ผมรักพี่นะ... ♥ < ผมก็ยังรักพี่อยู่ดี…......แล้วพี่ล่ะ.........>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ผมรักพี่นะ... ♥ < ผมก็ยังรักพี่อยู่ดี…......แล้วพี่ล่ะ.........>  (อ่าน 58254 ครั้ง)

gift_deb

  • บุคคลทั่วไป

Champnarok007

  • บุคคลทั่วไป
...วันต่อมา อากาศอึมครึม ไม่มีแดด เมฆฝนตั้งเค้า ฝนจะตกสินะ

งานกีฬาสีภายในได้เริ่มขึ้น ผมอยู่คนละสีกับชางมิน

แต่นั่นมันไม่สำคัญหรอก เพราะยังไงซะ ผมก็เชียร์ชางมินเค้าคนเดียวเท่านั้น

"แจจุงจ๊ะ พวกเราไปให้กำลังใจชางมินกันเถอะ"

จังกึมและซูฮยอน รวมทั้งคนอื่นที่ห้อง แม้จะคนละสีแต่ก็ต่างตามผมมาให้กำลังใจชางมินกันทุกคน

"แจจุง ไม่ไปอยู่กับกองเชยร์นายเหรอ"

"เบาๆสิ ถึงเราจะอยู่คนล่ะสีกัน แต่ฉันจะเชียร์นายคนเดียว แล้วก็จะมองแต่นายคนเดียว พอวิ่งผ่านตรงนั้นอย่าลืมหันมายิ้มให้ด้วยล่ะ ไปแระ"

ผมพูดอะไรเลี่ยนๆออกไปนะ

จากนั้นผมก็วิ่งไปที่ที่บอกชางมินไว้เมื่อกี้

"นักกีฬาประจำที่"

***ปัง!!!***

เพียง 10 วินาทีแรก ชางมินกับพี่มิกกี้ก็ขึ้นมานำคนอื่น ทำไมเค้ารีบวิ่งแบบนั้นนะ เดี๋ยวก็เหนื่อยเร็วหรอก

พอชางมินวิ่งมาถึงผม ผมก็โบกมือให้ ชางมินก็หันมายิ้มรับ

"สู้ๆนะ  ตอนนี้นายกับพี่มิกกี้กำลังจะน็อกรอบคนข้างแล้ว"

ผมวิ่งไปพูดไป เหนื่อยชะมัดเลย พี่เซียก็กระโดหยอยๆอยู่ข้างๆ

"อีกรอบเดียว สู้ตายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"

พี่เซียนี่แย่จริงๆ แทนที่จะเชียร์สีตัวเอง เอาแต่เชียร์พี่มิกกี้

"พี่เซีย ทำไมพี่ไม่เชียร์ชางมินล่ะ"

ผมตะโกนถาม

"แล้วนายล่ะ ไปวิ่งคุยกับชางมินทำไม อยู่สีเดียวกับมิกกี้ไม่ใช่เหรอ"

"ก็เป็นแฟนกันนี่นา"

ก็มันจริงนี่นา พี่เซียกับพี่มิกกี้ไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย

"ผมอยากให้ชางมินชนะ พี่เซียห้ามเชียร์พี่มิกกี้นะ"

"ไม่เห็นเกี่ยวไรเลย"

"ก็พี่มิกกี้น่ะ เค้าชอบพี่ ยิ่งพี่ให้กำลังใจเค้ามากเท่าไหร่ เค้าก็จะวิ่งได้ดีเท่านั้น เข้าใจมั้ย ดูนั่นสิ!!! ไม่นะ"

พี่มิกกี้แซงชางมินที่ทางโค้ง ตอนนี้พวกเรายืนอยู่ที่เส้นชัย พี่เซียวิ่งย้อนไปหาสองคนนั่น

"ไปด้วย"

ผมรีบตามพี่เซียไปทันที

Champnarok007

  • บุคคลทั่วไป
แต่จู่ๆพี่เซียก็ทำเรื่องไม่น่าอภัยอันใหญ่หลวง

"มิกกี้ ฉันมีอะไรจะบอกนาย!!!"

พี่เซียหยุดนะ

"นายชอบชั้นใช่มั้ย"

พี่มิกกี้หันมายิ้มให้อย่างเหนื่อยๆ เหงื่อไคลเปียกทะลุเสื้อ

"ฉันเองก็ชอบนายเหมือนกัน"

พี่มิกกี้หยุดวิ่งแทบจะในทันที ผมรีบหันไปมองชางมินที่ทำหน้าแปลกๆ ตอนนี้แหละ ทำไมไม่วิ่งล่ะ

"เกิดอะไรขึ้นครับ ตอนนี้นักกีฬาของเราหยุดวิ่งไป 1 คน และล้มลงไป 1 คน ทั้งๆที่นำคนอื่นอยู่ 1 รอบ"

ผมมัวแต่หันไปหันมาจนไม่รู้ว่าชางมินล้มลงไปเมื่อไหร่

"ชางมิน !!!"

ทั้งผมและพี่เซียวิ่งเข้าไปประคองร่างอันเหนื่อยหอบของชางมิน

"เจ็บ...ไม่ไหวแล้ว...มันปวดมากเลย"

ผมใช้มือต่างพัดให้ชางมิน แต่พี่เซียกลับโอบร่างชางมินไว้

"ชางมิน ทำไมนายหายใจแบบนี้ นายออกไปนะ อย่ามารุมเค้าสิ"

พี่เซียผลักผมและคนอื่นๆออก พลางร้องไห้ไม่หยุด นี่มันอะไรกัน!!

พี่เซียเป็นอะไรไป ช่วงชางมินก่อนสิ"

ผมตะโกนใส่พี่เซีย ผู้ที่เอาชางมินไปกอดไว้แน่นพร้อมร้องไห้ไม่เลิก

จู่ๆฝนก็ตกอย่างกับฟ้ารั่ว รถพยาบาลมารับชางมินไป

พี่เซียเป็นบ้าอะไรไม่รู้ อยู่ดีดีก็วิ่งออกไปทั้งอย่างนั้น ไม่ทันที่ผมจะตามออกไปด้วย ครูมินก็เข้ามาห้ามพร้อมกับล็อกประตูโรงเรียน

พี่เซีย...กับชางมิน...ทำไมถึง...

จนออกจากโรงเรียนได้ พี่ยุนโฮที่ไม่รู้เรื่อง มารอรับชางมินอยู่หน้าโรงเรียน

"พี่ยุนโฮ รีบไปกันเถอะ"

ผมกระโดดขึ้นตรงที่นั่งข้างคนขับ

"ไปไหนครับ"

"ไปโรงพยาบาลสิ ชางมินอาการกำเริบตอนวิ่งน่ะ"

"ว่าแล้วเชียว"

พี่ยุนโฮบ่นเบาๆพลางรีบออกรถ

"พี่ยุนโฮ..."

"อะไรเหรอ"

"พี่เซียกับชางมิน..."

ผมอ้ำอึ้งไป พี่ยุนโฮคงรู้เรื่องทุกอย่างสินะ

"เรื่องมันยาวน่ะ ผมว่าแจจุงอย่ารู้เลยนะ"

ผมใช้สายตาคาดคั้นอย่างรุนแรง ยังไงก็ต้องรู้ให้ได้

"บอกผมมาเถอะ ผมไม่อยากถูกปิดตาอีกแล้ว...ผมโดนหลอกใช่มั้ย"

"ไม่ใช่อย่างนั้น แจจุงเข้าใจผิดแล้ว"

"ไม่หรอก ผมเข้าใจถูกเลยแหละ ตั้งแต่คบกันมา ไม่มีวันไหนที่ชางมินไม่ถามถึงพี่เซีย ไม่มีวันไหนที่จะไม่แอบมองพี่เซียเล่นเปียโน แล้วก็ไม่มีวันไหนที่เขาจะมองผมด้วยความรักเลยซักครั้ง"

"...คุณเซีย...เป็นรักแรกและรักเดียว...ของคุณชางมิน"

"ก็แค่นั้นแหละ"

พี่ยุนโฮมองผมอย่างงงๆ ผมเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน  เจ็บปวดเหมือนกันนะ

แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองสูญเสียอะไรเลยสักนิด

...คงเพราะชางมินไม่ใช่ของผมมานานแล้วล่ะมั้ง...

ผมว่าจะไม่คิดอะไร แล้วก็จะไปคุยกับชางมินตรงๆ เอาให้รู้เรื่องไปเลย แต่พอเห็นชางมินนอนอยู่นิ่งๆ ผมกลับไม่อาจปล่อยเขาไปได้ง่ายๆ

"อันที่จริงคนสวยแบบนายก็มีเยอะ แต่...คนที่สวยแล้วน่ารักด้วย...แบบเนี้ย "

" มีแต่นายคนเดียวเท่านั้นแหละ"


คำพูดที่ทำให้หัวใจของผมสูบฉีด มีแต่ชางมินคนเดียวเท่านั้นแหละ ที่ทำได้

"ไม่ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะ นายก็น่ารักอยู่ดี"

คำพูดของเด็กชายหัวโตในอดีตผุดขึ้นมา

นายคือชางมินรึเปล่านะ...เคยรู้สึกว่าใช่ แต่ตอนนี้มัน...


Champnarok007

  • บุคคลทั่วไป
"แจจุง มาเยี่ยมชางมินใช่มั้ย"

"ครับ"

พี่มิกกี้ที่โผล่มาจากด้านหลังเข้ามาพูดกับผม เพราะพี่คนเดียวเลยเชียว

แล้วนี่จะมาเยี่ยมชางมินเหรอ ปาฏิหาริย์น่า

"เสร็จแล้วแวะไปหาพี่เซียบ้างนะ อยู่ห้องข้างเนี่ยแหละ"

พูดจบพี่มิกกี้ก็หายเข้าไปในห้องข้างหน้า

พี่เซียเองก็ป่วยเพราะโดนฝนไปอีกคน เราสามคนเดินไปเดินมาระหว่างห้องชางมินกับพี่เซีย พอตกกลางคืน ผมตัดสินใจนอนเฝ้าชางมิน ส่วนพี่มิกกี้นอนเฝ้าพี่เซีย

พี่ยุนโฮกลับไปกับคุณปู่ของชางมิน

กลางดึก ผมลืมตามาอีกทีก็พบว่าชางมินหายไปแล้ว

ไปหาพี่เซียรึเปล่าน้า...ผมรีบวิ่งไปที่ห้องพี่เซียทันที

...ว่างเปล่า

มีเพียงพี่มิกกี้ที่นอนพลิกตัวหนีเเสงไฟอยู่บนโซฟา

"พี่มิกกี้ ...ตื่นเร็ว...พี่เซียกับชางมินหายไปไหนไม่รู้"

เราสองคนออกตามหาพี่เซียกับชางมินไปทั่วโรงพยาบาล ขนาดนางพยาบาลเองยังไม่รู้เรื่อง คงเผลอหลับไปตอนไหนแน่ๆเลย ถ้าพ่อผมอยู่โรงพยาบาลนี้นะ จะเอาไปฟ้องให้หมดเลย

......................

"ชางมิน นายหายไปไหนมา แล้วทำไมพี่เซียเป็นแบบเนี้ย"

ผมตะโกนใส่ชางมินที่อุ้มพี่เซียลงมาจากบันไดที่ใช้ไปดาดฟ้าอย่างเดือดดาล

"แจจุง เรียกพยาบาลให้หน่อย"

ถึงจะโมโห แต่พอเห็นสีหน้าของชางมิน และพี่เซียที่ใบหน้าแดงก่ำด้วยพิษไข้ ผมก็รีบไปเรียกนางพยาบาลทันที

พอเหล่าพยาบาลรับพี่เซียไป ช่างมินก็ทรุดลงกับพื้นทันที

"ชางมิน...ชางมิน...!!!"

..........................................

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-06-2008 15:34:58 โดย Champnarok007 »

gift_deb

  • บุคคลทั่วไป
แล้วจะมาอ่านต่อวันจันทร์นะคะ ไปเรียนหนังสืออ่ะ :m15:

bigbell555

  • บุคคลทั่วไป
ปลื้มคับ...ปลื้ม  หนุกคับ o13 

แบบว่า บ้า ดงบังชินกิ เหมือนกันคับ :o8:

Champnarok007

  • บุคคลทั่วไป
ชางมินถูกนำตัวไปรักษาที่อเมริกาทันที เพื่อที่จะไปทำการผ่าตัด

ผมเลยไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่ห้องพี่เซีย นอกจากร้องไห้กับร้องไห้แล้ว ผมก็เอาแต่นั่งจ้องหน้าพี่เซีย โกรธก็โกรธ สงสารก็สงสาร

"เซีย...เซีย ฟื้นแล้วเหรอ"

"มิกกี้"

พี่เซียเอ่ยเสียงแหบแห้ง ดูไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง แต่ไข้ลดลงไปเอยะแล้ว ไม่นานคงหาย

"เมื่อคืนก่อนนายหายไปไหนมา ฉันนอนเฝ้าอยู่ตรงนี้ไม่เห็นเหรอ"

ผมไม่อยากฟังว่าพี่เซียหายไปไหน เพราะที่แน่ๆ เขาไปกับชางมิน

"พี่เซีย กินไรก่อนดีกว่านะ"

ผมรีบตัดบททันที

"แล้วชางมินล่ะ"

ผมชะงักกึก

"เขาไปแล้ว พี่กินนี่ก่อนเถอะ"

ผมกลั้นน้ำตาที่ทำท่าจะไหลอยู่รอมร่อ

"เขาไปไหน แจจุงนายเป็นอะไร ทำไมไม่บอกพี่ล่ะ ชางมินเค้าหายไปไหน"

***เคร้ง!!!***

"เค้าไปอเมริกาแล้ว เค้ากำลังจะตาย พี่รู้บ้างรึเปล่า เค้าควรจะไปตั้งแต่สองวันที่แล้วด้วยซ้ำ แต่เขายืนยันว่าจะบอกลาพี่ก่อนให้ได้ เมื่อ 5 ปีก่อนมันมีอะไรเหรอ บอกผมได้มั้ย"

น้ำตาเจ้ากรรมไหลพรากโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดได้ง่ายๆ ผมกลั้นใจปาดมันทิ้งซะแล้วหันไปพูด

"ผมขอโทษที่ตะโกน พี่รีบกินนี่เถอะ ชางมินฝากให้ผมดูแลพี่ให้ดีดีน่ะ"

"แจจุง พี่ขอโทษ"

"แค่พี่ี่ไม่ป่วย ชางมินก็จะมีความสุข เมื่อชางมินมีความสุข ผมก็จะมีความสุขเหมือนกัน"

ผมรีบพูดพแล้วก็รีบวิ่งออกมาจากห้องนั้นให้ไวที่สุด

พี่ยุนโฮยืนรออยู่แล้ว

"แจจุงเป็นอะไรไป"

"เปล่าฮะ ไม่มีไร พี่มานี่ทำไมเหรอ"

ผมถามไปพลางเช็ตน้ำตาออกอย่างรวดเร็ว

"คือคุณชางมินเค้าฝากให้เอาของมาให้"

ผมมองพาสปอร์ตในมือพี่ยุนโฮ พี่ยื่นให้ผม 1 อัน

"พี่เข้าไปเถอะ ผมขอตัวนะ"

พี่ยุนโฮแอบเปิดประตูเล็กน้อย เสียงสนทนาของพี่มิกกี้กับพี่เซียรอดออกมา

"ขอโทษ...มิกกี้...มันไม่เหมือนเดิมแล้ว ตอนนั้นฉันไม่ได้ตั้งใจ แล้วตอนนี้ฉันก็รู้แล้วว่าชางมิน..."

"คือคนที่นายรัก..."

ผมก้มหน้าลงปล่อยให้น้ำตาไหลลงพื้นอีกครั้ง

พี่ยุนโฮดึงมือผม แล้ววิ่งไปตามทางสีขาวที่ดูเหมือนจะยาวไม่มีที่สิ้นสุด


Champnarok007

  • บุคคลทั่วไป
ดาดฟ้า......

ลมเย็นหอบอากาศชื้นๆระใบหน้า พื้นยังเปียกอยู่เล็กน้อยจากน้ำฝน

พี่ยุนโฮดึงผมไปนั่งที่เก้าอี้.ซึ่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออก แต่ตอนนี้พระอาทิตย์คงกำลังค่อยๆลับหายไปทางด้านหลังของเรา

"สองคนนั่นน่ะเค้าสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ต้องมาจากกันเพราะโรคหัวใจที่คุณชางมินเป็น"

"พี่จะบอกผมทำไม"

พี่ยุนโฮกระชับมือของผมแน่นขี้น ผมไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะขัดขืน

"5 ปี ต่อมา พวกเขาก็ได้มาเจอกันอีกครั้ง แต่คุณเซียกลับความจำเสื่อม เขาสูญเสียความจำช่วงที่คิดว่ามีความสุขที่สุด แต่ก็สร้างบาดแผลในใจมากที่สุด เขารู้สึกว่าตัวเองถูกทอดทิ้งบวกกับไข้หวัดใหญ่ที่รุนแรงจนถึงขั้นว็อก แต่ตอนนี้..."

"เค้าจำกันได้แล้ว โดยที่ก่อนหน้านี้ชางมินใช้ผมเป็นสะพานเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้กับพี่เซีย เขาแกล้งทำเป็นเล่นเปียโนไม่เป็น"

พี่ยุนโฮนิ่งมอง พลางฟังผมอย่างตั้งใจ

"ข้อความที่ส่งไปไม่เคยได้รับกลับ ไม่เคยเดินไปส่งบ้านเลยซักครั้ง ไม่เคยบอกรักเลยซักคำ ไม่เคยมองด้วยสายตาโหยหาหรือคิดถึงเลยซักนิด"

ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง เสียงลมพัดผ่านดังลอดกำแพงไป ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไงให้ไหล่อันสั่นเทามันหยุดลง

"ผมจะเล่าเรื่องสมัยเด็กๆให้ฟังเอามั้ย"

จู่ๆพี่ยุนโฮก็พูดขึ้น ทำล่ายบรรยากาศอันน่าอึดอัดนี้ได้อย่างอัศจรรย์

"ตอนนั้นผมเองก็โตแล้วนะ แต่ดันไปหลงรักเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเข้า ผมมักจะแอบมองเธอเล่นกับเพื่อนๆเสมอ เธอน่ารักมาก แล้วก็เป็นที่รักของเพื่อนๆด้วย จนวันนึงที่เธอนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวที่หลังพุ่มไม้ในสนามเด็กเล่น"

ผมเงยหน้ามองพี่ยุนโฮช้าๆ ราวกับว่าได้ค้นพบอะไรบางอย่างในดวงตาคู่นั้น

"ผมหัวเราะให้กับตัวเอง ที่คิดว่าเธอเป็นเด็กผู้หญิง ทั้งๆที่เธอใส่ชุดนักเรียนชาย"

น้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้ว เหมือนว่าจะย้อนกลับขึ้นมาอีก

"คงเพราะผมมองแต่ใบหน้าของเธอ ไม่เคยมองที่อื่นเลย วันนั้นที่เห็นเธอนั่งร้องไห้อยู่ ผมรวบรวมความกล้าเข้าไปคุยกับเธอ"


"นายเล่นซ่อนหาอยู่รึเปล่า"

ผมเงยหน้ามองเด็กผู้ชายที่ยืนหันหลังทำเป็นไม่เห็นผม

"เปล่า"

ผมเอ่ยเบาๆ

"งั้นฉันนั่งกับนายได้ใช่มั้ย"

"แต่มันเลอะนะ"

ผมบอก

"นายยังนั่งได้เลย

เด็กผู้ชายคนนั้นหันมายิ้มให้ผม ดูหัวเขาออกจะโตๆยังไงไม่รู้ ตัวก็ผอมแห้งดูขี้โรคนิดๆด้วย

"ร้องไห้อยู่เหรอ ขอโทษที่มาขัดจังหวะ"

ผมยิ่งร้องหนักเข้าไปใหญ่ เมื่อเด็กหัวโตมานั่งเบียดข้างๆผม

อุ่นจัง...

"ร้องไห้ก็น่ารักไปอีกแบบนะนายเนี่ย"

"หา...?"

ผมมองหน้าเขาอย่างงงๆ เขานึกว่าผมเป็นเด็กผู้หญิงรึเปล่านะ

"รู้มั้ย...ฉันเป็นขโมย"

พูดจบ เด็กหัวโตก็ขโมยหอมแก้มผมไปหนึ่งฟอดเต็มๆ พลันวิ่งหนีไป



"ก่อนที่ผมจะวิ่งไปไกลกว่านั้น ผมก็ตะโกนกลับมาว่า...ไม่ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะ...นายก็น่ารักอยู่ดี"

ผมต่อประโยคของพี่ยุนโฮจนครบ เราสองคนนั่งมองหน้ากันเงียบๆ

"ผมคิดแล้วเชียว ว่าเล่าให้ฟังไม่ผิดคน"

"ทำไม..."

ผมเอ่ยถามเบาๆ หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ อย่างนี้สินะที่เขาเรียกว่าหัวใจพองโต

"ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ...ผมแค่"

ไม่ทันที่พี่จะพูดจบ ผมโผเข้ากอดพี่แทบจะในทันที


ผมได้แต่นั่งนิ่งอยู่หลังพุ่มไม้ สัมผัสอุ่นๆที่แก้มยังไม่หายไป

ตลอดมา ผมเฝ้าถามคนโน้นคนนี้ว่ามองผมแบบไหน

ไม่ว่าคำตอบจะออกมาเหมือนหรือแตกต่างกันยังไง แต่ความรู้สึกที่เคยเกิดขึ้น มันไม่มีทีท่าว่าจะเกิดขึ้นอีกครั้งเลย



"ผมไม่คิดว่าความรู้สึกแบบนี้จะเกิดขึ้นได้อีก...ความรู้สึกที่เหมือนกับว่า..."

"เหมือนเจอสิ่งที่ขาดหายไปสินะ"

"ใช่ครับ"

ขอบใจนะชางมิน ฉันควรขอบใจนายสินะ

ทำไมฉันถึงดีใจขนาดนี้นะ ที่เด็กหัวโตนั่นไม่ใช่นาย

เด็กผู้ชายหัวโตคนนั้น...คือพี่ยุนโฮ...

พี่ยุนโฮ...คนที่ขโมยหอมแก้มผมที่หลังพุ่มไม้ในสนามเด็กเล่น

พี่ยุนโฮ...คนที่ขโมยแม้แต่จูบแรกของผมในห้องลองเสื้อ

และพี่ยุนโฮ...คนที่ขโมยหัวใจผมไปตอนไหนไม่รู้


................................................................


"สวัสดีครับ หายดีรึยัง"

ผมปล่อยพี่ยุนโฮเข้าไปหาพี่เซียคนเดียว เรื่องพาสปอร์ตนั่นแหละ เราสามคนจะไปอเมริกาด้วยกัน เพื่อไปหาชางมิน

คราวนี้ผมจะไปเพื่อขอบใจเขา พี่ยุนโฮเองก็เหมือนกัน

"เข้าไปเถอะ เชื่อผม"

"ไม่เอา รีบๆไปกันเถอะ"

พี่เซียชะเง้อคอมองหาผม

"ไม่เอา...อุ๊ย!"

"แจจุง..."

พี่เซียเรียก ผมยังรู้สึกผิดอยู่เลยแฮะ เลยพูดได้แค่ประโยคเดียว

"อีก 3 วันเจอกันที่สนามบินนะฮะ"

ผมรีบเดินออกมาทันที พี่ยุนโฮดึงมือผมไปจับไว้ข้างๆตัว เราสองคนบีบมือกันและกันหนึ่งที พลางเดินไปข้างหน้า ไปตามทางสีขาวที่ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุดนั่น แต่คราวนี้มันไม่ว่างเปล่าและโดดเดี่ยวอีกต่อไป

ผมตั้งใจไว้ว่า เมื่อไหร่ ที่เด็กผู้ชายหัวโตคนนั้นกลับมา ผมจะบอกเค้าว่าผมเองก็ชอบเค้าเหมือนกัน

เอาล่ะ...ผมจะพูดแล้วนะ...

"พี่ยุนโฮ"

"หืม..."

"ผม..."

Someday I'll lay my love on you.Baby I don't wanna lose it now.

Just one, There's only you

I pray for this love to be true, now matter where we are

miss you, my baby you


จบบทพิเศษ...ความรักของผม...คิมแจจุง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-06-2008 16:46:31 โดย Champnarok007 »

Champnarok007

  • บุคคลทั่วไป
ผมรักพี่นะ... ♥

บทที่ 12


ผมเคยดูหนังหลายเรื่องเลยที่พระเอกกับนางเอกมักจะตายตอนจบ แล้วเรื่องของผมล่ะ มันจะเป็นอย่างนั้นมั้ย

ผมนั่งพิมพ์คำว่า 'พี่รักชางมิน' ส่งไปให้ชางมินนับสิบข้อความ หวังว่า พอเขาตื่นขึ้นมา เขาก็จะได้เจอกับมัน

ระหว่างนั่งอยู่บนรถ ผมก็นั่งวางแผนขีวิตในอนาคตของเรา...ใช่...อนาคตของเรา

มันจะเป็นอนาคตที่มีแต่จุนซู และชางมิน

พอจบมหาลัย ผมจะทำงานเปิดร้านอาหารกับพ่อ ชางมินก็จะเตรียมตัวเป็นครูสอนเด็กอนุบาล

ผมไม่แน่ใจว่าชางมินจะรับเด็กมาเป็นลูกบุญธรรมรึเปล่า แต่ผมน่ะ เป็นคนขี้รำคาญ ไม่ค่อยชอบเด็ก แต่ถ้าให้สอนเปียโนล่ะก็ ไม่มีปัญหา...อิอิ

"พี่เซียยิ้มอะไรอยู่ได้คนเดียว ตอนนี้ชางมินอยู่ในห้องผ่าตัดนะ"

เสียงแจจุงรบกวนห้วงภวังค์แห่งความสุขของผม

"พี่กำลังคิดภาพในอนาคตของเราอยู่น่ะ"

แจจุงและพี่ยุนโฮหันมายิ้มให้กำลังใจผม

.....รถติดน่าดู ทำให้เราไปถึงช้ามาก ป่านนี้ชางมินน่าจะออกมาแล้ว เขาอาจกำลังแกล้งทำเป็นหลับเพื่อฟังผมบอกรัก หรืออาจกำลังเปิดดูข้อความในมือถืออยู่ก็ได้

เมื่อถึงโรงพยาบาล เราสวนทางกับคุณปู่ของชางมินตรงลิฟต์

"สวัสดีครับ"

พวกเราทักทายชราชราที่ถูกพยุงโดยหญิงท้องแก่

"ยุนโฮ คนไหนรึที่ชื่อคิมจุนซู"

พี่ยุนโฮหันมายิ้มทางผม

"ผมเองครับ"

ชายชรายิ้มให้อย่างเหนื่อยๆ พลางลูกศีรษะผมอย่างอ่อนโยน

"ขอบใจนะ ที่ช่วยต่อชีวิตให้ชางมินได้นานขนาดนี้"

พูดจบ คุณปู่และหญิงท้องแก่ก็ออกจากลิฟต์ ชายชราหายไปพร้อมกับด้านหลังที่มองดูหดหู่ชอบกล

"แสดงว่าชางมินคงปลอดภัยแล้วสินะ"

แจจุงกระโดดเบาๆในลิฟต์ที่กำลังเคลื่อนตัวสู่ชั้นบนอย่างรวดเร็ว

"คุณชางมินล่ะครับ...?"

ผู้หญิงที่ยุนโฮคำนับให้ ชี้ตรงไปที่ห้องไอซียู ผมรีบวิ่งนำไปทันที

ในห้องมีแต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆส่งเสียงดังครืดคราดเป็นระยะ สายยางห้อยระโยงระยางรอบๆเตียงผู้ป่วย ที่มีชางมินนอนนิ่งอยู่

"เขาไม่ได้ใส่เครื่องช่วยหายใจนี่ แสดงว่าชางมินหายดีแล้ว"

แจจุงเอ่ยขึ้น ผมค่อยๆก้าวเท้าเข้าไปหาอย่างยากลำบาก ทำไมเท้ามันหนักแบบนี้นะ

"ไม่เจอกันแค่ 5 วัน เธอผอมลงไปเยอะเลยนะ"

ผมเอ่ยทักเบาๆก่อนจะเงี่ยหูฟังเสียงของการมีชีวิต ดวงตาของผมเอ่อล้นไปด้วยนำอุ่นๆจนร้อนผ่าว

"เธอนี่แย่จริงๆเลย พี่อุตส่าห์มาเยี่ยม แต่ไม่ยอมแม้แต่จะลืมตามอง"

"พี่เซีย"

"แจจุง เราออกไปกันก่อนเถอะนะ"

พี่ยุนโฮพาแจจุงออกไป

ผมจับมือที่เย็นเฉียบของชางมินขึ้นมาแนบกับใบหน้า

"ชางมิน...จำได้มั้ย ที่คืนนั้นพี่เมามาก พอตื่นขึ้นมาก็เจอเธอนอนอยู่ข้างๆ ตอนนั้นพี่คิดได้อย่างเดียวเลยว่า ต้องฆ่าเธอให้ได้..."

".........."

"แต่ต่อไปนี้ เราสองคนจะหลับไปพร้อมๆกัน แล้วตื่นขึ้นมาพร้อมๆกันโอเคมั้ย"

ผมปาดน้ำตาที่ไหลเปื้อนมือของชางมิน จากนั้นก็ค่อยๆเบียดตัวขึ้นไปนอนบนเตียงคนไข้ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน

"ฮึก...ตัวเธอ...เย็นจัง...ฮึก"

ผมวางศีรษะไว้บนอกอันราบนิ่งของชางมิน แล้วกอดจนแน่นให้ความอบอุ่นแผ่กระจ่ายเข้าไป พลางนิ่งมองเครื่องวัดชีพจรหัวใจด้านตรงข้าม

"ฮือ...ชางมิน...ไปรักษาที่อื่นเถอะนะ...ฮึก... ดูที่จอสิ ชีพจรของเธอวิ่งเป็นเส้นตรงเลย ทั้งๆที่พี่ยังได้ยินเสียงหัวใจของเธอเต้นอยู่แท้ๆ"

น้ำตาของผมไหลชะอกเปลือยเปล่าของชางมิน ผมพยายามเก็บกดเสียงสะอื้นไว้ในลำคอ

"อย่าปล่อยให้พี่พูดคนเดียวสิ...คนใจร้าย..."

เสียงร้องของผมดังขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ นี่หรือคือความจริง...

พี่ยุนโฮกับแจจุงเข้ามาช่วยกันดึงผมออกจากชางมิน

"ปล่อยนะ...ฮึก...ฉันจะอยู่กับชางมิน ฮือๆ...ถ้าเค้าตื่นมาแล้วไม่เจอฉัน เขาจะน้อยใจเอาได้"

"พี่เซียพอเถอะ มันไม่มีอีกแล้ว...ฮือๆๆ"


แจจุงกอดผมจากด้านหลังแล้วปล่อยน้ำตาทันที

"นายจะบ้าเหรอ ชางมินเขาต้องพักผ่อนนะ อย่าร้องไห้ให้เขาได้ยินสิ ออกไป!!!"

"คุณเซียครับ พอเถอะ คุณหนูเขาไม่ฟื้นอีกแล้วนะครับ"

"หยุดไปเลย!!! ออกไปให้หมดนะ หัวใจของเขายังเต้นอยู่เลย"

"ไม่นะพี่เซีย ชางมินตายแล้ว การผ่าตัดล้มเหลว เขาตายแล้ว ได้ยินมั้ยพี่เซีย...ชางมินตายไปแล้ว และจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก ไม่ว่าพี่จะร้องไห้มากมายแค่ไหนก็ตาม!!"

"ไม่จริง อย่าพูดอย่างนั้น...ไม่!!!!!"


...




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-06-2008 17:19:21 โดย Champnarok007 »

bigbell555

  • บุคคลทั่วไป
ไม่นะ...ไม....ไม่จริงใช่ไหม :serius2: :o

ชางมิน อย่าพึงตายซิ :sad2:

ซีรีย์เกาหลีไม่จำเป็นต้องตายก็ได้นะ :o12:

ปาฎิหาริย์มีจริงรึปล่าว.... :a1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






gift_deb

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องมันเศร้า น่าสงสารรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร :m15: :m15: :m15:

Champnarok007

  • บุคคลทั่วไป
***เพี๊ยะ...!!!***

"เฮือก!!!"

ผมสะดุ้งเฮือกทันที น้ำตานองหน้าโดยไม่รู้ตัว ที่แก้มรู้สึกแสบๆคันๆ

"ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ แต่พี่เซียน่ากลัวมากเลย ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่น แถมยังร้องซะน่ากลัวแบบนั้นอีก"

ผมลูบเบาๆที่แก้มซ้าย...พลันยิ้มออกมาอย่างโล่งอก...

...แค่ฝันไปน่ะ

"ขอบใจนะแจจุง"

"ห๋า...!"

"ถึงแล้วครับ"

เสียงคุณบราวน์ดังมาจากที่นั่งคนขับ

"คุณคงกังวลเกินไป เลยฝันไปใช่มั้ยล่ะ"

"อืม..."

ผมพยักหน้าเบาๆให้พี่ยุนโฮ

"ไม่ต้องห่วงนะ เมื่อครู่คุณหนูใหญ่โทรมาบอกว่าคุณชางมินปลอดภัยแล้ว"

ผมหัวเราะทั้งน้ำตา พลางโผเข้ากอดแจจุงที่นั่งอยู่ข้างๆ

"ขอบใจมากๆเลย แจจุง"

"อะไรกันครับเนี่ย"

ขอบใจนะ ขอบใจนายที่ช่วยปลุกชั้นให้ตื่นจากฝันร้าย

ใช่แล้ว...ต่อไปนี้...เราจะหลับไปพร้อมๆกัน และตื่นขึ้นมาพร้อมๆกันทุกวัน

ชางมิน...ขอบใจนะที่ยังรอพี่อยู่

ขอบใจมากเลย


จบบทที่ 12 :m23:

gift_deb

  • บุคคลทั่วไป
ตกใจหมด ที่แท้ก็จบบทที่ 12




มาต่ออีกเร็วๆ นะคะ ดีใจจังที่มันเป็นแค่ฝันร้าย

nooww

  • บุคคลทั่วไป
 :กอด1: :กอด1: ขอกอดคนเขียน 1 ที   


รอมาตั้งนาน มาต่อเีร็วนะ   :กอด1:  :bye2:

Champnarok007

  • บุคคลทั่วไป
ผมรักพี่นะ... ♥

บทที่ 13

ผมรู้สึกว่าตัวเองตื่นแล้ว แต่ยังไม่อยากลืมตา เพราะต้องการให้คนที่ผมเจอเป็นคนแรกคือพี่จุนซู

สัมผัสอุ่นๆที่มือนี่น่าจะใช่นะ...ผมลองขยับดู ปรากฎว่าคนที่นอนหลับอยู่ค่อยๆขยับตัว

"ชางมินฟื้นแล้วเหรอ..."

หัวใจดวงใหม่ของผมทำงานได้ดีเกินไปรึเปล่านะ ตอนนี้มันเต้นรัวจนแทบจับจังหวะไม่ได้ :o8:

...ผมส่ายหน้าเบาๆแทนคำตอบ

"อ๋อ...ยังไม่ฟื้น งั้นพี่หลับต่อละกัน"

น้ำเสียงของพี่ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก แค่นี้ผมก็อุ่นใจแล้ว

ผมรั้งมือพี่ไว้เบาๆ แต่ยังแกล้งทำเป็นหลับอยู่

"ถ้าไม่ให้หลับก็ต้องตื่นมาคุยกัน ตื่นเดี๋ยวนี้นะ จอมกะล่อน"

ผมอมยิ้มจนแก้มป่อง แต่ยังไม่ขยับตัวหรอก อิอิ

"เอ...ทำไงชางมินของพี่ถึงจะตื่นน๊า..."

ไม่ทันตั้งตัว ริมฝีปากอุ่นๆของพี่ก็ทาบลงมา ผมลืมตาโพลงด้วยความตกใจ

"เล่นอะไรเนี่ย ถ้าผมหัวใจวายตายขึ้นมาจะทำยังไง"

"ก็เอามาฝากพี่ไว้ก่อนสิ" :m14:

ผมยิ้มให้คนตรงหน้าที่ทำท่าทะเล้น อย่าให้หายนะ ผมจัดการแน่

*ตุบ*...!

"อะไรน่ะ"

ผมถามเมื่อได้ยินเหมือนของแข็งตกพื้น

"สมุดบันทึกน่ะ นั่งเขียนมาได้ 2 วันแระ"

"เขียนเรื่องไรเหรอ เขียนว่ารักผมแน่ๆเลย"

ผมแกล้งแซว พลางทำท่าจะแย่งสมุดปกหนังนั่นมา

"ก็บอกแล้วไงว่าเป็นสมุดบันทึก จะให้เขียนอะไรล่ะ ก็แค่บันทึกเรื่อยเปื่อยน่ะ"

"ชางมินฟื้นแล้วเหรอ!!"

เสียงแจจุงดังแทรกอากาศมา ตามมาด้วยพี่ยุนโฮอีกคน ที่ถือถุงอะไรเต็มมือไปหมดไม่รู้

"ทำเอาพวกเราเป็นห่วงแทบแย่"

"เป็นห่วงแล้วไปช็อปปิ้งเนี่ยนะ"

พี่จุนซูพูดเหน็บ

เออ...แล้วผมควรจะบอกกับแจจุงเค้ายังไงล่ะเนี่ย เรื่องของเรา...

"แหม ก็คนกำลังข้าวใหม่ปลามันนี่นา อิอิ"

แจจุงหันไปคล้องแขนพี่ยุนโฮ ทำเอาพวกเราต่างอึ้งไปตามๆกัน

"หมายความว่าไง"

ผมถามไป ไม่นึกว่าอะไรๆมันจะลงตัวแบบนี้

"ขอโทษนะชางมิน คือว่าฉันคงต้องทิ้งนายแล้วแหละ เพราะตอนนี้ฉันเจอเด็กหัวโตของฉันแล้ว"

"เด็กหัวโต!!"

เราสามคนทวนประโยคตามพร้อมๆกันอย่างสงสัย ส่วนพี่ยุนโฮก็คลำหัวตัวเองเสียยกใหญ่

"อืม...ถ้าใครอยากรู้ก็ตามออกมาแล้วกัน"

พูดจบแจจุงก็วิ่งออกไปด้วยท่าทางร่าเริงเกินพิกัด ดูเหมือนจะแอบเหยียดยิ้มอยู่ด้วยนะเนี่ย

พี่ยุนโฮ ทิ้งของลงกับพื้นพลางวิ่งตามออกไปอย่างว่องไวไม่แพ้กัน

"พี่จุนซู...จะไปไหน!!"

ผมรั้งมือพี่ไว้ก่อนที่ต่อมอยากรู้อยากเห็นของพี่จะทำงานเกินหน้าที่

"ก็อยากรู้นี่นา เค้าให้ตามออกไป"

"ไม่ต้องไปอยากรู้เลย อยู่กับผมเนี่ยแหละ"

"เชอะๆ" :m16:

พี่ทำหน้างอนๆ พลางเดินไปหาอะไรในตู้เย็นดื่ม (ทำเหมือนอยู่บ้าน)

"อ้าว คุณบราวน์"

คุณบราวน์เดินเข้ามากระซิบกับผม แล้วเรื่องที่ไม่คาดฝันมันก็มาถึงจนได้

"อย่างงั้นเหรอครับ"

"มีอะไรกันเหรอ"

พี่จุนซูที่พอจะอ่านสีหน้าผมออก เดินเข้ามาถาม โชคดีที่พี่ฟังภาษาอังกฤษไม่ออก

"ขอบคุณครับ...งั้นคุณช่วย..."

ผมสั่งคุณบราวน์ไปด้วยภาษาอังกฤษทำเอาพี่เริ่มงอนอีกครั้ง

เมื่อฝรั่งร่างใหญ่ออกไป พี่ก็เดินเข้ามาแทน

"จะบอกหรือไม่บอก"

"อะไร..."

"คุยไรกัน"

"เดี๋ยวก็รู้เอง"

"หืม...?"

.....................................................................................

Champnarok007

  • บุคคลทั่วไป
.........................................................................

"ตกลงเธอมีรถกี่คันกันแน่ฮะ ชางมิน"

ผมถามขณะที่นั่งตัวลีบอยู่ในสปอร์ตเปิดประทุนสีแดงคันงาม เฮ้อ...อยู่ท่ามกลางถนนอันว่างเปล่าที่ซึ่งห่างไกลจากโรงพยาบาล

"มีคันนี้คันเดียวแหละคร๊าบ"

"แล้วลีมูซีนสีขาวกับบีเอ็มสีน้ำเงินที่เธอใช้ตอนอยู่เกาหลีล่ะ ของใครมิทราบ"

เอ...ครบแล้วสินะ ทำไมถึงมีแต่ของหรูๆเนี่ย

"ลีมูซีนน่ะของที่บ้านใหญ่ให้เอามาใช้ ส่วนบีเอ็มน่ะ พี่สาวของผมคนที่ท้องเค้าไม่ใช้เลยให้ยืมก่อน ของผมน่ะ มีคันนี้คันเดียว ไว้ใช้ในอเมริกา"

"โหยๆๆๆ"

ไอ้พวกคนรวยเอ๊ย แล้วนี่จะพาเราไปปู้ยี่ปู้ยำที่ไหนล่ะ

"อ้าว จอดทำไมล่ะ ตรงนี้ไม่เห็นมีไรเลย"

"เดี๋ยวสิ คนแก่ใจร้อนจริงๆ"

"ใครแก่ไม่ทราบ ไอ้เด็กบ้า"

ผมหยิกแขนชางมินเบาๆ พลางนั่งนิ่งให้ร่างสูงใช้ผ้าพันปิดดวงตาจนมืดสนิท

"มีปิดตงปิดตา เดี๋ยวถ้าไม่เจ๋งจริงล่ะน่าดู"

"..."

เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นอีกครั้ง จากนั้นลมเย็นๆก็ปะทะกับใบหน้า ชางมินจับมือผมไว้

ดูเหมือนมือเขาจะสั่นๆเล็กน้อยนะ มีอะไรรึเปล่า หรือว่าตื่นเต้นที่จะบอกอะไรกับเรา

เฮ้อ!! แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว

ครู่ใหญ่ๆผ่านไป เสียงเครื่องยนต์ดับสนิท ชางมินลงมาประคองผมออกจากรถสุดหรูโดยยังไม่เปิดผ้าออก

ทางเดินดูเหมือนจะเป็นบันไดด้วยแฮะ สงสัยจะเข้าไปในตัวบ้าน รู้สึกอุ่นๆ

จากนั้นชางมินก็ให้ผมนั่งลงบนเก้าอี้ แล้วชางมินก็นั่งลงข้างๆ เมื่อผ้าเปิดออก ก็พบว่าข้างหน้าเป็นเปียโนหลังใหญ่สีขาว

"จำได้มั้ย ที่ผมเคยบอกว่าจะเล่นให้ฟังเฉพาะคนที่ผมรักเท่านั้นน่ะ"

"อืม"

ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ ก็ตอนนั้น สายตาของเธอดูจริงจังมากเลยนี่นา ชางมินเริ่มลงมือบรรลงเพลงอย่างบางเบาและเพราะพริ้ง เสียงตัวโน้ตล่องลอยข้างๆหู ราวกับเป็นเสียงกระซิบบอกความรู้สึกที่เรามีต่อกัน

ความสุขในตอนนี้ มันไม่สามารถเทียบกับอะไรได้อีกแล้ว ชางมินเลื่อนมือมาโอบไหล่ พลางวางลงบนบันไดโน้ตสีขาวอย่างนุ่มนวล

"มัวคิดอะไรอยู่......ตั้งใจฟังหน่อยสิครับ"

เสียงของชางมินกระซิบอยู่ที่ข้างหู ร่างของผมเอนไปตามจังหวะของชางมิน

"No matter how I wait I can't go nextto you ,crying"

แม้เสียงของเปียโนจะดังแทบกลบเสียงกระซิบเพลงของชางมิน แต่ที่ได้ยินชัดกว่าอะไรทั้งหมด

...ก็คือเสียงหัวใจของเราทั้งสองคน...ที่มันเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน

ผมพริ้มตาหลับเพื่อซึมซับกลื่นกายของชางมิน

...กลิ่นสบู่อ่อนๆ...กลิ่นแชมพู...

ความอบอ่นจากแผ่นอกและอ้อมแขน...


"No matter how I wait I can't go nextto you ,crying
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ฉันจะรอ
ฉันเสียใจที่ไม่สามารถไปอยู่เคียงข้างเธอได้

You only gave me pain and you didn't know me
เธอทำให้ฉันเจ็บปวด และเธอก็ไม่เคยรู้

Are you telling me to leave?
เธอกำลังจะบอกให้ฉันไปจากเธอใช่ไหม

I miss you,I miss you
ฉันคิดถึงเธอ  ฉันคิดถึงเธอ

To the point where I hate myself
ตรงนี้แหละที่ทำให้ฉันเกลียดตัวเอง"


"เดี๋ยวก่อนชางมิน...พี่ว่ามันแปลกๆนะ"

"ทำไมเหรอ"

เสียงเปียโนชวนฝันเมื่อครู่หยุดลง...

ชางมินรีบชักมือขึ้นปาดน้ำตาก่อนที่ผมจะทันได้เห็น...แต่ก็ไม่ทัน

"พี่ไม่เก่งอังกฤษหรอกนะ ... แต่ฟังๆดูแล้วมันเศร้ายังไงไม่รู้ ... เหมือนกับว่าเราจะต้องจากกันเลย"

ชางมินซุกหน้าลงบนไหล่ผม

"อย่าคิดมากนะ ผมแค่อยากจะบอกมันให้พี่รู้ก็เท่านั้นเอง พี่ไม่ยอมตั้งใจฟังน่ะสิ ถึงฟังไม่รู้เรื่อง"

"ไม่ใช่อย่างงั้นซะหน่อย ... แล้วทำไมเธอถึงต้องร้องไห้ด้วยล่ะ"

"ก็เพลงมันความหมายดีนี่นา พี่น่ะแปลไม่ออกเอง ... อยากให้ผมเปลี่ยนเพลงไหมล่ะ"

ก็รู้ๆกันอยู่ว่าภาษาอังกฤษกับผมน่ะไม่ถูกกัน  แล้วทำไมต้องเอามาพูดเวลานี้ด้วย

"เชอะ!! พี่ไม่ได้โง่ขนาดนั้นซักหน่อย...เล่นต่อก็ได้ เอาให้จบนะ"

"......"

"ชางมิน..."

"......"

"ชางมิน!!!!"

จู่ๆชางมินก็เงียบไป ผมเตรียมจะหันไปดู แต่ชางมินกลับใช้ศีรษะกดทับไหล่ผมไว้

"ขออยู่อย่างนี้นานๆนะ ... อยากอยู่อย่างนี้ตลอดไป จะได้มั้ย"

สองมือรัดเอวผมไว้แน่น ใบหน้ากดซุกลงไปที่คอ ผมปล่อยให้ชางมินทำตามใจไปเรื่อยๆ เพราะผมเองก็มีความสุขเหมือนกัน

"พี่จุนซู...สมมติถ้าผมตาย...พี่จะอยู่ต่อไปได้ใช่มั้ย"

"......ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ"

"บอกมาสิ ... ผมแค่อยากรู้"

ผมเดาใจชางมินไม่ออกจริงๆ ทั้งๆที่กำลังมีความสุข แต่ผมกลับรู้สึกโมโหขึ้นมาอีกแล้ว

"คงลืมมั้ง...เหมือนเมื่อ 5 ปีก่อน"

ผมตอบแกมประชดนิดๆ หรือไม่แน่อาจจะเป็นอย่างนั้นจริงๆก็ได้

"จะไม่ร้องไห้ใช่มั้ย"

".................."

"จะร้องแค่นิดเดียวใช่มั้ย"

"ไม่รู้สิ...อาจจะเจ็บจนทนไม่ไหว แต่เดี๋ยวก็คงลืมไปเอง"

"งั้นก็ดี..."

"........."

ผมผลักชางมินออก

"พูดอย่างนี้ทำไม...เธอกำลังจะทิ้งพี่ไปงั้นเหรอ"

"............."

ชางมินก้มหน้านิ่ง

"ถ้าอยากตายนักก็เชิญ!"

พูดไม่ทันขาดคำ ชางมินก็ล้มลงไปกองกับพื้น

"ชางมิน...ชางมิน!!! เธอล้อเล่นพี่ใช่มั้ย...ชางมิน!!!"

ผมเขย่าร่างชางมินที่ไม่ได้สติ เพราะการร้องไห้ ทำเอาผมหมดแรงที่จะก้าวต่อ

ผมค่อยๆแบกชางมินไปยังรถสปอร์ตสีแดง

"ขับยังไงล่ะเนี่ย"

ถึงพอจะรู้ทักษะพื้นฐานมาบ้าง แต่ก็ไม่เคยลองขับเอง แถมกับรถฝรั่งเสียด้วย

ผมสตาร์ทเครื่อง พลางเหยียบคันเร่งอย่างผิดๆถูกๆ

"ชางมิน อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ ถ้านายไม่อยู่ พี่ก็อยู่ต่อไม่ได้เหมือนกัน"

ผมมองถนนข้างหน้าสลับกับอักษรอังกฤษ

ตัว p คืออะไร ตัว n คืออะไรเนี่ย จำไม่ได้แล้ว

ที่สำคัญ โรงพยาบาลไปทางไหนล่ะ ก็ตอนมาผมถูกปิดตานี่นา

"ชางมิน ทำไงดี ไปทางไหน"

ผมขับปัดไปซ้ายทีขวาที พวงมาลัยมันลื่นมากๆเลย ถ้าไม่จับให้แน่นมันก็คอยจะหมุนหนี บ้าชะมัด

ถ้าเป็นอเมริกาน่าจะขับเลนขวาใช่มั้ย โอ๊ย!ปวดหัวจัง ทำไงดี

ผมอดที่จะร้องไห้ไม่ได้ ทำไมจู่ๆก็มาเกิดเรื่องอะไรแบบนี้ได้นะ

...ข้างหน้า...แสงไฟดวงใหญ่ราวกับสปร์อทไลท์ของรถบรรทุกสินค้า ค่อยๆใกล้เข้ามา

ผมโผเข้ากอดชางมินเอาไว้ พวงมาลัยหมุนติ้วจนรถหักเลี้ยวอย่างกะทันหัน และแล้ว...

***โครม!!!!!!!!!!***


...


นั่นแสงอะไรอ่ะ...พระเจ้าเหรอ...แล้วรอบๆตัวผมนี่ใครกันนะ หรือเป็นสาวกของพระเจ้ามารับตัวผม

ไม่ไหวแล้ว ...ขอหลับอีกซักงีบก็แล้วกัน...

"หมอค่ะ เลือดหมดแล้วค่ะ สำรองก็หมด"

"หมอคะ คนไข้ทางนี้หัวใจหยุดเต้นไปแล้ว"

"ปั้มหัวใจสิ!"

"ไม่ได้ค่ะ หัวใจล้มเหลวไปแล้ว"

"หมอคะ เลือดไม่พอค่ะ ต้องหาผู้บริจาคด่วนเลยนะคะ"

"นี่เธอ คนไข้คนนั้นเลือดกรุ๊ปอะไร ใช้แทนได้รึเปล่า

"ได้ค่ะ!!"

"งั้นให้เลือดต่อเลย นี่เธอ เฝือกขาล่ะ"

"ค่ะๆๆ!!"



จบบทที่ 13

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10

nooww

  • บุคคลทั่วไป
 :m15: เศร้าจังเลย มาต่อเ๋ร็วนะขออย่้าให้มีใครตายเลย :bye2:

gift_deb

  • บุคคลทั่วไป
 :m15: :m15: อะไรยังไง ไหงเป็นแบบนี้ล่ะ แน่จริงเอาให้ตายทุกคนเลยนะ  :o12:

Champnarok007

  • บุคคลทั่วไป
ผมรักพี่นะ... ♥

บทที่ 14

"พี่เซีย...วันนี้เราไปเยี่ยมชางมินกันนะ"

ผมยืนมองพี่เซียจากริมประตู เรากลับมาเกาหลีได้ 1 อาทิตย์แล้ว โชคดีที่ช่วงนี้ปิดเทอมแล้ว พวกเราได้ช่วยกันอธิบายเรื่องราวต่างๆให้พ่อแม่ของพี่ฟัง ซึ่งพวกท่านก็เข้าใจดี และก็ได้ขอให้เป็นหน้าที่ของเราที่จะช่วยพี่เซียจากอาการที่เป็นอยู่

"รีบอาบน้ำเถอะนะ พี่จะให้ชางมินรออยู่คนเดียวเหรอ"

"ชางมินก็นั่งอยู่ตรงนี้ไง นายมองไม่เห็นเหรอ แจจุง"

ผมเงยหน้าขึ้นเพื่อกล้ำกลืนน้ำตาไม่ให้มันไหลออกมา

"พี่ต้องเขียนบันทึกต่อนะ ไม่งั้นแก่ไปจะลืมหมด"

พี่เซียพูดด้วยท่าทางลอยๆ พลางก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรลงไปในสมุดปกหนัง

ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ...มันไม่มีตัวหนังสือเลยซักตัว มีแต่รูปคนที่เป็นลายเส้นยุกยิก กับรอยน้ำตาของพี่

"พี่เซีย..." เสียงของผมเริ่มแหบพร่า พลางค่อยๆเข้าไปพยุงพี่

"ไปอาบน้ำกันนะ พาชางมินออกไปข้างนอกบ้างสิ"

"อืม...ก็ดี แล้วเพลงที่พี่บอกให้หามาล่ะ"

เพลง I miss you น่ะเหรอ ผมเอามาให้พี่เลือกตั้งหลายเพลง ของนักร้องหลายคน แต่มันก็ไม่ใช่เพลงที่พี่อยากได้ซักที

"ผมหาไม่ได้...มันเป็นเพลงที่ชางมินแต่งเองหรือเปล่า ความหมายล่ะ มันเป็นยังไง เกี่ยวกับอะไร"

ผมนั่งลงใบหน้าอยู่ระดับอกพี่ พลางถามด้วยน้ำเสียงที่ดูสดใสที่สุดเท่าที่จะทำได้

"อืม...ไม่รู้สิ มันเป็นภาษาอังกฤษนี่นะ ชางมินอาจแต่งเองก็เป็นได้ แต่ทำนองมันคุ้นมากเลย"

ผมถอนหายใจด้วยความท้อแท้

"งั้นอาบน้ำก่อนนะ แล้วเดี๋ยวเราค่อยไปถามชางมินกัน...นะครับพี่เซีย"

"อืม!!"

พี่ค่อยๆหอบร่างอันซูบผอม และเฝือกขาเข้าไปในห้องน้ำ ไม่ถึง 10 นาที เราสองคนก็ออกมายืนรอพี่ยุนโฮ ที่เพิ่งจะเอารถเข้ามาจอดรับ

"พี่ยุนโฮ อย่าขับเร็วนักสิ มันอันตรายนะ"

"ไม่ได้หรอก ก็ดูท้องฟ้าสิ มืดครึ้มออกขนาดนั้น เดี๋ยวก็ได้ตากฝนกันแน่"

พี่ยุนโฮพูด ผมหันไปมองพี่เซียที่นอนหลับอยู่ด้านหลัง ก็ตอนกลางคืนแทบไม่ได้นอนเลยนี่นา หลังจากเหตุการณ์นั้น ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครได้นอนเต็มตาเลยซักคน ไม่มีใครคาดคิดว่าชางมินจะจากไปเร็วขนาดนี้ หัวใจที่เปลี่ยนใหม่ปฏิเสธร่างกายจึงไม่สามารถทำงานได้ ส่วนพี่เซียเองก็เกือบจะต้องทิ้งชีวิตไปกับอุบัติเหตุครั้งนั้น พี่เสียเลือดไปมาก แต่สุดท้าย คนที่ช่วยพี่ไว้ก็คือชางมิน

เลือดของทั้งสอง รวมเป็นหนึ่งเดียวในร่างกายพี่ ผมไม่แปลกใจเลยถ้าพี่จะบอกว่า ชางมินอยู่ใกล้ๆแค่นี้เอง

เพราะอันที่จริงแล้วทั้งสองไม่เคยแยกจากกันเลย ทั้งร่างกาย หัวใจ และจิตวิญญาณของทั้งคู่ ได้รวมเป็นหนึ่งเดียวแล้ว

ที่หลุมศพ แผ่นป้ายหินสีขาวที่โผล่พ้นพื้นดิน ใบหน้าของชางมินและชื่อของเขา ถูกสลักไว้อย่างประณีต ข้างหน้ามีดอกไม้ช่อใหญ่ว่างไว้ก่อนแล้ว คงจะเป็นพี่มิกกี้สินะ พี่เซียวางไม้เท้าลง แล้วนั่งลงปล่อยให้ไหล่ของตนเองนั้นอิงแอบกับแผ่นป้ายหิน

"ชางมิน"

ผมเรียกชื่อเพื่อนรักเบาๆ หลังจากวางช่อลิลลี่ลงไป

"ขอบใจนายนะ ที่เปิดตาให้กับฉัน ฉันพบว่าการรักใครซักคน มันไม่ลำบากเลยซักนิด หากเรารักเค้าด้วยหัวใจ เราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อใคร และการที่ชีวิตนี้ เราสามารถจะมอบความรักให้กับใครซักคน แม้จะอยู่บนโลกนี้ได้ไม่นาน แต่หัวใจของคนคนนั้นก็จะยังมีเราตลอดไป เหมือนที่พี่เซียไม่เคยลืมนาย"

ผมยิ้มให้กับใบหน้าเลื่อนลอยของพี่ ที่ตอนนี้พิงศีรษะลงกับแผ่นหิน ราวกับทั้งสองกำลังอิงแอบไหล่ของกันและกันอยู่

พี่ยุนโฮวางช่อดอกไม้ลงข้างๆของผม

"คุณชางมิน..."

สายลมพัดหอบใบไม้ให้ปลิวสลอน ความเยือกเย็นของอากาศ คงทำให้พี่เซียรู้สึกเปล่าเปลี่ยวไม่น้อย

"ผมต้องขอบคุณ คุณมากๆ ที่ทำให้ผมได้รู้จักกับรักแท้ ...ได้รู้จักกับแจจุง..."

เราสองคนหันมายิ้มให้กันบางๆ

"ให้ผมได้รู้จักทะนุถนอมเวลาที่มีอยู่ จนแม้วินาทีสุดท้าย...ความตาย...ก็ไม่ใช่คำตอบของคำว่ารัก แต่มันเป็นคำถาม ว่าเราจะรักคนคนนั้นได้มากแค่ไหนต่างหาก...ตลอดมาผมไม่เคยเดาใจคุณออกเลย ผมกลับคิดว่าคุณคงกำลังสนุกกับการเล่นเกมส์บางอย่างอยู่...แต่ผมคงโง่เกินกว่าจะเข้าใจในสิ่งที่คุณทำได้ จนถึงตอนนี้ ผมเชื่อว่าเราทุกคนที่ได้รับรู้เหตุการณ์นี้ คงจะไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า ความรักมันมีอิทธิพลมากแค่ไหน ต่อจากนี้ ผมขอให้คุณมีความสุข วันหนึ่ง เซียจะยิ้มได้ และวันนั้น คุณเองก็จะยิ้มอย่างไร้กังวลเช่นกัน"

อากาศเริ่มอึมครึมลงอย่างรวดเร็ว เราทั้งคู่รีบถอยออกมา เพื่อให้พี่เซียได้อยู่กับชางมินตามลำพัง เมื่อมองจากที่ไกลๆออกไป ราวกับว่าผมได้มองเห็นชางมินและพี่เซียนั่งอิงแอบกันอยู่จริงๆ พี่เซียค่อยๆยิ้มออกมาพร้อมกับน้ำตา ผมซุกใบหน้าลงกับแผ่นหลังของพี่ยุนโฮ เราสองคนร้องไห้ด้วยกันเบาๆ...

"ชางมิน พี่อยากฟังเพลงนั้นต่อจัง เพลงที่เธอยังเล่นไม่จบน่ะ ท่อนสุดท้ายมันเป็นยังไงเหรอ"

สายลมพัดแรงขึ้นราวกับเตือนว่าเวลาแห่งความโศกเศร้ากำลังจะกลับมาอีกครั้ง


...


"พี่จุนซู ...อยากฟังจริงๆเหรอ"

ผมหันไปตามเสียงของชางมิน

ใบหน้ายิ้มละไม กับทักซิโดสีขาว นั่งบรรเลงเพลงที่ผมโหยหามานาน เหนือเปียโนสีขาวนั่น มีกระดาษโน้ตที่ลอยไปลอยมาราวกับกำลังโต้กับคลื่นลมในมหาสมุทร

ผมดันตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างยากลำบาก เฝือกขาทำให้ผมไม่สามารถเดินไปหาชางมินได้

"ตั้งใจฟังสิครับ..."

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร...ฉันจะรอ

ฉันเสียใจที่ไม่สามารถไปอยู่เคียงข้างเธอได้ เธอทำให้ฉันเจ็บปวด และเธอก็ไม่เคยรู้

เธอกำลังจะบอกให้ฉันไปจากเธอใช่ไหม... ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน

...ตรงนี้แหละที่ทำให้ฉันเกลียดตัวเอง

ฉันอยากจะร้องไห้ แนอยากจะคุกเข่าลง...ถ้าเพียงสิ่งที่ผ่านมามันไม่เกิดขึ้น"

ผมควักสมุดบันทึกหนังเล่มเล็กออกมา พลางบรรจงเขียนถ้อยคำที่อยากจะบอกลงไป ผมตั้งใจจะมอบมันให้ชางมิน

ชางมินไม่ได้จากไปไหนจริงๆ บทเพลงของเขายังคงก้องกังวานอยู่รอบๆกายผมนี่เอง

เนื้อหาที่ผมเพิ่งจะเข้าใจ หากผมตั้งใจฟังอย่างที่ชางมินมักว่าเสมอ

ในตอนนั้น ผมคงรีบเซ้าซี้เค้นความจริงจากเขา ผมคงจะขอกลับโรงพยาบาล

หรืออย่างน้อย หัวใจก็คงยังไม่ล้มเหลวขณะที่ดูผมขับรถ

น้ำตาหยดลงบนกระดาษขาวจนเปื่อยมองเห็นตัวหนังสือที่อยู่ด้านหลัง มันไม่ใช่น้ำตาของผม ผมค่อยๆเงยหน้าไป และพบว่าชางมินมายืนอยู่ตรงนี้แล้ว ที่เปียโน ตัวโน้ตยังคงเคลื่อนไปเรื่อยๆ ราวกับยังคงมีคนเล่นมันอยู่

"The memories where I loved you crazily...ความทรงจำที่ฉันได้รักเธออย่างมากมาย

มันเฝ้าหลอกหลอนและย้ำเตือนฉัน

แต่ฉันไม่สามารถหลีกหนีหรือหลบซ่อนจากความรักนี้ได้อีกต่อไปแล้ว

ฉันไม่ควรทำอย่างนี้ แต่ฉันคิดถึงเธอแทบขาดใจ...I miss you to death"

บทเพลงค่อยๆเบาลงจนเกือบจะจางหายไป ชางมินโน้มตัวลงมาประทับริมฝีปากที่หน้าผากของผม ความอบอุ่นท่ามกลางสายลมที่กระหน่ำแรง

กว่าที่ดวงตาพริ้มหลับของผมลืมขึ้น...ทุกสิ่งทุกอย่างก็ได้จากหายไปเสียแล้ว ด้านหลังของชุดทักซิโด้จางหายไปกับสายลม

"ช...ชางมิน..."

เสียงแหบพร่าของผมไม่สามารถดึงช่างมินกลับมาได้อีกแล้ว...ชางมินจากไปแล้วจริงๆเหรอ

"ชางมิน!!!"

ผมร้องไห้เสียงดัง พลางกรีดร้องเพื่อให้ชางมินได้ยิน ได้รับรู้ว่าผมรู้สึกยังไง

"เธอจะทิ้งพี่ไปจริงๆเหรอ...คนใจร้าย...กลับมาเดี๋ยวนี้นะ!!...ฮือ..."

"พี่เซีย...ไปเถอะ ฝนจะตกแล้ว"

ผมสะบัดมือแจจุงออก ไม่ยอมหยุดอาละวาด

"ที่เธอร้องไห้ ก็เพราะไม่อยากจากพี่ไปเหมือนกันไม่ใช่เหรอ"

ผมทุบสมุดบันทึกหนังลงกับพื้นดินอย่างบ้าคลั่ง มันไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว ผมไม่มีโอกาสมอบให้ชางมินอีกแล้ว

"พี่เซีย ...เลิกทำแบบนี้เถอะนะ...ฮึก...พี่เซีย...พอเถอะนะ...ฮือ..."

สายฝนค่อยๆโปรยปรายจนกลายเป็นซัดกระหน่ำ เสียงของเราไปไม่ถึงกัน

"ปล่อยนะ!!!นายไม่เข้าใจหรอก ว่าการสูญเสียมันเป็นยังไง...ลองเป็นพี่ยุนโฮบ้างสิ"

"แล้วพี่จะทำอะไรได้ เมื่อชางมินเค้าตายไปแล้ว...พี่เข้าใจมั้ยว่าชางมินเค้าจะไม่กลับมาอีกแล้ว"

"ไม่!!! ไม่มีทาง ซักวัน ชางมินเค้าต้องกลับมาหาพี่ จริงๆนะ นายเชื่อสิ ชางมินเค้าไม่ได้ไปไหนจริงๆหรอก"

ม่านฝนค่อยๆบดบังทัศนียภาพ น้ำตาของผมและแจจุงเองก็หลั่งรินไม่ต่างจากสายฝนนัก

"พี่อย่าทำแบบนี้สิ ผมเองก็เสียใจเหมือนกัน ใครๆก็เสียใจ"

ผมร้องไห้ไม่หยุด พลันหันไปกอดป้ายหลุมศพของชางมิน รูปที่สลักอยู่บนนั้น มันยิ่งตอกย้ำว่าชางมินจากไปแล้วจริงๆ

"ผมทนไม่ไหวแล้วนะ"

แจจุงวิ่งออกไป ปล่อยให้ผมกอดชางมินอยู่เพียงลำพัง

ผมเริ่มจะหายใจติดขัด สงสัยจะเป็นหวัดซะแล้วสิ

แล้วชางมินล่ะ...นอนอยู่ข้างล่างคนเดียว คงหนาวแย่ แล้วยังจะให้ผมทิ้งเขาไว้อีกหรือไง ผมกอดชางมินให้แน่นขึ้น แผ่นหินอันเย็นยะเยือก ถูกไหลชะไปด้วยสายฝนและหยดน้ำตา

"เซีย ไปเถอะ ฝนตกหนักมากเลยนะ!!!"

เสียงพี่ยุนโฮนี่นา

"เย็นสบายดีออก ตอนเด็กๆ เราสองคนก็มักออกมาเล่นน้ำฝนอย่างงี้ทุกที ถึงแม้ผมจะได้แต่มองเค้าเล่นอยู่ในร่มก็ตาม...ผมไม่ถูกกับฝนนี่นา"

ผมเริ่มไอไม่หยุด มือที่กอดชางมินไว้ค่อยๆอ่อนแรงลง ดวงตาและใบหน้าร้อนผ่าว

"ขอร้องล่ะ ลุกขึ้นเถอะนะ คุณชางมินจะสบายใจได้ยังไง ถ้าเห็นคุณเป็นแบบนี้"

"ฮึก...งั้นให้ฝนหยุดก่อนได้มั้ย ...ชางมินเค้าหนาวมากเลยนะ"

ไม่มีใครเอาผมออกจากตรงนี้ได้ เรื่องอะไรผมจะทิ้งชางมินไว้ล่ะ ฝนตกหนัก ทั้งหนาวทั้งเหงา เขาอยู่คนเดียวไม่ได้หรอก ทุกคนยังชดใช้ความเดียวดายที่ชางมินได้รับในตอนเด็กไม่หมดเลย ทั้งๆที่กำลังมีความสุขแท้ๆ

แต่พระเจ้าลำเอียง...ชางมินไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนเลย...งี่เง่าที่สุด

ผมจะกอดเขาไว้แบบนี้แหละ ...อ้อมกอดที่โหยหามาเนิ่นนาน...ทำไมภาพข้างหน้ามันมัวๆนะ...

นั่น...

ใช่ชางมินรึเปล่า...ชางมินจริงๆเหรอ...นายกลับมาแล้วสินะ

ผมยิ้มให้กับชางมินที่เดินมาพร้อมกับร่มสีขาว

"ชางมิน...ในที่สุด เธอก็มารับพี่"

"ใช่...พี่จุนซู...ผมมารับพี่แล้ว"

ผมยื่นมือไปสัมผัสกับชางมิน พลางค่อยๆพยุงตัวให้ลุกขึ้น...แต่ว่า...มือนี้...มันไม่ใช่นี่นา

"นี่แจจุง...ไม่ใช่ชางมิน!!!"

ผมตะโกนใส่ท่ามกลางสายฝนที่ยังคงกระหน่ำมาไม่หยุด เรี่ยวแรงที่เหลือเพียงน้อยนิด ไม่สามารถช่วยอะไรผมได้เลย

"พี่ยุนโฮ อุ้มเลย!!!"

ผมปล่อยร่างกายอันอ่อนแอไปอย่างบังคับไม่ได้...หายใจไม่ออก...สงสัยชางมินคงจะมารับผมแล้วจริงๆ



5 ปีต่อมา...



“สวัสดีครับ คุณครูคนใหม่”

“เบาๆสิมิกกี้ เดี๋ยวเด็กๆตื่น”

ผมพูดพลางส่งช่อกุหลาบให้เซีย

“ในที่สุดก็ได้เป็นคุณครูเต็มตัวซะทีนะ เซีย”

“แล้วนายว่าไงล่ะ คุณหมอยูชอน”

“ยังซะหน่อย ตอนนี้เป็นแค่หมอฝึกหัดเอง”

เราสองคนออกไปคุยกันนอกระเบียง เด็กอนุบาลตัวน้อยนอนเรียงกันอยู่ในห้องเรียนวอลเปเปอร์ดอกทิวลิป

“แปลกนะ นายไม่เคยบอกเลยว่าอยากเป็นครูสอนเด็กอนุบาล เกลียดเด็กไม่ใช่เหรอ”

“ไม่รู้สิ พอได้เห็นแววตาใสๆพวกนั้นแล้วใจอ่อนเหมือนกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเลือกวิชานี้

เซียส่ายหัวเบาๆเหมือนจะสลัดความคิดบางอย่างออกไป

“เซีย...นายว่า”

เซียหันมามองแวบนึงแล้วหันกลับไปเล่นกับดอกกุหลาบ

“คนที่ความจำเสื่อมถึงสองครั้งเนี่ย...จะมีสิทธิ์กลับมาเหมือนเดิมได้มั้ย”

“ถามทำไม...มีไรป่าว”

“ไม่ใช่ๆ...คือที่โรงพยาบาลมีคนไข้แบบนี้อยู่น่ะ”

ผมลุกลี้ลุกลนเล็กน้อย แต่เซียกลับมองด้วยแววตาใสไม่รู้อะไรเลยเช่นทุกครั้ง

“งั้นฉันไปก่อนนะ...ว่าจะไปเยี่ยมเพือ่นเก่าซักหน่อย”

“อืม...โชคดีนะ”

5 ปีก่อน แจจุงโทรศัพท์มาบอกผมว่าเซียอยู่ในไอซียู เขาตากฝนอีกแล้ว

และครั้งนี้ก็เป็นหนักยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา ไข้ 40.5 องศา บวกกับร่างกายที่ไม่แข็งแรง ทำให้เกิดอาการช็อคและขาดออกซิเจนไปชั่วขณะ ทำให้เซียกลับไปเป็นเหมือนเมื่อตอนนั้นอีกครั้ง

เซียลืมคนที่ชื่อชิมชางมินไปแล้ว...

แต่ความผูกพันนั้น ทำให้เซียเปลี่ยนแปลงไปหลายอย่าง เช่นการมาเป็นครูอนุบาลนี่ก็เหมือนกัน ผมล่ะอิจฉาเจ้าชางมินซะจริงๆ

“เป็นไง...นอนเฉยๆ สบายดีไหมล่ะ”

ผมเอ่ยถามแผ่นหินที่โปล่พ้นพื้นดินออกมา ใบหน้าของชางมินส่งยิ้มให้อย่างยียวน แต่ก็แอบเศร้าสร้อยอยู่ในที

“เป็นห่วงเซียล่ะสิ ไม่ต้องแล้ว... ตอนนี้เขามีความสุขดี ฉันหวังว่าจะใช่อ่ะนะ”

ผมคุกเข่าลงแล้วปัดเศษใบไม้ออก

“ว่าไปแล้วเรายังไม่รู้แพ้รู้ชนะเลย ไอ้วิ่งแข่งน่ะ คนชนะจะได้เซียไป นายจำได้รึเปล่า”

กุกๆ กักๆๆ

“เฮ่ย!! ใครน่ะ” :m30:

ผมชะโงกหน้าไปด้านหลังแผ่นหิน

“เจอซักที!”

“ไอ้เด็กบ้า มาทำอะไรแถวนี้ฮะ” :angry2:

ผมตะโกนใส่เด็กชายที่กำลังปัดฝุ่นบางอย่างอยู่

“ผมมาหาของที่ควรจะเป็นของผมน่ะฮะ”

“ถ้าเจอแล้วก็รีบๆไปซะ” :angry2:
 
เด็กน้อยจ้องหน้าผมราวกับท้าทาย ดวงตาคู่นั้น ช่างเหมือนกันอย่างกับแกะ ผมมองใบหน้าเปื้อนยิ้มนั่นสลับกับสมุดปกหนังเก่าๆราวกับอยู่มาร้อยปีในมือเล็ก

“พี่ชาย เรามาวิ่งแข่งกันมั้ย”

“ห๋า!!” o12

ผมมองเด็กน้อยที่มีแววตามุ่งมั่น ดูกี่ทีก็เหมือนกับเจ้าชางมินเสียเหลือเกิน

“วิ่งไปให้ถึงพี่สามคนนั้น ใครถึงก่อนชนะ”

ผมหันไปตามนิ้วมือเล็กๆนั่น แจจุง พี่ยุนโฮ และเซีย เดินถือช่อดอกไม้คนละช่อ

“เอางั้นก็ได้” :o9:

ไม่ทันตั้งตัว เจ้าเด็กนั่นก็ออกวิ่งนำไปแล้ว ผมรีบวิ่งตามไปทันที พลันค่อยๆแซงทีละนิด

“ถึงแล้ว ชั้นชนะ!!” :m11:

ผมกระโดดเกาะเซียเพื่อใช้เป็นเบรก

“เป็นอะไร มิกกี้”

“อ๋อ!ฉันกำลังวิ่งแข่งกับ...”

 :m29:...เด็กคนนั้นหายไปแล้ว นี่ผมตาฝาดไปรึเปล่าน่ะ

“เอาเถอะๆ แล้วไหนล่ะ หลุมศพเพื่อนนายฮะ แจจุง”

แจจุงกับพี่ยุนโฮเดินนำไปยังสุสานของชางมิน เซียเดินตามไปอย่างไร้ความรู้สึก ผมรีบมองหาเจ้าเด็กนั่นทันที ถ้ายังอยู่แถวนี้แสดงว่า...

“เฮ่ย!” :a5:

ผมสะดุ้งเบาๆ เด็กคนนั้นอยู่หลังต้นไม้ไม่ไกลจากตรงนี้เล็กน้อย

“หวัดดี ฉันชื่อเซีย”

เซียวางดอกไม้ลงไปหน้าแผ่นป้ายของชางมิน

“ชั้นมาเยี่ยมนายทุกปีพร้อมๆกับแจจุง จำได้ว่านายเป็นเพื่อนของแจจุงแล้วก็ตายตั้งแต่อายุยังน้อย ยังไงก็ขอให้มีความสุขอยู่บนสวรรค์แล้วกัน”

เซียพูดจบ ผมก็หันไปทางเด็กนั่นอีกครั้ง แต่ก็ไม่พบแล้ว

....

“เฮี้ยนนักนะแก!!” :m29:

“อะไรเหรอ มิกกี้”

“อ๋อ...ปะ...เปล่า ไม่มีไร”



จบบทที่ 14

ติดตามตอนอวสาน ในวันพุธที่ 2 ก.ค.ครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-06-2008 19:26:22 โดย Champnarok007 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






gift_deb

  • บุคคลทั่วไป
เอ๋ มาเกิดใหม่เหรอ งง สับสน หรือว่าเป็นวิญญาณ

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
เศร้ามากๆ  สงสารชางมินกับเซีย

เด็กคนนี้เป็นใครล่ะ ?

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10

cmos

  • บุคคลทั่วไป
 o7 o7

เศร้ามาก มากเลย

อ่านไปน้ำตาซึมไปอ่ะ
 :o12: :o12:


Champnarok007

  • บุคคลทั่วไป
ผมรักพี่นะ... ♥

บทที่ 15 ผมก็ยังรักพี่อยู่ดี…......แล้วพี่ล่ะ.........(บทอวสาน)



ในขณะที่ใครๆก็คิดถึงผม...มีเพียงแต่พี่เท่านั้น ที่ลบผมไปจากความทรงจำแล้ว---------เสียงร้องไห้ และหยดน้ำตามากมายต่างมอบให้กับผม มีเพียงพี่เท่านั้น ที่ทำหน้าเฉยเมย ไร้ความรู้สึก ไร้ความโสกเศร้า ไร้หยดน้ำตา พี่เพียงวางดอกไม้ไว้ตรงหน้าผมแล้วขอให้ผมจากไปอย่างสงบ

ดีแล้ว...เป็นอย่างนี้แหละ...ดีแล้ว

พี่ไม่ต้องเสียน้ำตาให้ผม

ไม่ต้องโศกเศร้า จมอยู่กับความทุกข์ทรมาน

พี่จะมีชีวิตใหม่ ถึงแม้ไม่มีผม พี่ก็จะยืนหยัดต่อไปได้ด้วยความเข้มแข็ง

ผมรักพี่นะ...ไม่ว่าจะยังไง ผมจะอยู่เคียงข้างพี่ตลอดไป.........



12 ปีต่อมา


“จริงเหรอ พามาให้ดูหน้าหน่อยสินะ นะนะนะ” :oni2:

“โถ่ แจจุง ผมเองก็เพิ่งเห็นคุณหนูท่านเป็นครั้งแรกเนี่ยแหละ ตอนที่รู้ว่านายท่านตั้งชื่อให้เหมือนกัน ยังไม่ตกใจเท่าตอนที่ได้เห็นตัวจริง”

“หมายความว่าเหมือนกันอย่างกับแกะเลยใช่มั้ย”

ผมหันไปมองแจจุงและพี่ยุนโฮนั่งคุยอะไรกันอย่างตื่นเต้นเหมือนเด็กๆ

“จะเป็นแบบว่ากลับชาติมาเกิดรึเปล่า”

ตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอม ผมเลยเปิดโรงเรียนสอนเปียโนเล็กๆขึ้น วันนี้เป็นวันแรก เพื่อนๆต่างมาแสดงความยินดีกันราวกับเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต (เพราะมิกกี้แหละ) พ่อกับแม่เพิ่งกลับไป เหลือก็แต่คนแก่สองคนที่นั่งคุยอะไรไร้สาระไปเรื่อย

“คุยไรกันน่ะ งานการมีไม่รู้จักไปทำ”

“จ้าๆ งั้นขอให้มีเด็กมาสมัครเยอะๆแล้วกัน ไปล่ะ” :oni1:

แจจุงและพี่ยุนโฮลากกันออกไป ทำเหมือนปิดบังอะไรผมไว้อย่างงั้นแหละ ผมนั่งเช็คเสียงเปียโนไปเรื่อยๆ หิมะข้างนอกตกลงมาเบาๆ ราวกับย้ำเตือนให้รู้สึกถึงความเหงาแล้งอ้างว้าง


***กิ๊งก่อง!!!***


เด็กหนุ่มในเสื้อโค๊ตสีน้ำตาล ยืนปั้นหน้ายิ้มให้ผมอยู่หน้าประตูกระจกใส

“มาสมัครเรียนเหรอครับ”

ผมถามเด็กหนุ่มที่มัวหันไปทำอะไรยุกยิกที่กระเป๋าสะพาย”

“พี่จุนซูสินะ”

“ฮะ...เอ่อ ใช่ครับ คุณรู้จักชื่อผมหรอ”

เด็กหนุ่มนัยน์ตาเป็นประกาย

“มาสมัครเรียนเปียโนรึเปล่าครับ”

“ผมถามอะไรพี่หน่อยได้มั้ย”

ผมพยักหน้าให้เด็กหนุ่มเบาๆ

“พี่ว่า...คนเราตายแล้วเกิดใหม่ได้รึเปล่า”

“อ่า...คงได้มั้งครับ”

ผมมองแววตามุ่งมั่นของคนตรงหน้าแล้วยิ่งให้รู้สึกสงสัย

“แล้วคนที่เกิดใหม่น่ะ เค้าจะจำเรื่องราวในอดีตชาติได้มั้ย”

“อันนี้ผมว่าไม่น่าจะนะ...”

ผมยิ้มเหยียดๆให้เด็กหนุ่ม ดูท่าจะไม่ปกติแฮะ แต่เหนือรอยยิ้มที่ดูทะเล้นออกไป มันคือแววตาที่คุ้นเคย แต่ผมไม่เคยเจอเค้ามาก่อนนี่นา

“อันนี้มันเป็นของพี่ เก็บไว้ซะ”

เด็กหนุ่มยื่นสมุดบันทึกปกหนังเก่าๆมาให้ ผมมองสภาพเหี่ยวๆพองๆของมันอย่างชั่งใจ

“เก่าไปหน่อยนะ ก็มันอยู่ใต้ดินมาตั้งห้าปี และในตู้หนังสืออีกตั้งสิบกว่าปีนี่นา”

เด็กหนุ่มพูดพลางยิ้มให้อย่างอบอุ่น เรียงปากสั่นระริกภายใต้ปุยหิมะที่ตกลงมา

“นายชื่ออะไรอ่ะ”

ผมถามขณะที่เด็กหนุ่มทำท่าจะเดินจากไป

“ชื่อของผมอยู่ในนั้น อ่านซะนะ แล้วผมจะมาเอาคำตอบ”

“คำตอบอะไร นายยังไม่ได้ถามอะไรเลยนี่นา”

เด็กหนุ่มยิ้มให้ก่อนจะออกวิ่ง พลันหันมาทางผมอีกครั้ง

“คำถามมันจะผุดขึ้นมาเอง พี่มีหน้าที่ตอบเท่านั้น ไปนะครับ”

ผมถือสมุดบันทึกปกหนังขึ้นมามองอย่างหวาดๆ พลางปิดประตู เสียงกระดิ่งดังกุ๊งกิ๊งอย่างไพเราะ

ผมนั่งลงบนโซฟาอุ่นๆ พลางพลิกกระดาษยับๆมุมหมองเป็นสีน้ำตาลขึ้น


‘อเมริกา 2005 – คิมจุนซู.’


นี่มันชื่อผมรึเปล่านะ ลายมือก็คล้ายนะเนี่ย แต่อเมริกาเหรอ ... ไม่มีทาง ตั้งแต่จำความได้ ผมก็อยู่บนแผ่นดินเกาหลีไม่เคยไปไหนมาตลอด 35 ปี แล้วตอนอายุ 18 ร่างกายผมก็ไม่ค่อยแข็งแรงด้วย ช่วงนั้นเป็นอะไรที่ค่อนข้างเบลอๆ ผมตั้งใจก้มลงอ่านบันทึกนั่นต่อ


‘หลังจากที่ผมได้ความทรงจำอันมีค่ากลับมา ผมก็ตั้งใจแล้วว่าจะจดบันทึกมัน เผื่อวันไหนผมอาจแก่จนเลอะเลือน หรือเราสองคนตายจากไป อย่างน้อย เรื่องราวของผมกับชางมินก็จะยังคงอยู่ ไม่สูญหายไปกับกาลเวลา’


ชางมินนี่ใช่ชื่อของเด็กคนนั้นรึเปล่านะ เขานามสกุลชางเหรอ


‘แต่ถ้ามีเหตุการณ์ให้ผมต้องสูญเสียความทรงจำไปอีก ผมก็อยากจะบอกคิมจุนซูที่อ่านอยู่ตอนนี้ว่า โปรดเชื่อสมุดบันทึกเล่มนี้เถอะ จะบอกให้ นายน่ะชอบสีแดง ชอบเล่นเปียโน ชอบนอนตะแคงซ้าย ป่วยง่ายเวลาโดนฝน แต่ไม่ใช่กับหิมะแล้วก็เกลียดเด็ก อืม... อะไรต่อล่ะ อ๋อ!แล้วนายน่ะ ชอบหัวเราะแปลกๆด้วย ไม่รู้สินะ แจจุงกับมิกกี้เค้าบอกมาอีกทีน่ะ อันนี้ฉันเองก็รับไม่ค่อยได้เท่าไหร่หรอก’


เฮ่ย!!ไอ้คนเขียนนี่มันบ้าไปแล้วมั้ง แต่ว่ารู้จักแจจุงกับมิกกี้ด้วยเหรอ


‘ถ้าเกิดว่าลืมชางมินเข้าให้จริงๆ ก็เอาเป็นว่าให้สังเกตง่ายๆนะ (เคยเป็นเมื่อตอนความจำเสื่อมครั้งแรก) นายจะรู้สึกแปลกๆเวลาที่เห็นหน้าชางมิน จะรู้สึกคุ้นเคยกับดวงตา ริมฝีปาก สัมผัสที่มือ และอ้อมกอด(อันหลังได้ผลสุด) ถึงแม้นายจะจำเขาไม่ได้ แต่ชางมินก็จะไม่ปล่อยให้นายต้องโดดเดี่ยวแน่ๆ’


ผมว่าคนเขียนต้องบ้าไปแล้วจริงๆ ทำเหมือนกับว่าเป็นคนรักกันเลย ผู้ชายกับผู้ชายไม่ใช่เหรอ หรือผู้หญิงเนี่ย ...แต่ว่านะ...

ความรู้สึกของผมมันฟ้องเลยล่ะ ถ้าคนที่เขียนนี่เป็นผมจริงๆ ถึงยังไงเด็กผู้ชายคนนั้นก็ต้องไม่ใช่ชางมินที่เขียนถึงแน่ๆ ดูท่าตอนที่เขียนอยู่นี้ ไม่รู้เด็กหนุ่มนั่นจะเกิดหรือยังเถอะ



***‘พี่ว่า...คนเราตายแล้วเกิดใหม่ได้รึเปล่า’***

***‘แล้วคนที่เกิดใหม่น่ะ เค้าจะจำเรื่องในอดีตชาติได้มั้ย’***



คำพูดของเด็กหนุ่มทำเอาผมชะงักงันทันที ผมก้มลงอ่านบันทึกนั่นอีกครั้ง


‘ที่ผมจำความครั้งนั้นได้ ก็เพราะได้กลับเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์เดิมอีกครั้ง ที่ดาดฟ้าของโรงพยาบาล ผมบอกชางมินว่าอนาคตอยากเปิดร้านอาหารกับพ่อ ส่วนชางมินบอกว่าอยากเป็นครูอนุบาล ผมล่ะเกลียดเด็กนะ แต่ก็ไม่เป็นไร ดีใจซะอีก ที่ได้รักกับคนอ่อนโยนเช่นชางมิน’


จู่ๆภาพความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมา เหมือนเหตุการณืเหล่านี้มันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว เหมือนว่าเคยเห็นในฝัน หรืออาจจะเป็นในละครทีวี แต่ผมกลับไม่สามารถหาคำตอบของความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้เลย

ผมพลิกหน้าต่อไปเรื่อยๆ อ่านผ่านๆคร่าวๆ ลายมือบรรจงในแต่ละบรรทัด ต่างถ่ายทอดความรู้สึกที่ผมไม่เคยสัมผัสเลยในชีวิตนี้ แต่ความห่วงใย ความคิดถึง และความรักที่คิมจุนซุเจ้าของบันทึกมีต่อชางมิน มันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เหมือนว่าเรื่องเหล่านี้ช่างใกล้ตัวเหลือเกิน


‘ชางมินยังไม่ตาย...เขายังอยู่ตรงนี้เสมอ’


ลายมือชุ่ยๆที่บ่งบอกความไร้เรี่ยวแรงของผู้เขียน นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมลายมือถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ต่างจากหน้าที่แล้วสิ้นเชิง ในหน้าต่อๆมากลับพบแต่รูปวาดลายเส้นขยุกขยิกที่มองดูเหมือนจะเป็นรูปคน ดูคุ้นชะมัด จุนซุวาดไว้คล้ายๆกันกว่าสิบหน้า มันเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ชื่อชางมินรึเปล่านะ

หน้าหลังๆที่ดูเหมือนจะเปียกน้ำอย่างมาก ทำเอาจนตัวหนังสือลางเลือนอ่านไม่ออก

ยิ่งผมพยายามเพ่ง หัวใจก็รู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น ผมสงสารเค้างั้นเหรอ ผมแค่สงสารเค้าใช่มั้ย

มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมซักหน่อย

ผมลองย้อนกลับไปอ่านหน้าสุดท้ายก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นเรื่องเศร้าๆ


‘คืนนี้ชางมินนัดผมออกไปข้างนอก อยากรู้จังจะพาไปไหน อเมริกามันกว้างใหญ่จะตาย แต่ก็นะ เอาเป็นว่าวันนี้จบแค่นี้ก็แล้วกัน

ปล.ซักวันพี่จะให้เธออ่านนะ ชางมิน
ปล.2 รักชางมินมากๆเลย
คิมจุนซู’



ผมปิดสมุดเหี่ยวๆลงก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่หนึ่งที ผมกดโทรศัพท์หาแจจุงแต่ไม่ติด เลยโทรหาพี่ยุนโฮแทน

“ฮัลโหล พี่ยุนโฮถามไรหน่อยได้มั้ย”

“ได้ครับ”

“พี่รู้จักคนที่ชื่อชางมินมั้ย”

“.........”

“พี่ยุนโฮรู้จักใช่มั้ย”

ผมถามย้ำหลังจากที่เงียบไป ทำไมรู้สึกสับสนแบบนี้นะ

“คนไหนล่ะ อายุเท่าไหร่ ทำงานที่ไหน”

“ไม่รู้สิ เค้าน่าจะประมาณ 17-18อ่ะ”

“อ๋อ!!!”

พี่ยุนโฮอ๋อเสียงดังราวกับโล่งใจอะไรบางอย่าง

“ผมรู้จักคนนึงชื่อชิมชางมิน เป็นหลานคนเดียวของเจ้านายผมซึ่งเป็นลูกของลูกสาวคนเล็กน่ะ”

“ที่สูงๆขาวๆนะ”

“ใช่ครับ แต่ไม่แน่ว่าจะเป็นคนเดียวกับคนที่เซียถามรึเปล่า”

“ไม่เป็นไรครับ แล้วถ้าเป็นชางมินคนที่อายุน่าจะประมาณ 30 กว่าๆล่ะ”

ชางมินในบันทึกน่าจะประมาณนี้นะ ถ้าหากในนั้นเป็นผมจริงๆแล้วยังอายุน้อยกว่าอีก

คราวนี้พี่ยุนโฮเงียบไปนาน เหมือนว่าหันไปคุยอะไรกับแจจุงอยู่มากกว่า

“พี่เซีย พี่จำเรื่องในอดีตได้แล้วเหรอ”

เสียงแจจุงตื่นเต้นจนแทบจับความไม่ได้

“นายหมายความว่าไง”

“ก็พี่น่ะ ความจำเสื่อมไปเมื่อ 17 ปีที่แล้วไง...”


***กิ๊งก่องๆๆๆๆๆๆ!!!***


เสียงกดออดข้างหน้าดังราวกับรู้งาน นี่ผมความจำเสื่อมจริงๆงั้นเหรอ

“เดี๋ยวพี่โทรกลับนะ”

ผมวางสายแล้วเดินไปที่เปิดประตูทันที

“...ชางมิน”

ผมเผลอเรียกชื่อออกมา บ้ารึเปล่าเนี่ย เฮ้อๆ

“ผมอยากมาเอาคำตอบแล้ว ผมรอไม่ไหว...”

พูดจบเด็กหนุ่มก็โผเข้ากอดผมทันที ดูเหมือนเขากำลังร้องไห้อยู่เลย

“ผมกลับมาหาพี่แล้ว พี่จุนซู ถึงจะช้าไปหน่อย แต่ผมก็กลับมาแล้ว”

ผมยืนนิ่งปล่อยให้คนตรงหน้ากอด สัมผัสนี้น่ะเหรอ ที่จุนซูในหนังสือบอกให้ลองดู

ภายสายฝนโปรยปรายปรากฎอยู่ตรงหน้า เสียงกรีดร้องของเด็กหนุ่มที่ผมคิดเสมอว่ามันเป็นละครทีวีผุดขึ้นมาอีกครั้ง

ผู้คนวิ่งกันอลหม่านและชนเข้ากับเราสองคนที่ยืนกอดกันอยู่จนกระเด็นเข้าไปในร้าน ชางมินปล่อยผม ผมจึงรู้สึกตัวได้

“ฝนตกเหรอ”

จากหิมะกลายเป็นเม็ดฝนที่โปรยปรายแทน เป็นไปได้แล้วสินะ

“ฉันไม่รู้นะ ว่าอะไรกันแน่คือความจริงในตอนนี้ ไม่มีใครสามารถอธิบายได้หรอก แต่ความรู้สึกของฉันมันบอกว่า ฉันควรจะทำมัน”

เด็กหนุ่มเงยหน้าเปื้อนน้ำตาขึ้นมอง

“พี่จำผมไม่ได้ไม่เป็นไร แต่ผมจะไม่ปล่อยให้พี่โดดเดี่ยวหรอก”

“อืม...อันนั้นน่ะรู้แล้ว”

“แล้วคำตอบล่ะครับ...คำตอบจากใจพี่มันว่าไง แล้วผมจะกลับมาหาพี่อีกได้มั้ย ผมจะยังรักพี่อย่างที่เคยเป็นมาไม่ว่าชาติไหนๆได้มั้ย”

เสียงฝนตกจากภายนอก ดังซัดซาเข้ามาถึงในหัวใจ แต่มันไม่หนาวเลยซักนิด ผมเชื่อแล้วล่ะ ว่าคนที่เขียนบันทึกนั่นคือตัวผมเอง แต่ชางมินจะใช่คนคนเดียวกันรึเปล่านั้น มันเป็นคำถามที่ธรรมชาติคงไม่ตอบเราง่ายๆ แววตาที่มุ่งมั่นแม้มันจะเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาของชางมินตรงหน้าผม มันทำให้ผมใจอ่อนได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ชางมินจับมือผมขึ้นมาบีบแน่น สัมผัสที่โหยหามานาน

จริงๆแล้วผมไม่ได้โดดเดี่ยวและอ้างว้างเลยซักนิด และต่อไปนี้ ความรู้สึกที่ต้องอยู่คนเดียวของผมคงจะหมดสิ้นไปเสียที

“นายรักเด็กรึเปล่าล่ะ ฉันเป็นครูสอนเด็กอนุบาลนะ”

เราสองคนยิ้มให้กัน ในวันข้างหน้า เรื่องราวของเราในอดีตอาจจะกลับมาหาผมอีกครั้งก็ได้ แม้ว่าตอนนี้ผมจะจำอะไรไม่ได้เลย แต่ความรู้สึกใหม่ที่เกิดขึ้นก็สามารถทดแทนมันได้ ผมจะลองมีความรักดู ความรักครั้งแรกที่ไม่ได้เกิดขึ้นมานานนับจากเมื่อตอนอายุสิบสาม และตอนนี้ ผมจะเริ่มต้นใหม่ ขอบคุณโชคชะตา ที่ยังมอบโอกาสนี้ให้ผม


...



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-07-2008 19:43:33 โดย Champnarok007 »

Champnarok007

  • บุคคลทั่วไป
ชิมชางมิน...


ผมไข้ขึ้นสูงเมื่อตอนห้าขวบ พอตื่นขึ้นมา ก็พบว่าตัวเองกลายเป็นอีกคนไปแล้ว ผมไม่ใช่ชิมชางมินของคุณแม่ไลหลิงหรือคุณปู่ แต่ผมคือชิมชางมินที่ตายแล้วเกิดใหม่

ผมกลับมาอยู่กลับครอบครัวนี้อีกครั้ง หลังจากแข็งแรงดีแล้ว ผมก็ไปที่หลุมศพตัวเองเพื่อหาสมุดบันทึกที่พี่ทำตกไว้ในวันฝนตกวันนั้น มันถูกดินฝังกลบไว้ข้างๆหลุมของผมอย่างปลอดภัย

ผมเจอพี่มิกกี้และแกล้งท้าเขาวิ่งแข่ง ตรงนั้นไง พี่จุนซูกับแจจุงและพี่ยุนโฮเดินมา ผมเปลี่ยนทิศทางไปที่ต้นไม้ใหญ่แทน เพื่อไม่ให้พี่มิกกี้รู้ว่าเด็กห้าขวบคนนี้เป็นผม

พี่จุนซูกลับมาในสภาพไร้ความทรงจำ เขาลืมผมไปแล้วจริงๆ

ผมไม่โกรธเลย เพราะผมรักพี่มากเกินกว่าจะปล่อยให้พี่ร้องไห้และรำลึกถึงความทรงจำเก่าๆเพียงลำพัง

ผมอยากอยู่เคียงข้างพี่ไปตลอด แต่คุณปู่บังคับให้ผมไปเรียนที่อเมริกา ท่านคงรู้สึกว่าผมเหมือนกับชางมินในอดีตมากเกินไป ผมตั้งใจเรียนและเชื่อฟังคำพูดของปู่ เพื่อที่วันนึงผมจะกลับมาหาพี่ได้อย่างไม่มีใครห้าม

แล้ววันนั้นก็มาถึง...

ผมอายุ 17 ปี เท่ากับตอนนั้น พอพี่ยุนโฮเห็นผมเข้าก็อ้าปากค้าง พี่ไม่แก่เลยซักนิด กลับดูหล่อยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ตอนนี้คงยังรักอยู่กับแจจุงสินะ

ผมสืบหาเรื่องพี่จุนซูด้วยตนเอง โดยไม่รบกวนคุณบราวน์ที่มักบ่นเสมอว่าชางมินคนก่อนชอบใช้เค้าอย่างกับทาส ... ผมเจอพี่แล้ว แต่พี่ยังจำผมไม่ได้อยู่ดี

ผมให้สมุดบันทึกนั่นแก่พี่ไป แล้วกลับไปนั่งรอที่บ้านอย่างทุรนทุราย เวลาผ่านไปสองชั่วโมง ผมย่างสามขุมออกจากบ้านไปหาพี่จุนซุทันที ผมไม่สามารถทนต่อสู้กับความรู้สึกกระวนกระวายนี้อยู่ได้ทั้งคืนหรอกนะ

และแล้ว...พี่ก็เรียกชื่อผมออกมา ผมกอดพี่ไว้แน่น พี่ไม่ขัดขืนเลยซักนิด

ความรู้สึกของเราตรงกันแล้ว ถึงแม้พี่จะยังจำเรื่องราวของเราไม่ได้ แต่ผมเชื่อว่าเราสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ แม้ไม่มีความทรงจำเหล่านั้น

ผมดีใจนะ ที่ได้เกิดมาเพื่อรักพี่อีกครั้ง

ขอบคุณมากๆ ที่พี่เองก็ยังรอผมแม้มันจะอ้างว้างเพียงใด

ผมรักพี่นะ...พี่จุนซู

End………♥



ในที่สุดซีรีย์ ผมรักพี่นะ...♥ ก็ได้จบบริบูรณ์ลงแล้ว
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านกันมาโดยตลอด
แม้จะเกิดความล่าช้าขึ้นบ้างก็ตาม ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
โปรดติดตามผลงานผมและคุณคิโยมิ ชิ้นใหม่ ได้ในเร็วๆนี้ :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-07-2008 19:24:29 โดย Champnarok007 »

ออฟไลน์ ~@มาวินฮับ@~

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
แล้ววันพุธก้อมาถึงวันแห่งการรอตรงกับวันเกิดผมรอจนไม่อยากทำไรเลยขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆแล้วจะรออ่านเรื่องใหม่นะเป็นกำลังใจ

dekchin

  • บุคคลทั่วไป

gift_deb

  • บุคคลทั่วไป
ว่าละต้องกลับมาเกิดใหม่ ดีใจจังในที่สุดก็กลับมาหากัน




ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายน่ารักๆ แบบนี้  :L2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
จบแบบนี้ค่อยยิ้มออกมาได้นิดนึง  :m13: :m13: :m13:

ขอบคุณคนโพสต์จ้า แล้วจะรออ่านเรื่องใหม่นะ  :m4: :m4: :m4:   :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด