[เรื่องสั้นสนองนี๊ด] Demon Love พันธะสัญญาแห่งปีศาจ : #9 : 17/4/58 UP!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้นสนองนี๊ด] Demon Love พันธะสัญญาแห่งปีศาจ : #9 : 17/4/58 UP!!  (อ่าน 28097 ครั้ง)

ออฟไลน์ Kamidere

  • บรรยายมันออกมา ทุกสิ่งที่อยู่ในใจ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-04-2015 12:02:27 โดย Kamidere »

ออฟไลน์ Kamidere

  • บรรยายมันออกมา ทุกสิ่งที่อยู่ในใจ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
ข้อตกลงในการอ่านนิยายเรื่องนี้
กรุณาโปรดอ่าน!!!!!




1.นิยายเรื่องนี่เป็นแฟนตาซีสนองนี้ดคนแต่งค่ะ อะไรที่มันดูเกินจริงไปบ้างก็ทำใจกันนิดนะคะ ช่วงนี้อยากเอาฮามั่งค่ะ หลังจากสองเรื่องที่ผ่านมาโคตรเครียด -*-

2.เรื่องนี้ลงไม่เป็นเวลาค่ะ อารมณ์ได้ ฟีลขึ้น เครื่องติด เขียนจบ ฟ้าก็ลงเมื่อนั้น ดองสดและไม่มีพริกเกลือแถม ทวงและตามได้ แต่ไม่รับปากว่าจะลงค่ะ เพราะอยากให้งานออกมาคุณภาพดี

3.คนแต่งชื่อฟ้าค่ะ นี่เรื่องที่สาม ซึ่งไม่รู้ว่าจะยาวมั้ย อะไรยังไง แต่ก็ฝากตัวด้วยนะคะ

4.ตามและทวงนิยาย รวมทั้งพูดคุยกับฟ้าได้ผ่านแฟนเพจเลยค่ะ


FANPAGE
https://www.facebook.com/Kuckanang


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-10-2013 21:25:57 โดย kamidere »

ออฟไลน์ toey.....

  • My Dear
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

หมูกระต่าย

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ Kamidere

  • บรรยายมันออกมา ทุกสิ่งที่อยู่ในใจ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
นิยายเรื่องนี้ไม่มีอะไรมากค่ะ ต้องการให้มันสบายๆอย่างเดียวเลย ขอขอบคุณคนอ่านทุกคนล่วงหน้านะคะ ดองสดค่ะเรื่องนี้ น้ำเกลือมาเต็ม ยังไงก็รออ่านละกันค่ะ ฟ้าอยากให้มันออกมาสนุกจริงๆ จากฟีลลิ่งของฟ้าค่ะ   :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2:

____________________________________________________________________________________________



INTRODUCTION




โลกของเรามักจะมีอะไรแปลกๆเสมอนั่นแหละ เรื่องประหลาดก็เยอะไป เรื่องเหลือเชื่อก็ออกจะมากอยู่

แต่ก็นะ มนุษย์นี่ก็แปลก ไม่รู้เพราะตาเซ่อหรือว่ายังไงดี ทั้งๆที่เรื่องผิดแปลกประหลาดแทบจะพุ่งเข้าตาอยู่แล้ว แต่กลับมองไม่เห็นเสียอย่างนั้น ทว่าบางทีอะไรที่มันไม่ควรเห็นก็เห็นกันจัง

แต่อย่างน้อย ‘พระไวย’ กลับเป็นคนหนึ่งที่ตาดี มองเห็นอะไรประหลาดๆได้มากกว่าคนอื่นซะงั้น
จะเรียกว่าความโชคร้ายหรือโชคดีกันว้า บางทีมันก็ช่วยอะไรๆในชีวิตของพระไวยให้ง่ายขึ้นแบบแปลกๆอยู่หรอกนะ แต่ว่า...

ถ้าความโชคร้ายมันดันเข้ามามากกว่าความโชคดีล่ะ

สรุปคือนี่เป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายกันแน่เนี่ย?





___________________________________ DEMON LOVE ___________________________________






CHAPTER 1 : พระไวย คนหล่อ(????)-เห็นผี(????) มาแล้วววววววว





รูปหล่อ พ่อรวย บ้านมีตังค์ เปลี่ยนหญิงวันละไม่ซ้ำหน้า คือสโลแกนของพระไวย

แน่นอน ว่าข้อความข้างบนนั่นไม่ควรเชื่อถือเป็นที่สุด
เอาละ มันโกหกทั้งเพ

ความจริงแล้ว พระไวย หรือนายไวยวาคิณณ์ เทพพิทักษ์ หรือที่คนไม่สนิทเรียกว่า คุณพระไวย หรือที่คนสนิทม้ากมากเรียกว่า ไอ้ไวย หรือที่พ่อกับแม่เรียกว่า พระไวย แทบจะไม่มีอะไรตรงกับสโลแกนที่เจ้าตัวหวังว่าจะเป็นจริงเลย แม้แต่อย่างเดียว

หน้าหม้อ รูปไม่หล่อ พ่อจน คนไม่มีตังค์ สังคัง??? เอ้ยๆๆๆ ไม่ใช่ๆ


หน้าหม้อ  รูปไม่หล่อ พ่อจน คนไม่มีตังค์ ได้แต่หวังว่าหญิงจะแล คือนิยามที่ค่อนข้างชัดเจนที่สุดสำหรับพระไวย
อันที่จริงน่าจะเปลี่ยนเป็น ได้แต่หวังว่าผี(?)จะไม่แล มากกว่า

โอ้วววว เรื่องอะไรที่ชาวบ้านชาวช่องเขาไม่เห็นนั่นล่ะ เข้าทางพระไวยนัก

ใช่ว่าเขาอยากจะเกิดมาเห็นผี วิญญาณ โกสต์ หรืออะไรก็ช่างเหอะ ประเด็นคือ พระไวยไม่อยากเห็นผี นั่นแน่นอน
แม้บางครั้งก็ต้องยอมรับว่า ผีก็ดี ช่วยพระไวยได้เยอะในเรื่องที่คนปกติเขาทำกันไม่ได้
แต่ส่วนใหญ่มันไม่ดีนี่สิ...





วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่พระไวยเจอเรื่องน่าปวดหัว


“น่าไอ้ไวย คืนนี้พี่รหัสไอ้แทนมันจะเลี้ยงเหล้าซักที มึงก็ไปเหอะน่า จะได้ครบขา” ซีอีโอ หรือบรรดาเพื่อนๆมักจะล้อมันว่าโอโม่ และพระไวยเรียกมันสั้นๆว่า โอ เฝ้าเทียวไล้เทียวขื่อตามตื้อพระไวยไม่หยุดนับตั้งแต่ก้าวขาออกจากห้องเรียน “มึงเป็นเพื่อนซี้พวกกูนะ แล้วมึงจะไม่อยู่งานคืนนี้ได้ยังไง”

พระไวยกลอกตา ทำหน้าเอือมเต็มที่ใส่พ่อหนุ่มซีอีโอแบบไม่เกรงใจ
รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เรียกว่าไอ้โอโม่ของเพื่อนๆมีจุดตายตรงไหน พระไวยย่อมรู้ลึกรู้จริงยิ่งกว่าริว จิตสัมผัส

“เอาจริงๆนะโอ ไม่รู้รึไงว่าเรารักษาศีลอยู่ช่วงนี้ สถานที่อโคจรแบบนั้นจะให้ไปได้ยังไง” พระไวยว่า เขารู้สึกเลี่ยนอยู่เหมือนกันแหละที่ตัวเองดันพูดเพราะกว่าปกติ แต่มันช่วงไม่ได้ การรักษาศีลห้าในช่วงที่ชีวิตกำลังตกอับเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยถ่วงให้ดวงของเขารุ่งขึ้นมามั่ง ไม่ใช่ร่อแร่ตกขอบเหวแบบที่ใกล้จะเป็นอยู่

ถามว่า คนหนุ่มไฟแรงในยุคทันสมัยอย่างพระไวย เชื่อเรื่องอะไรอย่างนี้ด้วยหรือ?

คำตอบคือไม่เลย หน้าอย่างพระไวยไม่ใช่คนเชื่ออะไรลี้ลับพวกนั้นแน่นอน

ถ้าไม่ใช่ว่าเขาสัมผัสมันมาแล้วอย่างลึกซึ้งตั้งแต่เกิดน่ะนะ

เอาเป็นว่า จู่ๆแม่หมอคนหนึ่งก็มานั่งอยู่ใต้ต้นโพธิ์หน้าบ้านเขา แล้วก็บอกเขาว่า อีกไม่นานนักเขาและครอบครัวจะเจอเรื่องตกอับที่สุดในชีวิต ชนิดที่ว่าดวงจู๋แบบกู่ไม่กลับ และทางเดียวที่จะแก้ได้ คือพระไวยจะต้องถือศีลห้าเพื่อช่วยฉุดดวงตัวเองและพี่น้องขึ้นมาจากขอบเหว เป็นเวลาสามเดือน ไม่อย่างนั้นคนในครอบครัวอาจจะถึงฆาตได้

คิดว่าไงล่ะ คนแก่ประหลาดๆมาพูดจาชักแช่งครอบครัวเขาอยู่หน้าบ้าน พระไวยสมควรที่จะเชื่อมั้ย?

แต่สรุป เป็นอันว่าแม้จะไม่เชื่อ แต่หลังจากเจอแม่หมอแก่หง่อมคนนั้นได้เพียงสองอาทิตย์ พระไวยก็ต้องจำรักษาศีลอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะพี่ชายเขาก็เข้าโรงพยาบาลเพราะถูกรถชน พี่สาวก็พลาดทุนไปเรียนต่อปริญญาโท แทบจะฆ่าตัวตาย ว่าที่พี่สะใภ้ก็ทำท่าว่าจะไม่แต่งงานกับพี่ชายเขาซะงั้น แถมเงินในบ้านที่ว่าน้อยแล้วจากมรดกอันน้อยนิดของพ่อที่จนเหลือแสนของเขา มันก็หมดไปกับค่ารักษาพี่ชายและค่าซ่อมรถ

ดวงเขาจู๋แบบไม่ต้องมองหามันเลยจริงๆ



“กูก็รู้หรอกน่า แต่หนนี้มึงไม่ต้องกินเหล้าก็ได้นี่ แค่ไปกับพวกกูเฉยๆเอง เดี๋ยวขากลับมึงก็กลับกะกูเหมือนเดิมไง พี่มึงเขาไม่เป็นห่วงมึงหรอก” โอยังยื่นข้อเสนอต่อไป

แต่พระไวยส่ายหน้าลูกเดียว แล้วเดินหนี เขาขี้เกียจจะเถียงแล้ว สำหรับโอ ถ้าอยากให้การปฏิเสธได้ผล การยืนยันหนักแน่นแล้วไม่พูดอะไรอีกเลยคือไผ่ตาย เพราะโอเป็นคนที่ต้องเอาโหมดจริงจังเข้าสู้ด้วยถึงจะยอมรามือ

ก็บอกแล้ว ว่าพระไวยรู้จักท่านซีอีโอใหญ่ผู้นี้ดี


ที่สุด พระไวยก็พาน้องวิน ลูกชายอันเป็นมอเตอร์ไซเคิลสุดที่รักออกจากมหาวิทยาลัยได้สมใจ ท่ามกลางเสียงร้องงอแงโวยวายไม่ยอมๆของซีอีโอ

เหอะๆ มันคนละชั้นกันเว้ย...





พอกลับถึงบ้านได้ เรื่องที่ไม่สบอารมณ์ยิ่งกว่าก็รอพระไวยอยู่

น่าจะเดาได้ ว่าเรื่องอะไรที่ชาวบ้านเขาไม่เป็นกัน พระไวยเป็นหมด...



“นะคุณพระไวย ตอนนี้พวกข้ากลัวกันไปหมดแล้ว ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ได้โปรดช่วยพวกข้าด้วยเถิด”

จริงๆแล้วพระไวยไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำกับเพื่อนมนุษย์ขนาดนั้น เขาค่อนข้างจะเป็นคนใจดีอยู่อักโข
ถ้าหากคนนั้นเป็นมนุษย์น่ะนะ

แล้วบังเอิญว่าผู้ที่มาขอให้เขาช่วยตอนนี้ ดันไม่ใช่ ‘มนุษย์’ นี่สิ


พระไวยกุมขมับ สีหน้าเหนื่อยล้าสุดขีดกับท่าทางอ้อนวอนด้วยความหวั่นกลัวเต็มที่ ของรูปร่างโปร่งแสงเบื้องหน้าตน
ตกลง... ชีวิตเขานี่ มีไอ้ความสามารถพิเศษในการมองเห็นสิ่งเหนือธรรมชาติไปเพื่อเหตุใดกันวะ

รึจะเป็นแบบที่นางเอกละครซิกส์เซนส์ว่า? เราจะไม่ใช่ผู้รับประโยชน์อันใดจากเรื่องนี้???

บอกตรงๆนะ สิ่งเดียวที่พระไวยจะได้ประโยชน์ก็คือ ความสงบสุขหลังจากความสามารถพิเศษนี้หายไปต่างหาก
และมันจะหายไปได้ ต่อเมื่อเขา ‘ตาย’ เท่านั้นแหละ

เฮ้อ... พระไวยล่ะกลุ้ม เขาไม่ได้ร้องขอความสามารถบ้าๆนี่เลยนะ



“แล้วจะให้ช่วยอะไรล่ะพี่ แต่ฉันบอกก่อนนะ ฉันช่วยเท่าที่ช่วยได้เท่านั้น ถ้าเกินกำลัง ฉันคงช่วยไม่ไหวเหมือนกัน” พระไวยบอกด้วยความเซ็ง แทนที่กลับมาบ้านจะได้นอนพัก ดันต้องมาเจอเรื่องยุ่งของพวกผีๆเข้าอีก

“ไม่ยากดอกคุณพระไวย” ผีนางตานีบอกด้วยความดีใจ “พวกข้าเพียงอยากขอให้คุณพระไวย ช่วยนำชายผู้หนึ่งที่มานอนอยู่ใต้ต้นโพธิ์ตรงศาลท่านเจ้าที่ออกไปเท่านั้นเอง เขาทำพวกข้ากลัวกันนัก กระทั่งท่านเจ้าที่เองยังทนอยู่แทบมิได้ ดีเสียว่าตรงนั้นเป็นเขตกุศล พวกสิ่งอวมงคลจึงมิสำเดชมากจนพวกข้าเตลิด”


พระไวยมีสีหน้างุนงง
นี่ผีตานีกำลังจะบอกเขาว่า คนที่มานอนอยู่ตรงต้นโพธิ์หน้าศาลเจ้าที่ คือสิ่งอวมงคลงั้นรึ??


“พี่จะบอกฉันว่า คนที่พี่อยากให้เขาไป เป็นตัวอันตรายงั้นหรือ” พระไวยถาม

นางตานีพยักหน้าโปร่งแสงของตนเครียดๆ “ใช่จ้ะท่าน คนผู้นี้มีรัศมีแห่งความชั่วร้ายรุนแรงเหลือเกิน ทว่าเขาหาใช่มนุษย์ มิเช่นนั้น พวกผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาคงจักนำเขาไปเสียนานแล้ว ด้วยเหตุว่ารูปโฉมเขางามหนักหนา แต่เขาก็มิใช่วิญญาณหรือพลังศักดิ์เช่นท่านพระภูมิดอกจ้ะ เพราะไม่มีสัมผัสของผลบุญบารมีในตัวเขาเลย”

“อ้าว” พระไวยอุทานอย่างแปลกใจสุดขีด ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงกับพื้นไม้กระดานให้เสมอกับผีนางตานี “แล้วอย่างนั้นเขาเป็นอะไรล่ะพี่ ไม่ใช่คน ไม่ใช่ผี แล้วอย่างนี้ฉันจะหาวิธีไหนไปเอาเขาออกจากตรงนั้นให้พวกพี่ได้กัน”

นางตานีมองพระไวยด้วยความจนใจ “ข้าก็หารู้วิธีไม่เช่นกันจ้ะคุณพระไวย ที่ข้ามาหาคุณพระไวยก็เพราะท่านพระภูมิบอกข้ามาดอกจ้ะ ตัวข้าเองจะไปรู้วิธีได้ฉันใด แต่ข้าเชื่อว่าคุณพระไวยทำได้แน่จ้ะ ลองหาทางดูหน่อยเถิด”



พระไวยเกาท้ายทอยพลางทำหน้ายู่ยี่
คนก็ไม่ใช่ ผีก็ไม่ใช่ แล้วเขาจะไปหาวิธีอะไรมาลากไอ้หมอนั่นไปตามที่นางตานีบอกได้วะ
งานนี้ท่าจะยาก รึจะไม่ช่วยดี? ยังไงก็หาทางช่วยไม่ได้อยู่แล้ว

แต่เฮ้ยๆๆๆ ไม่เอาไอ้ไวย ไม่ได้ๆ การช่วยเหลือคนอื่น (?) เอาเหอะ จะผีหรือคน มันก็ได้กุศลทั้งนั้นนะ ศาลท่านเจ้าที่ศาลพระภูมิตรงต้นโพธิ์นั่นก็ไม่ได้ไกลเท่าไหร่ เขาน่าจะลองไปดูไอ้ตัวปัญหานั่นก่อน

บางทีครั้งนี้ อาจจะช่วยฉุดดวงที่มันจู๋จมดินของเขาให้ได้ผุดได้เกิดขึ้นมามั่งก็ได้

ไม่ค่อยจะชั่วร้ายเลยเว้ยเรา...








TO BE CON....

_________________________________________________________________________________________


จ๊ะเอ๋ 5555555 เรื่องนี่ออกมาได้เพราะฟ้าชอบการ์ตูนเรื่องนึงมากๆ ใครมีก็ลองค้นมาอ่านดูนะคะ เพื่อจะแอบจิ้นกระจายอย่างฟ้าบ้าง เรื่อง Demon Sacred พันธสัญญาแห่งปีศาจ ค่ะ  แล้วเจอกันตอนต่อไปค่ะ ^^ 
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-10-2013 21:29:47 โดย kamidere »

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :hao3: :hao3: :hao3:อ่านแล้วก็สนุกดีจ้าจะรอตอนต่อไปนะ :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ saruttaya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 926
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-6
รอต่อนต่อไปจ้า อย่าดองน้าาา

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
พล็อตแปลกดีค่ะ สนุกด้วยแต่อย่าดองนานนะคะ

powderje

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ mro

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
ย่องมาบอกว่าติดตามค่าา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ dragonassist

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
รอด้วย  :L2: 

หาแนวเบาสมองอ่านมานานและ เดี๋ยวนี้มีแต่ดราม่า อ่านแล้วเครียดมากค่ะ  :sad4:




ออฟไลน์ Kamidere

  • บรรยายมันออกมา ทุกสิ่งที่อยู่ในใจ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
ตอนที่ 2 ... มาเสิร์ฟ

__________________________________________________________________________________________





CHAPTER 2 : ตัวประหลาด – หล่อ – ขั้นเทพ!





พระไวยปิดประตูรั้วบ้านที่สร้างจากไม้สัก ก่อนจะไขกุญแจล็อกเอาไว้อย่างหนาแน่น

คือในบ้านน่ะ มันไม่มีอะไรให้ขโมยหรอก โจรมันมาเห็นมันก็คงอยากร้องไห้ เพราะทั้งๆที่บ้านก็หลังใหญ่ราวกับรีสอร์ทราคาแพงหรูหราทางเหนือ แต่ภายในกลับไม่มีอะไรที่พอจะขโมยได้สักอย่าง

ทีวีจอแบน 42 นิ้วทุกห้อง ตู้เย็นขนาดใหญ่บรรจุของกินได้เหลือเฟือ แอร์คอนดิชันเนอร์มากกว่า 5 ตัว อ่างอาบน้ำจากุซซี่ เครื่องเรือนราคาเหยียบแสน ภาพวาดเก่าๆที่ราคาไม่ได้เก่าตามภาพ ไหนจะตู้เซฟที่อยู่ในห้องนอน...

เอ่อ... คือทั้งหมดนั่นน่ะ พระไวยไม่มี!

บ้านเขาน่ะหรือ ทีวียังเป็นจอตู้แบบขาวดำอยู่เลย! ทุกวันนี้เขาต้องสงวนไม้ขีดไฟที่เอาไว้จุดเทียนมาไว้จิ้มปุ่มกดทีวี! ตู้เย็นก็ร่อแร่ราวกับนกปีกหัก พร้อมที่จะเข้าโรงแยกชิ้นส่วนได้ทุกเมื่อ แอร์ก็อย่าได้หวังว่าจะเจอ เพราะขนาดพัดลมยังต้องแบ่งกันใช้ เนื่องจากมันมีอยู่แค่สองตัว! วันดีคืนดีก็แทบจะร้องไห้เพราะอากาศร้อนจัด แล้วพัดลมก็พัดแบบเต่าคลาน! อ่างอาบน้ำอย่าได้พูดถึง ทุกวันนี้พระไวยและครอบครัวยึดถืออะไรเดิมๆ แบบการอาบน้ำจากโอ่งมังกร... เป็นต้น

จริงๆไม่ต้องวิเคราะห์มาก นึกถึงจำนวนเงินที่จะไว้กินไว้ใช้ก่อนเถอะค่อยว่ากัน อย่างน้อยยยยยที่สุด น้องวินลูกรักนี่ถือเป็นอะไรอย่างเดียวที่ทุกคนเห็นว่าควรมีมันไว้ เพราะค่าต่อรถมันแพงกว่าขับไปเอง

เฮ้อออ เขาก็บอกแล้วว่าพวกมันขโมยมันต้องร้องไห้แน่ๆ




พระไวยเดินตามหลังผีนางตานีไม่มากนัก สายตาก็คอยกราดมองหาอะไรที่ผิดแปลกจากความปกติ

เอ่อ... ที่จริงเขาจะมองหาทำไม ในเมื่อเขาก็เห็นไอ้ที่ไม่เป็นปกติอยู่ประจำแล้วนี่ แบบเต็มๆตาซะด้วย

ไม่หรอกๆ ที่พระไวยกำลังมองหาอยู่ คือต้นโพธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในละแวกต่างหาก มันเป็นจุดที่มีศาลพระภูมิกับศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ แล้วก็มีต้นกล้วยตานีอยู่ต้นหนึ่งตรงนั้น
ถ้าตามที่นางผีตานีว่า จุดนั้นก็คือจุดที่พระไวยจะต้องมาเอา ‘ตัวอัปมงคล’ ออกไป


ละแวกบ้านพระไวยมีต้นไม้อยู่มาก ทั้งต้นตะเคียน ต้นไทร แต่ที่มากที่สุดเห็นจะเป็นต้นโพธิ์
ประเด็นคือ แม้เขาจะโตที่นี่ เกิดที่นี่ และคาดว่าคงตายที่นี่ แต่ต้นโพธิ์มันก็หน้าตาเหมือนกันหมดนี่หว่า
ที่สำคัญ ทั้งๆที่พระไวยสามารถจับสัมผัสของความชั่วร้ายได้ง่ายดายราวกับหมาเห็นชิ้นเนื้อ? แต่ทำไมตอนนี้เขากลับไม่รู้สึกถึงอะไรเลย

แปลกจริงๆ แปลกจนพระไวยต้องขมวดคิ้วคาไว้อย่างนั้น



เดินมาตามทางที่ค่อนข้างคุ้นเคยอีกไม่ไกลมากนัก พระไวยก็ชักรู้สึกว่าบรรยากาศมันแปลกๆไป
แถมแสงพระอาทิตย์ก็ดูจะสว่างแบบ... น่าสงสัย

มันต้องน่าสงสัยอยู่แล้วล่ะ ก็แสงพระอาทิตย์ไหนมันเป็นสีฟ้ากันเล่า!




“พี่ ทำไมแถวนี้มันถึงมีแสงสีประหลาดๆล่ะ” พระไวยถามผีตานี “แน่ใจนะว่าพี่มาถูกทาง”

เป็นคำถามที่งี่เง่า พระไวยยอมรับ ถ้านางผีตนนี้จำทางผิด คนที่เพิ่งมาอยู่หลังเจ้าหล่อนเป็นร้อยๆปีอย่างเขาคงหาทางกลับบ้านไม่ถูกแล้ว

เขาก็แค่ถามแก้เก้อไปงั้นเอง


“ข้ามาถูกทางแน่นอนคุณพระไวย” ผีตอบ นางเองก็มีสีหน้ากลุ้มใจแบบแปลกๆอยู่ “แม้นว่าเป็นเช่นนั้น แต่ข้าก็สารภาพกับท่านว่า การเดินทางแบบมนุษย์นี้ ข้าหลงลืมมันมานานแล้วเช่นกัน เพราะข้ามักจะหายตัวมาหาท่าน ดังนั้นหากมีอ้อมบ้าง ขอท่านจงงดโทษให้ข้าผู้เฒ่าด้วยเถิด”

พระไวยอ้าปากค้าง
ตกลงนี่เขาคิดถูกหรือผิดวะ?

“ทว่าท่านอย่าเพิ่งกังวลเลยคุณพระไวย” ผีตานีหยุดลอย แล้วหันกลับมายิ้มให้ “แสงสว่างสีประหลาดนี้ออกมาจากเจ้าตัวอันตรายนั่น หากเรายึดแสงนี้เป็นที่ตั้ง เราย่อมไปถึงตัวมันได้แน่”

ท้ายที่สุด พระไวยก็ถอนหายใจ แล้วจำยอมเดินตามนางผีไป

มันคงจะถึงแน่ๆแหละแม่คุณ แต่เมื่อไหร่ล่ะที่มันจะถึงน่ะ!
โอยยยยย คนหล่อกลุ้มมมมมม




เดินแบบระโหยโรยแรงมาพักหนึ่ง พระไวยที่แม้จะล้าไปบ้างเพราะความเหนื่อย ก็อดคิดไม่ได้ว่า ท่าทางอีกไม่ไกล เขาอาจจะได้พบกับเจ้าตัวอันตรายนั่นในไม่ช้าตามคำบอกของผีตานี เพราะแสงสีฟ้าเริ่มทวีความเข้มขึ้นทุกขณะ และทางก็ค่อยๆแคบลงแล้ว

พระไวยจำได้ว่าทางมันไม่ไกลมากนักนี่นา จากบ้านเขามาศาลท่านเจ้าที่ เพราะสมัยเด็กๆพี่ชายพาไปวิ่งเล่นแถวนั้นบ่อย
แต่เหมือนจะลืมไป ว่าคนที่พามา คือพี่ชายเขา ไม่ใช่ตัวเขามางมทางเองแบบนี้!

“ใกล้มากแล้วล่ะท่าน” นางผีกระซิบกับเขาเสียงสั่น ราวกับเจ้าตัวกลัวว่าจะทำให้อะไรตื่น

พระไวยหยุดฝีเท้า มองซ้ายมองขวา

แสงสีฟ้าสว่างวาบนั่นยังคงเข้มอยู่ไม่หาย แต่ความมืดที่เริ่มคืบคลานทำให้พระไวยไม่ค่อยสบายใจ
หากสิ่งที่เขาเจอเป็นงานยาก ไม่แน่ว่าคืนนี้พระไวยอาจจะต้องขอค้างที่ป่าไปก่อน
การเดินทางตอนดึกๆในป่าต้นโพธิ์ ไม่ใชเรื่องปลอดภัยหรือเรื่องสนุก


พระไวยรีบหันไปหาผีตานี “ใกล้มากแค่ไหนน่ะพี่”

“อีกนิดเดียวจริงๆท่าน” นางตานีว่า “แสงประหลาดนี่ทำให้คุณพระไวยมองมันไม่เห็น แต่ในความจริง อีกเพียงไม่ถึงร้อยก้าว คุณพระไวยก็จักถึงตัวมันแล้ว”

หมายความว่า... พวกเขามาถึงจุดหมายกันแล้วสินะ

พระไวยพยายามใช้ความคิด และเพ่งมองไปข้างหน้า “แต่ฉันมองไม่เห็นเลยพี่ มันอยู่ตรงไหนน่ะ”
คล้ายว่า ยิ่งพยายามมองหา แสงสว่างก็ยิ่งสาดส่องมากเท่านั้น ทำเอาต้องหยีตาลงมาเพราะความสว่างจ้าของแสงสีฟ้ามันมากเกินไป

ตรงไหนนะ เจ้าสิ่งประหลาดคนไม่ใช่ ผีไม่เชิงนั่นอยู่ไหน



“ลองมองดูดีๆสิท่าน... คุณพระไวย ใช้เนตรทิพย์ของท่านมองดูดีๆสิ”



นางตานีหน้าเคร่ง ด้วยตนก็จนใจที่จะหาทางช่วยผู้มีพระคุณคนนี้ได้

มันเป็นจริงอย่างที่ท่านพระภูมิกล่าวแก่นาง แต่ตัวนางเองกลับข้องใจ ด้วยเพราะเหตุใดกัน ทำไมทิพย์เนตรของคุณพระไวยที่เคยมีอานุภาพอยู่เสมอมา กลับมืดบอดในการมองเห็นเจ้าสิ่งพิสดารนี่เสียได้

หรือนี่จะเป็นดั่งคำทำนาย ผู้ที่จะปลดเปลื้องคำสาปแก่คุณพระไวยได้มาถึงแล้ว?


พระไวยเพ่งมองต่อไปในแสงสีฟ้าขาวนั่น เขาไม่เชื่อว่าตนเองจะมองไม่เห็นสิ่งประหลาดนั่นจริงๆ
แต่ยิ่งมอง ทำไมกัน ทำไมพระไวยยิ่งรู้สึกว่าแสงนั่นยิ่งขาว ขาว แล้วก็ขาวเข้าไปทุกที

ขาวจนแสบตาไปหมด


และแล้ว...




“อ้ากกกกกกก!!!!!!!!!!”




แสงสีฟ้าขาวที่กลายเป็นขาวจัดพุ่งใส่พระไวยเต็มตา จนเจ้าตัวต้องกรีดร้อง

แล้วจากความขาวสว่างวาบ ก็กลายเป็นมืดสนิท...



“คุณพระไวย...” ผีนางตานีร้องเรียกอยู่ไม่ไกล เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มทรุดลงกับพื้นแล้วเอามืดปิดตาแน่น
คุณพระไวยจะเป็นอันใดไหมนี่




พระไวยค่อยๆลืมตาขึ้น เมื่อรู้สึกว่าแก้วตาของตนกลับสู่ภาวะปกติ

แสงสีขาวบาดตาหายไปแล้ว...
เหลือแต่อณูอากาศใสๆที่ลอยอ้อยอิ่ง กับ!!!



“น่ะ... นั่นอะไรน่ะพี่ตานี” พระไวยถามด้วยเสียงกระซิบ คล้ายกับว่าตอนนี้ขนอ่อนๆในกายมันลุกชันไปหมด
สิ่งที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้า ประหลาดนัก...

แปลกประหลาด จนเรียกเลือดในกายให้วิ่งพล่านไปทั่ว
ความรู้สึกกลัวและหวาดระแวง วาบเข้าหัวใจ


“นั่นแหละคุณพระไวย” นางตานีขยับเข้าใกล้ “นั่นแหละท่าน ที่ข้าบอกท่าน... ท่านลองขยับเข้าไปดูมันเถิด” นางตานีเร่งเร้า



พระไวยลองเคลื่อนตัวช้าๆ ไปใกล้เจ้าสิ่งประหลาดนั้นมากขึ้น จนกระทั่งเขาเห็นมันได้ชัดเจนทุกรายละเอียด
แล้วพระไวยก็อ้าปากค้าง

เจ้าตัวประหลาด ตัวอันตราย ตัวอัปมงคล หรือชื่ออะไรก็ตามที่เขาพอจะคิดขึ้นได้ นอนราบอยู่ตรงโคนต้นโพธิ์ หน้าศาลพระภูมินั่นเอง

พระไวยหาคำอธิบายให้สิ่งนี้ยาก และโคตรยาก ถ้าจะให้เขาพูดคำหยาบแบบภาษาชาวบ้าน
แน่นอนว่าตอนนี้พระไวยเคร่งศีลห้ามาก

เจ้าสิ่งที่พระไวยกำลังมองดูมันอยู่นี้ ถ้าจะหาภาพลักษณ์ที่พอจะใกล้เครียงมาบรรยายมันได้ ก็คงจะเป็น ตัวละครในภาพยนตร์เรื่องมอนสเตอร์อิงค์ บริษัทรับจ้างหลอน(ไม่)จำกัด ที่เขาเคยดูสมัยเด็ก เจ้าตัวขนปุยสีฟ้าม่วงที่ชิ่อ  เจมส์ พี "ซัลลี่" ซัลลีแวน

เพียงแต่ว่า ซัลลี่ตรงหน้าเขา มันไม่ได้น่ารักขนปุกปุยชวนกระโจนเข้าใส่เลยน่ะสิ

หน้ามันเป็นรูปร่างของสัตว์ บนหัวอันใหญ่มหึมามีเขาถึงเจ็ดเขางอกอยู่ดูราวกับมงกุฎอันน่าสะพรึง เขี้ยวแหลมขาว โง้งออกจากปากมัน ลำตัวยาวทอดราบขนานกับพื้นดิน

มันน่าจะกำลังหลับ...



พระไวยขนลุกชั้นขึ้นทั้งตัวอย่างไม่หาสาเหตุไม่พบ
เหมือนพลังงานบางอย่างกำลังพุ่งใส่เขาอยู่

และกระแสลึกลับบางอย่างกำลังดึงดูดให้เขาค่อยๆเคลื่อนเข้าใกล้มันโดยไม่รู้ตัว!



นางตานีจำต้องถอยหลังออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้นางจะเป็นห่วงผู้มีพระคุณมากแค่ไหน

จู่ๆกระแสกดดันหนักอึ้งก็แผ่ออกจากเจ้าตัวประหลาดเสียอย่างนั้น มันหนักอึ้ง กดทับ และกดดันจนนางต้องขยับมาอยู่ห่างๆคุณพระไวย

นางตานีขมวดคิ้วด้วยความกังวล

แม้นางอาจเป็นเพียงวิญญาณ แต่ในความรู้สึกของนางเอง นางเคารพรักคุณพระไวยมาแต่ไหนแต่ไร

นางเห็นเขาเติบโต ตั้งแต่ครั้งบังเกิดในครรภ์มารดา คลอด ลืมตาดูโลก หรือเปล่งคำพูดคำแรก

แม้กระทั่งก่อนที่เขาจะเกิดเป็นมนุษย์ นางก็เคารพรักคุณพระไวยมาโดยเสมอ
นางเป็นห่วงเหลือเกิน ว่าครั้งนี้นางจะทำร้ายเขาอย่างใหญ่หลวง ที่ขอร้องให้เขามาช่วย

นางได้แต่หวัง ว่าเทพบุตรของนางจะปลอดภัย...




พระไวยขยับเข้าไปใกล้สิ่งแปลกประหลาดช้าๆ

เขาพยายามระงับความตื่นกลัว ความตื่นเต้น และความรู้สึกทั้งมวลในจิตใจให้หายไป และเตรียมพร้อมกับการสำรวจเจ้าสิ่งตรงหน้า
พระไวยจะตื่นสนามไม่ได้ เขาต้องเป็นมืออาชีพมากกว่านี้

บรรดาผีๆฝากความหวังไว้ที่เขา...


พระไวยรวบรวมกำลังใจเต็มที่ หายใจเข้าปอดลึกๆ เรียกความหวังและพลัง
เขาต้องทำได้แน่ กะอีกแค่จับไอ้ตัวใหญ่ขนปุย...

ถ้ามันจะไม่ตื่นมาแดกเขาซะก่อนน่ะนะ


มือขวาขาวเนียนละเอียดแม้จะด้านของพระไวย ค่อยๆเอื้อมเข้าใกล้เจ้ายักษ์อัปมงคลช้าๆ
ปลายนิ้วสั่นระริก แต่ดวงตานั้นมุ่งมั่นแรงกล้า

ทำได้สิ... ทำได้!




และแล้ว...




“อ้ากกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”



เฮือก!!!


ฟุบ!!!!



แสงสีขาวสว่างวาบไปทั่วเป็นวงกว้าง พร้อมๆกับที่เสียงกรีดร้องโหยหวนราวกับถูกทำร้ายของพระไวยจะดังขึ้นก้องป่าต้นโพธิ์...


“คุณพระไวย!!!! อ้ากกกกกกก!!!!!!”

นางตานีที่ตกใจจนลนลาน รีบถลาเข้าไปหาร่างที่งอตัวและเกร็งเขม็งของพระไวยด้วยความเป็นห่วง ทว่าคลื่นพลังงานที่แผ่กระจายกลับซัดวิญญาณของนางให้กระเด็นถอยห่างออกไปไกลผ่านสรรพสิ่งในป่าด้วยความเร็วสูง ก่อนที่ตัวนางจะร่วงหล่นลงกับพื้นธรณีที่นอกชายป่า แล้ววิญญาณค่อยๆเลือนลางก่อนจะจางหาย

นางกลับสู่ที่อยู่ของตน

ต้นกล้วยตานี...






พระไวยตัวงอและเกร็งทั้งร่าง เนื้อตัวแสบร้อนราวจะฉีกขาด ทั้งยังชาดิกจนขยับไม่ได้ ราวกับเขาถูกกระแสไฟฟ้าแรงสูงช็อตเข้าก็ไม่ปาน

มันเจ็บ

มันปวด

มันร้อนเร่าราวกับโดนไฟแผดเผาให้หลอมละลาย

สมองอื้ออึงประหนึ่งคนโดนตีหัว รับรู้อะไรมิได้ทั้งสิ้น




แต่ก่อนที่ร่างของเขาจะล้มลงแนบธรณิน ภาพหนึ่งที่เห็นแจ่มชัดในดวงตาและในดวงจิต คือบุรุษร่างสูงสง่าผิวขาวลออตา แผ่นอกที่มีกล้ามเนื้อสวยงามดุจรูปปั้นเทพบุตรปรากฏรอยสักสีน้ำเงินเข้มช่วงบน สิ่งที่พ้นไรผมดำสนิทพลิ้วไหวคือต่างหูเขี้ยวสัตว์ขาวนวล...

ทว่า... ที่พระไวยจดจำมิลืมเลือน กลับเป็นดวงตาสีรัตติกาลอันทอประกายอ่อนโยนราวกับจะแย้มยิ้มให้


อนุสติสุดท้ายของพระไวยบอกว่า...

บุรุษหนุ่มรูปงามที่กำลังโอบประคองเขาด้วยวงแขนอุ่นสบายนี้ คือคนเดียวกันกับที่เขาเห็นในร่างของเจ้าตัวประหลาดนั่น ยามที่แสงสีขาวจากตัวของมันจางหาย

และพระไวยรู้ว่า...

...นี่แหละ คือตัวอันตรายที่ผีนางตานีพูดถึง





ควายเอ้ย..... กูเชื่อแล้วว่ามันโคตรหล่อขั้นเทพจริงๆ...








TO BE CON...
_________________________________________________________________________________________



ออฟไลน์ cakecoke

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
 :hao7: :hao7: :hao7:

มารอนะจ๊ะ
คนแต่งงงง

 o13

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
ชอบบบบบบบบ พระไวยฮาอ่ะ
แนวนี้แปลกดีคะ ไม่ค่อยเจอ
ตอนพระไวยตื่นเต็มตา อาจจะเห็นตัวประหลาดหล่อกว่าเดิมก็ได้น้า แล้วเค้าเป็นใคร อร๊ายยย
รอตอนต่อไปค่าาา

ออฟไลน์ Crown

  • "รัก" ก็คือ "รัก"
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
มาต่อเร็วๆน่ะค่ะนักอ่านคนนี้รออยู่

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12

ออฟไลน์ SaJung13

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1057
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
:hao7: อยากอ่านต่อๆๆๆ :katai4:
กำลังสนุกเลยๆๆๆ :ling1:

ออฟไลน์ miwmiwjung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ต่อด่วนนนนนนนนน

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:รออออออออออตอนต่อไปปปปปปปปปปป :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ sukaz

  • I Will Love You Unconditionally
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
อุ๊ กรี๊ดดดดดดดด
มาปูเสื่อรอด้วยคนน๊ะจ๊ะ
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
น่าสนุก ตื่นเต้น เร้าใจดี
ยิ่งอ่านตอนกลางคืน
ปิดไฟในห้องด้วย
โคตรได้บรรยากาศเลยอ่ะ
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
ตัวอะไรเนี่ยยย  :katai1:

หมูกระต่าย

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
มารอ แปลกดี อร๊าย  :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:หายยยยยยยยยยยยยยยยไปไหนนนนนนนนนนนน :call: :call: :call: :call: :call: :call:

หมูกระต่าย

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ Kamidere

  • บรรยายมันออกมา ทุกสิ่งที่อยู่ในใจ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
คนเขียนขออนุญาตอู้ซักสองสามวันจ้า  :hao7: ตอนนี้ไปเขียนหลวงน้อยอยู่ แล้วจะตามด้วยสองแฝด คนอ่านใจเย็นหน่อยเน้อ  :hao5:  จริงๆวันก่อนเขียนตอนต่อไปได้ครึ่งนึงแล้วล่ะ แต่คอมมันค้างอ่ะ แล้วเซฟไม่ได้  :hao5: :hao5: :hao5: รีสตาร์ทใหม่แล้วหายเลย เซ็งอ่ะ จำที่ตัวเองเขียนไม่ได้ด้วย ขออนุญาตไปบิ้วอารมณ์กันก่อนเน้อ เดี๋ยวจะอ่านกันไม่สนุกนะแจ๊ะ เรื่องนี้ไม่ทิ้งแน่นอนค่ะ  :mew1: :mew1: ว่าแต่  :hao3: ใครทายอายุคนเขียนออกมั่งเอ่ย

ออฟไลน์ Kamidere

  • บรรยายมันออกมา ทุกสิ่งที่อยู่ในใจ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
มาแล้วจ้าหนึ่งตอนยาวๆ อ่านให้จุใจนะ ขัดๆบ้างเล็กน้อยก็ต้องขออภัยด้วยจ้า แนวนี้เพิ่งเขียนครั้งแรกเน้อ  :z2: :z2:


_______________________________________________________________________________________________






CHAPTER 3 : ปีศาจน้อย(?) ชีวา รายงานตัววววววววว!!!!







โอเค... พระไวยคิดว่าทุกอย่างมันโอเคนะ จนกระทั่งเขาลืมตาขึ้นจากความฝัน


ฟึ่บ...

พระไวยกลอกตาไปมา
ห้อง? นี่ก็ห้องเขาเอง จากสายตาที่มองไปรอบๆโดยยังไม่ยกหัวขึ้น เขามั่นใจว่าห้องเขาไม่มีอะไรเสียหาย หรือผิดเพี้ยนไปจากเดิมแน่นอน

เตียง? ไม่สิ ไม่ใช่เตียง มันก็เป็นฟูกนิ่มๆที่ไม่สูงมากนักบนพื้นไม้กระดานขัดมันจนเงาแวบต่างหาก
เฮ้อ... ดูเหมือนไม่มีอะไรเสียหาย นอกจากว่าตัวพระไวยขยับไม่ได้เท่านั้น

แต่เอ๋??? ทำไมตัวเขาขยับไม่ได้ล่ะวะ?

สมองพระไวยที่เพิ่งฟื้นกำลังพยายามประมวลผลเหตุการณ์และเรื่องราวให้เข้าที่อย่างงุนงง
จนกระทั่ง...



แอด...

เสียงประตูห้องนอนของพระไวยเปิดออก พร้อมกับเงาดำๆที่พาดลงมาให้เห็นเป็นอย่างแรก
และ...


“เจ้าฟื้นแล้วหรือ”


พระไวยอ้าปากค้าง สมองที่ยังคิดอะไรไม่ออกเมื่อกี้ดันแจ่มใสขึ้นมาปัจจุบันทันด่วน

ไม่จริง!


คนหล่อที่เพิ่งเข้ามาเอียงคอสงสัย

“หือ? เจ้าเป็นอะไร กรามค้างหรือ”




“อ้ากกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!”






++++++++++++++++++++++++++++++ DEMON LOVE ++++++++++++++++++++++++++++++++++





พระไวยฉุนเฉียวอย่างหนักในรอบสามเดือนที่เขารักษาศีลห้า ถึงกับต้องลงทุนดึงทึ้งหัวตัวเองอย่างอดรนทนไม่ได้

นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรในชีวิตห่วยแตกของเขาอีกละโว้ยยยยยย!!!!!!

หยุดทำร้ายทรงผมตัวเองได้ พระไวยก็กลับไปจ้องกระจกเงาบานใหญ่ที่ติดอยู่ตรงบานประตูตู้เสื้อผ้าเขม็ง
ไม่ใช่ว่าเขาหล่อน้อยลง เพราะความหล่อมันสวนทางกับหน้าเขาอยู่แล้วราวกับถนนสองเลนที่รถวิ่งสวนกัน

แต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องมองคนในกระจกราวกับไม่เคยเห็นมากก่อน คือรอยสีดำเหนือช่วงอกภายใต้เสื้อยืดที่คล้ายรอยสัก ปรากฏอยู่จนทั่ว และท่าทางว่าจะลามไปยังแผ่นหลัง

พระไวยไม่ใช่พวกบ้าศักดิ์ศรีนะเว้ย! จะได้ไปร้านสักแล้วบอกให้ช่างมันสักให้ทั่วอย่างนี้!

โอ้ยยย!!!! ใครก็ได้ช่วยพระไวยที!!!!!




“เจ้าเป็นอะไรหรือ เจ็บตรงไหนรึเปล่า จะให้ข้าช่วยเจ้าตรงไหน” หนุ่มหล่อชวนฝันราวเทพบุตรรีบถลาเข้ามาหาพระไวยที่เริ่มทึ้งหัวตัวเองอีกครั้ง

พระไวยหันขวับ ตวัดสายตามองอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่องสุดชีวิต “อยากช่วย?... ได้สิ! ได้! แกมาเอาไอ้รอยบ้าๆนี่ออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ!”

หมดกันแล้วศีลห้งศีลห้า!

คนหล่อดูอึ้งกับปฏิกิริยาตอบโต้ของพระไวยไปนิด เหลือบตาลงมองรอยสีดำแปลกตาบนแผ่นอกอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนจะส่งยิ้มละลายใจไปให้ “ข้าทำไม่ได้หรอก มันมีขึ้นมาเพราะเจ้าสัมผัสตัวข้า ข้าก็ไม่รู้จะทำยังไงให้มันหา... โอ้ย!!!!”

หนุ่มหล่อปริศนาลงไปกองกับพื้นเพราะเข่าเน้นๆของพระไวย เรียกว่า ถึงของเดิมจะเป็นตัวประหลาดอะไรก็เหอะนะ พออยู่ในสภาพมนุษย์เดินดิน จุดอ่อนของผู้ชายมันก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ

พระไวยไม่ได้สนใจเล้ยว่า ‘ไอ้นั่น’ ของพ่อคุณเทพบุตรจะยังใช้งานต่อได้อยู่หรือไม่...

ช่างแม่งสิ! ใช้ไม่ได้เลยก็ดี! จะได้ไม่เป็นภาระของลูกหลาน!

พระไวยขยี้หัวตัวเอง ก่อนถอนหายใจออกมาแรงๆห้วนๆอย่างระงับอารมณ์ไม่อยู่ สายตาก็เหลือบเหล่ไปทางคนที่นอนตัวงออยู่กับพื้นไม้กระดาน...

อย่าหวังว่าพระไวยจะสงสาร!




“ฮึ๋ย!!!” พระไวยครางออกมาด้วยความหงุดหงิด

เขาไม่เข้าใจตัวเอง เขาไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเอามากๆ
ที่ไม่เข้าใจ เพราะพระไวยไม่รู้เลยว่าจะหงุดหงิดทำไม

ที่เขาควรจะทำ คือทำยังไงก็ได้ให้ไอ้เจ้าตัวประหลาดนี่ออกไปไกลๆอย่างด่วน ก่อนที่พี่ๆของเขาจะกลับบ้าน
และก่อนที่ศีลเขาจะขาดมากไปกว่านี้

แต่ปัญหา คือพอเขาไล่เจ้าตัวประหลาดนี่ไปแล้ว มันจะไปอยู่ที่ไหน? จะไปก่อนความเดือดร้อนให้ใครหรือเปล่า?
พระไวยเป็นคนคิดมาก และเขาก็กังวลใจว่า เพราะเรื่องนี้ของตน อาจก่อความเสียหายกับผู้อื่นได้

อย่างน้อยๆพระไวยก็เป็นคนดีล่ะน่า

สาบานให้พี่ถีบยอดอกเลยว่า เขาไม่ได้ห่วงเจ้าตัวแปลกปลอมนี่จนนิดเดียว
จริงๆนะ แม้เขาจะไม่ค่อยอยากถูกถีบเท่าไหร่ก็เหอะ




“นายอยู่ที่นี่ไม่ได้” จู่ๆพระไวยก็โพล่งออกมาต่อหน้าเจ้าตัวประหลาดรูปหล่อ

คนงามราวกับอิเหนาแปลงนั่งอยู่กับพื้นไม้กระดานอย่างเรียบร้อย สีหน้าเปลี่ยนไปทันทีที่ประโยคนั้นของพระไวยจบลง

“เจ้าหมายความว่ายังไง” คนหล่อถาม “ข้าต้องอยู่กับเจ้าสิ นั่นแน่นอนอยู่แล้ว”

พระไวยส่ายหน้า เจ้าตัวยังคงเดินไปเดินมาด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์

“ไม่ๆ” พระไวยบอกหน้าเคร่ง “นายอยู่ที่นี่ไม่ได้ ฉันให้นายอยู่ไม่ได้”

“เพราะอะไร” คำถามที่ชัดเจนที่สุดส่งออกจากปากตัวประหลาด




พระไวยได้แต่กุมขมับ

เขาจะอธิบายให้มันฟังได้ยังไงว่าเขาไม่มีปัญญาจะรับเลี้ยงตัวประหลาดหน้าหล่อหลงทางไว้ในบ้าน
แค่เรื่องของพี่ชายและพี่สาวก็มากพอแล้ว ไหนจะตัวเขาเองที่เขาต้องรับผิดชอบอีก
พี่ๆได้เล่นเขาเละแน่ ทุกวันนี้หน้าพระไวยก็ยับจนไม่รู้จะยับไปไหนแล้ว


“เพราะ..” พระไวยว้าวุ่น “เพราะนายไม่ใช่มนุษย์!” พระไวยตะโกนออกไปทั้งๆที่หันหลังให้มัน

ที่เขาคิดออก คือเท่านี้จริงๆ


“นายไม่ใช่มนุษย์! เป็นแค่ตัวประหลาดที่แม้แต่พวกผียังไม่เอา! การที่ฉันไปเจอนาย! แล้วสลบ! แล้วนายก็พาฉันมาส่งบ้าน! ไม่ได้หมายความว่าฉันจะต้องรับผิดชอบดูแลนาย!”


พระไวยไม่ได้หันกลับไปมอง เขายืนอยู่ตรงขอบหน้าต่างด้วยความเครียด

ไม่ใช่ว่าใจดำ อยากจะไล่หมอนี่ไปไกลๆ แต่ลำพังตัวเขาเอง ปัญหาก็ตามมาแทบไม่มีที่สิ้นสุดแล้ว
กลางวันเขาต้องไปเรียน ตอนดึกต้องไปทำงานพิเศษ ไหนจะดูแลบ้านให้พี่ๆอีก แล้วเขาจะเอาเวลาที่ไปดูแลเจ้าตัวประหลาดนี่กัน

เป็นความรู้สึกเหมือนเจอสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ

พระไวยแค่ไม่ชอบ แต่ไม่ได้รังเกียจ เขาแค่ไม่อยากให้มันอยู่ที่นี่ แต่ทำถึงขนาดขับไล่ไสส่งออกไปให้เผชิญชะตากรรมเองก็ทำไม่ได้

มันลำบากใจ เพราะความสามารถพิเศษที่เขามี มันต้องเอาใช้ช่วยเหลือคนอื่น
แต่การผลักไอ้ตัวประหลาดนี่ออกไปจากชีวิต ก็เหมือนฆ่ามันทั้งเป็นทางอ้อม

พระไวยจนใจ ไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ




“เจ้าคิดดีแล้วหรือที่จะให้ข้าไป” เสียงของมันดังขึ้นจากข้างหลัง



พระไวยหันกลับไป เจ้าตัวสงบสติอารมณ์ ก่อนจะกลั้นใจตอบโดยไม่ยอมสบสายตาสีดำสนิทนั่น

กลัว... ว่าจะพ่ายแพ้ต่อคำวิงวอนที่ส่งมาให้ผ่านดวงตา

“ฉันคิดดีแล้ว นายอยู่ที่นี่ไม่ได้”




เจ้าตัวประหลาดพยักหน้ารับ “เช่นนั้น...” เสียงเจ้านั่นคล้ายรำพึง “หากข้ายืนยันจะอยู่ที่นี่ล่ะ ข้าจะต้องทำยังไง”

พระไวยเลิกคิ้วขึ้น
หมายความว่าเจ้านี่จะอยู่กับเขาให้ได้เลยงั้นสิ?

“นายอยากอยู่กับฉันมากนักหรือไง” พระไวยอดถามออกไปไม่ได้ “ถ้างั้นก็ไปบอกพี่ๆฉันเอาสิ แต่ฉันบอกแล้ว ว่าฉันกับนายไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน เราไม่มีอะไรผูกมัดต่อกัน... ดังนั้..”

“เจ้าผิดแล้ว” เจ้าตัวประหลาดพูดขัดออกมาเสียงนิ่ง “ที่ข้ายืนยันจะอยู่ที่นี่ เพราะการที่ข้าอยู่ใกล้ๆเจ้า มันจะเป็นผลดีกับตัวเจ้าเอง”

พระไวยอึ้งไป “หมายความว่ายังไง”




คนงามราวเทพบุตรค่อยลุกขึ้นจากพื้นไม้กระดานของบ้านทรงกลม เดินเข้าไปหาพระไวยแล้วพิงอยู่ข้างหน้าต่างเดียวกัน

รอยยิ้มที่แฝงด้วยความหมายแปลกๆเรียกให้เซนส์บางอย่างของพระไวยทำงาน

“ที่บอกว่าดีกับตัวฉันเอง นายหมายความว่ายังไง” พระไวยถามกลับ



คนหล่อมองออกไปนอกหน้าต่างบานใหญ่

“ข้าไม่ใช่สิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์เดียวกับเจ้า และ ยิ่งไม่ใช่พลังงานแบบที่ที่เจ้าไปเจอข้า... เจ้าเรียกว่าอะไรนะ ผี? ใช่มั้ย” ท้ายคำพูด เขาหันมาหาพระไวย

คนฟังพยักหน้า “แล้วยังไง นั่นฉันก็รู้ ฉันถึงได้เรียกนายว่าตัวประหลาดอยู่นี่ไงล่ะ”

มนุษย์แปลงถึงกับหัวเราะ “อย่างนั้นหรอกหรือ เจ้าเรียกข้าด้วยชื่อที่น่าสนใจทีเดียว”

พระไวยหน้ายู่ “ทำอย่างกับว่าฉันจะเรียกนายเป็นอย่างอื่นได้” เขาพึมพำ “หรือจะให้ตั้งชื่อให้ล่ะ”

อีกฝ่ายส่ายหน้าช้าๆ รอยยิ้มยังคงกระจ่างสดใส “ข้าก็มีชื่อนะเจ้า” คนหล่อบอก “ข้าชื่อชีวา”

“ชีวา?” พระไวยทวน “ที่หมายถึง... ชีวิตน่ะหรือ”

เจ้าของชื่อก้มหน้ารับ “ส่วนเจ้า... ก็... พระไวย”

คนฟังหน้าแดงเล็กน้อย อดชะงักไปกับสำเนียงทุ้มต่ำนุ่มนวลน่าฟังยามออกเสียงเรียกชื่อตนไม่ได้ “เรียกไวยเฉยๆก็ได้” พระไวยอ้อมแอ้มบอก “อย่างนั้นมันเต็มยศไป”

ชีวาไม่ได้ว่าอะไร เขาเพียงหันหน้าออกไปนอกหน้าต่างเช่นเดิม




“ข้ามาจากโลกอื่นที่ต่างออกไป” ชีวาบอกช้าๆ สายตายังทอดไปไกลในอากาศ “นานมาแล้ว...เผ่าพันธุ์บางส่วนของข้าเดินทางจากบ้านเกิดในโลกใบนั้น มาสู่มิติกาลเวลาใหม่ในโลกของเจ้า... กลุ่มแรกที่มาถึงนั้น เป็นพวกที่มีพลังสูง พวกเขาแปลงกาย ใช้ชีวิตกลมกลืนอยู่กับมนุษย์ รอคอยให้เวลาผ่านไปช้าๆ แล้วจึงค่อยๆออกตามหาสิ่งที่ตนต้องการ”

พระไวยนิ่งฟังด้วยความอึ้งปนทึ่ง เขายอมรับว่าตัวเองแปลกใจ ตกใจ แต่ว่า ประสบการณ์ตั้งแต่เกิดจนโตกับพวกสิ่งเหนือธรรมชาติ เว่อกว่าชีวิตปกติที่คนอื่นพึงมี ทำให้ความตกใจนั้นเปลี่ยนเป็นความใคร่รู้มากกว่าจะนึกกลัว “เดี๋ยวนะ” เขาขัดขึ้น “แล้วมนุษย์พวกนั้น ไม่รู้สึกถึงความแตกต่างบ้างหรือไง”

ชีวายิ้มรับ “งั้นข้าถามเจ้า หากว่าเจ้า ไม่ได้เป็นเจ้าในแบบนี้ หากเจ้าที่เป็นคนปกติมาเจอข้า เจ้าจะรู้สึกอย่างไร”



คนฟังขมวดคิ้ว ก่อนจะมองอีกฝ่ายอย่างเต็มๆตาอีกครั้ง
สิ่งที่พระไวยได้พบจากลักษณะทางกายภาพของชีวา ขจัดข้อสงสัยออกจนหมด...

เพราะไม่มีส่วนไหนของร่างกายชีวาที่จะแปลกไปกว่าคนปกติได้เลย

แม้กระทั่งรอยสีน้ำเงินนั่น สำหรับสายตาคนอื่น ก็คงจะเป็นรอยสักธรรมดา ไม่ได้มองเห็นว่ามันเรืองแสงได้เหมือนสายตาพระไวย



“ฉันคงจะรู้สึกว่า...” พระไวยขมุบขมิบตอบ “นายอาจจะเป็นเด็กเฮ้วๆฮาร์ดคอร์คนหนึ่ง อะไรทำนองนั้น”




ชีวาหัวเราะ “เห็นไหม พวกข้าก็ไม่ต่างไปจากมนุษย์หรอกยามอยู่ในร่างแปลง” เขาว่า “ยิ่งที่พวกที่มีพลังสูงมากๆ ร่างแปลงก็จะยิ่งงดงามขึ้นและเป็นมนุษย์มากขึ้น ความคิดความอ่านของเราจะถูกนำมาใช้อย่างเต็มรูปแบบ เราแทบจะไม่มีอะไรต่างกับมนุษย์ธรรมดา เพื่อให้การดำรงอยู่ของเรายังเป็นความลับ”

พระไวยเดินไปนั่งลงบนฟูกตนเอง “แล้วยังไงต่อ”

เมื่อไหร่มันจะเข้าสู่เรื่องที่เกี่ยวกับตัวเขาเสียทีวะ




ชีวาเหมือนจะรู้ใจ จึงเอ่ยปากเล่าต่อ “การที่พวกเรามาที่นี่ เพราะเรามีปัญหาอย่างหนึ่ง เผ่าพันธุ์ของข้ามาตามหาสิ่งที่เรียกว่า ‘โซ่พันธนาการ’ หรืออีกนัยหนึ่งที่พวกนั้นเรียก ‘ดวงจิตศักดิ์สิทธิ์’ ”

“มันคืออะไร?” พระไวยถาม

“ในยุคนั้น...” ชีวาเปรย “พวกเราก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร พวกกลุ่มแรกที่มาตามหา ก็มาเพียงเพราะคัมภีร์โบราณเล่มหนึ่งซึ่งบรรพชนของเราชี้บอกเอาไว้ว่ามันเป็นสิ่งวิเศษเท่านั้น ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเดาได้ แม้กระทั่งมหาปราชญ์แห่งราชสำนักองค์ราชา ก็ยังหาคำตอบที่มีความเป็นไปได้ให้ไม่ได้”

พระไวยผิวปากหวือ “มีราชสำนักด้วยหรือนี่...” เขารำพึงเบาๆ

คนหล่อไม่ต่อความกับประโยคคล้ายการล้อเลียนนั้น “แต่ต่อมา พวกกลุ่มแรกที่อาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์ ก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง... ที่มีอยู่อย่างบางเบา ทว่าค่อยๆเด่นชัดขึ้นเมื่อพวกเขาอยู่กลุ่มกลืนกับมนุษย์นานๆไป” ชีวากล่าว “พวกหนึ่งในกลุ่มนั้นออกตามหาพลังงานที่ว่านั่นอย่างเงียบเชียบที่สุด เขาเดินทางไปในชนบทแห่งหนึ่งที่เงียบสงบ ใกล้ๆกับที่ที่เขาอยู่อาศัย เขาใช้เวลาเดินทางไปที่นั่นกว่าหลายวัน จนกระทั่งล้มลงที่หน้าบ้านหลังหนึ่งเพราะความอ่อนล้า เนื่องจากการขาดแคลนแหล่งอาหาร เขาสลบไปกว่าสามวัน ก่อนจะตื่นขึ้นมาเพื่อพบกับเรื่องประหลาดที่สุดที่ไม่เคยเจอ

 “ที่บ้านหลังนั้น... เขาลืมตาตื่นขึ้นมาเพื่อจะพบหญิงสาวคนหนึ่ง ที่คอยเฝ้าไข้พยาบาลเขาอยู่ข้างเตียง แต่สิ่งที่ทำให้เขาตื่นตกใจ คือผู้หญิงคนนั้น นางเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานบางอย่างที่เขาตามหา... มันเข้มข้นจนแทบจะกลายเป็นรังสีรอบตัวนาง และเมื่อเขามองมาที่ตนเอง เขาก็พบว่า เขากลับเข้าสูร่างแปลงมนุษย์แล้ว ทั้งๆตอนที่เขาหมดสตินั้น เขาจำได้ว่า ร่างกายมันทนไม่ไหวจนต้องปรับสภาพให้อยู่ในร่างจริง... ที่สำคัญ... รอบตัวเขา มันปรากฏสายโซ่สีดำสนิทร้อยรัดเขาเอาไว้ทั่วทั้งตัว”

คนฟังอย่างพระไวยมีสีหน้าสงสัยชัด ราวกับเด็กน้อยที่กำลังฟังนิทานและอินไปกับมัน “เร็วๆสิ” พระไวยเอ่ยเบาๆ




ชีวาเล่าต่อด้วยน้ำเสียงทุ้มสบาย “ไม่นานนัก เมื่อเขาควบคุมพลังของตนเองให้สงบลงได้ สายโซ่นั่นก็จางหายไป พร้อมกับที่หญิงสาวคนนั้นตื่นพอดี”

“นางรีบกุลีกุจอหาข้าวหาน้ำมาให้เขา และแม้เขาจะยืนยันว่าไม่เป็นอะไรมาก นางก็ออกอาการเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด ทว่า เขาก็สัมผัสได้ถึงความหวาดหวั่นบางอย่างในดวงตายามที่นางเผลอ ท้ายที่สุด เมื่อเขาหายดีพอที่จะกลับบ้านได้ นางก็เริ่มเปิดปากถาม...

“คนในเผ่าพันธุ์ข้าตนนั้นตอบคำถามของนางด้วยใจที่เต้นแทบไม่เป็นจังหวะ เขากลัวเหลือเกินว่าหากนางรังเกียจตนแล้ว เขาอาจจะต้องใช้วิธีที่เลวร้ายเพื่อเข้าใกล้และค้นหาความจริงจากนางก็เป็นได้ แต่กระนั้น หญิงสาวมนุษย์กลับฟังเรื่องของเขาอย่างตั้งใจ และไม่มีท่าทีหวาดกลัวเมื่อรู้ว่าเขาเป็น‘อะไร’ ที่โชคดีกว่านั้นก็คือ นางยอมให้ความร่วมมือในการค้นหาความจริงเกี่ยวกับพลังงานรอบตัวนาง”



สายตาคนเล่ายังทอดยาวออกไปไกล ราวกับเจ้าตัวเป็นชายคนนั้นในอดีตอันแสนเนิ่นนาน

“ไม่นานนัก เผ่าพันธุ์ข้าตนนั้นก็พบว่า ที่แท้แล้ว... พลังงานรอบตัวนางนั้น เป็นพลังงานในการควบคุมสิ่งมีชีวิตเช่นพวกข้า และโซ่ที่ปรากฏขึ้นก็คือหลักฐานแห่งการเป็น ‘โซ่พันธนาการ’ คำตอบจากการตามหามันในคัมภีร์โบราณ ก็คือ... มนุษย์”

พระไวยอ้าปากค้าง ก่อนส่งเสียงละล่ำละลัก “มะ!.. มนุษย์หรอ!”

ชีวาพยักหน้ารับ “ก็ประมาณนั้น...” เขาตอบเสียงนุ่ม “มนุษย์เช่นพวกเจ้าเป็นผู้ครอบครองพลังที่ใช้ควบคุมพวกข้า และโซ่พันธนาการที่ว่า ก็คือมนุษย์ เช่น... ตัวเจ้าเองเป็นต้น”

“เดี๋ยวนะ!” พระไวยรีบลุกทันทีราวกับโดนของร้อน “มนุษย์อย่างเช่นฉันมันยังไง”

ชีวาส่ายหน้าเอือมๆ “เจ้าเป็นคนพิเศษ พระไวย...” เจ้าตัวกล่าวราบเรียบ ราวกับเรื่องที่พูดกันอยู่นี่เป็นเรื่องลมฟ้าอากาศ หรือของกิน “สายตาของเจ้า พิเศษกว่ามนุษย์ทั่วไป มิเช่นนั้น เจ้าจะเห็นร่างจริงของข้าได้อย่างไรเมื่อตอนเย็น ทั้งๆที่ข้ากำลังล่องหนอยู่”

คนฟังชะงัก “อะไรนะ! เมื่อตอนที่ฉันเจอนาย นั่น! นั่นนายกำลังล่องหนอยู่หรอ!? เป็นไปได้ไง? ก็ฉันเห็นอยู่จะจะว่านายกำลังหลับ แถมยังปล่อยรังสีบ้าบอออกมาจนแสบตาอีกต่างหาก!” พระไวยเถียง

“นั่นแหละ” ชีวาว่า “นั่นคือหลักฐานยืนยันชั้นดีเลยว่าดวงตาของเจ้าเป็นสิ่งวิเศษยิ่งกว่าใคร... เพราะตามปกติแล้ว แม้มนุษย์บางคนที่พิเศษคล้ายๆกับเจ้า จะได้มองเห็นข้าในสภาพนั้น ทว่าเมื่อพบรัศมีของข้าเข้าไป พวกเขาก็จะตาบอดชั่วขณะ ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้อีก... แต่เจ้าไม่ใช่ เพราะแม้จนตอนนี้ ดวงตาของเจ้าก็ยังปกติ”



พระไวยยกมือตะปบตาตัวเองทันที เขาหลับตา แล้วลืมตามองอีกฝ่ายใหม่

ก็ไม่เห็นจะเปลี่ยนไป... พระไวยนึก ชักสงสัยว่าตาทิพย์ของตนมันยังใช้การได้รึเปล่า

ราวกับมีมนต์อ่านใจ เพราะชีวาขยับจากขอบหน้าต่าง เดินเข้ามาใกล้ แล้วจับมือของพระไวยออก



“ตาของเจ้ายังปกติ ข้ายืนยันข้อนั้นให้เจ้าได้” คนหล่อราวเทพนิรมิตว่า “นอกจากดวงตาแล้ว พลังในการควบคุมจิตวิญญาณของเจ้ายังสูงส่งจนน่าใจหาย ข้ารับรู้ได้ทันทีที่เจ้าสัมผัสกายข้า...”

พระไวยเคลื่อนตัวเองออกห่างเล็กน้อย นึกโกรธหัวใจตนเองที่ดันเต้นระรัวไปกับฝ่ามืออุ่นๆนั้นเสียได้ “แล้วยังไง นี่นายกำลังจะบอกอะไรฉัน” พระไวยท้วง “ตกลงว่าเพราะอะไรนายถึงไปจากฉันไม่ได้กัน”

ชีวายิ้มอบอุ่น เขาดึงชายกางเกงขึ้น ก่อนจะลงไปนั่งเรียบร้อยกับพื้นกระดาน “นับจากวินาทีที่คนมีพลังเช่นเจ้าสัมผัสกายข้า เราสองถือเป็นคู่พันธะสัญญาต่อกัน”

คนฟังยิ่งขมวดคิ้ว “สัญญาอะไร? ฉันไปตกลงแลกเปลี่ยนอะไรกับนายตอนไหน”



“ก็ตอนที่เจ้าแตะตัวข้า” คนหล่อตอบเสียงน่าฟัง “เมื่อโซ่พันธนาการสัมผัสคู่พันธะสัญญา จะเกิดการแลกเปลี่ยนทางจิตวิญญาณขึ้นระหว่างกัน... อืม... พวกเจ้าจะเรียกมันว่าหัวใจก็ได้ สำหรับเผ่าพันธุ์ข้า จิตวิญญาณเป็นแหล่งกำเนิดพลังชีวิต มันเป็นพลังงานที่ไม่มีวันเต็ม และจะยิ่งเพิ่มขึ้นตามกาลเวลาที่ผ่านไป ทันทีที่เจ้าสัมผัสข้า โซ่พันธนาการจะเข้าผูกพันตัวข้า... ก็เหมือนในเรื่องที่ข้าเล่าให้เจ้าฟัง มันเป็นสายโซ่สีดำที่รัดทั้งกาย เมื่อข้าควบคุมตนเองให้อยู่ในสภาวะสมดุลได้ โซ่นั่นก็จะหายไป ส่วนหัวใจของข้าก็จะถูกส่งไปที่ร่างของเจ้า ความรู้สึกที่เจ็บๆร้อนๆนั่นแหละคือช่วงถ่ายจิตวิญญาณ”

พระไวยอ้าปากค้าง ตาเบิกกว้างด้วยความตระหนก เขารีบยกมือกอดตนเองแน่นด้วยความรู้สึกแปลกๆและหวาดกลัวขึ้นมาเสียเฉยๆ หลังจากรู้ว่าภายในร่างกายมีสิ่งแปลกปลอมที่ไม่เต็มใจจะรับอาศัยอยู่

ชีวาหัวเราะกังวาน “อย่ากลัวไปเลย มันไม่มีอะไรหรอก เจ้าจะคิดว่ามันเป็นเหมือนพลังในภาพยนตร์ก็ได้” เขาว่า “การที่ข้าฝากมันไว้กับเจ้า ก็เพื่อปกป้องตนเองในยามที่ต้องต่อสู้ก็เท่านั้น บางครั้งเวลาข้าเปลี่ยนไปใช้ร่างต้น หรือร่างรวม ข้าก็แค่ดึงพลังออกมาใช้เฉยๆ ส่วนเจ้าก็อยู่นิ่งๆ หลบให้ปลอดภัยก็พอ”

“อย่างนั้น.... ถ้าฉันเป็นอะไรไป นายจะเป็นยังไง!” พระไวยถามหน้าตาตื่น

“ข้าก็ตายไง” ชีวาตอบด้วยสีหน้านิ่งๆ “แหล่งกำเนิดชีวิตถูกทำลาย ข้าก็ตายเหมือนๆพวกเจ้านั่นแหละ”



พระไวยเริ่มกระบวนการดึงทึ้งหัวตัวเองและถอนหายใจอีกรอบ

“โอยยยย จะบ้าตาย! นี่นายมาทำอะไรกับตัวฉันละวะเนี่ย! อย่างนี้ถ้าใครจะฆ่านาย ฉันก็ถูกหมายหัวน่ะเซ่!”

“ใช่เลย” ชีวาว่ายิ้มๆ “นั่นแหละเป็นเหตุผลที่ข้าต้องอยู่ใกล้ๆเจ้า ไม่อย่างนั้นใครจะปกป้องเจ้ากันล่ะ”



พระไวยเดินกลับไปกลับมา ท่าทางคิดไม่ตก ก่อนที่เจ้าตัวจะนึกอะไรขึ้นได้

“ไม่สิ! นายควรจะอยู่ห่างๆฉันมากกว่า ถ้าไม่มีใครรู้ว่าฉันกับนายเป็นอะไรกัน แค่นี้ฉันก็ไม่ตายแล้ว!” พระไวยท่าทางดีอกดีใจ “งั้นไปเลย! นายรีบไปหาที่อยู่ใหม่ให้ไกลๆฉันได้เลย!”

“ข้าทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก” ชีวาขำขัน “ข้าอยู่ห่างแหล่งกำเนิดพลังของตนเองได้ไม่ไกลนัก อย่างมากที่สุดก็แค่สิบกิโลเมตรเท่านั้นเอง แต่แค่นั้นข้าก็แทบจะหมดแรงแล้ว ถ้าหากข้าตายขึ้นมา เจ้าก็จะตายตามไปด้วยนะ เพราะจิตวิญญาณของข้าอยู่ในร่างเจ้า มันจะถูกหลอมรวมให้เป็นหนึ่งเดียวกับเจ้า”

“ห้ะ! อะไรนะ!” พระไวยแทบจะร้องว้าก ปากอ้ากว้างจนแมลงจะมุดเข้าไปได้ทีละร้อยตัว “ไม่ตลกนะเฮ้ย! นายตายแล้วทำไมฉันต้องตายด้วยเล่า! ฉันไม่ได้เต็มใจจะเอาจิตวิญญาณบ้าๆของนายมาเก็บไว้เสียหน่อย!”

ชีวาไหวไหล่ “เจ้าเป็นโซ่พันธนาการของข้า พันธะสัญญาที่เราทำร่วมกันมันบังคับให้เจ้าต้องมีข้าอยู่ด้วยตลอดเวลา ใช่ว่าข้าตั้งใจเสียเมื่อไหร่ เจ้าเป็นคนเดินเข้ามาหาข้าถึงในป่าเองนะ”

พระไวยหน้าแดงก่ำ ไม่แน่ใจว่าเพราะโกรธหรือเพราะอาย “งั้นนายก็รีบยกเลิกสัญญาบ้าๆนั่นเสียสิ!”

“ข้าทำไม่ได้” อีกฝ่ายรีบบอกหน้าตาย “เงื่อนไขการยกเลิกคือ จะยกเลิกได้ก็ต่อเมื่อผลประโยชน์จากการทำพันธะนั้นยังไม่เกิดขึ้น หรือเมื่อทั้งสองฝ่ายไม่อยู่ในสภาวะที่จะรับผลประโยชน์ ก็คือตาย การยกเลิกพันธะต้องเป็นไปในทั้งสองทิศทาง ซึ่งประโยชน์จากการทำสัญญาของเราได้เกิดขึ้นแล้ว และข้าก็เป็นผู้รับประโยชน์ในส่วนของข้าแล้ว เพราะฉะนั้น สัญญานี้ยกเลิกไม่ได้ จนกว่าเจ้ากับข้าจะตายไปพร้อมกัน”



พระไวยฟังแล้วเกิดอาการอยากหน้ามืดเป็นลมเสียเดี๋ยวนั้น ถึงขนาดเข่าอ่อน ทรุดลงกับพื้นกระดาน

เกิดมาเห็นผียังไม่พอ ยังต้องมีปีศาจตัวประหลาดตามติดยิ่งกว่าผีอีก
แม่เจ้า! ชีวิตพระไวยมันอะไรกันวะเนี่ย! คนหล่อไม่เข้าใจโว้ยยยยยย!



ชีวามองหน้าโซ่พันธนาการของตนเองแล้วก็ทั้งขำทั้งสงสาร

“เอาน่าพระไวย... ก็ไม่ใช่ว่ามันจะไม่มีเรื่องดีเสียหน่อย ข้ารับรองว่าประโยชน์ที่เจ้าจะได้จากข้ามันคุ้มจนเจ้าจะลืมเรื่องตายไม่ตายไปได้เลยล่ะ”

อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นจากหัวเข่าตนเองด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยาก “นายพูดถึงเรื่องอะไร”



ชีวาได้แต่ยิ้ม ทว่าเขาไม่เอ่ยปากบอก

เรื่องนั้น... ไว้รอให้พระไวยเข้าใจเองจะดีกว่า





เสียงเบาๆจากการเปิดประตูบ้านดังเข้าหูของพ่อเทพบุตร ชีวารีบลุกขึ้นยืนแล้วมองออกไปทางหน้าต่าง

“ข้าว่าตอนนี้เจ้ารีบลุกขึ้นมาก่อนจะดีกว่า อย่าเพิ่งไปสนใจเรื่องตายหรือไม่ตายเลย” คนหล่อบอก “พี่ของเจ้ากลับมากันแล้ว”

พระไวยสะดุ้งขึ้นราวกับโดนของร้อนจี้ตูด เจ้าตัวรีบเดินไปชะโงกหน้าทางหน้าต่างทันที

แล้วพ่อหนุ่มตาทิพย์เห็นผีก็ต้องกลืนน้ำลายก่อนทำหน้าลำบากใจ
คนสองคนที่กำลังเดินเข้ามาในเขตบ้านเขานั้นคือพี่ๆทั้งสองของพระไวยจริงๆ



เฮ้อ...

คนหล่อเห็นผีขยับไปพิงฝาผนังแบบเหนื่อยใจ สรุปวันนี้มันเป็นวันอะไรของเขากันวะ มีแต่เรื่องไม่หยุดหย่อน ไหนยัยป้าหมอดูนั่นบอกว่ารักษาศีลแล้วจะดีไง?

พระไวยถอนหายใจ ก่อนจะเลือกเดินไปเปิดประตูห้องหลังได้ยินเสียงเรียกของพี่ๆ ไม่ลงไปก็ไม่ได้ เกิดพี่มาเห็นเขากับไอ้ปีศาจบ้าอยู่ด้วยกันแล้วจะยิ่งเข้าใจผิดเสียอีก

เอาวะ! ตายเป็นตายสิไอ้ไวย!

เรื่องความเป็นความตายยังไม่จบ กูต้องมารบกับพี่ตัวเองอีกแล้วหรอเนี่ย!!!!








TO BE CON...


_______________________________________________________________________________________________




หุหุ เรื่องนี้เขียนสนุกจริงๆ มีคำผิดตรงไหน ยังไง อยากแนะนำอะไร เต็มที่เลยนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ แล้วไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า

 :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-10-2013 10:05:23 โดย kamidere »

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
 :-[ :-[ ไวย ทำใจหน่อยน่ะะ  :oo1: :oo1:

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
เขียนสนุก เรื่องน่าสนใจดีค่ะ

รอตอนต่อไป  :call:

ออฟไลน์ hibatsumoe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
อยากอ่านต่อค่ะๆ ><
ชีวาจ้าาาา หล่อไปไหม
มีเจ็ดเขาด้วย คงไม่ใช่ประมาณปีศาจชั้นสูงนะ
เจ็ดเขามันคุ้นๆ
สรุปว่าเชียร์พระไวย จุ๊บ ><

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด