Rhythm of Lust กลเกมเสน่หา Extra [3/02/14]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Rhythm of Lust กลเกมเสน่หา Extra [3/02/14]  (อ่าน 165633 ครั้ง)

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
Re: Rhythm of Lust กลเกมเสน่หา ตอนที่ 16 [26/12/13]
«ตอบ #210 เมื่อ28-12-2013 06:40:57 »

คนอย่างนั้นอย่าเรียกว่าพ่อเลย เลวมากๆๆๆ ชีวิตคนไม่ใช่ราคาหุ้นนะ แม่ของเล่ยรักผู้ชายอย่างนี้ได้ยังไงกัน  :angry2:
ความเลวของนางร้ายเรื่องนี้ เป็นเรื่องขี้ผงไปเลย

ว๊ายย อินจัด แบบสงสารซูเล่ยมากๆ เป็นนายเอกชีวิตรันทดอีกคน
คนเขียนอย่าให้อังเดรทำร้ายน้องซูเล่ยอีกเลย สงสารคนอ่านเถอะ น้ำตาเป็นลิตรแล้ว :sad4:
อยากอ่านต่อๆๆ พึ่งอ่านรวดเดียว อารมณ์มันได้มาก ยิ่งอ่านยิ่งสงสารนายเอก

...ชอบเสียงเรียกเข้าน้องซู
ยิ่งเวอร์ชั่นที่เฮียเจย์ร้องกับป้าเติ้งดิจิตอลนี่เพราะแต่เศร้ามากๆเลย เป็นท่อนที่ชอบที่สุด http://youtu.be/TixHYua3XCI
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-12-2013 07:11:18 โดย 2pmui »

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
Re: Rhythm of Lust กลเกมเสน่หา ตอนที่ 16 [26/12/13]
«ตอบ #211 เมื่อ28-12-2013 10:03:24 »

สนุกจังค่ะ สงสารซูเล่ย

อิตาคุณพ่อนี่อะไรคะ มองลูกเป็นหมากเหรอ

เคือง :beat:

ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
Re: Rhythm of Lust กลเกมเสน่หา ตอนที่ 17 [08/01/14]
«ตอบ #212 เมื่อ08-01-2014 15:52:51 »

-17-


   มันคงดูประหลาดที่อากาศเริ่มอุ่นแล้วแต่เขาก็ยังยืนยันที่จะสวมเสื้อคอเต่า กระนั้นซูเล่ยก็คิดว่าดูเข้าทีกว่าพันผ้าพันคอในบ้าน ร่องรอยที่อังเดรฝากไว้เสมือนตราประทับที่ติดตรึงแน่นยากลบเลือน รอยสีแดงบนร่างกายพาให้สะท้อนใจว่าตนเองคงจะเป็นได้แค่เครื่องมือระบายอารมณ์ของอีกฝ่าย เวลาโกรธหรือฉุนเฉียวถึงชอบมาลงกับเขานัก ซ้ำยังบังคับผูกมัดเอาไว้ไม่ยอมให้เดินจากไป

   ชายหนุ่มร่างเล็กหันกลับไปมองที่ประตู กระเป๋าเดินทางถูกยกขึ้นมาวางไว้ก่อนเขาตื่น บ่งบอกว่าไม่มีทางยอมให้ไปจากบ้านหลังนี้โดยง่าย

   ตอนที่เดินลงไปข้างล่าง ซูเล่ยก็เห็นว่าอังเดรกำลังเตรียมออกไปข้างนอกโดยมีเอเดรียนตามส่งและหยิบข้าวของให้อย่างกะตือรือร้น และเมื่อเขาเดินลงไป สายตาที่อังเดรมอบกลับมาก็เต็มไปด้วยความเย็นชาจนน่าใจหาย เหมือนกับสายตาที่อังเดรมองเขาในตอนแรก เหมือนคนไม่รู้จักที่มาอยู่ผิดที่ผิดทางโดยไม่ได้รับความยินยอม ซูเล่ยทำได้เพียงสูดหายใจลึกและทำไม่สนใจสายตานั้นเสีย

   แต่...ในตอนนี้เขากลับรู้สึกเจ็บแปลบราวกับถูกทิ่มแทงด้วยเข็มนับพันเล่ม ทั้งที่เมื่อครึ่งปีก่อนเขาแทบจะไม่รู้สึกอะไรกับสายตาคู่นั้นเลย

   หรือเพราะว่า...เขากำลังคาดหวังอะไรบางอย่าง?

   “แดดดี้ไปก่อนนะ” อังเดรบอกลาลูกสาวที่หน้าประตู “ซู ช่วยฉันยกกระเป๋าไปที่รถหน่อย”

   กระเป๋าถือของอังเดรไม่ได้ใหญ่โตหรือหนักมากมาย ทำให้ซูเล่ยรู้ว่าอีกฝ่ายมีอะไรอยากจะพูดกับเขาแต่ไม่อยากให้เอเดรียนได้ยิน

   “บางทีฉันก็สงสัยว่าเสื้อปีนคอแบบนี้เธอมีกี่ตัวกันแน่” เจ้าของร่างสูงว่าด้วยเสียงเรียบนิ่งขณะเปิดประตูหลังให้ซูเล่ยเก็บกระเป๋าให้    แต่เมื่อยืนตัวขึ้นมา เจ้าของคำถามก็เอื้อมมือมาเปิดคอเสื้อมองดูร่องรอยที่ตนเองฝากเอาไว้โดยที่สายตาไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมาเป็นพิเศษ

   “อยากให้ผมเปิดโชว์มากกว่าหรือยังไง” ซูเล่ยปัดมืออีกฝ่ายออกแล้วดึงเสื้อให้ปิดคอเหมือนเดิมก่อนเดินถอยออกมาให้อีกฝ่ายปิดประตูรถ

   “โกรธหรือ?” คำถามของอังเดรน่าโมโหนัก ผู้ฟังเม้มปากโดยไม่ได้ตอบเพราะเจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าโกรธหรือไม่ หากจะให้พูดจริง ๆ คือ เขาไม่มั่นใจในตัวอังเดรเอาเสียเลยเพราะไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ มันจึงเป็นความไม่พอใจในสถานะที่คลอนแคลนของตนเองเสียมากกว่าโกรธ กระนั้นอังเดรก็ไม่รอคำตอบนานนัก มือข้างหนึ่งเอื้อมมาสัมผัสใบหน้าและจับปลายคางให้หันมองแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน เจ้าตัวเพียงจ้องมองมาคล้ายกำลังพินิจพิจารณาแต่แล้วก็แปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชาไร้ก้นบึ้ง

   ชายหนุ่มร่างสูงปล่อยมือจากคู่สนทนาแล้วเปิดประตูรถฝั่งคนขับ

   “ถ้าคิดจะแอบหนีไปกลางคันก็รู้ไว้ด้วยว่าฉันก็กล้าไปตามตัวกลับมาเหมือนกัน” ว่าจบ อังเดรก็ปิดประตู สตาร์ทรถ ก่อนขับออกไป

   ซูเล่ยถอนหายใจออกมาแผ่วเบาพลางสัมผัสลำคอตนเอง ใจก็อดสงสัยไม่ได้ว่าอังเดรอารมณ์เสียใส่เขาด้วยเรื่องอะไรกันแน่ เพราะแค่เขาไม่ยอมบอกความจริงว่าเป็นน้องชายของมารีนเท่านั้นเองหรือ? หรือจะเป็นเรื่องที่เขาจะหนีกลับบ้าน? ซูเล่ยนึกเหตุผลไม่ออกเลยว่าทำไมอังเดรจึงได้ใส่ใจและฉุนเฉียวกับเรื่องส่วนตัวของเขานัก ในเมื่ออีกไม่นานก็จะกลายเป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องกันอยู่แล้ว

   อย่างไรก็ตาม...การกระทำเสมือนเป็นเจ้าข้าวเจ้าของของอังเดรก็ทำให้เขาหวั่นไหวเสียจนเริ่มลังเลที่จะจากไปเงียบ ๆ แม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่ความรัก และไม่ได้คาดหวังให้มันเป็น แต่เขาก็ยังรู้สึกพึงพอใจอยู่ลึก ๆ ที่ได้ครอบครองอังเดรเอาไว้เช่นกัน

   ความรู้สึกของยูล่าคงจะเป็นแบบนี้...รุนแรงและลึกล้ำเสียจนไม่อาจเมินเฉย หากปล่อยให้มันหยั่งรากลึกลงไปก็รังแต่จะถอนตัวไม่ขึ้น...

   “ซู แดดดี้ทำแซนด์วิชไว้ให้ด้วยนะ” เอเดรียนคงรออยู่นานว่าทำไมพี่เลี้ยงยังไม่กลับมา จึงถืออาหารมารอที่หน้าประตู ซูเล่ยเลิกคิ้ว มองแซนด์วิชที่ทำอย่างปราณีตก่อนยิ้มให้เด็กหญิงและรับแซนด์วิชมากินเมื่อท้องเริ่มประท้วงหาพลังงานประจำวัน

   “วันนี้แดดดี้ไปทำงานเลยหรือ?” เขานึกสงสัยเพราะอังเดรได้รับบาดเจ็บ ถึงจะไม่สาหัสมากแต่ก็น่าจะพักต่อสักวัน

   แต่เอเดรียนกลับส่ายศีรษะ

   “แดดดี้เจ็บที่เอวก็เลยไปหาคุณหมอ”

   “เจ็บเอว?”

   “อื้อ! เมื่อวานแดดดี้ลงมาทำแซนด์วิชให้เอเดรียน แล้วแดดดี้ก็บอกว่าเจ็บ ตรงนี้มีเลือดออกมาด้วย” เด็กหญิงอธิ บายพร้อมชี้สีข้างตนเอง ทำให้ซูเล่ยนึกได้ว่าเมื่อคืนนี้อังเดรใช้แรงไปมาก คงจะกระทบบาดแผลเข้า แม้จะสรุปได้เช่นนั้นเขากลับสมน้ำหน้าอีกฝ่ายไม่ลง

   “แล้วแดดดี้ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม?” ถึงภาพที่เห็นในวันนี้เหมือนว่าอังเดรจะยังแข็งแรงดี แต่เจ้าตัวก็ไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้เขาเห็นอยู่แล้ว จึงไม่อาจมั่นใจได้ว่าอังเดรพยายามฝืนตัวเองให้เหมือนไม่เป็นอะไรมากหรือว่าไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ กันแน่

   “แดดดี้บอกว่าเจ็บนิดหน่อยจะไปให้คุณหมอทำแผลให้”

   เพราะอย่างนี้เองถึงได้ออกจากบ้านแต่เช้า...

   ทั้งที่เจ็บตัวอยู่ยังฝืนทำเรื่องบ้า ๆ แล้วยังหอบหิ้วกระเป๋าเดินทางขึ้นมาคืนถึงบนห้อง ทำแผลกลับมาคราวนี้คงต้องให้เอเดรียนช่วยเตือนเรื่องการออกแรงเกินกำลัง เพราะอังเดรอาจจะไม่อยากจะฟังเขาสักเท่าไหร่ แต่ถ้าลูกสาวพูดก็เป็นอีกเรื่อง

   แต่ก่อนที่ซูเล่ยจะได้นัดแนะกับเอเดรียนเรื่องคำเตือน ก็มีเสียงออดดังขึ้น

   บางทีคงเป็นมอริสโดนพ่อใช้มาถามไถ่กระมัง

   ซูเล่ยคิดเช่นนั้นจึงเดินออกไปเปิดประตูโดยไม่ได้ตรวจดูให้แน่ชัด วินาทีที่ประตูเปิดออกจึงนึกได้ว่าตนเองเคยพลาดถูกทำร้ายที่หน้าประตูครั้งหนึ่ง แต่เพราะยูล่าถูกจับตัวแล้วจึงได้สบายใจจนสะเพร่า กระนั้น เมื่อประตูเปิดออกก็สายเกินไปเสียแล้วที่จะเปลี่ยนใจ

   คนที่ยืนอยู่อีกฝั่งของบานประตูไม่ใช่มอริสอย่างที่คาดไว้ แต่เป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่มีผมหยักศกสีน้ำตาลทอง ใบหน้าหวานคมสะสวย และเครื่องแต่งกายเรียบ ๆ แต่กลับดูสง่าสมตัว

   และ...เธอคนนี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับซูเล่ย

   “ไม่ได้พบกันนานเชียว ดูเหมือนจะสุขสบายดีใช่ไหม ชูเลย์” หญิงสาวกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง ไม่มีท่าทีประหม่าเคอะเขินแม้จะยืนอยู่หน้าบ้านคนอื่นที่เพิ่งจะเคยมาเยือนเป็นครั้งแรกในชีวิต

   กลับเป็นตัวซูเล่ยที่วางสีหน้าไม่ถูกเมื่อพบอีกฝ่าย

   “ลอร์เรน...”

   “คุณแอชฟอร์ดอยู่ไหม?” คำถามของหญิงสาวทำให้ซูเล่ยนึกกังขาจุดประสงค์ของเธอ เพราะเมื่อเขาบอกพ่อว่าจะกลับ ทำไมลอร์เลนจึงปรากฏตัวขึ้นและขอพบอังเดรในวันต่อมา ความคิดของชายหนุ่มแล่นอย่างรวดเร็วก่อนจะได้ข้อสรุป

   “หรือว่าเธอ...”

   “เธอเป็นคนขอเลิกงานนี้เองนะชูเลย์ ทำให้เขาต้องรีบหาคนทั้งที่ตั้งใจจะคิดเรื่องนี้อย่างรอบคอบ สุดท้ายฉันก็เป็นคนที่เขาไว้วางใจที่สุด” ลอร์เรนแย้มยิ้มแล้วเอียงคอน้อย ๆ “แล้วฉันเข้าไปได้ไหม? หรือว่าฉันควรจะกลับมาอีกทีตอนเย็น?”

   เป็นอย่างนั้นจริง ๆ หรือ?

   ลอร์เรน...คือผู้หญิงที่คนคนนั้นต้องการจะให้เป็นภรรยาคนใหม่ของอังเดร

   ซูเล่ยต้องใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งจึงค่อยขยับถอยหลังเพื่อเปิดทางให้ลอร์เรนเข้ามาในบ้าน

--------------------------->

   อังเดรไปถึงโรงพยาบาลก็ถูกหมอเทศนาเอายกใหญ่เพราะแผลปริแตกจากการออกแรงมากเกินจำเป็นทั้งที่เตือนแล้วว่าให้หลีกเลี่ยง กระนั้น ชายหนุ่มก็ไม่ได้ฟังเลยว่าหมอพร่ำบ่นอะไรบ้างระหว่างหันไปสั่งให้นางพยาบาลจัดของมาเย็บแผลให้ใหม่

   ในหัวของอังเดรตอนนี้กำลังนึกฉุนเฉียวหลายอย่าง ทั้งเรื่องซูเล่ย มารีน และบ้านเวสลอยด์ที่เข้ามายุ่มย่ามกับชีวิตของเขาจนเหมือนเป็นหมากตัวหนึ่งบนกระดานแผ่นใหญ่

   เมื่อนึกย้อนกลับไปแล้ว ในช่วงชีวิตของเขามีเวลาไหนบ้างที่เป็นจริง ไม่ใช่เพียงแผนการของใครบางคน บางที...มันอาจจะเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนนั้นแล้วสินะ...

   เสียงโทรศัพท์ขัดจังหวะความคิด อังเดรชะงักเท้าที่กำลังเดินกลับไปที่รถเพื่อรับสายและพบว่าเป็นอาร์เลนนั่นเองที่โทรเข้ามา

   “พี่คิดจะบอกผมเรื่องนี้เมื่อไหร่!” เสียงของต้นสายเสียดแทงเข้ามาในหู หลายปีแล้วที่เขาไม่เคยได้ยินอาร์เลนแผดเสียงด้วยความโกรธถึงขนาดนี้ “ทั้งเรื่องยูล่าถูกจับแล้วพี่ก็บาดเจ็บ ผมเป็นน้องชายนะทำไมถึงไม่ยอมโทรมาบอกกันบ้าง ถ้าทางโรงเรียนที่พี่ไปสอนพิเศษไม่โทรมาถามผม ผมคงไม่มีทางได้รู้เลยใช่ไหม?” ตอนนั้นเองอังเดรจึงคิดได้ว่าตนเองไม่ได้ติดต่อไปบอกอีกฝ่ายเลย และอาร์เลนก็ไม่ค่อยนิยมอ่านหนังสือพิมพ์จึงไม่มีทางรู้ข่าวคราวด้วยตนเอง ไม่แปลกหากอาร์เลนจะโกรธขึ้นมาเพราะรู้เรื่องของคนใกล้ชิดจากปากคนนอก

   “พี่ขอโทษ พอดีว่า...มีอะไรหลาย ๆ อย่าง...” ชายหนุ่มถอนหายใจ รู้ว่าตนเองผิดที่ละเลยการแจ้งข่าว แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาลืมไปจริง ๆ เพราะกระทั่งในเวลานี้เขายังไม่อยากจะเชื่อเลยว่ายูล่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้มารีนตายและยังเป็นคนว่าจ้างคนมาทำร้ายซูเล่ยและทำให้เอเดรียนโดนลูกหลงแม้ว่ายูล่าจะให้การสารภาพกับตำรวจแล้วก็ตาม ซ้ำวันต่อมาก็ยังได้รู้ความจริงบางส่วนเกี่ยวกับตัวตนของซูเล่ยที่ทำให้เขารู้สึกว่าตนเองเป็นแค่คนโง่ ๆ คนหนึ่ง ทั้งหมดทั้งมวลนี้ทำให้เขาลืมเรื่องอื่นไปเสียสิ้น

   “เอาเถอะ...ผมเข้าใจว่าพี่ต้องคิดหลายอย่าง ตัวผมเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน” เสียงของอาร์เลนอ่อนลงมาก และถอนหายใจเมื่อพูดจบ “แล้วพี่จะทำยังไงต่อ...เรื่องยูล่า”

   “ก็คงต้องปล่อยให้กฎหมายจัดการ บอกตามตรงว่าพี่อดไม่ได้ที่จะโทษตัวเองว่าเป็นสาเหตุหนึ่งของเรื่องนี้” เพราะความรักที่มีต่อเขามากจนเกินไป และเขาไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธอย่างเหมาะสม สุดท้ายมันจึงได้ลงเอยในสภาพที่ไม่น่าจดจำเอาเสียเลย “ส่วนเรื่องโรงเรียน...หลายคนก็คงรู้ข่าวจากหนังสือพิมพ์แล้ว นายก็จัดการไปตามที่เห็นสมควรแล้วกัน แล้วก็...คงต้องปิดป้ายรับสมัครผู้ช่วยคนใหม่ด้วย”

   “ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก เดี๋ยวผมดูแลเอง แล้วพี่ค่อยกลับมาทำงานตอนที่หายดีแล้วก็แล้วกัน” อาร์เลนเห็นใจพี่ชายไม่น้อยที่ช่วงหลังนี้ต้องพบกับมรสุมชีวิตหลายอย่าง นับแต่ระหองระแหงกับภรรยาเป็นระยะจนกระทั่งมารีนเสียชีวิต ต้องเลี้ยงดูลูกตามลำพังพร้อมกับทำงาน พอมีพี่เลี้ยงมาช่วยก็กลายเป็นว่าเป็นคนของพ่อตาที่ไม่ถูกกัน ซ้ำยังมีคนร้ายบุกเข้าไปถึงในบ้าน สุดท้ายคนใกล้ชิดที่ไว้ใจก็กลายเ)นตัวการใหญ่ไปเสียอย่างนั้น หากเจ้าตัวเป็นอังเดรคงจะทำใจเป็นปกติสุขอยู่ไม่ได้แน่

   “จริงสิ โรงเรียนโทรมาว่าอะไรหรือ?”

   “อ้อ...ทางโรงเรียนถามว่ามีคนพอจะไปแทนได้หรือเปล่า ผมก็เลยบอกไปว่าผมจะไปแทนระยะหนึ่ง”

   ช่วงที่มารีนเสียชีวิต อังเดรก็ลาหยุดได้แค่ระยะสั้น ๆ แล้วต้องหอบหิ้วเอเดรียนไปทำงานด้วย แต่ตอนที่โดนคนร้ายเข้าบ้านและอังเดรต้องอยู่ดูแลลูก ยูล่าก็ทำหน้าที่แทน แต่ตอนนี้ยูล่าถูกจับและทางโรงเรียนก็มีแค่สองพี่น้อง อาร์เลนไม่ได้ทำงานรัดตัวเหมือนอังเดรจึงพอมีเวลาว่างมากกว่า

   “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ก็อยู่ที่โรงเรียนน่ะสิ?”

   “ครับ อีกเดี๋ยวก็จะเข้าเรียนแล้ว”

   “ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้พี่จะเข้าไปที่โรงเรียนลีลาศตอนหัวค่ำ เดี๋ยวค่อยคุยกันก็แล้วกัน” ว่าแล้วอังเดรก็ตัดสายไปก่อนจะขับรถกลับบ้าน ใจของเขาปลอดโปร่งขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้พูดคุยกับน้องชาย แม้จะไม่ได้ระบายความอึดอัดใจให้ฟังแต่การที่มีคนพร้อมจะเข้าใจและให้เวลาก็ช่วยได้ไม่น้อย

   พอใจเย็นลงและได้คิดเงียบ ๆ ก็รู้สึกขึ้นมาว่า ที่เขากระทำกับซูเล่ยออกจะไร้เหตุผลเกินไป ยังไม่ทันได้ถามได้ไถ่ก็ใส่อารมณ์ไปเสียก่อนเพราะความหงุดหงิดใจและโกรธขึ้งที่หาทางออกไม่ได้ ในเวลานั้นเขาคิดแต่เพียงว่าอยากจะผูกมัดอีกฝ่ายเอาไว้เพราะไม่อยากจะสูญเสียไป อยากจะครอบครองเป็นเจ้าของทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นตัวตนที่ปั้นแต่งหรือตัวตนแท้จริง

   แต่ซูเล่ยกลับจะวิ่งหนีทั้งที่ทำเหมือนยินยอมตอบรับมาตลอด สุดท้ายเขาจึงไม่เข้าใจเลยว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

   เมื่อขับรถกลับมาถึงบ้าน อังเดรคิดจะขอโทษซูเล่ยที่ใช้กำลังเกินกว่าเหตุด้วยแรงอารมณ์ ทว่าความคิดนั้นก็ถูกกลืนหายไปเพราะรองเท้าส้นสูงทรงเรียบ ๆ คู่หนึ่งซึ่งวางอยู่ข้างชั้นวางรองเท้า บ้านหลังนี้นอกจากยูล่าก็ไม่มีแขกผู้หญิงคนอื่นอีก แล้วใครกันที่มาในเวลาแบบนี้?

   อังเดรถอดรองเท้าแล้วเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น เขาเห็นผู้หญิงผมสีน้ำตาลทองนั่งอยู่บนโซฟาตัวเล็ก โดยที่ซูเล่ยและเอเดรียนนั่งบนโซฟาตัวยาว บนโต๊ะมีขนมขบเคี้ยวและน้ำหวานสำหรับรับแขกวางอยู่สองแก้ว ส่วนอีกแก้วเป็นน้ำผลไม้ของเอเดรียน

   ทิศทางที่หญิงสาวนั่งอยู่สามารถเห็นเขาได้ในทันที เธอเงยหน้าขึ้นและยิ้มให้ก่อนลุกขึ้นยืน พาให้ซูเล่ยลุกและหันมองตาม แต่เจ้าตัวไม่ได้ยิ้มต้อนรับเหมือนหญิงสาวผู้เป็นแขก แค่เพียงเบี่ยงสายตาหลบและยกมือขึ้นลูบคอตัวเองโดยไม่ได้ตั้งใจ

   “หิวหรือเปล่า? ผมจะไปเตรียมข้าวเที่ยงให้” ซูเล่ยหาหัวข้อเพื่อออกจากวงสนทนาแม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาบ่ายโมงแล้วก็ตาม

   “แค่อะไรง่าย ๆ ก็พอ” อังเดรพอมองออกว่าอีกฝ่ายจงใจหนีหน้า แต่ครั้นจะเดินตามไปคาดคั้นถึงในห้องครัวก็เกรงจะเสียมารยาทต่อแขกที่รออยู่ จึงเดินมาที่โซฟาและเอ่ยทักทาย “สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณคือ...”

   “ลอร์เรนค่ะ ลอร์เรน เฟอร์เรสต์” หญิงสาวยิ้มอย่างสุภาพก่อนปัดปอยผมไปด้านหลัง “คุณคงจะเป็นคุณแอชฟอร์ด”

   เมื่อได้ยินนามสกุล อังเดรก็รู้สึกโล่งใจนิดหน่อยที่ไม่ใช่คนตระกูลเวสลอยด์อีกคน แต่อาจจะเป็นลูกพี่ลูกน้องกันก็เป็นได้ กระนั้นเขาก็ยังยิ้มตอบและผายมือให้อีกฝ่ายนั่งลง

   “ขอโทษนะครับที่ผมไม่อยู่ต้อนรับ พอดีว่าเกิดเรื่องนิดหน่อยผมก็เลย...”

   “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเข้าใจ” ลอร์เรนโบกมือ “ฉันมาในวันนี้ก็กะทันหัน ที่จริงฝ่ายฉันก็ผิดที่ไม่ติดต่อมาก่อน ดังนั้นถือว่าต่างฝ่ายต่างแล้วกันไปดีกว่านะคะ” บุคลิกและวิธีการเจรจาของลอร์เรนไม่เหมือนทั้งมารีนและซูเล่ย ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าวัยแต่กลับให้ความรู้สึกสบายใจกับผู้ใกล้ชิด

   “พี่คนนี้บอกว่าจะมาเป็นครูสอนพิเศษให้เอเดรียน” เด็กหญิงเห็นว่าพ่อเอาแต่คุยไม่สนใจตนเองเลยหันมาพูดบ้างก่อนปีนขึ้นนั่งตักแล้วหยิบแก้วมาดื่ม

   “ครูสอนพิเศษหรือ? แต่ว่าตอนนี้ผมยัง...”

ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
Re: Rhythm of Lust กลเกมเสน่หา ตอนที่ 17 [08/01/14]
«ตอบ #213 เมื่อ08-01-2014 15:53:21 »

“นี่เป็นความต้องการของคุณเวสลอยด์ค่ะ เขาเชื่อว่าหากเด็กได้รับความรู้เหมาะสมกับช่วงวัยจะสามารถเติบโตขึ้นได้อย่างดี แต่ว่าเขาก็ไม่ได้บังคับให้คุณตอบรับหรอกนะคะ แต่หากคุณไม่ขัดข้องเขาจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่าง ๆ โดยที่คุณไม่ต้องเสียเงินจ้างฉันแม้สักแดงเดียว” ลอร์เรนยื่นข้อเสนอแบบไม่ได้บังคับให้ต้องปฏิบัติตาม อังเดรจึงนิ่งคิดไปเล็กน้อย

   “บ้านของเราไม่มีที่ทางนัก ถ้าคุณมาค้างคงจะไม่ได้”

   “ฉันมีรถส่วนตัวค่ะ แล้วฉันก็มีที่พักไม่ไกลจากที่นี่นัก คิดว่าเรื่องการเดินทางคงไม่มีปัญหาอะไร”

   อังเดรลังเลอยู่ไม่น้อย เพราะเพิ่งผ่านช่วงเวลาที่มีอะไรเกิดขึ้นมากมายซึ่งนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่ครอบครัวของเขาหลายอย่าง หากมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอีกครั้งก็ไม่แน่ใจนักว่ามันจะดีหรือร้าย นอกจากนี้...อย่างไรลอร์เรนก็เป็นคนของลามอนต์ เวสลอยด์ เขาจะมั่นใจได้อย่างไรว่าฝ่ายนั้นบริสุทธิ์ใจ เพราะเท่าที่จำได้ พ่อตาของเขาไม่เคยทำสิ่งใดโดยไม่หวังผลตอบแทน

   “ผมขอปรึกษากับซูดูก่อน” เขาว่าแล้วอุ้มเอเดรียนลงจากตัก “รอแดดดี้ตรงนี้ได้ไหม นั่งเป็นเพื่อนกับ...ลอร์เรนเขาหน่อยนะ”

   หลังจากเอเดรียนพยักหน้ารับอย่างดิบดีแล้ว อังเดรก็เดินเข้าครัว เห็นซูเล่ยกำลังจัดอาหารลงจานอย่างเนิบนาบราวกับจงใจให้ช้าที่สุดเท่าที่ทำได้

   “เรื่องนี้เธอรู้เห็นด้วยหรือเปล่า?” ตอนที่ส่งเสียงถาม ซูเล่ยก็สะดุ้งเล็กน้อยก่อนหันมองแล้วโคลงศีรษะ

   “ไม่นี่ครับ แต่ถ้าให้เดาแบบพ่อตาของคุณก็คงบอกได้แค่ว่า เธออาจจะเป็นว่าที่ภรรยาใหม่ของคุณก็ได้” ว่าไป ซูเล่ยก็จัดของลงจานเสร็จพอดีจึงหมุนตัวนำจานไปวางที่โต๊ะแล้วหยิบแก้วน้ำมาวางประกบคู่ จากนั้นจึงผายมือเสมือนเชื้อเชิญให้เจ้าของบ้านรับประทานอาหารได้ แต่อังเดรยังคงยืนนิ่งเจ้าตัวจึงว่าต่อ “ลอร์เรนไม่เหมือนมารีนหรอก เธอเป็นผู้ใหญ่กว่าวัยและมีเหตุผลแถมยังใจเย็น แล้วก็ไม่เจ้าเล่ห์หวังผลแบบพ่อของมารีนด้วย” ถึงแม้จะยอมรับว่าตนเองคือลูกของลามอนต์เหมือนกับมารีนแล้ว แต่สุดท้ายซูเล่ยก็ยังทำใจเรียกอีกฝ่ายว่าพ่ออย่างเต็มปากเต็มคำต่อหน้าคนอื่นไม่ได้ กระนั้น นั่นก็ไม่ใช่จุดที่อังเดรสนใจ
   “ฟังดูสมบูรณ์แบบดี อย่างกับโฆษณาชวนเชื่อ”

   “ก็ผมพูดถึงแต่ข้อดี ข้อเสียเอาไว้คุณไปค้นหาเองทีหลังก็ได้ เพราะยังไงเขาก็ตั้งใจจะให้คุณกับลอร์เรนทำความรู้จักกันไปก่อน พอแน่ใจว่าต่างฝ่ายต่างรับกันได้ก็ค่อยแต่งงาน” ซูเล่ยพูดราวกับเป็นเรื่องไกลตัวและตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแม้แต่น้อย

   “แล้วถ้าไม่ล่ะ?” ผู้ฟังได้ยินคำถามก็มุ่นคิ้ว อังเดรจึงขยายความต่อ “มันก็ไม่แน่เสมอไปว่าฉันจะชอบพอกับลอร์เรน ระหว่างนั้นฉันอาจจะไปถูกตาต้องใจคนอื่นก็ได้จริงไหม?” ท้ายประโยค ชายหนุ่มจงใจจ้องมองไปดวงตายังคู่สนทนา ซูเล่ยจึงหลุบตาลงและทำเป็นก้มจัดช้อนส้อม

   “ที่จริงการที่คุณกับมารีนแต่งงานอยู่กินกันได้นานขนาดนี้ก็น่าจะเป็นคำตอบที่ดีอยู่แล้ว” เขาพูดราวกับว่าทุกสิ่งถูกกำหนดไว้และไม่มีทางขัดขืนได้ ซึ่งในใจซูเล่ยก็เชื่อเช่นนั้นเจ้าตัวจึงไม่เคยกังขาเลยว่าสิ่งที่ลามอนต์ เวสลอยด์ต้องการจะไม่เป็นความจริง

   “เพราะอย่างนั้นเธอจึงมั่นใจว่าครั้งนี้จะเหมือนเดิม?”

   “ดูแล้วพวกคุณน่าจะเข้ากันได้ดี ไม่น่ามีปัญหาอะไรนี่ครับ” ซูเล่ยพูดไปก็เห็นว่าอังเดรเดินอ้อมมาข้างหลังตนแต่ก็ไม่ได้ขยับหนี ปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าประชิดตัวโดยทำเป็นไม่ใส่ใจ

   “ฉันว่าอาจจะมีปัญหาเพราะฉันคงไม่รับลอร์เรนเข้ามาทำงานแทนเธอด้วยความไม่สะดวกในหลาย ๆ อย่าง” ว่าแล้วอังเดรก็เลื่อนมือสัมผัสบริเวณเอวของอีกฝ่ายเพื่อบอกเป็นนัยว่าสิ่งใดที่ไม่สะดวกทำให้ซูเล่ยเข้าใจได้ในทันทีและได้แต่แค่นยิ้มแทนที่จะขยับถอย

   “ถ้าคุณต้องการแค่คู่นอนฆ่าเวลา จะไปหาที่ไหนก็ได้ไม่ใช่หรือ?”

   ซูเล่ยคงไม่รู้เลยว่าคำพูดของตนเองทำให้อังเดรรู้สึกอย่างไร เพราะตอนนี้อีกฝ่ายยืนอยู่ด้านหลังทำให้มองไม่เห็นอารมณ์บนใบหน้าหรือการแสดงออกด้วยท่าทาง กระนั้นเจ้าตัวก็รู้สึกว่านั่นเป็นสิ่งที่ดีเพื่อที่จะไม่ต้องเผชิญหน้ากับสายตาที่คอยทิ่มแทงอยู่ทุกเวลาโดย เฉพาะอย่างยิ่ง หลังกลับจากโรงพยาบาลและรู้ความจริงเข้า คล้ายกับว่าอังเดรพยายามจะใช้สายตาของตนเองลอกเปลือกของเขาให้เหลือแต่ร่างเปลือยเปล่าไร้สิ่งปิดบัง แต่การเปิดเผยตัวเองโดยไม่มีสิ่งใดปกปิดคือสิ่งที่ซูเล่ยหวั่นเกรงมากที่สุด

   แขนสองข้างเท้าคร่อมโดยมีเขาอยู่ตรงกลางและแผ่นอกกว้างทาบบนแผ่นหลัง ปลายจมูกของอังเดรคลอเคลียแนบใบหูทำให้รู้สึกถึงลมอุ่นที่ข้างแก้ม

   “เธอเป็นคนเสนอตัวเอง ฉันไม่มีทางยอมให้เลิกกลางคันหรอกซู” พร้อมกับที่ว่าเช่นนั้น ฟันคมก็ขบที่ใบหู แม้จะไม่ได้เจ็บแต่ก็รู้สึกคล้ายมีกระแสไฟฟ้าเบา ๆ แล่นผ่านจนสะดุ้งถึงปลายนิ้ว “แต่ว่า ถ้าเธอกลัวพ่อจะโวยวายเอาทีหลังฉันจะรับลอร์เรนไว้ก็ได้ แต่ฉันมีข้อแม้”

   “เรื่องนั้นคุณควรไปเรียกร้องเอากับลอร์เรนหรือพ่อตาของคุณเองไม่ดีกว่าหรือ?” ซูเล่ยมุ่นคิ้วและเอียงหน้ามองอีกฝ่ายจึงได้เห็นรอยยิ้มจากหางตา แต่ก็ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายยิ้มด้วยอารมณ์แบบนั้น

   “ดูเหมือนคนที่ต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่สุดคือตัวเธอเอง ดังนั้นก็ต้องเป็นคนจ่ายค่าตอบแทนด้วยสิ” เหตุผลของอังเดรแม้จะดูสมเหตุสมผล แต่ในความเป็นจริงมันก็คือการยัดเยียดทุกอย่างให้ซูเล่ยรับผิดชอบเพราะไม่อยากไปตามเก็บกับคนอื่น และแน่นอนว่าซูเล่ยไม่มีสิทธิปฏิเสธ

   “...ถ้าผมให้ได้” เขาจำเป็นต้องป้องกันตัวด้วยคำนี้ เพราะไม่อาจมั่นใจได้ว่าอังเดรจะขอสิ่งที่เขาให้ได้หรือเปล่า แม้ว่า พอคิดดี ๆ แล้ว คำขอของอังเดรไม่น่าจะแปลกพิสดารมากนักก็ตาม

   เมื่อได้ยินคำตอบรับแบบแบ่งรับแบ่งสู้ เจ้าของร่างสูงก็ถอยออกเล็กน้อยแล้วดึงให้อีกฝ่ายหันมาเผชิญหน้า ทำให้ซูเล่ยได้เห็นรอยยิ้มประชดประชันและแววตาแสดงการหยั่งเชิงของคู่สนทนา

   “ข้อแม้คือ เธอห้ามลาออกจนกว่าฉันจะอนุญาต”

   “แต่...”

   “ถ้าปฏิเสธก็จูงมือลอร์เรนออกไปได้เลย แต่ฉันไม่รับประกันหรอกนะว่าจะไม่มีของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ส่งไปถึงพ่อของเธอด้วย”

   ซูเล่ยเบิกตากว้างมองอังเดรอย่างตกตะลึง แน่นอนว่าคืนนั้นเจ้าตัวไม่รู้เลยว่าตนเองถูกอัดเสียงหรือถ่ายภาพอะไรเอาไว้บ้าง ซึ่งอาจจะมีหลักฐานน่าอายมากมายว่าเขามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสามีของพี่สาวตัวเองและลามอนต์คงไม่พอใจกับมันนัก

   และทั้งที่อาจจะต้องแต่งงานใหม่ในเร็ว ๆ นี้ แต่ยังเลือกที่จะเก็บคนอย่างเขาเอาไว้ใกล้ตัว ผู้ชายคนนี้คิดว่าเขาเป็นตัวอะไรกันแน่...

   “ตกลงหรือไม่ตกลง?” เมื่อเห็นเงียบไปนาน อังเดรก็กระตุ้นเอาคำตอบ ซูเล่ยจึงเม้มปากและคิดสรตะ แต่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าจะเลือกข้อไหน เพราะนานมาแล้วที่ซูเล่ยไม่เคยคิดจะขัดขืนพ่อตัวเองอย่างจริงจังเลยสักครั้งเดียวแม้มันจะทำให้ต้องมาเผชิญกับตัวเลือกที่ฆ่าตัวตายอย่างในครั้งนี้ก็ตาม

   “ตกลงครับ”

   ทั้งที่ตอบไปแล้ว แต่อังเดรก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ เจ้าของร่างเล็กจึงเงยหน้ามองคนตัวสูงกว่าด้วยสายตาฉงนสงสัยว่าต้องการอะไรอีก

   “อีกข้อ แต่ข้อนี้แค่สั้น ๆ แค่ทำแล้วก็จบ” อังเดรพูดเร็ว ๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังจะอ้าปากค้าน แต่เมื่ออังเดรเฉลยความต้องการกลับทำให้คำค้านเมื่อครู่มลายหายไปจากสมองทันใด “จูบฉัน”

   จูบหรือ?

   ทั้งที่เคยมีอะไรกันแล้วแต่คำขอนี้กลับทำให้ซูเล่ยรู้สึกประดักประเดิด เพราะเมื่อคิดย้อนดู พวกเขาไม่ได้จูบกันเลยสักครั้งระหว่างที่กกกอด ราวกับว่าเป็นเพียงกิจกรรมที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ครั้งเดียวที่พวกเขาจูบกันก็คือตอนที่อยู่หน้าต้นคริสต์มาสสองต่อสอง เพื่อให้ อังเดรยืนยันว่าตนเองพอใจความสัมพันธ์กับเพศชายหรือไม่ ซึ่งมันก็ไม่ได้มีความหมายอะไรเลย...

   “คุณนึกอยากจะทดลองรสนิยมตัวเองอีกครั้งหรือ?” ผู้พูดหรี่ตาลงคล้ายกำลังมองอีกฝ่ายอย่างพินิจพิจารณาซึ่งสิ่งที่ซูเล่ยอยากรู้ในตอนนี้คือความคิดของอังเดร

   “ก็แค่ข้อแลกเปลี่ยน แต่ถ้าเธอไม่ทำฉันก็จะทำเอง”

   ‘ก็แค่’ เป็นคำที่บ่งบอกถึงความสำคัญที่น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ซูเล่ยอดคิดไม่ได้ว่าตัวเขาก็คงมีค่าเพียงพอกับคำว่า ‘ก็แค่’ เท่านั้นเอง

   “เข้าใจแล้วครับ” เขายอมตอบรับในที่สุดเพราะไม่เห็นเหตุผลที่จะต้องอิดออดเล่นตัว ในเมื่ออย่างไรอังเดรก็มองว่าเขาเป็นคนแบบนั้นไปเสียแล้ว

   ชายหนุ่มขยับเข้าใกล้อีกฝ่ายและเขย่งตัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้ความสูงไม่ต่างกันมากนัก เขารู้สึกถึงสายตาที่มองลงมาอย่างรอคอย แต่ซูเล่ยไม่เคยเป็นคนเริ่มต้นการจูบจึงไม่แน่ใจว่าควรรวบรัดตัดความเลยหรือไม่ในสถานการณ์ที่ไม่มีความโรแมนติกแบบนี้

   ไม่รู้ว่าเป็นเพราะซูเล่ยช้าเกินไปหรือเปล่า ที่สุดอังเดรก็เป็นคนดึงอีกฝ่ายเข้าไปหาและประกบจูบอย่างรวดเร็วไม่มีการอารัมภบทใด ๆ ให้เสียเวลา ถึงอย่างนั้นกับเป็นรสจูบที่อ่อนโยนเกินกว่าที่คาดหมาย ปลายลิ้นละเลียดชิมดื่มด่ำความหอมหวานพร้อมทั้งกอดกระชับคนในอ้อมแขน แม้ในตอนแรกซูเล่ยจะขัดขืนอยู่บ้างเพราะตกใจแต่เพียงไม่นานก็ปรับเปลี่ยนเป็นการคล้อยตาม

   ทว่า...เพียงไม่กี่นาทีต่อมา อังเดรก็ถอนริมฝีปากและกดลงรุนแรงกว่าเดิม ทั้งยังขบเม้มจนซูเล่ยเริ่มรู้สึกเจ็บแต่กลับถอยหนีไม่ได้เพราะมือข้างหนึ่งกดศีรษะให้ประกบจูบแนบแน่น รสจูบครั้งนี้ราวกับจงใจจะกระชากลมหายใจทั้งหมดไปด้วย อีกทั้งสัมผัสเล้าโลมก็รุกล้ำเข้าใต้เสื้อ แผ่ความอุ่นบนไปเนื้อขาวซีดพร้อมทั้งเลื่อนไล้สำรวจอย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ การขัดขืนทุกอย่างล้วนไร้ผลเมื่อเรี่ยวแรงของผู้ต่อต้านหดหายประหนึ่งถูกดูดกลืนไปพร้อมกับลมหายใจที่แทบจะไม่ได้เป็นของตนเองอีกต่อไป

   และจนกระทั่งผู้ควบคุมเกมพึงพอใจแล้วจึงผละออก

   ซูเล่ยสูดหายใจเฮือกแรกลึกจนถึงปอดเพื่อให้มั่นใจว่าตนเองได้รับออกซิเจนกลับมาเพียงพอกับที่เสียไป ใบหน้าของเขาตอนนี้คงตลกไม่น้อยเพราะแววตาของอังเดรมีร่องรอยของความขบขันปะปนอยู่ จึงเผลอยกแขนขึ้นโดยไม่รู้ตัวแต่ก็ถูกรั้งเอาไว้พร้อมกับปลายนิ้วอุ่นที่เกลี่ยบนริมฝีปากแดงช้ำอย่างย่ามใจ
   “ลอร์เรนกับคุณเวสลอยด์คงดีใจถ้ารู้ว่าเธอยอมทำได้ถึงขนาดนี้”

   ถ้อยคำของอังเดรภายหลังบทจูบดูดดื่มกลับคมกริบประดุจปลายมีดที่ปักลงกลางอก

   “เอาล่ะ ไปแจ้งผลกับลอร์เรนก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันค่อยกลับมากินข้าวเที่ยง” ว่าแล้ว ชายหนุ่มต้นเรื่องก็เดินออกไป ทิ้งให้ซูเล่ยลิ้มรสปลายมีดแหลมคมซึ่งเมื่อแรกมันจะชาวาบแต่ในนาทีต่อมาความเจ็บก็แผ่ซ่านไปทั่วจนแทบขยับไม่ได้

   “ถ้าอย่างนั้นฉันจะเริ่มทำงานพรุ่งนี้นะคะ” เสียงสดใสของลอร์เรนแว่วผ่านประตูเข้ามา

   “พรุ่งนี้ผมคงจะอยู่ช่วงกลางวันแต่ตอนเย็นผมต้องออกไปข้างนอก ดังนั้นถ้าถึงเวลาแล้วคุณจะกลับไปก่อนไม่ต้องรอผมก็ได้” เสียงของอังเดรตามเข้ามาหลังจากนั้นไม่กี่วินาที เป็นสุ้มเสียงที่อ่อนโยนและเป็นมิตร ไม่มีท่าทีรู้สึกต่อต้านการปรากฏตัวของผู้มาเยือนหน้าใหม่แม้แต่น้อย

   ที่จริง...เขาก็พอรู้อยู่แล้วว่าตนเองเริ่มจะหักใจจากอังเดรได้ยากขึ้นทุกที จึงตั้งใจจะเดินจากไปอย่างรวดเร็วเท่าที่ทำได้ แต่กลับถูกรั้งเอาไว้ทั้งด้วยกำลังและคำสัญญา

   มันจะต้องกลายเป็นประสบการณ์ที่เขาต้องเฝ้ามองอีกฝ่ายจับมือเดินเคียงคู่ไปกับคนอื่นอีกครั้งจริง ๆ น่ะหรือ?

   แล้วครั้งนี้เขาจะทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยเหมือนเมื่อห้าปีก่อนได้หรือเปล่า...

TBC

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: Rhythm of Lust กลเกมเสน่หา ตอนที่ 17 [08/01/14]
«ตอบ #214 เมื่อ08-01-2014 16:42:22 »

พระเอกใจร้ายมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
สงสารซูเล่ยสุด ๆ ส่วนตัวร้ายสุดห่วยของปีนี้ยกให้พ่อมารีนแล้วกัน แย่มากกก

ออฟไลน์ Palmpalm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: Rhythm of Lust กลเกมเสน่หา ตอนที่ 17 [08/01/14]
«ตอบ #215 เมื่อ08-01-2014 17:25:05 »

เจ็บ!

ออฟไลน์ teatimes

  • ไม่อยากให้เปลี่ยน...... เพราะแค่นี้ก็ดีพอแล้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-1
Re: Rhythm of Lust กลเกมเสน่หา ตอนที่ 17 [08/01/14]
«ตอบ #216 เมื่อ08-01-2014 17:30:20 »

กร๊าซซซซ :fire:   อังเดรจะร้ายเกินไปหน่อยแล้วนะ  มาทำร้ายจิตใจซูเล่ยได้ไง  สงสารซูเล่ยอ่ะ  นี่ถ้าพระเอกร้ายกว่านี้จะเกลียดพระเอกเท่ากับอีตาเวสลอยแล้วนะ :angry2: 

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
Re: Rhythm of Lust กลเกมเสน่หา ตอนที่ 17 [08/01/14]
«ตอบ #217 เมื่อ08-01-2014 17:50:06 »

โถ่ซู ก็อย่าอมพะนำนักสิคะะ

บอกไปเลยค่ะว่ารัก  :z3:

ออฟไลน์ eye-lifestyle

  • พรุ่งนี้ไม่เคยมีจริง
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: Rhythm of Lust กลเกมเสน่หา ตอนที่ 17 [08/01/14]
«ตอบ #218 เมื่อ08-01-2014 18:37:31 »

 :z3: :z3:

ออฟไลน์ oilzii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
Re: Rhythm of Lust กลเกมเสน่หา ตอนที่ 17 [08/01/14]
«ตอบ #219 เมื่อ08-01-2014 18:52:43 »

ซู..... อีกแล้ว :m15: :m15: :m15:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Rhythm of Lust กลเกมเสน่หา ตอนที่ 17 [08/01/14]
« ตอบ #219 เมื่อ: 08-01-2014 18:52:43 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
Re: Rhythm of Lust กลเกมเสน่หา ตอนที่ 17 [08/01/14]
«ตอบ #220 เมื่อ08-01-2014 19:17:15 »

สงสารซู
ถ้าจะด่านี่คงต้องด่าอิตาเวสลอยสินะ ร้ายกาจมาก

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
Re: Rhythm of Lust กลเกมเสน่หา ตอนที่ 17 [08/01/14]
«ตอบ #221 เมื่อ08-01-2014 20:02:37 »

โอยยยยย
ซู น่าสงสารจัง
ถ้าต้องเห็นคนที่ตัวเองรักแต่งงานไปกับคนอื่นอีกรอบจริงๆ
คงเจ็บอีกมากแน่ๆ

ออฟไลน์ wi_OoO_wi

  • payaaa payaaa padazz taa
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-1
Re: Rhythm of Lust กลเกมเสน่หา ตอนที่ 17 [08/01/14]
«ตอบ #222 เมื่อ08-01-2014 20:05:13 »

อังเดร เหมือนจะดีนะ

เหมือนๆอ้ะ ดีกับลูกสาวคนเดียว ที่เหลือเลวหมด น่ารักจุงพ่อคุณ

 :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: Rhythm of Lust กลเกมเสน่หา ตอนที่ 17 [08/01/14]
«ตอบ #223 เมื่อ08-01-2014 20:09:52 »

เห้อออออออออออออ อังเดร
จริงๆ เหมาะกับยูล่านะ นิสัยเสียแบบเนี้ยยยยยยยย

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: Rhythm of Lust กลเกมเสน่หา ตอนที่ 17 [08/01/14]
«ตอบ #224 เมื่อ08-01-2014 20:24:29 »

สงสารซู

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
Re: Rhythm of Lust กลเกมเสน่หา ตอนที่ 17 [08/01/14]
«ตอบ #225 เมื่อ08-01-2014 20:46:27 »

ทำเหมือนรักแต่ก็ไม่ หรือรัก? เดาใจอังเดรไม่ถูกเหมือนกัน
ถ้าซูยอมนะ ซูจะเป็นนางเอกยิ่งกว่าละครไทยอ่ะ Y_Y

เบื่อไอ้คุณเวสลอยแม่งยุ่งไรหนักหนา

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
Re: Rhythm of Lust กลเกมเสน่หา ตอนที่ 17 [08/01/14]
«ตอบ #226 เมื่อ08-01-2014 20:57:45 »

มาต่อแล้ว เมื่อไรจะเลิก เศร้า ซะที่ สงสารซูอะ :monkeysad:

aekporamai2

  • บุคคลทั่วไป
Re: Rhythm of Lust กลเกมเสน่หา ตอนที่ 17 [08/01/14]
«ตอบ #227 เมื่อ08-01-2014 23:03:22 »

ทำตัวเองนะซู

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
Re: Rhythm of Lust กลเกมเสน่หา ตอนที่ 17 [08/01/14]
«ตอบ #228 เมื่อ08-01-2014 23:05:14 »

เจ็บซ้ำๆ สงสารซู
อิตาแก่นั่นเมื่อไรจะปล่อยวาง อายุก็มากแล้วน่าจะคิดดีทำดีบ้าง


 :กอด1:

ออฟไลน์ mildmint0

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
Re: Rhythm of Lust กลเกมเสน่หา ตอนที่ 17 [08/01/14]
«ตอบ #229 เมื่อ08-01-2014 23:11:12 »

ซุเอ้ยยยยย รักก็บอกไปสิ
อังเดรเค้าเป็นคนปากหนัก ไม่รู้ใจตัวเอง
เหตุการณ์จะต้องมาม่าแน่ๆ
แอบฟินฉากในห้องครัวเบาๆ
จูบแบบดูดดื่มมมมมมมมมมม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Rhythm of Lust กลเกมเสน่หา ตอนที่ 17 [08/01/14]
« ตอบ #229 เมื่อ: 08-01-2014 23:11:12 »





ิbabobean

  • บุคคลทั่วไป
Re: Rhythm of Lust กลเกมเสน่หา ตอนที่ 17 [08/01/14]
«ตอบ #230 เมื่อ09-01-2014 00:35:46 »

 :ling1: ซู ซู ซู และก็ซูอีกแล้ว ทำไมเหมือนเคราะห์กรรมถึงได้ตกอยู่ที่ซูคนเดียว
มีพ่อแบบนี้สู้ไม่มีเสียยังจะดีกว่า นี่เขารักลูกบ้างหรือเปล่าเนี่ย!!!
อ่านแล้วก็ของขึ้นเลย ฮ่าๆๆๆ อินจริงๆ สงสารซูจริงๆ
คุณพระเอกก็ปากแข็งไม่หยอกเลยนะคะ
ดูก็รู้ว่ามีใจให้เขาแล้วทำไมจะรั้งเค้าไว้ด้วยคำพูดหวานๆไม่ได้นะ
แบบนี้น่าจะให้เป็นหนักซะยิ่งกว่าแผลปริเลยนะ ตีๆๆๆๆ
เป็นกำลังใจให้คุณนักเขียนคนเก่งนะคะ หวังว่าท้ายสุดซูจะได้เอาคืนทุกคนอย่างสาสม  :o12:

ออฟไลน์ raluf

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 499
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
Re: Rhythm of Lust กลเกมเสน่หา ตอนที่ 17 [08/01/14]
«ตอบ #231 เมื่อ09-01-2014 10:57:15 »

อยากยื้อไว้แต่ไม่แน่ใจว่าซูรู้มีใจให้ตัวเองไหม เลยหาข้ออ้างเพราะคิดว่ายังไงซูก็ต้องทำตามคำสั่งของพ่อหรือเปล่า..
สงสารซูนะ ต่างฝ่ายต่างคิดว่าไม่ได้เป็นที่รัก

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
Re: Rhythm of Lust กลเกมเสน่หา ตอนที่ 17 [08/01/14]
«ตอบ #232 เมื่อ09-01-2014 17:23:59 »

สงสารซูเล่ย

ออฟไลน์ PoPuAr

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
Re: Rhythm of Lust กลเกมเสน่หา ตอนที่ 17 [08/01/14]
«ตอบ #233 เมื่อ09-01-2014 22:33:44 »

อังเดรเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ จอมบงการ(ชีวิตของชู)
ชูก็ต้องทำใจและยอมรับล่ะนะ ก็ในเมื่อตัดเค้าไม่ขาดนี่นา
ก็ต้องอยู่กันไปแบบนี้แหละ จนกว่าคุณพ่อโรคจิตของชูจะยอมรามือสักที

ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
Re: Rhythm of Lust กลเกมเสน่หา ตอนที่ 18 [12/01/14]
«ตอบ #234 เมื่อ12-01-2014 16:04:04 »

-18-


   ลอร์เรนมาถึงบ้านในตอนเช้าพร้อมกับถุงกระดาษใบใหญ่สองใบซึ่งใส่กล่องสีสันสดใสเอาไว้หลายใบ ซูเล่ยเป็นคนออกไปเปิดรับขณะที่อังเดรกำลังกินอาหารเช้าอยู่ในครัวพร้อมกับเอเดรียน ชายหนุ่มเชื้อสายเอเชียมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างมีความหมายก่อนหลุบตาลงมองถุงในมือของเธอ

   “อะไรน่ะ?”

   “เป็นความลับ ฉันเอามาให้เอเดรียนน่ะ คิดว่าน่าจะเหมาะกับเธอ” ลอร์เรนยิ้มบางพลางตอบด้วยเสียงหวานใสตามแบบฉบับ

   “มาสิ ฉันช่วยถือ” ซูเล่ยยื่นมือไปรับถุงหนึ่งเมื่อเห็นว่าหญิงสาวเริ่มจะมีปัญหากับของพะรุงพะรังเพราะต้องคอยยกแขนไม่ให้กระเป๋าสะพายร่วงหล่นลงมาด้วย เมื่อสามารถสละถุงไปได้ใบหนึ่งแล้ว ลอร์เรนก็ใช้มือที่ว่างขยับสายสะพายที่ร่วงมาถึงข้อศอกให้กลับขึ้นไปบนบ่าเหมือนเดิม “ฉันไม่แน่ใจว่าเธอกินอะไรมาหรือยัง เลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ให้แต่ถ้าจะกินเดี๋ยวฉันทำแบบง่าย ๆ ให้แล้วกัน”

   “ไม่เป็นไร ฉันคิดแล้วว่าเธอต้องไม่ได้เตรียมให้ฉันเพราะฉันเองก็ไม่ได้บอกไว้ล่วงหน้า” ลอร์เรนหัวเราะคิก “อีกอย่าง คุณเวสลอยด์ก็ไม่อยากให้ฉันรบกวนคุณแอชฟอร์ดมากเกินไปด้วย”

   “แต่ยังไงข้าวเที่ยงเธอก็ต้องกินที่นี่อยู่ดีนี่” ชายหนุ่มมุ่นคิ้ว “อาจจะแถมมื้อเย็นด้วย”

   “ก็ถือว่าเป็นผลพลอยได้แล้วกัน” ว่าแล้วลอร์เรนก็วางถุงในมือลงข้างโซฟาก่อนจะหันมาทางซูเล่ยและจ้องมองอย่างพินิจพิจารณา

   “มีอะไรหรือ?”

   “เปล่าหรอก ก็แค่...คิดถึงเธอสมัยก่อนที่ชอบซอยผมให้ยาวหน่อย แต่จู่ ๆ ก็ตัดสั้นเหมือนอยากเปลี่ยนอิมเมจตัวเอง” เธอว่าพลางจับปลายผมอีกฝ่ายที่เริ่มยาวและทิ้งปลายหรอมแหรมเพราะไม่ได้ตัดแต่งให้เข้าทรง “เดี๋ยวฉันเล็มให้ดีไหม แต่ตอนนี้ขอไปทักทายคุณแอชฟอร์ดกับเอเดรียนก่อนก็แล้วกันนะ” ลอร์เรนจัดทรงผมซูเล่ยอย่างลวก ๆ ด้วยปลายนิ้วคล่องแคล่วก่อนจะเดินเร็ว ๆ ไปในครัวเพื่อทักทายเจ้าบ้าน

   ซูเล่ยมองตามแผ่นหลังหญิงสาวและจับปลายผมตนเองที่ใกล้จะถึงบ่าเข้าไปทุกที ช่วงนี้เขามักจะรำคาญต้นคออยู่บ่อย ๆ เพราะไม่ได้ไว้ยาวมาหลายปี แต่ครั้นจะไปตัดก็ต้องมีวิบากกรรมทำให้ไปร้านตัดผมไม่ได้ สุดท้ายก็เลยไม่ได้ตัดจนถึงตอนนี้ที่จริง...เขาก็พอรู้อยู่แล้วว่าตนเองเริ่มจะหักใจจากอังเดรได้ยากขึ้นทุกที จึงตั้งใจจะเดินจากไปอย่างรวดเร็วเท่าที่ทำได้ แต่กลับถูกรั้งเอาไว้ทั้งด้วยกำลังและคำสัญญา


   “ของให้เอเดรียน!” เสียงเล็กของเด็กหญิงดังจากในครัวตามด้วยร่างน้อย ๆ ที่ถลันพรวดเข้ามาในห้องนั่งเล่นโดยมีเป้าหมายเป็นถุงกระดาษใบใหญ่ทั้งสองใบ เธอนั่งลงและคว้าเอากล่องสีชมพูข้างในออกมาวางบนพื้น “ซู แกะกัน ลอร์เรนเอามาให้” กระนั้นเอเดรียนก็ยังไม่ได้ถูกของขวัญดึงดูดความสนใจไปจนลืมพี่เลี้ยง เธอหันมาชวนให้ซูเล่ยแกะกล่องด้วยกันด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

   “อย่าใจร้อนสิเอเดรียน เดี๋ยวเผลอทำพังหรอก” อังเดินเดินตามออกมาพร้อมลอร์เรน “คุณหอบของมาให้เยอะขนาดนี้จะดีหรือครับ?”

   “ของพวกนี้เป็นของเล่นสำหรับส่งเสริมพัฒนาการตามวัย ถือว่าเป็นของที่มีประโยชน์ คุณเวสลอยด์คงจะไม่ขัดข้องอะไรหรอกค่ะ” ลอร์เรนตอบแล้วลงไปนั่งกับเอเดรียนที่กำลังสาละวนกับกล่องกระดาษใส่ของเล่นขนาดเท่าอ้อมแขนเด็ก “หนูชอบกล่องนี้หรือ ลองเปิดดูเลยสิ”

   เมื่อได้รับคำอนุญาต เด็กหญิงก็แงะกล่องอย่างขะมักเขม้นทันที ของเล่นทำจากพลาสติกรูปทรงต่าง ๆ อัดอยู่ในกล่องโดยเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย และเมื่อเอเดรียนเทออกมาก็พบว่าพวกมันมีสีสันละลานตาและรูปทรงหลากหลายซึ่งสามารถประกอบเข้าด้วยกันได้หลายแบบ ซึ่งเหมาะสมจะให้เด็ก ๆ เรียนรู้เกี่ยวกับสี รูปทรง และการคิดสร้างสรรค์ วิธีเลือกของของลอร์เรนช่างสมกับเป็นผู้หญิงจริง ๆ ทำให้ซูเล่ยคิดขึ้นมาได้ว่าตนเองไม่เคยคิดถึงเรื่องเหล่านี้เลย

   ความละเอียดอ่อนยังไงผู้ชายก็สู้ผู้หญิงไม่ได้สินะ? และต้องเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจที่พร้อมจะเลี้ยงดูเด็กซึ่งไม่ใช่ลูกของตนเองด้วย

   เพราะแบบนั้นเองหรือ ลามอนต์จึงย้ำหนักหนาว่าจะเป็นผู้เลือกภรรยาใหม่ให้อังเดรด้วยตัวเอง ไม่ใช่ว่าไปเจอใครคนไหนก็ได้

   คิดถึงทั้งมารีน และเอเดรียน ผู้ชายคนนั้นช่างดีกับลูกและหลานเหลือเกิน...

   ซูเล่ยอดที่จะรู้สึกขมขื่นไม่ได้

---------------------->

   “ไง วันนี้ไปได้ดีไหม?” อังเดรเอ่ยถามอาร์เลนเมื่อมาถึง สายตาหลายคู่จับจ้องมายังเขาขณะสนทนา ซึ่งล้วนแต่แสดงถึงความเป็นห่วง ความอยากรู้อยากเห็น และความสงสาร

   “ครับ ดูเหมือนพวกนักเรียนจะไม่ค่อยรู้เรื่องราวเท่าไหร่ ผมก็เลยบอกปัด ๆ ไปแค่ว่าเกิดเรื่องนิดหน่อย แต่พวกที่มาเรียนลีลาศที่นี่ส่วนใหญ่จะรู้ข่าวจากสื่อต่าง ๆ และการบอกเล่าต่อกันมา พวกเขาก็เลยค่อนข้างจะเป็นห่วงพี่พอสมควร หลังจากนี้ไปทักทายให้พวกเขาหน่อยก็ดีนะครับ” อาร์เลนกล่าวขณะจูงพี่ชายเข้าไปในห้องด้านหลังซึ่งจะสามารถพูดคุยเป็นส่วนตัวได้มากขึ้น “ว่าแต่...พี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ทั้งเรื่องยูล่า แล้วยังเรื่องพี่เลี้ยงคนนั้นอีก ผมไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

   ชายหนุ่มร่างสูงส่ายศีรษะ

   “พี่เองก็ไม่ค่อยเข้าใจ เอาเข้าจริงถึงจะอยู่ในเหตุการณ์แต่พี่ก็ยังสับสน”

   ฝ่ายน้องบีบบ่าพี่ชายอย่างเห็นอกเห็นใจ

   “ถ้าผมเป็นพี่ก็คงรู้สึกแบบเดียวกัน คนที่อยู่ใกล้กันมานานถึงขนาดนี้แต่กลับไม่รู้จักตัวตนเลย ตัวผมเองก็น่าจะสังเกตเห็นบ้างแต่กลับไม่ได้นึกใส่ใจจนกระทั่งเกิดเรื่อง”

   อังเดรมองตอบน้องชายตนเองก่อนจะยิ้มรับคำปลอบใจ กระนั้นความคิดของเขากลับไพล่ไปหาเรื่องอื่นเมื่อพูดถึงคนใกล้ชิดแต่ไม่รู้จักตัวตน

   นอกจากยูล่าแล้ว น่าแปลกว่าเขายังมีคนแบบนั้นอยู่รอบกายมากมายจนนึกไม่ถึง

   ทั้งลามอนต์ เวสลอยด์ พ่อตาซึ่งเขาไม่เคยคิดจะสนิทสนมด้วย และมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่ยากจะหยั่งถึง

   มารีน ภรรยาที่อยู่ด้วยกันมาจนมีลูกสาวเป็นโซ่ทองคล้องใจ แต่เขากลับเพิ่งรู้ว่าเธอมีใบหน้าอีกแบบสำหรับคนอื่น ๆ ที่ไม่พึงใจ

   ซูเล่ย...คนที่เขาพยายามค้นหาตัวตนจนเข้าใกล้แค่เพียงเอื้อมมือ ทว่าความจริงแล้วกลับอยู่ห่างไกลอย่างคาดไม่ถึง

   ซ้ำเวลานี้ ยังมีลอร์เรนเข้ามาอีกคน แม้ภายนอกจะดูเป็นผู้หญิงที่ไม่มีพิษภัย แต่จากประสบการณ์ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะระแวงเอาไว้ก่อน

   บางครั้ง...ชีวิตคนเราก็น่าแปลก ทั้งที่เห็นหน้ากันอยู่กลับไม่อาจรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายเป็นใคร มาจากไหน คิดอะไร หากว่ามีเครือข่ายเหมือนอย่างลามอนต์ มันคงไม่ใช่เรื่องยากเย็นที่จะสืบล้วงความลับเบื้องหลังของใครสักคน แต่เขาเป็นแค่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่ต้องทำงานเลี้ยงปากเลี้ยงท้องไปวัน ๆ จึงมีโอกาสที่จะได้มองเห็นภาพของผู้คนเพียงด้านเดียวนั่นคือด้านที่คนเหล่านั้นอยากให้เห็น

   เขาจะได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริง...ก็ต่อเมื่อถึงจุดแตกหักเท่านั้นเองหรือ?

   “แล้วตอนนี้ที่บ้านเป็นยังไงบ้าง? เอเดรียนล่ะครับ?” อาร์เลนรู้สึกเป็นห่วงหลานสาวไม่น้อยไปกว่าพี่ชาย เพราะแม้จะยังเด็กแต่กลับต้องเผชิญกับเหตุการณ์มากมายถึงขนาดที่ว่าผู้ใหญ่บางคนยังคาดไม่ถึง ไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นจะสามารถปรับตัวรับกับสถานการณ์ได้มากแค่ไหน และจะมีผลกระทบต่ออนาคตมากเพียงไร

   “คิดว่าเอเดรียนคงจะไม่เป็นไร ถึงตอนแรกจะร้องไห้ที่ฉันบาดเจ็บแต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้พูดถึงอีกและไม่ได้ถามถึงเรื่องยูล่า คงเพราะไม่ค่อยชอบใจอยู่แล้วการที่เธอหายไปเฉย ๆ จึงไม่น่าแปลกใจอะไร แล้วตอนนี้ดูเหมือนจะได้คนที่ถูกใจเพิ่มขึ้นอีกคน”

   “คนที่ถูกใจ?”

   “เป็น...ครูพิเศษ จะว่าแบบนั้นก็คงได้” อังเดรกลอกตาขณะคิดถึงลอร์เรน “เห็นว่าเป็นคนที่คุณเวสลอยด์ส่งมาเพื่อช่วยดูแลเอเดรียนและสอนเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ เพื่อให้พร้อมเข้าสู่ชีวิตวัยเรียนในอนาคต วันนี้ก็หอบของเล่นเด็กมาให้เสียเยอะ”

   “จะดีหรือครับ?” อาร์เลนเป็นอีกคนหนึ่งที่มีปฏิกิยาง่ายดายกับสกุลเก่าของพี่สะใภ้ แม้เขาจะไม่เคยพูดคุยกับลามอนต์โดยตรง แต่จากสิ่งที่คนคนนั้นทำกับพี่ชายก็ทำให้มีอคติตามไปด้วย

   “สำหรับเอเดรียนแล้วคงจะดี แต่...”

   “แต่?”

   “ช่างเถอะ นอกจากนี้ก็เป็นเรื่องในครอบครัวทางนั้น” ชายหนุ่มผู้พี่โบกมือ ในสมองของเขาเมื่อครู่นี้กำลังคิดถึงเสียงสนทนาระหว่างซูเล่ยและลอร์เรน ซึ่งดูจะสนิทสนมกันมากเกินคำว่าคนรู้จัก ท่าทางที่ทั้งสองมีต่อกันคาดเดาได้ทันทีว่าต้องเคยใกล้ชิดกันมานานพอสมควร และจะใกล้ชิดในฐานะไหนก็ยังเป็นที่กังขาอยู่ไม่น้อย วูบหนึ่งที่เขาอดคิดไม่ได้ว่าบางที...ทั้งสองอาจจะเคยคบหากัน...

   กระนั้นมันอาจจะเป็นแค่การคิดมากเกินไป อังเดรจึงพยายามที่จะไม่ใส่ใจในประเด็นนี้และปล่อยให้อาร์เลนนึกสงสัยต่อไปว่าพี่ชายของตนกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ

-------------------------->

   โลหะสีเงินสะท้อนแสงวาววับแกว่งไกวไปมาในอากาศตามแรงส่งของข้อมือบอบบางขณะที่เจ้าของกำลังตีสีหน้าครุ่นคิดพลางมองเรือนผมสีดำสนิทเป็นมันเงาอย่างพินิจพิจารณา ข้างตัวมีเด็กหญิงตัวน้อยกำลังมองด้วยสีหน้าตื่นเต้นว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

   “คิดอะไรมากล่ะ แค่ซอยให้เข้าทรงก็พอแล้ว” ซูเล่ยมุ่นคิ้วหลังจากถูกจับผมจัดทรงมาหลายนาทีแต่ช่างทำผมอาสาก็ยังไม่ยอมลงมือเสียที เอาแต่แกว่งไกวกรรไกรคมเล่มเล็กที่ติดมาในกระเป๋าถือให้แสงสะท้อนไปมาเป็นที่ตื่นตาตื่นใจของเด็กที่ยังไม่รู้หลักการสะท้อนแสงของโลหะ

   “แต่ผมของเธอสวยดีออก จะตัดก็เสียดายนะน่าจะไว้ยาวสักหน่อยแล้วก็ซอยนิด ๆ พอจะทำให้เนื้อหอมได้เลย” ช่างทำผมอาสายิ้มหวาน “ที่จริงฉันสงสัยมาตลอดว่าทำไมระยะหลังชูเลย์ถึงได้ตัดผมสั้นทั้งที่ก่อนหน้านี้ชอบไว้ให้ดูยาวหน่อย มีอะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องที่คุณเวสลอยด์ไหว้วานหรือเปล่า?” บางครั้ง ผู้หญิงก็สามารถถามได้ตรงจุดอย่างน่าตกใจและไม่มีการอ้อมค้อมราวกับเป็นเรื่องธรรมชาติแสนปกติธรรมดา

   “ไม่เห็นเกี่ยวกับเธอนี่” ซูเล่ยตอบปัด “แล้วตกลงจะตัดหรือไม่ตัด ถ้าไม่ตัดฉันจะได้ไปทำความสะอาดต่อระหว่างเธอเล่นกับเอเดรียน”

   “ตัดสิ ทีนี้นั่งนิ่ง ๆ ล่ะ” ดูเหมือนลอร์เรนจะนึกได้แล้วว่าควรเล็มตรงไหนบ้าง “เอเดรียนถอยไปหน่อยนะจ๊ะ” เธอโบกมือให้เด็กหญิงถอยไปด้านหลังเพื่อไม่โดนลูกหลงจากการใช้ของมีคม จากนั้นปลายนิ้วเรียวก็เริ่มทำงานร่วมกับกรรไกรอย่างคล่องแคล่ว เส้นผมสีดำร่วงลงพื้นทีละช่อจากตอนแรกเป็นการตัดให้ได้ระดับที่ต้องการแล้วตามด้วยการซอยให้เข้าทรง ลอร์เรนจำไม่ได้ชัดเจนนักว่าทรงผมที่ซูเล่ยตัดก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร จึงคงทรงเดิมเอาไว้และทำให้ระดับสั้นลงกว่าเดิมเล็กน้อย

   ปอยผมบนพื้นแสดงถึงปริมาณของเส้นผมที่ถูกหั่นออก ซูเล่ยลูบผมตนเองที่สั้นเท่ากับเมื่อครึ่งปีก่อนแล้วก็รู้สึกสบายใจขึ้น ไม่รู้ว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น นับแต่เมื่อห้าปีก่อนที่เขาแยกจากอังเดรมาอย่างเงียบ ๆ ใจของเขาไม่เคยสงบเลยเมื่อมองดูตัวเองในกระจกและเห็นภาพเช่นเดียวกับที่อังเดรอาจจะจดจำได้ เพราะเหตุนั้นเองเขาจึงได้ตัดสินใจไว้ผมสั้นมาตลอด

   ชายหนุ่มลุกขึ้นขณะที่ลอร์เรนยกผ้าคลุมออกและสะบัดให้เส้นผมทั้งหมดลงไปอยู่บนพื้น เอเดรียนจ้องมองพี่เลี้ยงของตนด้วยความรู้สึกแปลกตาเล็กน้อย

   “เอเดรียนตัดผมด้วยนะ” เด็กหญิงว่าแล้วเข้าไปเกาะแกะลอร์เรน เพราะเมื่อเห็นคนใกล้ชิดทำสิ่งแปลกใหม่เธอจึงอยากจะทดลองดูบ้าง

   “จะดีหรือ ผมเอเดรียนสวยอยู่แล้ว ไว้ยาวจะน่ารักกว่านะจ๊ะ” หญิงสาวลูบผมยาวสลวยนุ่มมือ ใจจริงเธอคิดว่าเป็นการไม่เหมาะสมที่จะตัดผมให้เด็กคนหนึ่งโดยที่ผู้ปกครองไม่ยินยอม และในเวลาแบบนี้จะไปถามอังเดรก็ไม่ได้หรือจะโทรศัพท์ไปหาก็ออกจะเกินไปเสียหน่อย

   “แต่เอเดรียนอยากตัดเหมือนซูนี่นา” เอเดรียนหันไปหาซูเล่ยเพื่อให้ช่วยเป็นปากเสียงแทน กระนั้นซูเล่ยก็ไม่เห็นด้วยที่จะตัดผมเด็กหญิงลับหลังพ่อเช่นกัน

   “ไม่รอถามแดดดี้ดูก่อนหรือ?” เขาว่า

   “ทำไมต้องรอถามแดดดี้ล่ะ?” เด็กหญิงเอียงคอมองตาใสแป๋ว

   “ก็...ถ้าแดดดี้เกิดไม่ชอบขึ้นมา อาจจะโกรธจนไล่พี่ออกจากบ้านก็ได้” ซูเล่ยพูดโดยรู้อยู่แก่ใจว่าอังเดรไม่มีทางทำแน่นอน กระนั้นกลับทำให้เอเดรียนชะงักไปก่อนจะเบะปากด้วยความไม่พอใจ

   “เอเดรียนไม่ให้ซูไป” เธอผละจากลอร์เรนมาเกาะขากางเกงพี่เลี้ยงของตนทันที “ถ้าแดดดี้ไล่ซู เอเดรียนจะโกรธแดดดี้”

   “แต่เอเดรียนก็ไม่อยากให้แดดดี้เสียใจใช่ไหม?”

   เด็กหญิงพยักหน้า แม้จะรักพี่เลี้ยงมากแค่ไหนแต่ก็ยังรักพ่อมากกว่าอยู่ดี

   “ถ้าอย่างนั้นก็รอให้แดดดี้กลับมาแล้วลองถามดูสิว่าขอตัดผมได้ไหม”

   “ให้ลอร์เรนตัดให้ด้วยนะ” สำหรับเอเดรียนแล้ว การได้ทำกิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ เหมือนคนที่ตนเองชื่นชมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวดที่จะไม่ยอมให้ตกหล่นแม้สักรายละเอียด ด้วยเหตุนั้นเงื่อนไขการตัดผมจึงพ่วงชื่อช่างทำผมจำเป็นมาด้วยอย่างช่วยไม่ได้

   ซูเล่ยมองไปทางลอร์เรน ซึ่งเจ้าตัวก็แค่ยิ้มรับแทนคำตอบ

   “ถ้าแดดดี้โอเค...ก็ได้”

   เอเดรียนยิ้มกว้าง

   “งั้นเอเดรียนจะรอแดดดี้กลับมาแล้วขอแดดดี้ตัดผม”

   “แต่ระหว่างรอแดดดี้ เอเดรียนไปเล่นของเล่นกับลอร์เรนก่อนได้ไหม?” ชายหนุ่มโน้มน้าวให้เด็กหญิงเลิกสนใจเรื่องปัจจุบันเพราะเธอกระโดดกระเด้งไปทั่วจนเส้นผมที่กองรวมกันเริ่มกระจายเป็นฝอยซึ่งจะยากต่อการทำความสะอาดในภายหลัง และถึงแม้จะใช้ผ้าคลุมไหล่ไว้ตอนตัดแต่เส้นผมบางส่วนก็ร่วงลงไปใต้เสื้อทำให้คันยุบยิบจนรู้สึกอยากจะปลีกตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียที

ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
Re: Rhythm of Lust กลเกมเสน่หา ตอนที่ 18 [12/01/14]
«ตอบ #235 เมื่อ12-01-2014 16:05:09 »

   หลังจากเอเดรียนยอมให้ลอร์เรนพาตัวไปนั่งเล่นของเล่นใหม่ที่อีกฝั่งของห้อง ซูเล่ยก็เดินไปหยิบไม้กวาดและไม้ตักผงจากห้องใต้บันไดมาเก็บกวาดเศษซากอารยธรรมบนพื้นจนแน่ใจว่าสะอาดดีแล้วก็เก็บผ้าคลุมไปใส่เครื่องซักผ้าแล้วเดินขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

   ซูเล่ยมองตนเองในกระจกก่อนที่จะถอดเสื้อ ผมที่สั้นลงทำให้แปลกตาไปเล็กน้อยแม้แต่สำหรับตัวเขาเอง จึงไม่แปลกที่เอเดรียนจะสังเกตเห็นและอยากลองบ้าง

   ช่วงหลังของลำคอที่ตอนนี้ไม่มีสิ่งปิดบังทำให้รู้สึกวูบโหวงแปลก ๆ ในบางที และชั่ววินาทีหนึ่งที่เขาเผลอคิดไปว่าหากตอนนี้อังเดรยืนอยู่ด้านหลังและหายใจรดต้นคอจะรู้สึกอย่างไร แต่ในวินาทีต่อมาซูเล่ยก็รีบปัดความคิดนั้นออกไปจากสมองเพราะความกระดากอายที่วูบอยู่ในอก

   เมื่อซูเล่ยเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ลอร์เรนก็กำลังจะกลับพอดีเพราะหากมืดค่ำคงดูไม่ดีนัก

   “ของพวกนี้ทิ้งไว้ที่นี่ได้ใช่ไหม?” เธอชี้ของเล่นที่บางกล่องยังไม่ถูกแกะด้วยซ้ำ

   “ก็คิดว่าได้ ตอนเธอเอามาอังเดรก็ไม่ได้ว่าอะไรไม่ใช่หรือ?” ชายหนุ่มไหวไหล่พลางมองเอเดรียนที่กำลังสนุกกับการต่อหอคอยด้วยของเล่นรูปทรงต่าง ๆ กัน

   “ถ้ามันรกเกินไปก็ฝากไว้ในรถฉันได้นะ” ลอร์เรนว่า “ไปส่งที่รถหน่อยสิ”

   ซูเล่ยไม่อยากจะขัดใจและเห็นว่าเดินไปส่งก็ไม่เสียหาย จึงเดินตามออกไปที่รถโดยกำชับให้เอเดรียนรออยู่ในบ้าน เด็กหญิงได้ของเล่นแล้วก็ไม่อิดออดที่จะต้องเป็นคนเฝ้ารอเพราะมีของให้ฆ่าเวลา

   เสียงปิ๊บเบา ๆ จากรีโมทอันเล็กตามด้วยเสียงปลดล็อคประตูรถเป็นสัญญาณว่าประตูทั้งหมดสามารถเปิดออกได้แล้ว ลอร์เรนโยนกระเป๋าสะพายเข้าไปข้างในแต่กลับไม่ได้เข้าไปประจำที่คนขับในทันที เธอเปิดประตูค้างและหันมาทางซูเล่ย

   “ฉันได้ยินมาว่า เธอบอกคุณเวสลอยด์ว่าจะกลับใช่ไหม?”

   “ก็ใช่...” ซูเล่ยไม่แปลกที่ลอร์เรนจะรู้เพราะตอนนี้เธอนับเป็นคนหนึ่งที่ใกล้ชิดและได้รับความไว้วางใจที่สุดในหมู่คนในการปกครองของลามอนต์ เวสลอยด์

   “แล้ว?” หญิงสาวเลิกคิ้วเรียวเป็นแนวโค้งสวย

   “ก็ไม่มีอะไร แค่อังเดรคิดว่าฉันยังไม่ควรลาออก” ชายหนุ่มไหวไหล่ทำเหมือนว่าสิ่งที่พูดเป็นเรื่องแสนปกติธรรมดา เพราะไม่เห็นว่าการบอกความจริงทั้งหมดจะได้ประโยชน์อะไรทั้งสำหรับตัวเขาและลอร์เรน ซ้ำยังเป็นเรื่องที่น่าอายเกินกว่าจะพูดจากปากได้โดยตรง

   “งั้นหรือ? แต่ก็จริง...” ลอร์เรนโคลงศีรษะน้อย ๆ “เพราะถ้าเธอลาออกฉันคงต้องทำหน้าที่พี่เลี้ยงไปด้วยแล้วก็เป็นแม่บ้านไปด้วย”

   ข้อหลังดูจะเป็นปัญหาสำหรับลอร์เรน เพราะหญิงสาวถูกเลี้ยงมาแบบผู้หญิงสมัยใหม่คือทำงานเก่ง มีความสามารถเฉพาะตัว แต่ไม่ถนัดงานบ้านงานเรือนมากนัก ถึงแม้จะมีความสนใจเกี่ยวกับขนมหวานแต่อาหารคาวก็ไม่กระดิกเอาเสียเลย

   “ไม่หัดทำครัวเดี๋ยวก็ขายไม่ออกหรอ...” พูดไปแล้ว ซูเล่ยก็เผลอชะงักและกลืนคำพูดลงคอไป
   สิ่งที่เขาพูดมันอาจจะเป็นจริงก่อนหน้านี้ แต่...ปัจจุบันหญิงสาวคือคนที่ลามอนต์หมายมั่นปั้นมือให้เป็นภรรยาคนใหม่ของลูกเขย ดังนั้นจึงถือได้ว่าขายออกแล้วแบบกลาย ๆ

   “เป็นห่วงฉันหรือ?” ดวงตาสีเขียวกลมโตจับจ้องใบหน้าของคู่สนทนาพร้อมเผยรอยยิ้มเปิดเผยบนเรียวปากอิ่มสวย

   “ฉันก็ต้องห่วงเธออยู่แล้ว ไม่เห็นจะแปลก” ชายหนุ่มมุ่นคิ้วพลางพูดด้วยสีหน้าจริงจัง เรียกเสียงหัวเราะคิกจากผู้ฟัง

   “แล้วเป็นห่วงเรื่องไหนมากกว่า? เรื่องที่ฉันจะได้แต่งงานกับคุณแอชฟอร์ดแล้วกลายเป็นตัวแทนของมารีน หรือเรื่องที่เขาอาจจะปฏิเสธฉันในตอนท้าย?”

   เป็นคำถามที่ตอบยากเอาเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากลอร์เรนมีใจให้อังเดรขึ้นมา ไม่ว่าตัวเลือกไหนก็ทำให้เธอ เสียใจได้ทั้งสิ้น แต่หากลอร์เรนไม่ได้นึกชอบอังเดร ตัวเลือกแรกคงจะทำให้เจ็บปวดยิ่งกว่า กระนั้นผู้หญิงคนนี้กลับไม่แสดงความหวาดหวั่นต่ออนาคตของตนเองที่ถูกกำหนดโดยผู้อื่นแม้แต่น้อย บางครั้งเขาก็อดอิจฉาความเข้มแข็งของลอร์เรนไม่ได้

   “เธอคิดว่าจะชอบเขาได้จริง ๆ หรือ?”

   หญิงสาวกลอกตาเมื่อได้ยินคำถาม

   “คุณแอชฟอร์ดเป็นคนดี อาจจะมีข้อเสียอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาดูแย่ในสายตาของฉัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ถึงกับต้องตาต้องใจในทันทีจนอยากครอบครองเป็นเจ้าของเหมือนอย่างมารีน แต่เมื่ออยู่ด้วยกันไปนาน ๆ ก็จะเกิดเป็นความผูกพัน อาจจะถือได้ว่าเป็นความรักรูปแบบหนึ่งเหมือนกัน”

   คำตอบของลอร์เรนสามารถตอบข้อสงสัยของซูเล่ยได้อย่างครอบคลุม

   และก็เป็นจริงอย่างที่เธอว่า อังเดรไม่ใช่คนนิสัยเลวร้าย ไม่สำมะเลเทเมา ไม่ใช้กำลังโดยใช่เหตุ ให้เกียรติผู้หญิง ใจเย็นและขยันขันแข็ง ด้วยอุปนิสัยเหล่านี้คงจะทำให้คนเกลียดได้ยาก เมื่อมีทัศนคติที่ดีต่อกันและได้ใกล้ชิดกัน ไม่นานก็คงจะแปรเปลี่ยนเป็นความรักอันแสนเรียบง่าย ไม่ได้งดงามหวือหวาอย่างในเทพนิยายแบบที่ผู้หญิงทั่วไปใฝ่ฝันหา แต่ก็ดูเหมาะกับคนที่ดูเป็นผู้ใหญ่และอยู่ในโลกของความเป็นจริงอย่างลอร์เรน

   แต่...

   “เธอน่าจะปฏิเสธ...”

   “ทำไมล่ะ?”

   “ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วกับยังไม่แต่งงานมันไม่เหมือนกันหรอกนะ ถ้าหลังจากนี้เธอไปเจอคนที่ชอบจริง ๆ ก็จะหันหลังกลับไม่ได้ไม่ใช่หรือไง?”

   หญิงสาวฟังจบก็หัวเราะร่า

   “ยังทำตัวหัวโบราณเหมือนเดิมเลย” ว่าแล้วเธอก็ขยับเข้าไปใกล้ซูเล่ย “แต่ว่าที่นี่น่ะเป็นอเมริกา ไม่ใช่ประเทศจีนนะ”

   “ไม่ต้องย้ำเรื่องแบบนั้นก็ได้” ซูเล่ยกลอกตา

   ทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนิทสนมข้างรถของลอร์เรนโดยไม่ได้สังเกตถึงเวลาที่ผ่านไปรวมถึงคนที่เดินเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ

   อังเดรที่เพิ่งกลับมาจากโรงเรียนสอนลีลาศเพราะตัดสินใจกลับก่อนเวลาเลิกสังเกตเห็นรถของลอร์เรนที่ยังจอดอยู่หน้าบ้านทั้งที่คิดว่าน่าจะกลับไปแล้ว นอกจากนี้ข้างรถยังมีเงาคนสองคนกำลังพูดคุยกันอย่างสนิทสนมออกหน้าออกตาและใกล้ชิดเกินกว่าที่ชายหญิงซึ่งไม่มีความสัมพันธ์พิเศษทั่วไป ชายหนุ่มรู้ได้ในทันทีว่าเป็นลอร์เรนและซูเล่ย เพียงแต่รูปเงาของซูเล่ยดูแปลกไปจากที่เคยชินนิดหน่อย

   “กำลังจะกลับหรือครับ?” เขาเดินเข้าไปหาคนทั้งสองอย่างเป็นธรรมชาติและแย้มยิ้มให้ลอร์เรนเมื่อหญิงสาวยิ้มทักทาย

   “ค่ะ พอดีอยู่ตัดผมให้ชูเลย์ก่อนกลับก็เลยค่ำไปหน่อย”

   ตัดผม?

   อังเดรฟังแล้วหันไปมองซูเล่ยชัด ๆ จึงเห็นว่าที่ดูแปลกไปเพราะผมสั้นลงนั่นเอง

   “แล้วได้ทานอะไรหรือยังครับ?” เขาหันกลับไปถามลอร์เรนอีกครั้งเพราะไม่อยากไพลไปเรื่องซูเล่ยให้เสียมารยาทต่อผู้ร่วมสนทนา

   “ชูเลย์ทำอาหารง่าย ๆ ให้ทานแล้ว เขายังเก่งเรื่องงานบ้านงานครัวเหมือนเดิม ทำเอาฉันอิจฉาคุณกับเอเดรียนที่ได้ทานของอร่อยแบบนี้ทุกวันขึ้นมาเลยล่ะค่ะ”

   “ดูเหมือนเอเดรียนก็จะติดใจไม่น้อยเหมือนกัน ถึงขั้นไม่ยอมกินที่คนอื่นทำให้เลยทีเดียว” อังเดรตอบกลับพลางหัวเราะกลั้วไปด้วย “แล้วตอนนี้เอเดรียนหลับไปแล้วหรือ?” ชายหนุ่มหันไปถามซูเล่ยซึ่งมีหน้าที่ดูแลสวัสดิภาพของเอเดรียนโดยตรง คล้ายว่ากำลังตำหนิว่าเหตุผลจึงมายืนอยู่ที่นี่โดยทิ้งเอเดรียนไว้ลำพัง ซึ่งเจ้าตัวก็พอจะเข้าใจเจตนาจึงมุ่นหัวคิ้วก่อนตอบตามตรง

   “รออยู่ในบ้านน่ะครับ ผมกำลังจะกลับเข้าไปพอดี”

   “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเข้าไปพร้อมกัน”

   “เช่นนั้นฉันคงต้องขอตัวก่อน” ลอร์เรนก็คิดว่าตนเองถูกต่อว่าอย่างอ้อม ๆ เช่นกันจึงบอกลาทั้งซูเล่ยและอังเดรก่อนขึ้นรถและขับออกไป

   อังเดรเดินนำกลับเข้าบ้านก่อนโดยมีซูเล่ยเดินตามหลัง

   “ถ้าอยากตัดผมขนาดนั้นบอกให้ฉันพาไปก็ได้” ชายหนุ่มร่างสูงว่าขณะเปิดประตูเข้าไปในบ้าน น้ำเสียงดูจะแอบแฝงความไม่พอใจอยู่เล็กน้อย

   “ผมไม่อยากรบกวนขนาดนั้น แต่พอคิดจะออกไปตัดนอกบ้านก็มีเรื่องให้เจ็บตัวเสียก่อน” ซูเล่ยไหวไหล่แล้วปิดประตูลงกลอน ทว่าเมื่อหมุนตัวกำลังจะเดินเข้าไปข้างใน เขากลับพบว่าอังเดรยืนดักหน้าอยู่โดยทอดสายตามองลงมาคล้ายกำลังพิจารณาสิ่งที่อยู่ในระยะกรอบสายตาของตนเอง ซึ่งสิ่งนั้นก็คือตัวเขา...นับตั้งแต่ศีรษะจนถึงช่วงอกโดยประมาณ

   ฝ่ามือที่ประคองหญิงสาวมานับไม่ถ้วนยกขึ้นสัมผัสปลายผมที่ถูกตัดแต่งอย่างปราณีตทำให้ซูเล่ยไม่กล้าขยับเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร

   ระยะนี้อังเดรชักจะเดาใจยากขึ้นทุกที บางทีก็ดีบางทีก็ร้าย ซ้ำเวลาจะร้ายขึ้นมาก็กล้าทำเรื่องน่าอายที่แต่ก่อนนี้ไม่เคยกล้าได้อย่างหน้าตาเฉย

   มืออุ่นเลื่อนจากปอยผมด้านข้างไปถึงลำคอและท้ายทอย สัมผัสปลายของเส้นผมที่เรียงตัวสม่ำเสมอเพราะการจัดแต่งอย่างจงใจประหนึ่งกำลังสำรวจสิ่งที่ตนเองไม่คุ้นเคย แต่เมื่อสำรวจไปสักพัก ชายหนุ่มก็ใช้นิ้วหัวแม่มือดันคางอีกฝ่ายให้เชิดขึ้นขณะที่ตนเองโน้มใบหน้าลง

   ดวงตาทั้งสองสบประสานก่อนที่จะมีเสียงกล่าวว่า

   “เอาเถอะ แบบนี้ก็สะดวกดี”

   ตามด้วยการบังคับให้อีกฝ่ายเอียงคอไปด้านหนึ่ง เผยลำคอขาวซึ่งร่องรอยที่เคยฝากไว้เลือนหายไปหมดแล้ว ชายหนุ่มร่างสูงแนบริมฝีปากลง รู้สึกได้ถึงชีพจรเต้นระรัวภายใต้ผิวเนื้อบาง

   ซูเล่ยเกร็งตัวเล็กน้อยก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกขบเม้มบนลำคอ เขาดันอีกฝ่ายออกและตะปบบริเวณที่ถูกจู่โมโดยสัญชาตญาณ แต่มือข้างนั้นก็กลับถูกรั้งเอาไว้ เมื่อเงยหน้าขึ้นสบกับเจ้าของแรงดึงรั้งก็พบเห็นดวงตาคมปลาบเป็นประกายกล้าราวกับกำลังกรีดเฉือนร่างเนื้อภายใต้การควบคุมอย่างเย็นชา เขาถูกตรึงเอาไว้ด้วยดวงตาสีอ่อนคู่นั้นก่อนจะสะดุ้งไหวอีกครั้งเพราะฟันคมขบลงบนปลายนิ้ว ความรู้สึกราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านพาให้แขนไร้เรี่ยวแรงไม่สามรารถดึงมือของตนกลับมาได้

   “แดดดี้กลับมาแล้ว!” เสียงของเอเดรียนเสมือนระฆังสวรรค์ อังเดรผละจากสิ่งที่ทำอยู่อย่างทันทีทันใดและหันไปหาลูกสาวซึ่งเดินออกมารับที่หน้าประตู

   “ว่ายังไงเอเดรียน วันนี้ลอร์เรนพาเล่นสนุกไหม?” ชายหนุ่มอุ้มลูกสาวโดยไม่แสดงถึงพิรุธของสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้แม้แต่น้อย ผิดกับซูเล่ย...

   “แดดดี้กับซูทำอะไรอยู่เหรอ ทำไมซูถึงหน้าแดงแป๊ดเลยล่ะ?”

   เสียงทักทายของเด็กหญิงทำให้ซูเล่ยรู้ว่าตนเองกำลังมีสีหน้าแบบไหน และเขายิ่งกระดากอายยิ่งขึ้นจนไม่รู้จะหลบซ่อนอย่างไร ชายหนุ่มร่างเล็กยืดตัวขึ้นจากท่าเอนหลังพิงบานประตูขณะคิดหาคำตอบ แต่ดูเหมือนสมองที่สับสนของเขาจะไม่มีความจำเป็นเมื่อมีคนที่คิดได้ไวกว่า

   “ซูตากลมมากเกินไปก็เลยเป็นหวัดขึ้นมาล่ะมั้ง เมื่อกี้นี้แดดดี้ก็วัดไข้ให้ซูเหมือนที่เคยทำให้เอเดรียนไง” อังเดรตอบด้วยรอยยิ้มทำให้เอเดรียนไม่นึกสงสัยอะไร

   “แล้วซูไม่สบายหรือเปล่า?”

   “ไม่หรอก ซูสบายดี แค่ตากลมนานเกินไปเท่านั้นเอง” เขาว่าแล้วก็อุ้มเอเดรียนเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นโดยทิ้งคำพูดไว้เพียงแค่ “ซู อย่าลืมจัดอาหารให้ฉันด้วยล่ะ”

   ซูเล่ยต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าที่จะตั้งสติได้ว่าตนเองต้องทำอะไร บริเวณที่ถูกสัมผัสยังอุปทานว่ามีความอุ่นหลงเหลืออยู่จนถึงตอนนี้ ในตอนแรกเขาเผลอคิดไปว่าอังเดรจะจูบ แต่เมื่อกลายเป็นการกระทำอย่างอื่น ใจเขากลับเต้นระรัวยิ่งกว่าการจูบเสียอีก

   วูบหนึ่งที่รู้สึกราวกับว่า อังเดรสามารถอ่านความคิดของเขาได้ และรู้ว่าควรทำอย่างไรให้เขาหวั่นไหวและโอนอ่อนตามได้มากที่สุด

   เขาจะสามารถทนอยู่แบบนี้โดยไม่เผลอหลงคิดเข้าข้างตัวเองได้อีกนานแค่ไหนกันนะ...

TBC

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
Re: Rhythm of Lust กลเกมเสน่หา ตอนที่ 18 [12/01/14]
«ตอบ #236 เมื่อ12-01-2014 16:37:47 »

เอาเลยยยยยย คิดเข้าข้างตัวเองไปเลยซู เขาฮิตกันจะตาย 55555555


 :กอด1:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: Rhythm of Lust กลเกมเสน่หา ตอนที่ 18 [12/01/14]
«ตอบ #237 เมื่อ12-01-2014 16:38:53 »

อังเดรแย่ สงสารซู

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: Rhythm of Lust กลเกมเสน่หา ตอนที่ 18 [12/01/14]
«ตอบ #238 เมื่อ12-01-2014 17:30:29 »

เหมื่อไหร่จะเข้าใจกันเล่าาาาาาา

ิbabobean

  • บุคคลทั่วไป
Re: Rhythm of Lust กลเกมเสน่หา ตอนที่ 18 [12/01/14]
«ตอบ #239 เมื่อ12-01-2014 17:53:59 »

คุณอังเดรคิดไปถึงไหนแล้วคะนั่น ฮ่าๆๆๆ ดูเหมือนจะเข้ามาในจังหวะที่ชวนให้เข้าใจผิดอยู่เรื่อยเลย
แต่นั่นก็ทำให้ได้เห็นว่าใครบางคนกำลังลมออกหูอยู่นะ อิอิ *ส่งฮอลล์คูลให้คุณอังเดรหนึ่งเม็ด*
คิดว่าซูคงไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองผมยาวๆแน่ แล้วแบบนี้จะมีทางไหนที่ทำให้คุณพระเอกจำซูได้บ้าง
ตอนนี้คนอ่านนี่เดาไม่ถูกเลยค่ะ แงงงงงงงง :hao5: :hao5: :hao5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด