"Can I...?" (แคน ไอ...?) Special Part [06.07.15] P.19
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: "Can I...?" (แคน ไอ...?) Special Part [06.07.15] P.19  (อ่าน 249330 ครั้ง)

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอน 32 [3Jan2015]
«ตอบ #420 เมื่อ03-01-2015 21:44:20 »

ปวดตับรอเลยทีเดียว 

ออฟไลน์ NIMME

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอน 32 [3Jan2015]
«ตอบ #421 เมื่อ03-01-2015 22:01:16 »

น้องหายไปไหน อย่าบอกนะว่าจำได้แล้วววว

ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
สวัสดีค่าาา าาาา ^0^

 เมื่อน้ำต้มสุกแล้ว ก็ใส่เส้นมาม่าลงไป
วันนี้ง่วงมาก เพิ่งออกจากห้องประชุมก็มาจัดการตอนต่อเลย พรุ่งนี้มีประชุมต่ออีก ป๋ม..อยากเอาหัวปักหมอนแล้ว
ดังนั้น ขอโพสต์ที่เพจอย่างเดียวนะ.. ไม่โพสต์ที่เล้าละ หมดแรง..
มีเพื่อนชวนเพื่อน มีญาติชวนญาติ อัญเชิญมาอ่านกันที่นี่นะคะ
ขอแปะแล้วไปสลบละ ขอให้อร่อยกับมาม่ารสต้มยำ
(จริงๆคือ โพสต์แล้วชิ่ง)
-----------------------------------------------

มกรชะเง้อหาณัฐวีร์ แต่ก็ไม่เห็นว่าเด็กหนุ่มจะอยู่ที่ใดในบริเวณนั้น
"หรือจะไปรอที่รถ?" เขาคาดเดาพลางเดินอย่างเร่งร้อนไปยังที่จอดรถ แต่ยิ่งเข้าไปใกล้ก็ยิ่งใจไม่ดี เพราะตรงรถก็ไม่เห็นเงาใครอยู่เลยสักคน
กระทั่งไปถึงก็เป็นจริงดังที่กลัว.. ณัฐวีร์ไม่ได้อยู่ที่นั่น
"นัท..ไปไหนเนี่ย"
มกรใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาหันรีหันขวางแล้วล้วงกระเป๋าหยิบมือถือทำท่าจะโทรหาน้อง แต่ก็นึกได้ว่าณัฐวีร์ไม่มีมือถือ จะโทรเข้าบ้านน้องก็ไม่ได้ เพิ่งห่างกันแค่ห้านาทีน้องยังไม่ไปไหนไกลแน่ๆ
เขาคิดอย่างละล้าละลัง บางทีณัฐวีร์อาจจะโกรธเรื่องเมื่อคืน เกลียดที่เขาทำรุนแรง และไม่ชอบที่เขากอดจนตัดสินใจหนีเขาไป เหมือนครั้งแรกที่เจอกัน ณัฐวีร์ก็เคยเล่นละครหลอกเขามาแล้ว หลอกให้เขาเชื่อใจแล้วหนีเขาจนเขาฟิวส์ขาดทำร้ายน้อง
ชายหนุ่มกำหมัดแน่นเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น
หากแต่สติก็บอกเขาว่า เป็นไปไม่ได้ คราวนี้เขาไม่ได้หลอกณัฐวีร์เหมือนคราวนั้น เรื่องจะโดนหลอกกลับจนปล่อยให้อะไรๆเลยเถิดมาป่านนี้ แล้วคิดจะหนีไปดื้อๆก็คงไม่ใช่
แล้วน้องไปไหน? ถ้าไม่ได้หนีเขาแล้วไปไหน?
..บางทีณัฐวีร์อาจเบื่อที่จะรออยู่ข้างล่าง แล้วตามขึ้นไปบนห้องจนคลาดกันหรือเปล่า??
มกรว่าสิ่งที่คิดน่าจะเข้าทางมากที่สุด เพราะด้วยระยะเวลาหรือสถานการณ์ต่างๆ ..มันก็น่าจะเป็นเช่นนั้น
ชายหนุ่มจึงหมุนตัวคิดจะเดินไปที่ลิฟต์
ทว่า..เมื่อหันกลับมาเขาก็พบว่าตัวเองต้องเผชิญหน้ากับคนที่ไม่อยากเจออีกคนแล้ว
"ไง..ไอ้แมน.. ไม่เจอกันนานนี่"
คำร้องทักนั่นทำให้เลือดในกายเย็นเยียบ มกรตัวแข็งทื่อ แล้วค่อยๆรู้สึกถึงบางอย่างที่สะเทือนจากภายในตัวเขาเอง ผุดขึ้นทีละนิดๆ
มันเป็นความหวาดกลัวในอดีตที่ค่อยๆทะลักล้นมาจากก้นบึ้งของกรุความทรงจำ
เปล่า.. เขาไม่ได้กลัวคนตรงหน้า เขาไม่เคยกลัวการปะทะกับใครทั้งสิ้น แต่สิ่งที่เขากลัวก็คือ..ทุกครั้งที่เขาเห็นหน้าคนๆนี้ เขามักจะคิดถึงคนอีกสองคน..
...ลูกเกด..และ มะม่วง
"ทำหน้าแบบนั้นจำกูได้ล่ะสิ" คนพูดอัดบุหรี่เข้าปอดเฮือกใหญ่ๆแล้วพ่นควันลอยอ้อยอิ่งออกมาจากปาก "เสียดายที่กูยังไม่ทันได้ทำอะไรมึงก็หนีไปอเมริกาเสียก่อน ไงล่ะชีวิตหลายปีมานี่คงสบายดีใช่ไหมมึง.."
มกรกัดกรามแน่น.. "ถ้ามึงไม่มีอะไรก็หลบทางกู กูรีบ"
"มึงจะรีบไปไหนเล่า.." กรุง พี่ชายลูกเกด พ่นควันบุหรี่ออกมาจากปากอย่างยียวน "เรายังมีเรื่องต้องเคลียร์กันอีกไม่ใช่หรือไง"
"เราไม่มีอะไรต้องเคลียร์กันแล้วต่างหาก กูชดใช้ให้ทุกอย่างตามที่น้องมึง ครอบครัวมึงร้องขอแล้ว... หลีก!!" มกรเอ่ยเสียงดุแล้วก้าวผ่านอีกฝ่ายไปอย่างระแวดระวัง
"ทำไม.. มึงจะรีบไปทำธุระที่ไหนหรือไง..ไอ้ฆาตกร!"
ถ้อยคำนั้นทำให้มกรชะงักเท้า..ฆาตกร
"กูพูดจี้ใจดำสิถึงได้ชะงักไปแบบนั้น.. มึงฆ่าลูกตัวเองไม่พอ ยังฆ่าน้องสาวกูทั้งเป็นด้วย"
มกรหันขวับ จริงอยู่ว่าเมื่อก่อนนั้นเขาเคยยอมรับผิดตามที่ลูกเกดใส่ความ ตอนนั้นเธออาจจะกลัวความผิด จึงโยนทุกอย่างมาลงที่เขา เธอบอกว่าเขาผลักเธอตกลงมาจนแท้ง และไหนๆเขาก็เลวอยู่แล้วในสายตาของผู้ใหญ่ ไม่มีใครอยากฟังความ ได้แต่ส่ายหน้าใส่.. การจะแก้ตัวไปก็ไร้ประโยชน์เปล่า
อีกทั้งตอนนั้นเขาเพิ่งรู้เรื่องลูก เขาจึงไม่มีกระจิตกระใจจะต่อล้อต่อเถียง ได้แต่ปล่อยให้ทุกคนเข้าใจผิดว่าเขาเป็นผู้กระทำ.. มาตอนนี้..มกรกลับคิดจะพูดความจริงขึ้นมาเสียแล้ว
ความจริงที่เขาได้บอกกับณัฐวีร์ไปเมื่อคืนก่อนแล้วนั่นเอง
ชายหนุ่มอ้าปากจะพูดความจริง ทว่าก็ไม่ทันอีกฝ่ายที่สวนขึ้นมา "อย่างมึงอย่าหวังจะไปมีคนรักที่ไหนเลยไอ้สัตว์.. เดี๋ยวจะไปฆ่าเขาทั้งเป็นอีก"
มกรสะดุดกึก..มันหมายความว่ายังไง
คนรัก..งั้นหรือ?
หรือว่า...?!
"มึง..เอานัทไปไว้ไหน!"
กรุงหัวเราะขึ้นอย่างสะใจ "เอาไปไว้ในที่ๆห่างไกลจากฆาตกรอย่างมึงไง ปลอดภัยกว่าอยู่กับมึงเป็นร้อยเท่าพันเท่า"
"ไอ้สัตว์!!" ชายหนุ่มผวาเข้าหาแต่อีกฝ่ายฉากหลบแล้วส่งหมัดเข้ากระแทกท้องมกรเข้าอย่างจัง
ร่างสูงถึงกับเซถอยไปหลายก้าว และยังถูกตามมาต่อยเข้าที่โหนกแก้มจนร่างทรุดลงไปกับพื้น
"มึงอย่านึกว่ามีมือมีตีนคนเดียวไอ้แมน พ่อมึงใหญ่ แต่พ่อกูก็มีเงิน ที่มึงหายไปอย่านึกว่าพวกกูจะย่ำอยู่กับที่ รอให้พ่อแม่มึงเอาเงินเอาอำนาจมารังแกกัน ..อีกอย่าง อย่านึกว่ากูไม่รู้เรื่องราวเหี้ยห่าของมึง เพียงแต่มึงมันตกต่ำมากเกินกว่ากูจะต้องลดตัวลงไปสั่งสอน!..”
กรุงหัวเราะเย้ยหยัน “แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน มึงกำลังมีความสุข ก็อย่าได้คิดว่าความสุขจะอยู่กับมึงไปยืนยาว กูจะไม่ยอมให้มึงมีโอกาสได้อยู่อย่างสงบสุขหรอก น้องสาวกู..คนที่มึงฆ่าเขาทั้งเป็น  ผลักเขาตกบันไดลงมาจนแท้งลูก หลานกู คนที่มึงฆ่าทั้งที่มันยังไม่ลืมตาดูโลก!! กูจะให้มึงชดใช้ไปชั่วชีวิต!!" กรุงตะคอก เขาคว้าคอเสื้อมกรขึ้นมา หมัดที่กำแน่นเงื้อขึ้นสูง
"ถึงกูฆ่านั่นก็เมียกูลูกกู!! กูจะทำอะไรก็ได้!" มกรประชดกลับ
"ไอ้สารเลวเอ้ย! มึงมันไม่มีทางสำนึกความเลวที่มึงทำไว้หรอกไอ้แมน!" กรุงตะคอกดังแล้วผลักมกรจนกระแทกไปกับพื้น "กูไม่อยากจะทำร้ายมึงให้เสียมือ แค่นี้ก็เสนียดติดมือกูแล้ว.. มึงมันเสียแรงเกิดเป็นคนไอ้แมน หมามันยังรักลูกของมัน"
"ถึงกูจะเลวกว่าหมา ฆ่าได้กระทั่งลูกตัวเอง มันก็ชีวิตกู มึงไม่เกี่ยว!"
"ถ้านั่นไม่ใช่น้องในไส้กู กูก็ไม่อยากจะยุ่ง มึงจะเป็นยังไงกูก็ไม่สนใจ"
มกรขยับตัวลุกขึ้น อาการปวดระบมจากเมื่อวานที่ไปตะลุมบอนกับไอ้เอ มาวันนี้เจอเรื่องไม่คาดคิดกับไอ้กรุง เปรียบไม่ได้กับอาการเจ็บร้าวในอกเมื่อรู้ว่าณัฐวีร์อยู่ในมือของพวกมัน และยิ่งรู้สึกแทบคลั่งเมื่อเอ่ยถึงการตายของลูก..มะม่วง
ถึงพูดความจริงออกไปเขาก็ไม่ได้มะม่วงกลับมา.. ดังนั้น เขาจึงจะหาทางทุกวิธีให้ได้ณัฐวีร์.. ให้ได้แม่ของมะม่วงคืนมา!! ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม!
"นัทอยู่ที่ไหน.." มกรถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่ดวงตาแข็งกร้าว
"อยู่ในที่ๆมึงจะไม่มีวันเอื้อมถึงอีกต่อไป.." กรุงเองก็เอ่ยอย่างเยือกเย็นไม่แพ้กัน
"กูจะถามเป็นครั้งสุดท้าย..นัทอยู่ไหน!?! เมียกูอยู่ไหน!!"
ยังไม่ทันได้คำตอบมกรก็ผวาเข้าไปหากรุงเสียแล้ว เขากระหน่ำต่อยเข้าไปอย่างบ้าคลั่งชนิดเลือดเข้าตาและไม่ยั้งมือ แม้ฝ่ายนั้นจะฉากหลบและสวนคืนได้หลายหมัดแต่เหมือนว่าหมัดที่ต่อยโดนมกรจะเป็นหมัดไร้น้ำหนักสำหรับชายหนุ่ม ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เข้าเป้าไปยังท้องหรือแก้ม มกรจะหันมาหาและเดินเข้าใส่ด้วยดวงตาลุกวาว และพุ่งทั้งหมัดและเท้าเข้าหากรุงไม่ยั้ง จนกระทั่ง...
"อั่ก!"
กรุงร่วงลงไปกองกับพื้น โดยมีมกรคร่อมอยู่บนตัว มือที่เปื้อนเลือดกระชากเอาร่างของกรุงขึ้นมาแล้วเข่นเขี้ยวถาม
"กูมันเลวใช่ไหม.. กูมันไม่มีดีใช่หรือเปล่า!" มกรแสยะยิ้ม "ไอ้เหี้ย!.. มึงก็รู้นี่นาว่ากูฆ่าได้แม้แต่ลูกตัวเอง กูผลักน้องมึงที่กำลังท้องตกบันไดลงมาจนแท้ง.. เพราะน้องมึงมันโง่!! มาขวางไม่ให้กูไปเที่ยวกับผู้หญิงอื่น ก็สมควรที่จะโดนแบบนั้นแล้ว.. มานอนกับกูจนมีลูก แค่กูจะออกไปเที่ยวมีสิทธิ์อะไรมาห้ามกู! กูไม่ฆ่าทั้งแม่ทั้งลูกก็บุญแล้ว.. กูจะบอกอะไรให้ไหม..กูเหี้ยได้ยิ่งกว่านั้นอีก.. ถ้ามึงไม่ส่งเมียกูออกมาตอนนี้.. กูจะกระทืบมึงให้ตาย แล้วตามล่าพวกของมึง ไปเรื่อยๆจนกว่าจะเจอเมียกู! และถ้ายังไม่เจออีก กูจะตามล้างไปถึงครอบครัวมึง น้องมึง กูจะไม่มีทางปล่อยมือ!! มึงก็รู้นี่ว่ากูเหี้ยได้มากขนาดไหน!.. ถ้ามึงยังฉลาดก็ส่งณัฐวีร์ออกมา!"
กรุงชะงักเมื่อได้ยินคำพูดประโยคนั้น ใบหน้าถอดสีแต่ก็ยังหัวเราะอย่างหยามเหยียด "กูบอกมึงแล้ว.. มึงจะไม่มีวันเอื้อมมือถึงเขาอีก"
มกรเค้นเสียงลอดไรฟันที่ขบกันแน่น "มึงอยากตายใช่ไหม!!"
"พ่อมึงใหญ่ ฆ่ากูอีกสักคนจะเป็นไร!!" กรุงเองก็ไม่ยอมถอยเช่นกัน
"มึง..รนหาที่ตายเองนะไอ้สัตว์!!" มกรเงื้อหมัดขึ้นสูงกระแทกเข้าไปที่เบ้าตาของอีกฝ่ายจนเลือดทะลักติดมือ แม้ว่ากรุงจะยกมือขึ้นตั้งรับไว้ แต่มือนั้นก็ไร้แรงเกินจะป้องกันตัวเองได้ พอหมัดที่สองกระซวกตามลงมา กรุงก็เลือดท่วมจมูกและปาก
"เฮ้ยๆ.."
เสียงร้องนั้นทำให้หมัดที่สามชะงักไป มกรเงยหน้าขึ้นจากร่างที่แทบจะไร้แรงต่อต้าน แล้วจึงพบว่าศัตรูอีกหนึ่งของเขาหยุดยืนอยู่ไม่ไกลนัก
"พอได้แล้วไหมไอ้แมน..เดี๋ยวได้ตายกันพอดีหรอก.." เสียงห้ามนั้นดูเหมือนจะไม่จริงจังนัก แถมยังปนเสียงหัวเราะเข้ามาอีกด้วย เหมือนจะบอกว่า ..กูไม่ได้ห่วงว่ามึงจะติดคุกหรือถูกลงโทษหรอก.. กูแค่ห่วงว่ากูจะไม่ได้สนุกเหมือนตอนนี้อีก ไม่อยากให้มึงเข้าคุก เพราะกูอยากทรมานมึงเองมากกว่าจะส่งมึงให้ใครไปทรมานเล่น..
มีร้อยเอาบาทเดียว.. คนอย่างไอ้เอ.. ไม่เคยคิดดีคิดห่วงไอ้แมนหรอก
มกรลุกจากร่างที่นอนไร้ทางสู้แล้วถอยออกไปตั้งหลัก ยิ่งเห็นไอ้เอเดินเข้ามาแบบนี้เขายิ่งต้องระวังตัวมากขึ้น.. ถ้าพวกมันสองคนจับมือกัน.. นี่เท่ากับเขาจะเจอศึกสองด้านตีกระหนาบและอาจหาณัฐวีร์ได้ยากขึ้น
ทางไอ้กรุง เขาพอจะรู้ว่ามันไม่ใช่อันธพาล เกเร มันแค่รักครอบครัว หวงน้อง แต่ไอ้เหี้ยเอนี่สารเลวตัวจริง.. มันเล่นหมด ผู้หญิง อาวุธ และยา.. แถมพ่อมันก็ไม่ใช่ย่อย มีอำนาจพอตัว แม้ว่าตอนนี้การเมืองจะเปลี่ยนหัวเปลี่ยนขั้วไปบ้างแล้ว แต่เส้นสายทางพ่อมันก็ยังมี บุญเก่ามันยังเยอะ ดังนั้นเมื่อคนหนึ่งมีเงินและความแค้น อีกคนมีอำนาจและความเลวระยำ เมื่อมาพ่วงรวมกันมกรจึงเหมือนหมาจนตรอก
แต่แล้ว.. ก็ยังเหมือนจะมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์อยู่บ้าง
เพราะดูเหมือนไอ้เอจะมาคนเดียว ไม่ได้พาลูกน้องมาด้วย แล้วก็ไม่มีอาวุธมาแต่อย่างใด
มันเดินเข้าไปประคองร่างที่นอนอยู่กับพื้นขึ้นมาแล้วดูสภาพอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม "อะไรวะ.. หมดท่าเลยไอ้กรุง ก็บอกแล้วให้กูพาคนมาช่วยตั้งแต่แรกก็ไม่เอา"
มันส่ายหน้าทำท่าเหมือนจะระอาหน่อยๆ กรุงเหลือบตาที่บวมปิดขึ้นมองแล้วยอมให้อีกฝ่ายพยุงตัวเองจะเดินไปที่รถ
"พวกมึง!! แล้วเมียกูอยู่ไหน!" มกรยังไม่ละความพยายาม เขาวิ่งไปกระชากไหล่ไอ้เอให้หันกลับมา
"มึงไม่ได้ยินที่ไอ้กรุงมันบอกหรือไง.. เขาอยู่ในที่ๆมึงเอื้อมไปไม่ถึงแน่" แล้วไอ้เอก็กระตุกไหล่ออกจากมือแข็งที่บีบไหล่แน่น พลางใช้สายตาแลเลยไปด้านหลังของมกร
เงาร่างหนึ่ง..ยืนอยู่ตรงนั้น
มกรหันไปตามสายตาของไอ้เอจึงได้เห็นว่าณัฐวีร์ยืนอยู่หลังเสาไม่ห่างจากรถที่จอดอยู่เท่าไรนัก
“นัท!!..”
มกรร้องเรียกชื่ออย่างรู้สึกโล่งใจ เกินเอื้อมอะไรกัน ณัฐวีร์ก็อยู่ตรงนี้นี่ไง
ชายหนุ่มยิ้มพร้อมกับก้าวออกไปหาร่างนั้น เขายกมือขึ้นซับเลือดออกจากมุมปากและหางคิ้ว เสื้อยืดที่ใส่ดูมอมไปหน่อยชายหนุ่มจึงปัดๆขณะเดินเข้าไปหาน้อง มือที่เลอะเลือดก็เช็ดกับกางเกงเสีย.. กลัวว่ามันจะเลอะไปที่เสื้อผ้า ที่เนื้อตัวน้อง
“ไม่ต้องห่วงนะนัท พี่ไม่ได้เจ็บอะไรมาก เมื่อกี้แค่อันธพาลมันมาหาเรื่องน่ะ พี่ไล่มันไปแล้ว”
“คนนั้น... พี่ชายของคุณลูกเกด ส่วนอีกคนชื่อเอสินะ..”
ริมฝีปากสั่นเทาของณัฐวีร์เอ่ยทักขึ้น ทำให้คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันทันที
“นัท..รู้ได้ยังไง?”
คนถามเดินเข้ามาใกล้ในระยะเอื้อมถึงกัน ดวงตาของณัฐวีร์ที่เหลือบขึ้นมามองทำให้มกรใจหายวาบ
มันคือดวงตาที่แดงก่ำฉายชัดความเกลียดชัง ไม่เหลือร่องรอยรักเหมือนเมื่อสิบนาทีก่อนอีกแล้ว
“จะ..จำได้แล้วหรือนัท?”
คนถูกถามส่ายหน้าริมฝีปากนั้นยิ่งสั่นเทา “..ผมไม่คิดว่า...พี่มันจะเลวจนกู่ไม่กลับขนาดนี้!”
แล้วแขนที่กอดอกอยู่ก็ตวัดซัดหลังมือเข้าที่โหนกแก้มของมกรจนใบหน้าคมคายสะบัดไปตามแรงมือ
ดวงตาคมฉายความสับสนแลกลับมามองหน้าณัฐวีร์..อย่างสงสัย
นี่มัน...เกิดอะไรขึ้น?
เขาโดน..ตบ.. โดนณัฐวีร์ตบงั้นหรือ?
ทำไม?
"..ฆาตกร" ณัฐวีร์พึมพำออกมาแผ่วเบา ทำให้คนฟังใบหน้าถอดสี
ณัฐวีร์ได้ยินสิ่งที่เขาพูด..ทั้งหมด ...
แล้วถ้อยคำหนึ่งก็แล่นเข้ามาในความทรงจำของมกร
---- สัญญามาได้ไหมครับ..สัญญาจะไม่โกหกนัท
---- ได้..พี่สัญญา
คำกระซิบเมื่อคืนนี้ก่อนจะผล็อยหลับไปดังสะท้าน
---- มึงก็รู้นี่นาว่ากูฆ่าได้แม้แต่ลูกตัวเอง กูผลักน้องมึงที่กำลังท้องตกบันไดลงมาจนแท้ง.. เพราะน้องมึงมันโง่ มาขวางไม่ให้กูไปเที่ยวกับผู้หญิงอื่น ก็สมควรที่จะโดนแบบนั้นแล้ว..
มกรคิดถึงตอนนั้นแล้วก็ส่ายหน้า..ไม่ใช่.. ไม่ใช่นะนัท
พี่ไม่ได้ทำ ไม่ได้ผลักเขาตกลงมา ที่เคยเล่าให้นัทฟังเมื่อวานคือความจริง เขากระโดดลงมาเอง.. กระโดดลงมาเอง!
เขาโมโหไอ้กรุง มันเอาตัวณัฐวีร์ไป เลยแค่รับสมอ้างเหมือนเมื่อก่อน เพื่ออยากจะข่มขู่มันเท่านั้น เมื่อก่อนที่เขาไม่ได้ปฏิเสธคำกล่าวหา ก็เพราะเขาอยากจะประชดทุกคน ในเมื่อมองว่าเขาเลว เขาก็ยอมรับว่าเลวเองก็ได้
แต่..ในความเป็นจริง เขาไม่ได้ผลัก ต่อให้มีประวัติชกต่อยบู๊ไปทั่วแต่เขาไม่เคยทำร้ายผู้หญิงสักครั้ง
"นัท.." มกรยื่นมือสั่นๆออกไปหา.. แต่ก็จริงดังที่ไอ้สองคนนั้นว่า น้องอยู่ในที่ๆเขาเอื้อมไปไม่ถึงเสียแล้ว ณัฐวีร์ปัดมือเขาทิ้งทำให้มกรต้องรีบบอก "ฟังพี่ก่อน พี่..."
"จำได้งั้นหรือ.." ณัฐวีร์ระเบิดเสียงขัดออกมาเพื่อตอบคำถามของมกร
---- จำได้แล้วหรือนัท?
เด็กหนุ่มยกปลายนิ้วชี้เคาะไปที่ศีรษะของตัวเอง "ให้ผมลืมจริงๆได้ก็ดี จะได้ไม่ต้องจำ.. ไม่ต้องจำว่าเคยรู้จักคนไม่รักษาสัญญาอย่างนี้!! คนขี้โกหก.."
ความจริงแล้ว..ณัฐวีร์จำเรื่องราวทุกอย่างได้ดี
เมื่อสองปีก่อนที่ตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลเขาอาจจะเบลอด้วยฤทธิ์ยา หรืออาจจะความจำขาดหายไปจริงๆ แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ฟื้นความจำขึ้นมาได้เป็นปกติ ...ใช่ ..เขาจำได้.. แต่เลือกที่จะไม่จำ เลือกที่จะพยายามไม่จำ เพราะให้ใครๆเข้าใจว่าเขาไม่เหลือความทรงจำนั้นเสีย มันก็เท่ากับว่าเขาสามารถล้างไพ่ เริ่มใช้ชีวิตใหม่ได้โดยไม่ต้องไปแก้ไขอดีต
จะว่าเขาหนีความจริงก็ได้ แต่เขาไม่เห็นทางอื่นที่จะคลายปมปัญหา..นอกจากตัดมันทิ้ง
ตรงไหนที่เป็นปมก็ตัดทิ้งไปเลย จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาแก้
ใครๆพยายามหลีกเลี่ยงการพูดคุยกับเขาเรื่องอุบัติเหตุ แต่เขาจำได้ดีว่าอุบัติเหตุนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร
ทุกครั้งที่เห็นแชร์อยู่ที่ร้าน เขาจะรู้สึกเกลียดขี้หน้าจนไม่อยากคุยด้วย มีแต่คนสงสัยว่าทำไม ทั้งที่แชร์ก็ช่วยดูแลเขาเป็นอย่างดี.. เหตุผลก็เพราะเขาจำได้...
---- พี่จะไม่ปล่อยให้ผมถูกเขาทำร้ายอีกนะ
---- ไม่ ..ไม่ สัญญา
---- พี่สัญญานะ..
---- สัญญาสิ..
แต่แล้วคำสัญญาก็ถูกฉีกทิ้งด้วยประโยคเดียว
---- ดีเลยไอ้แชร์ มึงจับตัวมันไว้
---- ทำไมพี่ทำกับผมแบบนี้
เหตุการณ์ก่อนเกิดอุบัติเหตุ.. เขาจำได้ดี แม้หลังจากนั้นแชร์จะพยายามเสนอการอำนวยความสะดวกแค่ไหน อยากดูแลเขาแค่ไหน เขาก็ไม่ต้องการ เขายังยึดติดภาพสุดท้ายคำพูดสุดท้ายของผู้ชายคนนั้นอยู่เลย
สำหรับมกร ความเจ็บปวดที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้ มันฝังแน่นติดอยู่ในความทรงจำ.. จนไม่อาจสลัดมันทิ้งไปได้ ได้แค่แกล้งลืม แกล้งไม่คิดถึงมัน
..แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนลึกในจิตใจนี้..เขายึดติดและคิดถึงคนคนนี้อยู่ตลอดเวลา คิดถึงว่าทำไมต้องเป็นเขา ทำไมเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นกับเขา ทำไม...
ทว่า..ในความทรงจำของเขาไม่ได้มีเพียงความเจ็บปวดเท่านั้น.. เรื่องราวระหว่างกัน เรื่องที่เขาเคยรู้สึกดีๆกับอีกฝ่าย..มันก็ยังอยู่ในความทรงจำด้วย.. ทุกครั้งที่คิดถึงมัน เขาก็ได้แต่เจ็บปวดและเฝ้าถามตัวเองว่าทำไม.. ทำไมต้องชอบคนคนนี้.. ทำไมต้องติดอยู่ในความทรงจำดีๆบางอย่างแบบนี้
รูปคู่นั่น รอยยิ้มนั่น..อ้อมกอดนั่น.. ทำไม..
ครั้นเมื่อต้องมาพบเจอกันอีกครั้ง เขาวางตัวเองให้อยู่ห่างจากผู้ชายคนนี้ บอกกับตัวเองว่าให้ระวังทุกการกระทำของผู้ชายคนนี้..แต่..เขากลับลืมเตือนตัวเอง..ลืมเตือนหัวใจตัวเอง
แล้วก็ได้พบว่าผู้ชายที่ติดแน่นอยู่ในความทรงจำ คนที่เขาทั้งรักและทั้งเกลียด.. ต่างออกไปจากเดิม ..คนอีกคนอยู่ในตัวผู้ชายคนนี้ คนที่น่าสงสาร คนที่อ่อนโยน คนที่แสนดี.. คนที่จะดูแลเขาได้
เขาเคยถามตัวเองว่านี่คือสิ่งหลอกลวงที่อีกฝ่ายทำให้เขาตายใจหรือไม่
คิดอยู่นาน... แต่เพราะคำถามสุดท้ายทำให้เขาหยุดคิดเรื่องนี้..คำถามนั้นคือ แล้วมกรจะหลอกให้เขาตายใจทำไม?
ถ้าต้องการเอาชนะเขา เพื่อให้ได้ร่างกายนี้.. มกรยังมีตัวเลือกอีกมากมาย เพราะมกรทั้งรวยและหน้าตาดี บุคลิกไม่แย่ ด้านรูปร่างไม่มีอะไรให้ต้องตั้งแง่รังเกียจ ด้านสังคมไม่มีอะไรให้เดียดฉันท์ สาวๆหรือแม้กระทั่งหนุ่มอื่นที่ดีกว่าเขาสามารถเป็นคู่ให้มกรได้สบาย ไม่ว่าจะคู่รัก หรือคู่นอน ไม่จำเป็นต้องมาเลือกและวางเป้าหมายไว้ที่เขาเลย ไม่จำเป็นต้องมาทำดีกับเขา เพื่อให้เขายังวนเวียนอยู่ในชีวิตเลย
ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องหลอกให้เขาตายใจ ทำดีให้เขายังอยู่ใกล้เพื่อตลบหลัง
พอหาเหตุผลได้แบบนั้นก็เบาใจไประดับหนึ่ง กระนั้น.. เพื่อความแน่ใจเขาจึงขอคำสัญญา เมื่อวานนี้เองที่เขายอมตกลงแลกคำสัญญาว่าจะไม่โกหกกัน..กับหัวใจของเขา..
---- พี่สัญญา..
---- อย่าลืมนะ สัญญาแล้วว่าจะไม่โกหกกัน
คำกระซิบนั้นเป็นเพียงลมปากของมกรหรือไร
แล้วคำของเขาที่กระซิบตอบไว้ล่ะ.. มันไม่มีความหมายเลยหรือไง?
ณัฐวีร์สะอื้นจนตัวโยน ..ทำไมต้องทำร้ายกันแบบนี้..น้ำตาร่วงลงรินอาบแก้ม ดวงตาเจ็บปวดของณัฐวีร์มองไปยังดวงตาของชายหนุ่มที่แฝงไว้ด้วยความหวาดกลัวไม่แพ้กัน.. แล้วร่างที่สั่นเทาก็ค่อยๆก้าวถอย
“นัท..?”
มือที่ยื่นมาทำท่าคว้าแต่ไม่ทันเสียแล้ว ณัฐวีร์กลับหลังหันวิ่งหนีออกมาจากที่นั้น
ปื้น!!
เสียงแตรรถบีบดังสนั่นมาพร้อมกับเสียงห้ามล้อ ภาพของรถยนต์ที่กำลังจะพุ่งเข้าชนณัฐวีร์ทำให้ความทรงจำเมื่อครั้งอุบัติเหตุที่เชียงใหม่วนกลับมาอีกครั้ง
“นัท!!”
ไม่มีอาการรั้งรอ ..มกรวิ่งเข้าไปหาร่างที่กำลังตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกแล้วคว้าเอาร่างนั้นมากอดไว้แนบอกรอการปะทะที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่เดชะบุญเหลือเกินที่รถคันนั้นวิ่งอยู่ในลานจอดรถทำให้ไม่ได้ใช้ความเร็วมากจึงได้เบรคทันก่อนจะชนเข้ากับคนทั้งคู่
เสียงสะอื้นของคนในอ้อมแขนทำให้มกรรีบดันร่างนั้นออกเพื่อดูว่าอีกฝ่ายมีส่วนไหนเจ็บปวดหรือไม่
“นัท..นัท ไม่เป็นไร.. ไม่เป็นไรแล้วนะ” มืออุ่นลูบหลังลูบไหล่ให้ เขาประคองน้องให้หลบเข้าข้างทางเพื่อให้รถเคลื่อนผ่านไป
แต่ก็เหมือนผีห่าซาตานที่รอซ้ำเติมคนตกอับ.. กระจกรถเลื่อนลงพร้อมกับใบหน้าเยาะหยันโผล่ออกมา
"มึงกอดเขาได้แต่ตัวหรือเปล่าไอ้แมน..."
เสียงหัวเราะดังลั่นแล้วรถที่ไอ้เอเป็นคนขับก็แล่นผ่านไป
มกรมองท้ายรถคันนั้นอย่างเดือดดาล แต่ร่างในอ้อมแขนที่ยังสั่นเทาและสะอื้นไห้ทำให้เขาไม่สามารถทิ้งเด็กหนุ่มไปได้
“นัท..ไม่เป็นไรแล้ว” มกรพยายามปลอบหากแต่อีกฝ่ายก็ยังคงร้องไห้ไม่หยุด “ชู่ นัทไม่เป็นไรแล้วนะ..รถมันไปแล้ว"
ณัฐวีร์เสียขวัญสะอื้นจนตัวโยน และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดร้องไห้ได้ง่ายๆ เขาเบี่ยงตัวออกจากอ้อมแขนมกร ใช้มือปิดหน้าตัวเองแต่ก็ยังสะอื้นฮักและตัวสั่นไม่หยุด
เหตุการณ์นี้ทำให้เขานึกถึงภาพความเลวร้ายขึ้นมาอีก..
ไม่ไหวแล้ว ไม่ทนแล้ว!!
มกรทำอะไรไม่ถูก เขาพยายามตามลูบหลังน้อง ก้มลงมองใบหน้าณัฐวีร์ที่เบี่ยงหลบสายตา ทำท่าจะกอดและประคองร่างนั้นให้ไปที่รถ แต่ณัฐวีร์ไม่ให้ความร่วมมืออะไรสักอย่าง เด็กหนุ่มพยุงตัวลุกขึ้นยืนทั้งที่ขายังสั่นเทา ใบหน้านั้นแดงก่ำและเปรอะเปื้อนน้ำตา ทั้งยังจะพาตัวเองตรงไปยังลิฟต์ของคอนโดอีกด้วย
เพราะณัฐวีร์ตั้งใจจะเรียกรถแท็กซี่กลับบ้านเอง..จึงพยายามหนีมือที่ประคองร่างอยู่ไม่ห่างนั่น
ส่วนมกรก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว ยิ่งเห็นใบหน้าจริงจัง เสียใจอย่างสุดบรรยายของน้อง มกรยิ่งเสียใจมากกว่า เขาเคยสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะไม่ทำให้น้องร้องไห้ จะไม่ทำให้ณัฐวีร์ต้องเสียใจกับการกระทำของเขาอีก
แล้ววันนี้.. วันนี้คือวันโลกแตกหรือยังไง!!
มกรสบถใส่ตัวเองอย่างหมดท่า
"นัทจะตีพี่ จะตบพี่อีกก็ได้ แต่อย่าร้องไห้เลย พี่ขอร้อง... ได้โปรดเถอะนัท.. ขอโทษด้วย" ทั้งที่ไม่รู้ว่าตัวเองผิดอะไร แต่มกรก็ยังเอ่ยขอโทษ.. ถ้าจะทำให้น้องรู้สึกดีขึ้น เขายินดีทำ "พี่ขอโทษ..ที่รัก”
เสียงห้าวลึกขาดหายไป มันกลายเป็นก้อนสะอื้นก้อนโตที่ประดังขึ้นมาจนมกรแสบจมูก ภาพของณัฐวีร์พร่ามัวเพราะน้ำตาที่รื้นอยู่ที่ขอบตา มืออุ่นจนร้อนจับเอามือเล็กกว่าขึ้นมาและตีเข้าที่หน้าตัวเอง
“ตีพี่อีกก็ได้..แต่อย่าไป.. อย่าหนีพี่ไปแบบนี้ ตรงนี้..” มกรใช้กำปั้นตัวเอง ทุบเข้าที่อกข้างซ้ายของตัวเอง “ตรงนี้..มันเหมือนจะขาด มันจะหยุดเต้น ถ้านัทเป็นอะไรไปอีกครั้งพี่คงอยู่ไม่ได้..จะตีพี่ จะด่าพี่ จะทำอะไรกับพี่ก็ได้ แต่อย่าหนีพี่ไป อย่าทิ้งพี่..พี่ขอโทษ พี่ยอมทำทุกอย่าง.. ได้โปรด..”
มือของณัฐวีร์ถูกจับให้ตีที่แก้มของอีกฝ่ายอย่างเต็มแรง กระทั่งเขาพยายามยื้อไว้อีกฝ่ายถึงได้หยุดการกระทำนั้นลง มือเล็กนั่นเปื้อนเลือดที่ไหลออกมาจากหางคิ้ว แม้จะไม่ใช่เลือดที่เยอะมากมายนัก แต่ก็เป็นสีแดงจนเขาไม่กล้ามอง
“ปล่อย.. ปล่อย” ณัฐวีร์ดึงมือตนเองพร้อมร้องไปอย่างไร้เรี่ยวแรง เท้าของเขาก้าวถอยแต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมปล่อยตามคำบอก
“นัท..พี่ขอร้อง” มกรทรุดเข่าลงกับพื้นแทบเท้าของณัฐวีร์ เขายอมปล่อยข้อมืออีกฝ่ายแต่ก็ปล่อยเพื่อโอบแขนรั้งไว้ทั้งร่าง เอวบางถูกกอดไว้แน่น ใบหน้าที่เปื้อนเลือดและน้ำตาซบอยู่กับช่วงท้องของณัฐวีร์ “อย่าไป.. อย่าไปไหนเลย”
ณัฐวีร์สะอื้นฮัก.. เขาทุบไปบนไหล่ของมกรเพื่อหวังจะให้อีกฝ่ายปล่อยตัว แต่จนเจ็บมือไปหมดมกรก็ยังไม่คลายแขน
เด็กหนุ่มร้องไห้ เปลี่ยนจากทุบมาใช้ปลายเล็บจิกไปที่หลังที่ไหล่ที่ต้นแขน อีกฝ่ายก็ได้แต่ร้องว่า..ขอโทษ ขอร้อง..และอย่าทิ้งพี่ไป
เป็นนานกว่าณัฐวีร์จะยอมหยุดมือ..
อีกนานกว่าเด็กหนุ่มจะยกฝ่ามือนั้นเช็ดน้ำตาที่ใบหน้า แล้วเรียกผู้ชายที่พยายามเหนี่ยวรั้งเขาไว้อย่างสุดชีวิตขึ้นจากท่านั้น
“ลุกขึ้น..อย่ามานั่งอยู่แบบนี้..” ณัฐวีร์เบือนหน้าออกจากร่างที่ยังคงทรุดอยู่กับพื้น “ผมอยากกลับบ้าน”
“ได้ๆ เราไปคุยกันที่บ้านนะ” มกรรีบลุกขึ้นทันที




tbc.

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
แต่ละตอนเล่นเอาจุกตลอดคงจะมีแต่ตอนที่แล้วละมั้งที่ปกติและหวานสุดแล้ว

ออฟไลน์ PoPuAr

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
เศร้า หดหู่รันทด หม่นหมอง

โอ๊ย อยากจะร้องไห้ ทำไมมันน่าเห็นใจกันถึงเพียงนี้

น้องนัทเข้าใจพี่แมนผิดนะลูก ให้โอกาสพี่เขาอธิบายสิ

ต้องเชื่อมั่นในตัวพี่เขาสิ อย่าทิ้งพี่แมนไปเลยนะ. พี่เขาอยู่ไม่ได้จริงๆถ้าไม่มีนัท

หวังว่าตอนจบจะแฮปปี้นะคะ งั้นหนังสือไม่ซื้อนะ ขู่ไว้ก่อน

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
คุยกันก่อนนะ  โหยยย ... ไม่รู้จะสงสารใครเลยทีเดียว

ออฟไลน์ NIMME

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
เศร้า

ออฟไลน์ TR

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
กินมาม่าตั้งแต่ต้นปีเลยทีเดียว
น้องนัท ใจเย็นก่อน เชื่อพี่แม้นเถอะนะ พี่มันแค่ปากมอมประชดไปเรื่อย
พี่แมันไม่ได้โกหกนัทนะ ดูที่การกระทำทุกวันนี้สิ อย่าไปฟังคำพูด อย่าไปเทียบกับเรื่องอดีต
ไม่อยากให้มาม่านานเลย สงสารพี่แมัน T^T
นังลูกเกดคะ โผล่มาแค่ชื่อก็อยากตบนาง
กระโดดก็กระโดดลงมาเอง แต่ไปบอกชาวบ้านว่าพี่แม้นผลัก
นางรู้ไหมว่าพี่ตัวเองมาล้างแค้นพี่แม้นเพราะคิดว่าพี่แมันผลักนาง?!!!
โอ้ยยยย ค้างคา รอตอนต่ออยู่นะคะ ;)

ออฟไลน์ murasakisama

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-4
 :ling3: หมอห้ามกินมาม่าอะเพ่ แวบมาแปะ เดี๋ยวมาอ่านทีหลัง :z3:

ออฟไลน์ Buppha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
    • https://m.facebook.com/buppha.manisaeng?refid=13
 :hao5: ทำไมถึงทำกับฉันได้ยยยยย มันทรมาน ฮืออออออ  :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ycrazy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ wi_OoO_wi

  • payaaa payaaa padazz taa
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-1
ขอไอคิวกระป๋องให้พี่แม้นหน่อยค่ะ เเหมม แหมมม ตกหลุมง๊ายยยยยยยง่าย นัทอย่าไปเอามันลูก ง่าวไป แม่ไม่ปลื้ม :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ สายลมที่หวังดี

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 508
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
ให้คนอ่านกินมาม่าอีกแล้วววว ไม่รู้จะสงสารใครดี  เพราะความเจ็บในครั้งก่อนยิ่งมาเจอครั้งนี้แก้ตัวยังไงก็ไม่เชื่อ เข้าใจกันเร็วน้า :hao5:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Thelalitasai

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
แงงงงง มาม่าท่าจะอืดดดดด
กำลังอิ่ม ไว้จะแวะมากินมาม่านะะะ  :sad4:
แงงงงงงงง แปะไว้ก่อน จะรีบมาอ่านน้าาา  :hao5:
ขอบคุณมากค้าา

ออฟไลน์ Teddysdeath

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
 :ling1: เครียดดดดดดดด

ออฟไลน์ jing_sng

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 761
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
สนุกมากค่ะ ทุกคนทีเหตุผลของตัวเอง
พระเอกเลวเพราะครอบครัวเป็นแบบนั้น
มีเยอะนะในสังคมที่เป็นแบบนี้ ถึงแม้ครอบครัวไม่อบอุ่นจะไม่ใช่ข้ออ้าง แต่ปฎิเสธไม่ได้เลยนะ เด็กจะดีจะเลวอยู่ที่ครอบครัว

ออฟไลน์ ycrazy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
มารอแล้วนะะ
กลับมาย้อนอ่านอีกรอบก็เศร้า
 :hao5:
ใจเย็นๆนะนัท

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
โถ  แม้นศรีของป้า   ไม่แก้ตัวแทนแม้นศรีนะเพราะว่าแม้นทำไว้เยอะจริงๆ แค่อยากจะบอกว่าบางครั้งสิ่งเล็กๆน้อยๆที่คนส่วนใหญ่มองข้ามเช่นการตบไหล่ให้กำลังใจ  การเดินเข้าไปถามคนที่มีสีหน้าทุกข์ร้อนว่าคุณโอเคไหม? ของพวกนี้ช่วยคนได้เยอะเลยนะ เหมือนเป็นหยดน้ำเล็กๆน้อยๆให้กับผึนดินที่แห้งผากให้มีกำลังใจต่อไป  ของพวกนี้เป็นสิ่งที่แม้นไม่เคยได้รับ ต่อให้พ่อมีอำนาจชี้เป็นชี้ตาย แม่มีเงินมากขนาดเผาเล่นได้ แต่ยังไงก็ช่วยไม่ได้ถ้าในใจของแม้นมันแห้งจากคำว่าน้ำใจ ความรัก ความดี ความสามารถในการแยกแยะว่าสิ่งไหนผิดสิ่งไหนถูก

แม้นไม่บอกข้อเท็จจริงเพราะว่ามันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว แม้นไม่ได้แคร์ว่าคนอื่นจะคิดกับตัวเองว่าอย่างไร ที่สำคัญที่สุดก็แค่คนที่ตนรัก   อ่านๆไปบางทีก็รู้สึกว่าการมีชีวิตอยู่ของแม้นนี่เป็นการทรมาณจริงๆ  ถ้าหากว่าเสียคนที่รักไปแม้นจะอยู่ได้เหรอ? สงสัยต้องตายแล้วเกิดใหม่กระมังถึงจะล้างบาปได้  คนที่สมควรลืมหรือความจำเสื่อมที่จริงควรจะเป็นแม้นนะ ไม่ได้เกลียดแม้นมากขนาดนั้นหรอกแต่สงสาร สงสารทุกคนในเรื่องเพราะว่าพัวพันเป็นวัวพันหลักจากการกระทำของคนนั้นคนนี้

ขอให้หาทางออกที่ดีให่กับทุกคนด้วยเถอะค่ะ  โดยเฉพาะแม้นที่เราเห็นเป็นเด็กที่เจ็บในวิญญาณมากๆ  ขอบคุณมากค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-01-2015 03:13:07 โดย Kano Jou »

ออฟไลน์ 045262638

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
โอ๊ยยยไรต์หายยย มาต่อเหอะๆๆ รออ่านนน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ SimpleZ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
รออ่านต่อนะคะะะ
 แหม เราม่าซะบ่อยอืดจนแน่นท้องไปหมดละ หวานแปปๆกำลัจะน่ารักก็เอาอีก 5555
สู้ๆนะคะ่ :hao7:

ออฟไลน์ ioohja

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0

ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
คืออ่านตอนนี้จบ แมนลองฆ่าตัวตายดีมะ ตาย ๆ ไปซะดีไหม คือ คิดเชี่ยมากอะ ยอมรับ แต่การเป็นแมนมันเหนื่อยจัง ทำไรก็ผิด พูดอะไรก็ไม่มีคนเชื่อ แม้แต่คนที่รักยังไใฟังเลย ตายดีกว่าแมน ไหน ๆ พ่อแม่ ปู่ย่าตายายมก็ไม่ได้อยากจะให้เกิด ตายตอนนี้อย่างน้อยก็ได้ตอบแทนบุญคุณแม่เขาละมั้ง เผื่อใครมันจะได้ฉุกคิดได้บ้าง  ทำไมทุกคนต้องมองแม้นศรีเลวด้วยอะ คนเลวไม่มีสิทธิ์กลับตัวหรอ คือที่บ่นมา เหนื่อยแทนพี่แมน เอาเถอะนัท จะไม่ฟีงก็ได้มั้งเหตุผล ทั้งที่ ตัวเองเป็นคนฉลาดจะตาย ลองคิดดูดีดีดิ

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
ไอ้กรุงก็บ้านะ คือแบบเข้าใจว่ารักน้อง โกรธแทนน้อง แต่ชีวิตก็ต้องไปต่อปะวะ? มึงยังจะตามมาย้ำเพื่ออะไร ไม่ได้อะไรเลย

นัทนี้แบบล้ำดี แอ๊บลืมล้าไผ่ได้ดีมาก แต่ก็นะมันยังผูกใจกันอยู่ มันก็เลยมีหลุดใจอ่อนเข้าใจกัน

แม้นศรีมาตอนหลังดีขึ้นเยอะ จิตเภทจะหายได้ถ้าผู้ป่วยยอมรับตัวเอง แต่ตอนล่าสุดนี้แบบว่า
บำบัดแล้ว กินยาแล้ว ยังโมโหอาละวาดได้ขนาดนี้ ถ้าไม่บำบัดละก็สงสารนัทจริงๆ

เรื่องนี้เป็นแนวพระเอกร้ายที่ต่างจากเรื่องอื่นมากๆ เรื่องอื่นปมพระเอกไม่ซับซ้อน ไม่น่าสงสารแบบนี้
และพระเอกแม่งไม่เคยคิดว่าตัเองผิด ไม่มีการพัฒนา แต่เรื่องนี้ไม่ใช่พระเอกผิด คิดได้ รักษา พยายาม
อ่านแล้วตอนแรกเกลียดพระเอกมาก แต่หลังก็เห็นใจ แต่ก็ยังกลัวเรื่องอารมณ์ตาแม้น ยังมีรุนแรงเป็นช่วงๆ

ตามลุ้นและเป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอน 34 อัพอัพ 01.02.2015
«ตอบ #444 เมื่อ01-02-2015 21:07:40 »

มาต่อแล้วค่ะ  :katai5:
=========

อากาศเมืองไทยในช่วงต้นเดือนเมษายน ใครๆก็คิดว่าร้อนจนไม่สามารถจะยืนอยู่กลางแดดได้เกินหนึ่งชั่วโมง.. ยิ่งบนถนนที่รถติดเป็นตังเม ควันจากท่อไอเสียและความร้อนจากเครื่องยนต์ด้วยแล้ว คนที่ทนอยู่บนถนนเมืองกรุงได้นี่ต้องสุดยอดจริงๆ ซึ่งคนที่สามารถเดินฝ่าแดดอยู่บนท้องถนนได้นั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น คนขายพวงมาลัยนั่นเอง
เธอเป็นหญิงผิวคล้ำแดดกร้านลมมีพวงมาลัยหลายสิบพวงอยู่ในมือ เดินลัดเลาะผ่านรถคันโน้นมายังรถคันนี้โดยไม่เร่งฝีเท้านัก เพราะก็รู้กันอยู่ว่าถ้าติดล่ะก็แยกนี้นาน.. ไม่มีทางไปได้เร็วๆแน่
ดังนั้นเมื่อเข้ามาใกล้รถหรูก็ยังไม่แตกตื่นรีบร้อน ได้แต่เดินผ่านช้าๆ

เธอไม่ได้หวังจะให้คนในรถเปิดกระจกมาซื้อ เพราะเธอรู้ว่ารถประเภทนี้ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของเธอ ไม่มีรถหรูในกรุงเทพคันใดเปิดกระจกมาซื้อพวงมาลัยบ่อยๆหรอก นอกจาคนใจดีที่ช่วยอุดหนุนเด็กตัวเล็กๆ ซึ่งเธอนั้นห่างกันคำว่าเด็กตัวเล็กๆไปมากโข
หญิงขายพวงมาลัยเดินมองหารถคันเป้าหมาย.. มันเป็นแท็กซี่ที่อีกไม่ไกลนักก็จะถึง แต่ที่ต้องสะดุดเพ่งมองเข้าไปในรถหรูที่ดำคันนั้น ก็เพราะชายที่นั่งตรงฝั่งคนขับ มีเลือดหยดจากหางคิ้วเป็นทาง เจ้าตัวดูเหมือนจะยกมือขึ้นเช็ดเลือด แต่อีกสักพักมันก็ไหลลงมาอีก พอปล่อยให้ไหล มันก็หยดแหมะลงมาเปื้อนที่อก พอยกมือขึ้นเช็ดมือก็เลอะ เล่นเอาป้ายหน้าจนแดงไปหมด

คนขายยังแลเลยไปที่นั่งด้านข้าง  มีผู้ชายอีกคนซึ่งผินหน้าหนีออกไปนอกรถ แถมยังหลับตาเสียด้วย เธอเมียงมอง ยิ่งเข้าไปใกล้ยิ่งเห็นชัดว่าฝ่ายที่เมินหน้าหนีนั่งกอดอกอยู่ไม่ใช่ว่าหลับ ส่วนฝ่ายคนขับก็ป้ายมือกับเสื้อจนเลอะไปหมด บางครั้งยังยกแขนเสื้อขึ้นปาดเช็ดด้วย

การเป็นคนขายของบนถนนนั้น นอกจากบรรดาพวงมาลัยแล้ว เธอจะมีของเล็กๆน้อยๆ พวกลูกอม หนังสือพิมพ์ และกระดาษทิชชู่ขายด้วย และเธอก็มักจะพกของเล็กๆน้อยๆเหล่านั้นมาในกระเป๋าผ้ากันเปื้อนของเธอ

เธอหยิบห่อทิชชู่ขึ้นชูที่ข้างคนขับ แต่เหมือนเขาจะไม่เห็นเพราะมัวแต่ซับเลือด ทำให้เธอตัดสินใจเคาะกระจกรถนิดๆ
ปกติเธอไม่กล้าเคาะ แต่คราวนี้เธอตัดสินใจเคาะเพราะอยากให้เขามีกระดาษไว้ซับเลือด

คนในรถส่ายหน้า ..เธอเข้าใจว่าเขาอาจจะเห็นแค่พวงมาลัย และไม่เห็นทิชชู่ เธอจึงเคาะกระจกอีกครั้ง คราวนี้แรงขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับเอาทิชชู่วางลงบนกระจกหน้ารถให้เขาเห็นถนัด พอสายตาเขามองจับที่ห่อทิชชู่แล้ว เธอจึงหยิบออก
แล้วความพยายามก็เป็นผล ชายหนุ่มในรถลดกระจกลง ก่อนจะยื่นแบงค์ 20 ให้เธอ...แล้วปิดกระจกไป..

"เอ้าคุณ ไม่เอาทิชชู่หรือ?.." เธอพยายามโบกทิชชู่ไปมา แต่พอเขาโบกมือไล่เธอถึงได้เข้าใจ.. เขาก็แค่ตัดรำคาญด้วยการให้เงิน 20 บาทแก่เธอ

"ก็ตามใจ.." เธอยักไหล่แล้วเก็บของ เก็บเงินเข้ากระเป๋าแล้วเดินขายของต่อไป ทิ้งให้รถคันนั้นตกอยู่ในความเงียบงันอีกครั้ง
มกรยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่ไหลลงมาแล้วปาดมือเช็ดกับเสื้อ เลือดไหลออกมาน้อยลงแล้ว แต่ก็ยังซึมออกมาจนถ้าไม่เช็ดอาจจะไหลเข้าตาและทำให้เขาขับรถไม่ได้

ปริมาณรถในช่วงเวลาเกือบเร่งด่วนอย่างนี้มีเป็นแพ พวกเขาอยู่บนถนนมาเกือบ 30 นาทีแล้ว และดูเหมือนจะติดอยู่แยกนี้อีกสักระยะแน่ๆ คงติดจนเลือดหมดตัว
ก็ดี...มันก็สมควรกับคนเลวอย่างนี้แล้ว

ความคิดยังไม่ทันจบ มือขาวของคนที่นั่งข้างๆก็ยื่นมาพร้อมทิชชู่
เห็นแบบนั้น..มกรก็ใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง
"นัท.." เขายื่นมือไปหยิบจากมือน้อง "ขอบใจที่ห่วงพี่นะ.."

ณัฐวีร์หยิบกล่องทิชชู่จากคอนโซลรถมาวางไว้ให้ตรงที่พักแขน
"ไม่เป็นไร ..ผมห่วงตัวเอง ไม่อยากมาตายบนรถนี่เพราะเลือดเข้าตาจนพี่ขับรถไม่ได้"
เด็กหนุ่มยกมือกอดอกและหันหน้าหลับตามองเมินไปอีกทาง ทำเหมือนไม่มีเรื่องที่จะเสวนากับมกรอีก
ใจที่พองฟูอยู่เมื่อครู่เหี่ยวแฟ่บลงตามเดิม และดูเหมือนจะหนักกว่าเดิมเข้าไปอีกเมื่อมกรยิ้มเยาะตัวเอง เขากดทิชชู่ที่น้องหยิบให้ซับเลือดก่อนจะโยนกล่องทิชชู่ไปเบาะหลัง ใช้เพียงกระดาษในมือกดซับแผลเอาไว้
หยิบมาให้แค่นี้เขาก็จะใช้แค่นี้...

ณัฐวีร์หันหน้ามาเล็กน้อย ปรายตามองบริเวณที่พักแขนซึ่งเจ้าตัวเคยวางทิชชู่ไว้ ก่อนจะตวัดสายตาเมินเฉยขึ้นมองมกรอีกครั้ง แล้วก็เมินหน้าไปทางเดิม..นอกตัวรถ

ความเงียบในรถทำให้ได้ยินกระทั่งเสียงถอนหายใจเบาๆจากฝั่งคนขับ
รถค่อยๆขยับแล้ว.. จากนั้นอีกเกือบชั่วโมงรถก็มาถึงแถวบ้านของณัฐวีร์

ตอนนี้ที่ร้านอาหารขนของไปตึกใหม่เกือบหมดแล้ว กำหนดเปิดร้านใหม่ก็คือช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ดังนั้นจึงมีเวลาอีกพอสมควรในการเตรียมงาน และเตรียมขนย้าย

ป๊ากับแม่ยังพักอยู่ที่บ้านเดิม แต่คนงานบางส่วนย้ายไปที่โน่นบ้างแล้ว ทำให้ตึกเก่าลดความพลุกพล่านไปเยอะ
ทั้งไม่มีคนงาน ทั้งไม่มีลูกค้า ลานจอดรถจึงโล่ง หน้าร้านก็ไม่มีรถจอดริมฟุตบาทอีก
พอมกรขับรถเข้ามาถึงจึงกลายเป็นว่าณัฐวีร์เปิดประตูก้าวลงเดินเข้าร้านได้ทันที

"นัท!"
มกรเปิดประตูออกมาจากรถแล้ววิ่งตาม ทันได้เห็นว่าเมื่อเปิดประตูเข้าไปแล้วน้องยกมือไหว้ป๊ากับแม่ไก่ก่อนจะวิ่งพรวดเดียวถึงบันไดเลย

"นัท! พี่ขอคุยก่อน นัท"
พอมกรร้องเรียกณัฐวีร์ก็ตะโกนขึ้น "ป๊า อย่าให้คนอื่นตามนัทขึ้นมานะครับ นัทอยากพัก"
แล้วเด็กหนุ่มก็วิ่งขึ้นบันไดไปเลย

"นัท!"
มกรกำลังจะถึงบันไดแล้วตอนที่มีคนมาจับแขนเขาเอาไว้ ชายหนุ่มหันกลับมาทันที
"ไอ้แมน มึงทำอะไรน้อง!" คนพูดมองสำรวจอีกฝ่ายไปทั่ว "แล้วนี่มึงไปฟัดกับหมาที่ไหนมา?"
มกรมองแล้วจึงเปิดปาก "แชร์..กู.."
ชายหนุ่มมือสั่นและขาสั่น ความกลัวทำให้เขาหน้าซีดลงจนเพื่อนต้องพยายามดึงจะพาไปนั่งที่โต๊ะ

"ไม่.." มกรส่ายหน้าทำท่าจะก้าวขึ้นบันได "ให้กูขึ้นไปเคลียร์กับน้องก่อน"
"ไม่ได้ น้องไม่ให้ขึ้นก็อย่าเลยมึง มาคุยกับกูก่อน" แชร์รั้งไว้จนได้ เขาหันไปเรียกเพื่อนของณัฐวีร์ "แพรวจ๋า.. ฝากขึ้นไปดูข้างบนหน่อยได้ไหม"

แพรวพยักหน้ารับก่อนจะวิ่งขึ้นไปโดยมีมกรมองตามไปจนลับตา
นั่นเขาแฟนกัน.. แล้วกูล่ะเป็นอะไร
ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกอย่างยอมจำนน  ได้แต่ถอยตัวลงมานั่ง ไหล่ที่เคยตั้งตรงลู่ลงเหมือนคนหมดอาลัยทำให้คนที่เห็นภาพนั้นต่างมองหน้ากัน

"เดี๋ยวป๊าไปเอาผ้าขนหนูกับน้ำมาให้ แล้วจะเอายามาให้ด้วย" คุณวีรชาติบอกก่อนจะแยกตัวออกไป เขาวางมือลงบนบ่าภรรยาเล็กน้อยให้กำลังใจกัน เพราะเห็นว่าณัฐวีร์ไม่ได้มีแผลที่ไหน เขาจึงเบาใจไปได้นิดนึง แต่ถ้ามกรมีแผลขนาดนี้ก็ไม่มีทางจะเบาใจได้ทั้งหมดหรอก

คุณวีรชาติหายขึ้นไปไม่นานก็กลับลงมาพร้อมอุปกรณ์ทำแผลกล่องใหญ่ ความที่เป็นร้านอาหารต้องใช้ของมีคม ที่บ้านเลยมีอุปกรณ์เผื่อไว้เสมอ พอเอาลงมาให้ก็ยังเห็นว่ามกรมองขึ้นไปด้านบนไม่ยอมเลิก ถึงเบาใจว่ามีแชร์นั่งคุมอยู่ แต่คุณวีรชาติก็ยังไม่มั่นใจจนต้องลากเก้าอี้มาประกบแล้วเริ่มลงมือทำแผลให้
"ไม่ต้องห่วง..ข้างบนแพรวเขาคุยอยู่"

คุณวีรชาติบอกขณะที่เริ่มใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ดคราบเลือดและสิ่งสกปรกออกให้ มือทำไปปากก็ถามไป
"เล่าได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?"
เพราะคำถามนั้นมกรจึงเบือนสายตาลงมามองหน้าอีกฝ่าย ดวงตาของผู้สูงวัยกว่ามีความอ่อนล้า ใต้ตาคล้ำทั้งที่ไม่น่าจะตรากตรำทำงานเพราะตอนนี้ปิดร้านอยู่
หรือว่า..

"ป๊า ..รอน้องทั้งคืนเลยหรือครับ?" มกรถามด้วยความสงสัย
คุณวีรชาติชะงักมือไปนิดหนึ่งก่อนจะขยับมือต่อ
"ถ้าเธอมีลูกชายที่เคยเกิดอุบัติเหตุสองครั้งใหญ่ๆตอนไปค้างที่อื่น ครั้งแรกแขนหัก ครั้งที่สองรถชน เธอจะไม่มีวันนอนหลับถ้าลูกไม่ได้อยู่ใกล้ๆเธอ"

มกรมีสีหน้าสลดลง เขาหลุบตามองมือตัวเอง ขณะเดียวกันอีกฝ่ายก็เริ่มใช้แอลกอฮอล์เช็ดรอบบาดแผลจนเย็นไปรอบบริเวณ
"ไม่รู้สิครับ.. บางทีผมก็จินตนาการไม่ออกว่าถ้าผมมีลูกแล้วผมจะห่วงเขาได้อย่างที่ป๊าห่วงนัทหรือเปล่า.." มกรหลับตาลง.. หัวตาของเขาร้อนและแสบโพรงจมูก บางส่วนอาจเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ลที่เช็ดอยู่ใกล้ดวงตากระมัง
"ทำไมล่ะ.." คุณวีรชาติเริ่มลงเบตาดีนโดยใช้สำลีซับไปที่แผลแล้วเตรียมผ้าก๊อตและพลาสเตอร์ปิดขณะรอฟังคำตอบนั้น

"เพราะพ่อของผมไม่เห็นเป็นแบบนี้กับผมเลย"
ผ้าก๊อตถูกวางและพลาสเตอร์ถูกปิดลงมา หัวนิ้วโป้งจากกำปั้นมือขวาลูบพลาสเตอร์ให้ปิดดี และคุณวีรชาติก็ลูบมันอยู่อย่างนั้นขณะพูดตอบไปว่า

"คนเราต่างมีเบ้าหลอมมาไม่เหมือนกัน คงจะคาดหวังให้พฤติกรรมของพ่อทุกคนเหมือนกันไม่ได้หรอก.. เขาอาจจะพบอะไรมาต่างจากฉันก็ได้" คุณวีรชาติยังใช้นิ้วโป้งลูบพลาสเตอร์ แต่เขาคลายฝ่ามือที่กำไว้ออกแล้ววางลงบนศีรษะของมกรขณะใช้หัวนิ้วโป้งค่อยๆลูบที่พลาสเตอร์ซึ่งปิดอยู่ตรงหางคิ้ว
"ไหนเล่ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมนัทถึงได้หนีขึ้นไปแบบนั้น"
แล้วคุณวีรชาติก็ลดมือลง ขณะมกรถอนใจเฮือก มองตามมือนั้น.. ด้วยดวงตาพร่ามัว
ความอบอุ่นของ.. พ่อ..
เป็นแบบนี้นี่เอง

"นัทเข้าใจผมผิด.."
คุณวีรชาติพยักหน้ารอฟังความ
มกรเหลือบตาขึ้นมอง "แต่ก่อนหน้านั้น.. เขาบอกว่าเขาจำความได้มาตั้งแต่แรก ป๊ารู้เรื่องนี้หรือเปล่าครับ..?"
คุณวีรชาติขมวดคิ้วแล้วเงยหน้าขึ้นมองไปทางภรรยาที่นั่งอยู่อีกฟากของโต๊ะ เธอส่ายหน้าน้อยๆ คุณวีรชาติจึงมีสายตายุ่งยากใจขึ้นมาทันที

"เราสองคนไม่รู้เรื่องนี้..นัทบอกเองหรือ?"

"ครับ.." มกรพยักหน้าแล้วหลุบตาลงมองมือตัวเอง ที่ณัฐวีร์ไม่กล้าบอกครอบครัวเรื่องที่จำความได้แล้วก็อาจเพราะไม่อยากเล่าให้บิดามารดาทราบถึงเรื่องราวในอดีตก็เป็นได้
ณัฐวีร์คงไม่อยากรื้อฟื้นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนอุบัติเหตุ จึงแสร้งทำเป็นจำความไม่ได้เสีย
มกรสูดลมหายใจเข้าลึก ในเมื่อเขาไม่อยากให้เล่าก็จำเป็นจะต้องไม่เล่า?
ชายหนุ่มหลับตาลง..

--- คนโกหก
ใบหน้ายามที่ณัฐวีร์ต่อว่าเขาซ้อนขึ้นมาในมโนสำนึก
ไม่ได้.. โกหกต่อไปอีกไม่ได้แล้ว..

มกรขยับนั่งตัวตรง มองหน้าแชร์ เพื่อนของเขาเองก็เป็นหนึ่งในผู้ร่วมทำความผิดมาด้วยกัน.. แต่เขาจะรับมันไว้เอง ความผิดนี้เขาจะรับมันไว้เอง
--- มึงไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้นะไอ้แมน ปล่อยน้องมันไปกูยอมแพ้
--- ไม่ได้ กูไม่ปล่อย!

คำพูดในความทรงจำเมื่อสองปีก่อนยังชัดเจน แชร์มันห้ามเขาแล้ว แต่เขาไม่สามารถหยุดตัวเองได้..
ทำไมถึงหยุดไม่ได้.. ตอนนี้เขารู้คำตอบตัวเองแล้ว..
ชายหนุ่มหันไปมองคุณวีรชาติอย่างตัดสินใจได้
"ผมมีเรื่องจะสารภาพครับ.."
-----
แพรวก้าวลงบันไดมาจากชั้นบนสวนทางกับเจ้าของบ้านที่พยุงภรรยาท้องกลมโตขึ้นบันไดมา
"ป๊าวี.. จะพาแม่ไก่ขึ้นห้องหรือคะ ให้น้องแพรวช่วยไหม?"

คนถูกทักเงยหน้าขึ้นมองแล้วยิ้มบางๆให้ ใบหน้านั้นดูอิดโรยมากกว่าแรกที่เธอเห็นเมื่อเช้านี้เสียอีก
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวป๊าพาทางนี้ไปพักแล้วจะแวะเข้าไปดูนัท.. ตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง"

แพรวยิ้มอย่างปลอบใจส่งมาให้ "ไม่มีอะไรค่ะ ร้องไห้บ้างแต่ทุกอย่างโอเค แพรวเอาอยู่.. เมื่อครู่บ่นปวดหัว แพรวเลยให้นอนพักไปก่อนค่ะ นี่ลงมาหาอะไรให้เขาทาน ถ้าขึ้นไปยังไม่หลับก็จะบังคับให้ทานอาหารและยาสักหน่อยค่ะ"
วีรชาติพยักหน้ารับ "ขอบใจแพรวมากนะ ถ้าแบบนั้นป๊าจะได้ไม่เข้าไป ขอพักสักหน่อยบ่ายๆค่อยมาคุยกับเขาอีกที"

"ค่ะป๊า.." เธอหลีกทางให้เจ้าของบ้านเดินผ่านไปทั้งคู่ แต่คล้อยหลังนิดเดียวคุณวีรชาติก็หันกลับมา
"ว่าแต่..แพรวรู้ใช่ไหมว่านัท..ไม่ได้ความจำเสื่อม?"
คนฟังสะดุ้งนิดๆ ก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนจะพยักรับ "ค่ะป๊า"

"อืม.." วีรชาติทำเสียงตอบรับในคอแล้วพยักหน้ากับคุณณฐกา "ป๊ากับแม่จะไปนอนแล้ว.. ฝากนัทด้วยแล้วกันนะ"
"ค่ะ.." แพรวยกมือไหว้คุณวีรชาติ "ขอโทษและขอบคุณค่ะป๊า"
ผู้ใหญ่ทั้งสองคนรับไหว้พลางส่งยิ้มมาให้

"ไม่เป็นไรจ้ะ.. แม่ไก่ต่างหากที่ต้องขอบคุณน้องแพรว เป็นเพื่อนที่ดีกับนัทมาตลอดเลย.. ขอบคุณนะ"
แพรวมองส่งเจ้าของบ้านด้วยความรู้สึกตื้อและตีบตันในอก เธอปิดความลับนี้ไว้กับตัวเองเพราะณัฐวีร์ขอร้อง เขาไม่อยากให้พ่อแม่ต้องมาเป็นกังวลกับเรื่องในอดีตของเขา เธอจึงไม่อยากขัดใจ หากเรื่องมันไม่เหลือบ่ากว่าแรงนักเธอก็อยากจะช่วยเหลือเพื่อน
ทดแทนกับวันนั้นที่เธอช่วยอะไรเพื่อนไม่ได้เลย

..เธอรู้ว่าเพื่อนเจออะไรมามาก ถึงจะไม่รู้ละเอียด..แต่เธอก็รู้ว่าคนสองคนไม่ได้เริ่มคบกันเพราะความรักที่มีให้กันและกัน.. เป็นเพื่อนของเธอเพียงฝ่ายเดียว ที่..รัก.. ไอ้บ้านั่นจนหัวปักหัวปำ ขนาดเจ็บหนักมาอย่างนี้ก็ยังไม่เข็ดที่จะลองรักดูอีกที
แล้วเป็นไง..เจ็บตัวคราวก่อนไม่พอ..คราวนี้เจ็บใจอีกด้วย
มันน่า...!!

เธอเข่นเขี้ยวแล้วเดินลงไปที่ด้านล่าง กะเอาไว้ในใจว่าลงไปถึงเมื่อไร สิ่งที่จะทำสิ่งแรกก็คือ..เฉ่ง!
เฉ่งไอ้คนที่ทำให้เพื่อนเธอเสียน้ำตาครั้งแล้วครั้งเล่า..
ครั้นพอลงไปถึงเธอก็พบร่างไร้สติของมกร..ที่นอนทอดตัวยาวอยู่บนโซฟา โดยมีผ้าคลุมไหล่ของคุณณฐกา คลี่คลุมไว้บนอก
พอเห็นอย่างนั้นคนที่คิดจะเหวี่ยงใส่ไอ้ตัวก่อเรื่องให้สมใจก็ได้แต่ร้อง

"เฮ้อ..."
ก็ขนาดพ่อแม่ผู้เสียหายเขายังสามารถ..อภัย..
ทำไมเธอจะ..อภัยและปล่อยวางลงไม่ได้ล่ะ

"แพรว.."
คนเรียกโผล่หน้าออกมาจากครัว..พร้อมกับกวักมือให้เธอเดินเข้าไปด้านใน
ครัวนั้นเหลืออุปกรณ์ทำครัวไม่มากแล้ว จึงดูโล่งจนผิดตา ตรงหน้าของแชร์มีอ่างแก้วสำหรับเข้าเวฟอยู่ใบหนึ่ง ข้างในมีข้าวต้มกระดูกหมูควันฉุยใส่เอาไว้ ดูเหมือนจะเป็นอาหารที่คุณวีรชาติเตรียมตั้งแต่เช้า

"ทำอะไรน่ะ"
"กำลังจะเอาไปให้นัท เมื่อกี้คุณอาจะเอาขึ้นไปเอง แต่พี่อาสาทำให้ คุณอาเลยพาแม่ไก่ขึ้นไปพัก"
แพรวพยักหน้า เธอยกแขนขึ้นกอดอกแล้วเอนตัวพิงกรอบประตู "ทำตัวเป็นประโยชน์ก็ดีค่ะ.."
หญิงสาวมองอีกฝ่ายเทข้าวต้มลงชามแก้วอย่างระวัง ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น "แล้วนี่เพื่อนพี่เขาทานแล้วเหรอคะ?"

"เรียบร้อยจ้า เมื่อครู่โดนบังคับให้ทานข้าวทานยาแล้วอาวีก็บอกให้นอน นี่ยาคงออกฤทธิ์ถึงได้หลับไปแล้ว ไม่งั้นก็นั่งมองแต่บันไดขึ้นข้างบน"

"ก็ดีที่หลับ ไม่งั้นแพรวคงวีนใส่เขาแน่ๆ"
แชร์หยิบกระดาษทิชชู่เช็ดขอบชาม ยกชามนั้นวางในจานรองแล้วจึงเอาใส่ถาดอลูมิเนียมให้อีกที เขาหันไปคว้าเอาน้ำดื่มในตู้เย็นออกมาแล้ววางลงในถาดนั้น แต่ไม่ได้หยิบแก้วหรือหลอดให้เพราะรู้ว่าข้างบนมีแก้วประจำตัวของณัฐวีร์อยู่แล้ว

"เท่านี้ไอ้แมนมันก็รู้สึกผิดจะแย่แล้วล่ะค่ะ..น้องแพรวก็ใจเย็นๆกันมันนิดนึงนะคะ"
"ก็ไม่ได้อยากจะเป็นนางร้ายนะคะ" แพรวหมุนตัวเดินนำออกมาจากห้องครัว เธอปรายตามองคนที่นอนหลับสนิทอยู่บนโซฟาแล้วถอนหายใจเล็กๆ มือขาวสวยยื่นไปหยิบแผงยาพารามาถือไว้ แล้วจึงย่นจมูกใส่ร่างที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอีกรอบ แลบลิ้นใส่อย่างหมั่นไส้
"แพรวจะขึ้นไปอยู่กับนัท พี่แชร์ก็ดูแลเพื่อนของพี่แชร์ไปแล้วกัน" เธอพูดแล้ววางยาลงในถาดทำท่าจะยกถาดขึ้นไปเอง

"อ้าว..ไม่ให้พี่ขึ้นไปส่งเหรอ?"
"อย่าเลย เดี๋ยวเกิดสะดุ้งตื่นมาไม่เห็นใครจะวิ่งพล่านไปทั่ว แพรวไม่อยากให้มาเพ้ออะไรตอนนี้ แพรวห่วงเพื่อนแพรว"
“หืม?..”

“ใช่สิ.. พี่ก็ห่วงเพื่อนพี่ แพรวก็ห่วงเพื่อนแพรว ผิดตรงไหน”
แชร์ยิ้มกว้าง "ไม่ผิดค่ะ ตามใจแพรวเลย เดินขึ้นไปดีๆนะ"
ชายหนุ่มยกมือขึ้นบ๊ายบายทำให้หญิงสาวขมวดคิ้วมองงงๆ ยังก้าวไม่พ้นบันไดเธอก็ได้ยินเสียงผิวปากลั้นลาสุดชีวิต ยังงงอยู่ว่าเจ้าตัวเป็นอะไร..

"เพื่อนของแพรว เพื่อนของแพรว.."
ประโยคนั้นแว่วดังขึ้นมาทำให้เธอหน้าแดงแป้ด ทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ..
นี่เธอ..ลืมสถานะตัวเองไปได้ยังไง ..ซวยแล้ว
"บ้าพอๆกับเพื่อนเลยพี่แชร์นี่" เธอบ่นอุบแล้วรีบเดินขึ้นไปที่ห้องของณัฐวีร์
---------
แชร์นั่งอยู่ด้านล่างเพื่อเฝ้าเพื่อนซึ่งยังหลับสนิท เขาใช้หนังสืออ่านฆ่าเวลา และเพิ่งจะอ่านไปได้ไม่กี่หน้าเอง แต่ก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะสั่นเครือ
ชายหนุ่มคว้าเอาขึ้นมาไว้ไม่อยากให้เจ้าของโทรศัพท์ตื่นตอนนี้ พอก้มดูจึงได้เห็นว่าเป็นชื่อของมารดาไอ้มกรมัน..
ไอ้นี่ก็แปลก คนส่วนใหญ่เวลาเซฟเบอร์แม่ตัวเองในโทรศัพท์ก็จะเซฟว่าแม่บ้าง หรืออะไรก็แล้วแต่ที่แสดงความสนิทสนมกัน.. แต่มันกลับเซฟไว้แค่ว่า "คุณมนธิชา" ห่างเหินเสียไม่มี

ถึงพวกเพื่อนจะรู้ว่ามกรไม่ค่อยลงรอยกับครอบครัวนัก แต่ไม่มีใครในกลุ่มเพื่อนที่รู้เรื่องความบาดหมางนั้นดีเท่าณัฐวีร์อีกแล้ว แชร์จึงได้แต่สงสัยในความแปลกประหลาดนั้นจนถึงทุกวันนี้

"สวัสดีครับคุณน้า..แชร์ครับ" ชายหนุ่มกรอกเสียงลงไปเบาๆแล้วเดินผละไปที่ครัวเพื่อไม่ให้มกรต้องตื่นขึ้น
"ตอนนี้แมนอยู่ที่บ้านนัทครับ.. ไม่เป็นไรมากครับ นอนพักกันอยู่ ..ไม่มีอะไรหรอกครับ ทะเลาะกันนิดหน่อย เดี๋ยวก็ดีกันเอง..ผมว่าวันนี้คงไม่ได้เข้าไปที่ออฟฟิศ.."

ชายหนุ่มเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังคร่าวๆ มนธิชาจึงบอกว่าถ้ามอบหมายให้คุณประคองอยู่เคลียร์กับตำรวจเรียบร้อยแล้วคุณมนธิชาจะมาหาที่นี่ทันที ให้ช่วยดูแลมกรไว้ให้หน่อย
"ได้ครับคุณน้า ไม่ต้องห่วงครับ"

ชายหนุ่มกดวางสายแล้วเดินออกมาจากห้องครัว ..จึงได้พบว่าตรงบริเวณที่มกรนอนอยู่นั้นว่างเปล่าไปเสียแล้ว
"ออกไปนะออกไป!" เสียงแหวของแพรวทำให้แชร์เงยหน้าขึ้นไปทันที
"ตายห่าแล้วไอ้แมน!!"
-----


ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอน 34 อัพอัพ 01.02.2015
«ตอบ #445 เมื่อ01-02-2015 21:08:42 »

แชร์รีบวิ่งขึ้นไปด้านบนแล้วจึงได้พบว่าคุณวีรชาติเปิดประตูห้องออกมาเช่นกัน ชายทั้งคู่รีบวิ่งขึ้นไปยังชั้นสามซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องพักณัฐวีร์ แล้วจึงได้เห็นว่าแพรวยืนตัวสั่นอยู่หน้าห้องนั้น
"แพรว" คุณวีรชาติเรียก แต่คนที่ถึงตัวหญิงสาวก่อนคือแชร์ เขาคว้าแขนเธอให้หันมาหาตัวเองแล้วสำรวจใบหน้าประหวั่นนั่นอย่างรวดเร็ว

"ไอ้แมนทำอะไรหรือเปล่าคะ?!"
คนถูกถามส่ายหน้าแต่รีบมองเข้าไปในห้อง ทำให้ทุกสายตาหันเข้าไปเช่นกัน
เจ้าของห้องนั่งพิงอยู่ตรงหัวเตียง ในขณะที่ผู้บุกรุกคุกเข่าอยู่ข้างๆเตียงนั่นเอง
คนสองคนมองตากันนิ่ง ไม่มีคำพูดใดเลยหลุดออกมา นิ่งจนเหมือนจะลืมหายใจ.. ราวกับเวลาจะผ่านไปช้าเสียยิ่งกว่าช้า ไม่มีใครกล้าขยับ ไม่มีใครกล้าส่งเสียง ราวกับดวงตาของคนสองคนได้หยุดทุกสิ่งให้ไร้การเคลื่อนไหว
นิ่งจนเหมือนอากาศธาตุ และนิ่งราว..ไร้ตัวตน

ณัฐวีร์เป็นฝ่ายเบือนสายตาออกจากดวงตาเว้าวอนนั่น เขามองนิ่งไปที่หมอนบนตักตัวเองและไม่นำพาร่างที่ทำท่าจะขยับเข้ามาหาอยู่หลายครั้งเลย
ไหล่กว้างของมกรลู่ลงก่อนจะค่อยๆสั่นสะท้านอย่างยากจะควบคุม
"ฮึก.."

เสียงสะอื้นเบาๆทำให้ณัฐวีร์หลับตาลง เขาหยิบหมอนออกจากตัวแล้วเลื่อนลงนอนหันหลังให้กับทุกๆคน
ถ้าไม่ต้องรับรู้อะไรอีกก็ดีสิ..

เด็กหนุ่มปิดตาลง ยกหมอนขึ้นปิดหน้าบังหูปล่อยให้คนข้างหลังใช้ดวงตาที่ฝ้ามัวเพราะหยาดน้ำตาจ้องมองร่างน้อยอย่างหมดแรง
คนที่คุกเข่าอยู่ข้างเตียงค่อยๆทิ้งตัวลงนั่งทั้งที่ไหล่สั่นสะท้าน มือใหญ่ยกขึ้นปิดหน้าตัวเอง น้ำตาแห่งความเสียใจไหลอาบลงมาที่มือ แต่มันเทียบได้ไม่เท่ากับน้ำตาที่อีกคนเสียไปเลย..
แพรวขยับมือในอุ้งมือของแชร์เป็นเชิงเตือนสติอีกฝ่าย
"ไปพาออกมาเถอะ.. ถ้าลองนัทโกรธแล้วล่ะก็อย่าฝืนยื้อเลย เดี๋ยวจะไปกันใหญ่"
แชร์พยักหน้าแล้วบีบมือเล็กๆที่กุมไว้นิดหน่อยเหมือนปลอบใจอีกฝ่ายแล้วจึงปล่อยออก ชายหนุ่มค้อมตัวเดินผ่านคุณวีรชาติเข้าไปในห้องก่อนจะตบบ่าเพื่อนเบาๆ

"มึง..ให้น้องพักเถอะ.. น้องคงเหนื่อยแย่แล้ว"
มกรเงยหน้าขึ้นจากฝ่ามือตัวเอง แต่สายตายังจับจ้องหลังบางของณัฐวีร์
"มึง.. กูรู้แล้ว.. กูรู้แล้ว.." มกรพึมพำออกมาเบาๆ ตายังไม่ละจากน้อง
แชร์จึงเอ่ยถามอย่างสงสัย "รู้อะไรวะ.."

"รู้..กู ..ขาดเขาไม่ได้.." พอพูดจบมกรก็สะอื้นออกมาอีก
แชร์ทำอะไรไม่ถูกแล้วจริงๆ ชายหนุ่มตบบ่าเพื่อนอย่างปลอบใจ พยายามจะดึงมันขึ้นมันก็ตัวหนักเกินกว่าเขาจะลากมันออกไปได้ ทำให้เดือดร้อนคุณวีรชาติต้องเดินเข้ามาช่วยอีกแรง
มือใหญ่อุ่นวางลงบนไหล่อีกข้างของมกร ทำให้ชายหนุ่มหันมองมือนั้นก่อนจะเงยมองใบหน้าของคุณวีรชาติ

"ป๊า.."
เสียงแหบเครือเอ่ยเรียกก่อนจะเอนใบหน้าซบแขนคุณวีรชาติอย่างหมดท่า
"เออๆ ไม่ต้องร้อง.." คุณวีรชาติลูบหัวมกรเบาๆ "ลงไปพักข้างล่างให้น้องได้พักผ่อนก่อนนะแมน.. มานั่งอยู่แบบนี้มันไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก"

"ป๊าช่วย..ผมด้วยนะ.." มกรเอ่ยอย่างขอร้อง เสียงอ้อนวอนนั้นฟังดูเหมือนว่าเจ้าตัวกำลังจะขาดอากาศหายใจลงไปเสียเดี๋ยวนี้
"ไม่ต้องห่วง.." คุณวีรชาติบอกเบาๆแล้วช้อนใต้แขนข้างหนึ่ง ให้แชร์ช่วยพยุงอีกข้างหนึ่ง รั้งมกรลุกขึ้นยืนจนได้ "ลูกป๊าทั้งนั้น ไม่ช่วยลูกแล้วป๊าจะไปช่วยใคร" คุณวีรชาติตบบ่ามกรเบาๆ "ลงไปกันก่อนเถอะ ให้นัทได้อยู่เงียบๆก่อน"
สุดท้ายมกรจึงยอมเดินออกมาจากห้องโดยมีแชร์เป็นคนพยุง ส่วนคุณวีรชาตินั้นเหลียวกลับไปมองลูกชายตัวเอง แล้วเดินไปที่เตียง ก้มตัวลูบหัวลูกชายเบาๆ

"เราก็เหมือนกัน จะคิดจะทำอะไรก็ค่อยๆคิดค่อยๆทำ ป๊าเชื่อว่านัทฉลาดพอจะเลือกทางเดินของตัวเอง นัทไม่ใช่เด็กที่ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ชีวิตคนเรามันมีอุปสรรคเสมอ แต่ป๊าก็เชื่อว่านัทจะผ่านมันไปได้.. มีอะไรก็คุยกับป๊าได้ตลอดนะลูก"
เด็กหนุ่มพยักหน้าน้อยๆทำให้บิดาละมือออกแล้วเดินออกมาจากห้อง
คุณวีรชาติปิดประตูเสียให้เลยแล้วบอกกับแพรว "ลงไปพักด้านล่างเถอะ ให้เขามีเวลาเป็นของตัวเอง จะได้คิดอะไรได้ ไปอยู่เป็นเพื่อนคนด้านล่างนั่นดีกว่า.."

คุณวีรชาติหัวเราะเบาๆแล้วพูดต่อ "สงสัยป๊าจะมีลูกเต็มบ้านเต็มเมืองโดยไม่ต้องเหนื่อยเลี้ยงเองแล้วมั้งเนี่ย"
----
คุณมนธิชามาถึงตอนเกือบจะบ่ายอยู่แล้ว ทันทีที่มาถึงเธอก็ตรงเข้าไปกอดลูกชายของเธอและนั่งอยู่ข้างๆจับมือของเขาไว้โดยไม่ถามอะไรทั้งสิ้น เธอเพียงพูดแค่ว่า

"แม่รักแมนนะลูก..เดี๋ยวมันก็จะผ่านไป เดี๋ยวมันก็จะดีขึ้น"
แล้วเธอก็กอดเขาแน่นที่สุดเท่าที่เธอจะกอดได้
ไม่นานจากนั้น คุณลักษณ์ก็มาถึงพร้อมคนขับรถส่วนตัว หลังจากพูดคุยกันในหมู่ผู้ปกครอง ทางนี้จึงได้ข้อสรุปว่าจะพามกรกลับบ้านไปก่อน

คราวแรกมกรก็ไม่ยอมกลับ เขายังอยากจะอยู่รอให้ณัฐวีร์ลงมาคุยกันก่อน แต่เพราะทุกคนช่วยกันกล่อม มกรจึงต้องยอมกลับอย่างเสียไม่ได้
ก่อนกลับเขายังขอไปเห็นหน้าน้องอีกรอบ.. ทว่าคุณวีรชาติมีประโยคเด็ดที่ทำให้มกรยอมยกมือไหว้ลากลับทันที

"ถ้ายอมกลับไปดีๆ ป๊าจะช่วยคุยให้ แต่ถ้าดื้อป๊าจะปล่อยให้นัทเขาตัดสินใจเอง"
นั่นเองที่ทำให้มกรยอมถอย.. เพราะถ้าให้ป๊าวีช่วย เขาก็ยังพอมีหวังอยู่บ้าง ถ้าให้นัทตัดสินใจเอง เขาคงเหลือหวังริบหรี่เต็มที
รถแล่นเข้าจอดที่ลานหน้าบ้านคุณมนธิชา คนขับรถกดเปิดประตูอัตโนมัติทำให้คุณลักษณ์ก้าวลงจากรถมาก่อนเป็นคนแรก คุณมนธิชา แล้วจึงเป็นมกรที่ก้าวตามลงมา

ด้านหลัง รถส่วนตัวของคุณลักษณ์จอดต่อคันกันอยู่ทำให้คุณมนธิชามองไปนิ่งๆ
"ขอบคุณที่รีบมานะคะ" คุณมนธิชาเอ่ยขึ้น "เห็นว่ากำลังยุ่งเรื่องโยกย้ายตำแหน่งกันอยู่แต่ก็ยังปลีกเวลามาให้"
"ไม่เป็นไร.. แมนก็ลูกผมเหมือนกัน" คุณลักษณ์บอกแล้วตบไหล่ลูกชายเบาๆ "พักเสีย พรุ่งนี้พ่อจะโทรมาหา"
มกรพยักหน้ารับแล้วยกมือขึ้นไหว้ลา ชายหนุ่มขอตัวกลับไปยังบ้านพักตัวเองที่เป็นเรือนแยกอีกหลังไม่รวมกับบ้านใหญ่
พอคล้อยหลังลูกคุณลักษณ์ก็เหมือนจะปลีกตัวไปเช่นกัน ทั้งที่ยังไม่ทันได้กล่าวลาเลยด้วยซ้ำ

"เดี๋ยวสิคะ.." มนธิชาเอ่ยเรียกทำให้อีกฝ่ายชะงักแล้วหันมามองอย่างต้องการจะถามว่ามีธุระอะไรกับเขาอีกหรือไง
"คืนนี้พักด้วยกันได้ไหมคะ.." เธอเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม "ฉันคิดว่าลูกต้องการคนอยู่เป็นเพื่อนนะคะ"
คุณลักษณ์เลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ ยังไม่ทันจะพูดอะไรตอบคุณมนธิชาก็ต่อประโยคอีก

"ฉันเองก็อยากปรึกษาคุณเหมือนกัน..นะคะ"
เธอจบประโยคนั้นแล้วยื่นมือมาแตะเข้าที่แขนของสามี ทำให้คุณลักษณ์ขมวดคิ้วแล้วตอบกลับไป "พ่อคุณคงไม่ชอบใจหรอกกระมัง"
"ไม่เป็นไรค่ะ เราไปพักที่บ้านหลังโน้น ไม่ต้องพบคุณพ่อก็ได้" เธอขยับมือกุมมืออีกฝ่ายเบาๆ "เรามีเรื่องต้องคุยกันเยอะเลยนะคะ"
คุณลักษณ์มองหน้าภรรยาแล้วชั่งใจอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะดึงมือออก ทำให้ใบหน้าคุณมนธิชาซีดลงไปถนัดตา
ทำไม..ถึงหนีเธอ?

เธอถามคำถามนั้นในใจแต่ไม่กล้าแม้จะเอ่ยออกมา
ความห่างเหินมันเกินจะเยียวยากันแล้วหรือไง..
"เดี๋ยวผมไปบอกคนขับรถก่อน ให้เขาไปเอาเสื้อผ้าจากคอนโดมาให้ คุณรออยู่นี่ล่ะ"
คุณลักษณ์ว่าแล้วเดินออกไปท้นที

คุณมนธิชาเม้มริมฝีปากและเบิกตาโต.. เธอพรูลมหายใจโล่งอกออกมาพร้อมรอยยิ้มคลายกังวล
โธ่ ตกใจแทบแย่..
เธอนึกอย่างโมโหตัวเอง..
ไม่นานจากนั้นคุณลักษณ์ก็เดินกลับมาหาเธอที่ยืนรออยู่อย่างสงบ แล้วคนทั้งคู่ก็เดินเคียงกันไปตามทาง ซึ่งทอดผ่านไปยังบ้านหลังเล็กที่มกรใช้อาศัยแยกจากเรือนหลัก
------

อาจจะเปิดจองหนังสือเร็วๆนี้นะคะ แต่คงเปิดจำนวนจำกัดเพราะตอนนี้สั่งทำของแถมไปแล้ว

ถ้ายังไงสามารถติดตามได้ที่เพจ morse นะคะ ^^
https://www.facebook.com/pages/Morse/120230658164895?ref=hl

หรือถ้าใครอยากหานิยายเก่าที่เคยเขียนไว้อ่านเล่นๆ ชอบเป็นเล่มๆก็ติดต่อที่อินบอกซ์ในเพจได้ค่ะ
ถ้าสนใจ ebook ก็เชิญที่ meb market ตามลิ้งค์นี้ได้เลย
http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=18715


ขอบคุณค่ะ :hao3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-02-2015 21:18:01 โดย pae666 »

ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอน 34 อัพอัพ 01.02.2015
«ตอบ #446 เมื่อ01-02-2015 21:14:34 »

คือ อารมเกลียดแม้นศรียังอยู่เต็มนะ แต่ก็เผลอรักไปแล้วนิดนึง เลยอภัยได้ ขอให้นัทฟังหน่อยนะ นัทแค่ฟัง แล้วหาความจริงด้วยตัวเองนะนัท อย่าฟังคนอื่น

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอน 34 อัพอัพ 01.02.2015
«ตอบ #447 เมื่อ01-02-2015 21:50:42 »

เฮ้ออออ ..... ถอนหายใจยาว ๆ ไปเลย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอน 34 อัพอัพ 01.02.2015
«ตอบ #448 เมื่อ01-02-2015 21:56:52 »

ลุ้นทุกบรรทัด ทุกตัวอักษรเลย

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
Re: Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอน 34 อัพอัพ 01.02.2015
«ตอบ #449 เมื่อ01-02-2015 22:35:42 »

ป๊าใจดีจัง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด