
CHAPTER 7
“แขกไม่ได้รับเชิญ” [ ผมอยากพาพระพายไปเที่ยวด้วย ]
ประมาณวันอาทิตย์ คุณปฐพีโทรมาหาผมเช่นนั้น ก่อนที่จะชี้แจงชุดใหญ่ว่าวันศุกร์ที่จะถึงนี้เป็นวันเกิดของเขา เขาอยากพาพระพายไปเที่ยวกับครอบครัวด้วย โดยมีผู้ร่วมทริปคือเขา น้องภาพพิมพ์ (น้องสาวคนละแม่ของพระพาย) และคุณลดา เมียใหม่ของเขา
แน่นอนว่าคำตอบของผมมันชัดเจน ‘ผมอยากให้พระพายไปนะ แต่ขอโทษจริงๆ ครับ...’
[ ทำไมล่ะ ] เสียงคุณปฐพีแข็งขึ้นมาเล็กน้อย [ ถ้าเป็นกังวลเรื่องพระพาย ผมเองก็ดูแลแก... ]
‘ผมไม่ได้กังวลว่าพระพายจะเป็นอะไรแบบนั้น’ ผมพูดแทรกขึ้นมาอย่างเสียมารยาท
พระพายเองก็ไม่ใช่เด็กเกเรเกตุง ส่วนคุณปฐพีเองก็คงดูแลหลานเหมือนกัน ดูเขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยเลือกที่รักมักที่ชังกับลูกหรอกนะ แม้ว่าน้องพิมพ์จะเป็นเด็กอายุไม่ถึงขวบก็ตามที
[ แล้วคุณกลัวอะไรล่ะครับ ]
‘คุณรู้คำตอบอยู่แล้ว’ ผมพูด ถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างเหนื่อยใจ ‘ผมไม่ไว้ใจคุณลดา’
พอโดนผมพูดแบบนี้เข้าให้ปลายสายก็เงียบกริบไปพักหนึ่ง เขาไม่ได้แย้งอะไร แต่เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ แทน
[ ผมอยากให้ลูกไปเที่ยวด้วยกันเท่านั้นเอง ]
‘ผมก็อยากให้คุณพาไปนะ’ ลึกๆ ในใจผมกลัวว่าพระพายจะรู้สึกว่าตัวเองไม่เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของคุณปฐพีรึเปล่า แต่ผมก็วางใจเรื่องเมียเขาไม่ได้จริงๆ ‘ผมขอโทษ’
[ ไม่เป็นไร... ผมเข้าใจ เพราะผมเองก็ไม่วางใจดาหรอก ]
คิดดูละกันว่าเมียใหม่เขาแสบขนาดไหนถึงทำให้สามีไม่วางใจได้
‘ผมขอโทษจริงๆ’
ผมเอ่ยย้ำด้วยความรู้สึกผิดและเหลือบมองไปข้างใน ตอนนี้พระพายกำลังนั่งวาดรูประบายสีอยู่ ส่วนผมหลบมาที่ระเบียงเพราะไม่อยากให้หลานได้ยิน
[ งั้นไว้ผมจะพาพระพายไปเที่ยวทีหลัง ] คุณปฐพีบอกออกมาแบบนั้น [ ถามลูกให้หน่อยนะว่าเขาอยากไปที่ไหน ]
‘โอเค’
เป็นอันจบบทสนทนา
วันจันทร์ผมมาทำงานเหมือนกับปกติ กินข้าวเหมือนกับปกติ คอยรับโทรเช็กความเรียบร้อยของพี่เลี้ยงเด็กและหลานของผมในตอนกลางวันเหมือนปกติ
แต่รู้มั้ย... มีอะไรไม่ปกติ [ เดี๋ยวเย็นนี้ผมไปรับนะครับ ] ไม่โอเคอย่างรุนแรง นี่พูดเลย!
ผมกำลังจะกลับเข้าไปทำงานอีกครั้งสำหรับช่วงบ่ายแต่กำลังซื้อกาแฟที่ร้านหน้าบริษัทอยู่ ไอ้พี่เลี้ยงเด็กเจ้าปัญหาก็โทรเข้ามา แรกๆ ก็รายงานปกติแหละครับว่าพระพายเป็นยังไง ตอนนี้ทำอะไรอยู่ ตอนกลางวันหลานกินข้าวกับอะไร แต่พอผมจะวางสายเท่านั้นแหละ มันก็พูดแทรกขึ้นมาแบบเนี้ย!
“ไม่ต้อง ผมกลับเองได้” ผมยืนยันคำเดิม เกือบลืมไปแล้วว่าต้องกังวลเรื่องนี้นะเนี่ย เห็นที่ผ่านมามันก็ไม่เห็นทำอะไร นึกว่าตอนนั้นมันหยอดเล่นๆ เสียอีก
[ ทำไมล่ะครับ ]
“ผมกลับเองได้”
[ แต่คุณโหนรถเมล์... ]
“ผมกลับเองได้” ผมย้ำอีกครั้งเสียงแข็ง “คุณไม่จำเป็นต้องมารับผม จะมาให้เปลืองน้ำมัน...”
[ น้าเพชรขา~ ] ถ้อยคำที่ตั้งใจจะใช้พูดกับเจ้าพี่เลี้ยงเด็กที่หลังๆ ชักจะลามปามผมมากเกินไปถูกกลืนลงคอทันทีเมื่อเสียงหวานๆ แต่ติดพูดไม่ชัดเอ่ยออกมาจากปลายสาย
“วะ ว่าไงจ๊ะพระพาย” ...ใจอ่อนยวบเลยทีเดียว
[ น้าเพชรไม่อยากให้พี่ฟ้าไปรับเหรอค้า? ] ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างฝืนทน [ พระพายอยากเจอน้าเพชรเร็วๆ น้า... ]
“อะ เอ่อ...”
[ น้าเพชรจะได้กลับบ้านเร็วๆ ไงคะ ]
“คือ...”
ทำไมหลานกูมันฉลาดจังวะเนี่ย! [ น้าเพชรค้า ]
“เอาให้น้าคุยกับพี่ฟ้าหน่อยค่ะ”
[ เย้! ]
ผมขมวดคิ้วนิดหน่อยเมื่อได้ยินเสียงหลานร้องเย้ออกมาจากปลายสายแต่ยังไม่ทันที่จะพูดอะไร เสียงกุกๆ กักๆ ก่อนที่จะเป็นเสียงพี่เลี้ยงเด็กคนเดิมดังขึ้นมา
[ ให้ผมไปรับคุณเพชรที่ไหนครับ ]
“ติดสินบนหลานรึเปล่า” ผมเอ่ยถามเสียงห้วน
ปลายสายหัวเราะนิดหน่อย [ ที่ทำงานคุณเพชรอยู่ตรงไหนเหรอครับ ]
…ติดสินบนพระพายชัวร์เลย!
ผมกัดฟันกรอดอย่างนึกโมโหในใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากบอกชื่อบริษัทและสถานที่ตั้งไปตามจริง จังหวะเดียวกับที่กาแฟที่ผมสั่งได้พอดี พอบอกเสร็จผมก็ตัดสายเจ้าพี่เลี้ยงเด็กตัวแสบนั่นโดยไม่ต้องคิดเลย
“อ้าว” เดินออกมานอกร้าน ปลายรุ้งที่บอกผมว่าจะเข้าไปซื้อชาเย็นในร้านเจ็ดสิบเอ็ดก็เดินออกมาพอดี “เป็นอะไรน่ะเพชร หน้าบึ้งเชียว”
“เบื่อ” ผมตอบไปตามจริง “เมื่อไหร่จะหาพี่เลี้ยงใหม่ได้นะ” พึมพำนิดหน่อยอย่างเสียอารมณ์
ปลายรุ้งทำหน้าแปลกใจ “คนนี้ไม่ดีเหรอ ไหนบอกว่าไว้ใจได้”
ผมถอนหายใจเบาๆ และเลี่ยงที่จะไม่ตอบแทน มันก็ไว้ใจได้อยู่หรอก... แต่ตอนนั้นพูดเพราะกลัวว่ามันจะทำอะไรกับหลานไง ใครมันจะคิดว่านี่มันหวังเคลมผมไม่ใช่หลาน!
“เขาเป็นอะไรเหรอ” รุ้งถามย้ำ
“เปล่าหรอก” ผมพยายามเลี่ยงการจะพูดว่าตอนนี้ตัวเองโดนผู้ชายจีบอยู่ “แค่... ลามปามนิดหน่อย” พยายามเลือกใช้คำที่เหมาะสมที่สุด
“อ๋อ น้องเขาอยู่มหา’ ลัยนี่” เจ้าหล่อนพยักหน้า “อาจจะเล่นไปทั่วรึเปล่า แต่เขาก็ดูแลหลานดีใช่มั้ย”
“ก็ใช่หรอก” ผมถอนหายใจเบาๆ “แต่มัน... เฮ้อ ช่างมันเถอะ” ทำใจจะพูดว่าตัวเองโดนผู้ชายรุกคืบใส่ไม่ได้จริงๆ แถมเป็นผู้ชายที่อายุห่างกันเกือบสิบปีอีกต่างหาก เหมือนโดนเด็กปีนเกลียวยังไงไม่รู้
“อือ มีอะไรก็พูดได้นะ” หล่อนยิ้มอย่างเป็นมิตร “ถึงรุ้งจะช่วยอะไรไม่ค่อยได้ก็เถอะ”
“แค่ช่วยฟังก็ดีแล้วน่า” ผมระบายยิ้มให้เธอกลับเช่นกัน
ผมไม่ได้มีทัศนคติที่ไม่ดีอะไรกับเกย์หรอกนะ ไม่อย่างนั้นผมคงคบกับไอ้ธามไม่ได้ อีกอย่างมีคนรู้จักของผมที่เมืองนอกเมืองนาเป็นรักร่วมเพศเยอะจะตายไป เพียงแต่ผมไม่เคยรู้สึกหวั่นไหวกับผู้ชายมาก่อน ไม่เคยสับสนว่าตัวเองจะเป็นหรือไม่ ตลอดชีวิตที่ผ่านมาผมรักแต่กับผู้หญิงเท่านั้น และไม่เคยคิดอยากจะลองหนทางใหม่ๆ ด้วย
เหลือบตามองคนข้างกายนิดหน่อย ปลายรุ้งน่ารักโดยนิสัย เธอฉลาด มีความสามารถในเรื่องทำงาน พวกเราคุยกันได้หลายเรื่อง ถ้าเป็นสมัยก่อนผมคงไม่คิดจะชอบผู้หญิงแบบนี้หรอก มันฉลาดเกินไป และหน้าตาเธอก็ไม่ได้ดีอะไรมากขนาดนั้น แต่เมื่ออายุมากขึ้น... ผมชอบผู้หญิงแบบเธอมากกว่าผู้หญิงที่ดีแต่เปลือกซะอีก
อาจจะเป็นเพราะมันถึงเวลาที่จะมองหาแม่แล้วล่ะมั้ง?
และนายพชรขอประกาศไว้ตรงนี้เลยว่า จะเอา ‘แม่ของลูก’ ไม่เอา ‘พี่เลี้ยงของหลาน’! [ ผมเข้าซอยมาแล้วครับ ใช่ตึกที่มีรูปใบไม้อยู่รึเปล่า ]
“เออ” ผมตอบปลายสายเสียงห้วน “รออยู่หน้าตึก แค่นี้นะ” ก่อนที่จะตัดสายอย่างไร้มารยาทไม่ใช่น้อย
ตอนนี้เป็นเวลาเลิกงานตามปกติของผม มันก็เป็นเวลาปกติของบริษัทอื่นๆ นั่นแหละผู้คนเลยเดินกันขวักไขว่ส่วนผมรออยู่ที่หน้าบริษัทคนเดียว
ปลายรุ้งขับรถตัวเองกลับ ยังไม่ลืมที่จะถามผมว่าจะให้ไปส่งมั้ย น่าเสียดายที่ผมต้องตอบปฏิเสธไป บอกว่ามีคนมารับแล้ว ที่จริงแล้วเธอหยิบยื่นน้ำใจให้ผมตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วแต่ผมต้องไปรับพระพาย ซึ่งมันคนละทางกับที่ไปบ้านเธอผมเลยเกรงใจ
ไม่นานรถโฟล์คสีขาวที่เคยนั่งเพียงครั้งเดียวและทำให้ผมได้พี่เลี้ยงเด็กมาก็มาจอดที่หน้าบริษัท ผมเหลือบตามองอย่างไม่มั่นใจว่าใช่รึเปล่า แต่พอกระจกที่นั่งคนขับเลื่อนลงเท่านั้นผมก็เดินเข้าไปเปิดประตูรถอย่างถือวิสาสะทันที
“ขอบใจมากที่มารับ” ถึงจะไม่เต็มใจให้มันมารับและผมเสียมารยาทแล้วแต่ผมก็พูดคำขอบคุณจนติดปากซะแล้ว
พี่เลี้ยงเด็กหันมายิ้มให้ผมเล็กน้อย “พาพระพายมาด้วยนะครับ”
“น้าเพชรค้า!”
“อ้าว ไปนั่งนั่นทำไมล่ะคะ” ผมอุทานออกมาเบาๆ เมื่อพระพายชะโงกหน้าออกมาจากเบาะหน้า เมื่อกี้มองผ่านกระจกที่เลื่อนลงมาผมก็ไม่เห็น ไม่อย่างนั้นไปนั่งกับแกแล้ว “นั่งดีๆ นะ อย่าไปรบกวนพี่ฟ้าเขา”
“หอมแก้มหน่อยค่า” หลานยื่นแก้มมานิดหน่อย
ผมกดหอมลงอย่างชื่นใจ อา... เข้าใจคนหลงลูกจริงๆ เลยนะ พระพายเองก็หอมผมกลับเหมือนกัน
“หอมพี่ฟ้าด้วยสิคะ” “SH*T!” ผมสะดุ้งและเผลอสบถคำหยาบออกมาเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงทุ้มๆ ดังขึ้นใกล้หู
คนพูดหันมายกยิ้มให้ผมนิดหน่อยแต่ผมผละกายถอยมาจากเบาะหลังแทบจะในทันที “ไฟเขียวแล้ว” กัดฟันกรอดพูดออกมาลอดไรฟัน
ฟ้าครามหัวเราะเบาๆ และหันไปบังคับรถตัวเองดีๆ ใหม่
...ถามจริงเถอะ สมัยเด็กๆ พ่อแม่เลี้ยงด้วยอะไร ทำไมโตขึ้นมามันถึงเนียนได้แบบนี้!
ไม่ใช่ผิวเนียนนะ... พฤติกรรมมึงน่ะ เนียน! พระพายพูดจ้อตลอดทางจนกลับถึงบ้าน ส่วนพี่เลี้ยงเด็กก็กลายเป็นคนขับรถให้พวกเราเสียอย่างนั้น มันถามพระพายว่าอยากกินอะไรนอกบ้านมั้ย แต่หลานปฏิเสธ
“พระพายไม่อยากกินค่ะ” หลานตอบอย่างชัดเจน “เดี๋ยววันเสาร์พระพายก็ได้ทานกับคุณพ่ออยู่ดี เนอะน้าเพชร” หลานหันมายิ้มให้ผมเออออไปด้วย
จริงสิ ผมยังไม่ได้บอกแกเลยนี่นาว่าคุณปฐพีจะไปเที่ยว สงสัยจะไม่ได้เจอกันหรอกสัปดาห์นี้
เดี๋ยวนะ ผมรู้ข่าวเรื่องวันเกิดคุณปฐพีแล้ว ผมจะทำเนียนไม่ให้ของขวัญได้มั้ยวะเนี่ย? แต่มันก็ไม่น่าจะเป็นอะไรนะ... อา เอาของขวัญที่ผมเคยได้แต่ผมยังไม่ได้ใช้ไปให้จะดูเลวไปมั้ยนะ
“คุณเพชรครับ”
“หือ!” ผมร้องออกมาเสียงดังนิดหน่อยเมื่อพี่เลี้ยงเด็กเอ่ยเรียกชื่อผมตอนอยู่ในภวังค์ “มีอะไรเหรอ”
“นั่น... พ่อของพระพายรึเปล่าครับ”
ผมหันไปมองตามทางที่ฟ้าครามหันหน้าไปมอง ก่อนที่จะเห็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ตรงนั้น เอ๊ะ ถึง
บ้านผมเมื่อไหร่เนี่ย? เร็วเชียว...
คุณปฐพียืนอยู่ใกล้ๆ กับรถของตัวเอง ชะโงกหน้าเข้าไปในบ้านของผม ในมือถือโทรศัพท์ทำท่าเหมือนจะกดเบอร์โทรออก แต่ไม่ต้องทายเลยว่าจะกดเบอร์ใคร
“พระพายคะ ระวังรถนะ” ผมเอ่ยเตือนหลาน ขณะที่รถเลื่อนเข้าไปจอดใกล้รั้วบ้านของผมเอง คุณปฐพีหันมามองนิดหน่อย
พอรถจอดสนิทผมก็เอื้อมมือไปเปิดประตูลงจากรถและอ้อมไปอีกด้านเพื่อเปิดประตูให้หลานลงมาทันที พระพายรีบวิ่งแจ้นไปหาพ่อแท้ๆ ของตัวเองจนผมต้องเอ่ยปรามว่าให้แกระวัง
“คุณพ่อ!”
“ว่าไงคนเก่ง” คุณปฐพียิ้มออกมาทันทีเมื่อเห็นหน้าลูก “น้าเพชรพาไปไหนมาคะ”
“พี่ฟ้าพาไปรับน้าเพชรที่ทำงานค่า!”
ผมส่ายศีรษะเบาๆ ก่อนที่จะปิดประตูรถลง เป็นจังหวะเดียวกับที่ฟ้าครามลงจากรถมาพอดี
“สวัสดีครับ” พี่เลี้ยงเด็กยกมือไหว้ตามมารยาทของเขานั่นแหละ
“ทำไมวันนี้พ่อมาละคะ วันนี้ไม่ใช่วันเสาร์สักหน่อย” หลานถามพ่อตัวเองอย่างสงสัย
ไม่ใช่แค่หลานหรอกที่สงสัย ผมเองก็สงสัยเหมือนกัน นี่คงไม่ได้คิดจะมาชวนพระพายไปเที่ยวด้วยตัวเองหรอกนะ ขืนเป็นแบบนั้น หลานคงอยากไปและผมก็คงห้ามแกไม่ได้ด้วย แม้ว่าจะกังวลเรื่องลดาก็ตามที
“จะมาชวนพระพายไปเที่ยวน่ะค่ะ ดีมั้ยเอ่ย”
...นั่นไงล่ะ ผมหน้าตึงขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น เห็นเขาดูเหมือนถอดใจไปแล้วเรื่องจะชวนพระพายไปเที่ยว เขาก็พูดเองว่าไม่ไว้ใจเมียตัวเองแล้วยังจะเอาลูกไปเสี่ยงอีก
“ไปเที่ยว!” พระพายทวนคำอย่างตื่นเต้น “ไปไหนเหรอค้า ไปกันกี่คนเหรอ”
“เข้ามาคุยในบ้านก่อนครับ” ผมเอ่ยขัดเสียงห้วนอย่างหงุดหงิดใจเล็กน้อย
คุณปฐพีมองหน้าผมก่อนจะยิ้มเจื่อนๆ กลับมา นั่นทำให้ผมพ่นลมหายใจอย่างไม่สบอารมณ์นัก เหมือนฟ้าครามเองก็รู้ตัวว่าตอนนี้ตัวเองเป็นคนนอก
“เอ่อ ผม... เตรียมกับข้าวไว้แล้ว”
“เข้ามาทำสิ” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจอะไรนัก ตอนนี้เป็นห่วงเรื่องพระพายมากกว่า
ผมเปิดประตูบ้านให้ทั้งสามคนเข้ามา ถอดทุกเท้าโยนเข้าตะกร้าที่วางอยู่ใกล้ๆ อย่างไม่ใส่ใจมารยาทแล้ว ส่วนฟ้าครามเลือกที่จะเดินไปที่ครัว นานวันผมยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ได้แค่พี่เลี้ยงแต่ได้แม่บ้านเลยต่างหาก
ผมพาคุณปฐพีกับพระพายมาอยู่ที่โต๊ะทานข้าว หลานก็ดูตื่นเต้นกับคำว่าไปเที่ยวเสียเหลือเกิน
...ก็นั่นสินะ ผมยังไม่ได้พาแกไปเที่ยวเลยสักครั้ง
“จะพาพระพายไปเที่ยวไหนครับ” ผมเอ่ยออกมาเสียงเรียบพลางหยิบแก้วน้ำมารินน้ำให้แขกไม่ได้รับเชิญ “พาไปกับใครบ้าง”
“ว่าจะพาไปทะเล” คุณปฐพีตอบ “ดาไม่ไปแล้วครับ เราตกลงว่าจะไปเที่ยวช่วงสงกรานต์กันแทน”
“งั้นผมอนุญาต” พอได้ยินว่าเมียเขาไม่ไปด้วยแล้วเท่านั้นแหละ ผมอนุญาตโดยไม่ต้องคิดเลย แค่ได้ยินว่าเจ้าหล่อนไม่ไปด้วยอารมณ์ก็ดีขึ้นมาทันตา “คุณคงไม่ได้ทะ... อา” ผมกำลังจะถามว่าไม่ได้ทะเลาะกับเขาใช่มั้ยแต่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าหลานอยู่ตรงนี้ ไม่อยากให้แกฟังอะไรที่ไม่ดีเสียด้วย
“นิดหน่อยครับ” หน้าพ่อของพระพายเจื่อนลงเล็กน้อย “แต่เขาคงเข้าใจ”
...ถ้าเข้าใจแล้วมาทำร้ายพระพายอีกก็ไม่ไหวนะ
ผมส่ายหน้าอย่างเอือมระอานิดหน่อย กลัวเจ้าหล่อนจะทำแบบนั้นเสียจริง “แล้วกลายเป็นคุณจะไปกับพระพายสองคนเหรอ”
“เปล่าครับ” เขาส่ายหน้า
“ผมว่าจะชวนคุณไปด้วย” คำพูดนั้นทำให้ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจนิดหน่อย “ขอผมคิดดูก่อนนะครับ แล้วมีคนอื่นอีกมั้ย?”
“คงไม่มีแล้วล่ะครับ”
ผมกับคุณปฐพีไม่ค่อยได้คุยอะไรต่อเพราะเดิมทีพวกเราก็ไม่มีเรื่องจะคุยกันอยู่แล้ว ผมขอปลีกตัวไปอาบน้ำและปล่อยให้พ่อลูกพูดคุยกันไปแทน พระพายดูตื่นเต้นกับการไปเที่ยวครั้งนี้... บางทีตอนอยู่กับพี่เพลงแกก็อาจจะไม่ได้ไป เพราะพี่เพลงเลี้ยงลูกคนเดียว คงไม่มีเวลามากนักหรอก
ให้หลานไปเที่ยวบ้างก็ดีเหมือนกัน ผมใช้เวลาอาบน้ำไม่นานเหมือนกับผู้ชายทั่วๆ ไป พอเดินลงมาเห็นพี่เลี้ยงเด็กมานั่งเนียนกับพ่อลูกเรียบร้อยเสียแล้ว
“ดีนะครับ... ไปเที่ยวด้วยกันเป็นครอบครัว”
ผมเดินลงบันไดมา ดูเหมือนคนอื่นจะยังไม่เห็นผมเพราะตั้งวงสนทนาหัวเราะกันคิกคัก เออดี... บางทีเจ้าพี่เลี้ยงเด็กนี่ก็มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีเกินคนแก่ไปนิด... ไม่นิดแหละ เยอะเลย ปกติเด็กแบบนี้คุยกับคนวัยสามสิบไม่ค่อยได้หรอกนะ
“พระพายอยากไปที่ไหนเป็นพิเศษมั้ยคะ”
“พระพายอยากไปนั่งเรือโกอิ้งแมรี่!” ผมหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ คำตอบแบบเด็กๆ ของหลาน สงสัยพระพายยังดูไม่จบสินะ ตอนหลังโกอิ้งแมรี่มันตายไม่ใช่เหรอ (มันเป็นเรือนะ...) หรือผมจำผิดเองนะ?
“พ่อพาพระพายไปไม่ได้แน่เลย” คุณปฐพีทำหน้าเสียใจ “เอาไว้จะพาไปนะคะ” ตามฉบับคนรวยผมคิดว่านั่นหมายถึงการพาไปเที่ยวญี่ปุ่นแหงๆ
“ผมอยากไปบ้างนะ นานแล้วที่ไม่ได้เที่ยว เรียนอย่างเดียว” ฟ้าครามเอ่ยเหมือนกับบ่นอะไรสักอย่าง
“เหรอครับ” คุณพ่อลูกสองทำหน้าเหมือนเห็นใจ
“ถ้าไปด้วยได้ก็คงดีนะครับ ฮ่ะๆ”
“...เป็นความคิดที่ดีนะ”
ผมอ้าปากค้างกับคำพูดของคุณปฐพีที่หลุดออกมา พอได้ยินแบบนั้นแล้วผมอยากจะเดินเข้าไปบอกว่ามึงหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ แต่ดูเหมือนจะไม่ทันซะแล้ว
“งั้นไปด้วยกันมั้ยครับ” ...คือเวรอะไรวะเนี่ยยยยยยย!--------------------------------------------
โนทอล์กค่ะ งานท่วมหัวมาก T_T
ขอให้มีความสุขมากๆ และระวังตัวกันด้วยนะคะ!
[/color]