ผมคือ...นางเอก‘ชดเชย’“พ่อยังไม่ได้ขายที่หรอกดิน เพราะคุณดนัยเพื่อนลูก เขาช่วยใช้หนี้สิบล้านแทนให้ลูกทั้งหมดแล้ว”ทันทีที่ถามออกไป คำตอบที่ได้ กลับทำให้บดินทร์ถึงกับมึนทื่อไปทั้งท้ายทอย ใบหน้าเนียนชาวาบราวกับเพิ่งถูกสาดด้วยน้ำเย็นจัด
"คุณดนัยบอกพ่อว่า เขาตกลงกับดินแล้ว ว่าเขาจะจ่ายหนี้ก้อนนี้ให้ดินก่อน แล้วดินจะไปทำงานกับเขาเพื่อใช้หนี้" คำอธิบายของบดี ทำหัวใจของบดินทร์บีบรัด แต่เมื่อได้เงยหน้าขึ้นสบตาผู้เป็นบิดาอีกครั้ง ใบหน้านั้นดูกังวล คงรู้สึกได้ว่าเขากำลังมีปัญหากับข้อตกลงที่เกิดขึ้นโดยที่ตนยังไม่รู้ตัว
พ่อย่อมไม่รู้ว่าเขาโดนดนัยรวบโดยไม่ทันรู้ตัว ข้อตกลงที่ฝ่ายนั้นอ้างกับพ่อ แน่นอนว่าเขาไม่มีส่วนรู้เห็น
ไม่แปลกหรอกหากบิดาของตนจะเชื่อดนัย ก็ใครที่ไหนจะยอมใช้หนี้แทนให้ดื้อๆตั้งสิบล้าน หากไม่ได้มีการตกลงรับปากหรือทำสัญญาอะไรกันไว้ก่อน
แต่ก็ดีแล้วล่ะ...
เปลี่ยนเจ้าหนี้ก็ดีเหมือนกัน คนของบ่อนมันชอบตามราวีถึงครอบครัว แต่กับเจ้าหนี้ใหม่คงตามรังควาญแต่เฉพาะตัวเขา
ในเมื่อได้มากกว่าเสีย ทำไมเขาจะต้องปฏิเสธเล่า
ไม่สิ...
เขาไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธต่างหาก
ชีวิตเขาถูกดนัยซื้อไว้แล้วด้วยเงินจำนวนสิบล้าน
เขามันบ้าไปเองที่เคยคิดว่าจะหนีคนคนนี้พ้น
บดินทร์ยิ้มขื่น ถอนหายใจบางๆ แล้วทำสีหน้าที่ดีที่สุดให้บิดาได้เห็น ลูกอกตัญญูคนนี้ จะไม่ยอมให้พ่อต้องทุกข์ใจไปด้วยอีกแล้ว
"ครับพ่อ ผมตกลงจะไปทำงานให้คุณดนัย เพื่อใช้หนี้ให้เขา"*
*
*
*
*
แสงหรุบหรูส่องกระจ่างจากบานหน้าต่างกระจกใส ฝ่าระบายลูกไม้ของผ้าม่านผืนบาง เข้าสู่ห้องนอนที่มีสองร่างกอดก่ายกันอยู่บนเตียงนอนสีลูกพีชแสนหวาน เสียงสายฝนกระทบกระจกหน้าต่างเปาะแปะช่วยดึงให้เกิดบรรยากาศหวามหวานจนทำให้อดที่จะมอบจุมพิตลึกซึ้งแก่กันไม่ได้
จูบแผ่วเบา...อีกครั้ง และอีกครั้ง...
เกือบเจ็ดโมงเช้าของวันเสาร์ วันหยุดของใครหลายๆ และวันทำงานของอีกหลายๆชีวิต ท้องถนนไม่หนาแน่นด้วยรถราอึดอัดดังเช่นวันธรรมดา โดยเฉพาะช่วงเจ็ดโมงเช้า ยังถือได้ว่าการเดินทางบนถนนนั้นค่อนข้างสะดวกสบาย แต่อาจเป็นเพราะวันนี้ ใจกลางเมืองหลวงมีฝนพรำลงมาตั้งแต่เช้าตรู่ บนท้องถนนจึงมีรถบางตากว่าที่ควร
หลายคนฝ่าฝนออกทำงานกันแล้วตั้งแต่รุ่งสาง แต่ก็ยังมีอีกสองคนที่ยังนอนโดดงานเรื่อยเฉื่อยแฉะอยู่อย่างนั้น
คนตัวโตกว่าที่นอนซ้อนอยู่ด้านหลังยังคงหลับตาพริ้ม ดื่มด่ำกับยรรยากาศฝนพรำยามเช้า ผิดกับอีกคนที่อยู่ในอ้อมแขน ที่เริ่มขยับยุกยิก เพื่อขยับออกจากที่นอนนุ่ม
“อือ...” ทว่าแค่ขยับนิดหน่อย ก็ถูกรั้งเอวบางไว้ให้อยู่นิ่ง ไม่ยอมให้ลุกออกจากกายไปก่อน น้ำเสียงที่ส่งออกมาจึงไม่ค่อยสบอารมณ์นัก เมื่อร่างบางในอ้อมแขนยังขยับขัดขืนไม่เลิก
"...เอ่อ...บลู ปล่อยซอลก่อนได้ไหม? ซอล...อยากลุกแล้ว..." เสียงทุ้มหวานติดสั่นเล็กๆ ถามขึ้นมาในขณะที่ถูกคนตัวใหญ่กว่าที่ด้านหลังใช้ร่างเปลือยเปล่าบดเบียดเข้าหาไม่หยุด หน้าหวานแดงซ่าน นี่โรมรันกันมาทั้งคืนบลูม่ายังไม่เต็มอิ่มอีกหรือ
ทั้งที่ซอลตั้งใจจะอยู่รอบดินทร์ที่เซฟเฮ้าส์ของดนัยเสียหน่อย แต่บลูม่ากลับโทรไปตามไม่เลิก ห่วงน้องก็ห่วง แต่หัวใจก็ดันเรียกร้อง
แล้วพอกลับมา ทั้งที่กว่าจะมาถึงก็เกือบห้าทุ่มเข้าไปแล้ว ยังถูกใช้แรงงานร่างกายเสียจนเกือบตีสามกว่าจะได้นอน แล้วนี่...ยังจะรั้งไว้อีกหรือ
คิดไปคิดมาหน้าของซอลย่ายิ่งแดงหนัก ไพล่คิดไปถึงบดินทร์แล้วยิ่งอยากทุบหัวตัวเองเสียที รู้สึกผิดต่อน้องรักเหลือเกิน
ขอโทษนะดิน...ที่พี่มันใจง่ายอีกแล้ว...
"...บลู?..." เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงเฉย ซอลย่าก็เรียกชื่ออีกฝ่ายขึ้นมาเบาๆ ราวกับจะหยั่งว่าอีกฝ่ายยังตื่นอยู่หรือเปล่า เพราะถ้าหลับ เขาอาจดอดออกจากอ้อมแขนนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
"จะไปไหน?" น้ำเสียงแหบห้าวผิดวิสัย ถามขึ้นคล้ายขัดใจที่ถูกขัดขืน อ้อมแขนกระชับแน่นขึ้น จมูกโด่งสันเริ่มซุกหนักอยู่แถวหลังซอกคอขาว
“อื้อ...บลู...อ...อย่า ซอลต้องรีบไปวังน้ำเขียวแล้ว เดี๋ยวสาย” เพราะโดนรุกเร้าหนักตรงซอกคอที่เป็นจุดอ่อน ซอลย่าสะท้านเยือก ย่นคอต่อต้าน แล้วเร่งอธิบายให้คนเบื้องหลังรับรู้ถึงเหตุผลที่ต้องขอตัวเป็นอิสระจากความหวานเชื่อมนี้โดยเร็ว
(ก่อนจะเคลิ้มตามไปเสียก่อน)
“ไปหามันอีกแล้วเหรอ?” ครานี้น้ำเสียงทุ้มหวานพลันกร้าวขึ้น ซึ่งซอลย่าก็พอจะเดาได้ว่าบลูม่าย่อมไม่พอใจ เพราะบลูม่านั้นค่อนข้างไม่ชอบหน้าบดินทร์เท่าไหร่นัก
.....ไม่ใช่แค่ไม่ชอบด้วยซ้ำ แต่เกลียดเลยต่างหาก
แต่จะให้ทำอย่างไรเล่า ในเมื่อซอลย่าไม่อาจเลือกใครคนใดคนหนึ่งได้ คนหนึ่งก็เป็นดั่งเจ้าของหัวใจ คนหนึ่งก็ไม่ต่างน้องแท้ๆที่คลานตามกันมา คนละความหมาย คนละจุดยืน ดังนั้นจึงไม่อาจละเลยได้ทั้งสองหัวใจ
“...ซอลสัญญากับพ่อของดินไว้แล้วว่าวันนี้จะเข้าไปหา...ซอลไม่อยากผิดสัญญา...” ซอลย่าอ้อมแอ้มตอบแผ่วผิว
“กลัวผิดสัญญา หรือกลัวไม่ได้ไปโอ๋มันกันแน่!?” ก็ดังที่คาด ว่าต้องโดนบลูม่ากระทบกระเทียบกลับมาอย่างแสบสัน ชนิดที่เล่นเอาซอลย่าถึงกับหน้าม้าน ได้แต่ปฏิเสธเบาๆว่า เปล่าโอ๋เสียหน่อย
ทว่าเพียงการเถียงเบาๆแค่นั้น กลับยั่วยุจนบลูม่าหงุดหงิดขึ้นจนได้ ร่างหนากว่าจับตัวซอลย่าให้หันเผชิญหน้าโดยการจับพลิกให้คนตัวเล็กกว่าลงไปอยู่ใต้ร่างตนทันที
“…บ..บลู?” ซอลย่าครางเครือน่าสงสาร กลัวบลูม่าจะโกรธงอนจนไม่ยอมให้ง้ออีก ดวงตาคู่หวานเอ่อรื้นไปด้วยหยาดน้ำตาอย่างช่วยไม่ได้ ริมฝีปากบางรีบละล่ำละลักขออภัยก่อนที่อะไรๆจะเลวร้ายกว่าที่คิด เพราะซอลย่ายังแคร์อารมณ์ของบลูม่ามากเหลือเกิน “โกรธมากเลยเหรอ?...ซอลขอโทษนะ”
“โกรธสิ เธอจะไปหาชายอื่นทำไมฉันจะไม่โกรธ เธอเป็นของฉัน ทำไมฉันต้องยอมให้เธอไปคอยโอ๋ใครต่อใครด้วย?” บลูม่าร่ายยาว อย่างหัวเสีย ถ้าชายคนนั้นไม่ใช่บดินทร์บางทีเขาอาจยอมหยวน แต่นี่…มันทำใจยากเหลือเกิน ถึงสดายุจะว่ามันดีขึ้นแล้วก็เถอะ แต่อย่างไรซะ เขาก็ยังเกลียดหมอนั่นอยู่ดี!
“บลู…อย่าทำแบบนี้สิ” พูดไปตั้งยาวตั้งยืด แทนที่ซอลย่าจะตระหนักว่าไม่ควรผละจากอ้อมกอดนี้ไปหาชายใด คนใต้ร่างกลับตัดพ้อเสียอย่างนั้น บลูม่ากำลังจะได้ฤกษ์ค่อนแคะต่อ แต่พอเจอประโยคต่อท้ายของซอลย่าเข้าไป…
“อย่าทำว่ากำลังหึงกันสิ…ซอลกลัวตัวเองจะเข้าใจผิด” เพียงแค่คำถามเดียวเท่านั้น ทำบลูม่าไปต่อไม่ถูก ใบหน้าดุดันซับสีชมพูระเรื่อขึ้นทันทีที่ถูกจับไต๋ได้ เอาเข้าจริงก็ไม่ได้ตั้งใจปิดบัง เพราะเขากับซอลย่าก็มาไกลจนถึงขั้นนี้แล้ว แค่พอจู่ๆอีกฝ่ายก็ทักขึ้นมากะทันหัน เลยรับมือไม่ทันก็เท่านั้นเอง แบบนี้ต้องลงโทษเสียหน่อยแล้ว
“อ๊ะ! บลู??” คนถูกลงโทษร้องเสียงหลง เมื่อถูกลงโทษโดยการจุมพิตร้อนแรงไปทั่วทั้งใบหน้า ก่อนจะครางต่อต้านเสียงหวานฉ่ำเมื่อถูกซุกไซร้ลงมาจนถึงซอกคอผอมบาง
“อื้อ...อย่า...” ซอลย่าครางวะหวิวยับยั้ง เมื่อถูกดูดดุนยอดอกที่กำลังชูช่อราวกับกำลังรับการเอ็นดูอย่างจดจ่อ ด้วยอารมณ์พุ่งสูง บลูม่าครอบครองตุ่มไตน่ารักน่าขย่ำอย่างดุดัน ทั้งดูดทั้งส่งปลายลิ้นร้อนระอุหยอกเย้า ชนิดที่ไม่ปราณีให้ซอลย่าได้พักหายใจหายคอ เล่นเอาร่างบางต้องสะดุ้งเฮือกๆ ด้วยความซ่านเสียวระคนหวามไหว
"อือ...อย่าดิ้นนะ..." บลูม่าคำรามห้ามเบาๆ เมื่อคนใต้ร่างพยายามขยับหนี
"บลู...อ๊ะ...อื้อ...ซอลขอโทษ..." ซอลย่าไม่รู้เลยว่าจู่ๆไปจุดประกายหวามของบลูม่าเข้าตรงไหน อีกฝ่ายถึงได้คึกคักขึ้นมา จนเลยเถิดมาถึงตรงนี้ได้ หรือว่าบลูม่าจะโกรธมาก ถึงได้ลงไม้ลงมือโดยไม่พูดไม่จาแบบนี้ เขาทำอะไรผิดกัน
แค่คิดน้ำตาก็พาลรื้นขึ้นมาอีกคำรบ ซอลย่าเกลียดตัวเองเหลือเกินที่อ่อนแออ่อนไหว แต่เพราะเป็นคนที่รักเต็มหัวใจ มันจึงสุดจะฝืดฝืน ก้อนสะอื้นเล็กๆที่หลุดรอดออกมา ทำบลูม่าหยุดยั้งการกระทำย่ามใจได้ชะงัด อารมณ์ที่เพิ่งกระพือโหมอยู่เมื่อครู่ มอดวูบในทันใด
“เป็นอะไรอีกล่ะ? ร้องไห้ทำไมหืม?” ผู้รุกรานเสียงอ่อนลงในที่สุด เขาโหย่งกายขึ้นเล็กน้อย เพื่อมองว่าเหตุใดซอลย่าถึงไม่เคลิ้มตามสัมผัสของตน น้ำตาทำอารมณ์สาวน้อยขี้สงสารของบลูม่าพลุ่งพล่าน ฝ่ามืออุ่นจึงเปลี่ยนจากการรุกราน เป็นลูบไล้ปลอบประโลม
“ก็...บลูโกรธ” ซอลย่าตอบถ้อย พลางสะอื้นน้อยๆ น่าสงสาร บลูม่าถึงกับถอนหายใจพรู จริงอยู่ว่าเขาโกรธที่ซอลย่าดิ้นรนจะไปหาบดินทร์เสียให้ได้ ทั้งที่วันนี้เป็นวันหยุดเพียงวันเดียวที่พวกเขามี หลังจากเคลียร์เรื่องยุ่งๆที่โหมกระหน่ำซ้ำซัดชีวิตผู้จัดการดาราอย่างพวกตนราวกลับคลื่นยักษ์ซึนามิ อุตส่าห์วาดหวังว่าช่วงกลางวันอันแสนสั้นที่ยังพอมีเวลาเหลือ เขาจะได้ใช้นอนเอกเขนกเป็นลูกแมวน้อยในฤดูฝนสองต่อสองกับซอลย่า โดยไม่ขยับกายไปไหนเสียหน่อย ซอลย่ากลับดื้อจะไปจากอ้อมแขนเขาให้ได้ แบบนี้จะไม่ให้บลูม่าโมโหได้อย่างไร
หน้าที่แล้วไง? หัวใจต้องมาก่อนสิ ไหนว่ารักเขายังไงล่ะ? บลูม่าตัดพ้อในใจอย่าห้ามไม่อยู่ ไม่รู้ล่ะ ยังไงซะวันนี้เขาก็จะตัวติดหนึบกับซอลย่าทั้งวันให้ได้ ไม่มีทางยอมให้ไปไหน ไม่ยอมให้ใครมีอิทธิพลเหนือหัวใจของคนในอ้อมแขนนี้เด็ดขาด!
“แหงล่ะ ก็ฉันหึงนี่” และคำตอบเดียวของบลูม่าก็ทำเสียงสะอื้นหยุดชะงักพร้อมๆกับที่ซอลย่าหยุดหายใจตามไปด้วย ดวงตากลมโตจ้องมองคนบนร่างด้วยใบหน้าที่แดงซ่าน
หึง…คำคำนี้อีกแล้ว จริงอยู่ว่าครั้งหนึ่งบลูม่าเคยบอกว่าชอบตน แต่ตอนนั้นซอลย่ายังไม่อาจปักใจเชื่อได้อย่างเต็มที่ เขาไม่ใช่ผู้ชายหล่อล่ำ และที่แน่ๆเลยคือไม่ใช่ผู้ชายในอุดมคติของบลูม่า การ เขาคิดมาตลอดตั้งแต่ตอนนั้น ว่าที่อีกฝ่ายเอ่ยปากว่าชอบกัน อาจเป็นเพียงการยั้งเขาไว้ไม่ให้กลับไปหาบดินทร์ก็เป็นได้ หัวใจของซอลย่าเต้นระส่ำด้วยความเจ็บร้าว เกลียดความมืดมนของตัวเองใจจะขาด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะคิดในแง่ร้าย ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา บลูม่าอาจแค่อยู่ด้วยกันเพราะความสงสาร
“...หึงไม่ได้รึไง? ในเมื่อเธอเป็นแฟนฉันน่ะ ฉันจำได้ว่าบอกชอบเธอไปแล้วนี่ อย่าทำเป็นลืมสิ” น้ำเสียงของบลูม่าอ่อนโยนยิ่งขึ้น เมื่อนึกขึ้นได้ว่า ซื่อๆอย่างซอลย่าคงยังไม่ยอมเข้าใจในความรู้สึกของเขาเป็นแน่ ไม่อย่างนั้นคงไม่ดื้อรั้นอยู่แบบนี้ ทั้งที่ก็บอกว่าชอบไปไม่รู้กี่ครั้ง
“แต่...ซอลไม่ใช่ผู้ชายอย่างแฟนที่บลูใฝ่ฝันอยากจะมี...งื้อ...” ถึงอย่างไรซอลย่ายังคงเถียงอ้อมแอ้ม พาลให้อารมณ์กรุ่นร้อนของบลูม่าเดือดพล่านขึ้นมาอีกครั้ง เห็นซื่อๆนี่ก็ช่างดื้อจริงๆเลยนะ ให้ตายสิ!! สุดท้าย บลูม่าก็ต้องจำใจ พูดซ้ำพูดซาก มาตั้งแต่คราวก่อน เขาเป็นคนเปิดเผย ชอบก็บอกว่าชอบ ใช่ก็บอกว่าใช่ แจงไปแล้วทุกเหตุผล ทำไมซอลย่าถึงไม่ยอมเข้าใจแบบนี้นะ
ยิ่งคิดยิ่งหมั่นเขี้ยว จนเผลอใช้สองนิ้วคีบริมฝีปากช่างตัดพ้อของซอลย่าจนกลายเป็นคนปากจู๋ ปิดกั้นทุกคำพูด กีดกันทุกคำถามที่จะออกจากริมฝีปากแดงระเรื่อน่าจุมพิตอย่างร้ายกาจนี่ ไม่อยากโต้เถียงด้วยอีกต่อไปแล้ว จากนี้ไปบลูม่าจะเป็นฝ่ายคุมการอภิปรายนี้แต่เพียงผู้เดียว
ร่างหนาทว่ามีจริตอ้อนแอ้นกอดเกยทาบทับครึ่งล่างของซอลย่าไว้เพื่อไม่ให้หนีไปไหน แขนขวาตั้งค้ำศีรษะหนักๆ เพื่อจะได้มองคนตัวเล็กใต้ร่างชัดๆ มือซ้ายยังคงคีบริมฝีปากสวย ถึงไม่แรงนัก แต่ก็ไม่ได้ยินยอมให้ดิ้นหลุดไปได้โดยง่าย แล้วจึงเริ่มเปิดปากอธิบายตั้งแต่เริ่มใหม่อีกรอบ วันนี้บลูม่าพร้อมมาก เวลาหรือก็เหลือเฟือ ถ้าพูดรอบหนึ่งแล้วยังไม่ยอมเข้าใจ เขาพร้อมจะนอนอธิบายซ้ำได้ทั้งวัน
บลูม่ากระแอมเบาๆหนึ่งครั้ง เพื่อปรับโทนเสียงให้อ่อนโยนที่สุด เท่าที่จะทำได้ จากนั้นก็เริ่มเปิดฉากบรรยายความให้คนรักแสนดื้อได้ฟัง
“ฟังนะซอล... ผู้ชายหล่อล่ำตามแบบในฝันของฉันน่ะ ซอลไม่เห็นเลยรึไง เดินกันขวักไขว่ไปหมด ที่สำนักงานน่ะ ฉันเป็นผู้จัดการนะ มีดารานายแบบหน้าเก่าหน้าใหม่พยายามเอาตัวเข้าแลกกับฉันเพื่อขอตารางงานก็ไม่ใช่น้อย...คิดว่า ถ้าฉันปรารถนาแนวนั้นจริงๆ ฉันจะเก็บความซิงไว้ชิงโชคอย่างทุกวันนี้ไหม?”
“แต่...อื้อ...” ขนาดโดนบีบจนปากจู๋ ซอลย่าก็ยังไม่วายส่งเสียงเร็ดรอดออกมา จนโดนบลูม่าทำโทษโดยการก้มลงจูบปากจู๋ดังจุ๊บๆ ไปเสียสามครั้งติด เล่นเอาผู้ถูกกระทำถึงกับเอ๋อไปพร้อมกับใบหน้าที่แดงซ่าน
“อย่าเถียงสิจ๊ะ เด็กไม่ดีต้องโดนลงโทษรู้ไหม?...” เห็นแบบนั้น บลูม่าก็เยาะขึ้นมาด้วยความเอ็นดูเบาๆ ก่อนจะเริ่มอธิบายต่อ เพื่อไม่ให้ขาดตอน
“เรารู้จักกันมาก็นานมากแล้วนะซอล ซอลก็เห็นใช่ไหมว่าฉันสาวแตกแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร แถมฉันยังมั่นเบ้าหน้ามากด้วยว่าไม่กะโหลกกะลาขี้ริ้วขี้เหร่เหมือนกะเทยหัวโปกทั่วไป ดูดีมีคลาสแถมหุ่นก็โคตรเซี๊ยะออกจะขยี้ใจเสียขนาดนี้ แค่ผัวสักคนสองคนหรือมากกว่านั้น มีหรือที่คนอย่างนังบลูม่าจะหาไม่ได้... ฉันไม่ได้เป็นกะเทยมีจรรยาบรรณ ขนาดจะรักษาพรหมจรรย์เอาไว้ให้ชายในฝันเป็นคนแรกหรอกนะ แต่ทุกวันนี้ที่ยังไม่ยอมมีใคร เธอว่าฉันรออะไรอยู่ล่ะ?”
“.............?...” คำถามที่จงใจเว้นจังหวะให้คิด คำตอบเป็นที่รู้อยู่แก่ใจ แต่ซอลย่ายังคงลังเลที่จะเข้าข้างตัว
และในที่สุดแล้ว บลูม่าก็เอ่ยเฉลยแบบไม่ต้องให้ซอลย่าคอยนาน
“ก็รอให้ซอลมารักอยู่ไง แค่นี้ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ? บลูรักซอลนะ” คำเฉลยแสนหวานที่พาให้น้ำตาถั่งไหลอีกครั้ง
ในที่สุดนิ้วที่คีบริมฝีปากไว้ก็คลายออก เปลี่ยนเป็นเกลี่ยแก้มที่แดงเรื่อเพื่อช่วยปาดหยาดน้ำตาหลั่งริน กะจะก้มลงจูบลงหอมอีกสักฟอด สองฟอด แต่ซอลย่ากลับเบือนหน้าหนี สองมือผอมเรียวยกขึ้นปาดน้ำตาตัวเองป้อยๆ ใบหน้าร้อนผ่าว หัวใจสูบฉีดเลือดแรงจนหัวหูอึงอื้อ
แรงต่อต้านเล็กๆ ทำเอาคิ้วของบลูม่าผูกเป็นปมอีกครั้ง อะไรกัน บอกรักโจ๋งครึ่มขนาดนี้แล้ว ทำไมซอลย่าถึงยังไม่ยอมคล้อยตามกันอีกเล่า คิดไปใจบลูม่าเริ่มฝ่อแฟ่บ อย่าบอกนะว่า ซอลย่าเลิกรักเขาแล้ว!!
“...ซ...ซอล...?...” เสียงทุ้มพร่า ครางเรียกชื่อคนรักด้วยความกังวล หัวใจสาวน้อยเต้นตูมตามตุ้มๆต่อมๆ
“อย่าเพิ่งบลู....อย่าเพิ่ง เรียกร้องอะไรตอนนี้เลยนะ ซอลยังสับสน ขอเวลาซอลสักแป๊บได้ไหม?” ยิ่งได้ยินคำขอร้องจากซอลย่า หัวใจบลูม่ายิ่งจมดิ่ง ถึงขนาดต้องขอเวลาคิด แบบนี้มันแย่ยิ่งกว่าแย่
ความวิตกจริตแล่นวาบไปวาบมาอยู่ในอก ทำให้บลูไม่ใจกล้าหน้าด้านพอจะกักกันซอลย่าในท่วงท่าแสนอันตรายนี้ได้อีกต่อไป หัวใจราชสีห์สาวถึงคราวง่อยสนิท...หรือที่ผ่านมา เขาจะลำพองตนเกินไปกันนะ...
“...ที่ผ่านมา...”
หลังจากเงียบไปพักใหญ่ๆ ในที่สุดซอลย่าก็เอ่ยบางอย่างขึ้น ทว่าเสียงนั้นช่างบางเบา จนบลูม่าถึงกับต้องเงี่ยหูฟังใกล้ๆ
“...ซอลเข้าใจมาตลอดเลยว่าบลูเกลียดซอล...ตั้งแต่ 12 ปีก่อน...ที่เรามีปัญหากัน...ซอลไม่ได้ตั้งใจ เรื่องเพชรจ้ามันเป็นแค่ความเข้าใจผิด...” ซอลย่าครวญคร่ำถึงเรื่องเก่าคร่ำครึ เรื่องที่บลูม่าอยากจะบอกแทบตายว่า เพชรจ้า ไม่ควรเข้ามาอยู่ในประเด็นตั้งนานแล้ว จำได่ว่าตอนที่มีปัญหากันเขาก็เคยบอกอีกฝ่ายไปแล้วว่าที่โกรธน่ะ โกรธเรื่องอะไร...
ทว่ายังไม่ทันจะได้อ้าปากค้าน ซอลย่าก็โพล่งระบายความในใจอัดอั้นท่วมท้นต่อ
“รักข้างเดียวมาตั้ง 15 ปี...อกหักมาตั้ง 15 ปี...จู่ๆจะมาสมหวังง่ายๆแบบนี้ ซอลทำใจยอมรับไม่ทันเลย ก็ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา บลูเกลียดซอลมาตลอด เจอหน้าทีไร ก็คอยแต่จะเลี่ยงกัน มีปัญหาเรื่องคุณสดายุกับดินทีไร ก็ด่ากันแบบไม่ไว้หน้า ไม่รักษาน้ำใจ ซอลเจ็บ...แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรัก ถูกว่าถูกประนามแค่ไหนก็ยังไม่เคยเลิกรักได้ ซอลมันเลว ถึงขนาดหลอกใช้ความห่วงใยของบลูที่มีให้คุณสดายุ เพื่อขอให้นอนด้วย เพื่อขอเก็บเกี่ยวความทรงจำล้ำค่าเฉพาะของตัวเองแต่ฝ่ายเดียว โดยไม่ยอมสนใจว่าสำหรับบลูแล้วมันจะน่ารังเกียจขนาดไหน...หลังจากนั้นก็ยังไม่ยอมปล่อยบลูไป ยังเทียวมาให้เจอ ยังโผล่มาให้เห็น เพราะซอลตัดใจจากบลูไม่ได้ จนเรื่องมันเลยเถิดมาถึงตอนนี้...ไม่ว่าจะเพราะหลวมตัว สงสาร หรืออะไรก็แล้วแต่ ซอลไม่อยากให้บลูต้องฝืนใจตัวเองนะ ไม่อยากให้บลูต้องมารักเพราะจำใจ...”
“จำใจบ้าอะไรกัน! ใครมันจะบ้าไปรักใครเพราะความจำใจบ้างล่ะ!? อย่าเพิ่งคิดเองเออเองสิซอล!!” บลูม่าแทบจะสติแตก เมื่อได้ฟังเหตุผลที่ซอลย่าสับสน เสียงทุ้มห้าวแผดกร้าวขึ้น และนั่นก็ยิ่งทำให้ซอลย่าสะอื้นหนักขึ้น คนสับสนเงียบนิ่งไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีก เป็นบลูม่าที่ต้องถอนหายใจพรู เพื่อระบายอารมณ์กรุ่นคลั่งที่ยังคงคั่งค้างในหัวใจ ก่อนจะค่อยๆดึงร่างผอมบางของซอลย่าเข้ามากอดจากทางด้านหลัง แนบใบหน้าลงกับข้างแก้มร้อนผ่าวและเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ก่อนเปิดปากอธิบายความให้คนที่ไม่ยอมเข้าใจอะไรเสียทีอย่างซอลย่าได้ฟังอีกครั้ง เพราะตอนนี้บลูม่าเริ่มรู้ตัวแล้ว ว่าปมจริงๆของความยุ่งเหยิงระหว่างความสัมพันธ์ของเขาและซอลย่านั้น แท้จริงแล้วมันอยู่ตรงไหน...
ตรงปากหนักๆ กับหัวใจไม่แมนเอาเสียเลยของเขานี่เอง“บลูขอโทษ...” ในที่สุดทิฐิทั้งหมู่มวลก็สลายไปพร้อมกับคำขอโทษที่บลูม่ากลั่นมันออกมาจากความรู้สึกทั้งหมดที่ตนมีมาตลอด 12 ปี คำขอโทษเพียงคำเดียว ทำร่างสั่นระริกในอ้อมแขนหยุดนิ่งราวกับหยุดหายใจ บลูม่าฉวยจังหวะนั้นในการเผยส่วนลึกในหัวใจของตัวเองบ้าง
ความในใจที่ราวกับหยาดน้ำผึงรสหวานปนขม หยดชโลมหัวใจของทั้งคู่ช้าๆ แล้วเคลือบมันเอาไว้ เป็นหนึ่งเดียว...
“บลูผิดเองแหละที่ทิฐิเอาเองมาตั้ง 12 ปี ถ้า 15 ปีคือเวลาที่ซอลรู้ตัวว่าซอลรักบลู...มันก็เท่ากับ 15 ปีที่บลูรักซอลแต่ดันไม่รู้ตัวน่ะแหละ...ไม่ใช่สิ ไม่ใช่ไม่รู้...แค่ไม่ยอมรับหัวใจตัวเองต่างหาก บลูคิดมาตลอดเลยว่าตัวเองเป็นผู้หญิงอ่ะ บลูเลยย่อมต้องชอบผู้ชายที่ปกป้องบลูได้ แต่ให้ตายเถอะ ตั้งแต่มาเจอกับซอล มันก็กลับตาลปัตรไปหมด ซฮลทำให้บลูกลายสภาพจากสาวน้อยผู้อ่อนแอกลายเป็นไอ้หนุ่มถึกทึน ที่คอยจ้องแต่จะปกป้องซอลมากกว่าการเหล่หนุ่มอื่น…”
“…บลู?”
“บลูขอโทษนะ บลูมันบ้าเอง ที่ถือแต่ทิฐิบ้าบอ ใจคิดอย่าง แต่ปากไม่เคยตรงกับใจ ตลอดเวลาเฝ้าแต่โทษโน่นโทษนี่ ทั้งที่คนผิดคือตัวเองแท้ๆ หว่าจะรู้ตัว ก็เผลอทำร้ายซอลไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วน…ทั้งที่บลูรักซอลมากแท้ๆ แต่กลับไม่เคยรู้ตัว…บลูขอโทษ”
ยิ่งพูดเสียงของบลูม่ายิ่งสั่นเครือ ความผิดติดตรึงใจมีมากจนบลูม่ายังสาธยายไม่หมด ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บ ยิ่งเกลียดตัวเองที่ปล่อยเวลาผ่านมาถึงขนาดนี้ โดยไม่ยอมตระหนักถึงความพลั้งพลาดของตน
ความสั่นไหวของอ้อมแขนที่โอบกอดร่างตนไว้ ทำให้ซอลย่ารู้ว่าบลูม่ากำลังร้องไห้
ทุกคำทุกประโยคที่บลูม่าพูดมา คือเรื่องจริง บลูม่ารู้สึกผิดจริงๆ
แค่คิดตามหัวใจของซอลย่าก็ลิงโลด ร่างเล็กทะลึ่งหมุนทั้งตัวเข้าหาบลูม่าอย่างรวดเร็ว ซอลย่าอยากเห็นหน้าบลูม่าตอนนี้เหลือเกิน หันไปสบสายตาฉ่ำชื้นไปด้วยหยาดน้ำตา แล้วกอดร่างคนตรงหน้าไว้แน่นเต็มวงแขน
“…ซ…ซอล?”
บลูม่าค่อนข้างตกใจเล็กๆกับสิ่งที่ซอลย่าลงมือทำอย่างกะทันหัน พยายามจ้องมองใบหน้าของคนตัวเล็กกว่าซุกแน่นอยู่ตรงอก แต่แค่เห็นใบหูกับข้างแก้มที่แดงก่ำ บลูม่าก็รู้ได้ทันทีว่า ความในใจที่เขาพยายามสื่อออกไป ในที่สุดก็เข้าถึงใจซอลย่าแล้ว
บลูม่ายิ้มหวาน โอบกอดตอบร่างในอ้อมแขนด้วยความเสน่หา จมูกโด่งซุกลงหอมกลางกระหม่อมทุยดังฟอดใหญ่ สูดกลิ่นความรักที่อวลฟุ้งจนเคลิบเคลิ้ม และในจังหวะนั้น ซอลย่าก็เงยหน้าแดงๆของตนขึ้น
สองสายตาสอดประสาน ใบหน้าแต่ละคนเริ่มขึ้นสีแดงจัดจากความเคอะเขิน ทว่าก็ไม่มีใครหลบสายตาใครก่อน ต่างจดจ้องมองกันราวกับจะบันทึกใบหน้านี้ไว้ประทับสู่สมอง ประทับสู่หัวใจ ไม่มีวันลืมเลือน
ซอลย่าโปรยยิ้มบางให้บลูม่าด้วยความเขินอาย โหย่งตัวขึ้นจูบริมฝีปากที่เผยอรออยู่แล้วของบลูม่าเบาๆ พร้อมเอ่ยคำเอาแต่ใจที่บลูม่าชอบใจที่สุด
“ชดเชยมาเลยนะ…เวลา 15 ปีที่ปล่อยให้ซอลรอเนี่ย ชดเชยมาให้ซอลซะดีๆ”ได้ยินคำสั่งแสนหวาน บลูม่ารีบพยักหน้ารับถี่ๆ ยินดี ยินยิม พร้อมชดใช้ ชดเชยให้อย่างสุดใจ
“ได้สิซอล…บลูชดเชยให้ซอลได้ทั้งตัวเลย”
สิ้นคำปฏิญาณ สองร่างก็เคลื่อนเข้าบดเบียดกันอย่างเร่าร้อนอีกครั้ง คราวนี้จะมีเพียงความสุขเต็มล้น ไม่มีข้อกังขาอื่นใดมาทำลายความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นนี้ได้อีกต่อไปแล้ว
“อื้อ…บลู…”
“อา…ซอล…บลูขอนะ”
สิ้นเสียงขอทาง บลูม่าก็แทรกร่างกำยำเข้ากึ่งกลางร่างของซอลย่า ช่องทางที่ผ่านกิจกรรมหักโหมตั้งแต่เมื่อคืน ยังคงนุ่มชื้น พร้อมรับการเอ็นดูจากบลูม่าอีกครั้ง
“อือ...บลูคงมีผัวไม่ได้แล้วล่ะ...ถ้าซอลจะเร่าร้อนขนาดนี้...อือ...”
“อ๊าง…บลู….อ๊ะ…”
สองร่างขยับไหวตามแรงปรารถนา จากเชื่องช้าเป็นรุนแรงหนักแน่น ดำกฤษณาลอยฟุ้งครอบงำสองร่างจนไม่อาจแยกห่างจากกันได้ หลุมรักหอมหวานดูดกลืนพวกเขาจนหลอมละลาย ทั้งล่อลวงให้หลงใหล ทั้งบีบรัดจนอึดอัดทรมาน ราวกับแหวกว่ายในน้ำผึ้งสีหวานที่ร้างไร้ซึ่งอากาศจะหายใจ จนต้องอ้าปากหอบโกยอากาศจากภายนอกกระชั้นถี่ ทะเลน้ำผึ้งช่างรัญจวญหอมหวานจนซอลย่ายังต้องเฝ้าทอดร่างให้บลูม่าดูดกลืนดูดกินอยู่อย่างนั้นอย่างหมดทางดิ้นรน ยิ่งรักยิ่งทุรนทุราย จนต้องควบขโยกร่างรุนแรงยิ่งขึ้น ราวกับว่ายิ่งปลดปล่อยราคะที่รุ่มร้อนนี้ให้รุนแรงขึ้นได้ จะยิ่งช่วยชดเชยช่วงเวลาที่ขาดหายไปถึง 15 ปีให้เติมเต็มจนล้นปรี่ขึ้นมาได้ และถึงมันจะไม่ได้ช่วยอะไร พวกเขาก็ยินยอมจะแหวกว่ายในทะเลน้ำผึ้งหวานล้ำนี้ไปตลอดชีวิต อยู่ด้วยกันในห้วงรักนี้เพียงสองคน ตราบนานเท่านาน...
“บลูรักซอลนะ...”
“อืม...ซอลก็รักบลูเหมือนกัน”*
*
*
*
*
