คุณน่ะเมียผมครับ ตอนที่ 29
Tru… Tru… Tru…
ใครโทรมาแต่เช้าวะ ผมกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่ส่งเสียงดังอยู่หัวเตียง
พอใกล้จะถึงก็มีมือเอื้อมมาหยิบตัดหน้าผมไป
“ครับพ่อ” อ่าว ผมมองตามเป็นไอ้เชี้ยพี่คิมหยิบโทรศัพท์ไปคุย โทรศัพท์ของมัน
ตอนแรกผมนึกว่าของผมดันเสียงเรียกเข้าเหมือนกัน
“ครับ อยู่หัวหินครับ ไม่เข้า อีกหลายวันกว่าจะกลับครับ ครับ สวัสดีครับ”
ผมได้ยินมันพูดแค่นั้นแล้วกดวาง
ผมรู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งตัว หัวก็หนักๆมึนๆ ร่างกายเหมือนไม่มีแรง
ขอบตาร้อนผ่าว แล้วผมก็นึกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองเมื่อคืนนี้
ภาพความทรงจำค่อยๆลอยเข้ามาในหัวผมที่ละเหตุการณ์จนมาหยุดที่เสียงโทรศัพท์เมื่อสักครู่
ผมว่าแล้วทำไมถึงเจ็บด้านหลังและสะโพกมากกว่าที่อื่น
เพราะไอ้พี่เชี้ยนี่คนเดียว อาการที่ผมเป็นอยู่นี่คือผมไม่สบาย
ผมรู้ทันทีไม่ต้องมีใครบอก
“มึงเป็นไข้” เสียงไอ้พี่คิมดังมากจากข้างตัวผม
“อื้ม” ผมตอบรับแค่นั้นยังโกรธมันอยู่ และไม่รู้ว่าจะเอายังไงต่อไป
“กูขอโทษ กูเมา แต่กูผิดกูยอมรับ” พี่คิมพูดเสียงนิ่งๆไม่แสดงอารมณ์อะไร
“ทำไมพี่ต้องทำแบบนี้” ผมถามพี่คิมทั้งที่สมองยังงงๆ เบลอๆ
“กูยอมรับ กูเมาเลยรุนแรงกับมึง แต่กูยินดีรับผิดชอบการกระทำ”
“เรื่องมันเร็วจนผมรับไม่ทัน” ผมพูดเบาแทบไม่มีเสียง และรู้สึกว่าคอแห้งเป็นผง
“นอนซะกูจะลงไปเอาข้าวกับยาให้กิน”
พี่คิมพูดแค่นั้น แล้วลุกไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนเดินออกไปจากห้อง
ผมก็ล้มตัวลงนอนเหมือนเดิมหลังจากพี่คิมลุกขึ้นอาบน้ำ
แต่การขยับตัวแต่ละทีมันทำให้ผมเจ็บไปทั้งตัวเลย
ผมหยิบนาฬิกามาดูตอนนี้เที่ยงกว่าแล้วครับ แต่ผมก็ไม่คิดจะลุกไปอาบน้ำ
ได้แต่นอนอยู่บนเตียงเหมือนเดิมไม่นานก็หลับอีกรอบเพราะความเพลียและพิษไข้
“นาวตื่นก่อน กินยา” เสียงพี่คิมเรียกผมให้ตื่น
ผมก็ค่อยๆลืมตาเห็นพี่คิมเอาข้าวต้มกับยาใส่ถาดมาวางไว้ให้
“ไม่หิว” ผมบอกพี่คิมเบาๆ เพราะไม่มีแรง
“ไม่หิวก็ต้องกิน มึงจะได้หาย”
พี่คิมว่าก่อนจะเดินมาหยิบชามข้าวต้มที่วางบนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาถือไว้
“จะกินเองหรือให้กูป้อน” พี่คิมถามเสียงนิ่ง ตาดุเลยครับ
“กินเอง” ผมรีบตอบแม้เสียงจะเบาแต่พี่คิมก็ได้ยินเลยส่งชามข้าวต้มมาให้ผมถือ
ผมก็เริ่มลงมือกินและรู้ได้ทันทีในคำแรกว่าเป็นฝีมือพี่ตินณ์
ผมกินไปได้ครึ่งชามก็กินต่อไม่ไหว พี่คิมเลยให้กินยาและบอกให้ผมนอนต่อ
ผมก็ล้มตัวลงนอน และมองตามพี่คิมที่ถือถาดข้าวต้มกับน้ำเดินออกไปจากห้อง
ผมกำลังจะหลับตา แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นกะละมังใบเล็กและผ้าผืนเล็กวางอยู่ใกล้ๆ
เหมือนเอาไว้สำหรับเช็ดตัวคนป่วย แต่พี่คิมจะมาดูแลเช็ดตัวให้ผมเหรอ
ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด ผมสลัดความคิดที่ไม่น่าเป็นไปได้ออกจากหัวแล้วหลับตานอนต่อทันที
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก... เสียงเคาะประตูทำให้ผมตื่นอีกครั้ง
หลังจากเมื่อซักชั่วโมงก่อนหน้านี้ไอ้ฟิกซ์กับไอ้มายด์มาเคาะไปแล้วรอบหนึ่ง
พอเห็นผมไม่สบายก็โวยวายถามว่าเป็นอะไร ผมก็บอกว่าตากน้ำค้างแล้วเมาหนักเลยเป็นไข้
มันก็ยอมเชื่อเพราะมันไม่เห็นสภาพผมที่อยู่ใต้ผ้าห่ม
มันจะอยู่เฝ้าแต่ผมบอกว่าไม่เป็นไรนอนอีกนิดเดี๋ยวก็หาย
เพื่อนผมจะเฝ้าแต่ไอ้คนต้นเหตุมันดันหายหัวตั้งแต่เอาชามข้าวต้มไปเก็บยังไม่กลับมาเลย
มันคงคิดว่าผมเป็นตัวปัญหาที่ตอนนี้ไม่อยากเห็นหน้า
ผมเลิกคิดถึงมันแล้วมองไปที่ประตูเห็นไอ้พรตกับพี่ตินณ์เดินเข้ามา
“กูต้องจองวัดไหม” ไอ้เชี้ยพรตมาถึงก็อวยพรผมเลยครับ
“ยังไม่ต้อง กูยังอยู่อีกนาน” ผมตอบไอ้พรตทั้งที่แทบไม่มีแรง
“มึงเป็นไงบ้าง” มันถามอีกแต่ครั้งนี้ผมเห็นสายตา และความจริงใจที่มันส่งมาให้
“ก็ยังไม่ตาย สบายดี” ผมตอบมันเพื่อให้มันสบายใจ
แม้คำตอบผมจะเหมือนเป็นเรื่องเล่นๆ แต่ผมก็รู้ว่ามันเข้าใจในคำพูดของผม
“งั้นก็ดีแล้ว กูจะได้ไม่ต้องห่วง” ไอ้พรตก็ยังเป็นไอ้พรตที่พอเพื่อนเดือนร้อน
หรือไม่สบายมันจะเป็นห่วงและออกตัวช่วยก่อนเสมอ
“ไอ้คิมไปไหน” เสียงพี่ตินณ์ถามผมนิ่งๆ แต่ก็ทำให้ผมไม่รู้จะตอบอย่างไร
เพราะผมก็ไม่รู้ว่ามันหายหัวไปไหนแน่
“...” ผมเลือกที่จะเงียบแทนการตอบ
“มันออกไปนานรึยัง” พี่ตินณ์ถามอีกครั้ง
“นานแล้วตั้งแต่บ่าย เอาข้าวกับยามาให้นาวกินแล้วก็ออกไปไหนไม่รู้”
ผมเลือกจะตอบพี่ตินณ์เท่าที่รู้ ดีกว่าเงียบไว้แล้วพี่ตินณ์โมโห
“มึงมีอะไรจะบอกกูไหม” ไอ้พรตถามผมพร้อมส่งสายตาจริงจังมาให้
“...” ผมรู้ถึงคำถามแต่ ไม่รู้จะเริ่มบอกมันว่าอย่างไรดีเลยเลือกที่จะเงียบอีกครั้ง
“มึงไม่บอกกู ไม่เป็นไรแต่ถ้ามีอะไรให้กูช่วยก็บอก กูไม่ได้ต้องการให้เรื่องเป็นแบบนี้”
ไอ้พรตมันพูดนิ่งๆ แต่ผมรู้ว่ามันอยากช่วยและเริ่มรู้สึกผิดที่เรื่องมันออกมาในรูปนี้
“กูไม่รู้ กูสับสน มึงคงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับกูใช่ไหม”
ผมที่สบสนอยู่แล้วก็เริ่มหมดความอดทนที่จะเก็บไว้คนเดียว
ผมบอกมันก่อนถามมันบ้างด้วยเสียงที่สั่นเทา
“ตอนแรกกูไม่แน่ใจ แต่พอเห็นสายตามึง กับรอยที่คอกูก็พอเดาได้
กูแค่อยากรู้ว่ามึงยอมเองหรือโดนบังคับ”
มันอธิบายให้ผมฟังก่อนถามคำถามที่ผมตอบไม่ได้
ทำไมวันนี้มีแต่เรื่องที่ผมตอบไม่ได้เต็มไปหมด
อาจจะด้วยสภาพและสติของผมที่ยังไม่สมบูรณ์พอที่จะประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว
“กูไม่รู้” ผมค่อยๆตอบเสียงเบาแทบไม่ได้ยิน
“ไม่รู้เหี้ยไรของมึง อย่าบอกว่ามึงเมา
กูแค่อยากให้มึงวุ่นวายที่มีพี่คิมคอยตาม
แต่จะมีอะไรมากกว่านั้นกูอยากให้มึงเต็มใจ ไม่ใช่โดนบังคับ”
ไอ้พรตพูดเสียงดังแล้วจ้องตาผม
“กูไม่รู้ กูสับสน กูเมา หรือกูไม่เมากูยังไม่รู้ตัวเองเลย” ผมก็ตอบมันตามที่ผมรู้สึก
ตอนนี้ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้นแม้กระทั่งความรู้สึกของตัวเอง
“อย่าเพิ่งไปกดดันมัน ปล่อยให้มันมีเวลาคิดก่อน”
เสียงพี่ตินณ์ดังมาจากข้างหลังไอ้พรต
“พี่ตินณ์” ผมเรียกพี่ตินณ์เบาๆ ตอนนี้ผมเหมือนคนหลงทางต้องการแสงสว่าง
หรือใครซักคนเป็นที่พึ่ง พอพี่ตินณ์ได้ยินผมเรียกก็เดินเข้ามาใกล้ๆ
ผมขยับตัวขึ้นลุกนั่งก่อนจะเอื้อมมือมากอดเอวพี่ตินณ์ไว้จนแน่น
“มันเกิดอะไรขึ้นพี่ พี่ตินณ์ ผมสับสน” ผมถามเสียงสั่น
อยากร้องไห้แต่ก็พยายามกลั้นไว้
ก่อนที่พี่ตินณ์จะเอื้อมมือมาลูบหัวผมเบาๆ
“แล้วมันจะผ่านไป พี่รู้ว่านาวทำได้ ใจเย็นๆค่อยๆคิด”
พอผมได้ยินประโยคนี้สิ่งที่กักเก็บไว้ก็เริ่มไหลออกมาเงียบๆ
ไม่มีเสียงมีแต่น้ำตากับน้ำมูกที่ไหลออกมา
“จำไว้ว่ายังมีพี่อยู่ ถ้ามันไม่รับผิดชอบหรือตกลงกันไม่ได้บอกพี่เดี๋ยวพี่จัดการมันให้”
ผมได้ยินพี่ตินณ์พูดประโยคนี้แล้วยิ่งร้องไห้มากกว่าเดิม
ผมเหมือนมีพี่ชายที่คอยช่วยเหลือเวลาที่ผมมีปัญหา
พี่ตินณ์เป็นพี่ชายที่อบอุ่นเสมอสำหรับผมที่เป็นลูกคนเดียวและพ่อกับแม่ไม่ค่อยมีเวลาให้
พอเจอคนที่บอกว่าจะปกป้องและแก้ปัญหาให้
ผมยิ่งรู้สึกว่าผมเลือกไม่ผิกจริงๆที่ให้พี่ตินณ์เป็นไอดอลของผม
“ทำอะไรกัน” เสียงไอ้พี่คิมดังขึ้นที่หน้าประตู
แต่ผมไม่ได้หันไปมอง ตอนนี้ยังไม่อยากมองหน้ามัน
“กูมาดูไอ้นาว มันไม่สบาย” เสียงพี่ตินณ์ตอบ
“ไม่สบายทำไมไม่นอน ตื่นมานั่งกอดมึงเนี๊ยะนะ”
ไอ้พี่คิมบอกพี่ตินณ์แต่ผมรู้ว่าพูดกระแทกผมแน่นอนผมสังเกตได้จากน้ำเสียง
“แล้วทำไมหัวมึงเป็นแบบนั้น”
ผมเงยหน้าขึ้นมองหัวไอ้พี่คิมทันทีที่พี่ตินณ์พูดจบ มันไปตัดผมสกินเฮดมา
จากหน้าตาที่ปกติกวนอยู่แล้ว ตอนนี้หน้ามันกวนตีนเพิ่มเป็น 10 เท่า แล้วดูร้ายๆบอกไม่ถูก
“กูร้อน” ผมได้ยินมันตอบแค่นั้น
“เออ มึงจะทำอะไรก็ทำ แต่อย่าให้มันเสียใจ” พี่ตินณ์บอกไอ้เชี้ยพี่คิม
“เออ” มันรับคำ
“ดูแลน้องกูด้วย พักผ่อนก่อนแล้วค่อยตกลงกันให้รู้เรื่องนะ”
พี่ตินณ์บอกไอ้เชี้ยพี่คิม ก่อนหันมาบอกผม
ผมก็ได้แต่พยักหน้าให้ไม่ได้ตอบว่าอะไร
ก่อนที่พี่ตินณ์จะลากไอ้พรตออกไปจากห้องทิ้งผมให้อยู่กับไอ้โหดสองคน
“ไม่สบายทำไมไม่นอน” เอาแล้วครับมันเริ่มถามผมเสียงนิ่งเหมือนเดิม
“นอนทั้งวันเบื่อ” ผมก็ตอบตามปกติ
“นอนเข้าไปจะได้หาย ถ้าไม่นอนกูจะไม่ดูมึงอีกเลย”
หือ! ว่าไงนะ ถ้าไม่นอนจะไม่ดู
พูดเหมือนก่อนหน้านี้มึงดูแลกูมากเลยเนอะ ผมได้แต่คิดไม่ได้พูด
“นอนซะ พรุ่งนี้มีเรื่องต้องคุยกัน วันนี้กูให้มึงนอนคิดไปก่อน ว่าต้องการอะไร”
แม่งพูดงงๆ ทำยังกับว่ากูต้องการแล้วจะได้อย่างนั้นแหละ ปกติบังคับกูตลอด
“มึงไปตัดผม ทรงหัวโล้นมาทำไม” ผมอดไม่ได้ที่จะถาม สิ่งที่คาใจ
“ถ้ายังไม่อยากตายอย่าถามเรื่องนี้” ไอ้พี่คิมเสียงนิ่งมากเลยครับ
“เออ เชี้ยไม่ถามก็ได้” ผมว่าเสียงดังก่อนหันหลังนอนต่อ
ไม่อยากสนใจแม่งแล้ว ผมได้ยินเสียงมันทำอะไรไม่รู้ก๊อกแก๊ก
ซักพักก่อนเปิกประตูออกไป และไม่นานก็กลับมาอีกครั้งพร้อมข้าวเย็นและยา
มันบังคับผมกินจนเกือบหมดแล้วผมก็หลับอีกครั้งเพราะฤทธิ์ยาแก้ไข้
“มึงจะทำอะไร” เสียงไอ้พี่คิมดังขึ้นหลังจากผมเดินมาหยิบผ้าเช็ดตัวเตรียมอาบน้ำ
“อาบน้ำดิ เหนียวตัวนอนทั้งวันไม่ได้อาบ” ผมบอกก่อนเดินต่อ
“มึงไม่ดูสังขารตัวเองเลยเนอะ จะตายห่ายังจะอาบอีก”
แม่งยังมีหน้ามาว่าผมทั้งที่ตัวเองเป็นต้นเหตุ
“กูร้อน” ผมหันไปบอก
“มานอน เดี๋ยวกูเช็ดตัวให้” ผมอึ้งเลยครับ ไอ้พี่คิมจะเช็ดตัวให้ผม
งั้นแสดงว่าที่ผมเห็นเมื่อตอนบ่ายก็เป็นของพี่คิม
“ไม่เอา ผมจะอาบ” ผมตัดสินใจบอกไป เพราะไม่อยากเป็นภาระใคร
“มึงจะมาดีๆ หรือให้กูใช้กำลังอีก” แม่งขู่กูตลอด กูคนป่วยนะ
ผมคิดก่อนค่อยๆเดินกลับไปที่เตียง
จากนั้นไอ้พี่คิมก็เอากะละมังที่ไปล้างแล้วคว่ำในห้องน้ำใส่น้ำและหยิบผ้ามาเช็ดตัวให้ผม
มือพี่คิมก็เบาดีนะเช็ดไม่แรงเท่าไหร่ แต่ทำท่าอยากจะเช็ดในกางเกงผมด้วยนี่ดิ
“ข้างในไม่ต้อง ผมเช็ดเอง” ผมบอกออกไปด้วยความอาย
“อยู่เฉยๆ” พี่คิมผลักมือผมที่พยายามห้ามออก
ก่อนสอดมือเข้าไปในกางเกงแล้วเช็ดต่อ
ผมก็ต้องอดทนไปสิ ทั้งความอายและอย่างอื่น
“แม่งชอบบังคับ” ผมว่าเบาๆ
“ก็มึงมันดื้อ” พี่คิมตอบผมเบาๆเหมือนกัน เหมือนเผลอตอบผมมากกว่าจะตอบจริงจัง
“เสร็จแล้วนอนได้ เดี๋ยวดึกๆ กูปลุกมากินยาอีกรอบ”
พี่คิมว่าก่อนยกกะละมังเล็กหายไปในห้องน้ำ
ผมก็นอนหลับอีกรอบหลังจากเริ่มสบายตัวขึ้นมาบ้าง
“อ่าวตื่นแล้วเหรอ เป็นไงบ้างวะ”
เสียงไอ้พรตถามผมหลังจากผมตื่นมาอาบน้ำ
และลงมาจากห้องเห็นมันนั่งกินข้าวอยู่ในครัวคนเดียว
“อืมหายแล้ว เป็นไรนานนักวะ กินยาจนอ้วนแล้วกู”
ผมบอกมันก่อนเดินเข้าไปดูว่ามีอะไรกินบ้าง
เมื่อวานกินแต่ข้าวต้มทั้งวัน เบื่อครับ เช้ามาหิวเลย
ผมตื่นมาตอนเช้าไม่เห็นใครอยู่ในห้อง ไม่รู้ไอ้เชี้ยพี่คิมหายหัวไปไหน
ผมรู้สึกตัวเองหายไข้แล้วสติกลับมาเต็มร้อย
เมื่อวานเป็นไข้หนักไปหน่อยเลยเบลอเผลออ้อนพี่ตินณ์
ไม่รู้ไอ้พรตมันจะคิดมากกลัวผมไปแย่งของมันรึเปล่ายิ่งขี้หวงอยู่ด้วย
“ไปไหนกันหมดว่ะ บ้านเงียบจัง” ผมดูเวลาเก้าโมงกว่าแล้ว แต่มองไปไม่เห็นใครนอกจากไอ้พรต
“ออกไปตลาด” มันตอบก่อนกินต่อเงียบๆ
“อ่าว ไม่มีใครปลุกกูไปด้วย แล้วมึงไมไม่ไป” ผมบ่นก่อนถามมัน
“กูมึงป่วยใครจะปลุก ส่วนกูขี้เกียจไป ไม่อยากเดิน”
มันตอบผมโดยไม่เงยหน้าจากจานข้าวเลยครับ อะไรจะอยากกินขนาดนั้น
“กูว่ามึงยังเดินแปลกอยู่นะ เสื้อก็มิดชิดเกินไป”
ไอ้เชี้ย! กูนึกว่าไม่สังเกต วันนี้ผมใส่เสื้อแขนยาวคอเต่าเลยครับเอามาเผื่อไว้กันแดง
เสือกต้องเอามากันอย่างอื่น แล้วก็ไอ้ท่าเดินไม่ต้องสงสัย เจ็บครับยังไม่หาย
“เชี้ย!!! มึงอย่าทักได้ไหม กูยังไม่มั่นใจอยู่” ผมว่ามันไปครับ
“ดูมึงโอเคกว่าเมื่อวานเยอะเลยนะ” ไอ้พรตหันมาว่ายิ้มๆ
“เออ กูตัดสินใจได้แล้ว” ผมบอกมันก่อนหยิบจากมาตักข้าวแล้วนั่งกินพร้อมมัน
“หึหึ เป็นไงล่ะ ที่ถามกูไปบอกแล้วว่าไม่เจ็บ เสือกไม่เชื่อดันไปทดลองเอง”
หน้ามันอ้อนตีนผมยิ่งกว่าคำพูดอีกครับว่าจะไม่โกรธมันเรื่องนี้แล้วนะ ดันพูดมาสะกิดใจกูอีก
“มึงมันเชี้ยมาก ร้ายมาก หลอกกูว่าไม่เจ็บ” ผมว่ามันแค่นั้นแล้วลงมือกินข้าวต่อ
“หึหึ แล้วสรุปเป็นไง อย่างที่กูบอกไหม” มันยังมีหน้ามาถามไม่เลิก
“เออไม่เจ็บ แต่ขี้ไม่ต้องเบ่ง พอใจยัง” ผมว่าประชดมันครับเสือกถามไม่เลิก
“สัส!!! กูกินข้าวอยู่” มันว่าแค่นั้นแล้วเลิกอยากรู้ต่อเลย
ผมกินข้าวเสร็จก็มานอนดูทีวีกับไอ้พรตตรงห้องรับแขกไม่นานเหล่าพ่อครัวก็กลับมา
ถามด้วยแม่ครัวคนสวยเพียงหนึ่งเดียวรั้งท้ายครับ
“ตื่นนานยัง” คิดว่าใครถาม อย่าคิดว่ามีคนถามผม
แต่เป็นพี่ตินณ์ถามไอ้พรตพร้อมเดินไปหอมแก้มมัน
มันก็ทำท่าปัดเอาหน้าหลบอย่างรำคาญ แต่พี่ตินณ์ก็หอมจนสำเร็จ
เดี๋ยวนี้พี่ตินณ์ค่อยข้างแสดงออกถ้าอยู่ในกลุ่ม
แต่ถ้าข้างนอกหรือมีคนอื่นก็จะทำเหมือนรุ่นพี่รุ่นน้องกันธรรมดา
ผมมองแล้วก็ดีใจที่มีคนหยุดมันได้ซะที
แถมดูท่ามันจะหลงพี่ตินณ์เหมือนกัน
เพราะผมไม่เห็นมันสนใจหรือใส่ใจใครเท่านี้แม้แต่นิวที่มันเคยบอกว่าชอบก็ตาม
“กินข้าว กินยารึยัง”
เสียงนิ่งๆถามผมทำให้หันหน้ามามองพี่คิมจากที่มองภาพสองคนนั้นแหย่กัน
ไม่ใช่ ผมพูดผิดต้องบอกว่า พี่ตินณ์แหย่ไอ้พรตให้โดนด่ามากกว่า
“กินแล้ว” ผมตอบไอ้พี่คิมก่อนหันมาสนใจทีวีต่อ”
“กูมีเรื่องคุยด้วย ตามมา” ไอ้พี่คิมพูดเสร็จไม่รอให้ผมตอบรับหรือปฏิเสธเลย
มันรีบเดินขึ้นห้องทันที ผมก็ต้องเดินตามสิครับ ไม่อยากขัด เดี๋ยวเป็นเรื่องอีก
“ถ้ามึงหายแล้วคงคุยรู้เรื่องนะ”
พอผมก้าวพ้นประตูเข้ามาพี่คิมก็เริ่มพูดทันทีไม่ปล่อยให้เสียเวลา
“อื้อ” ผมตอบรับก่อนเดินไปนั่งที่ปลายเตียงโดยพี่คิมยืนพิงประตูระเบียงมองมาที่ผม
“กูพร้อมจะรับผิดชอบ” พี่คิมพูดแค่นั้นแล้วหยุดไปเฉยๆ
“รับผิดชอบยังไง” ผมถามต่อ
“กูจะดูแลมึงเอง มึงมาเป็นแฟนกู” พี่คิมพูดต่อนิ่งๆ
“ไหนว่าไม่เดินตามพี่ตินณ์ จะไม่มีแฟนเป็นผู้ชาย” ผมถามเรื่องที่ข้องใจครับ
“อืม กูเคยพูด แต่กระทั้งเรื่องที่กูบอกจะไม่มีอะไรกับผู้ชายกูยังมีกับมึงได้
แล้วนับประสาอะไรกับการที่กูจะมีแฟนเป็นผู้ชาย เมื่อเรื่องมันเกินแล้วกูก็ต้องรับผิดชอบ”
“ไม่กลัวคนอื่นล้อ” ผมถามอีก
“กูเคยสนใจไหม” พี่คิมตอบแค่นี้แล้วเงียบ
“ผมไม่ต้องการความรับผิดชอบ ถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”
ผมเงียบไปซักพักก่อนพูดช้าๆชัดๆ เพราะผมตัดสินใจมาดีแล้ว
“ทำไม” พี่คิมถามแค่นั้นแล้วเงียบอีกเหมือนเดิม
“ผมไม่ต้องการคบใครแค่เพียงความรับผิดชอบ ผมต้องการคบคนที่ผมรัก
และผมเป็นผู้ชายไม่เสียหายพี่ก็เหมือนกันลืมมันซะเถอะ”
“มึงตัดสินใจดีแล้วว่างั้น”
“อืม ผมคิดดีแล้ว”ผมหยุดคิดนิดนึงก่อนตอบ พี่คิมเงียบเลยครับ
.
.
.
“มึงได้กูแล้วมึงจะไม่รับผิดชอบเหรอ”
ไอ้เชี้ย!!! กูกำลังเครียดเสือกถามมาได้
แต่มึงต่างหากที่ได้กูยังมาหน้าด้านว่ากูได้มึงอีกนะ
“ใครได้มึง มึงสิบังคับเอากู” ผมเถียงไอ้พี่คิมครับ
อารมณ์เสียไม่เรียกดีแล้ว เรียกมึงแม่งเลย
“จะใครได้ใครก็ช่างสรุปคือเราได้กัน
มึงต้องรับผิดชอบกู ถ้าไม่ให้กูรับผิดชอบมึง” พูดได้นิ่งมากนะมึง
“มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ กูไม่ได้ชอบมึง
ไม่ได้รักมึงแล้วจะคบมึงได้ไง” ผมถามมันอีกครั้ง
“ก็คบไปก่อน เดี๋ยวมึงก็รักกูเอง ไม่มีใครที่อยู่ใกล้กูแล้วไม่รัก”
มั่นมากนะไอ้พี่คิม แต่ที่มึงว่าน่ะผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชายอย่างกู
“ไม่เอาไม่คบ แล้วมึงไอ้พี่คิมห้ามทำอะไรกูอีกเด็ดขาด” ผมพูดเสียงดังเลยครับ
“กูถือว่ามึงเป็นคนเลือกเองนะ”
พี่คิมพูดเสียงนิ่งๆเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน จะนิ่งไปไหนวะ
“เออ” ผมตอบเสียงดังเลย
“งั้นจากนี้กูจะทำตามที่มึงต้องการ”
พี่คิมพูดพร้อมจ้องตาผมไม่กระพริบครับ
ผมนึกในใจปกติไม่เคยจะยอมตามใจทีนี้ตามใจง่ายจังวะ
พอพี่คิมพูดเสร็จก็เปิดประตูเดินออกจากห้องไปเลยครับ
ซักพักผมก็เดินตามลงมาหาไอ้พรตบ้าง
ผมถือว่าเรื่องของผมกับพี่คิมคืนนั้นมันเป็นแค่ความเมาของทั้งสองคน
และจะไม่เก็บมาคิดให้รกสมองอีก
หลังจากนี้ผมจะเที่ยวให้สนุกๆสุดๆไปเลย
--- To Be Con.---
-------------------------------------------------------------------
ทักทายท้ายตอนค่ะ
จบไปอีก 1 ตอนแล้วนะคะ
ตอนนี้อาจจะทำให้ใครหลายคนไม่ชอบใจว่าทำไมนาวถึงตัดสินใจแบบนี้
แต่เพราะนาวต้องการคบกับคนที่นาวรักและรักนาวเมื่อมองยังไงพี่คิมก็ไม่ได้รักจึกเลือกที่จะลืม...
สำหรับเรื่องที่หลายคนคงพอทราบบ้างแล้วว่าเรื่องนี้ใกล้จบแล้ว
ตามเดิมเมจิกมีเรื่องที่จะเขียนอีกเยอะ เพราะอยากให้เห็นถึงพัฒนาการความรักของแต่ละคู่
แต่เนื่องจากเมจิกเริ่มทำโปรเจคจบ (เดิมคิดว่าไม่มีปัญหาเรื่องนี้)
และบังเอิญเมจิกเพิ่งได้รับงานเป็นผู้ช่วยวิจัย ทำให้ทำงานหนักขึ้น
ต้องเรียนและทำงานไปพร้อมกัน เมจิกเลยตัดสินใจที่จะจบเรื่องนี้ในอีกไม่กี่ตอนข้างหน้า
เพื่อเร่งเขียนอีกเรื่องให้จบโดยเร็วเช่นกัน
แต่มีหลายคนบอกเมจิกว่ายังไม่อยากให้เรื่องนี้จบ
เมจิกเลยอยากถามทุกคนว่า จะให้เมจิกจบเรื่องในอีกไม่กี่ตอนข้างหน้านี้
หรือให้ลงไปเรื่อยๆ แต่อาจจะไม่ได้ลงถี่เหมือนเดิม
ซึ่งคำว่าลงไม่ได้ถี่ หมายความว่าอาจจะอาทิตย์ละตอนคะ
เมจิกเคยเป็นคนอ่านมาก่อน ก็เข้าใจความรู้สึกของคนที่รอนาน
หรือนิยายที่เราชอบคนแต่งไม่ยอมมาต่อ
เมจิกอยากทำทุกอย่างให้ออกมาดี
แต่สุดท้ายแล้วมันคงไม่สามารถทำทุกอย่างให้ดีได้พร้อมกัน ^^
ยังไงเมจิกต้องขอขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น
ระยะเวลาเดือนกว่าๆ ทำให้เมจิกได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง
และอยากบอกว่าเมจิกรักคนอ่านทุกคนค่ะ
