ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู  (อ่าน 367304 ครั้ง)

ออฟไลน์ ( = ___ = )

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 605
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-1

 :m13: ซาหนุกจัง ขอบคุณคุณลูกหมูคนเขียนและก็คุณplayCardPlaYBoy
ที่มาลงให้อ่านแบบไม่มีกั๊กเยยอ่ะ เอาไปเยย+1น้า

ชอบทั้งสองภาค หุหุ :m25:
รออ่านต่ออยู่น้า จุ๊บๆ


ป๋อหลอ ขอให้คุณเพลย์อ่านหนังสือสอบได้นะ เพี้ยงๆ




playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป


ปัง!!

เสียงปิดประตูห้องดังสนั่น ทำลายความเงียบของแหล่งที่อยู่อาศัย หลังจากออกจากห้องซานริโอ®ได้ก็จิ้มปุ่มเรียกลิฟท์รัว นึกกลัวว่าเจ้าของห้องจะเกิดอาการตกมันวิ่งเข้าจู่โจมตามหลังพาเขาผ่านทาง ลัดส่งตรงถึงนรกขุมสุดท้ายก่อนได้สัมผัสแสงตะวันของวันใหม่ พอลงลิฟท์ถึงชั้น G ของคอนโดหรูไม่พูดพล่ามทำเพลงสองมือสองเท้าสามัคคีโกยสี่ตีนหน้าตั้งกลับรัง ซ่องสุมของตัวเองด้วยสปีดเร็วกว่านรก

เสียงหอบแฮ่กยาวนานติดกันอีก หลายนาทีกว่าเจ้าตัวจะตั้งหลักเปิดตู้เย็นคว้าน้ำดื่มบรรเทาอาการคอแห้งได้ ขายาวทิ้งตัวลงนั่งเหยีดกับพื้นพรมด้วยความโล่งใจ

ในที่สุดก็หนีออกมาได้

ตอนแรกยังไม่รู้ว่าจะได้ผลรึ เปล่าด้วยซ้ำ โชคดีที่รูปที่ถ่ายด้านหน้าเผยให้เห็นใบหน้าของชวนันท์ชัดเจนจึงพอจะเอามา ขู่ได้ แถมด้วยการแหลสดว่าส่งเมล์แล้วทำให้อีกฝ่ายไม่กล้าลงมือลงทีน

มันจะส่งได้ยังไงเร็วขนาดนั้น...

กดไล่รูปในโทรศัพท์มือถือที่ มีเพียงสี่รูป ใจก็คิดอิจฉา ช่างเป็นผู้ชายที่สมเป็นชายจริงๆ กล้ามเนื้อทุกส่วนดูจะตึงแน่นไปหมด ยิ่งลองได้จับก็รู้ว่าชวนันท์แข็งแกร่งกว่าที่ตาเห็นซะอีก แรงมากมายที่ผู้ชายด้วยกันยังสู้ไม่ได้ถึงได้โดนลากโดนกดได้ตามใจชอบ นึกถึงสถานการณ์เฉียดที่เพิ่งเอาตัวรอดมาได้ก็ขนลุก...ลูกผู้ชายอย่างเขาจะ โดนจับกด! ยอมไม่ได้! แม้จะไม่ได้ยอมรับว่าตัวเองเป็นเกย์ด้วยเหตุที่เขาชอบแค่เทวดาน้อยคนเดียว เท่านั้น แต่ถ้าจะนึกภาพตัวเองมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันแล้วล่ะก็ อย่าหวังว่าเขาจะยอมอยู่ข้างล่างเลย คู่ของเขาต้องเป็นเด็กหนุ่มหน้าหวานตัวเล็กเท่านั้น!!

มือผอมยกขึ้นบีบเคล้นต้นแขนตัวเอง

นี่ไง ถึงจะไม่กล้ามใหญ่เหมือนชวนันท์ แต่เขาก็ไม่ได้มีแต่หนังหุ้มกระดูกซักหน่อย ความสูงก็พอจะเทียบกันได้ แค่สูงน้อยกว่าหน่อยเดียวเอง แม้จะไม่ได้เล่นกีฬากลางแจ้ง แต่ก็ออกกำลังกายในฟิตเนสประจำ โค้ชคอยแนะนำก็มี น้ำหนักก็ยกได้ตามเกณฑ์ เพียงแต่ตอนนี้มันขาดสารอาหาร วันๆกินแต่มาม่าเพราะเอาเงินไปซื้อกล้องส่องทางไกลเท่านั้นเอง...

แต่คิดไปคิดมาก็นับถือชั้น เชิงตัวเองเหมือนกันแฮะ คิดไม่ผิดที่จิ๊กบัตรประชาชนในกระเป๋าสตางค์ที่โยนไว้ท้ายเตียงได้ ล้วงออกมาดูการ์ดแข็ง รูปของชายหนุ่มดูจะเด็กกว่าตอนนี้มากหากมีเค้าแฝงความดุดันเหมือนเช่น ปัจจุบัน

ชวนันท์  ชัยปรีชา...นามสกุลคุ้นๆแฮะ แต่นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินมาจากไหน เหลือบมองปีเกิดก็...ให้ตาย อายุน้อยกว่าเขาตั้งสองปี ไหงขนาดตัวมันต่างกันอย่างนี้ฟะ ยอมไม่ได้!!

คิดฟุ้งซ่านไปมาได้ไม่นาน ตาก็เหลือบมองนาฬิกาแขวน ตีสามพอดีไม่ขาดไม่เกิน เขาควรจะรีบเข้านอนได้แล้ว พรุ่งนี้ยังต้องไปทำงานแต่เช้า งานออกแบบวงจรของสินค้าใหม่เพิ่งจะเริ่มวางโครงได้แค่นิดเดียวเอง

ชายหนุ่มคว้าผ้าเช็ดตัวกับ ชุดนอนเดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำโดยเร็ว น้ำอุ่นทำให้กล้ามเนื้อที่เกร็งเครียดค่อยคลายตัวลงได้บ้าง พอรู้สึกสบาย หนังตาก็พาลจะปิดซะเดี๋ยวนั้น

“ว้าวว้าว~” ทันทีที่เปิดประตูห้องนอน สิ่งมีชีวิตที่อยู่ข้างในก็ส่งเสียงทักทายเจ้านาย

“หวัดดีตอนเกือบเช้า เจมส์” เอ่ยทักทายเจ้านกขุนทองสัญชาติไทยชื่อฝรั่ง นกตัวนี้พี่ชายมอบให้เขาเป็นของขวัญ ด้วยเหตุผลว่าออกมาอยู่คนเดียวจะได้ไม่เหงา สมองเท่าเม็ดก๋วยจี๊ของมันจำได้แค่คำสองคำ หนึ่งในนั้นคือคำที่เขาพูดบ่อยๆในช่วงที่ผ่านมา...ช่วงที่เขาหมกมุ่นนั่งมอง เทวดาน้อยจากหน้าต่างห้องนอน

ล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม หลับตาสะกดจิตตัวเองว่าหลับได้แล้ว นายเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว...ผ่านไปยี่สิบนาทีภาพที่ปรากฏหลังเปลือกตากลับมี แต่ช่วงอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อในมุมมองที่กำลังจับเขากดลงบนเตียง

...นอนไม่หลับเฟ้ย!

อดทนต่อไปอีกสามสิบนาที ...ไม่ไหว... นอกจากกล้ามเนื้อล่ำๆกับผลิตภัณฑ์ซานริโอ®ที่แวบขึ้นมาให้เห็นแล้ว ก็ไม่มีท่าทีว่าจะนอนหลับได้เลย

“แมร่งเอ๊ย~” ลุกขึ้นมาอย่างหงุดหงิด ก้าวฉับๆเข้าครัวเปิดตู้หายานอนหลับที่เคยกอดขาหมอขอมากินยามคึกจัดโยนเข้า ปากกรอกน้ำตาม เขาเดินผ่านประตูห้องนอนไปได้แค่ครึ่งก้าวเจ้ายาการันตีประสิทธิภาพก็ออก ฤทธิ์ฉับไว ร่างผอมสูงล้มลงแผ่กับพื้นพรมหลับสนิทไม่สนใจฟ้าดิน

+++++++++++++++++++++++++++

‘นัท จำไว้นะลูก...ออกไปอยู่คนเดียวแล้วแต่อย่าลืมคำสอนของแม่ล่ะ จะคบกับใครทำงานกับใครก็อย่าทำให้เขาเดือดร้อน อย่าทำความลำบากให้คนอื่นนะลูก เวรกรรมมันจะตามทัน’

ในอนุสติรางเลือน เขาฝันถึงมารดาที่ไม่ได้พบหน้ามาหลายเดือน คำสอนตั้งแต่เขายังเป็นเด็กหนุ่มเพิ่งแยกตัวออกจากบ้านที่ต่างจังหวัดเพื่อ เข้ามาเรียนต่อมหาวิทยาลัยในกรุงเทพยังติดหูเขาอยู่ เหตุการณ์วันนั้นกระจ่างใสในความทรงจำ เขายังจำได้ว่านั่นเป็นครั้งแรกที่เขาก้มลงกราบเท้าแม่ ทั้งๆที่ปกติออกจะเป็นเด็กขี้อาย ไม่กล้าแสดงความรักซักเท่าไหร่

...วันหยุดนี้กลับบ้านดีกว่า…

++++++++++++++++++++++++++++

“แดดส่องฟ้าเป็นสัญญาณวัน ใหม่ พวกเราแจ่มใสเหมือนนกที่ออกจากรัง~” เสียงเพลงที่ตั้งเป็นนาฬิกาปลุกทำได้แค่เพียงเรียกให้ร่างผอมขยับตัวเท่า นั้น ท้องฟ้านอกหน้าต่างยังดำมืดมีเพียงแสงรางๆที่บ่งสัญญาณว่าวันใหม่กำลังจะ เริ่มต้นเท่านั้น

ผ่านไปจนแดดของจริงส่องหน้าเข้าตาจนแสบจึงค่อยลุกขึ้นนั่งบิดขี้เกียจได้ ทันทีที่สติกลับมาเต็มร้อยก็สะดุ้งสุดตัว

“สายแล้ว!! ไอ้เจมส์ ทำไมไม่ปลุกกันบ้างเลยฟะ!!” กล่าวโทษมั่วซั่ว วิ่งเปิดตู้เสื้อผ้าหาชุดทำงานใส่อย่างรวดเร็ว...ไม่อาบน้ำตอนเช้าซักวันขี้ กลากคงไม่ขึ้นหรอกน่ะ ตอนนี้งานสำคัญกว่า เขาไม่ยอมให้โดนตัดเงินเดือนเพราะไปทำงานสายแน่นอน! ชีวิตมันต้องปากกัดตีนถีบหลังจากที่ตัดสินใจซื้อกล้องส่องทางไกลราคาเฉียด แสน โชคดีที่เงินเดือนสำหรับอาชีพของเขามันยังมากพอยาไส้ ขยันทำโอทีอีกซักสองเดือนสถานะทางการเงินก็คงกลับสู่ภาวะปกติได้

“ไอ้โง่ ไอ้โง่~” เสียงแหลมของเจ้าขุนทองสวนกลับทำให้เดือดปุด นี่แหละ อีกคำที่มันจำได้ คำที่พี่ชายพร่ำสอนตอนที่มันยังเป็นลูกนกขนอ่อน หวังจะให้มากวนเบื้องล่างเขาเล่นยามเหงา

“เออ! แกโชคดีที่วันนี้ฉันรีบ ไม่งั้นพ่อจับย่างสุกไปแล้ว ไอ้ตัวแสบ” กล่าวคาดโทษก่อนจะปิดประตูห้องดังปัง

+++++++++++++++++++++++++++++++

“ธณัติ มาสายนะวันนี้ เกิดเรื่องใหญ่ดันไม่ยอมมาช่วยกันรับหน้าซะนี่!” เสียงหัวหน้าแผนกดังคาดโทษ ช่างเป็นการเริ่มต้นวันที่ไม่ค่อยจะดีเอาซะเลย

“ขอโทษครับ ว่าแต่มีปัญหาอะไรหรือ”

“ก็ไอ้ Y034i ที่นายออกแบบวงจรผลิตออกมาเมื่อเดือนที่แล้วน่ะสิ ทำเรื่องจนได้” โค้ดหมายเลขสินค้าแทนกุญแจไฟฟ้าระบบใช้แถบแม่เหล็กเปิด...เครื่องที่เขา เพิ่งขี้โกงเปิดไปเมื่อคืนนี้นั่นแหละ

“ทำไมล่ะ เปิดไม่ออกหรือไง แล้วช่างเทคนิกแก้ไม่ได้หรือครับ” ตามสายงาน การแก้ปัญหาผลิตภัณฑ์นิรภัยต่างๆมักจะผ่านช่างเทคนิกก่อน เมื่อแก้ไขไม่ได้จึงค่อยแจ้งให้แผนกวางแผนระบบไปแก้ทีหลัง

“เปล่าหรอก มันเปิดดีเกินด้วยซ้ำ ท่านรองเพิ่งโทรมาด่าว่าโดนขโมยงัดห้องเมื่อคืน บอกว่าระบบที่เราออกแบบมันไม่ได้มาตรฐาน” รู้สึกหลังมันร้อนๆหนาวๆแฮะ...ไม่ใช่หรอกมั้ง

“แล้วเป็นยังไงบ้างครับ ต้องไปรีเซ็ตระบบใหม่รึเปล่า”

“ก็นั่นแหละ ท่านอยากคุยกับคนออกแบบโดยตรง ว่าจะเอายังไงต่อไป นายก็ไปคุยซะอย่าให้รอนาน แล้วก็ดูเหมือนจะเดือดสุดๆซะด้วย ถ้าโดนด่ามาก็ก้มหน้าก้มตาขอโทษไปละกัน” หัวหน้าฝ่ายตบบ่าเขาปั้บๆเหมือนอวยพรก่อนเข้าสู่สมรภูมิเลือดยังไงยังงั้น ท่าทางจะซีเวียร์จัดแฮะ งานนี้

ห้องรองกรรมการผู้จัดการอยู่ ชั้นบนสุดของออฟฟิซ ข้างๆกันเป็นห้องท่านกรรมการผู้จัดการใหญ่เจ้าของบริษัทปรีชานิรภัย ที่ตอนนี้ลาพักร้อนรักษามะเร็งลำไส้อยู่ที่ต่างประเทศ ดังนั้นผู้ที่มีอำนาจจัดการสูงสุดตอนนี้จึงเป็นท่านรองที่หัวหน้าพูดถึง

ธนัติรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย ตั้งแต่ทำงานมาเขาไม่เคยเข้าพบพวกผู้บริหารโดยตรงสักที หน้าตายังไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ ท่านรองคนนี้เพิ่งเรียนจบโทบริหารมาจากต่างประเทศเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้เอง ด้วยความที่เป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าของกิจการ เก้าอี้ผู้บริหารจึงเลื่อนมารองก้นอย่างง่ายดายต่างจากคนระดับล่างอย่างเขา ที่ต้องก้มหน้าทำงานเพิ่มตำแหน่งให้ตัวเองยิกๆ ได้ยินสาวๆในแผนกกรี๊ดกร๊าดถึงมานานแล้วแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย ก็ไม่ใช่เรื่องของเขานี่นา...

ลิฟท์เปิดที่ชั้นบนสุดของตึก เลขาหน้าห้อง สาวสวยหุ่นเซ็กซี่ในชุดพนักงานกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ก็ยกมือเป็นสัญญาณให้ คอยอยู่ตรงนั้นก่อน ระหว่างรอเขาก็หันซ้ายหันขวาดูสถานที่ทำงานของบุคคลระดับสูงเป็นบุญตา ประตูห้องบานใหญ่สลักลวดลายดูไฮโซ ข้างกรอบประตูมีป้ายทองเหลืองสักตัวอักษรบอกชื่อและตำแหน่งเป็นภาษาอังกฤษ

…CHAWANAN… โห อะไรจะชื่อโหลขนาดนี้

...CHAIPRECHA… สะบัดหัวแรงๆที่หนึ่ง สงสัยจะหมกมุ่นเรื่องเมื่อคืนจนเห็นภาพหลอนเว้ยเฮ้ย

“ฝ่ายระบบใช่มั้ยคะ ท่านรองรออยู่แล้วค่ะ” เลขาสาวที่วางโทรศัพท์เรียบร้อยแล้วหันมาพูดกับเขา อีกมือก็กดอินเตอร์โฟนแจ้งให้คนข้างในห้องทราบ

มือชื้นเหงื่อเปิดประตูเชื่องช้า เหลือบมองหน้าคนที่กำลังก้มอ่านเอกสารหลังโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง

คำสอนของมารดาที่ฝันถึงเมื่อวานดังเบาๆในหู

‘อย่าทำความลำบากให้คนอื่นนะลูก เวรกรรมมันจะตามทัน’ หม่าม้า...ผมขอโทษ

...เวรกรรมมันตามทันแล้วครับ...

+++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
สนุกๆ  :m4: :m4: :m4: :m4: โดยเฉพาะภาค 2 สนุกมั่กๆ แล้วไงละงานนี้  :m4: :m4: :m4:

ออฟไลน์ สาวตัวกลม

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
 :angry2:เครียดหนัก  :serius2: เน็ตมานเป็นบ้าตั้งแต่เมื่อเช้า เว็งสุดชีวิต :a6: อ่ะๆๆ เอาไป3ตอนเลย  :laugh: ถือว่าขอโทดแล้วกัน
.........................................................
ผมเปล่าโรคจิตนะ! 5


ชายหนุ่มที่เห็นแตกต่างจาก เมื่อคืนค่อนข้างมากทีเดียว ภาพติดตาของผู้ชายกำยำสมส่วนเปลือยท่อนบนทรงผมยุ่งเหยิงถูกลบออกด้วยภาพที่ เห็นต่อหน้าต่อตา ชวนันท์ตอนนี้เป็นผู้บริหารเต็มตัว ผมดำยาวปรกตาถูกจัดทรงเสยขึ้นโชว์หน้าผากมน รูปหน้าคมขาวถูกประดับด้วยแว่นตาไร้กรอบทรงเหลี่ยมทันสมัยปิดบังภาพลักษณ์ ของหนุ่มนักเที่ยวได้เป็นอย่างดี หนวดถูกโกนอย่างประณีตเห็นเพียงไรหนวดบบางเขียวที่คางเท่านั้น แม้จะไม่ได้ใส่สูท แต่เพียงแค่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนรีดเรียบไร้รอยยับกับเนคไทสีน้ำเงินเข้า ชุดกลับทำให้ดูภูมิฐานน่าเชื่อถือ

ชวนันท์นั่งพิงพนักเก้าอี้ ตัวใหญ่ มีสมาธิกับเอกสารในมือจนไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่แม้จะได้รับการแจ้ง จากเลขาหน้าห้องแล้วก็ตาม นั่นทำให้ธณัติเห็นความหวังจะรอดชีวิตได้รำไร ละมือออกจากลูกบิดทองเหลืองกลับหลังหันเตรียมเดินออกจากห้องอย่างเงียบเชียบ ก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อจ๊ะเอ๋กับเลขาสาวที่ถือกองเอกสารเดินตามเข้ามา ด้วยความตกใจทำให้ถอยหลังกลับเข้าห้องไปอีกสามก้าว

สบตากับเลขาสาวได้ก็ส่งสายตาอ้อนวอนขอชีวิต ‘ขอผมออกไปจากห้องนี้ก่อนได้มั้ยก๊าบ’

ดูท่าภาษาตาจะส่งไปไม่ถึงใจ พนักงานสาวสวย ดวงหน้ารูปไข่ล้อมกรอบด้วยผมหยิกเป็นลอนเอียงนิดๆอย่างงงๆ ริมฝีปากอิ่มเคลือบด้วยลิปสติกบางเบาเผยอออกทำท่าจะถาม

‘ชู่ว์ว์...’ ในเมื่อมันยากนักใช้ยูนิเวอร์แซลซิกแนลก็ได้ฟะ ธณัติชูนิ้วชี้บังปากตัวเองไว้แยกเขี้ยวยิงฟันร้องชู่ว์แบบไร้เสียง หน้าตาตอนนี้เหมาะกับบทฆาตรกรข่มขู่ตัวประกันมาก รองเท้าส้นสูงของพนักงานสาวก้าวถอยหลังกระทบพื้นหินอ่อนดังก๊อกเบาๆ

“แอน มีอะไรรึเปล่า” เสียงที่ดังมาจากในห้องแปรเปลี่ยนเป็นกระแสประสาทกระตุ้นระบบซิทพาเธติกของ ธณัติให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ม่านตาขยายกว้าง ชีพจรเต้นแรง เหงื่อกาฬผุดพรายทั้งๆอากาศในสำนักงานเย็นเฉียบ

ด้วยใบหน้าอันน่าสะพรึงกลัวของธณัติรึเปล่าก็ไม่รู้ ทำให้เลขาสาวนามแอน ได้แต่อ้าปากค้าง ไร้เสียงตอบคำถามของเจ้านาย

“แอน?” คาดว่าชวนันท์คงจะสงสัยว่าทำไมไม่ยอมตอบซักที จึงเงยหน้าขึ้นจากเอกสารที่อ่านอยู่ได้ “นั่นใคร... แผนกวางแผนระบบรึเปล่า?” เสียงห้วนเข้มสไตล์เจ้านายสอบถามลูกน้องยิ่งทำให้ธณัติอยากจะหายตัววาล์ปหนี ไปดาวอังคารได้ในเดี๋ยวนั้น

ไม่มีคำตอบใดๆ ทำให้อารมณ์กรุ่นของชวนันท์เพิ่มดีกรี “นายตรงนั้นน่ะ แผนกระบบรึเปล่า หันหน้ามา”

แม่เจ้า ขนาดนอนตกหมอนยังไม่รู้สึกว่าคอมันแข็งเท่าตอนนี้เลย ธณัติค่อยๆหันหน้าไปทางท่านรอง

ทันทีที่สายตาสบกัน ฝ่ายชวนันท์เหมือนจะยังตั้งตัวไม่ติด ถอดแว่นยืนขึ้นจากเก้าอี้เพ่งมองอีกฝ่ายจนแน่ใจว่าใช่ มือที่วางนาบเหนือเอกสารบนโต๊ะกำแน่นจนกระดาษยับเป็นก้อน เค่นเสียงลอดไรฟันเบาๆ “...น...า...ย...”

ราชสีห์มันกางเล็บอยู่ข้าง หน้าแล้วจะให้กระต่ายน้อยบังอาจเผยอตัวลุกขึ้นสู้ได้ยังไงล่ะครับ งานนี้มันต้องหนีตายก่อน ตายดาบหน้าก็ยังดีกว่าตายดาบนี้ล่ะวะ ธณัติหันตัวเผชิญหน้ากับท่านรองอย่างกล้าหาญสมชายชาตรี ศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีน้ำตาลเข้มก้มลงไวๆ สองมือพนมเป็นรูปดอกบัว พร้อมกล่าวประโยคนุ่มละมุนราวกับพิธีกรสาธิตเครื่องช่วยชีวิตบนเครื่องการ บินไทย “สวัสดีครับท่านรอง ผมแผนกวางแผนระบบครับ เพิ่งนึกได้ว่ามีงานสำคัญค้างอยู่ ขอตัวนะครับ สวัสดีครับ” คำลาสุดท้ายเป็นสัญญาณให้ออกวิ่งสู้ฟัด สองขาไม่รอช้าก้าวกลับหลังหันตีวงโค้งหลอกล่ออ้อมลอดระหว่างเลขากับกรอบ ประตูไปได้อย่างสวยงาม

เสียงที่ได้ยินตามหลังแทนที่จะเป็นเสียงเฮเวลาผีแดงยิงประตู กลับกลายเป็นเสียงเหี้ยมบาดจิตจนเลือดซิบ “แอน! จับไว้!”

เสียงต่อมาคือเสียงกระดาษกองใหญ่ที่เลขาสาวออบอุ้มมาตกลงกระทบพื้น ตามด้วยเสียงรองเท้าส้นสูงกระแทกหินอ่อนวิ่งไล่หลังตามมา

อะฮ้า เรียกผู้หญิงมาไล่จับเขา มันจะดูถูกกันเกินไปแล้ว! ถึงจะล่ำน้อยกว่าแต่ก็มีวิชานะเฟ้ย~ ธณัติวิ่งไปถึงหน้าลิฟท์ กดปุ่มเรียกได้ก็หันมารับมือสาวสวย สองมือกางออกระดับอกเตรียมเข้าคลุกวงใน ใบหน้าสุภาพบุรุษส่งภาษาใจบอกว่า อย่าเข้ามานะครับ ผมไม่อยากทำร้ายผู้หญิง

“แอ้ก!!” ภาษาใจท่าทางจะใช้กับหญิงสาวคนนี้ไม่ได้ผล ยังไม่ทันได้ออกแรง หลังเท้าขาวๆงามๆก็ประเคนใส่หน้าจนต้องร้องเสียงหลง คิดไม่ถึงจริงๆ ทั้งส้นเข็มสูงปรี๊ด ทั้งกระโปรงรัดติ้วหนือเข่า แม่เจ้ายกเท้าร่ายกระบวนท่าจระเข้ฟาดหางได้ยังไงฟะ คิดอย่างมึนๆ ลานสายตามีอลังการดาวล้านดวงลอยวนไปมาก่อนที่ทุกอย่างจะดำมืด...


++++++++++++++++++++++++++++++++++++


“ธณัติ ฝ่ายวางแผนระบบฯ ผลงานที่ผ่านมา ผู้ออกแบบระบบล็อคโดยสัญญาณแถบแม่เหล็ก โมเดล Y034i ผู้ดัดแปลงแก้ไขระบบสัญญาณกันขโมย โมเดล…” เสียงรางๆในสติเลือนๆเรียกธณัติให้ตื่นขึ้นจากนิทราอันแสนสุข ใครกำลังอ่านประวัติเขาอยู่?

“จบปริญญาตรีจากคณะวิศวกรรม ศาสตร์แผนกคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัย...” เสียงห้าวเข้มพูดเรื่อยๆชวนให้เคลิบเคลิ้ม...อยากรู้จริงๆว่าผู้พูดจะหน้าตา หล่อเหลาเหมือนเสียงที่ได้ยินรึเปล่า...เปลือกตาบางค่อยๆลืมขึ้น ทันทีที่แสงจ้าสาดเข้าตาก็ต้องกระพริบถี่ๆ มองทางต้นเสียงเห็นเพียงภาพรางเลือน ร่างสูงมัวๆเงยหน้าขึ้นจากกระดาษในมือก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ โฟกัสค่อยๆชัดขึ้น...ชัดขึ้น…

“ตื่นแล้วเหรอ?” แย้กก!! หน้าตาใหญ่เบ้อเร่อ!!

“จ๊ากกกกก!!!!” ทันทีที่สติกลับมาสู่ปัจจุบัน ภาพที่เห็นชัดเจนทำให้ต้องตะโกนสุดหลอดเสียง ใบหน้าของชวนันท์อยู่ห่างจากเขาเพียงแค่ไม้บรรทัดกั้น ด้วยเสียงดังสนั่นจนลิ้นไก่สั่นไหว ทำให้ร่างสูงตกใจจนสะดุ้งถอยหลัง

“ร้องบ้าอะไร เงียบเดี๋ยวนี้!” ชวนันท์ไม่ได้ตะคอกสั่งอะไรทั้งนั้น แค่พูดเย็นๆเนิบๆก็ทำให้ปากที่อ้ากว้างหุบกั๊บลงได้อย่างง่ายดาย

“คุณ...ผม...โว้ย!...ผมมา อยู่ที่นี่ได้ยังไง บอกแล้วไงว่ามีงานยุ่ง ขอตัวครับ!”  เล่นลูกไม้เดิม งานยุ่งทั้งปี ลุกขึ้นยืนเตรียมจรลีลาไกล...มันก็ยืนขึ้นอยู่หรอก แต่ไหงเก้าอี้มันลอยติดตามตัวมาด้วยฟะ!! รู้สึกเหมือนถูกอะไรซักอย่างรัดแน่นอยู่ที่ข้อมือทั้งสองในท่าไขว้หลัง เมื่อหันไปมอง...

“ทำบ้าอะไรเนี่ย มัดไว้ทำไมฟะ ไอ้โรคจิต!!” เข็มขัดหนังคุ้นตา ซึ่งมาจากไหนไม่ได้นอกจากเข็มขัดที่คาดกางเกงเขาอยู่ทุกวี่ทุกวัน ตอนนี้มันมีหน้าที่ใหม่แล้ว น่าดีใจแทนคนคิดค้นเข็มขัดสารพัดประโยชน์จริงๆ

“นี่เป็นคำที่เธอใช้พูดกับเจ้านายหรือไง?”

“ขอโทษครับ...อย่าคิดว่าจะ พูดนะเฟ้ย! ปล่อยเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นพรุ่งนี้คอมพิวเตอร์ทั้งบริษัทได้มีสกรีนเซฟเวอร์เป็นรูปคิต... อุ้บ!!” พูดไม่ทันจบก็โดนผ้าเช็ดหน้าขยำเป็นก้อนกลมๆยัดปากจนตาเหลือก ไอ้หมอนี่มันฆาตรกรซาดิสม์ชัวร์!

“ธณัติ ฝ่ายวางแผนระบบ...” เออ กรูรู้ ความจำไม่ได้เสื่อม

“เดือนที่ผ่านมาทำโอทีทุกวันเลยนี่นา…” เฮ้ย! แอบอ่านข้อมูลคนอื่นแบบนี้มันละเมิดสิทธิส่วนบุคคลนะครับ

“ลำบากเรื่องเงินจนต้องยกเค้าห้องเจ้านายตัวเองเลยเหรอ...” เปล่าซักหน่อย หยิบแค่กางเกงใน ไม่ได้หยิบเงินเฟ้ย!

“แล้วอย่างนี้ ...ถ้าถูกไล่ออก คงจะแย่แน่ๆ” ชวนันท์ทำเสียงสงสาร เหลือบมองธณัติด้วยแววตาเห็นใจสุดชีวิต เรียกให้อารมณ์มันพุ่งจี๊ดจนถ้าไม่มีไอ้ผ้าบ้านี่ยัดอยู่ในปากคงด่าพ่อล่อ แม่เล่นไปถึงต้นตระกูลแล้ว

“อยากจะพูดอะไรรึเปล่า?” หันมาถามพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจ มือดึงผ้าเช็ดหน้าออกจากปากทิ้งปุบนพื้นพรม

“จะเอายังไงกับผม?” ถามอย่างเกรงๆ จะเล่นอะไรก็เล่นไป อย่ามาเล่นเรื่องซองขาว ยังผ่อนคอนโดไม่ครบเลยครับ ท่านรอง

“นั่นสิ...ในฐานะที่เธอเป็นคนของฉัน ขึ้นโรงขึ้นศาลบริษัทคงเสียความน่าเชื่อถือแย่”

...หมายความว่าจะไม่เอา เรื่องใช่มั้ยครับ?... ดวงตาวิ้งๆมองตามร่างสูงที่เดินกลับโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ท่าเดินหล่อลากกระชากใส้ราวนายแบบหนุ่มจากแบรนด์ดังกำลังเดินแคทวอล์คอยู่ ที่ปารีส ดึงลิ้นชักใต้โต๊ะควานหาของบางอย่างดังกุกกักๆ

“…อย่างนี้ก็คงต้องลงโทษเอง” พูดเสียงนิ่มๆไม่เหมาะกับเจ้ากระบอกปืนขัดมันวาววับสีดำมะเมื่อมในมือเอาซะเลย

“คุณ...อย่างนี้มันผิดกฏหมายนะ!”

“ไม่เห็นเป็นไร ที่เธอทำมันก็ผิดกฏหมายเหมือนกัน เธอยังแกล้งทำเป็นไม่สนได้ ฉันก็ทำได้เหมือนกัน”

“แต่ผมไม่ได้ฆ่าใครซักหน่อย!”

“ก็ใครบอกว่าฉันจะฆ่าเล่า?” ชวนันท์ถามกลับหัวเราะหึ ทำท่าจูบปลายกระบอกปืนเซ็กซี่ ถ้าสาวๆในออฟฟิศได้เห็นคงอ่อนระทวยนอนแผ่เป็นพรมแดงให้เดินเหยียบย่ำได้แน่ๆ แต่เขาไม่ใช่! โดนปืนยิง ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต

“ผมขอโทษครับ” ก้มหน้าขอโทษอย่างหมดทางสู้...จะสู้ได้ไง หม่าม้าสอนไว้ ห้ามเล่นปืนผาหน้าไม้...

“หืม?” ชวนันท์หมุนปืนเล่นติ้วๆเหมือนในหนังคาวบอย เอียงหูทำท่ากรูไม่ได้ยิน

“ผมขอโทษครับ!” กัดฟันพูดให้ดังกว่าเดิม ในใจกรีดเลือดสลักบัญชีหนังหมา อย่าให้กรูมีโอกาสเชียว ฮึ่ม! แง่ง!

“หึ! ดี... ถ้าอย่างนั้นก็...” สะดุ้งเฮือกเมื่อมือหนาลากไล้ล้วงกางเกงของเขาเอื่อยๆ แต่ด้วยปืนที่จ่อขมับอยู่ทำให้ไม่สามารถออกเสียงทัดทานได้ สัมผัสด้านๆของฝ่ามือลากผ่านขอบกางเกงในล้วงจากด้านหลังค่อยๆไต่ไล่ไปทาง ด้านหน้า ร่างบางหลับตาสะกดกลั้นอารมณ์อย่างยากลำบาก แต่ยิ่งหลับตาดูเหมือนประสาทรับรู้จะถูกโอนถ่ายไปทำงานที่จุดรวมความรู้สึก จนหมด

มือแกร่งเฉียดผ่านแก่นกายของ เขาเพียงนิดเดียว ลากผ่านไปมาเหมือนจะยั่วยุให้ร้องขอ ธณัติกลืนน้ำลายลงคอแห้งผากอย่างฝืดฝืน ส่วนกลางลำตัวถูกกำหมับจนแข็งสู้ ความร้อนแผ่ซ่านเกินจะทานทน ริมฝีปากบางเปิดถอนหายใจหนักๆ เหมือนเป็นสัญญาณให้มือที่กอบกุมอยู่รูดขึ้นลงหนักหน่วง

“อ...อืมมม” ไม่นานธณัติก็หมดความอดทน ร้องครางอย่างสุขสมเบาๆในลำคอ เป็นช่วงจังหวะเดียวกับที่มือใหญ่หลุบหายออกจากพื้นที่ส่วนตัวไป ทิ้งไว้เพียงสัมผัสเย็นๆของอากาศภายนอก งงงวยจนต้องเปิดตามอง

ภาพที่เห็นทำให้เดือดจนแทบจะ ระเบิดตัวเอง ชวนันท์ยืนทอดหุยมองหน้าเขายิ้มๆ มือหนึ่งโชว์บัตรแข็งสองใบที่เพิ่งยึดได้จากกระเป๋ากางเกงของเขา “ขอบัตรประชาชนฉันคืนแล้วกัน แล้วก็...ค่ายืม 1 คืนเอาเป็นบัตรประชาชนของนาย โอเคมั้ย?”

“กรอด” กัดฟันโมโห มือที่ถูกมัดไขว้ไปข้างหลังกำแน่นจนสั่นริกๆ

“แล้วก็...” ชายหนุ่มหยุดควงปืนเล่น ปลดเซฟเสียงดังกริ๊กรวดเร็ว เรียกเหงื่อให้หยดติ๋งๆ

“เรื่องที่กุญแจหน้าห้องฉันถูกไข...” ทำท่าเล็งลำกล้องทั้งๆที่ปากยังพูดกับเขาอย่างนุ่มนวล นิ้วชี้ที่ค้างอยู่ที่ไกออกแรงดึงช้าๆ

“อ้ากกกกกกก!!!!” เสียงลั่นไกดังกริ๊กเรียกเสียงร้องโหยหวนดังลั่นสอดประสาน ก่อนที่ห้องจะกลับไปเงียบดังเดิม ธณัติค่อยๆลืมตาขึ้นดู หวังจะได้เห็นสวนดอกไม่คั่นด้วยแม้น้ำใสสะท้อนแสงอาทิตย์ มีอากงที่เพิ่งทำพิธิไปปีที่แล้วโบกมือเรียกหยอยๆ

...

...

สิ่งที่เห็นกลับเป็นเพียงเปลวไฟดวงเล็กจากปากกระบอกปืน กับร่างสูงคาบบุหรี่พ่นควันขาวลอยวนเป็นสาย

“...” สัพเพสัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข็ เกิดแก่เจ็บต...

ชวนันท์ถามยิ้มๆ  “ร้องทำไม?”

...ตายซะเถอะเมิง!!...

“พอใจรึยังล่ะ ปล่อยผมไปทำงานได้รึยังครับ คุณเจ้านาย” คำพูดสุภาพไม่เข้ากับน้ำเสียงแดกดันเอาเสียเลย

“ฉันยังไม่ทันคุยเรื่องงาน กับเธอเลย ธณัติ ฝ่ายวางแผนระบบ เมื่อคืนนี้กุญแจที่เธอออกแบบถูกขโมยไขเข้าห้องไปได้ เธอจะรับผิดชอบยังไง” ยังไม่จบอีกหรือฟะเนี่ย!

“โอเคครับ ระบบที่ผมวาง ผ่านการทดสอบเรียบร้อยแล้ว ได้มาตรฐาน ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ คงไม่มีใครไขได้ถ้าไม่ใช่เจ้าของการ์ด หรือตัวผมเอง”

“แล้วยังไงล่ะ?”

“ผมสัญญาว่าจะไม่ย่างกราย เข้าไปในห้องของคุณอีกแน่นอน ดังนั้นวางใจได้เลย ไม่มีใครไขกุญแจเข้าไปในห้องคุณได้อีกแน่นอน” น้ำเสียงนักธุรกิจ ตัวเองฟังแล้วยังอยากโทรสั่งซื้อกุญแจไปติดที่หน้าห้องซะเดี๋ยวนี้เลย พับเผ่ย

“แต่ฉันไม่ค่อยจะแน่ใจซะแล้ว...เกิดวันดีคืนดีมีโรคจิตที่ไหนก็ไม่รู้เข้ามาขโมยของในห้องฉันอีกเล่า เสียชื่อผลิตภัณฑ์หมด”

“แล้วคุณต้องการอะไรเล่า!” ถามกลับอย่างเหลืออด จ้องชวนันท์ที่ยืนเก๊กทำหน้ายิ้มๆเขม็ง

“นั่นสินะ...งั้น...”

“...ขอยามเฝ้าบ้าน 1 คน...ถ้าจะให้ดี” ร่างสูงโค้งตัวจนอยู่ระดับสายตาเดียวกับธณัติ มือหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง อีกมือคีบบุหรี่ออกจากปาก

“...ขอแบบทำตำแหน่งพ่อบ้านควบด้วยนะ” ว่าพลางพ่นควันบุหรี่ปุ๋ยๆ

+++++++++++++++++++++++++++++++

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
ผมเปล่าโรคจิตนะ! 6


แป๊ก

เสียงกดสวิตซ์ไฟดังขึ้นใน ห้องโล่งกว้างของคอนโดหรู ไฟสีขาวสว่างนวลตาทำให้เห็นรายละเอียดการจัดแต่งอย่างมีสไตล์ของเจ้าของห้อง บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นบุหรี่ยี่ห้อที่ชายหนุ่มสูบเมื่อกลางวัน...ทำไมเขา ไม่ได้สังเกตกลิ่นนี้ตั้งแต่ที่เข้าห้องมาวันนั้นนะ

...ไม่คิดว่าจะต้องมาเหยียบที่นี่อีกเป็นครั้งที่สองเลย…มองการ์ดกุญแจที่พลิกเล่นในมือขวาแล้วถอนหายใจ...

ชวนันท์คิดยังไงนะ ถึงให้การ์ดกับคนที่เคยบุกรุกห้องเขา

...อีกเรื่องที่คิดไม่ถึง...ทำไมคนจบปริญญาตรีวิศวะมีเงินเดือนหลักหมื่นอย่างเขา ต้องมาทำงานพ่อบ้านด้วยฟะ!!...

ธณัติถอดรองเท้าเก็บยังชั้น วางรองเท้าหน้าประตูห้อง สำรวจที่วางของต่างๆคร่าวๆ ท่าทางห้องนี้ก็สะอาดสะอ้านดี แต่น่าจะไม่มีแม่บ้าน ไม่งั้นคงไม่สั่งให้เขามาทำงานนี้หรอก ชายหนุ่มคงจะทำความสะอาดห้องเองมาตลอด...

งานของเขาที่ได้รับมอบหมาย คือ การมาที่ห้องนี้หลังจากทำงานโอทีเสร็จ ซึ่งก็เป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว ลงมือทำความสะอาดห้อง จัดเสื้อที่ใส่แล้วในตะกร้าเตรียมส่งซัก ซักผ้าที่ต้องซักเองอย่างพวกเนคไท ถุงเท้า ...กางเกงใน!!...

ทำไมเขาต้องมาซักกางเกงในให้ผู้ชายด้วยเนี่ย!!!

คิดไปก็ลากเครื่องดูดฝุ่นไป งานทำความสะอาด จะว่าไปก็ไม่ยากเท่าไหร่ ห้องที่เขาอยู่ตอนนี้ เขาก็เป็นคนทำเองมาตลอดอยู่แล้ว ขนาดห้องก็ไม่ต่างกันมากนัก ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ทำเสร็จ  งานต่อไปก็...ซักผ้า

...

...

นี่มัน... มือผอมที่ถือบ็อกเซอร์แผ่หราด้านหน้าตัวเองสั่นนิดๆจากการกลั้นหัวเราะ

นี่ล่ะมั้ง เหตุผลที่ไม่จ้างแม่บ้าน…

กางเกงในในตระกร้ามีอยู่ห้าตัว ทั้งหมดมีลวดลายน่ารักน่าเอ็นดูไม่ซ้ำแบบ

“ขบวนการห้าสี ฮ่าๆๆ ก๊ากกกก!!!” ธณัติอดตะโกนปนหัวเราะออกมาไม่ได้ ก็กางเกงในนี่มันห้าสีไม่ซ้ำกันเลย เรด กรีน บลู เยลโล่ พิงค์ ครบก๊วนฮีโร่พอดี ชวนันท์ไปหาซื้อมาจากที่ไหนกันนะเนี่ย แถมลายยังเป็นดาราสัตว์สังกัดซานรีโอ®ทั้งหมดอีกต่างหาก เขาเลือกหยิบเจ้าคิตตี้น้อยสีชมพูก่อน ขยี้ในกะละมังใส่น้ำผสมผงซักฟอกอย่างมันมือ ปากก็ไม่อยู่สุข ฮัมเพลงไปพูดกับตัวเองไปอย่างเพลิดเพลิน

“สงสัยจะมีเพื่อนเป็นลูกเจ้าของซานรีโอ®แฮะ”

หมับ!

มือสากหนาวางลงบนหัวเขาพอดิบ พอดี นี่ถ้าออกแรงบีบอีกนิด มื้อค่ำคงได้กินต้มแซ่บสมองธณัติแล้ว ธณัติหยุดหัวเราะแบบแผ่นเสียงตกร่องกะทันหัน ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมอง เพิ่งสังเกตว่าบริเวณพื้นห้องน้ำที่เขานั่งอยู่ถูกร่างสูงใหญ่บังแสงจนเป็น เงากว้าง ฝืนยิ้มการค้าเต็มที่ทั้งๆที่ข้างในเหงื่อออกจนแฉะ

“ก...กลับมาแล้วเหรอครับ” เหลือบมองพบหน้าหล่อๆบอกบุญไม่รับกำลังจ้องเขาเขม็ง…ไม่น่าปากมากเลยตู

“...ช้า”

“หา???”

“ฉันบอกว่าช้า ยังไม่ได้ทำข้าวอีกเหรอ คิดจะให้ฉันกินข้าวกี่โมงกัน”

“ก็ไม่เห็นบอกนี่ครับ ว่าจะกลับมากี่โมง ผมก็ทำงานบ้านให้เสร็จก่อน ทำอาหารเสร็จจะได้กลับเลย” สั่งช้างไม่ให้ขี้ คงง่ายกว่าสั่งธณัติไม่ให้เถียง

มือใหญ่ย้ายจากหัวทุยไปจับ ที่แขนแทน ดึงธณัติให้ลุกขึ้นอย่างเร็ว “ล้างมือซะ แล้วไปทำข้าวก่อน” กล่าวจบก็เดินหนีออกจากห้องน้ำไปโดยไม่รอฟังคำตอบ ทิ้งให้ร่างผอมจ้องอากาศตาเขียวปั้ดอยู่คนเดียว


+++++++++++++++++++++++++++


‘เอาล่ะวะ!’ หลังจากเตรียมอุปกรณ์เครื่องครัว เนื้อ ผัก ไข่ได้ ธณัติในชุดผ้ากันเปื้อนลายเพนกวินอดนอน...แบ๊ด แบ๊ดซ์มารู ก็หักนิ้วดังกรอบแกรบ ท่าทางเอาจริงเอาจังกับการแสดงพรสวรรค์ สุดยอดการปรุงอาหารที่เหนือกว่าอากิยามะ จางอยู่สามขั้น หันหยิบหม้อใบเขื่องเทน้ำใส่ตั้งเตาต้มอย่างว่องไว หันเหความสนใจมาหั่นเนื้อหมูโดยเร็ว ผักสดกรอบถูกล้างน้ำอย่างชำนิชำนาญ ไข่ไก่ทั้งฟองถูกตอกลงหม้อทันทีที่น้ำเดือด...

...

...

“นี่หมายความว่ายังไง?” ชวนันท์จ้องชามก๋วยเตี๋ยวส่งควันฉุยที่ตั้งอยู่ด้านหน้า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นถามยอดกุ๊กแดนมังกือที่ยืนถือถาดเสิร์ฟอาหารอยู่ข้างๆ

“ก็...มาม่าไงครับ อ๊ะๆ อย่าเพิ่งดูถูกนา มันมีสารอาหารครบห้าหมู่แน่นอน ดูจากเนื้อหมูกับผักนั่น ไม่ต้องกลัวจะขาดสารอาหารหรอกครับ” พูดอย่างภูมิใจในฝีมือตัวเองเต็มที่ มือหนึ่งถือถาด อีกมือม้วนปลายสายผูกผ้ากันเปื้อนเล่น

“ฉันให้เธอมาเป็นพ่อบ้าน! มีพ่อบ้านที่ไหนทำมาม่าให้เจ้านายกินกัน!” ว่าอย่างโมโหจัด เมื่อคืนก็นอนไม่พอ วันนี้ทำโอทีถึงสามทุ่มก็เหนื่อยพอแล้ว หวังจะได้กินอาหารดีๆซักมื้อ กลับมีมาม่าวางแน่นิ่งรอให้ลิ้มรสอยู่ซะงั้น

“ของในตู้เย็นฉันก็ซื้อมาไว้ เยอะแยะ ไม่คิดจะทำอะไรที่มันสร้างสรรค์กว่ามาม่าหรือยังไงเฮอะ!!” เสียงตวาดยาวเหยียดทำให้ธณัติหน้าจืดสนิท

“ก็...ทั้งชีวิตทำเป็นแต่มา ม่านี่นา” เอ่ยเบาๆเหมือนเด็กกลัวความผิด ก้มหน้าเหลือบตาขึ้นแอบมองว่าส้นเท้าหนาๆจะพุ่งมาถึงตัวเมื่อไหร่

ชวนันท์ลุกจากเก้าอี้พรึ่บ เร็วจนเก้าอี้เลื่อนไปข้างหลังเกือบหงายล้ม ย่ำพื้นพรมเดินเข้าใส่ธณัติที่ถอยหลังแถ่ดๆ จับต้นแขนได้ก็ลากเข้าครัว

“ฉันจะทำให้ดู ว่าสิ่งที่เรียกว่าอาหารมันเป็นยังไง!” ปลดกระดุมเสื้อเม็ดบน พับเสื้อแขนยาวขึ้นมาถึงข้อศอก เปิดตู้เย็นค้นวัตถุดิบออกมากองที่เคาน์เตอร์อย่างชำนาญ ก่อนจะกระตุกสายผ้ากันเปื้อนบนตัวธณัติออกมาใส่ให้ตัวเอง

...

...

แกงจืดฟักน่องไก่น้ำใสควัน ฉุย ผักสดน่าทานผัดกับกุ้งแชบ๊วยเหยาะน้ำมันหอยสีแววาว ไข่ดาวที่ดาวจากแม่พิมพ์เหล็กรูปแมวน้อยดูน่ารักน่าทาน  ทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนโต๊ะตัวใหญ่ ระหว่างธณัติกับชวนันท์

“โห...” ธณัติมองตาโต ไม่ได้กินอาหารดีๆอย่างนี้มานานเป็นเดือนแล้ว ไปทำงานก็กินแต่มาม่าถ้วย กลับบ้านก็กินมาม่าต้มใส่ผักกับไข่ ตอนเข้าก็กินแต่...มาม่าต้ม เพิ่งรู้สึกว่าชีวิตมันมีแต่ผงชูรสก็คราวนี้

“ลองกินดูซะ แล้วก็หัดทำให้ได้อย่างนี้ด้วย” ชวนันท์นั่งกอดอกพิงพนักเก้าอี้มองเด็กโช่งนั่งน้ำลายไหล นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองเขากลับอย่างไม่แน่ใจ

“ให้ผมทานร่วมโต๊ะด้วยเหรอครับ?”

ร่างสูงถอนหายใจ “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอต้องกลับมาทำอาหารเย็นให้เสร็จก่อนฉันกลับมา...สำหรับสองที่...ฉันกับเธอ …เข้าใจแล้วก็กินซะ”

เขาไม่เข้าใจความคิดของชวนันท์จริงๆ คิดยังไงให้พ่อบ้านนั่งร่วมโต๊ะนะ? ตักผัดผักราดข้าวป้อนเข้าปากพอดีคำ

“อร่อย!!” อร่อยกว่ามาม่าอีกแฮะ ว่าแล้วก็สวาปามอาหารตรงหน้าอย่างรวดเร็ว อีกฝ่ายค่อยหยิบช้อนส้อมตักอาหารเข้าปากเอื่อยๆนับน์ตาดำมืดจับจ้องชายหนุ่ม หน้าขาวซีดกำลังทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย





“ตอนแรกที่บอกว่าเข้าห้องผิด หมายความว่ายังไง” ชวนันท์ยิงคำถามที่ทำให้มือขาวซีดหยุดชะงัก ถือช้อนค้างไว้ก่อนเข้าปาก

ธณัติวางช้อนกลับบนจาน นั่งเรียบเรียงอยู่นาน “ห้องที่ผมจะเข้า เป็นห้องข้างล่างนี้” นิ้วชี้ชี้ลงพื้นห้อง “ห้องของคนที่ผม...แอบชอบ…ก็แค่นั้น” ข้าวในจานถูกกวาดไว้ที่มุมหนึ่ง ช้อนส้อมรวบคู่ไว้กลางจานอย่างเรียบร้อย มือขาวยกพนมระดับอกสวยงาม “อิ่มแล้วครับ”

ธณัติเงยหน้าขึ้นมองชวนันท์ ที่กำลังจ้องเขาอย่างงงๆในท่าทาง ปากบางยิ้มกว้าง “แม่ผมสอนให้ไหว้พระแม่โพสภหลังกินข้าวเสร็จตั้งแต่เด็กๆแล้วน่ะครับ มันเลยติดมาจนโต”

เหมือนร่างผอมจะไม่ต้องการพูดเรื่องที่ผ่านมาอีก ชายหนุ่มจึงไม่ได้ซักไซร้อะไรต่อ ได้แต่นั่งกินข้าวต่อไปเรื่อยๆจนอิ่ม


++++++++++++++++++++++++++


‘นึกถึงเทวดาน้อยขึ้นมาจนได้’ ธณัติถอนหายใจเหนื่อยล้า มือขย้ำฟองน้ำถูหม้อใบใหญ่จนเกิดฟองฟ่อดๆ

คิดไปก็ปวดใจ เทวดาน้อยที่เขาไม่มีวันได้มาครอบครอง ดูจากรอยยิ้มอ่อนโยนมีความสุขยามยิ้มให้เจ้าหนุ่มนั่นก็รู้แล้ว ในใจของเด็กหนุ่มคงเต็มไปด้วยคู่รักของตนอย่างไม่มีใครมาแทรกกลางได้

‘ทั้งๆที่คิดจะตัดใจแล้ว นะ...’ ตามองจานที่เคลือบไปด้วยฟองน้ำยาถูกน้ำสะอาดพัดพาไปจนเห็นเนื้อแก้วใสสะอาด ใจไพล่คิดถึงภาพที่ได้เห็นผ่านกล้องส่องทางไกล ผิวขาวผ่องเรืองรองในความมืด ผมสีดำนุ่มสลวย พวงแก้มเรื่อสีแดงอยู่เป็นนิจ ปากอิ่มแดง ช่วงคอระหง ลาดไหล่มนขาวนวล...

“ล้างจานเสร็จก็ไปอาบน้ำได้ แล้ว” เสียงทุ้มห้าวดังอยู่ด้านหลังทำให้สะดุ้งเฮือกปล่อยจากใสกระทบอ่างล้างจาน ดับเคร้ง...โชคดีที่ไม่แตก...ธณัติหันไปมองต้นเสียง

เป็นชวนันท์ในสภาพที่เห็น เมื่อคืนไม่ผิดเพี้ยน ผมดำสนิทที่ถูกเสยขึ้นเมื่อเช้า บัดนี้เปียกน้ำลู่ลงบังหน้าผาก มีหยดน้ำเกาะพราว ลาดไหล่หนาพาดผ้าขนหนูลายการ์ตูนไว้หมิ่นเหม่ ช่วงอกแน่นตึงเปลือยเปล่าอย่างไม่ขัดเขิน ทั้งเนื้อทั้งตัวใส่เพียงกางเกงนอนตัวเดียวเท่านั้น  กลิ่นสบู่ถูกเร่งให้กรุ่นแรงจากไอน้ำร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างกาย ธณัติมองอยู่นานกว่าจะตั้งตัวติด หน้าขาวซีดซับสีแดงจางๆก้มหน้าต่ำไม่สบตา

“ผม...ไม่คิดว่าจะค้าง ห้องผมอยู่ใกล้ๆนี้เอง”

“ลืมหน้าที่ยามเฝ้าบ้านไปแล้วหรือไง?”

“แต่ว่าผม...”

“อย่าขัดใจฉัน บอกให้ค้างก็ต้องค้าง”

“แต่ผมไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยน”

ชวนันท์ถอนหายใจทำหน้าเซ็ง “...ก็ใส่ชุดนอนของฉันซะสิ”

“!!!”

“ไปอาบได้แล้ว พรุ่งนี้ยังต้องไปทำงานแต่เช้า อย่ามามัวเรื่องมาก”

“...ครับ” พรุ่งนี้ค่อยแวะไปให้อาหารเจมส์ตอนเช้าก็ได้...

++++++++++++++++++++++

แล้วจะให้เขานอนที่ไหนล่ะ?

ธณัติในเสื้อนอนตัวใหญ่หลวม โพรก ปลายเสื้อยาวเกือบถึงหัวเข่า กางเกงขายาวพับขาทบแล้วทบเล่าจนเป็นตุ้มถ่วงน้ำหนักที่ข้อเท้าเดินออกจาก ห้องน้ำ มองชวนันท์ที่นอนอ่านหนังสือบนเตียงหลังใหญ่ ห้องทั้งห้องรับแสงสว่างจากโคมไฟสีส้มนวลข้างเตียงขับบรรยากาศให้ดูโรแมนติก เหลือเกิน

คงจะต้องนอนที่โซฟาห้องรับแขก...

คิดพลางก้าวเบาๆไปทางประตูห้องเพื่อเปิดออกจากห้องนอนไปห้องรับแขก

“ธณัติ...” เสียงเรียกหยุดการเดินย่องๆไว้ ธณัติหันหน้ากลับไปมอง

“มีงานอะไรอีกหรือครับ ท่านรอง” คงไม่ใช่...ลืมไปเลย ว่าเจ้านี่มันเป็นเกย์!!

“มานอนนี่” ชวนันท์เลิกผ้าห่มขึ้น ตบที่นอนข้างตัว

“คุณคงไม่...” ถามเบาอย่างหวาดระแวง

“บอกให้มาก็มา ปิดประตูให้สนิท แล้วเดินมานี่เดี๋ยวนี้”

“แต่ว่า...”

“จะเดินมาเองหรือให้ฉันไปลาก มา?” เสียงโหดๆกับร่างล่ำๆทำท่าจะลุกจากที่นอนดังปากว่าทำให้ธณัติต้องทำตามแต่ โดยดี นิ้วเท้าขาวโผล่พ้นขากางเกงรุ่มร่ามค่อยๆย่องเดินไปยังอีกฟากของเตียงหลัง ใหญ่ นั่งมุมเตียงเพียงครึ่งก้น มองชายหนุ่มอย่างหวาดๆ

ชวนันท์คว้าคอขาวได้ก็จับกด ให้นอนลง ศีรษะจมลงยังหมอนนุ่นใบใหญ่ ละมือจากต้นคอจับผ้าห่มผืนหนาที่ห่มตัวอยู่แบ่งให้ร่างผอมที่นอนอยู่ข้างๆ ห่มนอน

เมื่อเห็นว่าเข้าที่เข้าทางแล้ว มือใหญ่จึงเอื้อมไปปิดโคมไฟหัวเตียง

งงจนนอนไม่หลับ...ธณัติลืมตา โพลงในความมืด...นี่มันอะไรกันเนี่ย เขาไม่เข้าใจความคิดของร่างสูงเลยสักนิด ให้กุญแจห้อง ทำกับข้าวให้กิน แล้วยังให้นอนเตียงเดียวกันโดยไม่ทำอะไรอีก...ไม่เข้าใจเลย...

“ธณัติ...” เสียงแหบห้าวกระซิบอยู่ข้างหูทำให้จิตใจหวั่นไหว

“ครับ?” เสียงเขาคงไม่สั่นหรอกนะ

“ชื่อเล่นชื่ออะไร?” ถามทำไม

“…นัทครับ”

“นัท…ราตรีสวัสดิ์” ไออุ่นข้างกายขยับเข้าใกล้ มือใหญ่สากแนบแก้มเขาไว้เบาๆ รู้สึกถึงสัมผัสอุ่นนุ่มที่หน้าผาก

ชวนันท์จุมพิตหน้าผากของเขาอย่างฉาบฉวย แขนแกร่งเอื้อมรวบตัวเขาไว้ในอ้อมกอด...ก่อนจะจมดิ่งในนิทราอันแสนสุข...


++++++++++++++++++++++++++++++++++

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
ผมเปล่าโรคจิตนะ! 7


ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก

เสียงนาฬิกาเดินเป็นจังหวะสม่ำเสมอดังเบาๆ แสงไฟรางๆจากภายนอกบวกกับพรายน้ำที่เข็มนาฬิกาทำให้รู้ว่าผ่านวันใหม่มาสามชั่วโมงแล้ว

ธณัตินอนตัวแข็ง มีท่อนแขนกำยำตระกองกอดใต้ความอบอุ่นของผ้าห่มผืนเดียวกัน

...เขาควรจะลุกหนีได้แล้ว...

จากท่าทางที่ผ่านมาของชวนัน ท์ ทำให้ไม่สามารถวางใจในสวัสดิภาพลูกผู้ชายของตัวเองได้ พบกันไม่ถึงสิบนาทีก็จูบแบบดีพเพสคิสได้ ทั้งการพยายามกด ทั้งการลวนลามในห้องทำงานนั่นอีก...หมอนี่มันเสือชัดๆ

เงี่ยหูฟังลมหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอของคนใกล้ตัว...ชวนันท์คงหลับสนิทแล้ว...

มือผอมยกขึ้นพยายามแกะท่อนแขนที่ก่ายตัวออกอย่างเบามือ...ค่อยๆ...ใจเย็นๆ...นั่นแหละ...อีกนิดเดียว...กู้ด~

“อืม...” สะดุ้งเฮือกกับเสียงฮึมฮัมในคอของร่างสูง ท่อนแขนที่เพียรยกพลันตกปั้บลงบนตัวเหมือนดังเดิม ธณัติตั้งสมาธิปฏิบัติโยคะตามที่เคยเรียนมาเมื่อม.ปลาย แขนทั้งสองแนบลำตัว ขาเหยียดตรงแหน๋ว หายใจไม่ให้มดรู้สึก หวังว่าคนข้างกายจะไม่ตื่นขึ้นมาขย้ำเขาไส้ไหลกลางดึกหรอกนะ

ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก

เอาล่ะ...เวลาไม่คอยท่า...นับอีกห้าร้อยติ๊ก ปฏิบัติการหนีจากถ้ำเสือไม่ต้องสนใจลูกเสือจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง!

...หนึ่งติ๊ก...สองติ๊ก...สามติ๊ก...

...สามร้อยห้าสิบสองติ๊ก...สามร้อยห้...

...คร็อกกก...ฟี้...


++++++++++++++++++++++++++++++++


ไอเย็นฉ่ำจนนึกสงสัยว่าเขาปรับแอร์เย็นขนาดนี้เลยเหรอ?
 
สัมผัสอุ่นสบายแนบแก้มเรียกให้ซุกเข้าหาอย่างงัวเงีย รู้สึกถึงความสากร้อนลูบไล้ไปตามส่วนอก จั๊กจี้จนอยากถอยหนี ร่างผอมครางฮือ เปลือกตาปิดสนิทกระตุกน้อยๆอย่างขัดใจ

“นัท...” เสียงห้าวกระซิบอยู่ข้างหู ตามด้วยอะไรบางอย่างเปียกร้อนแนบริมฝีปาก รู้สึกถึงความอุ่นนุ่มกำลังไล้เลียสอดแทรกให้ต้องเปิดปากตักตวงความหอมหวาน ภายในไป ...มันยาวนาน...รู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก

“ฮ้า...” เหมือนผุ้บุกรุกจะรู้จึงยอมปล่อยให้ปากช้ำเป็นอิสระ แพขนตากระพริบถี่ๆเผยให้เห็นนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มลึกล้ำมองเหม่ออย่างไร้จุด หมายบ่งว่าผู้เป็นเจ้าของคงยังไม่กลับมาจากโลกแห่งความฝัน

มือหนาสอดแทรกเข้าใต้ของ กางเกงยางยืดหลวมโพรก กอบกุมส่วนอ่อนไหวแห่งอารมณ์ไว้ รู้สึกถึงแรงกระตุกเบาบางของร่างข้างใต้ นิ้วทั้งห้าทำหน้าที่กระตุ้นเร้าอย่างชำนาญจนแก่นกายเริ่มแข็งขึง แผ่นอกเปลือยเคลื่อนไหวขึ้นลงแรงขึ้นกว่าเก่า เป็นจังหวะเดียวกับที่ริมฝีปากเผยอออกรับอากาศ

“อือออ...” เสียงแหบพร่าครางในลำคอ แววแห่งชีวิตค่อยๆกลับคืนสู่ดวงตาทีละนิดๆ ใบหน้าขาวซีดเจือสีเลือดแดงจัดลามไปถึงใบหู ร่างสูงไม่รอช้า ขยับแก่นกายในอุ้งมือหนักหน่วงรวดเร็ว ร่างข้างใต้ดูจะรู้สึกตัวเต็มที่แล้ว มือขาวซีดทั้งสองยกขึ้นจิกต้นแขนแกร่งจนเจ็บแปล๊บ แรงอารมณ์พุ่งสูงเกินจะต่อต้าน ธณัติขยับสะโพกตามจังหวะที่ร่างสูงนำพา ร้องครางยาวปลดปล่อยเปื้อนฝ่ามือหนาจนหมดสิ้น

หอบอย่างเหนื่อยอ่อน เหลือบตาจ้องมองชวนันท์ในชุดทำงานเขม็ง กำปั้นกำแน่นก่อนจะยกขึ้นประเคนหวังเรียกเลือดจากมุมปากเจ้าคนถือสิทธิ์

ปึ้ก!

การลงแรงกลับไม่ได้ผลดังคาดหวัง อุ้งมือใหญ่กว่ายกขึ้นรับกำปั้นไว้ได้ทัน รวบข้อมือผอมบางไว้แน่นก่อนแนบริมฝีปากจุมพิตหลังมือเบาบาง

“แก...” ใบหน้าร้อนผ่าว ไม่รู้ว่ามาจากความโกรธหรือเขินอายกันแน่

ชวนันท์ปล่อยมืออีกฝ่ายเป็น อิสระ ยืดตัวตรงยืนมองธณัติอยู่ข้างเตียง สภาพเสื้อนอนหลวมโพรกไม่ติดกระดุมกับเรียวขายาวเปลือยเปล่าทำให้อดยิ้มมุม ปากไม่ได้

“อย่าไปทำงานสายล่ะ...เดี๋ยว จะถูกตัดเงินเดือนเอา” ผลุบออกจากห้องนอนปิดประตูรวดเร็ว หางตาเห็นคู่กรณีตัวสั่นคว้าหมอนนุ่นใบใหญ่ขว้างตามหลังมา ริมฝีปากยกยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อได้ยินเสียงทึบๆกระแทกบานประตู


++++++++++++++++++++++++++++


“โอ๊ย!! เหนื่อยโว้ย!!!” เสียงตะโกนระบายอารมณ์ดังขึ้นในห้องพักพนักงานที่ไร้ผู้คน ธณัตินั่งอยู่บนโต๊ะทานอาหาร ด้านหน้าบะหมี่ถ้วยราดน้ำร้อนร้อนส่งกลิ่นหอมฉุยวางรอเวลาสามนาที

วันนี้มันวันมหาวิปโยค!

เมื่อเช้ากว่าจะเก็บที่นอน ให้เข้าที่ กลับไปเปลี่ยนชุดทำงานที่ห้อง ให้อาหารเจ้านกขุนทองที่คึกอะไรไม่รู้ ร้องด่าไอ้โง่ ไอ้โง่ซ้ำเติมไม่หยุดปากจนรู้สึกคันไม้คันมืออยากจับหักคอเอาไปทำอาหารเย็น บึ่งมอเตอร์ไซค์ฝ่ารถติดในช่วงเวลาเร่งด่วน กว่าจะมาถึงบริษัทได้ก็ฉิวเฉียดเลยเวลาตอกบัตรพอดิบพอดี นั่งพักได้ไม่เท่าไหร่ ฝ่ายเทคนิกก็ส่งเรื่องให้ออกไปแนะนำระบบกันขโมยรถยนต์ให้ลูกค้าวีไอพีอีกสอง เจ้า ทั้งแดดร้อนจ้า ทั้งไอรถยนต์บนถนนสายหลัก ทำเอาอ่อนเปลี้ยเพลียแรง กว่าจะกลับถึงบริษัทได้ก็เลยเวลาพักมาครึ่งชั่วโมงแล้ว


เข็มวินาทีชี้เลขสิบสองครบ สามรอบพอดีเป๊ะ มือผอมจับถ้วยมาม่าเปิดฝาเตรียมลงมือสวาปาม รสชาดที่กินติดต่อมาเกือบเดือนทำให้รู้สึกเซ็งจิต...เอาน่า! อดทนอีกไม่นาน ก็จะหลุดพ้นวัฏจักรมาม่าได้แล้ว ...อย่างน้อยตอนนี้ มื้อเย็นก็ได้กินอาหารคนซะที... เผลอคิดถึงกับข้าวแสนอร่อยเมื่อเย็นวาน หน้ากวนๆของพ่อครัวจำเป็นก็แวบขึ้นมาในสมองให้หงุดหงิดเล่น

ไอ้เจ้าบ้านั่น!! ฮึ่ม!! โกรธโว้ย!!!! ชีวิตมันอับโชคเพราะเจอผู้ชายคนนี้แหงๆ!

โกรธจัดพ่วงโมโหหิว ถ้วยมาม่าถูกยกขึ้นซดโฮก ลืมไปว่ามันร้อนจัด “เจรี๊ยก!” แลบลิ้นพองๆมือโบกลมอย่างทรมาณ ความหงุดหงิดยิ่งพอกพูน

เพราะแกคนเดียว!!


+++++++++++++++++++++++++++++


ภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงชาย หนุ่มผอมสูงท่าทางหงุดหงิดในชีวิตซดมาม่าเดือดจนต้องกระโดดเหย็งเรียกเสียง หัวเราะเบาๆจากท่านรองประทาน ท่าทางป้ำๆเป๋อจนไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ ว่าแก่ปีมากกว่าเขาตั้งสองปี
 
การได้เฝ้ามองธณัติน่ามันสนุกแปลกใหม่จริงๆ หน้าตาหาเรื่องที่ไม่เข้ากับคำพูดนอบน้อม บางทีก็หมดความอดทนเอาซะง่ายๆ เวลาสู้กลับไม่ได้ก็หางลู่หูตกเหมือนหมาน้อยขนยาว เห็นแล้วยิ่งทำให้รู้สึกอย่างแกล้งมากขึ้นไปอีก…


++++++++++++++++++++++++++++++


“ไอ้คุณธณัติโว้ย มีสาวสวยมาหา” เสียงห่ามๆของเพื่อนร่วมงานดังทำลายสมาธิ ชายหนุ่มละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์มองคู่สนทนาอย่างสงสัย

“ใครวะ?”

“ไปดูเองแล้วกัน ไอ้เสือ ...แมร่ง! ไปแอบรู้จักเมื่อไหร่ฟะ น่าอิจฉา~” นั่งฟังมันเพ้อต่อไปคงไม่ได้คำตอบ ธณัติละจากโต๊ะทำงานเดินตรงไปยังห้องรับแขก

ทันทีที่เปิดประตูห้องส่องมองคนข้างใน ในใจก็ร้องคร่ำครวญ...วันนี้มันวันซวยเจรงๆ

พนักงานสาวสวยที่เป็น ท็อปปิกฮ๊อตในวงพนักงานหนุ่ม ดอกฟ้าที่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากคว้ามาครอบครอง ถ้าเป็นเมื่อก่อน พณัติคงดีใจจนเนื้อเต้น แต่ตอนนี้แทนที่เนื้อมันจะเต้นดุบดับ กลับกลายเป็นหนังตาขวากระตุกตุ้บตั้บเต้นเป็นจังหวะแทงโก้แทนซะงั้น

เลขาท่านรองนามแอน...คนที่หวดจระเข้ฟาดหางครั้งเดียวส่งเขาไปเฝ้าพระอินทร์ได้นานสองนานนั่นแหละ!

“หวัดดีครับ” ทักทายอย่างเกรงๆ ยืนตัวลีบแทบจะฝังอยู่ในฝ้าผนังห้อง ไม่รู้แม่จะออกลายศิษย์จาพนมแสดงท่าหักงวงไอยรา ช้างกรูอยู่ไหนเมื่อไหร่ ปลอดภัยไว้ก่อนเป็นดี

“สวัสดีค่ะ คุณธณัติ แผนกวางแผนระบบ” ง่า...ไม่ต้องเรียกเต็มยศก็ได้ครับ สยิว

“นี่ค่ะ ท่านรองฝากมาให้” มือขาวตกแต่งเล็บสวยงามยื่นซองเอกสารให้อีกฝ่ายรับไป

“ขอตัวนะคะ” แอนยกยิ้มมุมปาก เดินเฉี่ยวตัวเขาให้ขนลุกซู่เล่น ก่อนออกจากห้องปิดประตู ปล่อยให้ร่างผอมยืนถือซองมองงงๆอยู่คนเดียว

หน้าซองเอกสารมีชื่อเขาเขียนด้วยลายมือหวัดๆ แกะซองออกดูอย่างอยากรู้อยากเห็น...มันด่วนขนาดเอาให้คืนนี้ไม่ได้เชียวหรือ?

ล้วงอย่างระแวงว่าจะมีปีศาจโผล่ออกมารึเปล่า...ก็ไม่...ในซองมีเพียงหนังสือบางๆสองเล่มกับเครดิตการ์ดหนึ่งใบ

“…เสน่ห์ปลายจวัก...กับข้าว ง่ายๆที่จะมัดใจคุณสามีให้อยู่หมัด?...ขนมหวานเติมน้ำตาลระหว่างสองเรา?... อะไรวะเนี่ย???” พลิกไปมากระดาษแผ่นเล็กก็ปลิวตกลงบนพื้นห้อง

ธณัติ ฝ่ายระบบ…

ของขวัญสำหรับพ่อบ้านมือใหม่ เอาไปศึกษาดูซะ
เครดิตการ์ดที่ให้ไป ใช้สำหรับซื้อพวกเครื่องปรุงวัตถุดิบ

ปล. วันนี้ทำโอทีถึงสามทุ่มครึ่ง ทำข้าวให้เสร็จก่อนเวลาด้วย

ชวนันท์

เออแฮะ...เป็นพ่อบ้านนี่มันต้องมัดใจคุณสามีด้วย เพิ่งรู้นะเนี่ย!


+++++++++++++++++++++++++++++++


“ครับ...ครับ...ได้ครับ...” มือควงปากกาเล่นอย่างเบื่อหน่าย มุมปากกัดปลอกปากกาเล่น พูดกรอกโทรศัพท์ไปตามเรื่องตามราว

“ไม่มีปัญหาครับ...ครับผม...สวัสดีครับ” โชคดีที่วางสายได้ ไม่งั้นน้ำมันหมดคงพูดต่อไม่ได้

ธณัติบิดขี้เกียจยาวนาน สะบัดต้นคอลั่นเสียงดับกร๊อบๆ หันมองรอบข้าง...ไฟที่เคยเปิดเต็มที่ตอนกลางวัน บัดนี้เหลืออยู่เพียงดวงสองดวงให้สว่างในจุดที่นั่งทำงานอยู่...พนักงานส่วน ใหญ่กลับกันหมดแล้ว แน่ล่ะ ใครมันจะคึกจัดทำโอทีถึงสองทุ่มทุกวันๆ

จะมีก็แต่เขา กับเจ้าโยรุ่นน้องอีกคน

โย น้องรหัสสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ห่างชั้นกัน 2 ปี หน้าตาตอนนี้แม้จะเข้าทำงานมาได้หนึ่งปีเต็มแล้วยังเหมาะกับคำว่าเด็กหนุ่ม มากกว่าชายหนุ่มอยู่เลย แถมรูปร่างก็ผอมบาง ส่วนสูงต่ำกว่ามาตรฐานไปมากโข หน้าตาไม่บ่งบอกเพศ นิสัยยังสุภาพเรียบร้อยฉีกแนวเด็กวิดวะซะอีก โยเป็นคนที่เข้าหาใครไม่ค่อยเป็น เพื่อนรุ่นเดียวกันก็มีน้อยจนนับคนได้ เขาเองยังลืมไปด้วยซ้ำว่ามีเจ้าเด็กนี่เป็นน้องรหัส จนวันที่ได้รับโทรศัพท์เบอร์แปลกๆ ขอร้องให้แนะนำงานที่บริษัทนี้ให้นั่นแหละ ถึงจะจำได้

เจ้าตัวคงรู้ว่าถูกมองอยู่จึงเงยหน้าขึ้นมองตอบ “พี่นัท จะกลับแล้วเหรอครับ”

“เออ...เดี๋ยวนั่งพักแป๊บนึง แล้วจะกลับแล้ว นายล่ะ?”

“ใกล้เสร็จแล้วครับ เดี๋ยวก็คงกลับเหมือนกัน” หมดเรื่องคุยห้องก็เงียบลง มีเพียงเสียงเคาะคีย์บอร์ดดังแกร๊กๆ ธณัติเงี่ยหูฟังเพลินๆ ใจคิดถึงงานที่จะต้องทำต่อคืนนี้ ก่อนอื่นคงต้องกลับบ้านให้อาหารเจมส์แล้วก็ขนเสื้อที่จะต้องใช้ใส่กระเป๋า หลังจากนั้นค่อยแวะซื้อของที่ซุปเปอร์ใกล้ๆขึ้นไปทำอาหาร คงเสร็จทันสามทุ่มครึ่งพอดี หลังจากนั้นก็ทำความสะอาด พอร่างสูงเข้าอาบน้ำค่อยชิ่งหนีเอาตัวรอด…

แอร์เย็นๆกับความคิดเพลินๆ พ่วงเสียงเคาะคีย์บอร์ดเป็นจังหวะ สะกดให้หนังตาหล่นลงมาบดบังทัศนวิสัยสิ้น

...เอาน่ะ...งีบซักพักแล้วค่อยไปก็ได้

...

...

ร่างบางของโยเดินย่องเข้าหา ธณัติอย่างเงียบๆ สายตาจับจ้องใบหน้าที่แยกไม่ออกว่าหล่อหรือสวย ท่าทางชายหนุ่มจะเพลียจัด ถึงได้หลับเงียบไปนานสองนานทั้งๆที่อยู่ในท่านั่งกอดอก

โยค่อยๆจับปลายผมสีน้ำตาล เข้มของธณัติอย่างเบามือ ก่อนจะดึงปึ้ดรวดเร็ว ความรู้สึกจี๊ดๆเพียงเล็กน้อยไม่อาจทำให้ธณัติรู้สึกตัวตื่นได้ เส้นผมสั้นๆสองเส้นถูกห่อใส่ผ้าเช็ดหน้าอย่างปราณีต

เด็กหนุ่มเหลือบมองปากกาที่ วางอยู่บนโต๊ะ นึกภาพที่ชายหนุ่มนั่งกัดปลอกเล่นตอนคุยโทรศัพท์เมื่อกี้ มือก็ยื่นออกเพื่อคว้าปากกาหวังจะได้มาครอบครอง

//ไปๆ ไปลงนรกซะเถิดที่รัก ฉันจะลงโทษเธอ~// เสียงริงโทนเก่ากึ้กดังจากโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ สร้างความตกใจให้กับทั้งเจ้าของโทรศัพท์ และคนที่กำลังคิดไม่ซื่อให้หดมือกลับทันที

“สวัสดีครับ” เสียงเรียกเข้าพิเศษมีอยู่คนเดียว ไม่จำเป็นต้องมองชื่อคนโทรเข้าก็ได้

“ลงมาที่ชั้นจอดรถใต้ดินเดี๋ยวนี้เลย”

“หา???” สายตัดไปแล้ว ฮึ่ม! ไม่ใช่ก๋วยเตี๋ยวนะเฟ้ย จะได้สั่งน้ำได้น้ำสั่งแห้งได้แห้ง งึมงำในใจ เพิ่งรู้สึกถึงการมีอยู่ของรุ่นน้อง ธณัติเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเก้าอี้

“กำลังจะปลุกน่ะครับ ผมกลับก่อนนะ”  นี่ก็อีกคน ยังไม่ทันตอบก็วิ่งจู๊ดหายวับไปแล้ว

...

...

ที่ลานจอดรถปรากฏรถซีตรองคัน ใหญ่สีเทาควันบุหรี่จอดโชว์หราอยู่หน้าลิฟท์ ชวนันท์ที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยทำสัญญาณให้ขึ้นรถก่อนจะเหยียบคันเร่งทิ้ง ไว้เพียงควันท่อไอเสีย

“โห…” ภายในตัวรถ ที่นั่งกว้างขวางบุด้วยหนังคุณภาพดี  มีที่เท้าแขนเพื่อความสบาย เครื่องยนต์เบาจนแทบไม่ได้ยิน การออกตัวเรียบเชียบไร้สัมผัสกระทบกระเทือน ทำให้ธณัติอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาเบาๆ

“ไหนบอกว่าเลิกสามทุ่มครึ่งไงครับ” นาฬิกาเพิ่งบอกเวลาสองทุ่มครึ่งเอง

“’งานเสร็จก่อนน่ะ”

“…”

“ขอผมกลับไปเอาของที่ห้อง ก่อนได้มั้ยครับ อยู่ใกล้ๆคอนโดเอง ไม่นานหรอก” ต้องขอล่ะ มอเตอร์ไซค์ก็ทิ้งไว้ที่บริษัท ถ้าไม่มีชุดทำงานเปลี่ยนตอนเช้า พรุ่งนี้ต้องมาทำงานสายแน่ๆ

“…ตามใจ...บอกทางมาด้วย”

+++++++++++++++++++++++++++++++++
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: คอยอ่านจบ3ภาคแล้วมาโหวตกานดู ว่าไครชอบภาคไหน ส่วนตัวชอบภาค2นี้อ่า :laugh: :laugh: :laugh: ชอบไอ้คิตตี้(คิดได้งัย)

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10

Mp_qM

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ สาวตัวกลม

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
มาเยอะมากเลย

อ่านตาแฉะเลยทีเดียว

สนุกมากครับ

ขอบคุณนะครับ

mahama

  • บุคคลทั่วไป
แปลกแวกแนวดีชอบจริงๆทั้งตลก ซึ้ง หวาน โรคจิตระดับน้อย-กลาง หึหึ

มาต่อไวๆนะ

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
ผมเปล่าโรคจิตนะ! 8
“ว้าว ว้าว~” เจ้านกขุนทองร้องทักทันทีที่ประตูห้องเปิดขึ้น ชวนันท์เดินตามหลังเจ้าของห้อง สายตาสอดส่ายสำรวจสภาพห้องที่ตกแต่งเรียบร้อยเป็นสัดส่วน

“ไง เจมส์” ธณัติเดินรี่เข้าไปให้อาหารนกเป็นอันดับแรก

“ไอ้โง่! ไอ้โง่!” เออ หยุดทำให้เจ้าของขายหน้าได้มั้ยฟะ

“ชื่อเจมส์เหรอ” ชวนันท์เดินตามหลังมาดูกรงนกด้วยความสนใจ

“ว้าว ว้าว~” เฮ้ย! เจมส์...เอ็งเป็นผู้ชายนะ!

ธณัติคว้ากระเป๋าเดินทางใบย่อมจากตู้เก็บของ หันมาบอกชวนันท์ที่มือซนแหย่กรงนกให้เจ้าเจมส์จิกๆเล่น

“รอแป็บนึงนะครับ ขอเก็บเสื้อก่อน” คงต้องเอาไปหลายชุดหน่อย จะได้ไม่ต้องมาขนหลายรอบ ท่าทางจะต้องไปค้างห้องซานริโอ®อีกนาน เจ้าเจมส์ก็คงต้องแวะมาให้อาหารวันเว้นวัน...ก็ห่วงเหมือนกันแฮะ ไม่เคยทิ้งเจ้าเพื่อนยากไปบ่อยๆซะที อยู่ตัวเดียวไม่มีใครให้ด่าคงเหงาแย่

“จะเอาเจมส์ไปด้วยก็ได้นี่” ชวนันท์ที่เดินมานั่งปุลงบนเตียงเท้าคางมองร่างผอมยัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋า หันหน้ามองกรงนกอย่างถูกอกถูกใจ

“หา??? จริงเหรอ??” แวบหนึ่งเผลอคิดจริงๆ ว่าบางทีชวนันท์อาจจะเป็นมษุษย์พันธุ์พิเศษอ่านใจคนอื่นได้ก็ได้

“ก็หน้านายบอกชัดซะขนาดนั้น ‘ห่วงเจมส์ ห่วงเจมส์’...ใช่มั้ยล่ะ” บีบเสียงเล็กเสียงน้อยแบบขัดกับภาพลักษณ์หนุ่มธุรกิจหุ่นล่ำ สาวๆได้ยินคงน้ำตาตกในกันหมด

“งั้นผมไปเตรียมอาหารนกก่อน” ด้วยความที่กลัวอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ จึงทิ้งงานพับเสื้อผ้าไว้ ลุกไปตู้เก็บของ คุ้ยสต็อกอาหารนกใส่ถุงก๊อบแก๊บใบใหญ่ก่อน

รู้สึกสับสนในพฤติกรรมท่านรองซะจริง เดี๋ยวก็ดีไม่น่าเชื่อ เดี๋ยวก็ร้ายเหลือ

แต่จริงๆถ้าลองคิดดู...ก็มี แต่เขาฝ่ายเดียวที่ลงมือกับชวนันท์...ถ้าไม่นับเรื่องลวนลามหาเศษหาเลยล่ะก็ นะ...สรุปแล้วชายหนุ่มเป็นคนยังไงกันแน่นะ?

ธณัติเดินแกว่งถุงใส่อาหารนก วางรวมกับของอื่นๆไว้ที่เคาน์เตอร์หน้าห้อง ก่อนจะเดินกลับไปยังห้องนอนเพื่อเก็บเสื้อผ้าต่อ เปิดประตูได้สายตาก็สะดุดกับร่างใหญ่ในห้องพอดี ของที่ถืออยู่ในมือชวนันท์ทำให้หลังเย็นวาบ

“ของนายเหรอ?” ถามไปได้ อยู่ในห้องผมก็ของผมสิคร้าบ ลำคอแห้งผาก ความชอบส่วนตัวลับๆกำลังจะถูกเปิดโปง

“เล่นม้าจนเงินหมด ต้องทำโอที?” โห...จินตนาการล้ำมากท่านรอง! ด้วยความสตอฯ ธณัติพยักหน้าหงึกหงักยอมรับไว้ก่อน...เป็นผีพนันก็ยังดีกว่าเป็นผีแอบส่อง ล่ะเว้ย

“แต่ฉันว่าไม่ใช่...” ชวนันท์เดินไปที่หน้าต่างชมวิวบานใหญ่ ยกกล้องขึ้นแนบส่อง

“หืม...ตรงกับห้องฉันพอดี” ละตาจากกล้องหันมามองคนใบ้รับประทานนิ่งๆส่งสายตาคาดคั้นจนรู้สึกว่าห้องนี้ มันร้อนจี๊ดขึ้นกะทันหัน “แอบมองฉันเหรอ?”

“ห...หลงตัวเองเกินไปแล้ว ผมมองห้องข้างล่างต่างหากเล่า!” เกลียดจริงๆ นิสัยพูดก่อนคิดเนี่ย! จะปิดปากตัวเองก็ไม่ทันซะแล้ว

“ไอ้โง่! ไอ้โง่!” ดีมากไอ้เจมส์...ด่าได้ตรงใจพ่อเจรงๆ

ร่างสูงยิ้มหึ  “แสดงว่าแอบถ้ำมองจริงๆ เป็นงานอดิเรกที่น่าสนใจดีนี่ แอบถ้ำมอง ขโมยกางเกงใน...”

หน้ามันชาไปหมด ทำไมเขาจะต้องถูกใครก็ไม่รู้มาวิจารณ์รสนิยมอย่างนี้ด้วย!

“ก็จะทำไมเล่า! มองคนที่ชอบ อยากได้ของของคนที่ชอบมาเก็บไว้ใกล้ตัว มันผิดตรงไหน!!??” ใบหน้ายังไม่ยอมเงยสบตาคู่สนทนา เถียงกลับเสียงดังจนเจ้านกขุนทองตกใจ กระพือปีกพั่บๆ ขนสีดำร่วงกราว

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร...” ธณัติเงยหน้าขึ้นสบตาชวนันท์อย่างสงสัยระคนคลางแคลงใจ

“ก็แค่บอกว่า...น่าสนใจ” นัยน์ตาดำสนิทที่จ้องตอบกลับมาเจือแววจริงจังในคำพูด ร่างสูงลุกจากเตียงก้าวเข้าหาธณัติอย่างเชื่องช้า ตรงข้ามกับอีกฝ่ายที่เดินถอยหลังรักษาระยะห่างไม่ให้เข้าใกล้กว่าเดิมได้

“ไม่ว่าใคร...ก็อยากให้คนที่ ชอบอยู่ในสายตาตลอดเวลา...อยากได้มาเก็บไว้ใกล้ตัว…” หลังบางสะดุ้งเมื่อแนบชนกับผนังห้องเย็นๆ หมดทางจะก้าวหนีอีกต่อไป ใบหน้าคมเข้มโน้มเข้าใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจร้อนกับกลิ่นอายเฉพาะตัว

“...คุณจะทำอะ...” พูดไม่จบประโยค ปากก็ถูกปิดประกบ ลิ้นหนาร้อนบุกรุกจาบจ้วง ร่างผอมออกแรงดิ้นเต็มที่หากก็ไม่สามารถต้านแรงกดของฝ่ามือหนาได้ ความอุ่นร้อนที่ดูดดุนอยู่ในช่องปากทำให้ขนอ่อนลุกซู่ นัยน์ตาสีน้ำตาลเบิกโพลง พยายามหันหน้าหนีเต็มที่ แต่อีกฝ่ายก็ไล่ตามได้ทัน

สมองเบลอๆ กระชากสติให้กลับมาทำงานเต็มร้อย เมื่อรู้ตัวว่าดวงตาใสแจ๋วของเจ้าสัตว์ปีกปากมากกำลังจ้องมองอยู่ ขาเรียวยาวยกขึ้นกระทุ้งช่วงล่างอย่างแรงจนร่างหนากระตุกเฮือก สองมือใหญ่ละจากหน้าที่เดิม ยกขึ้นกอบกุมส่วนที่บาดเจ็บแทน ปล่อยให้ธณัติได้กลับเป็นอิสระในที่สุด

พลั่ก!!! ได้โอกาสไม่รอช้า ประเคนหมัดลุ่นๆซ้ำอีกหนึ่งกำปั้น กระแทกจนชวนันท์หน้าหัน เลือดสดๆไหลซิบจากมุมปาก

“นี่เป็นส่วนของเมื่อกี้กับตอนเช้า...ถึงผมจะยอมทำงานบ้านให้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องยอมในเรื่องนี้!! ผมไม่ใช่ไอ้ตัว!!”

ร่างสูงใหญ่ปาดเลือดที่ริมฝีปากทิ้งด้วยหลังมือ ยืนตัวตรงแผ่รังสีจนธณัติรู้สึกว่าตัวเองเป็นแจ็คที่กำลังจะถูกยักษ์ขายถั่วไล่ฆ่า

“ฉันก็ไม่ได้คิดว่าเธอขายตัว” มือล้วงกระเป๋าเสื้อหยิบบุหรี่ออกจากกล่องเงินคาบไว้ที่มุมปาก สายตายังจับจ้องร่างผอมที่ยืนสั่นสู้

“เพราะถ้าขายจริง...คงไม่ อยู่ในสายตาหรอก” ล้วงกระเป๋ากางเกงโยนบางอย่างให้ธณัติ เมื่อแบมือดู พบว่าเป็นไฟแช็คสีเงินสวย สักลายเคโระเคโระกบน้อยตาโตเป็นสีเงินฝ้า นัยน์ตาสีน้ำตาลสบกับตาดำมืดอย่างงงๆ

“จุดบุหรี่ให้หน่อย...แค่นี้คงไม่ว่าเรียกไอ้ตัวหรอกนะ”

ธณัติกัดฟันกรอดนิ้งโป้งหมุน สลักไฟอย่างแรง ดวงไฟดวงเล็กถูกจุดขึ้นพร้อมยื่นมือเข้าใกล้ปลายบุหรี่  ฮึ่ม!! อย่าเผลอ! พ่อเผาหนวดใหม้!! ใจนึกสนุกอยากลองจี้ให้สะดุ้งเล่น แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อสบนัยน์ตาดำมืดที่แฝงความหมายบางอย่าง

ความหมายบางอย่าง…ซึ่งแม้จะไม่รู้ความหมายแต่ก็ทำให้หัวใจเต้นแรง

ปลายบุหรี่ติดไฟจนควันขาวลอย เป็นเส้นสายบางระหว่างสองคน มือใหญ่สากกุมมือผอมขาวซีด จับให้ดับดวงไฟลง นัยน์ตายังมองสบ เหมือนถูกร่ายมนต์บางอย่างทำให้ธณัติไม่สามารถเบนหลบได้

“เก็บไว้” มือใหญ่ที่ยังคงกอบกุมจนรู้สึกร้อนดันมือข้างใต้ให้แนบอกเจ้าของ ก่อนจะปล่อยเป็นอิสระอย่างอ้อยอิ่ง

“แต่ผม...ไม่สูบบุหรี่” เสียงปร่าที่ออกมาแทบจะเรียกได้ว่ากระซิบ

“เธอได้ใช้แน่...ตราบใดที่ยังเป็นพ่อบ้านของฉัน”


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

“ว้าว ว้าว~” เสียงแหลมเล็กดังลั่นล็อบบี้คอนโดหรูที่เงียบสงัดไร้ผู้คนในยามวิกาล

ธณัติขนกระเป๋าใบใหญ่ใส่ เสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวมีถุงพลาสติกใส่อาหารนกหิ้วอยู่ข้างๆ อีกมือแขวนชุดทำงานสำหรับหนึ่งสัปดาห์พาดบ่า สภาพเหมือนย้ายบ้าน ยิ่งผสมกับเสียงว้าวของเจ้านกปากมากแล้ว....ใครเห็นคงคิดว่าเป็นพวกบ้านนอก เข้ากรุง

ชวนันท์ยกมุมปากหัวเราะเบาๆ กับสภาพที่เห็นตรงหน้า รู้สึกถึงแรงสั่นจากกรงนกที่หิ้วอยู่ เจมส์ดูจะตื่นตัวมากกยู่ เมื่อได้ออกมายังโลกภายนอก

“มีอะไรขำเหรอครับ ท่านรอง?” ร้อนตัวส่งสายตาหาเรื่องไว้ก่อน

“เปล่า..ไม่มีอะไร” เหลือบมองเห็นประตูลิฟท์เปิดพอดีจึงพยักเพยิดหน้าส่งสัญญาณให้เข้าไปข้างใน พื้นที่สี่เหลี่ยมไม่กว้างนักมีเพียงธณัติและชวนันท์ยืนอยู่ นิ้วใหญ่กดเลขชั้น 24 ตามความเคยชิน ประตูเปิดคาพักหนึ่งก่อนจะเริ่มแง้มปิด

“รอด้วยครับ!!” เสียงเด็กหนุ่มตะโกนปนหอบผสมกับเสียงฝีเท้าวิ่งมาทางลิฟท์ทำให้ชวนันท์รีบกด เปิดประตูรับคนสองคนเข้ามา ตนเองร่นไปยืนรออยู่ด้านหลัง ข้างๆกับธณัติบ้าหอบฟาง

ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ เพรียวกว่าชวนันท์เล็กน้อยหันมากล่าวขอบคุณ เด็กหนุ่มอีกคนกดเลขชั้นต่ำกว่าที่เขากดไว้ชั้นหนึ่งก่อนหันกลับมายิ้มหวาน “ขอบคุณครับ”

ชวนันท์พยักหน้าเบาๆเป็นการ รับรู้ ประตูลิฟท์ปิดลงอีกครั้งพร้อมความเงียบเข้ามาเยือน ชายหนุ่มเอนหลังพิงผนัง รู้สึกกระเป๋าเดินทางที่แนบขาอยู่สั่นไหวจึงหันไปมอง

หน้าตาที่ว่าขาวซีดอยู่ แล้วกลับยิ่งซีดมากกว่าเดิม นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มส่อแววเจ็บปวดยามมองคนสองคนข้างหน้ายืนกุมมือกันก่อนจะ หลุบตาลงต่ำหันหน้าหลีกหนีความเป็นจริง


++++++++++++++++++++++++++++++++++


เสียงน้ำมันในกะทะเดือดฉ่า เกลือทั้งขวดถูกเทลงตามด้วยแป้งสาลีขาวฟุ้ง ธณัติหันกลับไปทางอ่างล้างมือ เปิดก๊อกรินน้ำประปาใส่แก้วน้ำใบใหญ่ ราดพรวดลงบนส่วนผสมอาถรรพ์ เมื่อน้ำเย็นๆราดลงบนน้ำมันเดือด ระเบิดขนาดย่อมก็เกิดขึ้น เม็ดน้ำมันเล็กแต่ร้อนจัดแตกกระเด็นเสียงดังเปรี๊ยะทั่วบริเวณ

“ว้าก!!!” ต่อเมื่อโดนหยดน้ำมันเดือดๆกระเด็นใส่เนื้อนั่นแหละ ถึงค่อยรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป ชายหนุ่มส่ายหัวเซ็งจิต มองตัวเองสภาพยุ่งเหยิง เสื้อผ้ายับยู่จากการทำงานมาทั้งวัน ผ้ากันเปื้อนแบ๊ด แบ๊ดซ์ ที่ทำหน้าที่อย่างดีบัดนี้เปื้อนคราบแป้งเป็นรอยขาว มีจุดน้ำมันแต่งแต้มพร้อยเป็นงานศิลปะชั้นต่ำ

“ไปอาบน้ำ” ชวนันท์ที่นั่งมองมานานเอ่ยอย่างหมดความอดทน คว้าผ้ากันเปื้อนผืนใหม่สีฟ้าใสลายทาโบะใส่ก่อนจะดันร่างไร้วิญญาณให้ไปไกลๆ ครัว

“แต่...” เขาเป็นพ่อบ้าน จะให้เจ้านายทำอาหารให้กินสองวันติดได้ยังไง

“รอเธอทำ ห้องฉันไฟใหม้พอดี...ไปอาบน้ำซะ แล้วค่อยออกมากินข้าว”





ประตูห้องน้ำเปิดผลัวะ ไอน้ำร้อนพวยพุ่งออกจากด้านในกระทบไอเย็นของเครื่องปรับอากาศในห้องนอนก่อน จะจางหายไป ธณัติในชุดนอนขายาวพอดีตัว มีผ้าขนหนูพาดไหล่เช็ดผมเปียก ก้าวเดินไร้สติสตัง

ไออุ่นกับแผงอกแกร่งแนบด้าน หลังทำให้สะดุ้ง ท่อนแขนกำยำอ้อมมาด้านหน้ากอดร่างผอมไว้เบามือ ฝ่ามือใหญ่ปิดตาทำให้โลกดำมืด ธณัติตกใจดิ้นรน ใจนึกโมโห ทำไมต้องมายุ่งกับเขาตลอดเลยนะ!

“อย่าเพิ่งดิ้น อยู่อย่างนี้ก่อนได้ไหม ไม่ทำอะไรหรอก” เสียงกระซิบนุ่มนวลข้างหูทำให้หย่อนแรงต่อต้านลง ความมืดมิดขับภาพบาดตาที่เห็นในลิฟท์เมื่อกี้ให้กระจ่างชัด น้ำตามันพาลจะไหล

“ในลิฟท์เมื่อกี้...คนที่แอบ ชอบใช่มั้ย?” คำถามหวดผัวะเข้ากลางใจช้ำๆ มือผอมยกขึ้นจิกแขนแกร่ง รู้สึกถึงความเปียกชื้นใต้ฝ่ามือหนา พักเรื่องขัดแย้งไว้ก่อน ตอนนี้เขาอยากระบายให้ใครสักคนฟัง

“ผม...ผมตัดใจได้แล้ว...ฮึก...ผมคิดว่าตัดใจได้แล้วนะ...”

“...อืม”

“เขาไม่รู้จักผมด้วยซ้ำ...ทั้งๆที่...ผมมองเขามาตลอด” ปากเปิดได้ เรื่องราวก็ไหลบ่าราวน้ำป่าไร้เขื่อนกีดกัน

“…อืม”

“เสียเงินซื้อกล้องส่องทางไกล อดข้าวมาเป็นเดือน”

“…อืม”

“ค่อยมารู้ว่า...เขามีคนที่รักอยู่แล้ว…ผม...ผมมันโง่งมงาย...ขี้ขลาด...ไม่กล้าแม้แต่...จะเข้าไปทำความรู้จัก”

“...อืม...”

คนตัวใหญ่ข้างหลัง ได้แต่นิ่งเงียบ ปล่อยให้คนอกหักระบายอยู่อย่างนั้น น้ำตาไหลนอง สะอึกสะอื้นจนอ่อนเพลีย

การมีใครสักคนอยู่ด้วยในช่วง เวลาอย่างนี้...แค่เพียงอยู่ข้างๆเงียบๆก็ทำให้ใจรู้สึกเบาสบายขึ้นมาก เวลาผ่านไปนานในความคิดของธณัติ น้ำตาหยุดไหล เหลือเพียงหลักฐานคือตาแดงช้ำกับปลายจมูกเข้มๆเท่านั้น นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเงยขึ้นสบร่างสูง “ขอบคุณนะครับ คุณชวนันท์” เอ่ยเบาๆอย่างอายๆ ไม่คิดว่าจะมีวันที่ต้องร้องให้เป็นเด็กขี้แยต่อหน้าใคร ยิ่งกับคู่ปรับคนนี้แล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง

รู้สึกร้อนบริเวณขมับที่ริม ฝีปากของร่างสูงเพิ่งแนบสัมผัส เมื่อรู้ตัวว่ายังอยู่ในอ้อมกอดจึงค่อยๆแกะแขนแกร่งที่โอบอยู่หลวมๆออก “ผมหิวแล้ว” เอ่ยไม่มองหน้าเดินลิ่วๆไปทางโต๊ะทานอาหาร ทิ้งให้ชวนันท์ค่อยๆก้าวเดินตามออกมา


+++++++++++++++++++++++++++++++++


“ชอบเขาตรงไหน” เสียงถามเรียบเฉย ไม่มีวี่แววว่าจะล้อเลียนหรือหาเรื่องอะไร ทำให้ธณัติสบายใจที่จะตอบคำถาม ช้อนส้อมถูกวางรวบ มือยกขึ้นไหว้จานข้าว ดื่มน้ำล้างปากก่อนจะตั้งท่าเล่าอย่างภูมิใจ

“ผิวขาวผ่อง” ก็ขาวอยู่หรอกนะ ชวนันท์นึกภาพคนที่เห็นในลิฟท์

“ผมดำ ตาดำสนิท” ก็มาตรฐานคนไทยทั่วไป น้อยคนนักที่จะมีสีผมสีตาเป็นสีน้ำตาลเข้มแบบธณัติ

“ปากแดงอิ่ม” ที่เห็นมันไม่ใช่แฮะ ปากบางสวยก็จริง แต่ก็ไม่ถึงขั้นแดงอิ่ม คิ้วหนาขมวดนึกตามแหม่งๆ

“ตัวเล็กบอบบาง” เทียบดูเมื่อกี้ ธณัติยังผอมบางกว่าเจ้านั่นด้วยซ้ำ...หรือว่า...

“เดี๋ยวก่อน...อย่าบอกนะว่า” พูดแทรกอย่างไม่ค่อยแน่ใจ ธณัติเอียงคอสงสัย เขาพูดอะไรผิดไปหรือไง?

“เด็กหนุ่ม...ตัวเล็กนั่น...” เด็กหนุ่มที่แทบจะไม่อยู่ในสายตาเขาเลย หน้าตาดีก็จริง แต่ไม่ใช่เสป็ก

ห้องไร้เสียงพูดคุยไปนาน ก่อนจะได้ยินเสียงปุดๆจากเส้นเลือดข้างขมับร่างผอม

“คุณคิดว่าผมชอบไอ้ตัวใหญ่นั่น เอาอะไรมาคิดเนี่ย มันจะหยามกันเกินไปแล้วนะ!!! ผมนี่น่ะ...” ยืดหลังตรง ตบอกตัวเองป้าบๆ

“ไอ้นัทคนนี้น่ะ แมนเต็มร้อย หุ่นก็ผู้ชายซะขนาดนี้ ก็ต้องมองพวกตัวเล็กหน้าหวานเป็นธรรมดา!!”

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะท้องคัดท้องแข็งดังลั่น ธณัติชะงักค้างในท่าตบอกแมนๆ หน้าร้อนผ่าวมองชวนันท์กุมท้องปล่อยก๊ากน้ำตาเล็ด

“โทษทีๆ” หัวเราะจนเหนื่อยต้องพักยก เงยหน้าขึ้นเจอเด็กโข่งงอนแก้มตุ่ยเลยต้องง้อซักหน่อย

“แต่ฉันว่า...” ส่งยิ้มกวนๆทิ้งจังหวะให้ตั้งใจฟัง

“...เธอเหมาะจะเป็นฝ่ายถูกกอดมากกว่านะ”


++++++++++++++++++++++++++++++
คุณลูกหมูบอกจะเข้ามาดูเม้นต์  o7ดีจัยจิงคนแต่งเขาจะเข้ามาดูด้วย

BEta-K

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
หุหุ งานนี้ธนัติมีหวังต้องรับแล้วล่ะ  :m14: :m14: :m14:

5577

  • บุคคลทั่วไป
ชอบคับ ชอบคนโรคจิต 5555  :o8:


อ่านรวดเดียว ทำงานไม่ได้ ไม่จบไม่เลิกคับ อิอิ  :oni2:
ผมก็แอบมองตึกตรงข้าม แต่ไม่ได้ซื้อกล้องมาส่องอ่ะ
เดินผ่านก็ต้องมอง เผื่อเค้าออกมานั่งกินลม
บางทีก็ออกไปนั่งอ่อยกินลม เผื่อเค้าออกมาตากลม  :a11:


แต่ละคนน่ารักดี แต่เลขาแอนเว่อไปหน่อย

ออฟไลน์ สาวตัวกลม

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
หุหุ งานนี้ธนัติมีหวังต้องรับแล้วล่ะ  :m14: :m14: :m14:
^
^
^
^
เห็นด้วยกับพี่ทิพ อิอิอิ "รับ" เถอะ :laugh:

อาจารย์..สีฟ้า

  • บุคคลทั่วไป
หุหุ งานนี้ธนัติมีหวังต้องรับแล้วล่ะ  :m14: :m14: :m14:
^
^
^
^
เห็นด้วยกับพี่ทิพ อิอิอิ "รับ" เถอะ :laugh:


เห็นด้วยกับพี่ทิพ และ ครูดาว


เป็นกำลังใจให้คนโพสต์นะครับ  :L2: :L2: :L2:

anna1234

  • บุคคลทั่วไป

TonG_x_Zhi

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาอ่านรวดเดียว   ภาคแรกพระเอกก็โหดเกิ๊น  แต่น่ารัก :o8:

ภาคนี้สนุกดีครับ  เป็นกำลังใจให้นะ

รออ่านตอนต่อไปน๊าคับ :m1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
เรื่องนี้สนุกมาก ๆ  o13

มาเป็นกำลังใจให้คนโพสจ้า  :L2:

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
 :L2: มาต่อเถอะ คุณลูกหมู ป้าจะลงแดงอยู่แล้วอยากอ่านต่อหนะ

:สงกรานต์1: :สงกรานต์1:

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
คู่นี้น่ารักจังเลย

จะรู้ใจกันเมื่อไรเนี่ย

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
ผมเปล่าโรคจิตนะ! 9
............................


เวลาเช้าตรู่ แสงอรุณของวันใหม่ยังไม่สาดส่องสู่พื้นโลก เจ้าเจมส์ยังหลับหัวโงกหัวเอนอยู่หน้าห้อง แต่ผู้ทำงานตำแหน่งผู้บริหาร คุมชะตากรรมพนักงานหลายร้อยชีวิตอยู่ในอุ้งมืออย่างชวนันท์กลับต้องฝืนลืมตา ตื่น ร่างสูงใหญ่เปิดประตูจากห้องน้ำเบาๆด้วยกลัวว่าจะรบกวนความฝันอันแสนสุขของ ชายหนุ่มผู้ร่วมเตียง ไอเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศเมื่อกระทบกับหยดน้ำที่เกาะพราวบนตัวทำให้ต้อง ห่อไหล่ลงเล็กน้อย

ระหว่างใส่เสื้อทำงานตามปกติ สายตาก็ทอดมองร่างผอมซีดที่ขดอยู่บนเตียงเหมือนทารกแรกเกิด แสงไฟจากห้องน้ำเมื่อกี้คงแยงตาธณัติเล็กน้อย ร่างผอมจึงพลิกตัวหนีพร้อมกับดึงผ้าห่มผืนใหญ่ขึ้นคลุมโปง เห็นเพียงเส้นผมสีน้ำตาลเข้มยุ่งเป็นรังนกโผล่แพลมๆออกมา

นัยน์ตาสีดำมืดทอดมองภาพด้านหน้า เหตุการณ์เมื่อวานผ่านวาบเข้ามาในใจ

...

...

‘ฉันว่า...เธอเหมาะจะเป็น ฝ่ายถูกกอดมากกว่านะ’ เมื่อคืนเขาพูดไปตามที่ใจคิดจริงๆ ก็ดูเถอะ...ท่าทางเหมือนเด็กทำอะไรไม่เป็นอย่างนี้จะไปกอดใครเขาได้ ตอนที่ได้จูบแรกที่ฝืนบังคับมายังแปลกใจว่าทำไมผู้ชายอายุตั้งขนาดนี้แล้ว ยังจูบไม่เป็นด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องบนเตียง...ก็คงไม่เคยอีกนั่นแหละ

ธณัติดูจะอึ้งกับประโยคนั้น ไปสามวิ ก่อนออกอาการหน้าดำหน้าเขียวช้ำเลือดช้ำหนองระเบิดอารมณ์อยากรีดเลือดออกจาก หัวหนุ่มล่ำ ถ้าตาไม่ฝาดเขาว่าเขาเห็นควันพุ่งออกมาจากหูชายหนุ่มด้วยซ้ำ ทำให้รู้ว่าเขาจี้ถูกจุดแล้ว...

‘คุณใช้อะไรดูเนี่ย! อย่างผมเนี่ยนะเหมาะจะเป็นฝ่ายถูกกอด!!’ เสียงโวยวายเอาเป็นเอาตายดังข้ามโต๊ะอาหารส่งตรงมาถึงเขา

‘แล้วคุณจะเสียใจที่พูดคำนี้ ออกมา...ผมนี่แหละ...มาตรฐานสุภาพบุรุษไทยที่สาวๆและหนุ่มๆทั่วประเทศร้อง ให้คร่ำครวญอยากซบอ้อมอก...วันที่คุณรับรู้สรรจธรรม...วันนั้นก็คงจะสายเกิน ไปแล้ว...อย่ามาร้องให้กอดขาขอให้ผมเมตตาซะให้ยาก!!’ ท่าทางเจ้าตัวจะไม่ทันคิดว่าพูดอะไรออกมา ธณัติยืนกอดอกสะบัดหน้ายื่นจมูกรั้นๆเหมือนนางเอกในการ์ตูนผู้หญิงเวลางอน ทำให้เขาต้องกลั้นหัวเราะแทบตาย

‘ว่าไงล่ะ คุณคิตตี้!’ ธณัติคงเห็นเขาเงียบไป เลยได้ใจปล่อยหมานรกออกมาเพ่นพ่านกัดไม่เลือกอย่างนี้ ...ไอ้อารมณ์เศร้าบ่อน้ำตาแตกเป็นสึนามิเมื่อกี้มันหายไปไหนเนี่ย

‘ก็ไม่ได้ว่ายังไง อยากลองดูมั้ยล่ะ ว่าใครเหมาะจะเป็นฝ่ายถูกกอดมากกว่ากัน’ เขายืดตัวตรงเดินช้าๆทำท่าเจ้าป่าตะล่อมเหยื่อ แต่ฝ่ายนั้นวันนี้ท่าจะเฮี้ยนจัด ตัวผอมๆพยายามพองลมข่มคู่ต่อสู้ เดินถอยหลังเป็นวงกลมรอบห้องกว้าง เมื่อได้โอกาสก็กระโดดแท็คจู่โจมรวบให้หงายหลังแผ่บนพื้นตามน้ำหนักที่โหม ใส่

ธณัติคร่อมเขาไว้อย่างย่ามใจ กดเขาแนบกับพื้นพรมนุ่ม ตาจ้องตา ห้องเงียบกริบ ไร้เสียงไร้การเคลื่อนไหวใดๆ ...ก็เบบี๋ซะชนาดนี้ จะทำอะไรเป็นเล่า!

‘แล้วยังไงต่อละ?’ ท่าทางสับสนในชีวิตทำให้เขาเผลอยกมุมปากยิ้ม สองมือใหญ่ที่เตรียมไว้แต่แรกยกขึ้นจับหมับที่ช่วงตัวร่างผอม เหวี่ยงพลั่กจนธณัติร้องแอ้ก เพียงพริบตาเดียว เขาก็เป็นฝ่ายคร่อมร่างคู่ต่อสู้เอาไว้ข้างใต้เรียบร้อยแล้ว

‘ข...ขี้โกง!’ ผู้เสียเปรียบร้องขอความเป็นธรรม น่าเสียดายเปาบุ้นจิ้นมีแต่ในช่องสามหกโมงตรงเท่านั้น เขาไม่รับฟังคำอุธรณ์ใดๆ กดช่วงบ่าลาดจมพื้นพรม จัดการปิดปากอวดเก่งไว้ด้วยปากของเขาเอง ลืมตามองใบหน้าขาวซีดข้างใต้พบว่าธณัติคงจะตกใจจัด ตาจึงหลับปี๋หน้าแดงแจ๋ ปากที่ปิดสนิทท้าให้เขาอยากเอาชนะ เลียลิ้นไล่ตามริมฝีปากบางตวัดลิ้มรสกลิ่นอายบริสุทธิ์ มือข้างหนึ่งสอดเข้าใต้เสื้อนอนเนื้อนุ่มคลำหาตุ่มไตส่วนไวสัมผัส เมื่อบีบหมับปากที่เม้มแน่นก็เปิดอ้าออกเป็นปฏิกิริยาตอบสนอง เขาไม่รอช้าสอดลิ้นหนาเข้าโรมรันทันที

‘อุ๊บ!!!’ รู้สึกถึงความเจ็บชาทันใดทำให้ต้องถอนปากออกอย่างรวดเร็ว ทารกน้อยหัดคลานแล้ว...หาญกล้ามากัดลิ้นเขาได้อย่างนี้

‘อั้ก!!!’

‘แอ้ก!!!’

สองเสียงดังประสานเมื่อหน้า ผากมนๆด้านล่างยกขึ้นกระแทกกับหน้าผากเขาจนเสียงกระดูกกระทบกันดังสนั่นลั่น โลกา สองคนต่างยกมือขึ้นกุมกระหม่อม บรรยากาศดีๆหายหมดเกลี้ยงเหลือแต่ตุ่ยๆเน่าๆให้เชยชม

ชวนันท์เป็นฝ่ายที่ตั้งตัว ได้ก่อน ลงมือคร่อมร่างผอมฤทธิ์มากไว้ข้างใต้อีกครั้ง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่จ้องกลับมาสื่อภาษาว่า อย่านะโว้ย! พ่อกัดหูขาด! ทำให้เขาตัดสินใจที่จะพักไว้ก่อนในค่ำคืนนี้

‘ไม่รู้มาก่อน นอกจากเป็นพวกซาดิสม์ชอบทำร้ายคนอื่นแล้ว ยังเป็นมาโซคิสม์ซะอีกนะ’ แหย่ให้โกรธเล่น มองหน้าตาเถียงไม่ออกได้แต่เปิดปากพะงาบๆอยู่อย่างนั้นแล้วมันบันเทิงดี จริงๆ มือใหญ่ลงมือลูบไล้ไปตามช่วงอก เอว และสะโพกลาดมน รู้สึกถึงแรงเกร็งเครียดใต้ฝ่ามือ

‘แล้วเธอจะรู้ว่า...ใครเหมาะ จะเป็นฝ่ายถูกกอดมากกว่ากัน’ มือที่ลูบไล้หยุดวางบนเอว รู้สึกได้ว่าร่างข้างใต้กลั้นหายใจรอรับการจู่โจม ชวนันท์ไม่รอช้า เริ่มลงมือปฏิบัติการเชือดทั้งเป็น...

‘ฮ่าๆๆๆๆ ก๊ากกกกๆๆๆๆๆๆๆ อ๊ากกกกกกๆๆๆๆๆ พอแล้วๆ’ ร่างกายด้านใต้บิดตัวบิดเอวหนีสิบนิ้วที่ติดหนึบตามจี้ไม่ยอมหยุด ตะเกียกตะกายน้ำหูน้ำตาไหลนองหน้าจนคว่ำตัวได้ มือผอมก็กางแผ่ตบพื้นพรมถี่รัว เป็นสัญญาณยอมแพ้แล้วก๊าบ! เขาจึงยอมหยุดมือ ธณัติหอบหายใจถี่รัวเหมือนจะขาดใจตายซะให้ได้

มือใหญ่จับหน้าเขาพลิกหัน ประทับจูบฉาบฉวยที่ริมฝีปากอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะลุกเดินหนี

‘ล้างจานให้เรียบร้อยซะ แล้วก็เข้านอนได้แล้ว…’

ดูเหมือนธณัติจะผูกใจเจ็บ หลังล้างจานเสร็จจึงเดินมาบอกเขาในห้องแบบมะนาวไม่มีน้ำ

‘ผมจะนอนที่โซฟาข้างนอก ราตรีสวัสดิ์’

ซึ่งเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร อ่านหนังสือต่อไปจนถึงตีสอง ลุกจากเตียงเปิดประตูไปยังห้องนั่งเล่นแล้วช้อนตัวคนขี้เซากลับมานอนซุกหาไอ อุ่นข้างกาย

...

...

ชวนันท์เดินอ้อมเตียงไปอีก ฝั่ง พลิกผ้าห่มดูหน้าคนนอนหลับสนิทไม่สนโลกภายนอก ปัดเส้นผมยุ่งๆที่บังใบหน้าขาวซีดออก เผยให้เห็นหน้าผากมนที่ยังคงเหลือรอยช้ำจางๆจากท่าเฮดน็อคเมื่อคืนนี้
 
เขาชอบเวลาธณัติแสดงอารมณ์หลากหลายออกมาให้เห็น ทั้งท่าทางป้ำๆเป๋อๆที่เห็นตั้งแต่แรกพบ ท่าทางใจกล้าฝังในภายนอกอ่อนยวบนั่นอีก ปากก็พร่ำพูดจาสุภาพไพเราะ แต่สายตามันด่าเขาอยู่ชัดๆทำไมจะไม่รู้ กระทั่งอารมณ์เขินอายยามถูกเขาจูบถูกเขาสัมผัสก็น่ามอง ปากสั่นๆกับหูเหอแดงไปหมดทำให้รู้สึกอยากแกล้งมากยิ่งขึ้น ทั้งๆที่รู้ว่าจะต้องเจ็บตัวจากหมัดไม่หนักไม่เบาก็ตาม

มีเพียงเมื่อคืนเท่านั้น... อารมณ์เศร้าโศกของธณัติเท่านั้นที่เขาไม่อยากเห็น สภาพเหมือนจะแหลกสลายไปต่อหน้าต่อตาทำให้อยากตระกองกอดไว้แนบอก คอยอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าจะพอใจ

ลูบไล้ตามพวงแก้มถึงช่วงฟัน กรามอย่างเบามือ ปากก็ยกยิ้มน้อยๆ ใบหน้าก้มลงต่ำประกบริมฝีปากแนบจุมพิตที่ขมับ ดวงตาดำมืดจ้องมองคนหลับไม่รู้เรื่องอย่างเอ็นดู

“...รีบๆตื่นไปทำงานด้วยล่ะ...”

...แกร้ก…

ประตูห้องปิดเบาๆทิ้งให้ธณัตินอนขดอยู่บนเตียงอย่างเป็นสุข...


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกัน? ธณัตินั่งกุมขมับโลกแตก หน้าซุกลงบนโต๊ะทำงานที่แวดล้อมไปด้วยกองกระดาษเอกสาร

เขาไปนอนอยู่บนเตียงได้ยังไง??

ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตัวเอง เป็นคนละเมอเดินไปเอง หรือชวนันท์อุ้มไป แต่จะกรณีไหนก็ทำให้รู้สึกขายหน้าเหมือนกันนั่นแหละ กรณีแรกก็เผยไต๋ให้คู่ปรับได้รู้ซะแล้วว่าตัวเองเป็นพวกละเมอขนาดที่เดินไป รอบบ้านยังไม่รู้สึกตัว กรณีหลังยิ่งแล้วใหญ่ โดนอุ้มยังหลับปุ๋ยอยู่ได้อย่างนั้น!

นึกโมโหตัวเองจนต้องลงโทษซัก ตั้ง หัวโขกลงกับพื้นโต๊ะดังโป๊กลั่น แล้วก็ต้องร้องจ๊าก เมื่อมันดันไปโขกตำแหน่งที่ช้ำเป็นสีม่วงเขียวจากการไม่เจียมตัวเอาหัวนิ่มๆ เหมือนเต้าหู้ไปโขกกะโหลกแข็งๆเป็นเหล็กกล้าของชวนันท์
 
ว่าแต่ ตอนนี้เจ้าคิตตี้จะปวดหัวตุ้บเหมือนเขารึเปล่านะ?

“เป็นอะไรรึเปล่า พี่นัท?” สะดุ้งเฮือก หันหน้าไปทางต้นเสียงก็เพิ่งรับรู้ถึงการมีอยู่ของเจ้ารุ่นน้องโย ท่าทางนั่งคร่อมเกาะพนักเก้าอี้ทำให้เดาได้ว่า โยคงนั่งมองตัวประหลาดผีร้ายเข้าสิงมานานสองนานแล้ว

“เออ ไม่มีอะไร”

“แล้วเมื่อเช้าเรียกผมทำไม?” หมายถึงระหว่างทำงาน เขาหาปากกาไม่เจอเลยไล่เรียกถามไปทีละคน ไปสะดุดกับโยที่คุยโทรศัพท์อยู่เลยไม่ได้ถาม

“ก็นิดหน่อย เห็นปากกาฉันรึเปล่า ด้ามสีดำๆน่ะ เมื่อคืนยังใช้อยู่เลย” คงจะคิดไปเอง รู้สึกเหมือนโยสะดุ้งเฮือกยังไงก็ไม่รู้

“ไม่นี่ หาดีรึยังครับ” โยตอบหลบสายตา

“เออ ช่างมันเถอะ เฮ้อ...หมู่นี้ของหายบ่อยว่ะ ระวังไว้หน่อยละกัน” โยพยักหน้าหงึกหงักก่อนโบกมือลาขอตัวไปทานอาหารกลางวัน

จะว่าไป ช่วงนี้ของหายบ่อยจริงๆซะด้วย ตั้งแต่ปากกา ดินสอ ยางลบ เข็มติดเนคไท แม้กระทั่งหลอดดูดน้ำในขวดน้ำดื่มก็ยังหายได้! สงสัยจะมีศัตรูโดยไม่รู้ตัวแฮะ...


++++++++++++++++++++++++++++++++

“น่องไก่ทอดนี่ใช้ไฟแรงไป แป้งข้างนอกใหม้ แต่เนื้อข้างในไม่สุก...”

ปึ้ด! เสียงเส้นความอดทนเส้นแรกของวันขาดผึง

“ผักก็ซื้อมาแก่เกินไป แถมยังหั่นชิ้นเล็กเกินอีก…”

ปึ้ด!! เส้นที่สอง

“ส่วนข้าว...เมื่อวานแข็งปั๋ง...วันนี้ดันแฉะยังกับข้าวต้ม น่าจะบวกกันแล้วหารสอง...”

ปึ้ด!!! ธณัติรวบช้อนส้อม ไม่ลืมไหว้จานข้าวอย่างมีมารยาท ก่อนจะออกท่าพะบู๊ม้วนแขนเสื้ออวดกล้ามแห้งๆ ตบโต๊ะดังปังจนน้ำดื่มในแก้วใสกระฉอก

“ขี้ติจริงโว้ย!!! เก่งนักก็ทำเองเซ่!!”

เป็นกิจวัตรประจำวันมาร่วม เดือน ทุกคืนดึกดื่น โต๊ะอาหารจะถูกตั้งรอชวนันท์ผู้เป็นนายมากิน...ร่วมกับนายธณัติพ่อบ้านมือ ใหม่ใสกิ๊ง รายการแข่งทำอาหารประจำวันเริ่มต้น กรรมการชวนันท์เริ่มจากการตักแกงชิม มีพ่อครัวธณัตินั่งลุ้นฝั่งตรงข้ามหวังจะได้รับคำบรรยายประมาณอาหารนุ่มลิ้น จนขึ้นสวรรค์ แต่ที่ได้รับกลับมาทุกครั้งกลับเป็นคำติ ติจนคนทำยั๊วะลุกขึ้นมาพะเว้ยได้ทุกครั้งไป แต่ก็เหมือนๆกันทุกวันอีก ชวนันท์เพียงแค่เหลือบมองคนอารมณ์เดือดเงียบๆเหมือนกำลังชมละครหลังข่าว นั่งตักนู่นกินนี่ไปเรื่อยจนเกลี้ยงฉาดซะทุกจาน

...



“ว่าแต่ ช่วงนี้ที่ทำงานมีปัญหาอะไรรึเปล่า” เป็นคำถามที่แหวกแนวไปจากทุกวัน ธณัติละความสนใจจากจานเปียกน้ำฟองฟอดในอ่างล้างจานไปมองผู้พูด แต่เห็นเป็นเพียงการถามเปรยๆไปงั้นๆ เพราะผู้ถามยังนั่งสูบบุหรี่อ่านหนังสือพิมพ์เหมือนไม่ได้สนใจจะฟังคำตอบ

“ก็ไม่มีอะไร” ถ้าไม่นับของหายเรื่อยๆล่ะก็นะ ผ่านมาเดือนกว่าแล้วก็ยังจับตัวมือดีไม่ได้ หากก็ไม่ได้ติดใจเอาความอะไร เพราะของที่หายส่วนใหญ่เป็นของเล็กๆน้อยๆไม่มีราคาค่างวดเท่าไหร่

“ว่าแต่คุณเถอะ งานหนักหรือไง” ที่ถามออกมาเพราะช่วงหลังๆนี้ชวนันท์เลิกงานดึกขึ้นเรื่อยๆ จากสามทุ่มเริ่มกลายเป็นสี่ทุ่ม บางวันถึงเที่ยงคืนเลยก็มี คงจะเนื่องจากต้องทำงานในส่วนของท่านประธานผู้เป็นบิดาที่ลาพักร้อนแบบไม่มี กำหนดด้วยล่ะมั้ง ท่าทางหลังจากกลับมาจากทำงานก็ดูเหนื่อยล้า แม้จะกวนเขาได้ไม่เว้นวัน แต่เรื่องฉวยโอกาส ใช้กำลังก็เลยเบาลงไปมากโข

“ระวังเถอะ จะไม่สบายเอา” ธณัติพูดเปรยเล่น แต่ก็ต้องสะดุ้งจนเผลอปล่อยจานหลุดมือตกลงอ่างน้ำดังเคร้ง เมื่อท่อนแขนแกร่งรวบช่วงแขนทั้งสองข้างมาโอบด้านหน้าเขาไว้อย่างไม่ทันตั้ง ตัว

“ห่วงด้วยเหรอ น่าชื่นใจนะ” เสียงห้าวๆกระซิบอยู่ข้างหู ใบหน้าเกิดรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อๆ

“ปล่อยนะเฟ้ย ไอ้คิตตี้บ้ากาม” จะศอกก็ไม่ถนัดเนื่องจากคนข้างหลังรัดเขาซะแน่นไม่เหลือที่ว่างให้สวิงแขนซักมิลเดียว

“พูดกับเจ้านายไม่เพราะอีกแล้ว ต้องลงโทษ” รู้สึกเจ็บแปล๊บปนสัมผัสเปียกร้อนบริเวณใบหูทำให้ขนลุกซู่:ซ่า

“จ๊ากกก!!! จั๊กจี้!! สยิวโว้ย!! ปล่อย ปลอย ปล๊อยยยยย!!!” ผู้บุกรุกดูจะไม่สนใจคำโวยวาย ขบกัดใบหูร่างผอมไว้แน่นแลบลิ้นไล้เลีย

“ลองเรียกเจ้านายดีๆหน่อยสิ...นัท” เสียงกระซิบใกล้เหลือเกิน ใกล้ซะจนรับรู้ลมร้อนที่ออกมาพร้อมกับคำพูด

“ฮึก!” ธณัติหลับตาปี๋ พยายามหันหน้าหนีอีกฝ่ายก็ไล่ตามทันซะทุกที จนมือหนาไต่เลื้อยเข้าไปใต้ผ้ากันเปื้อนทาโบะ กำลังจะล้วงลึกเข้าในขอบยางยืดของกางเกงเท่านั้น ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายก็พังครืน

“คุณชวนันท์ ปล่อยยยย”

“…”

“คุณ...” กัดฟันกรอด “คุณแน็ท...”

“…ก็เท่านั้น...”

ฉับพลันร่างกายก็หลุดเป็น อิสระ ขาที่อ่อนยวบไร้กำลังจะยืนทำให้ธณัติล้มแผละกองอยู่ที่พื้น ท่าทางอ่อนปวกเปียกไม่เข้ากับหน้าตาอยากฆ่าหั่นศพเจ้านายซักนิด

ชวนันท์ยิ้มกวนประสาททิ้งท้ายก่อนเปิดปากวางระเบิดลูกสุดท้ายสำหรับค่ำคืนนี้

“...ออกกำลังกายบ้างก็ดีนะ”


++++++++++++++++++++++++++++++++
เพิ่งกลับจากพาแม่ไปหาหมอที่โคราชมาครับ  :เฮ้อ:เหนื่อย ขับรถทั้งวัน+ตื่นแต่เช้ามืดเลย แต่เพื่อแม่ ไหวคับ :m13:

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
ผมเปล่าโรคจิตนะ! 10
............................


“โย ไปกินข้าวเย็นข้างนอกกันมั้ย” หลังเลิกงานก็ได้ยินคำชวนจากรุ่นพี่

“วันนี้พี่นัทไม่ทำโอทีเหรอครับ” ถามกลับอย่างสงสัย พวกเขาสองคนอยู่ทำงานนอกเวลามาสองเดือนกว่าแล้ว แล้วทำไมอยู่ดีๆถึงเลิกทำซะล่ะ

“เก็บเงินครบตามเป้าแล้ว เลยว่าจะฉลองหน่อย ไปเปล่า? เดี๋ยวเลี้ยงเอง”

ที่จริงธณัติก็เพิ่งรู้ว่าสภาพทางการเงินกลับเป็นปกติแล้วเมื่อคืนนี้เอง เร็วกว่าที่คาดไว้ถึงหนึ่งเดือน





หลังจากที่เปิดสมุดบัญชีดู รายรับเมื่อคืนก็ต้องตกใจ เพราะเงินที่โอนเข้ามาเดือนนี้กลับมีมูลค่าเท่ากับสองเดือน เขาจึงต้องขอคำอธิบายจากชวนันท์

“ก็ค่าทำงานเป็นพ่อบ้าน ฉันไม่เอาเปรียบใครหรอกนะ” ชวนันท์ตอบเอื่อยๆพลางแหย่นิ้วกวนเจ้าเจมส์เล่น

“ทำงานบ้าน ได้เท่างานปกติเดือนนึงเนี่ยนะ?”

ร่างสูงละจากกรงนก คว้าบุหรี่จากกระเป๋าเสื้อคาบไว้ที่มุมปาก ยักคิ้วให้สัญญาณ ไฟดวงเล็กจากไฟแช็คเงินรูปเคโระก็ถูกจุดขึ้นให้ต่อไฟ พ่นควันได้สองอึกก็หันมามองธณัติที่กำลังเก็บไฟแช็คเข้ากระเป๋ากางเกง

“น้อยไปหรือไง”

“ไม่ใช่โว้ย แค่จะบอกว่ามันมากไปรึเปล่า”

“ไม่เห็นมากไป ที่บ้านใหญ่ก็ให้ค่าจ้างแม่บ้านประมาณนี้” ชวนันท์หมายถึงบ้านที่เคยอยู่กับบิดามารดา

“แต่ก็ไม่เห็นต้องให้เท่าแม่บ้านจริงก็ได้ ทำงานก็แค่วันละไม่กี่ชั่วโมง แถมกับข้าวยังโดนติทุกวันอีก”

ชวนันท์ขมวดคิ้วรำคาญใจ “ก็จะให้เท่านี้ก็รับๆไปเถอะน่า แล้วก็เลิกทำโอทีได้แล้ว จะได้กลับบ้านหัดทำอาหารให้มันอร่อยกว่านี้ซะที”

ธณัติจึงหมดเรื่องเถียง

...
...

“ว่าไง จะไปรึเปล่า หรือวันนี้ต้องทำโอที โครงการใหม่รอผ่านอยู่นี่นา ยังไม่ต้องปั่นไม่ใช่เหรอ?” ถามรุ่นน้องที่กำลังมองเขาตาใสแจ๋ว

“ไปครับๆ” โยพยักหน้าหงึกหงักเป็นตุ๊กตาเสียกบาล ด้วยกลัวจะพลาดโอกาสดี

+++++++++++++++++++++++++++++

ร้านอาหารที่ธณัติพาโยนั่ง ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ไป ไม่ได้เป็นร้านหรูหราตามห้างสรรพสินค้า หากแต่เป็นสวนอาหารตามสั่งที่เหล่านักศึกษาชอบมาสังสรรค์ยามมีโอกาสพิเศษ บรรยากาศไม่ได้เปลี่ยนไปนักจากตอนที่ธณัติยังเรียนอยู่ ยังคงสภาพความง่ายๆสบายๆเหมือนเดิม ตกดึกเวทีกลางร้านก็จะเปิดสปอตไลท์สว่างนวล มีนักร้องร้องคู่กับแซกโซโฟนเพียงตัวเดียวแต่ก็ให้อารมณ์โรแมนติกดีทีเดียว

พวกเขาสั่งกับข้าวเพียงสองสามอย่าง ที่เหลือเป็นกับแกล้มกับเบียร์สดเหยือกใหญ่

“ที่จริงพี่นัทไม่ต้องเลี้ยง ก็ได้ แชร์กันดีกว่านะครับ” โยรินเบียร์ลงแก้วฝั่งตรงข้าม ฟองขาวฟูน่ากินฉาบส่วนบนของแก้วใสทรงสูง ไอน้ำเกาะพราวจากความเย็นจัดของเครื่องดื่ม

ธณัติโบกมือ “เฮ้ย ไม่เป็นไร ถือว่าเลี้ยงน้องรหัสก็แล้วกัน ไม่ได้เลี้ยงมานานแล้วนี่นา”

โยมองอีกฝ่ายยกแก้วเบียร์ ขึ้นดื่ม ฟองขาวติดเป็นวงรอบปากก่อนจะแลบลิ้นไล่เลียทำความสะอาด เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอเอื๊อก ยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มบ้างเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์คุกรุ่นภายใน ตายังจ้องปากบางที่โยนหมูย่างเข้าปากเคี้ยวหนุบหนับ

“อีกอย่าง...ที่ทำโอทีน่ะ นายอยู่ทำเป็นเพื่อนฉันใช่มั้ยล่ะ” ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก เงยหน้าขึ้นมองผู้พูดก็พบว่าธณัติกำลังมองเขาอยู่แล้ว

“ก็บ้านนายออกจะรวย จะมาทำโอทีให้ลำบากทำไม” ธณัติปล่อยตัวสบายๆ บรรยากาศดีๆกับเบียร์พอครึ้มทำให้อารมณ์เบิกบาน

“ไม่คิดว่าผมแปลกเหรอ? อยู่ทำงานเป็นเพื่อนผู้ชายอย่างนี้น่ะ?”

“ก็ไม่เห็นแปลก นายเกรงใจเรื่องที่ฉันแนะนำงานให้ใช่มั้ยล่ะเลยต้องทำอย่างนี้น่ะ” แม้จะถามอย่างไม่คาดหวังในคำตอบ แต่ก็อดผิดหวังอยู่ลึกๆไม่ได้ อยากจะให้ธณัติคิดถึงเหตุผลอื่น...เหตุผลที่แท้จริงที่เขาอุตส่าห์อยู่ทำโอ ทีเป็นเพื่อนทุกวันต่างหากเล่า

โยถอนหายใจ มือถือส้อมเขี่ยปลาหมึกย่างเล่น ขนตาหลุบต่ำบดบังแววเหนื่อยใจ แสงไฟที่ซ่อนอยู่ตามต้นไม้ขับใบหน้าเซ็งๆให้เป็นสีเนื้อปนส้มเนียนๆ ธณัตินั่งมองหน้านั้นชัดๆเพิ่งรู้ตัวว่าไม่เคยสังเกตความงามของรุ่นน้องคน นี้เลย

“โย...นาย...เคยมีผู้ชายมา จีบรึเปล่าเนี่ย” แทบจะกัดลิ้นตัวเองเมื่อคำถามที่ตั้งอยู่ในใจดันถูกปากเจ้ากรรมพ่นออกไปซะ ได้ รุ่นน้องเงยหน้ามองเขาอย่างประหลาดใจ ไม่คิดว่าจะได้ยินคำถามนี้เลยจริงๆ

“ป...เปล่านะเว้ย ฉันไม่ได้เป็นแบบนั้น!!” ธณัติเอ่ยแก้ลนลานก่อนจะต่อประโยคเบาบาง “แค่...คิดว่าสวยเกินผู้ชายน่ะ”

โยแปลกใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวันแล้วก็ไม่รู้ หัวใจเจ้ากรรมเต้นตึกตักราวกับจะกระดอนออกมานอกอก หรือว่าพวกเขาจะใจตรงกัน?

“เฮ้ย ไม่ใช่!!! อย่าคิดมากนะเว้ย ก็แค่พูดไปเรื่อยๆ...กลับกันเหอะดึกแล้ว” ธณัติชูมือดีดนิ้วเรียกบริกรให้คิดค่าอาหาร รีบลากรุ่นน้องกลับทันที

‘...เธอเหมาะจะเป็นฝ่ายถูกกอดมากกว่านะ’ รู้สึกสมเพชตัวเองที่ในส่วนลึกของจิตใจดันนึกอยากท้าทายคำสบประมาทของชวนันท์





“ขอบคุณนะครับ พี่นัท” ธณัติพานั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์มาส่งถึงใต้ที่ทำงาน ที่ที่เด็กหนุ่มจอดรถทิ้งไว้ โยถอดหมวกกันน็อคคืนเจ้าของที่นั่งอึกอักจากความคิดเมื่อครู่ใหญ่

“แล้วก็ที่ถามในร้านอาหารเมื่อกี้...” ยิ้มหวานยื่นหน้าเข้าใกล้ใบหน้าขาวซีด

“ถ้าจะบอกว่าผมเป็นฝ่ายจีบ ผู้ชายเอง จะว่ายังไงครับ” ริมฝีปากนาบลงบนต้นคอพร้อมกับดูดดุนจนเกิดสีแดงเรื่อ ถอยออกมาดูผลงานอย่างพึงพอใจ

“จ...จะบ้าเหรอวะ เล่นอะไรของแกเนี่ย ไอ้โย!!!” ทำไมเจอแต่เรื่องแบบนี้เนี่ย! ให้ดิ้นตาย!!

“ฮ่าๆ ผมล้อเล่นน่ะ เจอกันพรุ่งนี้นะครับ” เอ่ยลาพร้อมวิ่งหนีไปก่อนที่จะโดนเบื้องล่างของคนโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงไล่กระทืบเอา


+++++++++++++++++++++++++++++++++++


“กลับช้า” เสียงดุต้อนรับทันทีที่เปิดประตูห้อง ยกข้อมือขึ้นอ่านนาฬิกาพบว่าเพิ่งเป็นเวลาสองทุ่มครึ่ง

“คุณต่างหาก กลับเร็ว” เรื่องอะไรจะยอมให้ง่ายๆ มัวแต่เถียงจนทำให้ไม่ทันสังเกตใบหน้าแดงเรื่อกับท่าทางอ่อนเพลียของชวนันท์

“ไปไหนมา” ชวนันท์นั่งจังก้าพ่นควันฉุยอยู่ที่โต๊ะทานอาหาร เผชิญหน้ากับประตูพอดิบพอดี สายตาจับจ้องธณัติตั้งแต่เปิดประตู เก็บรองเท้า จนตอนนี้เดินมาวางกระเป๋าแหมะที่เคาน์เตอร์หน้าห้อง ท่อนขายาวแกร่งลุกขึ้นพาร่างเดินไปยังเป้าหมาย

“ก็ไปกินข้าวมา ขอโทษที วันนี้คุณกินข้าวคนเดียวก็แล้วกัน” ชวนันท์มองหน้าขาวซีดพบว่าบัดนี้เรื่อไปด้วยสีแดง ไม่เว้นแม้แต่ช่วงคอและไหปลาร้าที่โผล่พ้นจากกระดุมเสื้อที่ปลดอย่างสบายๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่ไม่ยอมมองสบฉ่ำเยิ้ม คงจะเกิดจากฤทธิ์แอลกอฮอลล์ที่โชยกลิ่นออกมาทางลมหายใจ

“ไปกับใคร” มือใหญ่จับคางบังคับให้หันมามองหน้าไม่สบอารมณ์ของตน สายตาพลันสะดุดรอยกุหลาบแดงเรื่อที่ต้นคอขาว

“เกี่ยวอะไรกับคุณเล่า! ปล่อยซะที จะได้ทำอาหารให้ ผมง่วงนอนแล้วนะ” ตอบขึ้นเสียงอย่างฉุนๆ เก็บอาการเจ็บแปล๊บจากแรงบีบของอุ้งมือไว้ในใจ

“ไปกับรุ่นน้องคนนั้นเหรอ” หมายถึงโย ที่ได้รู้ความสัมพันธ์คร่าวๆจากธณัติ

“ก็ใช่น่ะสิ บอกไว้ก่อนว่าอย่ามายุ่งกับโยเชียว” ดูเหมือนชวนันท์จะสนใจรุ่นน้องของเขาเหลือเกิน เคยถามถึงก็หลายครั้ง เรื่องอะไรจะให้เจ้าคนบ้ากามอย่างนี้มายุ่งกับโยเล่า

โดยไม่ทันตั้งตัว ปากบางตรงเข้าประกบรุนแรง ลิ้นหนาโรมรันแลบเลีย รับรสขื่นของเบียร์ในโพรงปากของธณัติอย่างถือสิทธิ์ มือข้างหนึ่งสอดเข้าใต้เรือนผมสีน้ำตาลเข้มบังคับไม่ให้หันหน้าหนีได้ ขาแกร่งอ้อมหลังกดให้สะโพกบดเบียดกัน มืออีกข้างล้วงเข้าใต้ขอบกางเกงกอบกุมส่วนไวสัมผัสที่กำลังนอนหลับไหลอย่าง สงบเงียบ

“อื้อ!!” ธณัติร้องในคออย่างตกใจ นี่มันต่างจากคราวที่แล้วที่เขากำลังหลับไม่ได้สติ ตอนนี้เขารู้ตัวเต็มร้อย หากแต่ไม่สามารถขัดขืนได้เพราะกำลังไม่มากพอจะต่อต้าน หัวใจเต้นถี่แรง ร่างกายเริ่มรับรู้ความสุขสมจากสัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้

ปากที่บังคับจูบละออกก่อนจะ ย้ายจุดหมายไปที่ต้นคอระหง จัดการกัดทับรอยเก่าจนขึ้นรอยฟันบางๆ ก่อนจะดูดดุนจนเกิดจ้ำแดงช้ำเด่นชัดตัดกับพื้นสีขาวซีดด้านข้างรอยเดิม ลิ้นเลียเครื่องหมายแสดงความเป็นเจ้าของอย่างพอใจ ได้ยินเสียงหายใจของธณัติหอบถี่ขึ้น มือใหญ่รู้สึกถึงความแข็งขึงขยับขยายของแก่นกายที่กอบกุมอยู่ ท่อนขาแกร่งออกแรงพยุงร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงจะทรงตัวก่อนจะกดให้ร่างผอมนอน นาบแผ่นหลังแผ่บนโต๊ะทานอาหาร ช่วงขาที่ห้อยลงด้านล่างถูกขาของชวนันท์เกี่ยวพันไว้แน่นไร้หนทางจะหลีกหนี

กระชากเสื้อเชิ้ตของธณัติออก อย่างเร็วจนได้ยินเสียงปึ้ด ก่อนจะจัดการรูดส่วนกางเกงออกโดยไม่ลืมเกี่ยวกางเกงในลงด้วยในคราเดียว ร่างข้างใต้คงจะตกใจอย่างมาก สองมือยกขึ้นปัดป่ายป้องกันตัวเอง แต่ไม่นานก็ถูกอุ้งมือหนารวบไว้เหนือศีรษะกดแน่นกับพื้นโต๊ะแข็ง มือที่กอบกุมส่วนกลางลำตัวประเคนความเร่าร้อนให้ไม่หยุดหย่อน น้ำขุ่นที่ไหลเยิ้มออกมาตามห้วงอารมณ์ชโลมจนเปรอะอุ้งมือใหญ่ให้สัมผัส เหนียวเหนอะ ก่อเกิดเสียงเฉอะแฉะน่าอาย ความเร่าร้อนไต่ขึ้นสูงจนรู้สึกถึงช่วงตัวที่สั่นอย่างอ่อนแรงใต้ร่างกายหนา ใหญ่

“โอ๊ย!!” ธณัติร้องลั่นเมื่อรู้สึกถึงแรงกัดไม่เบานักที่ยอดอก ทำให้รู้สึกชาแปลกๆ ส่วนแข็งเกร็งที่ถูกกอบกุมเบื้องล่างถูกรูดย้ำหนักหน่วง การถูกกระตุ้นอย่างรุนแรงสองแห่งพร้อมกันในคราเดียวให้ความรู้สึกทรมานปนสุข สมแบบที่ร่างกายไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต ความกลัวถาโถมให้ต้องร้องวิงวอน

“หยุ...ด...ผม...อ๊ะ!!” มือที่ฝืนขยับอยู่รูดลงเน้นเป็นจังหวะสุดท้าย สะโพกผอมแอ่นแกร็งจนสั่นระริก แผ่นอกขยับหอบหายใจขึ้นลงรุนแรง สายธารสีน้ำนมไหลทะลักล้นปรี่

ริมผีปากถูกครอบครองอีกครั้ง มือหนาปลดปล่อยข้อมือผอมทั้งสองข้างแล้ว หากแต่ยังคงไร้เรี่ยวแรงจะต่อสู้

“!!!” รู้สึกเจ็บแปล๊บที่ช่องทางด้านหลังจนตะลึงลนลาน ธณัติเกร็งข้อศอกไถลตัวกับพื้นโต๊ะหวังหนีออกห่าง แต่ไปได้ไม่ถึงคืบข้อเท้าก็ถูกจับหมับลากให้เลื่อนลงมาอยู่ตำแหน่งเดิมอย่าง ง่ายดาย พยายามฝืนยกตัวขึ้นมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้านล่าง เห็นเพียงนิ้วใหญ่ของชวนันท์ถูกสอดเข้าบุกเบิกช่องลับของตนเอง ฉับพลันก็ถูกมือหนากดช่วงอกจนหัวกระแทกต้องนอนแผ่ลงกับพื้นโต๊ะอีกครา สองมือยกขึ้นจิกท่อนแขนแน่น ศีรษะหันไปมาถูกับโต๊ะจนผมยุ่งเหยิง ดวงตาหลับปี๋ กัดฟันทนต่อความเจ็บเสียดที่เกิดขึ้น นิ้วแกร่งควานสำรวจภายในอย่างอุกอาจ ความกลัวในสิ่งที่ไม่เคยเจอเข้าถาโถมจนน้ำตาเล็ด

ชวนันท์กำลังหน้ามืด เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ความหอมหวานที่ได้ลิ้มลองทำให้อยากจะเดินหน้าต่อไปจนเสร็จสมอารมณ์หมาย เสียงน่ารำคาญเฝ้ากระซิบกรอกหูอยู่ตลอดเวลา มันสั่งให้เขาครอบครองร่างกายที่อยู่ตรงหน้าโดยเร็ว อย่าปล่อยให้ใครหน้าไหนมาแย่งชิงไปได้

...ครอบครองให้ธณัติเป็นของเขาคนเดียว!

...ไม่ว่าจะต้องใช้วิธิไหนก็จะทำ...

...ไม่ว่าจะต้องทำให้ธณัติเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม...

...เจ็บ...ปวด...





“ฮึก...หยุด...คุณแน็ท...ผม...ขอร้อง”

แก่นกายที่ขยายใหญ่จนร้อน ผ่าวฝืนสอดเข้าไปได้เพียงส่วนปลายก็ต้องหยุดชะงักทันทีหลังจากที่เสียง สะอื้นดังแทรกกลบเสียงกระซิบของจิตใต้สำนึก ชวนันท์มองสภาพที่เกิดขึ้นภายใต้ร่างกายเขาอย่างตกตะลึง

…ทำบ้าอะไรลงไป!?...

ธณัตินอนแผ่อยู่บนโต๊ะตัว เดิมอย่างไร้เรี่ยวแรง ผมสีน้ำตาลเข้มยุ่งปรกหน้าไม่เป็นทรง เหงื่อผุดพรายทั่วใบหน้าและลำตัว ริมฝีปากแดงช้ำเผยอหอบรุนแรง แพขนตาหนาปกปิดดวงตาสีน้ำตาลเข้มไว้ข้างใต้ น้ำตาไหลรินจากหางตานองใบหน้า ช่วงคอและแผ่นอกเป็นจ้ำแดงประปราย ยอดอกข้างหนึ่งแดงจัดจากการถูกกัด ท้องน้อยเลอะน้ำรักเหนียวเหนอะหนะ ช่องทางด้านหลังที่ยังมีความแข็งแกร่งของเขาคาอยู่เกร็งแน่น เนินเนื้อปากทางเป็นสีแดงจัด ...ก็นับว่ายังดี ที่ไม่ได้ฉีกขาดจนเลือดออก

...

...นี่น่ะเหรอดี!?...

ชวนันท์อยากชกตัวเองให้ตายซะ เดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ความผิดของธณัติเลยที่จะต้องมาพบเจอเรื่องบ้าๆแบบนี้!! เขากำลังจะทำลายช่วงเวลาที่ค่อยๆก่อร่างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เหลือแต่เพียงดวงตาสีน้ำตาลที่รื้นน้ำตากำลังจ้องมองเขาอย่างหวาดกลัวในตอน นี้

ถอนแก่นกายที่หมดอารมณ์ ออกอย่างเบาที่สุดเนื่องจากไม่ต้องการทำให้ธณัติเจ็บอีกแล้ว แต่เสียงอุทานเบาๆจากร่างข้างใต้ก็ยังตามมาหลอกหลอนเสียดแทงหัวใจ มือใหญ่ค่อยๆช้อนร่างที่เกร็งดิ้นขลุกขลักขึ้น เดินย้ายที่วางธณัติลงบนเตียงนุ่มอย่างเบามือ จัดเสื้อที่คาอยู่หมิ่นๆให้คลุมร่างกายไว้ ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมช่วงล่างที่ไร้อาภารณ์ปกปิด ตัวเขาเองนั่งหันหลังให้ ยกฝ่ามือทั้งสองขึ้นกุมใบหน้าอย่างเหนื่อยแสนเหนื่อย

“…ขอโทษ...” พื้นเตียงยวบช้าๆตามจังหวะที่ร่างผอมด้านหลังขยับกาย

ธณัติดึงผ้าห่มเช็ดน้ำตาจนแห้ง ใบหน้าเหลือแต่รอยแดงๆให้เห็น

“หันมานี่” พยายามกดเสียงสั่นๆออกคำสั่งโดยไม่สนใจว่าใครเป็นเจ้านายใครเป็นลูกน้อง ซึ่งครั้งนี้ชวนันท์ก็ยอมทำตามโดยไร้ข้อโต้แย้งใดๆ

พลั่ก!!!

ฉับพลันทันใด หมัดลุ่นๆถูกประเคนใส่หน้าอย่างรุนแรงจนเจ็บไปหมด...หากแต่มันคงจะเจ็บน้อย กว่าที่ธณัติโดนเมื่อกี้... ชวนันท์ปล่อยตัวให้อีกฝ่ายกดบ่าหนาลงบนเตียง นั่งคร่อมออกหมัดใส่ใบหน้าไม่ยั้ง ไม่สนใจเลือดที่ไหลปรี่ออกจากมุมปาก กำปั้นสุดท้ายถูกทุบลงบนแผ่นอกกว้างอย่างแรงจนกระอักไอ รู้สึกถึงหยาดน้ำอุ่นร้อนพร่างพรมลงบนใบหน้าทำให้ต้องลืมตาขึ้นดู

“นัท...อย่าร้องไห้...ฉันขอ โทษ…” หลังมือใหญ่ยกขึ้นปาดน้ำตาอย่างอ่อนโยน ปากพร่ำบอกคำขอโทษ ...เขาจะขอโทษไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้รับการให้อภัย

ธณัติปัดมือทิ้งยกท่อนแขนขึ้นปาดน้ำตา “ผมไม่ได้ร้องไห้!!”

ดูเถิด ปากแข็งแม้กระทั่งเวลาอย่างนี้...ก็นิสัยไม่ยอมใครอย่างนี้แหละที่ถูกใจเขานักหนา

“ยิ้มทำไมเล่า!! มีอะไรน่าขำนักหรือไง!!” เสียงตวาดดังลั่นทำให้ต้องหุบปากหงับ

“…ฉันขอโทษ” วนเวียนกลับมาที่ประโยคเดิม ดวงตาสองคู่สบกันแน่นิ่ง ไร้เสียงตอบโต้ใดๆไปนานสองนาน

“…สัญญาได้มั้ย”

“??”

“อย่าทำอย่างนี้อีก... เรื่องอย่างนี้...มันควรจะเกิดจากความรัก” หันหน้าหนีทำให้ไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ในใจได้ หากแต่ตอนนี้ชวนันท์กำลังให้ความสนใจไปกับโอกาสที่อีกฝ่ายหยิบยื่นมาให้ มากกว่า

“...ฉันสัญญา”

“จริงๆนะ?” เสียงคาดคั้น ใบหน้าขาวซีดดุเอาเรื่องหันกลับมาให้เชยชม แม้ภาพจะดูมัวๆไปบ้างก็เถอะ

“...สัญญา...” ชายหนุ่มทอดเสียงอ่อนโยนหากหนักแน่น สัญญาทั้งกับตัวเองและกับคนด้านหน้า

“งั้นครั้งนี้ยกโทษให้ แต่จำไว้นะ เมื่อไหร่ที่คุณทำผิดสัญญา ...อย่าหวังจะเจอหน้ากันอีกต่อไป” จดจำคำคาดโทษไว้ในใจ ปากยิ้มอย่างยินดีกับคำให้อภัย ความสบายใจทำให้ร่างกายที่เคยตื่นตัวหนักอึ้ง อุณหภูมิกายร้อนผ่าวขึ้น ก่อนที่โลกรางเลือนจะค่อยๆดำมืดลง…


++++++++++++++++++++++++++++++++++
วันนี้ขอลง2ตอนนะคับ ไปอาบน้ำก่อน

TonG_x_Zhi

  • บุคคลทั่วไป
หุหุ   หึงจนเกิดเรื่อง...ดี :o8:

รออ่านตอนต่อไปครับ

ออฟไลน์ sin_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
หึหึ

สนุกดี ยังอ่านไม่จบเลย

เดี๋ยวกลับมาอ่านต่อ

 o13

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
 :สงกรานต์1: เหอๆ โรคจิตรพอกัน

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
โว้วๆ เข้ามาอ่านแล้วชอบมากเลย


เรื่องอย่างนี้...มันควรจะเกิดจากความรัก


เหอๆ ถ้าไม่มีรักล่ะ ทำไงดี อ้าก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด