CHAPTER 5
“หยอด” “พระพายอยากกินซูชิ!”
“จ้าๆ รอแป๊บน้า คุณพ่อต่อแถวให้อยู่”
ผมเอ่ยพลางโยกเด็กน้อยที่นั่งตักผมอยู่ไปมา ชี้ไปที่คุณปฐพีซึ่งกำลังคุยกับพนังงานอยู่ ด้วยความที่วันนี้เป็นวันเสาร์ ร้านอาหารคนเลยเยอะเป็นพิเศษแม้ว่าตอนนี้จะเพิ่งสิบเอ็ดโมงก็ตาม ไม่นานเขาก็เดินมาบอกว่าอีกสองคิวเท่านั้น คงไม่นานเท่าไหร่
“พระพายอยากได้อะไรมั้ยลูก”
“ม่ายยยยยย” หลานส่ายหน้าเมื่อพ่อตัวเองถามแบบนั้น “วันนี้ได้เจอพ่อ พระพายดีใจแล้ว”
“ชื่นใจจังเลย มาหอมทีสิ”
คุณปฐพียิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนตามประสาพ่อที่รักลูกมาก คว้าตัวพระพายไปอุ้มไว้ บางทีผมก็อยากจะถามอยู่ว่าเขาอุ้มพระพายไหวอีกเหรอ ตัวหลานไม่ใช่เบาๆ เลยนะ ผมอุ้มแกนานๆ ไม่ค่อยได้หรอก
“เงียบเลยเหรอ...” ผมละสายตาพ่อลูกแล้วหันไปเอ่ยถามเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างกายแทน
อา ตอนนี้ฟ้าครามยังทำหางลู่หูตกไม่หายเลยแฮะ
เขาส่ายหน้าหงอยๆ “แล้วผมจะพูดอะไรล่ะครับ”
“ไม่ต้องเครียดก็ได้” ดูเหมือนเขายังไม่หายเครียดแม้ว่าผมจะพูดอย่างงี้ก็ตามที
เหอ คิดอะไรอย่างกับผู้หญิง แค่การที่เขาตอบรับคำเชิญของคุณปฐพีจนผมต้องออกมาจากบ้านตัวเองไม่ได้ทำให้ผมหงุดหงิดมากขนาดนั้นหรอกนะ แค่รู้สึกขึ้เกียจเฉยๆ เท่านั้นเอง
“แต่ว่า... คุณเพชรไม่อยาก...”
“ช่างมันเถอะน่า” ผมเอ่ยย้ำคำนี้อีกครั้ง “ความสุขหลาน”
คนข้างๆ ยิ้มออกมาบางๆ “คุณเพชรนี่รักพระพายมากเลยนะครับ” เขาเหลือบตาไปมองที่พระพายที่กำลังอยู่บนอ้อมกอดของคุณปฐพี
“แหงสิ หลานคนเดียวนี่นา ไม่รักแล้วจะไปรักใคร”
“ก็อย่างแฟน...?”
ผมเค้นหัวเราะออกมาเบาๆ “ไม่มีหรอก”
“อย่างคุณเพชรเนี่ยนะ?” คนข้างกายทำเสียงไม่น่าเชื่อ ผมหันไปเลิกคิ้วนิดหน่อยเป็นเชิงถามว่าทำไมทำให้เขาคิดว่าผมจะมี ดูเหมือนเขาเข้าใจภาษากายของผมเสียด้วย “ผมว่าคุณเพชรคงจะมีแต่คุณไม่เอาเขามากกว่าล่ะมั้ง”
“ไม่ใช่สักหน่อย” ผมเอ่ยเถียง “วัยนี้แล้วความรักมันไม่สำคัญขนาดนั้นแล้ว ไม่เหมือนวัยรุ่นหรอก สมัยก่อนก็มีเหมือนกันแหละ” อธิบายตามประสา คงเป็นเพราะว่าผมกับฟ้าครามวัยต่างกันล่ะมั้ง จะว่าไปมันก็เกือบจะสิบปีเลยนะ... อา มาคิดแบบนี้แล้วรู้สึกว่าตัวเองแก่จัง “ตอนนี้ผมมีอะไรสำคัญกว่านั้นเยอะ”
“อาฮะ” ดูเหมือนเจ้าของรอยยิ้มเทวดาจะเข้าใจผม “พระพายน่ะหรือ”
“ก็ใช่น่ะสิ จะไปเป็นใครที่ไหนอีก”
เด็กหนุ่มข้างกายพยักหน้าเบาๆ “หมายความว่าถ้าคุณจะมีแฟน คนๆ นั้นก็ต้องรักพระพายมากอย่างที่คุณรักงั้นสิครับ?”
“ก็ประมาณนั้นมั้ง” ผมตอบไปตามจริง
“อย่างงี้พวกสาวออฟฟิศก็คงลำบากสินะ...” ฟ้าครามพึมพำเบาๆ “เพราะคุณเพชรชอบคนที่เลี้ยงพระพายได้ซะด้วย”
“...”
“อย่างพวกพี่เลี้ยงเด็กนี่คงจะดี” ฟ้าครามไม่ว่าเปล่า เขาหันมามองผมและคลี่ยิ้มน้อยๆ เหมือนกับเทวดาจำแลงอีกครั้งหนึ่ง เพียงแต่คำพูดเขาไม่ได้ดูเหมาะกับรอยยิ้มนั้นเลย
...เหยดเข้ ถ้าจะรุกขนาดนี้ มึงแดกหัวกูเลยดีมั้ย! “คิวที่เจ็ด คุณปฐพีค่ะ...”
เสียงประกาศจากพนักงานทำให้ผมลุกพรวดขึ้นมาได้ ขอบคุณมากที่คุณปฐพีถูกเรียกเวลานี้พอดี พ่อลูกก็เดินเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่นราคาแพงโดยมีผมเดินเข้าไปติดๆ ไม่คิดจะเรียกพี่เลี้ยงที่ถูกรับเชิญมาทานข้าวด้วยเลยสักนิดเดียว
ผมว่าไอ้เด็กนี่น่ากลัวเกินไปแล้ว... มันชักจะเยอะเกินไปแล้ว ผมไม่ใช้พวกซื่อบื้อนะ มาพูดจาแถมมองหน้าเหมือนอยากจะเขมือบผมเข้าไปทั้งตัวแบบนี้ ร้อยทั้งร้อยก็รู้ตัวปะวะ ชิบหายแล้วไงพชร ไอ้เด็กนี่แม่งเป็นเกย์จริงๆ ใช่มั้ยวะเนี่ย
กูขอสงสารผู้หญิงไทยได้มั้ยวะ มึงแสนดีขนาดนี้มึงกินผู้หญิงไปเห๊อะ...
มาปลูกป่าทำไม! “พระพายกินอะไรเอ่ย” คุณปฐพีเอ่ยถามลูกตัวเอง
ผมมองเมนูไปเรื่อย ไม่ได้อยากทานอะไรเป็นพิเศษรู้สึกหวาดๆ กับคนข้างกายเล็กน้อยเท่านั้นเอง
เนื่องด้วยพระพายเข้าไปนั่งกับคุณพ่อของแกเรียบร้อย ผมเองก็นั่งตรงข้ามกับหลานแต่ว่าข้างๆ เป็นพี่เลี้ยงเด็กแทน ในใจอยากจะบอกกับคุณปฐพีว่าเปลี่ยนที่กันได้มั้ยอยู่หรอกนะ แต่นี่มันวันของพ่อลูก ผมจะไม่เอ่ยปากให้บรรยากาศกร่อย
“คุณเพชรทานอะไรครับ”
“อะ เอ่อ...” ผมอ้ำอึ้ง มึงหันไปสั่งของมึงสิ หันมาหากูทำไม อยากจะพูดแบบนั้นอยู่หรอก แต่ไม่ได้ทำเพราะหลานอยู่ “เอานี่ละกันครับ” สุดท้ายผมก็จิ้มเมนูให้พนักงานดูแทน
พอสั่งอาหารเสร็จสรรพแล้วคุณปฐพีจึงเอ่ยปากถามพี่เลี้ยงเด็ก เป็นการเปิดประเด็นบนโต๊ะอาหาร
“นี่คุณอายุเท่าไหร่น่ะ”
“ยี่สิบสองครับ”
“เหรอ... แล้วเรียนอะไรอยู่”
“ทันตะฯ ครับ”
เจ้าของรอยยิ้มเทวดาเอ่ยพร้อมกับบอกชื่อมหา’ ลัยต่อมา เป็นมหาวิทยาลัยที่ชื่อดังในด้านนี้ไม่น้อย จริงๆ ผมก็พอรู้แล้วแหละเนื่องจากเห็นเขาในชุดนักศึกษาและเคยถามคำถามนี้มาแล้ว อีกอย่างมันเป็นสถาบันที่ตั้งก่อนผมย้ายไปต่างประเทศเลยรู้จักอยู่แล้วด้วย
“ปีสี่ใช่มั้ย?”
“อ๋อ... เปล่าครับ ปีสาม”
คำตอบของฟ้าครามทำให้ผมเลิกคิ้วนิดหน่อย “เรียนช้าเหรอ” ปกติอายุยี่สิบสองน่าจะอยู่ประมาณปีสี่หรือไม่ก็ปีห้าแล้วนี่นา
“ผมไปแลกเปลี่ยนมาหนึ่งปีน่ะครับ”
“อ๋อ” ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจแต่ไม่คิดจะถามอะไรต่อ ปล่อยให้คุณปฐพีสอบถามไปแทน
“ได้ยินว่าพี่สาวเป็นครูใช่มั้ย มีพี่น้องกี่คนเหรอ”
“ผมเป็นลูกคนที่สามครับ มีพี่สาวหนึ่ง พี่ชายหนึ่ง” ฟ้าครามเอ่ยปากบอกออกมา นั่นเป็นข้อมูลของเขาที่ผมเพิ่งรู้เหมือนกัน “ที่บ้านผมมีเด็กเยอะก็ลูกของพวกพี่ๆ น่ะครับ”
พ่อของพระพายพยักหน้า “ดีนะมีพี่น้อง จะได้คอยช่วยเหลือกัน”
“ครับ” ฟ้าครามรับคำยิ้มๆ
“แล้วลูกผมดื้อบ้างมั้ย ทำอะไรยุ่งยากรึเปล่า”
“พระพายเป็นเด็กดีนะคะ!”
หลานเถียงออกมาเบาๆ แล้วทำหน้ายู่ เป็นท่าทางน่ารักที่ทำให้คนหัวเราะทั้งโต๊ะ ผมเอื้อมมือไปหยิกแก้มแกเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยว แต่พระพายก็เป็นเด็กดีจริงๆ นั่นแหละ
“พระพายเป็นเด็กดีนะครับ ซนน้อยกว่าหลานผมเยอะ ยิ่งพวกเด็กผู้ชายนี่... ดื้ออย่างบอกใคร”
“ดีแล้วแหละ ผู้ชายมันก็ดื้ออยู่แล้ว” คุณปฐพีเอ่ยปากออกมายิ้มๆ “จริงๆ เด็กผู้หญิงวัยนี้ก็น่าจะดื้อนะ แต่คงเป็นเพราะเพลงเลี้ยงลูกมาดี”
“เพลง? แม่นมเหรอครับ”
“พี่สาวผม” ผมเอ่ยออกมาอย่างทันควัน “คุณคิดว่าพระพายเป็นลูกคุณหนูขนาดนั้นเลยรึยังไงกัน” ว่าเสียงขุ่นอย่างไม่ชอบใจนัก
จริงๆ ผมก็รู้แหละว่าคุณปฐพีเป็นพวกคุณชาย แต่ถ้าเป็นคุณชายแบบที่ปิดไฟเลือกเมียใหม่ก็คงจะไม่ได้แปลว่าฉลาดเท่าไหร่หรอก
ฟ้าครามหน้าเจื่อนไปนิดหน่อยและไม่ได้พูดอะไรต่อ เห็นแบบนั้นผมก็ถอนหายใจหนักๆ ออกมา
“ไม่ต้องคิดมากหรอก”
“แต่คุณเพชร...”
ผมหันไปมองอีกฝ่ายเป็นเชิงตำหนิ พี่เลี้ยงเด็กจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ
พนักงานเอาอาหารมาเสิร์ฟพอดี ผมปล่อยให้ทั้งสองพูดคุยกันไปโดยมีเรื่องครอบครัวเป็นประเด็นเสียส่วนใหญ่ในขณะที่ผมก็คอยดูแลหลานให้กินเรียบร้อย แน่นอนว่าพระพายก็ไม่ได้ทำเลอะอะไร ผิดวิสัยเด็กสี่ห้าขวบไปมากโข
“พระพายอยากไปไหนอีกไหมคะ”
คุณปฐพีเอ่ยถามลูกเสียงอ่อนขณะที่พวกเราเดินออกมาจากร้านอาหาร ผมตั้งใจจะไปหาซื้ออะไรเข้าบ้านเพิ่มสักหน่อย
“พระพายอยากดูหนัง!” หลานตอบเสียงดังชัดถ้อยชัดคำ “อยากดูลูฟี่ น้า~ น้าคะคุณพ่อ!”
คุณพ่อหันมามองหน้าผมเป็นเชิงว่า ‘ไอ้ลูฟี่คืออะไร’ แต่ผมยักไหล่ มันก็แค่ไอ้มนุษย์ยางยืดที่อยากเป็นราชาโจรสลัด นี่ผมเลี้ยงหลานสาวแน่รึเปล่าก็ยังไม่มั่นใจ พระพายไม่ชอบตุ๊กตาบาร์บี้เลย ไม่ชอบการ์ตูนแนวผู้หญิงๆ ด้วย ผมเห็นแกดูแต่พวกโดราเอมอน วันพีช ดราก้อนบอล... เหอ อันนี้ผมต้องโทษพี่เพลงรึเปล่าเนี่ย?
“เป็นหนังอะไรเหรอคะ” คุณปฐพีก้มลงถามลูกต่อ
“เป็นโจรสลัดๆ”
“ไพเรต ออฟ เดอะ..”
“ไม่ช่ายยยย” หลานเถียง “แล้วก็มียืดดดด ด้วย!”
ผมหลุดหัวเราะออกมานิดหน่อยกับคำอธิบายของหลานเมื่อพระพายชูมือขึ้นแล้วทำท่า ‘ยืด’ ด้วยการบิดมันไปมา ดูท่าคุณพ่อจะกลัวว่าแขนลูกจะบิด พี่เลี้ยงเด็กเลยอธิบายออกมาแทน
“การ์ตูนที่พระพายชอบดูน่ะครับ”
“อ๋อ...” คุณปฐพีร้องอ๋อ “มันมีฉายในโรงเหรอ” เขาถาม
“มีๆ” พระพายตอบให้เสร็จสรรพ “มีภาคพิเศษ น้าคุณพ่อน้า ไปดูกับพระพายนะคะ”
เอาเป็นว่าเจอหลานอ้อน ร้อยทั้งร้อยก็ต้องใจอ่อน
แม้ยังไม่รู้ว่าหนังนี่จะมีฉายที่ห้างแห่งนี้จริงรึเปล่าคุณปฐพีก็ให้คำยืนยันลูกเรียบร้อยตามประสาพ่อที่ตามใจ เขาหันมาตกลงกับผมว่าเขาจะขึ้นไปดูที่หน้าโรงถึงตารางและถามว่าผมจะไปด้วยหรือไม่
“ไม่ล่ะ” ผมปฏิเสธ “ผมต้องซื้อของเขาบ้าน” พยายามหาข้ออ้างที่ดูดีซึ่งมันก็ไม่ใช่ข้ออ้างหรอก
“แล้ว...” คุณพ่อหันไปหาพี่เลี้ยงเด็ก
“ไม่ล่ะครับ”
ตาผมแทบเหลือกทันทีที่ได้ยินคำตอบ ไปกับเขาสิ เป็นพี่เลี้ยงเด็กไม่ใช่เหรอ ไปสิเว้ย ไปๆ!
“พี่ฟ้าไม่ไปเหรอค้า...”
พระพายทำเสียงอ่อย เอามือจิ้มๆ ที่ขาของฟ้าเหมือนกับจะออดอ้อน อยากจะจับหลานมาจุ๊บๆๆๆ สักหลายทีที่ทำตัวอ้อนถูกฤกษ์ยาม ปกติต้องอิจฉาแต่วันนี้ไม่ใช่
“ผมว่าจะไปซื้อของให้พี่สาวนิดหน่อย” พี่เลี้ยงเด็กคลี่ยิ้มเทวดาก่อนที่จะยืนยันอีกที
“เดี๋ยวผมไปกับคุณเพชรดีกว่า” อยากจะหันไปบอกฟ้าครามเหลือเกิน
...เยอะไปรึเปล่ามึงอ่ะ! ลงท้ายด้วยการที่ฟ้าครามมากับผมจริงๆ
โชคดีที่ไอ้มนุษย์ยางยืดอะไรของพระพายมีฉายที่โรงนี้พอดีและรอบค่อนข้างจะลงตัว ผมมาหาซื้อของเข้าบ้าน และพ่วงมาด้วยพี่เลี้ยงเด็กที่ตอนนี้ดูมันจะทำผิดหน้าที่ไปนิ๊ด...
จ้างมาเลี้ยงเด็กไม่ใช่มาเลี้ยงน้าเด็กเว้ย!
อยากจะพูดออกไปมากแต่ผมไม่ได้พูดเพราะยังรู้สึกเกรงใจอยู่บ้าง มันอุตส่าห์เป็นคนดีมาช่วยงาน ตอนแรกค่าแรงจะไม่เอาด้วยซ้ำ เราจะไม่ทำร้ายเด็กครับ กลัวเด็กมีปมในใจ เดี๋ยวทำให้มันไม่กล้าทำดีจะยุ่ง นายพชรจะเป็นบาปอีก
“คุณเพชรจะซื้ออะไรครับ” ฟ้าครามคลี่ยิ้มออกมาบางๆ “แค่ตะกร้าจะพอเหรอครับ เอารถเข็นมั้ย”
“พอน่า” ผมตอบปัด “อยู่แค่สองคนจะเอาอะไรมาก”
“เผื่อจะรับใครมาอยู่ด้วยสักคน”
ขนลุกตั้งใจปลายตีนจนถึงก้านสมองเลยทีเดียว
เยอะไปละ เยอะไปละนะมึง! ผมไม่ตอบอะไรและเดินนำมาทันที ขนลุกเกรียวทั่วร่างกับคำพูดอย่างนี้ พยายามเข้าใจว่าฟ้าครามเป็นผู้ชายที่ชอบเล่นมุกจีบ มันจะต้องมีบ้าง... ไม่ได้หมายถึงมีการจีบผู้ชายบ้างนะครับ หมายถึงการที่มีพวกชอบหยอดมุกทุกวินาที หยอดเอาๆ โดยไม่สนใจว่าคนนั้นจะเป็นผู้หญิงหุ่นตุ่ม ผู้ชาย เพื่อนสนิท พี่น้อง กระทั่งหมาข้างบ้านผมก็เชื่อว่าคนประเภทนั้นหยอดได้ ผมจะคิดว่าฟ้าครามเป็นคนประเภทนั้นละกัน
“ผมไปซื้อยาสระผมให้พี่หน่อย” ฟ้าครามเอ่ยปากออกมาขณะที่ผมหยิบกาแฟสำเร็จรูปเข้าตะกร้า
“อือ”
“...คุณเพชรครับ?”
“รู้แล้ว” ผมพยักหน้าซ้ำอีกที “ก็ไปสิ”
“ผมหมายถึง เอ่อ... ไปด้วยกัน...”
ผมร้องออกมาก่อนที่จะเดินนำหน้าไปที่แผนกความสวยความงามทันที ฟ้าครามเองก็เดินตามมาติดๆ
ทีอย่างนี้ล่ะเงียบเชียว เมื่อกี้ยังหยอดเอาๆ อยู่เลย
ผมแอบนึกอย่างแปลกใจ ฟ้าครามเป็นพวกเอาแน่เอานอนไม่ได้ละมั้ง อาจจะพอเห็นว่าผมไม่ชอบให้เล่นแบบนั้นด้วยเลยเลิกเล่นมากกว่า
ผมเหลือบตามองเด็กทันตะฯ เลือกแชมพูให้พี่สาวโดยมีพนักงานสาวน้อยสาวใหญ่มายืนต้อนรับแบบไม่สนใจแขกคนอื่น มันทำให้รู้สึกขำเล็กน้อยนะ จะว่าไปแล้วเจ้าเด็กนี่มันก็เป็นพวกหน้าตาดีนี่นา
“คุณเพชรเอามั้ยครับ”
“หือ? ไม่หรอกๆ”
“ผมเห็นมันจะหมดแล้ว” ผมเลิกคิ้วอย่างงุนงงเมื่อจู่ๆ พี่เลี้ยงเด็กก็เอ่ยปากออกมาแบบนั้น ผมยังจำได้ว่าแชมพูยังพอมีอยู่นี่นา “ตอนผมเข้าห้องน้ำน่ะครับ”
“...คุณจำได้เหรอเนี่ย?” ผมครางออกมาอย่างเหลือเชื่อนิดหน่อย
จริงๆ แชมพูยังไม่หมดแต่ก็หดไปเยอะแล้วเหมือนกัน ขวดหนึ่งผมใช้ได้นาน อาจจะเป็นเพราะผมไม่ได้ยาวอะไรมากล่ะมั้ง มันน่าแปลกที่ผมต้องถูกพี่เลี้ยงเด็กเตือนความจำถึงจะนึกออกนี่แหละ
ฟ้าครามหัวเราะแฮะๆ แต่ไม่ได้เอ่ยปากตอบอะไร “ผมว่าแบบนี้ก็ดีนะ” เขาหยิบขวดหนึ่งขึ้นมาให้ดู “พี่ชายผมก็ใช้”
“เหรอ เอามาก็ได้”
พี่เลี้ยงเด็กหยิบแชมพูสองขวดขึ้นมาและมาหย่อนไว้ที่ตะกร้าซึ่งผมถืออยู่
“ผมว่ากลิ่นมันหอมดี”
“เหรอ...”
“...ผมชอบกลิ่นแบบนี้” เขาเอ่ยปากต่อ
“ช๊อบ... ชอบ” ขนลุกซู่ซ่าปาทังกี้ปาทังก้าขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งเมื่อฟ้าครามไม่ได้ว่าเปล่าหากแต่หันมามองผม และเน้นคำว่า ‘ชอบ’ ด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะ... แสดงเจตนารมเหลือเกิน
ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอก่อนที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นต่อไป
สรุปมึงจะหยอดหรือมึงจะเจี๋ยมเจี้ยมกันแน่ฮะไอ้เทวดา กูชักเสียวก้นแล้วนะ!----------------------------------------
ออกมาจากกองหน้าสือและการบ้าน 
ขอปลีกตัวไปสอบหน่อยนะคะ <3
น่าจะได้มาตอนช่วงหยุดปีใหม่ (ไม่มีแพลนไปไหน...)
ทุกคนที่จะติดสอบก็ต้ั้งใจอ่านหนังสือกันนะคะ
แล้วก็ดูแลสุขภาพด้วยนะคะทุกคน
เยิ้ปปปป!
<3
NN