร์ก็พร้อม ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในชุดคนไข้อีกต่อไปแล้ว เพื่อความคล่องตัว ดนัยเลยให้ลูกน้องคนสนิทหาชุดลำลองมาให้บดินทร์เปลี่ยน ชุดง่ายๆ แค่เสื้อยืดแขนสั้นสีดำ กางเกงยีนส์ กับรองเท้าผ้าใบ บดินทร์จัดแจงเดินตามกลุ่ม บอดี้การ์ดตัวล่ำของดนัย ทว่ากลับถูกนายใหญ่ของกลุ่มรั้งร่างเอาไว้เสียก่อน
“คุณรออยู่ที่นี่ดีกว่านะ ข้างในมันอันตราย” ดนัยว่า พลางดึงร่างของบดินทร์ให้เดินตามกลับมาที่รถ เขาไม่อยากให้บดินทร์ต้องเข้าไปเสี่ยง
“ไม่! ผมจะเข้าไปด้วย” เมื่อถูกห้าม บดินทร์ก็ออกอาการฉุนเล็กๆ เขาต้องการเข้าไปช่วยสดายุ ไม่ต้องการแค่รออยู่ตรงนี้ อยากเข้าไปช่วยเพื่อน บดินทร์สะบัดแขนตนออกจากอุ้งมือของดนัย เขาจะไม่ยอมรออยู่ที่นี่อย่างเดียวแน่ ถ้าไม่ให้ไปด้วย เขาก็จะเข้าไปคนเดียว!
“สภาพคุณตอนนี้ เข้าไปก็เป็นได้แค่ภาระ ผมไม่อยากเอาคนถ่วงแข้งถ่วงขาเข้าไปด้วยจนทำงานล่มหรอกนะ” เห็นว่าคนป่วยช่างดื้อ ถึงไม่ได้เหนือความคาดหมายนัก เพราะดนัยเดาเอาไว้อยู่แล้วว่าคนดื้ออย่างบดินทร์ไม่มีทางยอมอยู่เฉย เขาเลยลองปรามาสอีกฝ่ายดู จรี้จุดให้รู้ถึงสถานภาพของตัวเอง แต่ก็ไม่แน่ใจนักหรอกนะว่ามันจะกลายเป็นการสาดน้ำมันเข้ากองไฟหรือเปล่า...
"ผมไม่ทำตัวถ่วงคุณหรอกน่า! ผมไม่ได้โง่ขนาดนั้น!!" บดินทร์ฉุนขาด
'กะแล้วเชียว...'"ก็ที่ทำอยู่นี่แหละ ถ่วง!" ดนัยถึงกับส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจ
“เออ!แล้วแต่คุณจะว่าเถอะ แต่ถึงยังไงผมก็จะเข้าไป!” ยิ่งถูกห้ามบดินทร์ยิ่งเสียงดังขึ้น แท้จริงทั้งสองคนรู้ดี ว่านี่ไม่ใช่เวลาจะมาเถียงกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่ในเมื่ออีกฝ่ายมัวแต่ดื้อดึงไม่ยอมฟังกัน จึงจำเป็นต้องแสดงจุดยืนที่ชัดเจนของตน ทว่า หากยังปะทะคารมกันต่อ ดูเหมือนจะไม่จบไม่สิ้น บดินทร์จึงไม่คิดจะโต้เถียงอีก ชายหนุ่มเลือกที่จะหุบปากเสีย แล้วเดินไปเองลำพัง โดยไม่สนใจคำทัดทานใดๆ ของหน้าไหนทั้งนั้น
ลมพัดแรงขึ้นทุกขณะ เสียงหวีดหวือดังชัด แรงลมหน่วงหนักเริ่มโยกต้นไม้รกครึ้มให้ไหวคลอนไปตามแรงมัน ดนัยเดินจ้ำฝ่าแรงลมหน่วงหนัก นำลิ่วไป แบบไม่สนใจใครเลยแม้แต่ดนัย เห็นท่าจะรอต่อไปไม่ไหว ดนัยจึงต้องรีบจัดการขั้นเด็ดขาด คนอะไร โคตรดื้อ!
“อย่าดื้อดิคุณ” ดนัยสุดทนในที่สุดจึงรี่เข้ามาฉุดแขนซ้ายบดินทร์ขึ้น เพื่อลากจูงกลับไปขังไว้ในรถให้รู้แล้วรู้รอด แต่อีกคนก็ยังคงดื้อดึง ขืนตัวตัวไว้ไม่ยินยอมท่าเดียว
“ปล่อย!”
“ชิ! หาเรื่องจริงนะ!!” ร่างสูงใหญ่ฉุนกึก คว้าเอวแล้วยกทั้งร่างนั่นจนตัวลอยหวือ ด้วยบันดาลโทสะ บดินทร์เบิกตากว้าง สวนกำปั้นเข้าใส่อย่างลืมตัว แต่ดนัยที่รู้ทางตั้งแต่แรกรีบคว้าข้อมือบดินทร์ไว้แล้วจับตรึงไว้ด้านหลัง ให้ได้สิ้นหนทางขัดขืน
ดิ้นรนยังไม่ถึงเท่าไหร่ ทั้งร่างก็ถูกโยนโครมเข้าไปในเบาะหลัง ทั้งยังถูกคร่อมไว้ด้วยร่างของดนัยจนยากจะหลบหนี ตาจ้องตา ไม่มีใครยอมใคร
บดินทร์จะไปเสียอย่างใครก็ห้ามไม่ได้...
ดนัยไม่ให้ไปเสียอย่าง ใครก็ขัดไม่ได้... “ผมขอล่ะ อย่าให้ถึงขนาดต้องขังไว้ในรถเลยนะครับ บดินทร์” สุดท้าย ดนัยก็เป็นฝ่ายขอยอมแพ้ และเป็นฝ่ายเริ่มขอร้องดีๆ กับบดินทร์ก่อน “ในนั้นมันอันตราย...ผมไม่อยากให้คุณบาดเจ็บ” พร้อมออกปากวอนเว้าเล็กๆ ตามสันดานปากหวานที่เป็นนิสัยประจำกาย
ได้ผล ทันทีที่ดนัยยอมลงให้ บดินทร์ก็คาบอาการแข็งเกร็งขัดขืน ดวงตาแข็งกร้าวที่จ้องมองอีกฝ่ายไม่วางตาในคราแรก อ่อนแสงลงเล็กน้อย แทนด้วยสีหน้าแห่งความลำบากใจมาแทนที่
“...อย่าทิ้งผมไว้คนเดียวที่นี่ ได้โปรด...” คราวนี้เป็นดนัยบ้างที่ต้องนิ่งอึ้ง กับใบหน้าหมดจดตรงหน้า ที่กำลังส่งสายตาอ้อนวอนตอบกลับมา เล่นเอาใจแช็งๆของลูกผู้ชายอย่างดนัยถึงกับอ่อนยวบ “แต่...”
“ขอร้องเถอะครับ ให้ผมเข้าไปกับคุณด้วย...ให้ผมได้เข้าไปช่วยสดายุกับคุณ...” เห็นว่าดนัยเริ่มใจอ่อน บดินทร์ก็ยิ่งออดอ้อน หนัก ถึงจะง่อยยังไง ก็ดีกรีนักแสดงเก่า เรื่องปั้นหน้าใช่ว่าจะไม่ถนัด ถึงตาจน ก็ต้องงัดออกมาสู้
“ผมรู้ ว่าคุณปกป้องผมได้...” โดนอ้อนขนาดนั้นเข้าไป ใครเล่าจะอดใจไหว แม้ดนัยจะรู้อยู่แก่ใจ ว่าบดินทร์คงใช้ความพยายามน่าดู
แต่...ถึงบดินทร์จะกัดฟันพูด สำหรับดนัยนั้น
มันโคตรน่าฟัง...ไม่ต้องถามถึงผลที่ตามมาหลังจากนั้น
เพราะแน่นอนว่า ผู้พ่ายเป็นใครไปไม่ได้นอกจากดนัย
ทั้งห้ามุ่งหน้าสู้ความมืดพร้อมกัน ด้วยจุดหมายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือช่วยสดายุ
*
*
*
*
*
“เราจะได้เงินจริงๆใช่ไหม พี่พิมาน? ไม่ใช่ว่าพี่หลอกเรามาตายกันหมดนะ” *************************************************************
ขอโทษที่ช้านะคะ
ว่าจะบุก ไม่ได้บุกเสียที แต่ตอนหน้านี่แหละค่ะไคลแม็กซ์ของจริง
พี่เมธเราจะสามารถช่วยน้องยุทันหรือไม่
ใครจะอยู่ใครจะไป ได้รู้ชัดแน่นอนค่ะ
ปล. ครึ่งหลังจะพยายามมาให้ทันวันศุกร์นะจ๊ะ
ปล.2 ลงกับมือถือค๊า...มันออกจะง่อยไปหน่อยนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้แอบไปแก้ให้ที่ออฟฟิศจ๊า
ขอบคุณที่ติดตามค๊า
อนาคี / Thearboo
