CHAPTER 26
“ผู้ชายมั่นหน้า” ผมไม่เคยนึกหวาดกลัวอะไรขนาดนี้มาก่อน หมายถึงเคย... แต่นั่นมันนานมากแล้ว
ทันทีที่ผมรับรู้ว่าพระพายหายผมรีบเดินเข้าไปถามเจ้าของร้านทันที “เห็นหลานของผมมั้ยครับ!”
เจ้าของร้านทำหน้าตกใจ ก่อนที่จะส่ายหน้า
เพียงเท่านั้นผมก็พุ่งตัวออกจากร้านทันที ในหัวกำลังคิดว่าแถวนี้มีสถานที่ใดที่พระพายจะไป มองซ้ายมองขวาก็เห็นแต่ร้านขายสัตว์เลี้ยงจำพวกสัตว์น้ำ ไม่ใช่สิ่งที่หลานชอบเสียหน่อย
โธ่เว้ย พชร คิดสิ คิด!
ผมรู้สึกว่าเหงื่อเริ่มซึมออกตามกาย มองซ้ายมองขวา ไม่มีที่ใดเลยที่ผมคิดว่าเป็นสถานที่ที่หลานจะไป แถมหลานไม่เคยจะไปไหนไม่บอกผม ผมกำชับแกตลอดว่าเวลาไปไหนให้บอกผมก่อน
กรามของผมขบเข้ากันแน่น พระพายไม่มีโทรศัพท์มือถือ ผมไม่มีทางติดต่อหลานได้แน่ๆ
พอคิดเช่นนั้นผมก็รีบเดินไปในทางที่เดินผ่านมา ถามใครว่าเห็นเด็กวัยประมาณสี่ขวบเดินผ่านมาทางนี้บ้างมั้ย แต่ผลที่ได้เหมือนกันหมดคือการส่ายหน้า
ผมรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจับใจ พระพายไปไหน พระพายอยู่ที่ไหนและ...เกิดอะไรขึ้น...
ความกลัวเข้าเกาะกุมทุกอณูของหัวใจ ผมกำหมัดแน่น น้ำตาแทบไหลออกมาเป็นสาย แต่สิ่งเดียวที่ต้องทำตอนนี้คือการหาตัวพระพายก่อน
บ้าเอ๊ย.. ทำไมตอนนั้นผมไม่จับมือแกไว้แน่นๆ
ถ้าพระพายเป็นอะไรไปจะทำยังไง!
ผมวิ่งไปถามผู้คนตลอดสองข้างทาง ไม่มีใครให้คำตอบที่ทำให้ผมใจชื้นได้เลยแม้แต่น้อยจนกลับมาที่ร้านเดินซึ่งผมหลงกับพระพาย
“หลานผ่านมามั้ยครับ”
เจ้าของร้านส่ายหน้าอีกครั้งด้วยแววตาเสียใจ “เอาเบอร์ติดต่อมาครับ ถ้าผมเห็นผมจะโทรไปบอก”
“ขอบคุณมากครับ”
ผมให้เบอร์เขาไปก่อนที่จะถามเขาว่าการติดต่อประชาสัมพันธ์ติดต่อได้ที่ใด เขาบอกว่าให้ไปหาป้อมยามเพื่อที่จะให้ติดต่อ ผมไม่รีรอ ถามทางแล้ววิ่งไปที่นั่นทันที
ผ่านไปราวสิบนาทีตั้งแต่ที่ผมรู้ตัวว่าพระพายหลงไป แต่ผมรู้สึกเหมือนเป็นสิบชั่วโมง ในหัวคิดไปต่างๆ นานาว่าถ้าเกิด...เกิดเหตุร้ายกับหลาน... ผมจะเอาอะไรไปสู้หน้าคุณปฐพี สู้หน้าพี่เพลงบนสวรรค์ ผมรู้สึกกลัวมากจริงๆ เหนือสิ่งอื่นใดผมขอให้หลานปลอดภัย
ราวๆ ห้านาทีเพราะผมวิ่งมาที่ป้อมยาม หลังผมชุ่มเหงื่อเพราะความเหนื่อยและความหวาดกลัวปะปนกันไป
“พี่ครับ...” ผมกำลังจะเอ่ยปากทักพี่ยาม แต่ได้ยินเสียงประกาศเสียก่อน
‘คุณพชร คุณน้าของน้องพระพาย น้องพระพายรออยู่บริเวณ...’
“น้าเพชร!”เสียงที่คุ้นหูของเด็กน้อยตะโกนขึ้นเสียงดัง
“พระพาย...” ผมเอ่ยเสียงอ่อนเมื่อเห็นหลานโผล่มาจากด้านหลังของพี่ยาม “โอ๊ย ไปไหนมาคะ น้าตกใจ...ฮึก”
น้ำตาผมรื้นขึ้นมานิดหน่อยเมื่อได้กอดหลาน
เมื่อกี้ผมกลัวจริงๆ นะว่าถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับพระพายผมจะอยู่ยังไง ถ้าหากผมไม่ได้เจอหน้า ไม่ได้กอดแกแล้ว ใจผมจะสลายถึงเพียงไหน
“คุณพชรเหรอครับ” พี่ยามถามผมด้วยสีหน้าไม่ไว้ใจ
“ใช่ค่า นี่หน้าเพชรของหนู” คนตอบคำถามกลับเป็นหลานด้วยซ้ำ
ผมอุ้มพระพายขึ้นมากอดแน่นด้วยความหวาดกลัวกับเหตุการณ์เมื่อกี้ พี่ยามยังทำหน้างุนงงอยู่นิดหน่อยแต่สุดท้ายก็ได้แค่เอ่ยปากเตือน
“คราวหลังระวังด้วยนะครับ”
“ครับ ขอบคุณพี่มากๆ นะครับ” ผมพูดคำขอบคุณไม่ขาดปาก รู้สึกขอบคุณจริงๆ
“ผมไม่ได้ทำอะไรเลย น้องฉลาด วิ่งมาหาผมเอง”
พอได้ยินแบบนั้นผมก็ดันพระพายมามองหน้า หลานส่งยิ้มกว้างให้ผม พูดคำที่ทำให้ผมน้ำตาคลอ
“ก็น้าเพชรเคยบอกพระพายไงว่าถ้าหาน้าเพชรไม่เจอให้มาหาพี่ยาม”
“...โอ๊ย ให้ตาย”
ผมพึมพำเบาๆ กับคำพูดของแก ขอบคุณที่พระพายเป็นเด็กฉลาด วันนี้ผมไม่ได้พูดคำนี้ด้วยซ้ำ ความรู้สึกผิดยิ่งเกาะกุมผมมากกว่าเก่าเสียอีก
หลานอายุเท่านี้ยังมีสติมากกว่าผมเสียอีก ผมรึวิ่งวนเป็นคนบ้า ทำไมไม่คิดให้ได้เร็วกว่านี้
“ไปไหนมาลูก น้าตกใจหมด” ผมถามด้วยความเป็นกังวล
หลานทำหน้าบึ้ง “พระพายไปทิ้งไม้ไอติมแป๊บเดียวน้าเพชรก็หายไปแล้ว!” พูดจบผมก็เขกกะบาลแกไปทีหนึ่ง
“ทำไม่บอกน้าล่ะ”
“...”
“พระพาย” ผมเรียกชื่อหลานเสียงเข้ม
สุดท้ายหลานก็ก้มหน้าลงอย่างสำนึกผิด พูดออกมาเบาๆ แต่ดังพอที่จะทำให้ผมได้ยิน “พระพายขอโทษค่ะ” พอได้ยินเช่นนั้นผมก็ลูบหัวแกเบาๆ
พระพายเล่าต่อว่าแกเห็นว่าผมดูปลาอยู่เลยเดินออกมาทิ้งขยะ แต่หาถังขยะไม่เจอเลยเดินไปถามคนอื่นว่าถังขยะอยู่ไหน พอเดินไปทิ้งปุ๊บกลับมาก็ไม่เจอผมแล้ว เราคงคลาดกัน หลังจากนั้นแกก็เดินออกมาจากร้านเดิม (ผมไม่ซื้อปลาแม่งล่ะ ไหนบอกไม่เจอหลานวะ) เดินถามหาพี่ยาม แล้วมีคนใจดีช่วยพามาส่งที่นี่ให้
“เก่งมากลูก” ผมเอ่ยปากชม “แต่คราวหน้าจะไปไหนบอกนะ ถ้าหากันไม่เจออีกจะทำยังไง” ผมตำหนิแกเสียงอ่อน หลานพยักหน้า ผมพ่นลมหายใจ ต้องขอบคุณพี่เพลงที่สอนพระพายมาดีจริงๆ นั่นแหละ “เอาล่ะ... กลับบ้านกันมั้ยคะ”
หลานเอียงคอ “น้าเพชรไม่เอาปลาแล้วเหรอ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ”
“แต่พระพายอยากดูอีกอ่า...” แกอ้อนแบบนั้น
แล้วคนอย่างผมจะทำอะไรได้ นอกจากพยักหน้ายอมให้แกไปเดินดูสัตว์เลี้ยงที่ผมคงไม่คิดจะซื้อในวันนี้ไปเรื่อยๆ โดยจับมือแกไว้ตลอดทาง
เมื่อกี้ผมกลัวจริงๆ นะ
กลัวว่าจะไม่ได้จับมือของพระพายอีกครั้ง
...ผมกลัวมากจริงๆ
สุดท้ายพวกเราก็เดินไป หาอะไรกินไปในจัตุจักรอีกราวๆ ชั่วโมงเศษๆ ก่อนที่พวกเรากลับบ้าน โดยที่ผมไม่ได้ปลาใดๆ มาเลี้ยง แต่เป็นหลานที่ได้ชุดนอนกับชุดเอี๊ยมมาหนึ่งตัว หลานไม่ได้อยากได้หรอกนะ แต่ไอ้ผมเองนี่แหละที่คิดว่ามันน่ารักดีเลยซื้อให้แก (แต่พระพายเองก็ดูดีใจนะครับ)
ผมเองก็ตระหนักแล้วว่าบางทีผมควรจะพักเรื่องเลี้ยงสัตว์ไปก่อน แม้ไอ้สัตว์ที่ว่าจะเลี้ยงเป็นแค่ปลาก็เถอะ เอาไว้พระพายไปอยู่บ้านนู้นค่อยว่ากันดีกว่า
อีกแป๊บเดียวสินะ...
ไอ้เราก็รู้อยู่หรอก แต่มันใช่ทำใจง่ายๆ เสียเมื่อไหร่เล่า
กลับบ้านแล้วผมก็ไปอาบน้ำก่อน พอดีเห็นพระพายนั่งเล่นเหมือนกับมีพลังงานมากมายนี่นึกอิจฉาเป็นบ้า ยิ่งแก่ยิ่งไม่อยากจะขยับตัวไปไหนเลย
ผมอาบน้ำสระผมเสร็จแล้วก็มานั่งให้พัดลมจ่อหน้าในเสื้อย้วยๆ กับกางเกงบ๊อกเซอร์สภาพแบบบอกให้ใครต่อใครรู้ว่ากูกลับบ้านแล้วเว้ย
ขณะที่นั่งผมก็คิดเรื่องไปเรื่อยๆ ว่าตัวเองต้องจัดการอะไรบ้าง ทั้งเรื่องพระพาย ถ้าแกไปอยู่ที่นู่นแล้ว ผมก็คงต้องหาโอกาสไปเจอแกบ่อยๆ คุณปฐพีคงจะไม่ค่อยมีเวลาดูแลหลานเท่าไหร่ตามประสานักธุรกิจใหญ่ แต่อย่างน้อยก็เห็นว่ามีพวกแม่นม พี่เลี้ยงเด็กช่วยอยู่ อันที่จริงถ้าไม่มีเรื่องคุณลดาผมก็คงให้แกอยู่กับพ่อแกอย่างสบายๆ ไปแล้ว
...คุณปฐพีจะดูแลแกดีมั้ย
ผมพ่นลมหายใจและส่ายหน้า ทำอย่างกับวันนี้ผมดูแลแกดีตาย
ครืด
โทรศัพท์ผมสั่นเบาๆ ทำให้ผมคว้ามันขึ้นมาดู ก็มีอยู่คนเดียวแหละครับ เจ้าเก่าเลย... พอเปิดโอกาสให้แล้วก็ชวนหาเรื่องนั้นนี้คุยตลอด
‘กลับยังครับ?’ เมื่อยังไม่ได้เปิดอ่านแต่ข้อความก็ขึ้นเป็นสัญญาณเตือนที่หน้าจอ ผมอมยิ้มจางๆ รอดูว่าอีกฝ่ายจะพิมพ์อะไรต่อมาอีก
ผ่านไปราวๆ สองนาทีเขาก็พิมพ์เพิ่มมาแบบที่คิด
‘แดดแรงนะ เดินเที่ยวใส่หมวกด้วย’ ผมหัวเราะพรืดกับคำพูดนั้น คิดว่านายพชรเป็นเด็กสาวที่ไหนรึยังไงฮึฟ้าคราม
แต่พอคำที่มันพิมพ์กลับมาอีกรอบผมถึงกับต้องกดเข้าไปอ่าน
‘อย่าไปหลงลูกหมาที่ไหนอีกนะครับ...’นี่ก็ย้ำจริ๊งงงงง!ผมหัวเราะออกมาเบาๆ มั่นใจมากสินะว่าตัวเองเหมือนลูกหมา ก่อนที่จะพิมพ์ตอบกลับไป
‘ยุ่งอะไรด้วย’ฟ้าครามส่งสติ๊กเกอร์กลับมาเป็นรูปไอ้หัวเหลืองร้องไห้น้ำตาอาบแก้ม เห็นแล้วก็ได้แต่หัวเราะ ก่อนที่เขาจะตอบกลับมา
‘แล้วได้ซื้อมั้ยครับ’‘ไม่อ่ะ’ เขาส่งสติ๊กเกอร์รูปไอ้หัวเหลืองนั่นชูนิ้วโป้งขึ้นมาจนผมต้องขมวดคิ้ว
‘อะไรของคุณ’‘เลี้ยงผมไว้คนเดียวก็พอแล้วครับ’…ไอ้เด็กคนนี้!
ผมไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเอาหน้าซุกหมอนไปกลั้นยิ้มไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ขอบคุณที่มันไม่มาพูดจาแบบนี้อยู่ตรงหน้า ไม่งั้นผมคงเมื่อยปากตายที่ต้องเก๊กฟอร์มให้ฟ้าครามเห็น
‘มั่นหน้า’ ผมตอบไปสั้นๆ
‘ก็ผมมั่นใจ’‘เหรอ? มั่นใจแค่ไหนล่ะ’อีกฝ่ายเงียบเมื่อโดนผมถามแบบนี้กลับไปบ้าง ทั้งๆ ที่ขึ้นให้เห็นชัดเจนว่าฟ้าครามอ่านคำถามของผมแล้ว ผมสิที่รอว่าเขาจะพูดอะไร อันที่จริงนี่ไม่ใช่คำถามที่ต้องการคำตอบขนาดนั้นหรอก แต่คิดไปคิดมา... เขาอาจจะนั่งหาคำตอบให้ผมก็ได้
สุดท้ายเขาก็พิมพ์กลับมา เป็นคำตอบสั้นๆ ที่ทำให้ผมรู้สึกดี
‘มั่นใจเท่าที่คุณเพชรมั่นใจในตัวผมเลยล่ะครับ (:’แปลว่ามั่นใจมากพอดูเลยนะ... ฟ้าคราม แล้วชีวิตของพวกเราก็เข้าสู่ความปกติอีกครั้ง ผมยังไม่ได้บอกเรื่องที่พระพายหายไปคราวนั้นกับคุณปฐพี บอกตรงๆ ว่ารู้สึกละอายใจ อีกอย่างผมมองว่าเรื่องนี้จริงจัง จะขอโทษเขาก็คงจะรอให้เจอหน้าเขาเห็นทีจะดีกว่า
ฟ้าครามเองก็กลับมาทำงานแบบปกติ แล้วยังมาทำหน้าที่เดิมคือการไปรับผมจากที่ทำงาน วันๆ ก็เอาแต่มองหน้าผมแล้วก็ยิ้ม จากนั้นก็มองหน้าผมใหม่ แล้วก็ยิ้มใหม่...
ชีวิตดูมีความสุขไปแล้วนะ ได้ข่าวว่ากูจ้างมาดูแลหลาน!
“ไปหาอะไรทานกันมั้ย” วันนี้ฟ้าครามเองก็มารับผมเหมือนเดิมพร้อมกับพระพาย
ผมพยักหน้า “เอาสิ” เข้าใจฟิลล์ผู้ชายโสดที่ต้องไปนั่งทำอาหารเองมั้ยครับ... คือหลายครั้งมากที่รู้สึกขี้เกียจ เหนื่อยสายตัวแทบขาดแต่ก็ต้องกลับมาทำอาหารกินเอง ทั้งๆ ที่อาหารที่ทำได้มันก็มีอยู่แค่ไม่กี่เมนูมั้ยครับ เพราะงั้นการเลือกทานอาหารข้างนอกจะดีที่สุด
พวกเราเลือกร้านอาหารราคากลางๆ แถวๆ บ้านของผมร้านหนึ่ง ผมเคยพาพระพายกับคุณปฐพีมากินแล้ว หลานเองก็ไม่มีปัญหาอะไร จริงๆ พระพายก็เป็นเด็กกินง่ายอยู่ง่ายมานานแล้ว
“กินไรคะ” ผมถามหลานที่นั่งข้างๆ
“พระพายเอาชุดนี้ๆๆ” หลานก็จิ้มเมนู บอกบริกรไปตามประสา
พวกผมก็สั่งอาหารไปบ้างเป็นจานเดี่ยวกันทั้งนั้นเพราะกลัวว่าจะทานกันไม่หมด ระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟฟ้าครามก็เอ่ยปากคุยกับพระพายไปด้วย
“เคยมากินแล้วเหรอคะ”
“ค่า”
“อย่าลืมเอาของวันนี้ให้น้าเพชรดูนะ” ผมเลิกคิ้วกับคำพูดนั้น แต่ฟ้าครามกลับเอานิ้วชี้ตัวเองจรดริมฝีปากและเอ่ยพูดกับพระพาย “ความลับ”
“ความลับค่า!”
“ความลับเยอะ...” ผมแกล้งดึงแก้มหลานด้วยความหมั่นไส้
พวกเรากินอาหารกันจนเสร็จและฟ้าครามขับรถมาส่งผมกับพระพายที่บ้าน ปกติเขาจะกลับบ้านเลยแต่วันนี้มาแปลกไปเสียหน่อย
“ผมหิวน้ำจังเลย”
คนฟังอย่างผมได้แต่หรี่ตา “อยากจะเข้าบ้านก็บอก ไม่ต้องอ้อมค้อม”
“คุณเพชรนี่ฉลาดจังนะครับ” ฟ้าครามไม่ทำหน้าแปลกใจ ยิ้มรับด้วยรอยยิ้มเทวดาแบบที่ผมเห็นแล้วได้แต่เบ้ปาก ถึงอย่างงั้นก็ยอมเปิดประตูให้เขาเข้ามาง่ายๆ
...ผมก็อยากรู้เหมือนกันแหละว่าไอ้ ‘ความลับ’ ของเขากับพระพายมันจะเป็นอะไร
หลานวิ่งรี่เข้าบ้านเป็นคนแรกจนผมต้องเอ่ยเตือน “พระพาย อย่าวิ่งสิคะ เดี๋ยวล้ม!” ถึงพูดแบบนั้นก็ได้ยินเสียงหลานหัวเราะคิกคัก ผมได้แต่ค่อยๆ ถอดรองเท้าและเดินขึ้นตามไป โดยมีฟ้าครามเดินตามอยู่ข้างหลัง“เตรียมอะไรไว้ล่ะ” ผมหันไปถามพี่เลี้ยงเด็ก
อีกฝ่ายยักไหล่ “มันก็ง่ายๆ แหละครับ เห็นพระพายน่าจะชอบเลยเอามาให้เล่น”
ผมพึมพำว่าเล่นอะไรวะแต่ก็ไม่คิดจะถามต่อ มั่นใจว่าเดินตามหลานไปก็จะรู้
พอเดินขึ้นไปก็ตามที่คิด พระพายยิ้มกริ่มถืออะไรสักอย่างไว้ด้านหลัง “อะไรเอ่ย?” หลานถามเสียงรื่น
ผมแกล้งทำซื่อ “เอ... อะไรน้า...” แกล้งลากเสียงยาวเหมือนกับพระพายบ้าง
หลานไม่ปล่อยให้ผมรอนาน แกทำเสียงแต่นแต๊นแต๊นนนนน.... ก่อนที่จะชูสิ่งที่แกเตรียมไว้ให้ผมดู
ผมแปลกใจไม่น้อยกับสิ่งที่เห็น มันเป็นจิ๊กซอว์แบบที่ฟ้าครามพูดว่าหลานชอบเล่น มองจากขนาดคงจะมีประมาณร้อยชิ้น เล็กๆ แต่ประเด็นคือภาพที่ใช้เป็นจิ๊กซอว์ต่างหาก
...ภาพของผม... กับพระพาย...
ผมหันไปมองคนข้างๆ กายทันที “ตั้งแต่ตอนไหนน่ะ” หรี่ตาถาม สภาพผมในรูปมองก็รู้ว่าเป็นทีเผลอ ไม่ใช่เผลอธรรมดาแต่เป็นตาปรือจะหลับ น่าจะแถวๆ โซฟา ส่วนพระพายก็นั่งตักผมอยู่ คงเป็นช่วงเวลาตอนเย็นที่ผมนั่งกับหลานที่ดูการ์ตูนเป็นแน่แท้
ประเด็นคือมึงแอบถ่ายตอนไหน...
“แฮะๆ” ฟ้าครามหัวเราะเจื่อนๆ
“น้าเพชรชอบมั้ยๆๆๆ” หลานถามเสียงตื่นเต้น “พระพายต่อกับพี่ฟ้าทั้งวันเลย”
“ชอบค่ะ” ผมตอบไปตามจริง
“อันนี้พระพายขอให้พี่ฟ้าทำให้” คำพูดของหลานทำให้ผมเลิกคิ้ว “เดี๋ยวพระพายไปอยู่กับพ่อ น้าเพชรก็เอารูปนี้วางไว้ไง” หลานพูดเสียงเจื้อยแจ้ว แต่ผมน่ะนิ่งไปแล้ว “น่ารักใช่มั้ยล่ะ คิกๆๆ” แถมยังหัวเราะอีกต่างหาก
“พระพาย” ผมเรียกชื่อแก “มานี่มา” เอามือกวักเรียกแกด้วยรอยยิ้มจางๆ
ผมไม่ได้เอ่ยอะไรไปมากกว่านั้นเมื่อพระพายเดินเข้ามา สิ่งที่ผมทำคือกอดแกไว้แน่นๆ... แน่นให้ได้มากที่สุดเท่าที่ผมอยากจะจำว่าเด็กน้อยคนนี้อยู่ในอ้อมกอดของผม ก่อนที่จะเหลือบตาขึ้น สบตากับพี่เลี้ยงเด็กที่ยืนยิ้มอยู่ตรงกันข้าม
“ขอบคุณนะคะคนเก่ง”
---------------------
มาแล้วค่ะ

ขอโทษที่มาช้ามากนะคะ
โน๊ตบุ๊คพัง... อีกแล้ว คราวก่อนซอร์ฟแวร์ รอบนี้ฮาร์ดแวร์
เรียนหนักด้วยค่ะ ปิดเทอมนี่มันหนักกว่าเปิดเทอมอีกอ่ะ T___T
เอาไว้จะมาตอบคอมเม้นนะคะ อาจจะเป็นพรุ่งนี้ รอหน่อยนะคะ <3