*
*
*
สี่โจรถูกล้อมในที่สุด ท่ามกลางห่าฝนกระหน่ำไม่ลืมหูลืมตา พร้อมตัวประกันสาวน้อย ที่ถูกปิดปากเอาไว้แน่นหนา หน้าตาตื่นกลัวสั่นระริก
“ถอยไปนะเว้ย! ไม่งั้นนังนี่ไม่รอดแน่!!” ไอ้หน้าบากที่ยืนคุ้มกันหัวหน้ามันอยู่ ตะโกนข่มขู่ศัตรูฝ่าสายฝน ในเมื่อไอ้พวกนี้มาเพื่อช่วยตัวประกัน ไอ้หน้าบากจึงมั่นใจมากว่าคำขู่ของตนจะต้องสัมฤทธิ์ผลเป็นแน่แท้ ไอ้ตังเกเข้ามาสมทบเหวี่ยงปืนไปซ้ายทีขวาทีด้วยความหวาดระแวง ทั้งที่ตัวมันยังประคองเพื่อนเตี้ยที่เพิ่งถูกยิงแขนเดี้ยงมาหยกๆอยู่ด้วย
“กูว่าพวกมึงกำลังเข้าใจผิดนะ”
เสียงดังฟังชัดดังขึ้นตรงเหนือบันได หัวหน้าพวกสูทดำทั้งสาม ปรากฏตัวในที่สุด ทันทีที่พิมานชำเลืองไปเห็นก็ถึงกับตาขวากระตุกยิก หากจำไม่ผิดไอ้เด็กนี่ชื่อ ดนัย เด็กที่เสน่ห์จันทร์ส่งไปค้าขายถึงฮอลลีวู้ด ไม่ถึงกับดังเปรี้ยง แต่ก็ไม่เคยขาดงาน แล้วทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่ได้? อีกทั้งลิ่วล้อมฝีมือเก่งกาจของมันนี่อีก ได้เด็กนี่แท้จริงแล้วมันเป็นใครกันแน่ นี่เสน่ห์จันทร์เลี้ยงอสรพิษตัวเอ้ขนาดนี้ไว้ในมืออย่างนั้นหรือ...
“...หึหึ ไม่นึกว่าเสน่ห์จันทร์จะเลี้ยงคนเด็ดๆ เอาไว้ด้วย นี่คงส่งแกมาช่วยลูกมันแทนการจ่ายค่าไถ่สินะ” พิมานหัวเราะร่า แขนแกร่งล็อคคอชิดจันทร์แน่นขึ้นอีก ราวกับต้องการให้สิ้นใจในอ้อมแขน สายตาแข็งกร้าวจดจ้องไปยังดนัยที่ยืนตระหง่านอยู่ที่บันไดขั้นที่สิบ ท่ามกลางสายฝนกระหน่ำ ร่างนั้นยังคงสง่างามน่าเกรงขาม จนแม้แต่พิมานยังรู้สึกประหวั่น นี่หากไม่มีชิดจันทร์เป็นข้อต่อรอง เขาคงต้องยอมศิโรราบเสียตั้งแต่ตอนนี้...
หรือว่าบางที...แม้แต่การมีชิดจันทร์เป็นตัวประกัน มันก็อาจไม่ได้ช่วยอะไร
และมันก็เป็นไปตามที่พิมานคาดไว้ไม่มีผิด
“ทำไมกูต้องช่วยชิดจันทร์ด้วยวะ? ไม่เห็นจำเป็นตรงไหน กูแค่มาช่วยสดายุ และก็ช่วยสำเร็จแล้วด้วย...”
ดนัยเอ่ยขึ้นทั้งรอยยิ้มพริ้มเพราที่แฝงด้วยความอำมหิตอย่างไม่ปิดบัง คำที่ดนัยลั่นออกมา ทำพิมานขวัญหนีดีฝ่อไม่น้อย
แต่ไม่มีทางที่พิมานจะเชื่อง่ายๆหรอก ใครจะอยากยุ่งยากยุ่งด้วย หากไม่ใช่เพื่อต้องการช่วยตัวประกันอีกคน “อย่ามาโกหก ถ้าไม่ได้จะมาช่วยนังนี่ แล้วมึงยังตามพวกกูมาทำไม?”
“กูก็แค่...” ยินคำของพิมาน ดนัยก็ถึงกับหัวเราะร่า
แค่เสียงหัวเราะ ยังราวกับเสียงคำรามของซาตาน ในสายตาของพิมานและลิ่วล้อ ไม่รู้จริงๆว่าคนตรงหน้าต้องการอะไร มันช่างน่ากลัวจนแทบไม่กล้าละสายตา เหมือนกับว่าแค่เพียงกระพริบตาเพียงครั้ง ชีวิตก็อาจถูกปลิดติดมือของอีกฝ่ายไปเสียเดี๋ยวนั้น...
แต่การหวาดระแวงนั้นก็ไม่อาจช่วยอะไรได้ เมื่อคำสุดท้ายของดนัยสิ้นสุดลง
“ตามมาจัดการ ไอ้เหี้ยที่ทำเพื่อนกูก็เท่านั้นแหละ!!”
ปัง!! ปัง!! ปัง!!
เสียงปืนสามนัดกัมปนาทกลางสายฝน พร้อมกับที่สามร่างร่วงลู่ลงพื้นราวกับไร้กระดูก หน้าบาก ตังเก และไอ้เตี้ย ลงไปกองต่อหน้าลูกพี่มันอย่างไม่ทันได้ตั้งเนื้อตั้งตัว ต่างร้องโอดโอยน่าเวทนา ต่อหน้าพิมานที่ไม่อาจทำอะไรได้แม้แต่การเปล่งเสียงห้ามปราม ทำได้เพียงสบถด่าไปทางดนัยเท่านั้น “ไอ้สัตว์!!”
“ขาคนละข้าง แลกกับที่พวกมึงซ้อมยุเสียจนสะบักสะบอม ส่วนไอ้เตี้ย มึงหนักหน่อย เพราะเสือกยิงพี่เมธของกูด้วย...” ทั้งที่เพิ่งสั่งลูกน้องยิงคนล้มเจ็บไปต่อหน้า ดนัยก็ไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้าน สายตาเย็นชาจับจ้องศัตรูที่ไม่คู่ควรกับเขาราวกับเป็นขยะ ก่อนจะนึกปราณีปล่อยไปในที่สุด “เอาล่ะ หมดเรื่องของกูแล้ว มึงจะทำยังไงกันต่อก็ตามสบายละกัน...ส่วนน้องชิดจันทร์ พี่ขอโทษแล้วกันนะ ที่ไม่ได้ช่วย เพราะแค่เรื่องที่น้องทำกับคนของพี่ไว้ แค่พี่ไม่ลงมือกับน้องด้วยตัวเอง น้องก็ควรจะขอบคุณพี่แล้วนะ...หึหึ” ดนัยทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนหันหลังจากไป โดยมีลูกน้องคอยคุ้มกันไม่ห่าง ทว่ายังไม่ทันจะถึงไหน พิมานก็รั้งไว้ด้วยคำถามคำถามหนึ่งเสียก่อน
“มึง...ไม่ใช่คนของเสน่ห์จันทร์หรอกเหรอ? เด็กปั้นในสังกัดไม่ใช่รึไง?”
พิมานสงสัย เจอแบบนี้ไปไม่ว่าใครก็คงสงสัย ในวงการไม่มีใครไม่รู้ว่าดนัยเป็นเด็กปั้นในสังกัดของเสน่ห์จันทร์ เด็กปั้นอีกคนต่อจากบดินทร์ เด็กปั้นเพียงสองคนในสังกัด และดนัยเป็นเด็กที่หล่อนส่งออกนอก ให้ได้โกอินเตอร์มีชื่อเสียง เด็กที่เสน่ห์จันทร์ให้ความกรุณาไม่ต่างจากกฤตเมธ แล้วทำไมวันนี้ เด็กปั้นในความเมตตาถึงเนรคุณได้อย่างเลือดเย็นเช่นนี้กันนะ?
“ใช่...กูเคยเป็น” ดนัยหันมาตอบคำถามแต่โดยดี ด้วยรอยยิ้มเทพบุตรฉาบฉายเต็มใบหน้า “และก็ถูกเขี่ยทิ้งไม่ต่างมึงไงครับ คุณพิมาน ดารารุ่นเก่าตกกระป๋อง...แต่ต่างกันหน่อยตรงที่บารมีพ่อกูมันใหญ่พอที่นางจะทำให้กูหมดอนาคตอย่างมึงไม่ได้ เลยต้องวางแผนไล่กูออกนอกประเทศ ด้วยสัญญาทาสที่ทำกูแทบกระอักเลือดแทน เสน่ห์จันทร์รู้ว่ากูติดพันธะสัญญากับพ่อกูเรื่องเป็นดารา แต่มันไม่รู้ว่ากูมีอะไรที่มากกว่าการเป็นแค่ลูกชายคนเล็กของนายพล ที่กูอยู่ได้ ไม่ใช่เพราะมัน...ใครก็คงคิดว่ากูโกอินเตอร์ เพราะแม่พระอย่างคุณเสน่ห์จันทร์ท่านกรุณา หึหึ...เบื้องหลังก็ไม่ต่างกับตอนกำจัดมึง...คุณพิมาน เด็กลับของเจ้าแม่เสน่ห์จันทร์...”
ดนัยเปิดปากเล่าเบื้องหลังของตนให้พิมานฟังอย่างไม่ปิดบัง ‘พวกเดียวกัน’ อาจเป็นเพราะเขารู้สึกอย่างนั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเข้าด้วยกับพวกมัน ที่ทำร้ายเพื่อน และพี่ชายที่เขาศรัทธา
“ถึงจะไม่ได้เกลียดเท่าไหร่ แต่ก็ใช่ว่าจะมีเหตุจูงใจมากพอที่กูจะต้องช่วยลูกนาง คนเดียวเท่านั้นเองมั้ง ที่ตั้งใจมาเพื่อช่วยชิดจันทร์ หึ...พี่เมธ...คนที่ชิดจันทร์เกลียดอย่างกับหนอน...” ถึงประโยคนี้ ดนัยทำหน้าเหยเกเล็กน้อย ตอนพูดว่า ‘กฤตเมธคือลูกรักชั่วกัลปาวสานของท่านประธาน’ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ามีอีกคน แล้วหัวเราะออกมา ราวกับเป็นเรื่องไร้สาระ “อ้อ มีอีกคนที่ทะเล่อทะล่าเข้าช่วยแบบไม่ลืมหูลืมตา...สดายุ เฮ้อ หาเรื่องใส่ตัวชัดๆ หึหึ ฮะฮะฮะ”
พูดจบดนัยก็หันหลังกลับไปทันที ธุระที่นี่ของเขาจบลงแล้ว เหลือเพียงพากฤตเมธกับสดายุส่งโรงพยาบาล แล้วปิดเรื่องที่มาโผล่แจมแถวนี้ให้เงียบหายในป่าช้าก็เท่านั้น ส่วนเรื่องชิดจันทร์ เรื่องพิมาน เรื่องเรียกค่าไถ่อะไรนั่น มันไม่เคยอยู่ในสายตาของเขาอยู่แล้ว
กรี๊ดดดดด ชิดจันทร์ ลูกแม่!!!
ไม่ทันที่ดนัยจะขึ้นบันไดถึงขั้นสุดท้าย เสียงกรีดร้องของเสน่ห์จันทร์ก็ดังฝ่าสายฝนมาเข้าหูเต็มๆ ‘มาแล้วสินะ ตัวแม่!’ ดนัยถอนหายใจเบื่อหน่าย ก่อนจะทำท่าเดินต่อไป ไม่สนใจเบื้องหลัง ทว่ากลับถูกมานพ ลูกน้องคนสนิท กระซิบข้อมูลบางอย่างมาเสียก่อน ‘เฮอะ นึกว่าจะแน่ ที่แท้ก็เอาตำรวจแห่มาทั้งโรงพักด้วยนี่หว่า งั้นก็ตัวใครตัวมันละกัน’ ข่าวที่ได้มา คือเสน่ห์จันทร์ไม่ได้มาเพียงคนเดียว แต่มีตำรวจอีกหลายนาย ซุกกายหลบลี้อยู่ด้านหลังหล่อนด้วย ดนัยไม่อยากยุ่งยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาไม่อยากสุงสิงกับพวกตำรวจเป็นที่สุด ชายหนุ่มกับลูกน้องเร่งหลบเร้นให้พ้นสายตาเจ้าหน้าที่เหล่านั้นทันที
“มานพ บอกรถพยาบาลเข้ามาอีกทาง เราออกทางเดิมไม่ได้แล้ว รีบส่งอีกกลุ่มหนึ่ง มาเก็บรถที่เราซ่อนไว้ตรงปากทางเข้าด้วย เออ เก็บรถพี่เมธไปด้วย เหลือแค่รถเจ๊แกไว้คนเดียวพอ” ดนัยสั่งการก่อนตรงดิ่งไปหาพวกพ้องที่บาดเจ็บอยู่ ณ จุดเกิดเหตุแรก
ต้องรีบชิ่ง ก่อนมีส่วนเอี่ยว
*
*
แต่ดูเหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว...
*
*
“ไง ดนัย? ช่วยชิดจันทร์ได้หรือเปล่า?” ดนัยชะงักไปนิด เมื่อถูกสดายุถามขึ้นทันทีที่หันมาสบตากัน
สดายุในสภาพกำลังหิ้วปีกคนตัวโตกว่าเกือบเท่าหนึ่งอย่างกฤตเมธ ส่งเสียถามไถ่ด้วยใบหน้าจริงจังกังวล โดยมีบดินทร์ยืนทื่อทำอะไรไม่ถูกอยู่ด้านหลัง ‘นี่ยังคิดจะช่วยชิดจันทร์ ทั้งที่อยู่ในสภาพนั้นอีกเนี่ยนะ!?’ ดนัยแทบจะตบหน้าผากเรียกสติตัวเอง เห็นพระเอกสองคนตรงหน้าแล้วเริ่มสำนึกได้ รู้แล้วทำไมชาตินี้เขาถึงได้เล่นแต่บทพระรองกับตัวร้าย คงเพราะจิตใจเขาไม่ได้ใฝ่ดีอย่างกฤตเมธและสดายุนี่เอง...โธ่ถัง!
“ผมช่วยไม่ทัน แต่ท่านประธานเอาตำรวจเข้ามาช่วยแล้ว เดี๋ยวเรื่องก็คงจบ เรารีบไปกันก่อนที่ตำรวจจะบุกมารวบเราเข้าเป็นพยานด้วยจะดีกว่า รถมารออยู่ด้านหลังแล้ว เดี๋ยวเราออกไปอีกทางหนึ่งกัน” ดนัยอธิบาย ก่อนพยายามรีบต้อนเหล่าฮีโร่หมดสภาพไปตามทางที่มาร์คเอาไว้ พลางพูดให้สบายใจว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย เพราะอย่างน้อย เขาก็เก็บโจรไปได้แล้วสามหน่อ ก่อนที่ตำรวจจะโผล่มาล่ะนะ แม้จะด้วยเหตุผลการเก็บคนละอย่างกับที่กฤตเมธและสดายุตั้งใจก็เถอะ
เอาเงินนี่ไป! แล้วปล่อยลูกฉันซะ ได้โปรด!!
ยังไม่ทันจะเคลื่อนพลย้ายที่ เสียงของเสน่ห์จันทร์ที่แหวกสายฝนขึ้นมา ก็เรียกความสนใจของสดายุและกฤตเมธได้เสียก่อน ทุกคนจึงรีบหาที่ซ่อนตัวเพื่อดูสถานการณ์ หากถึงขั้นวิกฤตจริงจัง พวกเขาอาจยังช่วยทัน
…แม้ว่า มันจะดคตรขัดใจดนัยสุดๆไปเลยก็เถอะ
ด้านล่างมืดครึ้ม มองแทบไม่เห็นสิ่งใด แสงจากที่ไกลๆเลือนราง สิ่งที่พอจะทำให้เห็นว่าใครอยู่ตรงไหน คงมีเพียงแสงแลบแปลบปลาบของฝนฟ้าคะนองเท่านั้น
เท่าที่สามารถจับเหตุการณ์ได้ ตอนนี้เสน่ห์จันทร์โยนกระเป๋าใส่เงินใบเขื่องมาไว้ตรงหน้าของพิมานแล้ว แต่พิมานไม่ยอมเดินไปเก็บ แถมยังไม่ยอมปล่อยตัวประกันอย่างชิดจันทร์ เรียกความร้อนใจให้ผู้เป็นแม่ทบเท่าทวีสูง
ใช่พิมานจะไม่อยากเก็บเงิน แต่เพราะลูกน้องของเขาง่อยเปลี้ยไปหมดแล้ว แผนล่มโดยสิ้นเชิง ด้านหลังเสน่ห์จันทร์ มีตำรวจหลายนายซุ่มอยู่แน่ๆ พิมานมั่นใจ ดังนั้นทันทีที่เขาหยิบกระเป๋าเงิน เขาก็จะพลาดท่าโดนจับทันที
พิมานยิ้ม...ก่อนจะหัวเราะลั่นออกมา
เงิน ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ลูกน้อง…ไม่ใช่สิ ผู้สมรู้ร่วมคิดของเขาต่างหากที่อยากได้ แต่ในเมื่อตอนนี้ ไม่มีใครมีปัญญาขนมันไป เขาก็ไม่จำเป็นต้องรับมัน แต่หากว่าพวกมันยังไหว...
“เฮ้ย...ถ้าพวกมึงยังไหว ก็รีบเอากระเป๋าเงินนั่นไป แล้วหนีไปซะ เดี๋ยวกูถ่วงเวลาไว้ให้เอง” พิมานหันไปสั่งลูกน้อง ที่ยังนอนกองกันอยู่ แต่ละคนยังคงนอนร้องโอดโอย เพราะถูกคมกระสุนฝังอยู่ในที่สำคัญ ทำให้ไม่สามารถใช้การขาด้านหนึ่งได้
แต่พอเห็นกระเป๋าเงิน กองอยู่ตรงหน้า พวกมันกลับรู้สึกว่า ยังไหว...
สามชีวิต พยายามประคับประคองกันขึ้น ช่วยระแวดระวังภัยซ้ายขวา ก่อนคว้ากระเป๋าใบเขื่องขึ้นมา แล้วตั้งท่าหนีหลบกบดาน ตามแผนเก่าที่วางกันไว้ ถึงทุกอย่างจะผิดแผนไปหมดแล้วก็ตาม
รถที่ซ่อนไว้...พวกมันต้องรีบไปให้ถึงรถที่จอดซ่อนไว้
ไอ้หน้าบากหันมาชำเลืองมองที่พิมานครั้งสุดท้ายก่อนจาก ตัวต้นคิดแผนการในครั้งนี้ทั้งหมด ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าคนคนนั้นทำไมถึงไม่ยอมรับส่วนแบ่งในเงิน ทำไมถึงไม่หนีไปด้วยกัน
...ความแค้นส่วนตัว หน้าบากคิดได้แค่นั้น
งั้นก็ทางใครทางมัน พวกมันต่างก็บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้กันแล้ว รีบหนีก่อนจะไม่ได้ใช้เงินดีกว่า ส่วนพิมาน ก็แล้วแต่มันแล้วกัน ถือว่าจบพันธะสัญญากันแล้วนับตั้งแต่ตอนนี้
ลับร่างสามอดีตลิ่วล้อ เสน่ห์จันทร์ก็เฝ้ารออย่างใจจดจ่อ ว่าเมื่อไหร่พิมานจะคืนชิดจันทร์ให้หล่อน นี่หล่อนยอมทุกอย่างแล้วนะ ยอมกระทั่งให้ตำรวจปล่อยพวกมันไปก่อนเลยด้วยซ้ำ แล้วเมื่อไหร่กัน มันถึงจะยอมคืนลูกของหล่อนมา คืนมานะ คืนลูกฉันมา เสน่ห์จันทร์เริ่มกรีดร้องโวยวาย ด้วยเพราะทำอะไรไม่ถูก พิมานน่ากลัวเกินไปสำหรับหล่อน เพราะหล่อนรู้ดีว่าชายตรงหน้า ไม่ได้แค่ต้องการเงิน
เห็นแม่ตนร้องไห้ปิ่มขาดใจ ชิดจันทร์ที่ล้าแรงเพราะถูกพิมานล็อคคอไว้จนหายใจหายคอไม่ออก ก็พยายามจะดิ้นรนบ้าง ด้วยความคิดโง่ๆว่าบางทีอาจมีโอกาสหลุดรอด แต่ดูเหมือนยิ่งดิ้นรน อากาศอันน้อยนิด ก็เบาบางลงหนักข้อขึ้น ด้วยเพราะยิ่งดิ้นรน แรงแขนบนคอก็ยิ่งหน่วงหนัก สองแขนสองมือถูกมัด แค่เริ่มขยับ ก็พาลจะล้มหน้าทิ่ม สายฝนเย็นเฉียบ อุณหภูมิร่างกายของชิดจันทร์เริ่มลดต่ำ กำลังจะหมดสติในไม่ช้า
แม่...ช่วยหนูด้วย
หัวใจดวงน้อยร่ำร้องเรียกมารดา อย่างที่ไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นไปได้ในชีวิตนี้
ช่วยหนูเร็วๆเข้าสิ....มัวทำอะไรอยู่น่ะแม่!?
หนูจะตายแล้วนะ!!
ชิดจันทร์แทบจะตะโกนก่นด่าแม่ของตัวเองอยู่แล้ว ที่ปล่อยให้หล่อนต้องมาเผชิญชะตากรรมแบบนี้ พิมานเป็นศัตรูของแม่หล่อนแน่ๆ ไม่ต้องคิดให้ปวดหัว ยิ่งหนาวสั่น ยิ่งถูกทำร้าย ชิดจันทร์ยิ่งโกรธเคืองผู้เป็นมารดา ที่เป็นต้นเหตุทำให้หล่อนต้องเป็นแบบนี้ เพราะแม่...เพราะแม่คนเดียว
ยิ่งคิดยิ่งแค้น ชิดจันทร์ส่งสายตาโกรธเกรี้ยวใส่มารดาอย่างไม่คิดสงสาร ผู้เป็นแม่อย่างเสน่ห์จันทร์พอเห็นสายตาชิงชังอย่างไม่มีปิดบังของชิดจันทร์เข้าก็แทบสิ้นเรี่ยวแรง ‘แม่ขอโทษ’ หล่อนพูดพร่ำคำขอโทษออกมาเป็นสิบเป็นร้อยคำ เพื่อขอไถ่โทษแก่ชิดจันทร์ลูกรัก
เสน่ห์จันทร์ไม่คิดโกรธเคืองชิดจันทร์เลย ที่ลูกเกลียดหล่อนขนาดนี้ รู้ดีแล้วว่าทั้งหมดทั้งสิ้น กิเลสทั้งหลาย ที่บันดาลบันดลให้ชีวิตเป็นเช่นนี้ มันก็ล้วนเกิดจากตัวเองทั้งสิ้น หล่อนไม่คิดโทษใคร ไม่ไม่ใครผิดทั้งนั้น นอกจากหล่อนคนเดียว
เสน่ห์จันทร์พร่ำสาบานต่อฝนต่อฟ้า จากนี้ไปหล่อนจะประพฤติตัวใหม่ จะเป็นแม่ที่ดี จะใฝ่ธรรมะ ละลดเลิกกิเลสทั้งปวง ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับลูก จะถอนตัวออกจากการเป็นผู้บริหาร จะออกมาเป็นแม่บ้านดูแลลูก ชิดจันทร์รักใครหล่อนก็จะรักด้วย หากทศพลคนนั้นออกจากคุกมา แล้วชิดจันทร์ยังรักอยู่ หล่อนก็จะไม่นึกรังเกียจ จะอยู่เป็นยายเลี้ยงหลาน อยู่ดูความสำเร็จของชิดจันทร์ต่อไป ตราบจนวันสุดท้ายของชีวิต...
ขอแค่ผ่านวันนี้ไปได้เท่านั้น...
คิดขึ้นได้ความชิงชังของเสน่ห์จันทร์ก็พุ่งเป้าไปที่พิมานทันที มันทำให้ชิดจันทร์เจ็บ มันทำให้ลูกเกลียดหล่อนมากกว่าเดิม เพราะมัน เพราะมันคนเดียว หล่อนไม่มีวันปล่อยให้มันรอดต่อไปแน่
เห็นเสน่ห์จันทร์ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยเคืองขุ่น สายตาที่จดจ้องมองมาก็ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เพียงแค่เห็นสายตาของเสน่ห์จันทร์ ในแวบเดียวที่ฟ้าแลบปลาบ พิมานก็นึกขัน เสี้ยววินาที แต่ช่างตราตรึงใจ อาห์...คิดถึงแววตานี้เหลือเกิน ช่างนานมากแล้วจริงๆ...
ครืนนนน...........เปรี้ยงงงงง!!!
เป็นอีกครั้ง ที่ฟ้าสว่างวาบขึ้น เพราะประจุไฟฟ้าลบปริมาณมหาศาลของเมฆก้อนมหึมาไหลผ่านไปหาประจุบวกในเมฆอีกก้อนหนึ่ง แรงปะทะสองประจุเกิดสายฟ้าวิ่งข้ามระหว่างก้อนเมฆวาบไป วาบมา ก่อนประจุลบเหลือเฟือที่เหลืออยู่บนพยับเมฆนั้นจะถูกเหนี่ยวนำลงสู่พื้นดิน รุนแรงจนกลายเป็นฟ้าผ่าสะเทือนเลื่อนลั่น
ฟ้าผ่าลงไม่ไกล ประกายไฟยังคงวิ่งพล่าน เหยื่อสายฟ้าไฟลุกท่วม ถึงกับยืนต้นตายทันทีที่ถูกทัณฑ์ฟ้าฟาด
แสงสว่างวาบขนาดใหญ่ที่ปรากฏขึ้นเฉียบพลัน เหนี่ยวนำสองสายตาให้มาบรรจบกันในที่สุด รอยยิ้มยินดีเปิดเผยแจ่มชัดบนใบหน้าของพิมาน ผิดกับเสน่ห์จันทร์ที่จดจ้องอาฆาตมาดร้ายเอาเป็นเอาตาย
สองสายตาสบประสาน พาลให้นึกตะลึงงัน
“พี่หวาน...” พิมานเรียกนามของอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงชวนฝัน “ผมคิดถึงพี่นะ” เสียงเพรียกจากพิมาน ทำเสน่ห์จันทร์ชะงักค้าง ความทรงจำครั้งเก่าก่อนย้อนตีในหัวราวกับฟิล์มหนัง “อยากเจอพี่มาตลอด...” เสียงที่ฝ่าสายฝนมาพร่าเลือนจนใจสั่น
เปรี้ยงงงง!!
เสียงฟ้าร้องสนั่นขึ้นอีกครั้ง เรียกสติของเสน่ห์จันทร์ให้ตื่นจากภวังค์ความคิดสับสน นี่ไม่ใช่เวลาที่หล่อนจะมาคิดถึงความหลังน้ำเน่าอะไรนั่น คนในฝันชั่วข้ามคืน มันตายจากชีวิตของหล่อนไปแล้ว ตรงหน้าตอนนี้ มีเพียงอสูรกายร้าย ที่จ้องทำลายหล่อนกับลูกเท่านั้น อย่าไปคิดเห็นใจมันเด็ดขาด!!
“หยุดนะ!! อย่าเรียกฉันแบบนั้นอีก เราจบกันไปนานแล้ว ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน คืนลูกฉันมาซะ!!” เสน่ห์จันทร์แผดเสียงกร้าว ส่งไปในความมืด หวังให้พิมานได้สลดใจลงสักนิด
แต่เปล่าเลย เสียงที่หล่อนได้ยินกลับมา กลับเป็นเสียงหัวเราะเริงร่า “ฮ่าฮ่า...ฮี่ฮี่ พี่หวานนี่ลืมง่ายจังนะ เมื่อก่อนออกจะช่างออดอ้อน ได้เป็นใหญ่เป็นโตเข้าหน่อย ลืมผัวเก่าเชียวนะ หึหึ ฮ่าฮ่าฮ่า...”
“หุบปาก!!” เสน่ห์จันทร์แทบเต้นเร่า ที่ถูกพิมานเปิดโปงความหลัง แต่ทำอะไรไม่ได้เลย นอกเสียจาก กรีดร้องขอให้พิมานหยุด
แต่ดูเหมือนยิ่งยินเสียงห้าม พิมานจะยิ่งฮึกเหิม ‘ก็เขาไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่ ชีวิตนี้ไม่เหลืออะไรให้อาลัยอาวรณ์อีกแล้ว...’
“นี่ หนูชิดจันทร์ หนูคงไม่รู้ใช่ไหม ว่าช่วงที่เขาทิ้งหนูมา เขาทำอะไรบ้าง เอางี้นะ เดี๋ยวน้าเล่าให้ฟัง” พิมานก้มลงกระซิบร้ายตรงริมหูสาวน้อยในอ้อมแขน ชิดจันทร์ที่ตอนนี้แทบจะสิ้นแรง ไปแล้วนั้น กำลังตัวสั่นระริก กับเรื่องที่เพิ่งได้ยินได้ฟัง สาแก่ใจไอ้พิมานเหลือเกิน...
“น้ากับแม่ของหนู เราเคยเป็นผัวเมียกันมาก่อน”
“ไอ้พิมาน!!!”
“อย่าเพิ่งเข้ามาสิ ทูนหัว เดี๋ยวมือผมลั่นขึ้นมา หนูชิดจะลำบากเอานะ”
พิมานกล่าวเสียงดัง แค่เพียงเกริ่นเรื่อง เสน่ห์จันทร์ก็ถลาเข้าหาพิมานอย่างเอาเป็นเอาตาย หากแต่โดนพิมานข่มขู่โดนการกดปากกระบอกปืนเข้าขมับของชิดจันทร์แน่นขึ้นเสียก่อน เสน่ห์จันทร์มองไม่เห็นหรอก แต่เสียงบอกเล่าของพิมาน ประสานกับเสียงกรีดร้องในลำคอบางเบาของชิดจันทร์ เป็นตัวช่วยการันตี เสน่ห์จันทร์ทำได้เพียงหยุดยืนอยู่แค่ตรงนั้น กัดฟันจิกทึ้งตัวเองด้วยความเกรี้ยวกราดที่ไม่สามารถทำอะไรได้
ไม่อาจทำใจยอมรับ แต่กลับต้องยอมกัดฟันทน ให้ความหลังที่อุตส่าห์เก็บฝังเอาไว้ลับสุดใจ ถูกเปิดโปงออกมาอย่างง่ายดาย
"หนูชิดรู้ไหม? ก่อนที่แม่หนูจะยิ่งใหญ่ในวงการอย่างตอนนี้ ก็เคยเป็นแค่ผู้จัดการดารากระจอกๆมาก่อน ดาราคนแรกในสังกัด ก็ใช่ใครที่ไหน น้าพิมานคนนี้นี่แหละ"
พิมานเริ่มเรื่องราว โดยไม่สนใจว่าเสน่ห์จันทร์จะกรีดร้อง หรือชิดจันทร์จะสิ้นสติ มันสองคนไม่สนใจรับฟังก็ช่าง เขาบ่นให้ฟ้าให้ฝน ให้ตำรวจที่ซุ่มอยู่แถวนี้ฟังก็ได้ เสียงดังกังวานอย่างเขา ได้ยินทั่วถึงกันอยู่แล้ว
"พิมาน นรชัย เป็นทั้งพระเอกในสังกัดคนแรกที่สร้างชื่อให้เสน่ห์จันทร์คนสวย ทั้งยังเป็นผัวยามจำเป็นของผู้จัดการดาราขี้เหงาคนนี้ด้วย 'พี่เสน่ห์จันทร์' คือชื่อที่พิมานใช้เรียกยามทำงานร่วมกัน 'พี่หวาน' คือชื่อที่ไอ้พิมานใช้เรียกยามร่วมรักกัน แม่ของหนูจะมีความสุขและเสร็จเร็วมาก ถ้าน้าครางเรียกพี่หวานๆตอนกำลังเย่อกัน...
อยู่เป็นผัวลับเมียลับกันมาตั้งหลายปี ตั้งแต่ยังเป็นผู้จัดการดารากระจอกๆ จนสามารถตั้งเนื้อตั้งตัว เปิดบริษัทของตัวเองได้ ผัวพระเอกอย่างไอ้พิมาน เริ่มเก่าเก็บ แก่ขึ้น งานก็น้อยลง ประธานบริษัทฟูลี่พราวด์คอปอร์เรชั่น ก็เริ่มหาเด็กในสังกัดคนใหม่ และก็ได้กฤตเมธมา น้าเกือบเขม่นมันอยู่แล้วล่ะ โชคดีที่พี่หวานคนดี ยกให้มันเป็นแค่เพียงลูกรักในวงการ ตำแหน่งผัวลับท่านประธานจึงยังเป็นของน้าอยู่...หึหึ
น้ารักแม่ของหนูมากเลยนะ รักจนหน้ามืดตาบอด คิดว่าพี่หวานคนดี คงจะรักน้ามากไม่ต่างกัน เราคุยกันเรื่องอนาคตอยู่บ่อยๆ ว่าจะเปิดตัวกันตอนไหน ทำธุรกิจอะไรกันดี กระทั่งตกลงกันได้ว่าเราจะทำโครงการบ้านจัดสรรด้วยกัน...คือที่นี่ ‘บ้านจันทร์พิมาน’
แม่ของหนูวาดฝันให้น้าอย่างสวยหรู หลอกให้น้าเชื่อจนหมดใจ ไอ้พิมานลงเงินกับโครงการนี้ไปจนหมดเนื้อหมดตัว จนต้องกู้หนี้ยืมสินเพิ่ม ไอ้พิมานยอมทำทุกอย่าง เพื่อคำว่าอนาคตของเรา...
แล้วสุดท้าย พี่หวานคนดีของไอ้พิมานก็ทิ้งไป ล่มวินานบนฟ้าของไอ้พิมานทิ้ง พังยับ
เพราะรักมากไอ้พิมานเลยยังตามอาลัย เพราะรักมากไอ้พิมานเลยไม่ยอมไปไหน... เพราะรัก แม้ถูกทำลายเท่าไหร่ ก็ยังรัก
แม้อนาคตทั้งชีวิตของมัน ก็ยอมยกให้ได้...”
จบคำสาธยายทั้งน้ำตา ความจริงเรื่องที่พิมานอยากพูดยังไม่จบหรอก แต่เพราะในอกมื้อตื้อตันจนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีก ตื้อไปด้วยความคั่งแค้น ในตัวของคนที่รักแสนรัก
“......อย่าเอาแต่พูดดีใส่ตัวสิพิมาน ที่แกเป็นแบบนี้ก็เพราะตัวแกเองทั้งนั้น ทำไมถึงหน้าด้านกล้ามาโทษกันง่ายๆอย่างนี้กันห๊ะ!?” สิ้นคำพิมาน เสน่ห์จันทร์ก็ขอออกปากแก้ต่างให้ตัวเองบ้าง จริงอยู่ว่าที่พิมานพูดออกมาส่วนใหญ่แล้วเป็นเรื่องจริง คนเคยรัก...ไม่ใช่ สำหรับเสน่ห์จันทร์แล้ว พิมานเป็นแค่คนคลายเหงา และหล่อนก็ตอบแทนทุกอย่างให้ไปอย่างสาสมที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรติดค้าง ที่พิมานจะเอามาทวงถามในวันนี้ได้อีก!
“เหอะ! ลืมแล้วรึไง ว่าใครทำชีวิตกูพัง!!”
**************************************************************
ขอโทษที่มาช้านะจ๊ะ
วันศุกร์ลงไม่ทัน เสาร์อาทิตย์ก็ลงไม่ได้เพราะไม่มีคอม
เลยต้องกระโดดมาลงวันนี้แทน ขอโทษด้วยนะจ๊ะ
แถมยัง...ไม่จบอีกต่างหาก
พรุ่งนี้รีบมาลงต่อนะจ๊ะ ที่ออฟฟิศไล่กลับบ้านแล้วค่ะ ทำไม่ทัน ฮรือออ!!
ปล. พี่เมธนี่ไร้ประโยชน์จริงๆ มาช่วยเขา ดันโดนยิงเฉย กลายเป็นดนัยเด่นซะงั้น อิอิ
ปล.2 แฟนคลับดนัยลดฮวบ...555 บอกแล้ว นางไม่ใช่คนดี ออกจะร้ายกาจมากซะด้วยซ้ำ ฮ่าฮ่า
ปล.3 การเขียนฉากบู้...ทำไมมันยากอย่างเน้... TT^TT
ปล.4 พอกันทีดราม่า!! ฉ้านอยากเขียนฉากหวานๆ ฉ้านอยากเขียนเรื่องบนเตียงแร้วววว >///<
ปล.5 เขียนไปเขียนมา...ยุเป็นคนตลกล่ะ...เริ่มรั่วขึ้นทุกครั้งที่ออกสื่อ เฮ้อ....
โดยความเคารพอย่างสูงสุด...จุ๊บๆๆ
อนาคี / Thearboo

บ่ใช่ดนัยเน้อ บดินทร์จ้าบดินทร์ ดนัยตามพวกพิมานไปแล้วจ้า
แก้แล้วจ๊า ขอบคุณมากนะคะ เดี๋ยวตามแก้คำผิดต่อ...เพียบ TT^TT 