"Can I...?" (แคน ไอ...?) Special Part [06.07.15] P.19
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: "Can I...?" (แคน ไอ...?) Special Part [06.07.15] P.19  (อ่าน 248606 ครั้ง)

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
ตามมาอ่าน สนุกมากกกกกกกกก มาต่อนะคะ ห้ามหายไปน๊า ^_^

ออฟไลน์ PoPuAr

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
ตามมาอ่านจากทู้แนะนำนิยาย
สนุกมากกกกกกก ชอบมากกกกกกกด
ชอบนืยายที่มีพลอตแนวๆนี้
หลังๆนี้พี่แม้นศรีน่าสงสารมาก ดราม่าครอบครัวมาเต็ม
น้องนัทกลับมารักพี่เขาอีกครั้งนะ พี่เขาไม่มีใครแล้วจริงๆ

แต่ว่าตอนนี้อยากอ่านต่อมาก อยากอ่านไปจนจบ จนรวมเล่ม
มาอัพเร็วๆนะคะ

ออฟไลน์ tiktok

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เข้มข้นสุดๆอ่านไปอินไปมาต่อเร็วๆนะคะชอบมาก

ออฟไลน์ TR

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ตามมาจากกระทู้แนะนำนิยาย
อยากจะบอกว่าไม่ผิดหวังเลย สนุกมากค่ะ
อ่านจนหยุดไม่ได้ ตอนแรกอยากกระทืบอิพี่แม้น แต่ตอนนี้สงสารนางมาก
ไม่ได้บอกว่าน้องนัทต้องรีบยกโทษให้แม้น
แต่เมื่อน้องนัทจำเรื่องได้เมื่อไหร่ไม่อยากให้น้องนัทเกลียดแม้นมากมาย อยากให้น้องนัทให้โอกาสแม้นบ้าง
อ่านแล้วอิน เป็นกำลังใจให้แม้นจัดการกับปัญหาทางอารมณ์ให้ได้ ไม่มาดีแตกทีหลัง
เชียร์ให้น้องนัทให้โอกาสพี่แม้น สงสารนางบ่องตง

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ สนุกๆ นะคะ
อย่าหายไปนานนะคะ รออ่านอยู่ค่ะ ;)

ออฟไลน์ phoenixa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 569
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
ตามมาจากกระทู้แนะนำค่ะ
เห็นแนะนำกันเยอะมาก
เข้ามาแล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ
อ่านจนตี 3 นี่พรุ่งนี้ไม่ต้องทำงานทำการหรืออย่างไร

ชอบโครงเรื่อง ภาษา มิติ อารมณ์ของตัวละครในเรื่องมากค่ะ
มีที่มาที่ไป และสมเหตุสมผล
เรื่องราวเข้มข้น จนเราหยุดอ่านไม่ได้

ติดตามตอนต่อไปนะคะ
นัทจะไปถึงคอนโดพี่แมนหรือเปล่า
จะจำอะไรได้บ้างมั้ย
พี่แมนจะเคราะห์ซ้ำกรรมซัดหรือเปล่า

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1090
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
คิดถึงพี่แม้นนนน
 :impress2:

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
อ่านรวดเดียวเลย ติดงอมแงมมาก

แม้นศรีเอ้ยยยยยย เขาไม่เห็นค่าเราก็ต้องยิ่งพิสูจน์ตัวเองหรือเปล่า แสดงออกได้ผิดมากเลยนะแม้นศรีนะ

ต้องก้าวไปข้างหน้านะแม้นศรี สู้ๆ ดูแลน้องดีๆด้วยล่ะ

ออฟไลน์ ♠♥♦♣

  • ex-ChCh13
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1612
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-7
สนุกมากค่า สงสารแม้นศรี

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
เอาอีกๆๆๆๆๆ กำลังสนุกเลย :ling1:

ออฟไลน์ kittisak Intarasarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มืออาชีพมากๆครับ สมแล้วที่มีคนเชียร์เยอะ จนผมต้องตามมาอ่าน
ถ้ามีสำนักพิมพ์จะจ้างไปเป็นนักเขียนเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
ขออนุญาตแปะเอง เพราะคุณเจ้าของแอคเขาไปตามเด็กไม่ว่างโพสต์ให้

สวัสดีค่ะ..มอสมารายงานตัวค่ะ

ส่วนใหญ่จะอยู่ที่เพจในเฟส (เพจ morse แปะพิกัดได้ป่าวไม่รู้อ่ะ เอาแค่นี้แล้วกันนะคะ) ไม่ได้มาทักทายที่นี่เลย ขอบคุณสำหรับการเม้นท์เรียกกันมานะคะ ^^
ดีใจที่ได้รับเม้นท์มาเยอะแยะ และขอบคุณสำหรับการนำไปแนะนำต่อค่ะ ขอโฆษณานิดนึง ตอนนี้มี ebook ของ morse ลงที่พี่เมพแล้วนะคะ ใครสนใจติดตามสอยมาอ่านกันได้ค่ะ กำลังทยอยลงงานเก่าไว้ค่ะ

ใครคิดถึงพี่แม้นตามอ่านกันต่อได้เลยค่ะ ^^

=========

ประตูห้องเปิดออก มกรเหลือบมองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังอย่างเป็นกังวล เขาลังเลก่อนจะหันไปหาอีกฝ่ายทั้งตัว หัวคิ้วของณัฐวีร์ขมวดมุ่นเข้าหากันคล้ายกับว่าฝ่ายนั้นกำลังคิดอะไรบางประการ

บางที ..ณัฐวีร์อาจกำลังคิดถึงเหตุการณ์บางอย่างอยู่ก็เป็นได้

ได้โปรด..อย่าเลย.. อย่านึกอะไรออกเลย..

เรื่องราวเลวร้ายทั้งหมดให้ลืมไปแบบนี้น่ะดีแล้ว

แม้จะอยากให้นึกออกว่าเขาคือใคร.. เคยได้กอดร่างกายนี้อย่างไร แต่ก็ไม่อยากให้นึกออกว่าเขาใช้วิธีใด..เพื่อให้ได้น้องมา

เคยทำร้ายทำเลวไว้เพียงใด..ไม่อยากให้นึกออกเลย
ขอให้อยู่กับปัจจุบัน.. ให้รู้ว่ามกร.. คนที่ยืนอยู่ตรงนี้ รัก ณัฐวีร์แค่ไหน.. รักจนยอมได้ทุกอย่างแม้จะไม่ได้กอดร่างกายนี้อีกแล้วก็ยังจะรัก..และอยู่เคียงข้างณัฐวีร์ไปเพียงคนเดียวเท่านั้น
ในฐานะใดก็ตาม..มกรคนนี้.. จะรักณัฐวีร์เป็นคนสุดท้ายในชีวิต

“พี่ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะพักที่คอนโดนี่แหละ อย่างไรพรุ่งนี้ก็จะไปทำงานไม่ต้องเป็นห่วง” ชายหนุ่มพูดโดยไม่ขยับไปจากประตู “ถ้าไงนัทเอารถพี่ขับกลับบ้านไปก็ได้ พรุ่งนี้พี่ให้คนมารับได้”

มกรห่วง..และห่วงมาตลอดทางตั้งแต่ให้ณัฐวีร์เป็นคนขับรถ  แรกทีเดียว มันคือความเศร้าเสียใจกับเรื่องสมัยที่เขายังไม่เกิดด้วยซ้ำ การที่มารดาไม่ได้ต้องการ บิดาไม่ได้เหลียวแล อีกทั้งญาติก็รังเกียจ ทำให้กลายเป็นปมด้อยมาตั้งแต่เด็ก.. เมื่อถูกรื้อฟื้นขึ้นมา เขาจึงทุรนทุราย
มันก็เหมือนแผลเก่าที่ยังไม่เคยหาย กลัดหนองจนเน่าเฟะกินลึกเข้าไปถึงกระดูก.. พอแตะโดนแม้เพียงเล็กน้อย ก็เจ็บปวดเรื้อรังจนยากจะเยียวยา..

ถึงจะรู้ว่ามีทางรักษา..แต่การอยู่กับมันมาเกือบ 20 ปี ทำให้มกรต้องใช้เวลาซ่อมบำรุงอารมณ์ตัวเองพอสมควร
กระทั่งประโยคหนึ่งดังแทรกขึ้นในห้วงอารมณ์มืดมนนั้น

“ใกล้ถึงแล้วนะครับ” เด็กหนุ่มหันมาบอกตอนที่จะเลี้ยวเข้าหัวถนน.. และนั่นทำให้มกรรู้สึกตัว เขากำลังเข้าใกล้ “สถานที่เกิดเหตุ” เข้าไปทุกที

ชายหนุ่มหน้าซีดเผือด รู้สึกคล้ายเลือดจะเหือดหายออกจากร่าง เขาพยายามโน้มน้าวให้ณัฐวีร์เลิกกังวลกับอาการของเขา แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ละความมุ่งมั่นนั้น

มกรปล่อยความรู้สึกเศร้าเสียใจกับเรื่องราวของตัวเองทันที อย่างไรเสียเขาก็อยู่กับมันมาทั้งชีวิต ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แต่ณัฐวีร์สิสำคัญกว่า ถ้าไปที่คอนโดแล้วเกิดฟื้นความทรงจำขึ้นมาได้จะเป็นอย่างไร.. นั่นเองคือสิ่งที่เขากังวล และพยายามยื้อไม่ให้น้องขึ้นมาบนห้อง

“นัทว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วเสียอีก” ณัฐวีร์พูดก่อนจะเดินเลี่ยงมกรเข้าไปในห้องเสียเอง

เด็กหนุ่มตรงเข้าไปนั่งลงตรงโซฟาหนังสีดำกลางห้องโถงกว้าง ซึ่งมีไว้สำหรับเป็นที่พักผ่อนของเจ้าของห้อง เพราะมันมีทั้งเครื่องเสียงและโฮมเธียเตอร์ตั้งอยู่ในบริเวณนั้นด้วย ทำให้มกรต้องเดินตามเข้ามาพร้อมกับปิดประตูตามหลังเสีย

ห้องนี้ไม่ได้ใช้งานมาพักใหญ่ๆ เพราะตั้งแต่เขาไปอเมริกา ห้องก็ถูกปิดร้างมาตลอด แต่อย่างน้อยอาทิตย์ละวันแม่บ้านจะเข้ามาทำความสะอาดห้อง เผื่อไว้สำหรับการเข้าพักฉุกเฉินและเพื่อไม่ให้ห้องปิดทิ้งไว้ตลอดเวลา อากาศจะได้ถ่ายเท

วันนี้ถือว่าโชคดี..ดูเหมือนว่าแม่บ้านเพิ่งมาทำความสะอาดไป ห้องจึงยังดูสะอาดเอี่ยม

มกรมองแผ่นหลังของคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟาแล้วถอนหายใจ เขาทำตัวไม่ถูก ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบท้ายทอย แล้วก็ได้แต่แปลกใจตัวเอง เมื่อชั่วโมงก่อนเขายังรู้สึกเหมือนโลกจะถล่มอยู่เลย แต่มาตอนนี้เขากลับต้องมากังวลเรื่องของณัฐวีร์ ดูเอาเถอะ...เขาเป็นเอามากขนาดไหน.. เมื่อก่อนเรื่องตัวเองสำคัญยิ่งสิ่งใด แต่ตอนนี้เรื่องของใครอีกคนสำคัญกว่าจนทำให้เขาลืมเลือนเรื่องของตนเองไปเลย

มกรเดินไปนั่งลงข้างๆ “ขมวดคิ้วแบบนี้ ปวดหัวหรือเปล่า”

ณัฐวีร์ก้มหน้านิ่งมีเพียงคิ้วขมวดมุ่น ทำให้มกรเอ่ยถามอย่างกังวล แต่เด็กหนุ่มกลับส่ายหน้า

“เปล่าครับ ไม่ปวดหัวหรอก.. พี่ล่ะดีขึ้นแล้วหรือยัง”

มกรยิ้มบางพร้อมกับหงายหน้าพิงพนักโซฟาอย่างเบาใจ “อืม ..ก็ไม่มีอะไรมาก พี่ก็อยู่กับเรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว”

“อยู่มานานก็ใช่ว่าจะชิน” ณัฐวีร์พูดพลางหันไปมองอีกฝ่าย คราบน้ำตาที่บริเวณหางตายังเปียกชื้น “เพราะถ้าพี่ชินแล้วพี่คงไม่ระเบิดมันออกมาแบบนี้”

มกรเหลือบตามามอง แต่พอสบตาอีกฝ่ายเขาก็ดึงสายตากลับไปมองเพดานตามเดิม “การระบายออกเป็นอีกทางในการบำบัดน่ะ”

“หมอคงไม่ได้อยากให้พี่ระบายมันออกมาแบบนี้หรอกมั้ง นี่มันระเบิดออกมาหรอก” ณัฐวีร์หัวเราะเบาๆ การได้เห็นว่าอีกฝ่ายสงบลงไม่ได้ร้องไห้ หรือไม่ได้นิ่งเงียบจนน่าอึดอัดอีกทำให้เขาเบาใจ

เด็กหนุ่มเอนร่างพิงลงไปกับพนักโซฟาแล้วจู่ๆก็เอ่ยขึ้นว่า “มาห้องนี้ก็ดีนะครับ”
มกรขมวดคิ้วก่อนจะหันไปถาม “ดียังไง?”

“ก็...” เด็กหนุ่มเหลียวมองไปรอบๆ “ส่วนตัวดี..มีครัวด้วย อยากทานอะไรหน่อยไหมครับ ถ้าง่ายๆนัทก็พอจะทำให้ได้ อิ่มแล้วจะได้นอนพักเสียหน่อย”

คนฟังกะพริบตา..ความทรงจำสมัยก่อนแล่นเข้ามาในสมอง วันที่ณัฐวีร์เข้ามาที่ห้องนี้ครั้งแรก ข้าวผัดง่ายๆกับแกงจืดหอมหวาน ทำให้เขาอิ่ม อร่อย และรู้สึกได้ว่าห้องนี้คือบ้านของเขา พื้นที่ของเขาจริงๆ หลังจากไม่ได้รู้สึกมานาน
มาวันนี้ ณัฐวีร์ก็จะให้ความรู้สึกนั้นกับเขาอีกครั้ง..

ชายหนุ่มยิ้มกว้างแล้วรีบลุกขึ้นทันที.. “พี่ว่าในตู้เย็นคงไม่มีอะไร เราออกไปซื้อของกันไหม อยากทานข้าวผัดกับแกงจืดง่ายๆ นัททำอร่อยที่สุดเลย”

ณัฐวีร์แหงนหน้าขึ้นมอง “พี่ชอบอาหารของนัทหรือ”
“ชอบสิ..อยากทานจนอดใจไม่ไหวแล้วเนี่ย ไปซื้อของกัน” แล้วชายหนุ่มก็โน้มตัวลงมาดึงเอามืออีกฝ่ายไปกุมไว้

ณัฐวีร์มองมือตัวเองแล้วก็ถอนใจออกมา เขาลุกขึ้นยืนแล้วค่อยๆดึงมือตัวเองออกจากมืออีกฝ่าย

“อย่ามาเนียนครับพี่..” เด็กหนุ่มหันหลังเดินไปที่ประตู “ซุปเปอร์ด้านล่างคงพอจะมีของที่อยากได้บ้าง พี่แมนจ่ายด้วยนะครับ นัทวิ่งออกมาไม่ทันได้หยิบกระเป๋าเงินมา”

“ยินดีเลย” มกรยิ้มแล้วเดินตามคนตัวเล็กออกไปจากห้อง

หลังจากจ่ายซื้อของเรียบร้อย ณัฐวีร์ก็ขึ้นมาจัดการกับมื้ออาหารให้ตามที่อีกฝ่ายอยากทาน ข้าวผัดง่ายๆกับแกงจืดไม่ได้ใช้เวลาในการทำมากนัก แต่การละเลียดอาหาร และการคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ไปเรื่อยทำให้กว่าจะเก็บล้างอุปกรณ์และกลับมานั่งนิ่งๆกันที่โซฟาก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายสอง

“อิ่มมากเลย..” มกรลูบท้องที่นูนขึ้นมาเล็กๆ ข้าวผัดสามจานทำให้พุงที่มีกล้ามของเขาป่องออกมามากกว่าเดิมเล็กน้อย

“ก็พี่ฟาดไปคนเดียวเลย นัทแค่ครึ่งจานพี่ก็ไปสองแล้ว พอนัทหมดจานพี่ก็สาม... น่ากลัวจริงๆ แบบนี้ใครได้ไปเป็นแฟนคงเลี้ยงไม่ได้แน่”
มกรยิ้มแล้วตบท้องตัวเองปุๆ “ใครเลี้ยงไม่ไหวก็ไม่เป็นไร แต่บ้านนัทเลี้ยงไหวแน่ๆ พี่เชื่อมือนัทนะ”

ไม่พูดเปล่า เจ้าตัวยังเอียงหัวเข้ามาหาไหล่อีกฝ่ายด้วย
“นี่อะไรกันครับ..” คนถูกทิ้งตัวเข้าใส่ถึงกับโยกไหล่หนี “จะนั่งก็นั่งให้ดีๆ จะนอนก็ไปนอนข้างบนโน่น” ไม่พูดเปล่า ณัฐวีร์ยังชี้นิ้วขึ้นไปยังชั้นบนนั้นอีกด้วย

“โธ่..” ชายหนุ่มโอดครวญ ยังคงเอนตัวไล่พิงไปเรื่อยๆ กระทั่งคนหนีหมดทางหนี เพราะศีรษะคนตัวสูงไหลลงมาที่ตักจนได้ “โอ๊ะ ตรงนี้ก็ดีนะ..”
มกรพูดแล้วจับขาอีกฝ่ายที่เตรียมจะดึงหนีไว้ทันที ทำให้ณัฐวีร์ร้อง “พี่แมนนั่งดีๆสิครับ”

“อ่า นัทดูสิๆ เรื่องนี้สนุกนะ” มกรบุ้ยปากไปที่โทรทัศน์ซึ่งกำลังเริ่มฉายหนังดัดแปลงเทพนิยาย
ณัฐวีร์จะยื้อก็ใช่เรื่อง อยากทำอะไรก็ให้ทำไป ดีกว่าลุกขึ้นมานั่งร้องไห้ตั้งเยอะ แบบนั้นเขารู้สึกไม่ชิน ให้อาละวาดปาข้าวของ หรือให้ทำตัวเย็นชา ยังดีเสียกว่ามานั่งซึมทำหน้าโศก แบบนั้นเขารู้สึกว่าจะรับมือไม่ไหวเอาได้

พาลจะใจอ่อน..ยอมให้หมด
ณัฐวีร์เอนตัวพิงเบาะนุ่ม ปล่อยให้อีกคนคว้ามือเขาบีบๆคลำเล่น ความที่ไม่รู้จะเอามือไปวางไว้ที่ไหนอยู่แล้ว เขาจึงปล่อยเลยตามเลย

ภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่งฉายในโรงไปเมื่อปีก่อน และถูกนำมารีรันในช่องเคเบิ้ลหลายหนแล้ว ส่วนตัว เขากับแพรวเคยดูเรื่องนี้ในโรงมาด้วยกันแล้ว แต่ถ้าให้ดูอีกครั้งก็ไม่เสียหายอะไร แถมตอนนี้ก็ไม่รู้จะทำอะไรด้วย เพิ่งจะอิ่มข้าว ดูหนังเสียเพื่อให้ได้พักก็ดีเหมือนกัน..

อีกฝ่ายเองก็คงจะคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่แน่ๆ เพราะได้แต่นอนจับมือเขาเล่นลูบๆ นิ่งๆ
ถูกแล้ว.. มกรกำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิด.. แต่ไม่ใช่คิดเรื่อยเปื่อย เขากำลังคิดถึงเรื่องของณัฐวีร์และตัวเขาเองมากกว่า

มีเรื่องอีกหลายเรื่องที่เขายังไม่ได้บอกออกไป มันเป็นความลับที่เก็บอยู่ในใจนี้ เพราะเขากลัว กลัวว่าถ้าบอก..ทุกอย่างที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้จะมลายหายไป เขาไม่กล้ารื้อฟื้นความทรงจำ เขาไม่กล้าก้าวเข้าไปสานต่อความสัมพันธ์ เขาไม่กล้ารุกจีบหนัก ไม่กล้าทำอะไรทั้งนั้นเพราะกลัวจริงๆ ถ้าคราวนี้ต้องเสียณัฐวีร์ไปอีก เขาคงไม่รู้จะทำอย่างไรดี

อีกอย่าง ถ้าณัฐวีร์เกิดจำได้ว่าเขาเคยทำอะไรไว้บ้าง ..มีหวังคงไม่ให้อภัยเขาแน่ๆ เขาปล่อยความคิดตัวเองให้จมลงไปกับความรู้สึกเสียใจในการกระทำของตนเองเนิ่นนาน ก่อนจะจับมือเล็กกว่าขึ้นมามอง เขาเอามือของตัวเองลองทาบดู..มือก็เล็กเท่านี้..แต่ทำไมเขารู้สึกเหมือนว่าณัฐวีร์จะกำเขาไว้ได้ทั้งตัว ดิ้นหนีไปไหนก็ไม่รอด จะไปทางไหนก็ไม่ได้

ชายหนุ่มจรดริมฝีปากลงไปบนฝ่ามือนั้นและรอลุ้นกิริยาจากอีกฝ่าย ทว่าณัฐวีร์กลับนิ่ง ..อีกฝ่ายไม่ดึงมือกลับหรือทำอะไรเลย มกรใจเต้นถี่รัว บางทีความรู้สึกมากมายที่เขามีอาจสื่อไปถึงฝ่ายนั้นแล้วก็เป็นได้
ชายหนุ่มปรายตาขึ้นมอง ลุ้นอยู่ว่าจะเห็นสายตายังไงมองจ้องลงมา การกระทำล้ำเส้นที่เคยถูกสั่งห้ามไว้ไม่ให้ทำ แต่ก็ยังฝืนทำ อยากทำ อยากสัมผัส อยากกอด อยากจูบ อยากเป็นเจ้าของ อยากรักและอยากถูกรัก..

แต่…ท่าทางหนังจะสนุกมากจริงๆ เจ้าของมือเลยหลับไปแล้ว
มกรหัวเราะเบาๆ ตกลงใครเครียดกันแน่เนี่ย..

ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่ง พอเห็นอีกฝ่ายยังนิ่งถึงได้เขยิบเข้าไปดูใกล้ๆ หลับจริงสินะ..
เรื่องในที่ประชุมเมื่อเช้านี้ ก็น่าคิดอยู่.. ณัฐวีร์เอาแฟ้มไปจากโต๊ะของเขาเพราะเคสคุณพรรณีฝ่ายบัญชีนั้นเป็นเคสที่ณัฐวีร์เคยนำมาขอคำอธิบายจากเขา พออ่านจบก็เอาแฟ้มมาให้เขาไว้ และคงรู้ว่าเขาวางแฟ้มไว้ที่ไหน น้องไม่ผิดหรอกที่เอาให้คนนอกไป เพราะน้องไม่รู้ว่าแฟ้มนั้นมีความสำคัญอย่างไรบ้าง คนที่มาเอาคงเลือกช่วงเวลาที่น้องอยู่ลำพัง จึงขึ้นมาเอาของไป

เรื่องนี้คนที่น่าสงสัยก็มีแต่คุณประคองเท่านั้น
คุณประคองเคยเป็นรองจากตามาก่อน อยู่กับบริษัทนี้มานาน ครั้นพอแม่เข้ามา คุณประคองก็ยังเป็นรองอยู่ ไม่ได้ขึ้นเป็นผู้บริหารใหญ่เสียที เขาจึงสงสัยว่าการตกแต่งบัญชีเพื่อโกงเงินบริษัทเป็นเรื่องกลั่นแกล้งกัน

การตกแต่งบัญชีนั้นมีเป้าหมายสองอย่าง อย่างแรกก็คือยักยอกเงินออกจากบริษัท อีกอย่างก็เพื่อทำให้บริษัทเสียชื่อเสียงจนนักลงทุนขาดความเชื่อมั่น ไม่ว่าทางไหนก็ทำให้บริษัทล้มได้ ..พอถูกฝ่ายตรวจสอบจับได้แทนที่จะวางมือ กลับปล่อยข่าวเสียหายแก่บริษัทซ้ำอีก ทำกันถึงขั้นนี้แล้ว..ก็ไม่รู้จะปล่อยไว้ในบริษัทอีกทำไม ปล่อยให้มาบ่อนทำลายบริษัทไปเรื่อยๆ แม้จะผ่านครั้งนี้กันไปได้ แต่การมีหนอนบ่อนไส้อยู่ภายใน แถมอาจจะเป็นแมลงร้ายที่คอยกัดกินอยู่เรื่อยๆโดยที่เราไม่รู้ตัวนั้น.. ครั้งนี้ไม่ได้ ครั้งหน้าก็อาจจะทำอีกก็ได้

คุณประคองมีทั้งอำนาจในการจัดการ มีอำนาจบริหาร.. ถ้าปล่อยไว้มีหวังได้ทำลายหลักฐานไปหมดแน่ๆ ณัฐวีร์ก็ยืนยันว่าเลขาของเขามานำเอาเอกสารไป ถ้างั้นก็แค่รอเอาภาพวงจรปิดมายืนยันเท่านั้นเอง

ถ้าได้ภาพออกมาเมื่อไหร่ก็จะได้รู้กัน หลักฐานมัดตัวจะดิ้นไม่หลุดก็คราวนี้แหละ..
ชายหนุ่มมองร่างที่นั่งหลับนิ่งอยู่แล้วรู้สึกเมื่อยแทน.. เขาดึงร่างเล็กให้เอนลงนอน จับท่าทางให้จนดีก่อนจะถอยออกไปนั่งโซฟาอีกตัวแล้วมองดูคนหลับสบายอย่างนึกอิจฉา
***
ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง ณัฐวีร์ตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย โทรทัศน์ยังเปิดอยู่แต่ดูเหมือนเสียงจะเบาลงไปจากก่อนหน้าที่เขาจะหลับ เด็กหนุ่มค่อยๆยันตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะกวาดตามองไปรอบๆแล้วจึงพบว่า มกรนั่งหลับอยู่ที่โซฟาอีกตัวห่างออกไป...

เขามองร่างสูงใหญ่ที่เอนพิงหลับเหมือนเด็ก เสื้อเชิ้ตสีอ่อนกับกางเกงสแลคสีดำซึ่งเป็นชุดทำงานนั้นไม่ช่วยให้เขามองอีกฝ่ายเป็นผู้ใหญ่ขึ้น  ข้างในร่างนั้นยังคงเป็นเด็กน้อยที่ต้องการความรัก.. เหมือนคนทุกคนบนโลกใบนี้ที่ต้องการมัน

เพียงแต่เมื่อเด็กต้องการความรัก ก็จะเรียกร้องมันอย่างตรงไปตรงมา หากเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องการความรัก ก็จะหาทางให้ได้มาซึ่งความรักนั้น.. โดยไม่เลือกวิธี..

อย่างเขาก็เหมือนกัน.. ให้พูดตรงๆก็คือ เขาจินตนาการไม่ออก..ถ้าเกิดไปรู้ว่าตนเองไม่เป็นที่ต้องการของป๊ากับแม่ เขาจะเป็นอย่างไร เขาจะรู้สึกอย่างไร

การที่ต้องอยู่กับเรื่องแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก จึงเป็นผลให้คนๆนี้ต้องไปรักษาตัวที่อเมริกาใช่ไหม เพราะแบบนี้ คนๆนี้ถึงต้องการความรักสินะ.. ต้องการความรักจนต้องทำทุกอย่าง.. ขนาดลูกที่เสียชีวิตไปแล้วก็ยังเขียนถึง ขนาดเขาที่เป็นผู้ชาย ก็ยังต้องการให้รัก...

นั่นสิ..ทำไมต้องเป็นเขา..?

เขามีดีอะไรให้ต้องเรียกร้องกัน?

ปล่อยเขา..แล้วไปหาคนใหม่ไม่ดีกว่าหรือ? ยังมีคนอีกเป็นร้อยเป็นพันต้องการมายืนเคียงข้างผู้ชายคนนี้..
ทำไมต้องเป็นผู้ชายที่ชื่อณัฐวีร์?

เด็กหนุ่มมองร่องรอยบนแขนตัวเองแล้วถอนใจ..
ต้องยอมรับว่าก่อนหน้านี้เขาไม่ใช่คนหน้าตาดี ก็แค่ตี๋ๆขาวๆ หลังเกิดอุบัติเหตุถึงได้ดูดีขึ้นมาเล็กน้อยเพราะศัลยกรรม

ณัฐวีร์หัวเราะเบาๆ ก็ยังดี ..เขาไม่ใช่ผู้หญิง ไม่งั้นถ้าแต่งงานกันไปแล้วเกิดมีลูกขึ้นมา เขาอาจถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายจากสามีว่าให้ลูกที่หน้าตาแป๊ะมากๆก็เป็นได้

“หัวเราะอะไรครับ..พี่นอนน้ำลายยืดหรือไง..?”
เสียงร้องทักทำให้ณัฐวีร์มองอีกฝ่ายยิ้มๆ “เปล่า.. นัทแค่คิดอะไรเล่นขำๆ”

“คิดเกี่ยวกับพี่หรือเปล่า”

“ไม่เกี่ยวเลย..” เด็กหนุ่มส่ายหน้า ก็ไม่เกี่ยวจริงๆล่ะนะ เรื่องศัลยกรรมกับเรื่องมีลูกของเขามันจะไปเกี่ยวกับมกรได้อย่างไร

“..อื้ม นั่นสิเนอะ” ชายหนุ่มพยักหน้า ดวงตาฉายแววหมองลงเล็กน้อย “คงจะคิดถึงคนอื่นมากกว่าพี่อยู่แล้ว”
บรรยากาศหม่นเศร้าเริ่มเข้าครอบคลุม ทำให้ณัฐวีร์ทำตัวไม่ถูก.. อะไรกันเนี่ย ขยันหาดราม่าใส่ตัวจังเลยคุณมกร

“เป็นอะไรครับ เพิ่งตื่นแทนที่จะสดชื่น นี่อึมครึมใส่นัทเสียอย่างนั้น”
“ไม่มีอะไร..” มกรส่ายศีรษะ มือสองข้างยกขึ้นปิดหน้าตัวเองอย่างพยายามรวบรวมสติ ตั้งแต่เช้าอารมณ์เขาแกว่งไปมาทั้งโมโห เสียใจ หวาดกลัว เป็นห่วง และมีความสุข พอตื่นมาความรู้สึกเหล่านั้นยังทำให้อารมณ์ของเขาไม่นิ่งพออีกด้วย

เห็นท่าทางแบบนั้น ณัฐวีร์ก็เขยิบตัวเข้าใกล้จนเข่าแทบจะชนกัน เขาเอื้อมมือไปจับขาอีกฝ่ายไว้ “เป็นอะไรครับ”
“ไม่เป็นไร...” มกรส่ายหน้าปฏิเสธทว่าท่าทางยังไม่ดีขึ้นสักนิด “เหนื่อยนิดหน่อย เดี๋ยวพักก็คงหาย พี่ว่าวันนี้อารมณ์พี่แย่มากเลยนัท กลับไปก่อนไหม เดี๋ยวพรุ่งนี้เราค่อยเจอกันที่ทำงาน”

ไม่พูดเปล่าเจ้าตัวยังลุกขึ้นเดินหนีอีกต่างหาก ทำให้ณัฐวีร์ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ.. จริงที่ว่าอารมณ์ฝ่ายนั้นท่าทางจะไม่นิ่ง และคงเป็นแบบนี้ทั้งวันแน่ๆ “พี่ทานยาหรือยัง เมื่อครู่ทานข้าวไปแล้วยังไม่ได้ทานยาใช่ไหม?”

ทุกมื้อกลางวัน เวลาไปทานข้าวด้วยกันมกรต้องทานยาตามที่แพทย์สั่ง ลักษณะยาก็จะมีฤทธิ์น้อยลงเรื่อยๆจนเมื่อประเมินแล้วว่าเขาสามารถควบคุมสภาพจิตของตนเองได้ หมอก็จะสั่งให้หยุดยาไป มียาหลายตัวที่มกรหยุดทานไปแล้ว แต่เฟสของการรักษาเพิ่งผ่านมาได้แค่ครึ่งเดียว  ทำให้เขาต้องคอยทานยาอย่างสม่ำเสมอ

มกรมองน้องค่อยๆลุกขึ้นยืนตามเขาแล้วก็ส่ายหน้า “ยาอยู่ในกระเป๋าที่บริษัท ไม่ได้เอากลับมา แต่ถ้าได้อยู่เงียบๆก็คงไม่มีอะไร”

ณัฐวีร์ฟังแล้วก็ค้านอยู่ในใจ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มีปัญหาฆ่าตัวตายก็เพราะอยู่คนเดียวนี่แหละ
มกรยื่นกระเป๋าเงินของเขาให้กับอีกฝ่าย “นัทเอาเงินนี่ไป เอารถไปด้วย เดี๋ยวพี่จะโทรให้ที่บ้านขับมารับ”

“เมื่อไหร่ครับ?”
คำถามนั้นทำให้มกรขมวดคิ้ว

“พี่จะโทรหาที่บ้านเมื่อไหร่..โทรเลยได้ไหม นัทจะอยู่เป็นเพื่อนก่อนค่อยกลับตอนที่มีคนมารับพี่ก็ได้” เด็กหนุ่มกล่าวด้วยดวงตามุ่งมั่น “จะให้ทิ้งพี่ไว้คงไม่ดีหรอกครับ นัทเป็นห่วง”

มกรเมินไปมองทางอื่น อาการคาดคั้นเพราะความห่วงใยของณัฐวีร์ทำให้เขารู้สึกดี แต่จะคาดหวังมากๆไม่ได้  “ไว้พรุ่งนี้ค่อยโทรบอก”

“งั้นพรุ่งนี้นัทค่อยกลับ..” ณัฐวีร์ว่าแล้วถอยตัวมานั่งลงที่เก่า มองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มบางๆ
“มันก็จะเป็นการทรมานพี่เกินไป” มกรหันมายิ้มให้อย่างละเหี่ยใจ “กลับไปเถอะ ไม่ต้องห่วง มีนัทอยู่ด้วยแล้วพี่สงบใจไม่ได้เลย”

“ก็เราเจอกันอยู่ทุกวัน แบบนั้นทรมานกว่าไหม” ณัฐวีร์ท้วงอย่างหมั่นไส้  เขายกขาขึ้นขัดสมาธิบนโซฟาแล้วปักหลักอยู่ตรงนั้นทันที มือก็ดึงชายเสื้อออกจากกางเกงและปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนลงเพื่อให้คลายอึดอัด เล่นเอามกรกลืนน้ำลายเลยทีเดียว “เดี๋ยวนัทโทรบอกแม่ก่อนนะ คืนนี้นอนนี่ล่ะ”

“ไม่ต้องๆ พี่จะให้ที่บ้านมารับเดี๋ยวนี้”

ณัฐวีร์หัวเราะขึ้นทันทีมองอีกฝ่ายที่ยกมือถือขึ้นกด “ฮ่าๆ ป้อดเหรอครับ..คุณพี่”
“โห..หยามกันแบบนี้เลย” มกรชะงักมือเงยหน้าขึ้นมาร้อง

“ไม่ได้หยาม... แค่นอนค้างคืนไม่เห็นต้องกังวลอะไร เราก็โตๆกันแล้ว”
“งั้นโตแล้วก็ไม่ต้องบอกที่บ้าน?” มกรเลิกคิ้วยิ้มยั่วน้อง

“ที่ไหนล่ะ..” ณัฐวีร์แบมือเพื่อรับเอาโทรศัพท์มือถือมากดโทรหาบิดา พอบอกกล่าวที่บ้านจบ มกรซึ่งนั่งอยู่ข้างๆก็ยิ้มรับมือถือที่ส่งกลับมาให้

“ป๊าไม่ว่าอะไรใช่ไหม”
ณัฐวีร์ยักไหล่ “ไม่รู้สิครับ ได้แต่ตอบอือๆไม่เห็นพูดอะไรเลย”

มกรพยักหน้ารับ ถ้าเป็นเขาคงไม่ยอมให้มะม่วงได้ไปอยู่กับคนที่ทำร้ายร่างกายและจิตใจลูกแน่ๆ  เท่าที่ป๊าของณัฐวีร์ให้มาก็มากเกินไปแล้วด้วยซ้ำ

“ว่าแต่ ..ออกไปไหนกันไหมครับ นัทอยากดูหนัง เผื่อออกไปห้างจะได้หาข้าวทานกันเย็นนี้เลย”
“ถือเสียว่าวันนี้พักร้อน..?”

ณัฐวีร์ทำตาเจ้าเล่ห์ทันที “ลาป่วยดีกว่าครับ... พักร้อนเก็บไว้ก่อน”

มกรหัวเราะให้กับความคิดนั้นแล้วพยักหน้ารับ “เอ้าๆ ไปดูหนังก็ได้ ว่าแต่...” ชายหนุ่มเอียงศีรษะ “ไม่กลัวพี่ทำอะไรในโรงหนังหรือไง?”

ณัฐวีร์หัวเราะแล้วผลักศีรษะนั้น “ไม่ต้องมาทำน่ารักเลย.. ไม่ได้ดูดี”
“ผูกโบว์ไหมล่ะ เอาหูแมวมาใส่..”

“นึกภาพตามแล้ว...นัทไม่ไหวจริงๆครับ” เด็กหนุ่มส่ายหน้าแล้วทำท่าขนลุกขนพอง เจ้าตัวยิ้มบางๆให้อีกฝ่าย อย่างน้อยก็เบาใจขึ้นอีกนิดที่เห็นว่ามกรไม่ได้มีท่าทีแย่ลง “เดี๋ยวนัทไปล้างหน้าล้างตาแล้วออกไปกันนะครับ”

มกรพยักหน้ารับมองตามร่างที่เดินไปทางห้องน้ำแล้วฮัมเพลงเบาๆ
อยากอยู่แบบนี้ตลอดไป.. อยากให้ทุกเวลาของเขาเป็นแบบนี้ ยิ้มได้ หัวเราะได้..

แต่โลก..ก็มักจะโหดร้ายเสมอ..
ทุกครั้งที่คลื่นลมสงบดี..มักเกิดพายุใหญ่โหมกระหน่ำตามมาทุกที..
*****

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-11-2014 12:22:06 โดย pae666 »

ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
วีรชาติวางโทรศัพท์มือถือลงที่เคาเตอร์เก็บเงิน ดวงตาของชายในวัย 50 ปีแลมองไปยังภรรยาที่นั่งอยู่หลังเครื่องเก็บเงิน พอณฐกายิ้มกลับมาให้เขาจึงได้บอกว่าลูกชายไปค้างบ้านใครในคืนนี้

“แมนน่ะหรือคะ?”
วีรชาติพยักหน้ารับแล้วเอ่ยบอกว่าจะไปดูในครัว ก่อนจะผละเข้าไปหลังร้าน

เรื่องภรรยาที่ตั้งท้องทำให้คุณวีรชาติต้องกังวลพอควร เพราะเขาก็อายุมากแล้ว ณฐกาเองก็อายุไม่น้อย ไหนจะต้องมาห่วงสุขภาพลูก ไหนจะต้องมากังวลสุขภาพแม่.. แล้วนี่ยังมาเรื่องลูกชายคนโตอีก  ถึงจะโตมีความรับผิดชอบเรื่องของตัวเองดี แต่ลูกก็คือลูกอย่างไรเสียพ่อแม่ก็มองว่าลูกทุกคนยังเป็นเด็กเสมอนั่นแหละ ยิ่งโดยเฉพาะกับณัฐวีร์ที่เคยผ่านเรื่องร้ายๆในอดีตมา..จนตอนนี้ก็ยังไม่เหมือนเดิม ทำให้ยิ่งห่วง

คราวนี้..การได้รับโทรศัพท์จากลูกชายบอกว่าจะไปนอนค้างบ้านอดีตคนรัก.. ทำให้คุณวีรชาติเองต้องทำใจพอสมควร..

ผู้ชายด้วยกันดูออกว่าฝ่ายนั้นรักและดูแลลูกของเขาได้ดีแค่ไหน สายตาที่มกรมองน้องทุกครั้งที่ขับรถมาส่งที่บ้านนั้นแตกต่างไปจากเมื่อสองปีก่อนมาก

เมื่อก่อน มกรอาจจะยังไม่ตกลงปลงใจที่จะคบยืดยาว อาจจะแค่สนใจ ใคร่เรียนรู้กัน คบกันด้วยความคึกคะนอง หรืออาจจะตกกระไดพลอยโจนอะไรก็แล้วแต่

ทว่า..พอกลับมาจากอเมริกาคราวนี้มกรเปลี่ยนไป สายตาที่มองณัฐวีร์มีแต่ความรู้สึกรักจนไม่อาจจะปิดบัง.. พอลูกโทรมาแบบนี้..คนเป็นพ่อเลยชักจะเคว้งคว้าง.. เพราะเท่ากับว่า เขากำลังจะเสียลูกชายให้ลูกชายคนอื่นเป็นครั้งที่สอง ที่วางแผนไว้ว่าจะพยายามดึงลูกให้กลับสู่เส้นทางปกติก็ดูเหมือนจะผิดแผนไปเสียแล้ว ขนาดดึงเอาแพรวมาช่วยก็ยังไม่สามารถล้มความตั้งใจของมกรได้.. สุดท้ายก็พาณัฐวีร์เข้าไปสู่โลกของตัวเองจนได้

“เฮ้อ..” คุณวีรชาติถอนหายใจยาว..สงสัยจะได้อดีตลูกเขยกลับมาเป็นลูกเขยเหมือนเดิมอีกแล้ว
เสียงถอนหายใจของคุณวีรชาติไม่ได้ยินมาถึงหูของณฐกาหรอก.. แต่ข้อมูลที่ว่าลูกชายจะไปค้างที่บ้านมกรทำให้เธอหวนคิดไปถึงเรื่องราวหนึ่งที่รุ่นพี่ของเธอเคยพูดไว้

“พี่มนรู้ว่าน้องไก่กำลังเดือดร้อนเรื่องที่ร้านกำลังจะถูกเวนคืน..” คุณมนธิชากล่าวเช่นนั้นตอนที่โทรมาหาเพื่อขอให้ณัฐวีร์กลับเข้าไปสู่วงจรชีวิตของลูกชายเธออีกครั้ง “อย่าถือว่านี่เป็นสิ่งตอบแทนหรือสินกำนัลอะไรเลยนะ พี่มนอยากช่วยจริงๆ พี่ซื้อตึกตรงนั้นไว้ก็เพื่อช่วยคนที่เขาเดือดร้อนเรื่องเงิน ตอนนี้เอามาให้ไก่ไว้ทำร้าน ก็ได้ช่วยไก่ตอนที่ครอบครัวไก่เดือดร้อนด้วย และไม่ว่านัทจะตอบตกลงหรือไม่ตกลงมาทำงานกับพี่ สัญญาซื้อขายระหว่างเราจะไม่เปลี่ยนแปลง ราคาที่พี่บอกไปก็จะเป็นไปตามนั้นค่ะ… อย่าได้คิดว่าพี่จะเอาณัฐวีร์มาเป็นเงื่อนไขเลยนะ” พี่มนพูดทิ้งท้ายไว้แบบนั้น..

วีรชาติและณฐกาตกลงรับเอาตึกในซอยทองหล่อที่เป็นตึกเก่าแต่ทำเลดีติดถนนมาสี่ตึก ราคาซื้อขายเป็นราคาที่แทบจะเรียกว่าได้เปล่าสำหรับทำเลดีอย่างนี้ และการซื้อขายก็สำเร็จเสร็จสิ้นลงไปแล้วด้วยดี ตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการปรับปรุงตัวตึกเพื่อไปดำเนินธุรกิจต่อได้ทันทีที่ย้ายไป

ถ้าหากว่าณัฐวีร์กลับไปคบกับมกร ..คอนโดของมกรก็ไม่ห่างไปจากบริเวณนั้นนัก ถือได้ว่าสะดวกดีทั้งกับลูกชายเธอและลูกชายรุ่นพี่ของเธอ..

คุณณฐกามองเข้าไปในห้องครัว..แล้วก็มองลงมาที่ท้องโป่งนูนของตัวเอง..
หวังว่าการเสียลูกชายคนโตให้ลูกชายคนอื่นไปจะถูกเจ้าตัวน้อยในท้องนี่ช่วยเติมเต็มกำลังใจให้คุณพ่อขี้ห่วงได้บ้างนะ.. แล้วคุณณฐกาก็พรูลมหายใจออกมายาวยืดเพื่อระบายความอัดอั้นในอก

“เฮ้อ..” เสียงถอนหายใจเบาๆนั้นเป็นเสียงของคุณมนธิชา เธอละปลายนิ้วจากเม้าท์เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ภาพในกล้องวงจรปิดเป็นเลขาของคุณประคองจริงๆ กลอยหอบเอาแฟ้มเอกสารออกมาแต่ในมุมกล้องกลับไม่เห็นว่าเด็กนั่นส่งเอกสารเหล่านั้นให้ใครช่วยถือไป มันเป็นมุมอับของกล้องซึ่งคาดว่าคนที่หลบยืนตรงนั้นก็น่าจะรู้อยู่ถึงได้หลบแอบเสียจนไม่ให้คนในกล้องได้เห็น

คุณประคองเองก็เห็นภาพในกล้องวงจรปิดนี้แล้ว.. เขาไม่มีคำอธิบายอะไรมีเพียงยืนยันว่าเขาไม่ได้เป็นคนสั่งให้กลอยไปเอาแฟ้มเหล่านั้น และไม่รู้ด้วยว่าจะเอาแฟ้มไปทำอะไร เพราะข้อมูลทุจริตเหล่านี้ ทั้งเขาและเธอต่างรู้ดีว่า..คุณประคองคือเบื้องหลังในการตามล่าหาข้อมูลเหล่านี้มาจัดทำรายงานให้เธอเอง ไม่ใช่ฝ่ายตรวจสอบอย่างที่ออกข่าวกันไป

เขาต่างหากคือผู้ช่วยตามล่าหาตัวการในครั้งนี้..
ใช่..เธอเชื่อใจคุณประคองไม่ใช่แค่เพราะเขาเป็นคนเก่าแก่ในบริษัท แต่เพราะเขาช่วยสนับสนุนเธอทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องงานและเรื่องพ่อของเธอ ประคองนั้นเหมือนเป็นบิดาอีกคนของเธอเลยก็ว่าได้ เขาเป็นคนสนิทของพ่อ ที่ถูกส่งต่อมาให้เป็นคนที่เธอเชื่อถือและไว้วางใจ

ไม่งั้นเด็กเรียนจบใหม่อย่างเธอจะขึ้นเป็นนักธุรกิจหญิงแถวหน้าได้อย่างไรในเมื่อไม่มีประสบการณ์ทำงานอะไรเลย คุณประคองนี่แหละที่เป็นทั้งครูและผู้สนับสนุนเธออย่างเป็นทางการ เธอจึงเชื่อมั่นว่าเบื้องหลังของเรื่องนี้..ต้องมีอะไรมากกว่าที่เห็นจากภาพในกล้องวงจรปิดแน่ๆ
คงจะมีใครสักคนสร้างสถานการณ์ขึ้น เพื่อป้ายสีคุณประคอง

ภาพเคลื่อนไหวในจอถูกหยุดเป็นภาพนิ่ง เป้าสายตาของคุณมณธิชาคือกลอยและปลายมือของชายคนหนึ่งที่ยื่นออกมารับเอกสาร..

ทว่า..เมื่อกวาดตาออกไปจนทั่วทั้งภาพในจอ ก็พบเข้ากับสิ่งหนึ่งก็ทำให้เธอผวาเข้าใกล้จอเพื่อมองให้ชัดมากขึ้น..

ใบหน้าของณัฐวีร์ที่โผล่ออกมาตรงประตูห้องทำงาน..

ไม่ใช่มกรหรอกหรือที่ส่งแฟ้มให้กลอยไป..? ไหนเจ้าตัวบอกในที่ประชุมเมื่อเช้าว่า...
คุณมณธิชากวาดตาดูเวลาที่บันทึกไว้ และวันเวลาอีกครั้ง เธอเปิดมือถือและโปรแกรมแพลนเนอร์ของเธอขึ้น ไล่ปลายนิ้วไปตามวันที่และเวลา

อ่า...เธอเข้าใจแล้ว..
ตามวันและเวลาในคลิปนั้น..เธอให้มกรออกไปประชุมกับซัพพลายเออร์ร่วมกับฝ่ายปฏิบัติการ.. จำได้ว่าณัฐวีร์ปวดศีรษะจึงขออยู่ที่บริษัท.. เท่ากับว่ามกรออกรับแทนน้องสินะ

นี่ลูกชายของเธอ..ยอมรับความผิดแทนคนอื่นได้ด้วยงั้นหรือ
คุณมนธิชาเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย.. แม้ว่าเมื่อเช้าจะมีเรื่องหนักอก แต่ในความหน่วงหัวใจก็ยังมีเรื่องดีให้พอชุ่มชื่น..ลูกชายเธอไม่ใช่คนไร้หัวใจเหมือนเมื่อก่อน เขาไม่ใช่คนที่จะทำให้ชีวิตตนเองตกต่ำลงไปอีกแล้ว..

เพราะ..ณัฐวีร์สินะ..เด็กนั่นเหมือนอัศวินขี่ม้าขาวเข้ามาช่วยครอบครัวของเธอ.. เธออาจจะเห็นแก่ตัวในหลายๆอย่าง แต่สุดท้ายแล้วเธอรู้สึกขอบคุณณัฐวีร์จากใจจริง ขอบคุณที่มีณัฐวีร์อยู่บนโลกใบนี้

นอกจากนั้น..เป็นณัฐวีร์อีกนั่นแหละ..ที่เห็นว่าคนในมุมอับของกล้องคือใคร และเขา..น่าจะเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการหาตัวคนร้ายในเรื่องนี้ได้

ทว่า.. ตอนนี้ณัฐวีร์ไม่ได้อยู่ที่นี่..เธอพยายามโทรเข้าหามือถือเขาแล้ว แต่ปรากฏว่าเสียงมือถือมันดังอยู่ในห้องทำงานของเขานี่เอง..ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถสอบถามความเป็นอยู่ของเขาในตอนนี้ได้ อีกอย่าง เธอก็ยังไม่กล้าพอจะโทรหาลูกชายด้วย ดังนั้น ไว้พรุ่งนี้..เธอค่อยรอสอบถามจากเด็กคนนั้นทีเดียวก็แล้วกัน..
หวังว่าคืนนี้ทุกอย่างจะเป็นไปอย่างสงบ..ไม่ต้องมีโทรศัพท์มาบอกว่า “ใคร” เกิด “อุบัติเหตุ” อะไรอีก

คุณมนธิชาถอนหายใจเฮือกแล้วมองไปยังหัวโต๊ะ รูปถ่ายคู่ของเธอกับสามีในวันแต่งงานตั้งอยู่ตรงนั้น การได้คุยกับเขาเมื่อเช้าทำให้เธอเบาใจไปอีกนิด..เพราะอย่างน้อย เขาก็รับปากแล้วว่าจะส่งคนไปดูแลลูกไว้
*****

ในขณะที่ผู้ปกครองกำลังเป็นกังวลกับลูกชายตัวเอง.. ทางฝั่งมกรกลับกำลังหัวเราะอย่างสนุกสนาน
“ก็บอกว่าอย่าแกล้งไงครับ” ณัฐวีร์ปัดมืออีกฝ่ายออกให้พ้นแก้มตัวเองแต่ทางนั้นก็ยังไม่ยอมอยู่เฉย
ในโรงหนังที่ทั้งมืดและจำเป็นต้องลดเสียงพูดคุยลง ทำให้คนทั้งคู่ได้แต่กระซิบกระซาบกัน แม้ว่าในวันธรรมดาจะไม่ค่อยมีคนมาดูหนังกันนัก และแม้ทั้งแถวฮันนีมูนซีทจะมีพวกเขาเพียง 2 คนเท่านั้น แต่มารยาทในการดูภาพยนตร์ในที่สาธารณะ อย่างไรก็ยังถือเป็นมารยาทสากลที่ควรปฏิบัติ

แต่ดูเหมือน ..มกรจะไม่คิดแบบนั้น
“ไม่ได้แกล้ง..”

“เงียบไปเลย” เด็กหนุ่มหันมาเขม่น
“ก็ไม่เห็นจะมีใครใน...”

เสียงมกรเงียบไปทันที เพียงจังหวะหายใจหนึ่งความรู้สึกหลากหลายตีตื้นขึ้นในอกกว้าง ดวงตาคมกริบฉายแววซุกซนยั่วเย้าและแพรวพราวที่สุดเมื่อมือของอีกคนยื่นมาตะปบไว้ที่ปากของเขา

“เงียบได้แล้ว นัทจะดูหนัง.. “ เด็กหนุ่มถลึงตาเข้าใส่.. “ถ้าพี่ไม่เงียบนัทจะย้ายที่ ถ้ายังตามอีกนัทจะไม่ดงไม่ดูมันแล้ว”
มือนั้นบีบแน่นแล้วก็ทำท่าจะปล่อยหากแต่อีกฝ่ายกลับคว้าไว้
“นี่!!...”

มกรยิ้มกว้าง “เงียบๆสิครับ.. ถ้าเสียงดังพี่จะ..”
“จะย้ายไปนั่งที่อื่นหรือไง!” ณัฐวีร์กระซิบเสียงเข้ม
“ครับ.. จะย้ายไปนั่งที่อื่น” ชายหนุ่มยังยิ้มใส่ตาอีกฝ่าย “เช่นบนตักนัทเป็นต้น”

“หน้าด้าน..ปล่อยมือเลยนะ” ด่าเขาแล้วก็หน้าร้อนไปตามระเบียบ
“จุ๊ๆ เสียงดังอีกแล้วนะครับ”

ณัฐวีร์ไม่พูดแล้ว แต่ทำท่าเขยิบตัวจะลุกหนีแทน

“โอ้ยๆ ขอโทษ ไม่แกล้งแล้วครับ” มกรว่าแล้วก้มลงจรดริมฝีปากบนหลังมือน้องแบบฉิวๆก่อนจะถอยตัวไปนั่งดีๆ เงียบๆ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว

ณัฐวีร์รู้สึกหน้าร้อนวาบขึ้นเรื่อยๆ แต่จะให้มาเอาเรื่องคนที่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนเขาก็จะเหมือนคนบ้าเสียเอง ดังนั้น เจ้าตัวจึงทรุดนั่งลงตามเดิม

หนังกำลังจะเริ่มฉายแล้ว แต่มือของณัฐวีร์ก็ยังคงถูกเกาะกุมไว้ไม่ยอมปล่อย พยายามดึงแล้ว แต่อีกฝ่ายทำเป็นตุ๊กแก เกาะหนึบเลยทีเดียว แถมยังไต่มือมาพลิกมือเขาให้หงายขึ้นในท่าสบายๆแล้วพลิกมือตัวเองคว่ำลงกดจับสอดประสานตรึงมือณัฐวีร์ไว้กับที่ท้าวแขนอีกด้วย

เด็กหนุ่มเหลือบมองมือตัวเองที่เหมือนจะไม่เป็นของตัวเองอีกแล้ว..โดนยึดไว้ถาวรตลอดช่วงเวลาดูภาพยนตร์แน่ๆ
คิดแล้วก็ได้แต่ถอนใจ..เฮ้อ..

เป็นการระบายลมหายใจร้อนๆออกมาจากร่าง.. เผื่อหน้าตาที่ร้อนผ่าวๆอยู่นี้จะลดความร้อนลงมานิดนึง..ก็ยังดี
++++


แล้วจะแวะมาอีกนะคะ ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-11-2014 12:22:35 โดย pae666 »

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
การกระทำที่เหมือนจะไปขุดความรู้สึกเดิม ๆ
ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อพี่แม้นศรีมากกว่าที่พี่แม้นกังวลนะ
คิดว่า  พี่แม้นควรไปกังวลเรื่องอื่นดีกว่า
เรื่องในบริษัท กลิ่นมาม่าฉุนมาแต่ไกลเชียว

ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
ฟ้าครึ้มฝนหลงฤดูทำให้คนมาอัดกันอยู่ในห้างสรรพสินค้าย่านใจกลางเมือง ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งที่มีหัวหน้ากลุ่มชื่อ “เอ”

และคงไม่มีประเด็นอะไรเลย ถ้าไม่ใช่เพราะหนึ่งในกลุ่มลูกน้องหน้าตาดีน้อยหน่อยของเอ ดันเหลือบไปเห็นมกรเดินออกมาจากโรงภาพยนตร์พร้อมกับณัฐวีร์
“เฮ้ย.. นั่นมันไอ้แมนหรือเปล่า กลับมากร่างแถวนี้อีกแล้วหรือไงวะ”

พอถูกสะกิดด้วยชื่อนั้น เอจึงหันไปมองร่างของคนสองคนที่กำลังเดินลงมาจากบันไดเลื่อนของชั้นโรงหนัง และกำลังเลี้ยวเข้าไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต

เอรวบช้อนส้อมแล้วยกน้ำขึ้นดื่มทันที ถือเสียว่ามื้อนี้มีกับแกล้มอาหารแล้ว ดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องกินข้าวให้อิ่ม เขาลุกเดินไปดูนอกร้าน แล้วจึงเห็นว่าเบื้องหลังนั้นคือไอ้แมนจริงๆ

เรื่องราวระหว่างพวกเขานั้นเป็นเรื่องของผู้ชายสองคนที่เขม่นกันจนจะไม่ปล่อยให้ใครได้ดีก่อนหน้า หรือเรียกง่ายๆว่าอยากลากอีกฝ่ายลงนรกไปด้วยกันเลยทีเดียว มันเป็นความฝังใจมาตั้งแต่ม.ปลายที่ติดแน่นเจอกันเป็นต้องทำให้ต่างแตกหัก

เพียงแต่ มกรนั้นหลุดจากวังวนมาได้เพราะมีเรื่องของณัฐวีร์ให้สนใจมากกว่า แต่เอ.. มันยังเป็นบัวในโคลนที่ไม่ยอมวางมือจากเรื่องชั่วๆ ปล่อยให้ชีวิตตกหลุมมาจนป่านนี้
เอพาพรรคพวกปรี่ตามมกรและณัฐวีร์มา.. ตอนแรกเขาคิดว่าสองคนนั้นเดินเลี้ยวเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ต แต่ที่จริงคือเลี้ยวไปที่ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้ามากกว่า

“เฮ้ย ทางโน้น..!”  เห็นหลังอยู่ไวๆ เอจึงบอกพรรคพวกอีกสองคนให้วิ่งตามไปทันที
ทั้งสามวิ่งเข้าไปหาตอนที่มกรกำลังจะแยกจากน้องไปทางด้านคนขับแล้ว

“ไงไอ้แมน!!” เสียงร้องทักนั้นทำให้เจ้าของชื่อหันขวับกลับมา ใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อครู่เครียดขมึงขึ้นมาทันทีที่เห็นศัตรูคู่อาฆาตเก่าที่เคยมีเรื่องกันมาตลอดตั้งแต่ม.ปลาย

มกรเดินกลับมาหาณัฐวีร์ทันที “ไอ้เอ..”

“โอ๊ะๆ มันจำกูได้...” เจ้าของชื่อหันไปหัวเราะกับพรรคพวก “มึงไปอเมริกาครั้งที่สองนี่ไปชุบตัวหรือหลบคดีอะไรอีกวะ”

“จะยังไงมันก็เรื่องของกู ไม่ใช่ธุระอะไรของมึง” แล้วมกรก็จับแขนน้อง “นัทเข้ารถไปก่อน เดี๋ยวพี่จัดการทางนี้เอง”

“....” ณัฐวีร์ไม่ตอบรับ ดวงตาจ้องคนที่มาหาเรื่องเขม็ง ก่อนจะหันมามองหน้ามกรด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากันมุ่น “ถ้าไปก็ไปด้วยกัน ถ้าอยู่ก็ต้องอยู่ด้วยกัน”

เด็กหนุ่มพูดพร้อมกับวางมือลงด้านหลังบั้นเอวของมกร ความอุ่นร้อนจากฝ่ามือนั้นแผ่ซ่านทำให้มกรยิ้มอย่างกังวล ดูท่าทางการกลับมาจากอเมริกาครั้งนี้ของเขาอาจจะได้พบอีกแง่มุมหนึ่งของณัฐวีร์ แง่ที่ได้รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นดื้อรั้นและเอาแต่ใจพอสมควรเลยทีเดียว

“หึ หึ ..แหม..รักกันดีนะ..เด็กใหม่มึงหรือไงไอ้แมน” คนพูดผิวปากอย่างยียวน มันถือว่าตัวเองพวกมากกว่า ร่างกายก็สูงใหญ่พอฟัดพอเหวี่ยงกันกับมกรจึงไม่ได้เกรงกลัวว่าทางฝั่งนี้จะทำอันตรายมันได้ มันเดินเข้ามาใกล้แล้วมองณัฐวีร์ตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำให้มกรต้องดึง
น้องหลบหลังตัวเอง

“มึงไม่ต้องมาเสือกยุ่ง”

“แล้วเมื่อก่อนมึงเสือกกับของของกูก่อนทำไม!”
มกรหัวเราะออกมาเบาๆอย่างยียวน เขาไม่เคยลืมอดีต พอๆกับที่ไม่เคยลืมว่าเมื่อก่อนตัวเอง..ผ่านอะไรมาบ้าง และจัดการกับสิ่งเหล่านั้นอย่างไร
“ถ้าไม่เสนอกูจะสนองเหรอวะ..เมียมึงมาหากูเอง”

“ไม่จริง!”
“ไปถามใครเขาก็รู้ว่าเมียมึงน่ะไปกับใครเขาทั่วไปหมด ไม่ใช่แค่กู เมียมึงมันวิ่งไปให้เขาเย่อกันตั้งแต่เชียงใหม่ยันภูเก็ต.. กูเอาแค่หนเดียวก็เข็ดตายห่า กลัวโรคติด”

“ไม่จริง!!” เอตะคอกเสียงดังก่อนจะผวาง้างหมัดเข้าไปหา
มันถือว่ามันพวกมากจึงได้เปิดศึกครั้งนี้ก่อน แต่เพราะเข้าไปอย่างไม่มีชั้นเชิง หรืออาจจะเพราะเข้าไปพร้อมอารมณ์โกรธ ฝ่ายมกรเองก็ตั้งรับอย่างระวังตัวไว้อยู่แล้ว พอร่างกำยำนั่นถลันเข้ามา ชายหนุ่มจึงยกขายันเปรี้ยงออกไปเต็มเท้า เล่นเอาร่างที่พุ่งเข้าใส่โดนบวกแรงยันด้วยตีนให้ปลิวสะท้านไปไกล

“นัทถอยไป!” มกรร้องบอกแล้วขยับดันน้องให้ถอยหลบแล้วตั้งท่าเตรียมพร้อม
ในกลุ่มเอ พอเห็นลูกพี่ร่วงไปนอนกุมท้องจุก ลูกน้องอีกสองคนก็ผวาเข้าใส่ทันที

“ไอ้สัตว์!”
หนึ่งในนั้นร้องด่านำมาก่อน เป็นคำด่าที่คงเจ็บไม่น้อยเพราะพอขาดคำหมัดรุ่นๆของมกรก็เสยเข้าปากครึ่งจมูกครึ่งร้องโอ้กเลือดโกรก

ชายหนุ่มหันกลับมาให้ความสนใจอีกคนที่ยังเหลือ แต่น้ำน้อยก็ต้องแพ้ไฟอยู่วันยังค่ำ เขาหันมาหามันไม่ไวพอ

ผลั่ก!

เสียงเนื้อกระทบโหนกแก้มดังลั่นหูจนเปี้ยะ เสียงวิ้งแล่นขึ้นสมอง ร่างกายซวนเซไปอย่างไร้ทิศทาง ชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงรสเค็มปร่าและกลิ่นฉุนกึกของเลือดในกระพุ้งแก้ม เขาถลาลงไปที่หน้ากระโปรงรถก่อนจะร่วงรูดลงไปก่อนกับพื้น

แต่ขนาดว่าหูอื้ออย่างนั้น เขาก็ยังได้ยินเสียงร้องของณัฐวีร์..
นัท..

สติยังรับรู้ได้ดีอยู่ตอนที่สะโพกรูดลงไปแตะพื้น แต่เพราะท่อนขาใครสักคนซัดเข้ามาที่ปลายคางทำให้มกรไม่สามารถลุกไปหาน้องได้อย่างที่ตั้งใจไว้ ไม่เพียงปลายคางจะโดนหน้าแข้ง แต่หลังศีรษะยังกระแทกไปกับกันชนรถทำให้มึนและโลกมืดไปวูบหนึ่ง
“หยุด! หยุด!!”
เสียงตะโกนนั้นดังอยู่ใกล้ๆ แล้วตามมาด้วยเสียงของการต่อสู้เนื้อกระทบเนื้อ..

ใคร?

ณัฐวีร์หรือเปล่า..?
น้องโดนอะไร!?

ความคิดนั้นทำให้มกรต้องรีบสะบัดหน้าเรียกสติตัวเองทันที
“นัท”

เสียงที่ร้องออกไปแหบพร่าแต่แรงจากภายในทำให้ชายหนุ่มพุ่งตัวลุกขึ้น แรงนั้นเกิดจากภาพที่ไอ้เอกำลังกระชากคอเสื้อน้องเตรียมจะสาวหมัดเข้าใส่ณัฐวีร์อยู่แล้ว
“ไอ้เหี้ยเอ!” มกรร้องแล้ววิ่งเข้าไปคว้าตัวณัฐวีร์เอาไว้
ปึก!

เสียงกำปั้นกระทบเนื้อสะบักดัง และยังดังอีกหลายหมัด แต่มกรไม่ได้สนใจอีกแล้ว เขากอดณัฐวีร์ไว้แน่นเท่าที่แรงทั้งหมดจะมี มือก็กดศีรษะน้องที่พยายามจะผงกออกมาเพื่อร้องห้ามฝ่ายนั้น หลังก็รองรับทั้งหมัดทั้งแข้ง  เขาพยายามดันน้องให้ก้าวถอยเข้าไปในซอกรถที่จอดอยู่เพื่อให้พื้นที่ในการทำร้ายร่างกายนั้นลดน้อยลง อย่างน้อยก็จะได้มาทีละหมัดทีละเท้า แต่ความคิดเช่นนั้นก็คล้ายจะไร้ผล เพราะพวกมันตีเขากระหนาบจนไม่สามารถขยับหนีได้

ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไรกว่าจะได้ยินเสียงเป่านกหวีดดังขึ้น และรปภ.ของห้างก็กรูกันเข้ามา เสียงวิ่งไล่และร้องห้ามระงมเซ็งแซ่
“โชคเข้าข้างมึงนะไอ้แมน!” เอเข่นเขี้ยวก่อนจะผละไป

“เป็นอะไรไหมคุณ” รปภ.ร้องถามพร้อมกับวิทยุไปแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคาดว่าจะให้สกัดตัวคนกลุ่มนั้นไว้
“ไม่เป็นไร ปล่อยไปเถอะผมไม่เอาเรื่อง..” มกรพูดกับทางรปภ. ปากเจ็บพูดก็ไม่ถนัด มกรจึงได้แต่พยักหน้าให้กับคนที่ยืนรายรอบ แม้หลังไหล่จะเจ็บร้าวมกรก็ยังกัดฟันขยับตัวออกเพื่อจะมองดูคนในอ้อมแขนให้ถนัดมากขึ้น

ดวงตาแดงก่ำของณัฐวีร์มองสบมา เด็กหนุ่มไม่ได้ร้องไห้เพราะพยายามที่สุดที่จะกดน้ำตาจากความตกใจเอาไว้
ณัฐวีร์แทบไม่เคยอยู่ในการประจัญบานกับใครเลย.. เขาไม่ใช่พวกที่จะพาตัวเข้าไปเสี่ยงชีวิตอยู่ในวงล้อมของการทะเลาะเบาะแว้งอย่างนี้

ต่อให้เป็นผู้ชาย แต่เขาก็ฉลาดพอที่จะหลีกเลี่ยงไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องที่พ่อแม่จะเสียใจ..
“นัท..”
เสียงเรียกนั้นทำให้น้ำตาที่พยายามเก็บกดไว้รื้นขอบตาจนใบหน้าอีกฝ่ายพร่ามัว.. คนๆนี้เอาตัวเองปกป้องเขา..โดยไม่คิดถึงอันตรายที่กำลังเกิดขึ้น..

เหมือนเขา.. ที่ยอมเสี่ยงเข้าไปป้องกันคนๆนี้ทั้งที่ไม่เคยมีประสบการณ์ชกต่อยกับใครเขาเลย

ณัฐวีร์มักเลือกการใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาดเสมอ.. ประสบการณ์สอนให้เขาหลีกเลี่ยงความเสี่ยง.. แต่วันนี้เขาพาตัวเองเข้าไปหาความเสี่ยงนั้น..
ทำไม..?

เขาถามตัวเอง.. เขาถามเผื่อไปถึงมกรด้วย..
ทำไมถึงปกป้องเขา ทำไมเอาตัวมากันเขาไว้..
ทำไม..?

ณัฐวีร์ยังไม่อยากหาคำตอบตอนนี้ เขากะพริบตาถี่ๆไล่น้ำตา เขายกมือขึ้นมาจับแก้มอีกฝ่ายแล้วใช้นิ้วโป้งปาดเช็ดเลือดออกจากริมฝีปากให้

คนฉลาดอย่างเขาไม่รู้จะเลือกคำพูดอะไรดี.. ได้แต่ถามคำถามโง่ๆออกไป
“พี่แมน..ไม่เจ็บใช่ไหม..?”

คำถามง่ายๆที่ณัฐวีร์มองว่าเป็นคำถามโง่ๆกลับทำให้คนฟังอุ่นขึ้นในอก หัวใจมันพองฟู..เติมเต็มด้วยความสุข

..ไม่มีหรอกที่จะไม่เจ็บ ทั้งหมัด หน้าแข้ง ฝ่าเท้า แต่เพราะคำถามนั้นความเจ็บที่มีก็เลยหายไป..ทำให้ชายหนุ่มยิ้มให้กับอีกฝ่าย
“ไม่เจ็บเลย ..นัทล่ะ เจ็บไหม”

เด็กหนุ่มก้มหน้าลง กะพริบตายังไงก็ไล่น้ำตาออกไปไม่ได้.. ยิ่งอีกฝ่ายถามว่าเจ็บไหมเขายิ่ง..
“ไม่..” ณัฐวีร์ตอบได้แค่นั้นแล้วเสียงก็หายไปในคอ

เสียงสั่นเครือนั้นทำให้มกรดึงร่างน้องเข้ามากอดอย่างปลอบใจ “ไม่เป็นไรนะ”
แรงขยับหน้าที่อยู่ตรงช่วงอกทำให้มกรก้มลงจูบศีรษะนั้นด้วยความยินดี ..เขาไม่ได้รู้สึกไป
เองใช่ไหม ไม่ได้คิดไปเองว่าณัฐวีร์ห่วงเขา มกรยิ้มกว้างแล้วกอดร่างนั้นแน่น

“เอ่อ..”

เสียงนั้นทำให้ณัฐวีร์สะดุ้งและถอยออกจากอ้อมแขนมกรทันที.. ลืมไปเลยว่าพวกเขาไม่ได้อยู่กันลำพัง เด็กหนุ่มยกมือขึ้นปาดน้ำตาและกระแอมในคอเล็กน้อยก่อนจะหันไปพูดลอยๆกับเสาอาคารที่จอดรถ

“นัทไปรอในรถนะครับ” แล้วคนพูดก็เดินลิ่วๆไปเลยปล่อยให้เจ้าของรถพูดกับรปภ.อยู่คนเดียว

พอเคลียร์เรื่องทางห้างจบพวกเขาก็ขับรถกลับคอนโด อาการยอกจากผลการตะลุมบอนกันกำลังเล่นงานมกร ทำให้ณัฐวีร์ต้องประคองชายหนุ่มให้ค่อยๆทรุดนั่งลงบนโซฟา
แต่..จริงๆแล้วณัฐวีร์ก็แอบมีสงสัยอยู่เหมือนกัน..

เจ็บจริงหรือแกล้งเจ็บหนักกันแน่ ..ไม่ยอมลุกออกจากรถเอง แต่ชะโงกหน้ามาหอมแก้มเขาได้ตอนประตูห้องปิดลง พอโดนดุก็ยิ้มทะเล้นเข้าใส่แล้วทำทีเป็นชี้ไม้ชี้มือที่แผล แบบนี้มันไม่น่าจะใช่..

ณัฐวีร์คิดอย่างรู้สึกถูกเอาเปรียบ ..ทว่า ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าการถูกเอาเปรียบแบบนี้ทำไมเขาถึงยอมให้ ก็ออกจะรู้ทันทำไมยังยอม
อีกแล้วสินะ..คำตอบที่ยังไม่อยากรู้..

ณัฐวีร์นึกโกรธตัวเองแล้วทำท่าจะผละหนีตอนที่ส่งให้อีกฝ่ายนั่งลงกับโซฟาแล้ว แต่เพราะมกรร้องโอดโอยออดอ้อน ทำให้เขาไม่สามารถทิ้งลูกหมาบาดเจ็บไปได้

“ทำแผลให้หน่อยครับ..” มกรร้อง.. มันเป็นความเจ็บตัวแต่สบายใจ เขายิ้มได้ตอนที่ณัฐวีร์ใช้แอลกอฮอลล์เช็ดรอบแผล แล้วเทยาเบตาดีนใส่แผลสดที่แขนขา เขายิ้มได้แม้ว่าจะแสบและเจ็บยอกไปทั้งตัว.. เขายิ้ม..อย่างมีความสุข

"ยังจะยิ้มได้อีกนะ" เด็กหนุ่มว่าแล้วกดสำลีหนักมือขึ้นอย่างต้องการจะแกล้งเป็นการสั่งลา
"โอ๊ยๆ" มกรร้องแล้วคว้ามือน้องเอาไว้ "เจ็บครับ.."

"เจ็บแล้วไปมีเรื่องทำไม" ณัฐวีร์ดุแล้วดึงมือออกจากมืออีกฝ่าย มกรทำหน้าเสียดายแต่ก็ยอมปล่อยมือแต่โดยดี

"นัทก็เห็นว่าพี่ไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อน"
"ก็เลี่ยงมาเสียสิครับ"
ได้ยินแบบนี้มกรเลยยิ้มกว้างหนักกว่าเดิม "เลี่ยงก็ไม่รู้สิว่านัทเป็นห่วงพี่น่ะ"

"พี่แมน! นัทจะโกรธจริงๆแล้วนะ" เด็กหนุ่มกระแทกเสียงพร้อมกับปาก้อนสำลีเปื้อนยาลงถังขยะ

"อย่าโกรธพี่เลยนะ เท่านี้พี่ก็ช้ำในจะแย่แล้วครับ" มกรทำหน้าละห้อยพลางขยับอย่างรู้สึกไม่สบายตัวในท่านั่งเท่าไรนัก
"เจ็บตัวแบบนี้กินยาแล้วนอนเถอะครับ" เด็กหนุ่มหันไปหยิบยามายื่นให้สองเม็ด

"เหมือนตอนนั้นเลยนะ.." ชายหนุ่มพึมพำเมื่อนึกย้อนไปถึงอดีตครั้งแรกที่พวกเขาได้มาที่ห้องนี้ ครั้งแรกนั่น เขาถูกไอ้เอเล่นงานจนต้องกินยา ครั้งนี้ก็ต้องกินยา
แต่เขาสัญญาว่าจะไม่ให้มันเกิดแบบเดิมอีกแน่นอน.. จะไม่มีการกระทำใดๆที่ณัฐวีร์ต้องบาดเจ็บอีก ..จะต้องไม่เหมือนคืนนั้น..

"พี่แมนว่าอะไรนะครับ" ณัฐวีร์หันกลับมาถามขณะเก็บอุปกรณ์ทำแผลเข้าที่
มกรยิ้มแล้วส่ายหน้า เขาหย่อนยาเข้าปากดื่มน้ำตามมากๆ แล้วอยากจะไปนอน พลันก็หวนนึกถึงการแกล้งป่วยครั้งนั้นขึ้นมาอีก ความรู้สึกผิดโถมเข้ามาในหัวใจ

"เป็นอะไรครับ?"
มกรยิ้มแต่ไม่ยอมมองหน้าน้อง "พี่แค่คิดอะไรนิดหน่อยไม่มีอะไรหรอก"
เห็นท่าทางหงอยๆแบบนั้นณัฐวีร์เลยขยับเข้าไปใกล้ เด็กหนุ่มวางมือลงบนหน้าขาแล้วบีบเบาๆ "จะขึ้นไปพักข้างบนไหม นัทจะพาไป"
มกรส่ายหน้า "ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ขึ้นไปเอง"

ให้อย่างไรเขาก็ยังไม่อยากให้ณัฐวีร์ขึ้นไปบนห้องนั้นอยู่ดี.. นี่เขารู้สึกผิดจริงๆนะเนี่ย..น่าจะเป็นเอามากล่ะ

"ดื้อจริงๆนะครับ ข้างบนนั่นมันมีอะไรหรือไง นัทถึงขึ้นไปไม่ได้น่ะ" พอพูดจบ ณัฐวีร์ก็ลุกเดินนำขึ้นไปก่อน..
"เดี๋ยวนัท" มกรเห็นท่าไม่ดีเลยรีบลุกตาม แต่กว่าจะทันกันก็เมื่อมายืนกันอยู่ด้านบนตรงหัวบันไดแล้ว เขาดึงมือเด็กหนุ่มไว้จึงได้เห็นว่าณัฐวีร์กวาดตามองไปทั่วพื้นที่ด้วยท่าทางอยากรู้

"ก็ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวนี่ครับ นึกว่ามีซ่อนใครไว้เสียอีก" คนพูดหันมายิ้มให้
"จะไปมีใครได้" มกรยิ้มตอบแล้วเลื่อนมือจากข้อมือน้องมาจับมือเล็กกว่าบีบเบาๆ "มีนัทคนเดียวก็พอแล้ว ...หลงจะแย่แล้วครับ"

ณัฐวีร์ยกไหล่หนีพาลดึงมือหนีตามไปด้วย "ไม่ต้องมาหวาน นัทขนลุก"
เด็กหนุ่มเดินนำเข้าไปในห้องนอน เตียงถูกคลุมเอาไว้เพื่อกันฝุ่นทำให้เขาเดินไปดึงผ้าออกแล้วหันกลับมาเรียกเจ้าของห้อง "มาพักเร็วครับ กินยาแล้วก็อย่าดื้อมานอนเร็วๆเข้า”


ขอแปะไว้เท่านี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวหลังวันที่ 10 จะมาลงใหม่ค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-11-2014 09:47:41 โดย pae666 »

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
ตามอ่าน

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
จินตนาการไม่ออกว่า  ถ้าวันไหนที่นัทจำได้จะเป็นยังไง
แต่คนแต่งปูทางให้นัทเป็นคนมีเหตุผลมาตลอด
คงไม่หนีหน้าไปอยู่เกาะ  ไม่พบไม่เจอหน้าผู้คนเลยหรอกเนาะ
ถึงแม้ว่านัทจะอารมณ์ไม่ค่อยคงที่หลังจากที่ประสบอุบัติเหตุแล้วก็เถอะ
... ภาคนี้ สงสารพี่แม้นศรีเบา ๆ เหมือนพี่แม้นจะดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความเกร็งตลอดเวลา
กังวล คิดมาก น้อยใจ เสียใจ รู้สึกผิด และแอบมีอารมณ์บ้าปนมาเป็นพัก ๆ
เฮ้อ  ลุ้นไปกับทั้งคู่ด้วย ... ว่าแต่พี่แชร์หายไปไหนหลายตอนแล้วนะ

ออฟไลน์ hongzaa

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
ปักป้ายอยู่ทีมอิตาแม้นศรีทันไหม
แบบนะ ไม่รู้สิ นางน่าสงสารนะ จะสุขก็สุขไม่สุด
นี่ก็คิดไม่ออก ถ้าน้องจำได้จะเป็นยังไงอีก
ถ้านางเมินอีก อิพี่มันไม่ฆ่าตัวตายเลยหรอ จริงๆแล้ว
มีความรู้สึกว่าอิพี่แม้นศรีมันเหมือนเด็กอะ สงสารมันจัง
ก็หวังว่าวันที่น้องรู้ความจริง มันจะไม่แย่มาก
จนอิพี่แม้นประสาทหนักกว่าเดิมละ อีกใจหนึ่งก็กลัว
มีเรื่องอะไรที่กระตุ้นความผีบ้าของอิพี่แม้น ให้ทำอะไรน้องอีก
แล้วน้องดันจำได้ ตอนที่โดนอิพี่แม้นบ้าใส่อีก อันนั้นคือเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเลยนะโถ่ถัง

ออฟไลน์ PoPuAr

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
เย่อๆ มาต่อแล้ว
เหมือนเป็นผลกรรมที่พี่แมนทำไว้กับนัทเมืื่อในอดีตเลยนะ
สงสารพี่แมนเหมือนกัน เมื่อก่อนทำกับน้องไว้เยอะ. ก็ต้องมาชดใช้อย่างหนัก
นี่อยากให้นัทจำพี่แมนได้เร็วๆ อยากรู้ปฏิกิริยา ยังจะรักหรือหลีกหนี
แต่อีกสิ่งที่ทำให้เรารู้ พี่แมนรักนัทมากจริงๆ ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้น้องมีความสุข

ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
กริ๊ววววว วว  ขอโทษที่ไม่ได้มาทำหน้าที่เลยค่ะ พอดีติดเด็ก 55555 กราบขออภัย

ช่วงนี้เลยให้มอส มาอัพเองเลย มีไรทวงคนแต่งได้เลยนะคะ

ขอเวลาไปเต๊าะเด็กก่อนค่ะ >3<

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ยาวสะใจมาก กังวลใจถึงเรื่องนี้ตลอดเลยว่าแต่ละคนจะเป็นแบบไหนต่อ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) อัพตอน 29 (23.11.14) โดย Mor(s)e
« ตอบ #349 เมื่อ: 25-11-2014 00:44:32 »





ออฟไลน์ TR

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ดีใจมากๆที่เห็นเรื่องนี้มาลงต่อแล้ววว

เหมือนนัทจะเริ่มเปิดรับพี่แม้นแล้วรึเปล่า จริงๆก็หวงพี่แม้น ใส่ใจความรู้สึกพี่แม้น
อ่านแล้วเหมือนกำลังจะไปได้สวย แต่ก็ยีงแอบอึนๆ
รู้สึกเหมือนตัวเองจะกลายเป็นอิพี่แม้นละ อ่านแล้วเครียดแทน
คือ น้องนัทเวอร์ชั่นจำอดีตไม่ได้เหมือนจะรู้สึกไปในทางที่ดีกับพี่แม้น
แต่ถ้าน้องนัทเวอร์ชั่นจำความได้ จะเป็นยังไง??? หน่วงแทนพี่แม้น

แอบหวัง เพราะน้องนัทดูมีเหตุมีผลมาตลอด และนัทในอดีตที่เคยถูกทำร้ายก็ดูจะมีใจให้แม้นอยู่นิดหนึ่ง(รึเปล่า)
เลยหวังว่า ถ้าน้องฟื้นความทรงจำ ขอให้ไม่ทำอะไรรุนแรง อย่าทิ้งอิพี่แม้นไปเลย กลัวนางฆ่าตัวตาย
ใจหนึ่งอ่านไปก็อยากให้อิพี่แม้นเป็นคนสารภาพออกมาเลย อึดอัดแทน
อยู่ไปอย่างนี้แม้นจะฟิน จะหวาน จะดีใจ จะอะไรก็ได้ไม่สุด สงสารนาง T^T

พี่แม้นอุตส่าห์โชว์เท่ห์เอาตัวปกป้องน้องนัทแล้ว น้องนัทเห็นใจนางเหอะ
อินมากเรื่องนี้ แล้วจะรอตอนต่อนะคะ ขอบคุณทั้งคนแต่งและคนโพสเลยค่ะ :)

ออฟไลน์ Teddysdeath

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
อิพี่แม้นต้องเร่งทำคะแนนจิตพิสัยกลบความผิดอย่างหนักเลยสถานเดียวตอนนี้
เผื่อจะมีความดีไว้ถ่วงดุลตอนน้องจำได้ขึ้นมาบ้างนะ

ออฟไลน์ sweetbasil

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3
สนุกค่ะ อ่านตอนแรกนึกว่า นัทแกล้งความจำเสื่อม
เอาใจช่วยทั้งคู่เลย

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
จ้างคนรุมกระทืบไอ้เอแพ้พ ไอ้นี่ไม่จบ น้องนัทน่ารักของพี่แม้น
แค่เป็นห่วงพี่เขาก็ดีใจมากแล้ว พระเอกฉันเป็นคนมีปม

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
ขอบคุณ :)

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
แอบสงสารพี่แมนนะ :z3:

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
จะสงสารหรือจะอะไรดีล่ะ ทำกับน้องไว้เยอะ
ถือว่าสมควรละเนอะ เจ๊ากันไป
แต่ปมที่บ้านของแมน มันสุดๆเลยอ่ะ
ทั้งตาทั้งแม่ คือ ตาจะมาโทษหลานแบบนี้ มันไม่ใช่ว่ะ
ไม่ดูแลเอง จะมาโทษคนอื่นได้ยังไง

สู้ๆละกันเนอะพี่แมน น้องนัท

ออฟไลน์ Brow_Ney

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 162
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ตามมาอ่านจากกระทู้แนะนำค่ะ ชอบพระเอกแนวนี้  เลวแบบ ต้นร้ายปลายดี...รึป่าว 555 รอลุ้นกันต่อไป
ส่วนน้องนัทก็ดูฉลาด ทันคน ไม่ถึงกับอ่อนแอ น่าจะรับมือกับพี่แม้นศรีได้

ออฟไลน์ mini.tori

  • BOOM SHAKALAKA
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
 :mew2: :mew2: รอ เมื่อไหร่จะมาต่อ

ออฟไลน์ 045262638

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สนุกมากค่ะถ่ายทอดอารมรณ์ความรู้ได้ถึงขั้นดี ถ้าเต็ม10 ให้ 7 เพราะอะไร? ทำไมไม่ให้เต็ม 10เพราะยังทำให้เราร้องไห้ไม่ได้(อันนี้ก็แล้วแต่บุคคล) ได้แต่น้ำซึม อันนี้ให้ในความดราม่าเพราะเราชอบอาดราม่าเลยพอจะรู้ว่าอยู่ในระดับไหน ถ้าให้ในเรื่องของความสนุกแงคิด ที่ได้รับจากเรื่องแล้วให้เต็มค่ะ พี่ถ่ายทอดและสะท้องในเรื่องที่ไม่ค่อยมีใครที่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้อยู่จริง (ไม่ได้ว่าเรื่องแต่มาจากเรื่องจริงนะ เพียวแต่คิดว่าในชีวิตจริงต้องมีเรื่องแบบอยู่จริงๆ ไม่หนึ่งในแสนก็หนึ่งในล้าน) เคยอ่านแนวนี้แต่น้อยมากที่นักเขียนจะยิบยกขึ้นมา ได้อ่านเรื่องนี้บอกเลยว่าครบทุกรสค่ะ แต่งแปลกไปจากผู้เขียนท่านอื่นมันเหมือนได้เปลี่ยนบรรยากาศจากแนวอื่นมาเป็นแนวนี้ ยังไง? ก็ตรงที่ผู็เขียนทำให้เราสงสาร "แมน" ได้ เรื่องอื่นที่เคยอ่านน้อยเรื่องที่จะให้ผู้อ่านโน้มนาวไปเชียร์ผู้ที่กระทำความผิด สุดท้ายนี้ชอบมากๆๆ รักเต็มๆเลยเรื่องนี้ สู้ๆๆกับงานเขียนต่อไปนะค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด