ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)  (อ่าน 1268980 ครั้ง)

ออฟไลน์ sirikanda28

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1758
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-3
ชอบแบบsmสินะ
ดิน 

ออฟไลน์ May@love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 827
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
ดินกับดนัยนี่ หนทางรัก คงลำบาก

ไปหวานไปพี่เมธและน้องยุดีกว่า

ออฟไลน์ VentoSTAG

  • ไม่รักอย่าทำให้มโนฯ GO AWAY!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-9
ดนัย-บดินทร์ ไม่หวานรื่นเท่าไร แต่แซ่บมากกกกกกกกกกก :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
 :pig4:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
สุขไหนจะเท่าได้อยู่กับคนที่เรารักและรักเรา

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
ฮื่อออออ คู่สดายุกับกฤตเมธก็หวานนน แต่อีกคู่นี่สิ จะทำร้ายไปไหนนนน


ถ้าทวงพจมาจที่นี่จะผิดมั้ยคะ อิอิ :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ Fellina

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 413
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
ขอแท็ก #ดนัยคนหลงเมีย ด้วยคนค่ะ ><  :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ JUzpETeR

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
มันเด็ดมาก...

ขอรับบริจาคเลือดค่ะ เนื่องจากภาวะเสียเลือดมากเกินไป

หูยยย อดใจรอตอนของบดินทร์ดนัยไม่ไหวแล้ววว นานแค่ไหนก็จะรอค่ะ เยิฟฟ

คิดถึงเจ๊บลูม่ามาก ณ จุดนี้ เจ๊จะมีความเป็นผัวได้ขนาดไหน 55555555

ตีแปงนอนรอค่ะ

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
วุ่นวายได้โล่...

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
ชดใช้เท่าไหร่ก็ไม่หมดหรอกดินดนัยเขาจ่อง
ตัวแกไว้แล้วเขาไม่ปล่อยไปง่ายๆหรอก
รออ่านเรื่องของดนัยกับดินอยู่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
« ตอบ #4029 เมื่อ: 16-07-2015 07:28:45 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ jinjin283

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 934
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
อ่านตอนนี้แล้วหายคิดถึงเลยคะ ชอบทัเงสองคู่เลย คิคิ
พี่เมธเวอชั่นขี้อ่อนก็น่ารักอ่า ><

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
คุณแม่มาปะ ฉากสวีทททท ฮี่ ๆ

ส่วนคู่ดนัย ลุ้นต่อปายยยย

ออฟไลน์ himoru

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
บดินทร์กับดนัยเป็นอะไรที่หน่วงใจจริงๆ
อ่านแล้วแบบ มาขนาดนี้ยังไม่เลิกทิฐิต่อกัน
สงสารอ่า ไม่รู้ เหมือนอยู่ใกล้กันแต่มองไปกลับไม่เจอ
เป็นความรู้สึกที่แบบ มันบรรยายยาก แต่ชอบคู่นี้จัง
แบดเอนสำหรับคู่นี้ก็ไม่เป็นไร ชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้วค่ะ

แต่คู่ยุคือได้โปรด น่ารักมากกกก
แต่ก็กว่าจะมาถึงตรงนี้ได้

ขอบคุณนะคะ
สนุกมากๆเลยค่ะ

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
นี่ตอนนี้ตามลุ้นคู่ดนัยกับบดินทร์มากกว่าคู่หลักแล้วนะเนี่ย 55555
แต่ทางน้องยุตอนนี้ก็น่าตื่นเต้นไม่แพ้กัน
มาดูว่าคุณแม่จะว่ายังไงบ้าง

ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
สนุกมากกก ดินเอ้ยยย ถ้าจะชดใช้ด้วยการทำแบบนี้ ทำใจเลย อีกเยอะะะะะ

ชอบยุกับพี่เมธ เอาแล้วๆ แม่มาเห็นแบบนี้ทำไงๆ
แต่ก็ให้แม่รู้ตอนนี้ดีกว่ารู้พร้อมคนอื่นตอนแถลงข่าวน่าาา
คงไม่ดราม่าหรอกเนอะ แม่ต้องเข้าใจเน้อออ แฮะ
ชอบค่ะ ยาวมากอ่านจุใจสุดๆ

ออฟไลน์ PAiPEiPEi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-3
คุณอนาคี  ช่างหลอกล่อเราจริงๆ

อยากอ่านต่อเเล้วว  >\\\\<

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ nuttzier

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
จะมาต่อให้อ่านเมื่อไหร่หว่า......    อ่านรวดเดียว  ทันปัจจุบันแล้ว

สุดยอดดดด   ชอบๆ   ติดตามอยู่น่ะครับ

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
คู่ดนัยกับบดินทร์นี่คงปวดตับปวดไตอีกนานเลยสินะ
นิสัยแต่ละคน  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Maii2206

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
 :เฮ้อ: คู่นี้จะมีทางรักกันได้ยังไงเนี้ย เครียดมว้ากกกก อยากให้ดินเปิดใจให้กว้างๆ ไม่มีทิฐิเนอะ

ส่วนคู่หลักอย่างน้องยุก้หวานกันตลอดดด หยอดได้เป็นหยอด ฮิฮิ พ่อพระเอกฮีโร่  :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
« ตอบ #4039 เมื่อ: 19-07-2015 14:42:12 »





ออฟไลน์ GAZESL

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 675
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
บดินทร์กับดนัยมาแล้ววววสินะ
ปูเสื่อรอลุ้นความแซ่บ หุหุ
 :z1:

ออฟไลน์ CMKH0318

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
กรี้ดดดดดดดดดด :hao7:

ข้ามไปรอเรื่องหน้าเลยได้หม้ายยยยยยยยยย
แหะๆ


น้องยุไม่ต้องกลัวค่ะ ยังไงแม่พี่เมธก็เป็นติ่งหนูนะลูก

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
รอค่ะรอ :mew1:

ออฟไลน์ lovenadd

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-11
คิดถึง

ออฟไลน์ ขนมโก๋

  • เป็ดหัวเน่า
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-0
^

^

ด้วยคน

ออฟไลน์ THANZ

  • ̷̷̸̸̷̸̐̐THANZ̷̷̸̸̷̸̐̐
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รออออ :z3:  :z3:  :z3: วันนี้มาเถอะนะ F5 รัวๆ

ออฟไลน์ nuttzier

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
หายนานไปแว๊วน๊าเนี๊ยะ  .....

ออฟไลน์ อนาคี99

  • อยากให้ชีวิตมีปุ่ม SKIP
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +460/-3
    • อนาคี99เพจ
ผมคือ...นางเอก
‘ชดเชย’



“พ่อยังไม่ได้ขายที่หรอกดิน เพราะคุณดนัยเพื่อนลูก เขาช่วยใช้หนี้สิบล้านแทนให้ลูกทั้งหมดแล้ว”

ทันทีที่ถามออกไป คำตอบที่ได้ กลับทำให้บดินทร์ถึงกับมึนทื่อไปทั้งท้ายทอย ใบหน้าเนียนชาวาบราวกับเพิ่งถูกสาดด้วยน้ำเย็นจัด

"คุณดนัยบอกพ่อว่า เขาตกลงกับดินแล้ว ว่าเขาจะจ่ายหนี้ก้อนนี้ให้ดินก่อน แล้วดินจะไปทำงานกับเขาเพื่อใช้หนี้"  คำอธิบายของบดี ทำหัวใจของบดินทร์บีบรัด แต่เมื่อได้เงยหน้าขึ้นสบตาผู้เป็นบิดาอีกครั้ง ใบหน้านั้นดูกังวล คงรู้สึกได้ว่าเขากำลังมีปัญหากับข้อตกลงที่เกิดขึ้นโดยที่ตนยังไม่รู้ตัว
พ่อย่อมไม่รู้ว่าเขาโดนดนัยรวบโดยไม่ทันรู้ตัว ข้อตกลงที่ฝ่ายนั้นอ้างกับพ่อ แน่นอนว่าเขาไม่มีส่วนรู้เห็น

ไม่แปลกหรอกหากบิดาของตนจะเชื่อดนัย ก็ใครที่ไหนจะยอมใช้หนี้แทนให้ดื้อๆตั้งสิบล้าน หากไม่ได้มีการตกลงรับปากหรือทำสัญญาอะไรกันไว้ก่อน

แต่ก็ดีแล้วล่ะ...

เปลี่ยนเจ้าหนี้ก็ดีเหมือนกัน คนของบ่อนมันชอบตามราวีถึงครอบครัว แต่กับเจ้าหนี้ใหม่คงตามรังควาญแต่เฉพาะตัวเขา

ในเมื่อได้มากกว่าเสีย ทำไมเขาจะต้องปฏิเสธเล่า

ไม่สิ...

เขาไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธต่างหาก

ชีวิตเขาถูกดนัยซื้อไว้แล้วด้วยเงินจำนวนสิบล้าน

เขามันบ้าไปเองที่เคยคิดว่าจะหนีคนคนนี้พ้น

บดินทร์ยิ้มขื่น ถอนหายใจบางๆ แล้วทำสีหน้าที่ดีที่สุดให้บิดาได้เห็น ลูกอกตัญญูคนนี้ จะไม่ยอมให้พ่อต้องทุกข์ใจไปด้วยอีกแล้ว

"ครับพ่อ ผมตกลงจะไปทำงานให้คุณดนัย เพื่อใช้หนี้ให้เขา"

*
*
*
*
*

แสงหรุบหรูส่องกระจ่างจากบานหน้าต่างกระจกใส ฝ่าระบายลูกไม้ของผ้าม่านผืนบาง เข้าสู่ห้องนอนที่มีสองร่างกอดก่ายกันอยู่บนเตียงนอนสีลูกพีชแสนหวาน เสียงสายฝนกระทบกระจกหน้าต่างเปาะแปะช่วยดึงให้เกิดบรรยากาศหวามหวานจนทำให้อดที่จะมอบจุมพิตลึกซึ้งแก่กันไม่ได้

จูบแผ่วเบา...อีกครั้ง และอีกครั้ง...

เกือบเจ็ดโมงเช้าของวันเสาร์ วันหยุดของใครหลายๆ และวันทำงานของอีกหลายๆชีวิต ท้องถนนไม่หนาแน่นด้วยรถราอึดอัดดังเช่นวันธรรมดา โดยเฉพาะช่วงเจ็ดโมงเช้า ยังถือได้ว่าการเดินทางบนถนนนั้นค่อนข้างสะดวกสบาย แต่อาจเป็นเพราะวันนี้ ใจกลางเมืองหลวงมีฝนพรำลงมาตั้งแต่เช้าตรู่ บนท้องถนนจึงมีรถบางตากว่าที่ควร

หลายคนฝ่าฝนออกทำงานกันแล้วตั้งแต่รุ่งสาง แต่ก็ยังมีอีกสองคนที่ยังนอนโดดงานเรื่อยเฉื่อยแฉะอยู่อย่างนั้น

คนตัวโตกว่าที่นอนซ้อนอยู่ด้านหลังยังคงหลับตาพริ้ม ดื่มด่ำกับยรรยากาศฝนพรำยามเช้า ผิดกับอีกคนที่อยู่ในอ้อมแขน ที่เริ่มขยับยุกยิก เพื่อขยับออกจากที่นอนนุ่ม

“อือ...”  ทว่าแค่ขยับนิดหน่อย ก็ถูกรั้งเอวบางไว้ให้อยู่นิ่ง ไม่ยอมให้ลุกออกจากกายไปก่อน  น้ำเสียงที่ส่งออกมาจึงไม่ค่อยสบอารมณ์นัก เมื่อร่างบางในอ้อมแขนยังขยับขัดขืนไม่เลิก

"...เอ่อ...บลู ปล่อยซอลก่อนได้ไหม? ซอล...อยากลุกแล้ว..."  เสียงทุ้มหวานติดสั่นเล็กๆ ถามขึ้นมาในขณะที่ถูกคนตัวใหญ่กว่าที่ด้านหลังใช้ร่างเปลือยเปล่าบดเบียดเข้าหาไม่หยุด หน้าหวานแดงซ่าน นี่โรมรันกันมาทั้งคืนบลูม่ายังไม่เต็มอิ่มอีกหรือ

ทั้งที่ซอลตั้งใจจะอยู่รอบดินทร์ที่เซฟเฮ้าส์ของดนัยเสียหน่อย แต่บลูม่ากลับโทรไปตามไม่เลิก ห่วงน้องก็ห่วง แต่หัวใจก็ดันเรียกร้อง

แล้วพอกลับมา ทั้งที่กว่าจะมาถึงก็เกือบห้าทุ่มเข้าไปแล้ว ยังถูกใช้แรงงานร่างกายเสียจนเกือบตีสามกว่าจะได้นอน แล้วนี่...ยังจะรั้งไว้อีกหรือ

คิดไปคิดมาหน้าของซอลย่ายิ่งแดงหนัก ไพล่คิดไปถึงบดินทร์แล้วยิ่งอยากทุบหัวตัวเองเสียที รู้สึกผิดต่อน้องรักเหลือเกิน

ขอโทษนะดิน...ที่พี่มันใจง่ายอีกแล้ว...

"...บลู?..."  เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงเฉย ซอลย่าก็เรียกชื่ออีกฝ่ายขึ้นมาเบาๆ ราวกับจะหยั่งว่าอีกฝ่ายยังตื่นอยู่หรือเปล่า เพราะถ้าหลับ เขาอาจดอดออกจากอ้อมแขนนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

"จะไปไหน?"  น้ำเสียงแหบห้าวผิดวิสัย ถามขึ้นคล้ายขัดใจที่ถูกขัดขืน อ้อมแขนกระชับแน่นขึ้น จมูกโด่งสันเริ่มซุกหนักอยู่แถวหลังซอกคอขาว

“อื้อ...บลู...อ...อย่า ซอลต้องรีบไปวังน้ำเขียวแล้ว เดี๋ยวสาย”  เพราะโดนรุกเร้าหนักตรงซอกคอที่เป็นจุดอ่อน ซอลย่าสะท้านเยือก ย่นคอต่อต้าน แล้วเร่งอธิบายให้คนเบื้องหลังรับรู้ถึงเหตุผลที่ต้องขอตัวเป็นอิสระจากความหวานเชื่อมนี้โดยเร็ว

(ก่อนจะเคลิ้มตามไปเสียก่อน)

“ไปหามันอีกแล้วเหรอ?”  ครานี้น้ำเสียงทุ้มหวานพลันกร้าวขึ้น ซึ่งซอลย่าก็พอจะเดาได้ว่าบลูม่าย่อมไม่พอใจ เพราะบลูม่านั้นค่อนข้างไม่ชอบหน้าบดินทร์เท่าไหร่นัก

.....ไม่ใช่แค่ไม่ชอบด้วยซ้ำ แต่เกลียดเลยต่างหาก

แต่จะให้ทำอย่างไรเล่า ในเมื่อซอลย่าไม่อาจเลือกใครคนใดคนหนึ่งได้ คนหนึ่งก็เป็นดั่งเจ้าของหัวใจ คนหนึ่งก็ไม่ต่างน้องแท้ๆที่คลานตามกันมา  คนละความหมาย คนละจุดยืน ดังนั้นจึงไม่อาจละเลยได้ทั้งสองหัวใจ

“...ซอลสัญญากับพ่อของดินไว้แล้วว่าวันนี้จะเข้าไปหา...ซอลไม่อยากผิดสัญญา...”  ซอลย่าอ้อมแอ้มตอบแผ่วผิว

“กลัวผิดสัญญา หรือกลัวไม่ได้ไปโอ๋มันกันแน่!?” ก็ดังที่คาด ว่าต้องโดนบลูม่ากระทบกระเทียบกลับมาอย่างแสบสัน ชนิดที่เล่นเอาซอลย่าถึงกับหน้าม้าน ได้แต่ปฏิเสธเบาๆว่า  เปล่าโอ๋เสียหน่อย 

ทว่าเพียงการเถียงเบาๆแค่นั้น กลับยั่วยุจนบลูม่าหงุดหงิดขึ้นจนได้ ร่างหนากว่าจับตัวซอลย่าให้หันเผชิญหน้าโดยการจับพลิกให้คนตัวเล็กกว่าลงไปอยู่ใต้ร่างตนทันที

“…บ..บลู?”  ซอลย่าครางเครือน่าสงสาร กลัวบลูม่าจะโกรธงอนจนไม่ยอมให้ง้ออีก  ดวงตาคู่หวานเอ่อรื้นไปด้วยหยาดน้ำตาอย่างช่วยไม่ได้ ริมฝีปากบางรีบละล่ำละลักขออภัยก่อนที่อะไรๆจะเลวร้ายกว่าที่คิด เพราะซอลย่ายังแคร์อารมณ์ของบลูม่ามากเหลือเกิน  “โกรธมากเลยเหรอ?...ซอลขอโทษนะ”

“โกรธสิ เธอจะไปหาชายอื่นทำไมฉันจะไม่โกรธ เธอเป็นของฉัน ทำไมฉันต้องยอมให้เธอไปคอยโอ๋ใครต่อใครด้วย?”  บลูม่าร่ายยาว อย่างหัวเสีย ถ้าชายคนนั้นไม่ใช่บดินทร์บางทีเขาอาจยอมหยวน แต่นี่…มันทำใจยากเหลือเกิน ถึงสดายุจะว่ามันดีขึ้นแล้วก็เถอะ แต่อย่างไรซะ เขาก็ยังเกลียดหมอนั่นอยู่ดี!

“บลู…อย่าทำแบบนี้สิ”  พูดไปตั้งยาวตั้งยืด แทนที่ซอลย่าจะตระหนักว่าไม่ควรผละจากอ้อมกอดนี้ไปหาชายใด คนใต้ร่างกลับตัดพ้อเสียอย่างนั้น บลูม่ากำลังจะได้ฤกษ์ค่อนแคะต่อ แต่พอเจอประโยคต่อท้ายของซอลย่าเข้าไป…

“อย่าทำว่ากำลังหึงกันสิ…ซอลกลัวตัวเองจะเข้าใจผิด”

 เพียงแค่คำถามเดียวเท่านั้น ทำบลูม่าไปต่อไม่ถูก ใบหน้าดุดันซับสีชมพูระเรื่อขึ้นทันทีที่ถูกจับไต๋ได้ เอาเข้าจริงก็ไม่ได้ตั้งใจปิดบัง เพราะเขากับซอลย่าก็มาไกลจนถึงขั้นนี้แล้ว แค่พอจู่ๆอีกฝ่ายก็ทักขึ้นมากะทันหัน เลยรับมือไม่ทันก็เท่านั้นเอง แบบนี้ต้องลงโทษเสียหน่อยแล้ว

“อ๊ะ! บลู??”   คนถูกลงโทษร้องเสียงหลง  เมื่อถูกลงโทษโดยการจุมพิตร้อนแรงไปทั่วทั้งใบหน้า ก่อนจะครางต่อต้านเสียงหวานฉ่ำเมื่อถูกซุกไซร้ลงมาจนถึงซอกคอผอมบาง
 
“อื้อ...อย่า...”   ซอลย่าครางวะหวิวยับยั้ง เมื่อถูกดูดดุนยอดอกที่กำลังชูช่อราวกับกำลังรับการเอ็นดูอย่างจดจ่อ ด้วยอารมณ์พุ่งสูง บลูม่าครอบครองตุ่มไตน่ารักน่าขย่ำอย่างดุดัน ทั้งดูดทั้งส่งปลายลิ้นร้อนระอุหยอกเย้า ชนิดที่ไม่ปราณีให้ซอลย่าได้พักหายใจหายคอ  เล่นเอาร่างบางต้องสะดุ้งเฮือกๆ ด้วยความซ่านเสียวระคนหวามไหว

"อือ...อย่าดิ้นนะ..."  บลูม่าคำรามห้ามเบาๆ เมื่อคนใต้ร่างพยายามขยับหนี

 "บลู...อ๊ะ...อื้อ...ซอลขอโทษ..."   ซอลย่าไม่รู้เลยว่าจู่ๆไปจุดประกายหวามของบลูม่าเข้าตรงไหน อีกฝ่ายถึงได้คึกคักขึ้นมา จนเลยเถิดมาถึงตรงนี้ได้ หรือว่าบลูม่าจะโกรธมาก ถึงได้ลงไม้ลงมือโดยไม่พูดไม่จาแบบนี้ เขาทำอะไรผิดกัน

แค่คิดน้ำตาก็พาลรื้นขึ้นมาอีกคำรบ ซอลย่าเกลียดตัวเองเหลือเกินที่อ่อนแออ่อนไหว แต่เพราะเป็นคนที่รักเต็มหัวใจ มันจึงสุดจะฝืดฝืน ก้อนสะอื้นเล็กๆที่หลุดรอดออกมา ทำบลูม่าหยุดยั้งการกระทำย่ามใจได้ชะงัด อารมณ์ที่เพิ่งกระพือโหมอยู่เมื่อครู่ มอดวูบในทันใด

“เป็นอะไรอีกล่ะ? ร้องไห้ทำไมหืม?”  ผู้รุกรานเสียงอ่อนลงในที่สุด เขาโหย่งกายขึ้นเล็กน้อย เพื่อมองว่าเหตุใดซอลย่าถึงไม่เคลิ้มตามสัมผัสของตน น้ำตาทำอารมณ์สาวน้อยขี้สงสารของบลูม่าพลุ่งพล่าน ฝ่ามืออุ่นจึงเปลี่ยนจากการรุกราน เป็นลูบไล้ปลอบประโลม

“ก็...บลูโกรธ” ซอลย่าตอบถ้อย พลางสะอื้นน้อยๆ น่าสงสาร บลูม่าถึงกับถอนหายใจพรู จริงอยู่ว่าเขาโกรธที่ซอลย่าดิ้นรนจะไปหาบดินทร์เสียให้ได้ ทั้งที่วันนี้เป็นวันหยุดเพียงวันเดียวที่พวกเขามี หลังจากเคลียร์เรื่องยุ่งๆที่โหมกระหน่ำซ้ำซัดชีวิตผู้จัดการดาราอย่างพวกตนราวกลับคลื่นยักษ์ซึนามิ อุตส่าห์วาดหวังว่าช่วงกลางวันอันแสนสั้นที่ยังพอมีเวลาเหลือ เขาจะได้ใช้นอนเอกเขนกเป็นลูกแมวน้อยในฤดูฝนสองต่อสองกับซอลย่า โดยไม่ขยับกายไปไหนเสียหน่อย ซอลย่ากลับดื้อจะไปจากอ้อมแขนเขาให้ได้ แบบนี้จะไม่ให้บลูม่าโมโหได้อย่างไร

หน้าที่แล้วไง? หัวใจต้องมาก่อนสิ ไหนว่ารักเขายังไงล่ะ?

บลูม่าตัดพ้อในใจอย่าห้ามไม่อยู่ ไม่รู้ล่ะ ยังไงซะวันนี้เขาก็จะตัวติดหนึบกับซอลย่าทั้งวันให้ได้  ไม่มีทางยอมให้ไปไหน ไม่ยอมให้ใครมีอิทธิพลเหนือหัวใจของคนในอ้อมแขนนี้เด็ดขาด!

“แหงล่ะ ก็ฉันหึงนี่” และคำตอบเดียวของบลูม่าก็ทำเสียงสะอื้นหยุดชะงักพร้อมๆกับที่ซอลย่าหยุดหายใจตามไปด้วย ดวงตากลมโตจ้องมองคนบนร่างด้วยใบหน้าที่แดงซ่าน

หึง…คำคำนี้อีกแล้ว จริงอยู่ว่าครั้งหนึ่งบลูม่าเคยบอกว่าชอบตน แต่ตอนนั้นซอลย่ายังไม่อาจปักใจเชื่อได้อย่างเต็มที่ เขาไม่ใช่ผู้ชายหล่อล่ำ และที่แน่ๆเลยคือไม่ใช่ผู้ชายในอุดมคติของบลูม่า การ เขาคิดมาตลอดตั้งแต่ตอนนั้น ว่าที่อีกฝ่ายเอ่ยปากว่าชอบกัน อาจเป็นเพียงการยั้งเขาไว้ไม่ให้กลับไปหาบดินทร์ก็เป็นได้  หัวใจของซอลย่าเต้นระส่ำด้วยความเจ็บร้าว เกลียดความมืดมนของตัวเองใจจะขาด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะคิดในแง่ร้าย ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา บลูม่าอาจแค่อยู่ด้วยกันเพราะความสงสาร

“...หึงไม่ได้รึไง? ในเมื่อเธอเป็นแฟนฉันน่ะ ฉันจำได้ว่าบอกชอบเธอไปแล้วนี่ อย่าทำเป็นลืมสิ”  น้ำเสียงของบลูม่าอ่อนโยนยิ่งขึ้น เมื่อนึกขึ้นได้ว่า ซื่อๆอย่างซอลย่าคงยังไม่ยอมเข้าใจในความรู้สึกของเขาเป็นแน่ ไม่อย่างนั้นคงไม่ดื้อรั้นอยู่แบบนี้ ทั้งที่ก็บอกว่าชอบไปไม่รู้กี่ครั้ง

“แต่...ซอลไม่ใช่ผู้ชายอย่างแฟนที่บลูใฝ่ฝันอยากจะมี...งื้อ...” ถึงอย่างไรซอลย่ายังคงเถียงอ้อมแอ้ม พาลให้อารมณ์กรุ่นร้อนของบลูม่าเดือดพล่านขึ้นมาอีกครั้ง เห็นซื่อๆนี่ก็ช่างดื้อจริงๆเลยนะ ให้ตายสิ!! สุดท้าย บลูม่าก็ต้องจำใจ พูดซ้ำพูดซาก มาตั้งแต่คราวก่อน เขาเป็นคนเปิดเผย ชอบก็บอกว่าชอบ ใช่ก็บอกว่าใช่ แจงไปแล้วทุกเหตุผล ทำไมซอลย่าถึงไม่ยอมเข้าใจแบบนี้นะ

ยิ่งคิดยิ่งหมั่นเขี้ยว จนเผลอใช้สองนิ้วคีบริมฝีปากช่างตัดพ้อของซอลย่าจนกลายเป็นคนปากจู๋ ปิดกั้นทุกคำพูด กีดกันทุกคำถามที่จะออกจากริมฝีปากแดงระเรื่อน่าจุมพิตอย่างร้ายกาจนี่ ไม่อยากโต้เถียงด้วยอีกต่อไปแล้ว จากนี้ไปบลูม่าจะเป็นฝ่ายคุมการอภิปรายนี้แต่เพียงผู้เดียว

ร่างหนาทว่ามีจริตอ้อนแอ้นกอดเกยทาบทับครึ่งล่างของซอลย่าไว้เพื่อไม่ให้หนีไปไหน แขนขวาตั้งค้ำศีรษะหนักๆ เพื่อจะได้มองคนตัวเล็กใต้ร่างชัดๆ มือซ้ายยังคงคีบริมฝีปากสวย ถึงไม่แรงนัก แต่ก็ไม่ได้ยินยอมให้ดิ้นหลุดไปได้โดยง่าย แล้วจึงเริ่มเปิดปากอธิบายตั้งแต่เริ่มใหม่อีกรอบ วันนี้บลูม่าพร้อมมาก เวลาหรือก็เหลือเฟือ ถ้าพูดรอบหนึ่งแล้วยังไม่ยอมเข้าใจ เขาพร้อมจะนอนอธิบายซ้ำได้ทั้งวัน

บลูม่ากระแอมเบาๆหนึ่งครั้ง เพื่อปรับโทนเสียงให้อ่อนโยนที่สุด เท่าที่จะทำได้  จากนั้นก็เริ่มเปิดฉากบรรยายความให้คนรักแสนดื้อได้ฟัง

“ฟังนะซอล... ผู้ชายหล่อล่ำตามแบบในฝันของฉันน่ะ ซอลไม่เห็นเลยรึไง เดินกันขวักไขว่ไปหมด ที่สำนักงานน่ะ ฉันเป็นผู้จัดการนะ มีดารานายแบบหน้าเก่าหน้าใหม่พยายามเอาตัวเข้าแลกกับฉันเพื่อขอตารางงานก็ไม่ใช่น้อย...คิดว่า ถ้าฉันปรารถนาแนวนั้นจริงๆ ฉันจะเก็บความซิงไว้ชิงโชคอย่างทุกวันนี้ไหม?”

“แต่...อื้อ...”  ขนาดโดนบีบจนปากจู๋ ซอลย่าก็ยังไม่วายส่งเสียงเร็ดรอดออกมา จนโดนบลูม่าทำโทษโดยการก้มลงจูบปากจู๋ดังจุ๊บๆ ไปเสียสามครั้งติด เล่นเอาผู้ถูกกระทำถึงกับเอ๋อไปพร้อมกับใบหน้าที่แดงซ่าน

“อย่าเถียงสิจ๊ะ เด็กไม่ดีต้องโดนลงโทษรู้ไหม?...”   เห็นแบบนั้น บลูม่าก็เยาะขึ้นมาด้วยความเอ็นดูเบาๆ ก่อนจะเริ่มอธิบายต่อ เพื่อไม่ให้ขาดตอน

 “เรารู้จักกันมาก็นานมากแล้วนะซอล ซอลก็เห็นใช่ไหมว่าฉันสาวแตกแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร แถมฉันยังมั่นเบ้าหน้ามากด้วยว่าไม่กะโหลกกะลาขี้ริ้วขี้เหร่เหมือนกะเทยหัวโปกทั่วไป ดูดีมีคลาสแถมหุ่นก็โคตรเซี๊ยะออกจะขยี้ใจเสียขนาดนี้ แค่ผัวสักคนสองคนหรือมากกว่านั้น มีหรือที่คนอย่างนังบลูม่าจะหาไม่ได้... ฉันไม่ได้เป็นกะเทยมีจรรยาบรรณ ขนาดจะรักษาพรหมจรรย์เอาไว้ให้ชายในฝันเป็นคนแรกหรอกนะ แต่ทุกวันนี้ที่ยังไม่ยอมมีใคร เธอว่าฉันรออะไรอยู่ล่ะ?”

“.............?...”  คำถามที่จงใจเว้นจังหวะให้คิด คำตอบเป็นที่รู้อยู่แก่ใจ แต่ซอลย่ายังคงลังเลที่จะเข้าข้างตัว

และในที่สุดแล้ว บลูม่าก็เอ่ยเฉลยแบบไม่ต้องให้ซอลย่าคอยนาน

“ก็รอให้ซอลมารักอยู่ไง แค่นี้ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ? บลูรักซอลนะ”   คำเฉลยแสนหวานที่พาให้น้ำตาถั่งไหลอีกครั้ง

ในที่สุดนิ้วที่คีบริมฝีปากไว้ก็คลายออก เปลี่ยนเป็นเกลี่ยแก้มที่แดงเรื่อเพื่อช่วยปาดหยาดน้ำตาหลั่งริน กะจะก้มลงจูบลงหอมอีกสักฟอด สองฟอด แต่ซอลย่ากลับเบือนหน้าหนี สองมือผอมเรียวยกขึ้นปาดน้ำตาตัวเองป้อยๆ ใบหน้าร้อนผ่าว หัวใจสูบฉีดเลือดแรงจนหัวหูอึงอื้อ

แรงต่อต้านเล็กๆ ทำเอาคิ้วของบลูม่าผูกเป็นปมอีกครั้ง อะไรกัน บอกรักโจ๋งครึ่มขนาดนี้แล้ว ทำไมซอลย่าถึงยังไม่ยอมคล้อยตามกันอีกเล่า คิดไปใจบลูม่าเริ่มฝ่อแฟ่บ อย่าบอกนะว่า ซอลย่าเลิกรักเขาแล้ว!!

“...ซ...ซอล...?...”  เสียงทุ้มพร่า ครางเรียกชื่อคนรักด้วยความกังวล หัวใจสาวน้อยเต้นตูมตามตุ้มๆต่อมๆ

“อย่าเพิ่งบลู....อย่าเพิ่ง เรียกร้องอะไรตอนนี้เลยนะ ซอลยังสับสน ขอเวลาซอลสักแป๊บได้ไหม?”   ยิ่งได้ยินคำขอร้องจากซอลย่า หัวใจบลูม่ายิ่งจมดิ่ง ถึงขนาดต้องขอเวลาคิด แบบนี้มันแย่ยิ่งกว่าแย่

ความวิตกจริตแล่นวาบไปวาบมาอยู่ในอก ทำให้บลูไม่ใจกล้าหน้าด้านพอจะกักกันซอลย่าในท่วงท่าแสนอันตรายนี้ได้อีกต่อไป หัวใจราชสีห์สาวถึงคราวง่อยสนิท...หรือที่ผ่านมา เขาจะลำพองตนเกินไปกันนะ...

“...ที่ผ่านมา...” 

หลังจากเงียบไปพักใหญ่ๆ ในที่สุดซอลย่าก็เอ่ยบางอย่างขึ้น ทว่าเสียงนั้นช่างบางเบา จนบลูม่าถึงกับต้องเงี่ยหูฟังใกล้ๆ

“...ซอลเข้าใจมาตลอดเลยว่าบลูเกลียดซอล...ตั้งแต่ 12 ปีก่อน...ที่เรามีปัญหากัน...ซอลไม่ได้ตั้งใจ เรื่องเพชรจ้ามันเป็นแค่ความเข้าใจผิด...”  ซอลย่าครวญคร่ำถึงเรื่องเก่าคร่ำครึ เรื่องที่บลูม่าอยากจะบอกแทบตายว่า เพชรจ้า ไม่ควรเข้ามาอยู่ในประเด็นตั้งนานแล้ว จำได่ว่าตอนที่มีปัญหากันเขาก็เคยบอกอีกฝ่ายไปแล้วว่าที่โกรธน่ะ โกรธเรื่องอะไร...

ทว่ายังไม่ทันจะได้อ้าปากค้าน ซอลย่าก็โพล่งระบายความในใจอัดอั้นท่วมท้นต่อ

“รักข้างเดียวมาตั้ง 15 ปี...อกหักมาตั้ง 15 ปี...จู่ๆจะมาสมหวังง่ายๆแบบนี้ ซอลทำใจยอมรับไม่ทันเลย ก็ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา บลูเกลียดซอลมาตลอด เจอหน้าทีไร ก็คอยแต่จะเลี่ยงกัน มีปัญหาเรื่องคุณสดายุกับดินทีไร ก็ด่ากันแบบไม่ไว้หน้า ไม่รักษาน้ำใจ ซอลเจ็บ...แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรัก ถูกว่าถูกประนามแค่ไหนก็ยังไม่เคยเลิกรักได้ ซอลมันเลว ถึงขนาดหลอกใช้ความห่วงใยของบลูที่มีให้คุณสดายุ เพื่อขอให้นอนด้วย เพื่อขอเก็บเกี่ยวความทรงจำล้ำค่าเฉพาะของตัวเองแต่ฝ่ายเดียว โดยไม่ยอมสนใจว่าสำหรับบลูแล้วมันจะน่ารังเกียจขนาดไหน...หลังจากนั้นก็ยังไม่ยอมปล่อยบลูไป ยังเทียวมาให้เจอ ยังโผล่มาให้เห็น เพราะซอลตัดใจจากบลูไม่ได้ จนเรื่องมันเลยเถิดมาถึงตอนนี้...ไม่ว่าจะเพราะหลวมตัว สงสาร หรืออะไรก็แล้วแต่ ซอลไม่อยากให้บลูต้องฝืนใจตัวเองนะ ไม่อยากให้บลูต้องมารักเพราะจำใจ...”

“จำใจบ้าอะไรกัน! ใครมันจะบ้าไปรักใครเพราะความจำใจบ้างล่ะ!? อย่าเพิ่งคิดเองเออเองสิซอล!!” 

บลูม่าแทบจะสติแตก เมื่อได้ฟังเหตุผลที่ซอลย่าสับสน เสียงทุ้มห้าวแผดกร้าวขึ้น และนั่นก็ยิ่งทำให้ซอลย่าสะอื้นหนักขึ้น คนสับสนเงียบนิ่งไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีก เป็นบลูม่าที่ต้องถอนหายใจพรู เพื่อระบายอารมณ์กรุ่นคลั่งที่ยังคงคั่งค้างในหัวใจ ก่อนจะค่อยๆดึงร่างผอมบางของซอลย่าเข้ามากอดจากทางด้านหลัง แนบใบหน้าลงกับข้างแก้มร้อนผ่าวและเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ก่อนเปิดปากอธิบายความให้คนที่ไม่ยอมเข้าใจอะไรเสียทีอย่างซอลย่าได้ฟังอีกครั้ง เพราะตอนนี้บลูม่าเริ่มรู้ตัวแล้ว ว่าปมจริงๆของความยุ่งเหยิงระหว่างความสัมพันธ์ของเขาและซอลย่านั้น แท้จริงแล้วมันอยู่ตรงไหน...

ตรงปากหนักๆ กับหัวใจไม่แมนเอาเสียเลยของเขานี่เอง

“บลูขอโทษ...”  ในที่สุดทิฐิทั้งหมู่มวลก็สลายไปพร้อมกับคำขอโทษที่บลูม่ากลั่นมันออกมาจากความรู้สึกทั้งหมดที่ตนมีมาตลอด 12 ปี คำขอโทษเพียงคำเดียว ทำร่างสั่นระริกในอ้อมแขนหยุดนิ่งราวกับหยุดหายใจ บลูม่าฉวยจังหวะนั้นในการเผยส่วนลึกในหัวใจของตัวเองบ้าง

ความในใจที่ราวกับหยาดน้ำผึงรสหวานปนขม หยดชโลมหัวใจของทั้งคู่ช้าๆ แล้วเคลือบมันเอาไว้ เป็นหนึ่งเดียว...

 “บลูผิดเองแหละที่ทิฐิเอาเองมาตั้ง 12 ปี ถ้า 15 ปีคือเวลาที่ซอลรู้ตัวว่าซอลรักบลู...มันก็เท่ากับ 15 ปีที่บลูรักซอลแต่ดันไม่รู้ตัวน่ะแหละ...ไม่ใช่สิ ไม่ใช่ไม่รู้...แค่ไม่ยอมรับหัวใจตัวเองต่างหาก บลูคิดมาตลอดเลยว่าตัวเองเป็นผู้หญิงอ่ะ บลูเลยย่อมต้องชอบผู้ชายที่ปกป้องบลูได้ แต่ให้ตายเถอะ ตั้งแต่มาเจอกับซอล มันก็กลับตาลปัตรไปหมด ซฮลทำให้บลูกลายสภาพจากสาวน้อยผู้อ่อนแอกลายเป็นไอ้หนุ่มถึกทึน ที่คอยจ้องแต่จะปกป้องซอลมากกว่าการเหล่หนุ่มอื่น…”

“…บลู?”

“บลูขอโทษนะ บลูมันบ้าเอง ที่ถือแต่ทิฐิบ้าบอ ใจคิดอย่าง แต่ปากไม่เคยตรงกับใจ ตลอดเวลาเฝ้าแต่โทษโน่นโทษนี่ ทั้งที่คนผิดคือตัวเองแท้ๆ หว่าจะรู้ตัว ก็เผลอทำร้ายซอลไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วน…ทั้งที่บลูรักซอลมากแท้ๆ แต่กลับไม่เคยรู้ตัว…บลูขอโทษ”

ยิ่งพูดเสียงของบลูม่ายิ่งสั่นเครือ ความผิดติดตรึงใจมีมากจนบลูม่ายังสาธยายไม่หมด ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บ ยิ่งเกลียดตัวเองที่ปล่อยเวลาผ่านมาถึงขนาดนี้ โดยไม่ยอมตระหนักถึงความพลั้งพลาดของตน

ความสั่นไหวของอ้อมแขนที่โอบกอดร่างตนไว้ ทำให้ซอลย่ารู้ว่าบลูม่ากำลังร้องไห้

ทุกคำทุกประโยคที่บลูม่าพูดมา คือเรื่องจริง บลูม่ารู้สึกผิดจริงๆ

แค่คิดตามหัวใจของซอลย่าก็ลิงโลด ร่างเล็กทะลึ่งหมุนทั้งตัวเข้าหาบลูม่าอย่างรวดเร็ว ซอลย่าอยากเห็นหน้าบลูม่าตอนนี้เหลือเกิน หันไปสบสายตาฉ่ำชื้นไปด้วยหยาดน้ำตา แล้วกอดร่างคนตรงหน้าไว้แน่นเต็มวงแขน

“…ซ…ซอล?”

บลูม่าค่อนข้างตกใจเล็กๆกับสิ่งที่ซอลย่าลงมือทำอย่างกะทันหัน พยายามจ้องมองใบหน้าของคนตัวเล็กกว่าซุกแน่นอยู่ตรงอก แต่แค่เห็นใบหูกับข้างแก้มที่แดงก่ำ บลูม่าก็รู้ได้ทันทีว่า ความในใจที่เขาพยายามสื่อออกไป ในที่สุดก็เข้าถึงใจซอลย่าแล้ว

บลูม่ายิ้มหวาน โอบกอดตอบร่างในอ้อมแขนด้วยความเสน่หา จมูกโด่งซุกลงหอมกลางกระหม่อมทุยดังฟอดใหญ่ สูดกลิ่นความรักที่อวลฟุ้งจนเคลิบเคลิ้ม และในจังหวะนั้น ซอลย่าก็เงยหน้าแดงๆของตนขึ้น

สองสายตาสอดประสาน ใบหน้าแต่ละคนเริ่มขึ้นสีแดงจัดจากความเคอะเขิน ทว่าก็ไม่มีใครหลบสายตาใครก่อน ต่างจดจ้องมองกันราวกับจะบันทึกใบหน้านี้ไว้ประทับสู่สมอง ประทับสู่หัวใจ ไม่มีวันลืมเลือน

ซอลย่าโปรยยิ้มบางให้บลูม่าด้วยความเขินอาย โหย่งตัวขึ้นจูบริมฝีปากที่เผยอรออยู่แล้วของบลูม่าเบาๆ พร้อมเอ่ยคำเอาแต่ใจที่บลูม่าชอบใจที่สุด

“ชดเชยมาเลยนะ…เวลา 15 ปีที่ปล่อยให้ซอลรอเนี่ย ชดเชยมาให้ซอลซะดีๆ”

ได้ยินคำสั่งแสนหวาน บลูม่ารีบพยักหน้ารับถี่ๆ ยินดี ยินยิม พร้อมชดใช้ ชดเชยให้อย่างสุดใจ

“ได้สิซอล…บลูชดเชยให้ซอลได้ทั้งตัวเลย”

สิ้นคำปฏิญาณ สองร่างก็เคลื่อนเข้าบดเบียดกันอย่างเร่าร้อนอีกครั้ง คราวนี้จะมีเพียงความสุขเต็มล้น ไม่มีข้อกังขาอื่นใดมาทำลายความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นนี้ได้อีกต่อไปแล้ว

“อื้อ…บลู…”

“อา…ซอล…บลูขอนะ”

สิ้นเสียงขอทาง บลูม่าก็แทรกร่างกำยำเข้ากึ่งกลางร่างของซอลย่า ช่องทางที่ผ่านกิจกรรมหักโหมตั้งแต่เมื่อคืน ยังคงนุ่มชื้น พร้อมรับการเอ็นดูจากบลูม่าอีกครั้ง

“อือ...บลูคงมีผัวไม่ได้แล้วล่ะ...ถ้าซอลจะเร่าร้อนขนาดนี้...อือ...”

“อ๊าง…บลู….อ๊ะ…”

สองร่างขยับไหวตามแรงปรารถนา จากเชื่องช้าเป็นรุนแรงหนักแน่น ดำกฤษณาลอยฟุ้งครอบงำสองร่างจนไม่อาจแยกห่างจากกันได้ หลุมรักหอมหวานดูดกลืนพวกเขาจนหลอมละลาย ทั้งล่อลวงให้หลงใหล ทั้งบีบรัดจนอึดอัดทรมาน ราวกับแหวกว่ายในน้ำผึ้งสีหวานที่ร้างไร้ซึ่งอากาศจะหายใจ จนต้องอ้าปากหอบโกยอากาศจากภายนอกกระชั้นถี่  ทะเลน้ำผึ้งช่างรัญจวญหอมหวานจนซอลย่ายังต้องเฝ้าทอดร่างให้บลูม่าดูดกลืนดูดกินอยู่อย่างนั้นอย่างหมดทางดิ้นรน ยิ่งรักยิ่งทุรนทุราย จนต้องควบขโยกร่างรุนแรงยิ่งขึ้น ราวกับว่ายิ่งปลดปล่อยราคะที่รุ่มร้อนนี้ให้รุนแรงขึ้นได้ จะยิ่งช่วยชดเชยช่วงเวลาที่ขาดหายไปถึง 15 ปีให้เติมเต็มจนล้นปรี่ขึ้นมาได้  และถึงมันจะไม่ได้ช่วยอะไร พวกเขาก็ยินยอมจะแหวกว่ายในทะเลน้ำผึ้งหวานล้ำนี้ไปตลอดชีวิต อยู่ด้วยกันในห้วงรักนี้เพียงสองคน ตราบนานเท่านาน...

“บลูรักซอลนะ...”

“อืม...ซอลก็รักบลูเหมือนกัน”


*
*
*
*
*

 :katai4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-08-2015 09:29:21 โดย อนาคี99 »

ออฟไลน์ อนาคี99

  • อยากให้ชีวิตมีปุ่ม SKIP
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +460/-3
    • อนาคี99เพจ
 :katai5:


"แม่..."   

สดายุแทบลมจับ ทันทีที่กฤตเมธขานเรียกหญิงสูงวัยที่ยืนส่งยิ้มหวานอยู่ข้างเตียง

คำว่า ‘แม่’ ที่กฤตเมธลั่นออกมา ทำสติสัมปชัญญะของสดายุกระเจิงหายออกนอกหน้าต่าง หญิงใหญ่วัยกลางคน หน้าตาใจดีมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าตลอดเวลาคนนี้คือ มารดาของกฤตเมธ แค่นี้สดายุก็ขวัญหนีดีฝ่อจะแย่อยู่แล้ว ที่ดันทำลูกชายคนเดียวของเขาเป็นเกย์  ทว่ามันยิ่งสยองขวัญกว่านั้นอีก เพราะแม่ของกฤตเมธดันมาเห็นตอนเขาประกบปากลูกชายแม่อยู่อย่างพอดิบพอดี...ไม่ใช่แค่ประกบด้วยนะ บดขยี้เสียจนอีกนิดจะได้แลกลิ้นกันอยู่แล้ว มันคือความสะพรึง ที่ทำเอาสดายุถึงกับเอ๋อ

“สวัสดีครับแม่ มาแต่เช้าเชียว” 

“ก็ห่วงเราน่ะแหละ ไหนเมธ เป็นยังไงบ้างลูก?”

"ไม่ได้เป็นไรมากหรอกครับ กระสุนไม่โดนจุดสำคัญ ผ่าออกเรียบร้อย หมอบอกว่าแผลสวย โอเคครับ"

"ห่ามจริงๆเชียวตาเมธ มันน่าตีนัก เฮ้อ…ไม่เป็นไรก็ดีแล้วล่ะ แม่แทบจะหาตั๋วกลับมาไม่ได้แน่ะ ยังดีได้ไฟลท์เช้า มาถึงตอนตีห้าพอดี ไม่งั้นแม่ได้อกแตกแน่"

"โธ่แม่ครับ...ผมก็บอกแล้วว่าผมโอเค แม่อยู่เที่ยวกับเพื่อนๆต่อได้เลย ว่างแผนมาตั้งเป็นปีกว่าจะได้รวมก๊วนเที่ยวกันตามประสาสาวๆ ผมไม่อยากเป็นต้นเหตุให้แม่ต้องงานกร่อยเลย"

"ลูกโดนยิงอยู่โรงพยาบาล จะให้แม่ยังเที่ยวสบายใจได้ยังไงกันตาลูกคนนี้นี่"

"ก็ผมไม่ได้เป็นอะไรมากนี่...มีพยาบาลพิเศษคอยดูแลอย่างดีแล้วด้วย ไม่ต้องลำบากแม่หรอกครับ"

"เรื่องนั้น แม่ก็รู้อยู่แล้วล่ะ แหม แต่ก็ให้แม่มาดูใจหน่อยเถอะ หึหึ ถึงกำลังใจจากแม่จะสู้คนเฝ้าเช้าเฝ้าเย็นไม่ได้ก็เถอะนะ หึหึ"

ระหว่างที่สดายุยังคงสติแตก  คุณแม่กับกฤตเมธก็เริ่มบทสนทนากันโดยไม่ใคร่สนใจสดายุมากนัก  ถึงกับใจแป้วไปนิดเลยทีเดียวกับสดายุที่ค่อนข้างอ่อนไหวกับการเข้าหาญาติผู้ใหญ่ของใครก็ตาม สมองเริ่มประมวลผลไปทางแง่ร้าย ว่าไม่แน่ที่คุณแม่ของกฤตเมธไม่คิดทักทายเขาสักคำนั้น อาจเป็นเพราะไม่พอใจในตัวเขาอย่างมากก็เป็นได้

“คนนี้สินะ สะใภ้แม่น่ะ”

ระหว่างวิตกจริต จนแทบไม่รับรู้สิ่งใด กอปรกับที่กำลังใช้สมองประมวลความคิดอย่างหนัก ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปกับเหตุการณ์พ่อแม่แฟนไม่เอ็นดูดี คำว่า ‘สะใภ้’ ก็เข้ามาเซอร์ไพรซ์กระแทกใจจังๆเสียก่อน

“อื้ม...ยังหล่อจนอดปลื้มไม่ได้เหมือนเดิมเลย ถึงจะช้ำไปหน่อยก็เถอะนะ”

ประโยคกระแทกใจ ประโยคต่อมาก็เล่นเอาน้ำตาสดายุแทบพุ่ง หัวใจหน่วงหนักเหมือนว่าจะค่อยๆคลายแรงบีบรัด และเบาขึ้นหน่อยๆ โดยเฉพาะกับรอยยิ้มที่ทั้งกฤตเมธและคุณแม่ยิ้มให้ รวมทั้งแววตาที่สื่อออกมาอย่างชัดเจนว่า ‘เอ็นดูสดายุคนนี้เหลือเกิน’ 

“เอ่อ...ส...สวัสดีครับคุณป้า” สดายุกล่าวทักทายออกไป พร้อมยกมือกระพุ่มไหว้ด้วยความนอบน้อม ติดไปทางเกร็งหน่อยๆ เพราะยังตั้งตัวรับไม่ค่อยทัน

“เรียกแม่สิลูก เรียกป้า...แก่จัง” ผู้สูงวัยกว่าเอ่ยเชิญชวน พร้อมกระเซ้าเล็กๆด้วยความเอ็นดู หล่อนเคลื่อนกายจากอีกฟากเตียงคนป่วยเข้าหาสดายุที่ยืนเกร็งอย่างเป็นมิตร

“ครับ...คุณแม่” สดายุเองก็น้อมรับเรียก ‘แม่’ โดยไม่อิดออด ตอนนี้น้ำตาจะไหลเสียให้ได้ เพราะไม่คิดเลยว่ามันจะง่ายดาย ไม่คิดเลยว่าจะได้รับการยอมรับ...

ไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้…

“เรียกแม่เฉยๆก็พอ เป็นคนรักของลูกชายแม่ ก็เท่ากับเป็นลูกของแม่นั่นแหละ เรียกแม่ได้เลยนะยุนะ”  ยิ่งได้ยินคำอนุญาตที่แสนเมตตาจากผู้เป็นมารดาของคนที่ตนรักยิ่ง น้ำตาของสดายุก็พลันรื้นฉ่ำ เอาเข้าจริง เขาไม่เคยคิดฝันเลยว่า จะได้รับการตอบรับถึงเพียงนี้ น้ำตาหยดน้อยค่อยๆกลิ้งผ่านข้างแก้มใสเชื่องช้า พร้อมกับที่เสียงแหบพร่าพยายามเอ่ยขอบคุณเสียงสั่นไหว

ทั้งขอบคุณ...และขอโทษ ที่เกือบเป็นต้นเหตุพรากลูกชายคนเดียวของคุณแม่ที่ดีขนาดนี้ไป...ขอโทษพร้อมหยาดน้ำตาถะถั่งหลั่งรินหนักกว่าเดิม

"ผมขอโทษครับแม่...เพราะความสะเพร่าของผมเอง ที่ทำให้พี่เมธต้องเจ็บตัวแบบนี้ เพราะผมไม่ดีเองครับ ที่ลากพี่เขามาเกี่ยวข้องกับเรื่องเลวร้าย เพราะผมคนเดียว..." เสียงแหบสั่นพร่าขึ้น ทุกขณะที่สารภาพความผิดบาป ก้อนสะอื้นเคลื่อนผ่านร่างจนสั่นระริก ความรู้สึกผิดตีตื้นจนแทบฝืนพูดเป็นคำไม่ไหว สองมือพนมขึ้นแนบใบหน้าเปื้อนน้ำตา เพื่อขอขมาอย่างไร้ข้อแก้ต่าง

น่าสงสารจนกฤตเมธแทบจะกระโจนลงจากเตียงมาปลอบขวัญสดายุเสียเอง ทว่าก็ช้ากว่ามารดาไปก้าวหนึ่ง...

หมับ...

ร่างท้วมหน่อยๆ แต่อุ่นนิ่ม เคลื่อนเข้าโอบกอดสดายุไว้อย่างอ่อนโยน สองมืออวบอูมเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่นตามกาลเวลา ค่อยบรรจงลูบประโลมแผ่นหลังผอมบางสั่นระริก เป็นการปลอบโยนเด็กน้อยที่กำลังเสียขวัญ น้ำเสียงเครือน้อยๆตามวัยทว่าเต็มไปด้วยกลิ่นอายอ่อนหวาน เอ่ยถ้อยคำที่ราวกับน้ำอบหอมละมุนหลั่งรดเบาๆบนหัวใจของสดายุ

“ไม่เป็นไรนะลูกนะ ยุไม่ได้ผิดอะไรหรอกลูก การช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่นิ่งดูดาย ถือเป็นเรื่องที่ดีมากเลยไม่ใช่หรือไง การที่พี่เมธเป็นแบบนี้เพราะช่วยคนที่รักน่ะ  แม่ก็ว่ามันเป็นเรื่องที่สมควรมากเลยนะ  เท่ห์จะตายไป ลองเมธมัวแต่กลัว งอมืองอเท้าไม่ยอมไปช่วยยุสิ ได้โดนแม่เอ็ดแน่”

ทว่าก็ไม่ใช่แค่ชื่นชมหรอกนะ ในฐานะคนที่ผ่านโลกมานาน ก็ยังมีการสอนสั่งตามหลังอีกเล็กน้อย เป็นการเตือนใจว่าไม่ควรใช้ชีวิตระห่ำอย่างที่เป็นอยู่

“แต่มันก็เป็นเรื่องบ้าบิ่นจริงๆแหละนะ คราวหน้าคราวหลัง ยุต้องคิดถึงตัวเองมากกว่านี้หน่อยนะลูก การช่วยคนอื่นน่ะเป็นเรื่องที่ดีแล้ว แต่ถ้ามันเสี่ยงไป ยุต้องถอยมาขอความช่วยเหลือคนอื่นด้วยนะ ดูสิ เอวบางร่างน้อยแค่นี้ ห่ามจริงเชียว”

พูดจบก็ผละอ้อมกอดออกจากร่างที่ยังคงสะอื้นเบาๆ ใช้สองมืออุ่นอ่อนช่วยปาดเช็ดคราบน้ำตาแห่งความรู้สึกผิด ให้หมดไปจากสองแก้มช้ำ “มีชีวิตอยู่ต่อไปนานๆ อยู่เป็นเพื่อนพี่เมธไปจนแก่ดีกว่านะยุนะ” ใบหน้าขาวนวลเต็มไปด้วยริ้วรอยส่งยิ้มหวานให้สดายุไม่ขาด พร้อมเอ่ยถ้อยคำที่ย้ำความหมายว่า ‘ยอมรับในความสัมพันธ์ระหว่างกฤตเมธและสดายุอย่างไม่มีข้อกังขา’

ยินสิ่งที่แม่พูด น้ำตาสดายุก็รินหลั่งอีกครั้ง ทว่าครานี้ไม่ใช่เพราะความเสียใจ แต่คือความตื้นตันเต็มล้น สิ่งที่ได้รับมาในครานี้ช่างเลอค่าเสียจนไม่สามารถหาคำพูดใดอธิบายได้ สดายุฉุกใจหยั่งรู้…

เขารู้แล้ว ว่าการที่กฤตเมธเป็นคนที่แสนดีได้ขนาดนี้นั้น มันเป็นเพราะใคร รู้แล้วว่าอ้อมแขนที่แสนอบอุ่นหนักหนาของกฤตเมธนั้น ได้อิทธิพลมาจากใคร…

เพราะมีน้ำตาหลั่งมาอีกครา แม่ผู้แสนอ่อนโยนก็โอบกอดสดายุไว้อีกครั้ง

...อ้อมกอดของคุณกรพิณน์ ผู้หญิงคนเดียวบนโลกใบนี้ที่กฤตเมธรัก

อ้อมกอดที่แสดงความหมายว่ายอมรับสดายุอย่างหมดหัวใจ ให้เข้ามาเป็นคนในบ้านเดียวกัน อ้อมกอดที่แสนอ่อนโยนแสนอบอุ่น

พออ้อมกอดคลาย พอหัวใจเบาโล่ง แม้น้ำตายังไม่แห้งเหือด แต่ใบหน้าของสดายุก็ผุดพรายด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณครับแม่...”  สดายุกล่าวขอบคุณอีกครั้ง ใจของสดายุตอนนี้รู้สึกว่าจะให้เขาพูดคำขอบคุณอีกสักพันสักหมื่นครั้ง ยังเหมือนจะดูน้อยไป

“ขอบคุณครับที่ยอมยกลูกชายคนเดียวของแม่ให้ผม”  พร้อมตบท้ายด้วยประโยคที่ทำให้กรพิณน์หัวเราะร่า แม้แต่กฤตเมธยังหลุดขำ สดายุช่างจริงจังกับชีวิตไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ 

“ยุ...แม่ชื่อกรพินธ์นะ ยุอยากเรียกแม่พิณน์หรือเรียกแม่เฉยๆก็ได้  แม่เป็นคนดูแลร้านอาหารไทย ‘ครัวแม่พิณน์’  กับโรงงานเบเกอรี่ ‘แม่พิณน์’ ที่สามีกับลูกชายแสนใจร้ายเปิดทิ้งเปิดขว้างไว้ให้แม่ทำงกๆอยู่คนเดียว”   หลังชี้ชวนกันนั่งตรงโซฟาคนเฝ้า กรพิณน์ก็เปิดปากเล่าความเป็นมาของตัวเองทันที แบบไม่ต้องให้สดายุที่ยังเก้อเขินต้องเป็นฝ่ายถาม กรพิณน์เป็นคนพูดเก่ง ดังนั้นหล่อนจึงไม่มีทีท่าเคอะเขิน แม้กับคนที่เพิ่งพูดคุยกันครั้งแรก โดยเฉพาะกับคนที่หล่อนก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร และรู้สึกยินดีแค่ไหนที่ได้เอ่ยคำต้อนรับ

ถึงตรงนี้ สดายุสลดลงอีกครั้ง จำได้ว่าคุณพ่อของกฤตเมธเสียไปแล้ว และกฤตเมธเป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน พอได้ฟังคุณแม่พูดถึงกิจการที่คุณพ่ออุตส่าห์ก่อร่างสร้างมา หัวใจของสดายุยิ่งรู้สึกหม่นหมอง

ครอบครัวนี้…ต้องการทายาท ต้องการเด็กที่เกิดจากกฤตเมธ

สดายุตีความว่าต้องเป็นแบบนั้น และเริ่มรู้สึกกระวนกระวายที่ทำให้สิ่งที่ควรจะเป็นต้องผิดเพี้ยนไป รู้สึกผิดขึ้นมาอีกครั้งที่ทำให้กฤตเมธเพี้ยนไป

ความหม่นหมองที่ฉาบบนใบหน้าของสดายุอย่างกะทันหัน ทำเอากรพิณน์หันสบตากับลูกชายเลิ่กลั่ก หล่อนใจหายเล็กๆ ว่าเผลอพูดกระทบกระเทือนน้ำใจสดายุเข้าตอนไหน แต่พอได้ฟังคำขอขมาจากสดายุเท่านั้นแหละ หล่อนก็ถึงบางอ้อทันที

“ผมขอโทษนะครับ…ที่ทำให้พี่เมธเป็นแบบนี้ พี่เมธควรแต่งงานมีครอบครัว มีหลานให้แม่…ไม่ใช่…มาอยู่กับผม”

โถ…พ่อคุณของแม่ ทำไมถึงได้เปราะบางจนน่าปกป้องได้ขนาดนี้นะ ช่างคิดถึงแต่หัวอกคนอื่น จนละเลยหัวใจของตัวเองเหมือนที่ตาเมธเคยเล่าให้ฟังจริงๆด้วย… ได้ยินสดายุพูดแบบนั้น กรพิณน์ก็ได้แต่นึกสงสารในใจ ถึงนี่จะเป็นการพบหน้าสดายุอย่างเป็นทางการครั้งแรก แต่ก่อนหน้านั้น กฤตเมธโทรมาเล่าสู่ให้คนเป็นแม่อย่างหล่อนฟังวันเว้นวันอยู่แล้ว กรพิณน์มั่นใจมากว่ากฤตเมธลูกชายของหล่อนรักสดายุมากแค่ไหน และจากที่ได้สังเกตดูแล้ว สดายุเองก็รักลูกชายหล่อนมากไม่ต่างกันเลย เพียงแต่สดายุนั้นช่างอ่อนไหวกับเรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้เหลือเกิน คงเพราะพื้นฐานทางครอบครัว เหมือนที่กฤตเมธเคยเล่าให้ฟัง โถ…ช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน

กรพิณน์ยิ้ม เอื้อมมือประคองมือของสดายุที่นั่งอยู่ข้างกันไว้ ประสานสายตาของตนเข้ากับสายตาเศร้าสร้อยสับสนของสดายุอย่างจริงจัง พลางเอ่ยความในใจให้สดายุฟังอย่างไม่มีปิดบัง เพราะกรพิณน์รู้ดีว่า คำปลอบโยนสวยหรูใช้กับสดายุไม่ได้ ความจริงต่างหากที่สามารถเอาชนะใจของหนุ่มน้อยคนนี้ได้

“ไม่ผิดหรอกที่ยุคิด แม่มีลูกชายแค่คนเดียว คนเป็นแม่ก็ย่อมฝัน อยากเห็นลูกชายบวช อยากเห็นลูกแต่งงาน อยากเห็นหน้าหลาน ให้หัวใจวัยใกล้ฝั่งได้ชุ่มชื่นหัวใจ ที่ได้เห็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเรา…สืบทอดยาวนาน”  กรพิณน์เอ่ยถ้อยเสียงอ่อนหวาน มืออุ่นยังคงตระกองโอบอุ้มมือของสดายุไว้อย่างมั่นคง แม้ใบหน้าของเจ้าของมือนั้นจะสลดจนซีดเซียว หล่อนก็ยังไม่ยอมที่จะหยุดอธิบาย เพราะกรพิณน์รู้ดี ว่าต่อจากนี้ไป สดายุจะเข้าใจ และสามารถยืนหยัดได้อย่างเข้มแข็ง ไม่ต้องมามัวพะว้าภวังค์กับสิ่งใดอีก

“แต่มันจะมีประโยชน์อะไรเล่า ที่จะเอาความฝันของพ่อแม่ แลกกับความสุขทั้งชีวิตของลูก”

“ไม่ได้มีหลานไว้ให้กระชุ่มกระชวยใจยามแก่เฒ่าแล้วมันยังไงเหรอ? ในเมื่อแม่ก็ได้ยุมาเป็นลูกชายที่น่าชื่นใจของแม่อีกคนแล้ว ในเมื่อความสุขของกฤตเมธคือการรักยุ ทำไมแม่ถึงจะไม่ยินดีด้วยล่ะลูก ชีวิตมันแสนสั้นนะ ดูอย่างพ่อกับแม่สิ ยังไม่ทันไรเลย พ่อก็ทิ้งแม่ไปเสียแล้ว แต่เพราะแม่กับพ่อรักกันไง เวลาที่ใช้ด้วยกันมาถึงได้มีค่า และตราตรึงในความทรงจำของแม่เสมอ มันทำให้แม่มีความสุขทุกครั้งยามที่ได้คิดถึงพ่อ…กลับกัน หากแม่ต้องแต่งงานกับคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อของตาเมธ แต่งกับคนที่แม่ไม่ได้รัก เพียงเพื่อความฝันของพ่อแม่ของแม่…แบบนั้นต่อให้อยู่ด้วยกันไปจนแก่ แม่ก็อาจไม่มีความสุขเลยก็ได้…”

“ตาเมธเองก็เคยคบผู้หญิง ถึงจะไม่ได้มากมาย แต่ก็ถือได้ว่าครั้งหนึ่งเคยคบหา แต่แม่ก็ไม่เคยเห็นเมธจะคบได้นานสักคน ไม่เคยโทรมาเล่าให้แม่ฟัง ถ้าไม่ได้เห็นในข่าว ก็สาวเจ้าเป็นฝ่ายขอตามเมธมาหาแม่ถึงบ้าน นั่นแหละแม่ถึงได้รู้ว่า อ๋อ ลูกมีแฟน…จากนั้นไม่นานก็เลิก แล้วก็เงียบหายไปอีก วนเวียนซ้ำซากอยู่แบบนั้น จนแม่ยังอดคิดไม่ได้เลยว่า หรือชาตินี้ ลูกแม่จะไม่สามารถรักใครได้เลย แม่กังวลมาตลอด จนถึงตอนที่เมธรับงานที่ต้องไปถ่ายทำที่มัลดีฟส์นั่นแหละ เป็นวันที่แม่ได้รู้ว่า อ๋อ…ลูกชายแม่ก็ยังมีหัวใจอยู่…”

“เมธเป็นสุภาพบุรุษไม่ว่าเมธจะคบกับใครเมธจะให้เกียรติ และดูแลอย่างดี ให้ได้ทุกอย่าง ยกเว้นโลกส่วนตัวกับหัวใจ แม่ก็เพิ่งมารู้เอาตอนใกล้จะเลิกกันทุกทีว่าแท้จริงฝ่ายหญิงเข้ามาขอปฏิสัมพันธ์ก่อน และตาเมธก็ไม่ได้ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ยอมรักเขา พอแม่บ่น ก็เถียงแม่ว่าฝ่ายหญิงขอเวลาศึกษาเรียนรู้ ไม่ได้ขอให้รัก พอรู้ตัวว่าเมธไม่มีใจ เขาก็เป็นฝ่ายทิ้งเมธไป ไม่ใช่เมธเป็นฝ่ายทิ้ง ยุดูลูกคนนี้ของแม่สิ ไร้หัวใจจนแม่นึกกลัว ตอนนั้นแม่คิดเลยนะว่าต้องตายแน่ๆ ลูกแม่ต้องหาเมียไม่ได้แน่ๆ… หึหึแต่ตอนนี้แม่สบายใจแล้วล่ะ”

“ ถึงเมื่อก่อนตาเมธจะเย็นชาจนแม่ปวดหัว แต่ตอนที่เมธคบกับยุน่ะกลับมีชีวิตชีวาจนแม่ทึ่ง  ยุรู้ไหม วันที่แม่ได้รับโทรศัพท์จากตาเมธ ที่โทรมาปรึกษาว่าจะจีบยุยังไงดีเนี่ย แม่ถึงกับทำอะไรไม่ถูกเลยนะ ลูกชายแม่น่ะนะ ไม่เคยคิดรักษาน้ำใจแม่เลยรู้รึเปล่า เล่นบอกกันตั้งแต่วันแรกเลยว่า แม่ครับผมชอบผู้ชายเข้าแล้ว ผมควรจีบเขายังไงดี แค่นั้นยังทำแม่อึ้งไม่พอ ยังต่อด้วยว่า คนที่ตัวเองจะจีบคือสดายุ ดาราขวัญใจแม่อีกต่างหาก แม่นี่แทบจะลมจับ ให้ตายเถอะ ตาเมธนะ ไม่เคยเห็นใจแม่บ้างเลยล่ะ”

“จากนั้นก็โทรมาเล่าทุกวันเลยนะ ว่าจีบได้แค่ไหน คืบหน้ายัง โดยไม่ยอมปล่อยเวลาให้แม่ทำใจบ้างเลย ว่าแม่จะได้ลูกเขยแทนลูกสะใภ้”

เล่าถึงตรงนี้ กฤตเมธก็เถียงขึ้นมา ว่าแม่ต่างหากที่โทรไปถามอยู่ทุกวันว่าสดายุขวัญใจแม่เป็นยังไงบ้าง วิธีที่แม่บอกใช้ได้ผลไหม? แม่เป็นแฟนคลับตัวยง รู้ดีกว่าเจ้าตัวว่าสดายุชอบไม่ชอบอะไร

ได้ยินลูกชายเย้า กรพิณน์ก็หันไปแหวใส่เล็กๆ ว่าอย่าเอาความจริงมาล้อเล่นสิ จากนั้นก็หัวเราะชอบใจกันไปทั้งแม่ลูก ทิ้งสดายุนั่งนิ่งงันทั้งที่ใบหน้ายังคงแดงซ่าน และหัวใจที่ระอุอุ่น

เห็นแบบนั้น กรพิณน์ก็ยกยิ้มเอ็นดู มืออวบเชยใบหน้าที่ก้มต่ำให้เงยขึ้นสบตา แล้วเปิดปากเล่าความในใจต่ออย่างไม่คิดให้สดายุได้หยุดพักหัวใจ

“โดนลูกชายไซโคทุกวัน มีเหรอคนเป็นแม่จะไม่ยินยอมพร้อมใจ ก่อนหน้านั้นแม่เคยคิดว่า จะใครก็ได้ขอแค่ทำให้ลูกของแม่มีความสุขได้แม่ก็โอเคด้วยทั้งนั้น ยิ่งพอมารู้ว่าคนคนนั้นคือยุ ถึงตอนแรกแม่จะตกใจอยู่ไม่น้อย แต่พอได้ยินเมธเล่าเรื่องยุให้ฟังทุกวัน แม่ก็เข้าใจแล้วว่า คนนี้แหละคนที่ดีที่สุดสำหรับลูกของแม่”

“เท่าที่แม่เคยติดตาม แม่รู้ว่ายุเป็นคนดี เอาล่ะ เราจะไม่พูดถึงอดีตกัน ไม่ว่ามันจะเคยเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แม่ไม่สนใจทั้งนั้น เพราะตอนนั้นยุยังไม่ใช่ลูกของแม่ แต่ตอนนี้ยุเป็นคนรักของเมธ เป็นลูกอีกคนของแม่พิณน์คนนี้อย่างเต็มตัวแล้ว เรื่องของจากนี้ไปต่างหากล่ะที่น่าสนใจ”

“นี่…ยุไม่คิดจะคุยอะไรกับแม่บ้างหรือไง ปล่อยแม่พูดคนเดียวจนเสียงแห้งหมดแล้วเนี่ย”  กรพิณน์กระเซ้าคนที่นิ่งฟังมาตลอดให้รู้จักตอบโต้หล่อนบ้าง

สดายุยังไม่ได้พูดอะไรในทันที สมองเขายังประมวลผล ความสุขมันล้นทะลักเกินไปจนไม่สามารถตั้งสติได้ เขาจ้องมองกรพิณน์สลับกับกฤตเมธไปมาอยู่อย่างนั้น จนในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยบางอย่างขึ้น

“ดีแล้วเหรอครับที่เป็นผม…”    คำถามที่ไม่ได้ยากแก่การตอบ แต่ต้องพิถีพิถันในการนิยามความหมายที่สุด “ผมไม่มีอะไรเลย ผมให้ทายาทไม่ได้ สืบสกุลไม่ได้ แม้กระทั่งจุดยืนในสังคม…ผมก็ให้ไม่ได้ ผมที่ช่วงชิงทุกอย่างจากพวกคุณมาแบบนี้…ดีจริงๆแล้วเหรอครับ”

คำถามตรงไปตรงมาของสดายุ แน่นอนว่าทำให้ทั้งกรพิณน์และกฤตเมธนิ่งอึ้งไปได้ แต่ที่นิ่งไปไม่ใช่เพราะตอบคำถามไม่ได้ แต่เพราะกำลังตื้นตันกับสิ่งที่สดายุมอบให้ ทำไมกันนะ คนคนนี้ถึงไม่คิดจะเห็นแก่ตัวบ้างเลย ความสุขกองไว้ตรงหน้าแท้ๆ ทำไมไม่รีบฉวยคว้า กลับถามความสมัครใจของผู้ให้อยู่ได้ว่าเต็มใจหรือเปล่า ถามว่าตนมีค่าพอจะรับหรือเปล่า…

ช่างเป็นเด็กน้อยผู้น่าสงสาร จนหัวใจของทั้งกรพิณน์และกฤตเมธต่างก็รู้สึกอยากปกป้อง และมอบความรักให้อีกมากล้น ให้มากจนสดายุไม่คิดจะเห็นตัวเองด้อยค่าอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก

กรพิณน์ เช่นเดียวกับที่กฤตเมธยิ้ม สดายุเห็นชัดเจนว่าในรอยยิ้มนั้นมีคำตอบใดแฝงอยู่ แค่เห็นสดายุก็ยิ้มตอบรับและยอมที่จะฉกฉวยความสุขตรงหน้ามาเป็นของตนอย่างเต็มใจ น้ำตาไม่ได้ไหลลงมาให้ได้อายอีกต่อไป แต่ยังคงรื้นให้ดวงตาคู่สวยนั้นได้ฉายประกายสุกสกาว

กรพิณน์ขยับเข้าใกล้สดายุ เช่นเดียวกับที่สดายุเองก็ขยับเข้าใกล้ผู้เป็นมารดาของคนรัก ทรุดกายลงจากโซฟา คุกเข่าลงบนพื้นตรงหน้ากรพิณน์ด้วยอาการนอบน้อม ก่อนพนมมือก้มกราบลงแทบตักของผู้ที่ขึ้นชื่อว่า ‘แม่’ อีกคนของตน

“ขอบคุณครับแม่…ที่ยอมรับผมคนนี้เป็นลูกอีกคน…”

 กรพิณน์ยิ้ม ก้มลงรับกราบของลูกคนใหม่ ด้วยใบหน้าที่แสนอ่อนโยน ในดวงตาที่ร่วงโรยตามวัยรื้นฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความปลื้มปิติ สองมือบรรจงลูบทั้งศีรษะและไหล่บอบบางของสดายุแผ่วเบา เพื่อรับขวัญ

“ขอบใจยุเช่นกันนะ ที่ยอมรับลูกชายแม่ หากแม้ยุยังรู้สึกผิดกับแม่ล่ะก็…” ประโยคถูกเว้นวรรคเล็กน้อย พร้อมสองมืออวบอุ่นค่อยๆตระกองใบหน้าสดายุให้แหงนเงยขึ้นสบตากัน

 “ชดเชยให้แม่สิ…ชดเชยโดยการเป็นคนรักของเมธ และเป็นลูกแม่ตลอดไป”

กลิ่นอายหวานล้ำอวลโอบรอบร่าง สดายุยิ้ม ยิ้มอย่างมีความสุขที่สุด ยิ้มกว้างที่สุดเท่าที่จะยิ้มได้ เช่นเดียวกับกรพิณน์ เช่นเดียวกับกฤตเมธ


ครอบครัวที่เฝ้าตามหา แท้จริงอยู่เพียงเอื้อมมือคว้านี่เอง


****************************************************
เรื่องราวโดยสังเขปก่อนจบ
-   งานฌาปณกิจของเสน่ห์จันทร์ และฉากสุดท้ายของชิดจันทร์
-   งานแถลงข่าวเมธ+ยุ
-   ฉายหนังสุดปลายทางของ...หัวใจ รอบปฐมทัศน์
-   บทสรุป...
พอร์ช+รุจน์// บลู+ซอล// ดนัย+ดิน// เมธ+ยุ
และติ่งต่อจากตอน “Roommate” ย้อนรอย...อ๊อด x กมล
-   ตอนพิเศษ *ฮันนีมูน*

อิอิ เหลือให้ลุ้นกันอีกแค่นิดหน่อยแล้วนะคะ
ความสุขกำลังมาเยือนค่ะ
เคลียร์กันเป็นปมๆไป…

ขอโทษที่หายหัวไปตั้งครึ่งเดือนนะก๊ะ
พอดีโดยหัวหน้าเพ่งเล็งเล็กน้อยเรื่องอู้เขียนนิยายในเวลางาน
ช่วงนี้เลยออกช้าหน่อย ขอบคุณที่อดทนรอนะค๊า TT^TT
ขอบคุณที่ยังติดตามค๊า

อนาคี99 #Thearboo


ปล. ดินxดนัย มาไม่ทันในตอนนี้ กระโดดไปโผล่ตอนหน้านะจ๊ะ งื้อ...

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2015 11:36:53 โดย อนาคี99 »

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
จิ้มจึกๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด