ผมรักพี่นะ... ♥บทที่ 14"พี่เซีย...วันนี้เราไปเยี่ยมชางมินกันนะ"
ผมยืนมองพี่เซียจากริมประตู เรากลับมาเกาหลีได้ 1 อาทิตย์แล้ว โชคดีที่ช่วงนี้ปิดเทอมแล้ว พวกเราได้ช่วยกันอธิบายเรื่องราวต่างๆให้พ่อแม่ของพี่ฟัง ซึ่งพวกท่านก็เข้าใจดี และก็ได้ขอให้เป็นหน้าที่ของเราที่จะช่วยพี่เซียจากอาการที่เป็นอยู่
"รีบอาบน้ำเถอะนะ พี่จะให้ชางมินรออยู่คนเดียวเหรอ"
"ชางมินก็นั่งอยู่ตรงนี้ไง นายมองไม่เห็นเหรอ แจจุง"
ผมเงยหน้าขึ้นเพื่อกล้ำกลืนน้ำตาไม่ให้มันไหลออกมา
"พี่ต้องเขียนบันทึกต่อนะ ไม่งั้นแก่ไปจะลืมหมด"
พี่เซียพูดด้วยท่าทางลอยๆ พลางก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรลงไปในสมุดปกหนัง
ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ...มันไม่มีตัวหนังสือเลยซักตัว มีแต่รูปคนที่เป็นลายเส้นยุกยิก กับรอยน้ำตาของพี่
"พี่เซีย..." เสียงของผมเริ่มแหบพร่า พลางค่อยๆเข้าไปพยุงพี่
"ไปอาบน้ำกันนะ พาชางมินออกไปข้างนอกบ้างสิ"
"อืม...ก็ดี แล้วเพลงที่พี่บอกให้หามาล่ะ"
เพลง I miss you น่ะเหรอ ผมเอามาให้พี่เลือกตั้งหลายเพลง ของนักร้องหลายคน แต่มันก็ไม่ใช่เพลงที่พี่อยากได้ซักที
"ผมหาไม่ได้...มันเป็นเพลงที่ชางมินแต่งเองหรือเปล่า ความหมายล่ะ มันเป็นยังไง เกี่ยวกับอะไร"
ผมนั่งลงใบหน้าอยู่ระดับอกพี่ พลางถามด้วยน้ำเสียงที่ดูสดใสที่สุดเท่าที่จะทำได้
"อืม...ไม่รู้สิ มันเป็นภาษาอังกฤษนี่นะ ชางมินอาจแต่งเองก็เป็นได้ แต่ทำนองมันคุ้นมากเลย"
ผมถอนหายใจด้วยความท้อแท้
"งั้นอาบน้ำก่อนนะ แล้วเดี๋ยวเราค่อยไปถามชางมินกัน...นะครับพี่เซีย"
"อืม!!"
พี่ค่อยๆหอบร่างอันซูบผอม และเฝือกขาเข้าไปในห้องน้ำ ไม่ถึง 10 นาที เราสองคนก็ออกมายืนรอพี่ยุนโฮ ที่เพิ่งจะเอารถเข้ามาจอดรับ
"พี่ยุนโฮ อย่าขับเร็วนักสิ มันอันตรายนะ"
"ไม่ได้หรอก ก็ดูท้องฟ้าสิ มืดครึ้มออกขนาดนั้น เดี๋ยวก็ได้ตากฝนกันแน่"
พี่ยุนโฮพูด ผมหันไปมองพี่เซียที่นอนหลับอยู่ด้านหลัง ก็ตอนกลางคืนแทบไม่ได้นอนเลยนี่นา หลังจากเหตุการณ์นั้น ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครได้นอนเต็มตาเลยซักคน ไม่มีใครคาดคิดว่าชางมินจะจากไปเร็วขนาดนี้ หัวใจที่เปลี่ยนใหม่ปฏิเสธร่างกายจึงไม่สามารถทำงานได้ ส่วนพี่เซียเองก็เกือบจะต้องทิ้งชีวิตไปกับอุบัติเหตุครั้งนั้น พี่เสียเลือดไปมาก แต่สุดท้าย คนที่ช่วยพี่ไว้ก็คือชางมิน
เลือดของทั้งสอง รวมเป็นหนึ่งเดียวในร่างกายพี่ ผมไม่แปลกใจเลยถ้าพี่จะบอกว่า ชางมินอยู่ใกล้ๆแค่นี้เอง
เพราะอันที่จริงแล้วทั้งสองไม่เคยแยกจากกันเลย ทั้งร่างกาย หัวใจ และจิตวิญญาณของทั้งคู่ ได้รวมเป็นหนึ่งเดียวแล้ว
ที่หลุมศพ แผ่นป้ายหินสีขาวที่โผล่พ้นพื้นดิน ใบหน้าของชางมินและชื่อของเขา ถูกสลักไว้อย่างประณีต ข้างหน้ามีดอกไม้ช่อใหญ่ว่างไว้ก่อนแล้ว คงจะเป็นพี่มิกกี้สินะ พี่เซียวางไม้เท้าลง แล้วนั่งลงปล่อยให้ไหล่ของตนเองนั้นอิงแอบกับแผ่นป้ายหิน
"ชางมิน"
ผมเรียกชื่อเพื่อนรักเบาๆ หลังจากวางช่อลิลลี่ลงไป
"ขอบใจนายนะ ที่เปิดตาให้กับฉัน ฉันพบว่าการรักใครซักคน มันไม่ลำบากเลยซักนิด หากเรารักเค้าด้วยหัวใจ เราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อใคร และการที่ชีวิตนี้ เราสามารถจะมอบความรักให้กับใครซักคน แม้จะอยู่บนโลกนี้ได้ไม่นาน แต่หัวใจของคนคนนั้นก็จะยังมีเราตลอดไป เหมือนที่พี่เซียไม่เคยลืมนาย"
ผมยิ้มให้กับใบหน้าเลื่อนลอยของพี่ ที่ตอนนี้พิงศีรษะลงกับแผ่นหิน ราวกับทั้งสองกำลังอิงแอบไหล่ของกันและกันอยู่
พี่ยุนโฮวางช่อดอกไม้ลงข้างๆของผม
"คุณชางมิน..."
สายลมพัดหอบใบไม้ให้ปลิวสลอน ความเยือกเย็นของอากาศ คงทำให้พี่เซียรู้สึกเปล่าเปลี่ยวไม่น้อย
"ผมต้องขอบคุณ คุณมากๆ ที่ทำให้ผมได้รู้จักกับรักแท้ ...ได้รู้จักกับแจจุง..."
เราสองคนหันมายิ้มให้กันบางๆ
"ให้ผมได้รู้จักทะนุถนอมเวลาที่มีอยู่ จนแม้วินาทีสุดท้าย...ความตาย...ก็ไม่ใช่คำตอบของคำว่ารัก แต่มันเป็นคำถาม ว่าเราจะรักคนคนนั้นได้มากแค่ไหนต่างหาก...ตลอดมาผมไม่เคยเดาใจคุณออกเลย ผมกลับคิดว่าคุณคงกำลังสนุกกับการเล่นเกมส์บางอย่างอยู่...แต่ผมคงโง่เกินกว่าจะเข้าใจในสิ่งที่คุณทำได้ จนถึงตอนนี้ ผมเชื่อว่าเราทุกคนที่ได้รับรู้เหตุการณ์นี้ คงจะไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า ความรักมันมีอิทธิพลมากแค่ไหน ต่อจากนี้ ผมขอให้คุณมีความสุข วันหนึ่ง เซียจะยิ้มได้ และวันนั้น คุณเองก็จะยิ้มอย่างไร้กังวลเช่นกัน"
อากาศเริ่มอึมครึมลงอย่างรวดเร็ว เราทั้งคู่รีบถอยออกมา เพื่อให้พี่เซียได้อยู่กับชางมินตามลำพัง เมื่อมองจากที่ไกลๆออกไป ราวกับว่าผมได้มองเห็นชางมินและพี่เซียนั่งอิงแอบกันอยู่จริงๆ พี่เซียค่อยๆยิ้มออกมาพร้อมกับน้ำตา ผมซุกใบหน้าลงกับแผ่นหลังของพี่ยุนโฮ เราสองคนร้องไห้ด้วยกันเบาๆ...
"ชางมิน พี่อยากฟังเพลงนั้นต่อจัง เพลงที่เธอยังเล่นไม่จบน่ะ ท่อนสุดท้ายมันเป็นยังไงเหรอ"
สายลมพัดแรงขึ้นราวกับเตือนว่าเวลาแห่งความโศกเศร้ากำลังจะกลับมาอีกครั้ง
...
"พี่จุนซู ...อยากฟังจริงๆเหรอ"
ผมหันไปตามเสียงของชางมิน
ใบหน้ายิ้มละไม กับทักซิโดสีขาว นั่งบรรเลงเพลงที่ผมโหยหามานาน เหนือเปียโนสีขาวนั่น มีกระดาษโน้ตที่ลอยไปลอยมาราวกับกำลังโต้กับคลื่นลมในมหาสมุทร
ผมดันตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างยากลำบาก เฝือกขาทำให้ผมไม่สามารถเดินไปหาชางมินได้
"ตั้งใจฟังสิครับ..."
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร...ฉันจะรอ
ฉันเสียใจที่ไม่สามารถไปอยู่เคียงข้างเธอได้ เธอทำให้ฉันเจ็บปวด และเธอก็ไม่เคยรู้
เธอกำลังจะบอกให้ฉันไปจากเธอใช่ไหม... ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน
...ตรงนี้แหละที่ทำให้ฉันเกลียดตัวเอง
ฉันอยากจะร้องไห้ แนอยากจะคุกเข่าลง...ถ้าเพียงสิ่งที่ผ่านมามันไม่เกิดขึ้น"
ผมควักสมุดบันทึกหนังเล่มเล็กออกมา พลางบรรจงเขียนถ้อยคำที่อยากจะบอกลงไป ผมตั้งใจจะมอบมันให้ชางมิน
ชางมินไม่ได้จากไปไหนจริงๆ บทเพลงของเขายังคงก้องกังวานอยู่รอบๆกายผมนี่เอง
เนื้อหาที่ผมเพิ่งจะเข้าใจ หากผมตั้งใจฟังอย่างที่ชางมินมักว่าเสมอ
ในตอนนั้น ผมคงรีบเซ้าซี้เค้นความจริงจากเขา ผมคงจะขอกลับโรงพยาบาล
หรืออย่างน้อย หัวใจก็คงยังไม่ล้มเหลวขณะที่ดูผมขับรถ
น้ำตาหยดลงบนกระดาษขาวจนเปื่อยมองเห็นตัวหนังสือที่อยู่ด้านหลัง มันไม่ใช่น้ำตาของผม ผมค่อยๆเงยหน้าไป และพบว่าชางมินมายืนอยู่ตรงนี้แล้ว ที่เปียโน ตัวโน้ตยังคงเคลื่อนไปเรื่อยๆ ราวกับยังคงมีคนเล่นมันอยู่
"The memories where I loved you crazily...ความทรงจำที่ฉันได้รักเธออย่างมากมาย
มันเฝ้าหลอกหลอนและย้ำเตือนฉัน
แต่ฉันไม่สามารถหลีกหนีหรือหลบซ่อนจากความรักนี้ได้อีกต่อไปแล้ว
ฉันไม่ควรทำอย่างนี้ แต่ฉันคิดถึงเธอแทบขาดใจ...I miss you to death"
บทเพลงค่อยๆเบาลงจนเกือบจะจางหายไป ชางมินโน้มตัวลงมาประทับริมฝีปากที่หน้าผากของผม ความอบอุ่นท่ามกลางสายลมที่กระหน่ำแรง
กว่าที่ดวงตาพริ้มหลับของผมลืมขึ้น...ทุกสิ่งทุกอย่างก็ได้จากหายไปเสียแล้ว ด้านหลังของชุดทักซิโด้จางหายไปกับสายลม
"ช...ชางมิน..."
เสียงแหบพร่าของผมไม่สามารถดึงช่างมินกลับมาได้อีกแล้ว...ชางมินจากไปแล้วจริงๆเหรอ
"ชางมิน!!!"ผมร้องไห้เสียงดัง พลางกรีดร้องเพื่อให้ชางมินได้ยิน ได้รับรู้ว่าผมรู้สึกยังไง
"เธอจะทิ้งพี่ไปจริงๆเหรอ...คนใจร้าย...กลับมาเดี๋ยวนี้นะ!!...ฮือ...""พี่เซีย...ไปเถอะ ฝนจะตกแล้ว"
ผมสะบัดมือแจจุงออก ไม่ยอมหยุดอาละวาด
"ที่เธอร้องไห้ ก็เพราะไม่อยากจากพี่ไปเหมือนกันไม่ใช่เหรอ"
ผมทุบสมุดบันทึกหนังลงกับพื้นดินอย่างบ้าคลั่ง มันไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว ผมไม่มีโอกาสมอบให้ชางมินอีกแล้ว
"พี่เซีย ...เลิกทำแบบนี้เถอะนะ...ฮึก...พี่เซีย...พอเถอะนะ...ฮือ..."สายฝนค่อยๆโปรยปรายจนกลายเป็นซัดกระหน่ำ เสียงของเราไปไม่ถึงกัน
"ปล่อยนะ!!!นายไม่เข้าใจหรอก ว่าการสูญเสียมันเป็นยังไง...ลองเป็นพี่ยุนโฮบ้างสิ""แล้วพี่จะทำอะไรได้ เมื่อชางมินเค้าตายไปแล้ว...พี่เข้าใจมั้ยว่าชางมินเค้าจะไม่กลับมาอีกแล้ว""ไม่!!! ไม่มีทาง ซักวัน ชางมินเค้าต้องกลับมาหาพี่ จริงๆนะ นายเชื่อสิ ชางมินเค้าไม่ได้ไปไหนจริงๆหรอก"ม่านฝนค่อยๆบดบังทัศนียภาพ น้ำตาของผมและแจจุงเองก็หลั่งรินไม่ต่างจากสายฝนนัก
"พี่อย่าทำแบบนี้สิ ผมเองก็เสียใจเหมือนกัน ใครๆก็เสียใจ"
ผมร้องไห้ไม่หยุด พลันหันไปกอดป้ายหลุมศพของชางมิน รูปที่สลักอยู่บนนั้น มันยิ่งตอกย้ำว่าชางมินจากไปแล้วจริงๆ
"ผมทนไม่ไหวแล้วนะ"แจจุงวิ่งออกไป ปล่อยให้ผมกอดชางมินอยู่เพียงลำพัง
ผมเริ่มจะหายใจติดขัด สงสัยจะเป็นหวัดซะแล้วสิ
แล้วชางมินล่ะ...นอนอยู่ข้างล่างคนเดียว คงหนาวแย่ แล้วยังจะให้ผมทิ้งเขาไว้อีกหรือไง ผมกอดชางมินให้แน่นขึ้น แผ่นหินอันเย็นยะเยือก ถูกไหลชะไปด้วยสายฝนและหยดน้ำตา
"เซีย ไปเถอะ ฝนตกหนักมากเลยนะ!!!"เสียงพี่ยุนโฮนี่นา
"เย็นสบายดีออก ตอนเด็กๆ เราสองคนก็มักออกมาเล่นน้ำฝนอย่างงี้ทุกที ถึงแม้ผมจะได้แต่มองเค้าเล่นอยู่ในร่มก็ตาม...ผมไม่ถูกกับฝนนี่นา"
ผมเริ่มไอไม่หยุด มือที่กอดชางมินไว้ค่อยๆอ่อนแรงลง ดวงตาและใบหน้าร้อนผ่าว
"ขอร้องล่ะ ลุกขึ้นเถอะนะ คุณชางมินจะสบายใจได้ยังไง ถ้าเห็นคุณเป็นแบบนี้"
"ฮึก...งั้นให้ฝนหยุดก่อนได้มั้ย ...ชางมินเค้าหนาวมากเลยนะ"
ไม่มีใครเอาผมออกจากตรงนี้ได้ เรื่องอะไรผมจะทิ้งชางมินไว้ล่ะ ฝนตกหนัก ทั้งหนาวทั้งเหงา เขาอยู่คนเดียวไม่ได้หรอก ทุกคนยังชดใช้ความเดียวดายที่ชางมินได้รับในตอนเด็กไม่หมดเลย ทั้งๆที่กำลังมีความสุขแท้ๆ
แต่พระเจ้าลำเอียง...ชางมินไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนเลย...งี่เง่าที่สุด
ผมจะกอดเขาไว้แบบนี้แหละ ...อ้อมกอดที่โหยหามาเนิ่นนาน...ทำไมภาพข้างหน้ามันมัวๆนะ...
นั่น...
ใช่ชางมินรึเปล่า...ชางมินจริงๆเหรอ...นายกลับมาแล้วสินะ
ผมยิ้มให้กับชางมินที่เดินมาพร้อมกับร่มสีขาว
"ชางมิน...ในที่สุด เธอก็มารับพี่"
"ใช่...พี่จุนซู...ผมมารับพี่แล้ว"
ผมยื่นมือไปสัมผัสกับชางมิน พลางค่อยๆพยุงตัวให้ลุกขึ้น...แต่ว่า...มือนี้...มันไม่ใช่นี่นา
"นี่แจจุง...ไม่ใช่ชางมิน!!!"ผมตะโกนใส่ท่ามกลางสายฝนที่ยังคงกระหน่ำมาไม่หยุด เรี่ยวแรงที่เหลือเพียงน้อยนิด ไม่สามารถช่วยอะไรผมได้เลย
"พี่ยุนโฮ อุ้มเลย!!!"ผมปล่อยร่างกายอันอ่อนแอไปอย่างบังคับไม่ได้...หายใจไม่ออก...สงสัยชางมินคงจะมารับผมแล้วจริงๆ
5 ปีต่อมา...“สวัสดีครับ คุณครูคนใหม่”
“เบาๆสิมิกกี้ เดี๋ยวเด็กๆตื่น”
ผมพูดพลางส่งช่อกุหลาบให้เซีย
“ในที่สุดก็ได้เป็นคุณครูเต็มตัวซะทีนะ เซีย”
“แล้วนายว่าไงล่ะ คุณหมอยูชอน”
“ยังซะหน่อย ตอนนี้เป็นแค่หมอฝึกหัดเอง”
เราสองคนออกไปคุยกันนอกระเบียง เด็กอนุบาลตัวน้อยนอนเรียงกันอยู่ในห้องเรียนวอลเปเปอร์ดอกทิวลิป
“แปลกนะ นายไม่เคยบอกเลยว่าอยากเป็นครูสอนเด็กอนุบาล เกลียดเด็กไม่ใช่เหรอ”
“ไม่รู้สิ พอได้เห็นแววตาใสๆพวกนั้นแล้วใจอ่อนเหมือนกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเลือกวิชานี้
เซียส่ายหัวเบาๆเหมือนจะสลัดความคิดบางอย่างออกไป
“เซีย...นายว่า”
เซียหันมามองแวบนึงแล้วหันกลับไปเล่นกับดอกกุหลาบ
“คนที่ความจำเสื่อมถึงสองครั้งเนี่ย...จะมีสิทธิ์กลับมาเหมือนเดิมได้มั้ย”
“ถามทำไม...มีไรป่าว”
“ไม่ใช่ๆ...คือที่โรงพยาบาลมีคนไข้แบบนี้อยู่น่ะ”
ผมลุกลี้ลุกลนเล็กน้อย แต่เซียกลับมองด้วยแววตาใสไม่รู้อะไรเลยเช่นทุกครั้ง
“งั้นฉันไปก่อนนะ...ว่าจะไปเยี่ยมเพือ่นเก่าซักหน่อย”
“อืม...โชคดีนะ”
5 ปีก่อน แจจุงโทรศัพท์มาบอกผมว่าเซียอยู่ในไอซียู เขาตากฝนอีกแล้ว
และครั้งนี้ก็เป็นหนักยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา ไข้ 40.5 องศา บวกกับร่างกายที่ไม่แข็งแรง ทำให้เกิดอาการช็อคและขาดออกซิเจนไปชั่วขณะ ทำให้เซียกลับไปเป็นเหมือนเมื่อตอนนั้นอีกครั้ง
เซียลืมคนที่ชื่อชิมชางมินไปแล้ว...
แต่ความผูกพันนั้น ทำให้เซียเปลี่ยนแปลงไปหลายอย่าง เช่นการมาเป็นครูอนุบาลนี่ก็เหมือนกัน ผมล่ะอิจฉาเจ้าชางมินซะจริงๆ
“เป็นไง...นอนเฉยๆ สบายดีไหมล่ะ”
ผมเอ่ยถามแผ่นหินที่โปล่พ้นพื้นดินออกมา ใบหน้าของชางมินส่งยิ้มให้อย่างยียวน แต่ก็แอบเศร้าสร้อยอยู่ในที
“เป็นห่วงเซียล่ะสิ ไม่ต้องแล้ว... ตอนนี้เขามีความสุขดี ฉันหวังว่าจะใช่อ่ะนะ”
ผมคุกเข่าลงแล้วปัดเศษใบไม้ออก
“ว่าไปแล้วเรายังไม่รู้แพ้รู้ชนะเลย ไอ้วิ่งแข่งน่ะ คนชนะจะได้เซียไป นายจำได้รึเปล่า”
กุกๆ กักๆๆ
“เฮ่ย!! ใครน่ะ”
ผมชะโงกหน้าไปด้านหลังแผ่นหิน
“เจอซักที!”
“ไอ้เด็กบ้า มาทำอะไรแถวนี้ฮะ”
ผมตะโกนใส่เด็กชายที่กำลังปัดฝุ่นบางอย่างอยู่
“ผมมาหาของที่ควรจะเป็นของผมน่ะฮะ”
“ถ้าเจอแล้วก็รีบๆไปซะ”
เด็กน้อยจ้องหน้าผมราวกับท้าทาย ดวงตาคู่นั้น ช่างเหมือนกันอย่างกับแกะ ผมมองใบหน้าเปื้อนยิ้มนั่นสลับกับสมุดปกหนังเก่าๆราวกับอยู่มาร้อยปีในมือเล็ก
“พี่ชาย เรามาวิ่งแข่งกันมั้ย”
“ห๋า!!”
ผมมองเด็กน้อยที่มีแววตามุ่งมั่น ดูกี่ทีก็เหมือนกับเจ้าชางมินเสียเหลือเกิน
“วิ่งไปให้ถึงพี่สามคนนั้น ใครถึงก่อนชนะ”
ผมหันไปตามนิ้วมือเล็กๆนั่น แจจุง พี่ยุนโฮ และเซีย เดินถือช่อดอกไม้คนละช่อ
“เอางั้นก็ได้”
ไม่ทันตั้งตัว เจ้าเด็กนั่นก็ออกวิ่งนำไปแล้ว ผมรีบวิ่งตามไปทันที พลันค่อยๆแซงทีละนิด
“ถึงแล้ว ชั้นชนะ!!”
ผมกระโดดเกาะเซียเพื่อใช้เป็นเบรก
“เป็นอะไร มิกกี้”
“อ๋อ!ฉันกำลังวิ่งแข่งกับ...”
...เด็กคนนั้นหายไปแล้ว นี่ผมตาฝาดไปรึเปล่าน่ะ
“เอาเถอะๆ แล้วไหนล่ะ หลุมศพเพื่อนนายฮะ แจจุง”
แจจุงกับพี่ยุนโฮเดินนำไปยังสุสานของชางมิน เซียเดินตามไปอย่างไร้ความรู้สึก ผมรีบมองหาเจ้าเด็กนั่นทันที ถ้ายังอยู่แถวนี้แสดงว่า...
“เฮ่ย!”
ผมสะดุ้งเบาๆ เด็กคนนั้นอยู่หลังต้นไม้ไม่ไกลจากตรงนี้เล็กน้อย
“หวัดดี ฉันชื่อเซีย”
เซียวางดอกไม้ลงไปหน้าแผ่นป้ายของชางมิน
“ชั้นมาเยี่ยมนายทุกปีพร้อมๆกับแจจุง จำได้ว่านายเป็นเพื่อนของแจจุงแล้วก็ตายตั้งแต่อายุยังน้อย ยังไงก็ขอให้มีความสุขอยู่บนสวรรค์แล้วกัน”
เซียพูดจบ ผมก็หันไปทางเด็กนั่นอีกครั้ง แต่ก็ไม่พบแล้ว
....
“เฮี้ยนนักนะแก!!”
“อะไรเหรอ มิกกี้”
“อ๋อ...ปะ...เปล่า ไม่มีไร”
จบบทที่ 14ติดตามตอนอวสาน ในวันพุธที่ 2 ก.ค.ครับ