“โย่ว กูไปนอนก่อนนะเพื่อนโจ้”
โจ้ที่กำลังจะไปเข้าเวร มองเพื่อนที่เหมือนซอมบี้เข้าไปทุกที ไอ้บีมมันขอแลกเวรสามคืนติดกับเพื่อนๆพร้อมกับตอนเช้าที่ทำงานต่อและโต้เถียงกับอาจารย์อย่างสนุกสนานเช่นเคย แต่เอ้และมันผู้ประพันธ์งานจีบนายซินอยู่มองเห็นถึงความปกติตั้งแต่วันที่มันลัลล้าจนหน้าหมั่นไส้และบอกเพื่อนๆว่า “เย็นนี้กูจะเอาแมวไปให้เพื่อนซินมัน กูไม่ได้ไปหาไอ้ซินนะ” จะบอกทำไม...ขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ และหลังจากวันนี้กลับมามันก็ทำตัวร่าเริงเกินเหตุจนไอ้เอ้อดที่จะถามไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นซึ่งพ่อเจ้าชายก็ตอบมาทั้งที่หน้าชื่นอกตรมว่า
“เขาคงรำคาญกูแล้วมั้ง”
ไอเอ้ถึงกับกุมขมับด้วยความกลุ้มใจแทนเพื่อน ไอ้โจ้เปิดประตูออกกำลังจะไปทำงานก็เจอกับตัวต้นเหตุความทุกข์ใจของเพื่อนที่ยืนทำท่าเหมือนจะเคาะประตูอยู่รอมร่อ
"เออ....หวัดดี"
มันว่าแต่ไม่ยกมือรับไหว้พ่อคนดัง มันทำท่าอย่างกับพระราชาหวงเจ้าชายทั้งๆที่ไอ้แว่นก็ผู้ชายปากหมากวนตีนผู้ทำความเดือดร้อนให้ผู้อื่นคนหนึ่งนี่เอง
"ผมมาหาหมอบีม"
แหนะ...เดี๋ยวนี้เขามีพัฒนาการเรียกชื่อ ไอ้โจ้เบ้ปากเหมือนนางอิจฉาแต่ก็ยอมหลีกทางให้มือเบสเข้ามาในห้อง
"มันหลับอยู่ในห้อง มันเข้าเวรกลางคืนมาสามวันแล้ว"
ในที่สุดพ่อตา? ก็ยอมบอกนายซินดีๆด้วยเพราะเห็นว่าไอ้ซินมันเป็นคนดีคนหนึ่งอย่างที่หลายๆคนบอกและคนที่ทำตัวน่ารำคาญคงเป็นเพื่อนมันจริงๆ
"ผมขอเข้าไปนะครับ"
ไอ้โจ้ถลึงตามองนายซินที่บังอาจจะบุกรุกห้องเจ้าชายแต่ก็ให้กุญแจสำรองมา ซินจึงไขประตูเข้าไปโดยง่าย เรื่องมารยาทที่มันเคยมีไอ้ซินบอกได้เลยว่าใช้กับไอ้หมอเพี้ยนคนนี้ไม่ได้เท่าไหร่ วันนี้มันก็แค่อยากมาแก้ความเข้าใจผิด มันยอมรับว่ามันก็พูดตรงอย่างที่คิดและก็มีบางอย่างที่คิดแต่ไม่ได้พูดออกมาด้วย มันไม่รู้หรอกว่าคนที่นอนแผ่หรากำลังทำอะไรอยู่แต่ด้วยเซนส์ซื่อๆของมัน มันเชื่อว่าไอ้เพี้ยนไม่ได้ตั้งใจมาก่อความวุ่นวายอย่างที่เพื่อนมันพูด อาจจะวุ่นวายใจอยู่หน่อยตรงชอบก้มหน้าก้มตาบ่นอะไรไม่ได้ศัพท์แล้วทำแก้มแดงๆนั่นแหละ ถึงจะดึงดันขอเข้าห้องมาเพราะอารมณ์ร้อนรนแต่หน้านิ่งแต่พอเห็นท่าทางนอนแบบลืมตายของอีกคนมันก็ไม่กล้าปลุกอยู่ดี ไอ้หมอนอนแผ่ได้น่าเกลียดเป็นที่สุดนอนหลับทั้งชุดทำงานนั่นแหละ ไหนจะสภาพหัวยุ่งกับใต้ตาดำเหมือนแพนด้าอีกมันคงง่วงจัดเสียจนลืมถอดแว่นกรอบเหลี่ยมออกจากหน้าด้วย ไอ้ซินผู้ซื่อก็ทำได้แค่ล้วงมือถือมาเสียบหูฟังเพื่อฟังเพลงแล้วนั่งลงบนพื้นที่ว่างบนเตียงรออีกคนตื่น ไอ้โจ้ที่กำลังจะไปเข้าเวรดึกเหลือบมาเห็นสภาพในห้องที่เปิดแง้มไว้ก็ได้แต่ปลงตก...แล้วชาติไหนมันจะคืบหน้ากันวะ ว่าแล้วมันจึงส่งไอ้ปลาและลูกสามตัวที่เหลือเข้าไปเป็นคิวปิด ซึ่งก็ง่ายไอ้ปลาและลูกสมุนกระโดดหยองขึ้นบนเตียงอย่างคุ้นเคยก่อนจะเดินย่ำและกระโดดทับอกเจ้าของมันอย่างเมามันส์ ไอ้แว่นที่ยังไม่ลืมตาปัดมือเป็นพัลวัน
"ไอ้ปลา เดี๋ยวพ่อจับย่างนะมึง"
พี่แกบ่นเพราะนึกว่าไอ้โจ้ส่งลูกมาป่วนอย่างที่ทำเป็นประจำ แต่ก็ยังไม่ลืมตามาดูว่าไอ้ปลากำลังอ้อนนายซินแต่ไอ้ฉลามและพี่น้องต่างหากที่กำลังปะทุษร้ายตามันอยู่
"ไอ้ปลาาาาาาา"
หมอแว่นลุกพรวดพราดขึ้นมาเพราะอารมณ์หงุดหงิดแต่ก็ยังมีสติที่จะประคองเจ้าเหมียวทั้งหลายไว้เพราะกลัวพวกมันจะกระเด็นตกจากเตียง
"ปลาอยู่นี่ต่างห่าง...เนอะ"
"!!!"
แว่นเบิกตากว้าง มันหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง เมื่อเห็นใครบางคนยกขาหน้าของไอ้ปลาขึ้นทำเหมือนกำลังยกมือให้ น่ารักทั้งคนทั้งแมว…แต่มันถอยกรูดจนหลังชิดกับหัวเตียงและใบหน้าก็ติดจะบึ้งตึงเสียด้วย
"มะ...มาได้ไง"
มันละล่ำละลักถาม
"ผมมาขอโทษ"
หมอขมวดคิ้ว พร้อมกับกอดไอ้เหมียวสามตัวไว้
"แล้วก็ขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยมันไม่ได้ตั้งใจ"
หมอแค่นยิ้มอย่างปวดใจ เออ....โคตรไม่ได้ตั้งใจเลยตอกกันซะหน้าหงาย แต่จะว่าอะไรได้ที่เขาพูดมามันก็มีส่วนถูก
"ช่างมันเถอะ เนอะไอ้หลาม"
ชื่อแมวรุ่นหลานของมันชักจะเพี้ยนจากปลาฉลามเป็นงูหลามเสียแล้ว หรือบางทีอาจะหมายถึงข้าวหลามตัด ช่างไอ้บีมมันเถอะ
"แต่ผมไม่ได้คิดแบบนั้นหรอกนะ"
แว่นทำหน้ายุ่ง คิดเรื่องอะไรล่ะ มันเยอะไปหมดทั้งยุ่งวุ่นวาย จุ้นจ้าน น่ารำคาญหรือแม้แต่อยากเกาะดัง ถ้าแว่นเป็นผู้หญิงคงมีร้องไห้และกรี๊ดสักรอบสองรอบแต่ด้วยเพราะเป็นมันอยากร้องก็ร้องไม่ออก จะกรี๊ดก็กรี๊ดไม่เป็นไม่เคยทำ เลยได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำงานไปด้วยร่าเริงไปด้วยเซ็งไปด้วย
"กูทำตัวกูเองทั้งนั้นแหละ"
มันตอบเบาๆแล้วค่อยๆปล่อยไอ้หลานเหมียวลงข้างเตียง เพราะไอ้เด็กพวกนี้เริ่มงอแงด้วยการข่วนแล้ว
"แต่ผมก็ยังไม่รู้ว่าที่พี่ทำ พี่ทำเพื่ออะไร"
นายซินผู้ที่ทั้งซื่อและตรงถามคำถามที่แว่นยังไม่ทันได้เตรียมใจตอบ ไอ้เพี้ยนใช้มือลูบหน้าอย่างแรงจนน่ากลัวว่าแว่นและจมูกพี่แกจะติดมือออกมาด้วย ก่อนจะถอนหายใจหนักๆสามวันที่ผ่านมามันคิดอยู่ตลอดว่ากำลังหวังอะไรกันแน่? ที่ตัวเองกำลังทำมันดีแล้วหรือไง? ซึ่งมันได้คำตอบมาด้วยตัวเองแล้ว แต่ทว่าคำตอบที่มันได้มามันอยากจะโยนทิ้งแล้วเผาทิ้งเสีย
มันชอบนายซิน ชอบมากกว่าที่ตัวเองคิดไว้เสียอีก มันอยากคุยอยากเจอกับซินอย่างไม่ต้องมีข้ออ้างนั่นคือที่มันหวัง แต่ที่มันกำลังทำอยู่...มันไม่ดีสักนิด ไล่ตามเขาทั้งๆที่เขารำคาญแต่เพราะเขาเป็นคนใจดีมันถึงได้คิดเข้าข้างตัวเองง่ายๆว่าก็คงไม่เป็นไร ดังนั้นคำตอบของคำถามที่ว่า'ทำเพื่ออะไร'คงมีเหตุผลเดียว
"กูทำเพื่อตัวกูเองไง"
ซินขมวดคิ้วกับคำตอบที่ไม่กระจ่าง แต่พอนึกดีๆแล้วมันก็ยิ้มน้อยๆอย่างเข้าใจลักษณะนิสัยอันประหลาดของคนตรงหน้า ไอ้แว่นเห็นอีกคนยิ้มก็พาลใจสั่นไม่รู้อีกคนมีอิทธิพลกับหมอมากแค่ไหน แต่แค่เขายิ้มแว่นก็ห้ามตัวเองไม่ให้หน้าแดงไม่ได้แล้ว
"นี่ มึงคิดว่ากูเป็นเกย์หรือเปล่า"
มันก้มหน้าแล้วถามเบาๆ นั่นเป็นคำถามที่ไอ้โจ้ชอบตั้งกับมันและหลายวันมานี้มันก็ถามตัวเองเหมือนกัน เห็นผู้ชายตัวควายๆยิ้มแล้วหน้าแดงเอย เขินเอย ไม่เป็นเกย์แล้วจะเป็นอะไรไปได้วะ นายซินยิ้มกับคำถามบ้าบอ
"พี่ชอบผมหรือไงล่ะ"
แล้วถามเช่นเดิมที่เคยถามเมื่อตอนมาห้องนี้ครั้งแรก แต่คราวนั้นมันถามเพราะรวนเล่นไม่เหมือนกับครั้งนี้ที่ตั้งใจถามจริงๆ ไอ้เพี้ยนขยี้หัวทุยๆของตัวเองอย่างบ้าคลั่งก่อนจะล้มตัวลงบนเตียงแล้วนอนตะแคงหันหลังให้มือเบส มันสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะตอบคำถามนั่น
"ถ้าใช่...แล้วมึงจะทำไม"
ซินได้ยินเสียงสั่นๆอย่างเอาเรื่องมาจากอีกคน มันคิดว่าดีแล้วที่ไอ้เพี้ยนหันหลังให้เพราะว่าตัวมันเองก็ปั้นหน้าไม่ถูกเหมือนกัน จะผิดไหมที่มันจะคิดว่าไอ้เพี้ยนนี่...น่ารักดี ถึงมันจะเคยแอบคิดมาเหมือนกันว่าไอ้เพี้ยนชอบมันแต่พอเจอจริงๆกับรู้สึกดีใจเสียจนตัวเองแปลกใจ แต่คนเพี้ยนก็ยังคิดไปเองได้อย่างสม่ำเสมอ ไอ้ซินเล่นนั่งเงียบเป็นคนดีรักษาน้ำใจแบบนี้บอกปฏิเสธมาเลยยังง่ายกว่า...หมอคิดไปโน่น มันทั้งคู่นั่งเงียบนานเกินกว่าลิมิตของคนบ้าอย่างหมอบีม มันจึงเป็นฝ่ายเอ่ยออกมาก่อน
"กลับไปเถอะ กูเหนื่อย"
มันโคตรเหนื่อยใจเลยให้ตายให้มาสารภาพว่าชอบพร้อมๆกับทำใจว่าคงจะอกหักเนี่ยนะ และเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าย่ำออกไป แค่นั้นแหละมันรู้แล้วว่า...อกหักชัวร์ ทำไมนิยายปรัมปราเรื่องนี้มันจบแบดแอนดิ้งวะถ้าน้องใบหลิวรู้นี่คงกระโดดงับหูไอ้เอ้เจ้าแม่บทประพันธ์แน่นอน หมอที่ยังไม่กล้าพลิกตัวกลับมาหาความจริงทิ้งแขนลงข้างตัว มีไอ้เหมียวฉลามและพวกพ้องเดินมาเลียมือ
"หลามหลานกูน่าฟัดจังเลย มาให้จุ๊บทีดิ๊ไอ้ดอลลี่กับนีโม่ด้วยมะ"
มันใช้มือช้อนแมวพันธุ์ปลาขึ้นมาหาตัวเอง ก่อนที่ทั้งเสียงคนและแมวจะดังผสมปนเปกันไปทั่วห้อง
"เมี้ยวววววว อ้ากกก อย่าข่วนคอกันสิไอ้พวกแสบ"
ซินที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูมองเจ้าของห้องฟัดกับแมวอยู่บนเตียง มันหาข้อดีข้อที่สามของหมอได้ในทันที ข้อที่สามคือ ...หมอน่ารัก...เพียงแต่ข้อดีข้อนี้ยังไม่มีเหตุผลรองรับเท่านั้นเอง ไอ้เพี้ยนที่พลิกตัวไปมาเพราะแมวนิ่งงันไป เมื่อพบว่าอีกคนยังยืนอยู่หน้าห้องไม่ไปไหน
"จ้องทำเหี้ยอะไร กูบอกให้กลับไปไง"
ซินเห็นสีหน้าของหมอแว่นเพราะตัวเองแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ตากลมนั่นแดงก่ำเชียว
"ยิ้มทำไม"
ขอโทษที่มันเห็นท่าทางขู่ฟ่อๆเหมือนไอ้ฉลามแล้วอดยิ้มไม่ได้
"มึงเพี้ยนเหรอ"
แว่นที่กำลังคิดว่ามือเบสกำลังล้อเล่นกับความรู้สึกตน โมโหจนหน้าดำหน้าแดงไอ้ซินหลุดขำพรืดอีกคนจึงเด้งตัวลุกขึ้นแล้วตวาด
"สนุกนักรึไง ไอ้สัส!"
นายซินพึ่งรู้วันนี้ว่าทั้งน่าแกล้งแต่ก็น่าสงสารมันเป็นยังไง มันยิ้มแล้วก็ตอบไปอย่างใจคิด
"ก็พี่น่ารัก"
โอเค ไอ้บีมที่โมโหอยู่แพ้ราบคาบ มันใช้มือขยุ้มผ้าปูเตียงอย่างเจ็บแค้นแต่หมดทางสู้ทั้งตาจมูกและหน้าแดงไปหมดแล้วนั่น
"น่ารักเหี้ยอะไร ตลกนักหรือไงล่ะ!"
มันตวาดอีกรอบ ไอ้ซินเห็นท่าไม่ดีจึงรีบหุบยิ้มแล้วยกมือสองข้างขึ้นเพื่อขอสงบศึกไม่อย่างนั้นคงได้วางมวยกันแน่ ยังไงคนที่มันเห็นว่าน่ารักก็ผู้ชายหน้าเด็กแต่นิสัยห่ามคนนึงนี่เอง มันทั้งคู่เงียบไปพักใหญ่แต่คราวนี้คนที่ทนความเงียบไม่ได้คือมือเบสผู้ใจเย็น
"คืนนี้ไปดูผมอัดเพลงนะ มีโปรดิวเซอร์ของค่ายที่ยุโรปมาอัดให้"
มันชวนโดยไม่ถามว่าคืนนี้ว่างหรือเปล่า เพราะก็เห็นๆอยู่ว่าอีกคนพึ่งกลับมานอนแต่หมอที่ไม่ได้นอนเต็มอิ่มมาหลายคืน จะง่วงหรือเปล่ามันไม่อยากถามเพราะตอนนี้อยากทำให้อีกคนอารมณ์ดีขึ้นมากกว่า จะได้ไม่ต้องไปโหมงานจัดการอารมณ์ตัวเองอีก ถึงแม้จะเป็นเพราะมันก็เถอะ แต่คนที่ตีหน้ายุ่งอยู่บนเตียงกลับคิดแค่ว่านายซินมันแค่ 'เห่อเพลง' อย่างเคย
"ไปด้วยกันนะครับ"
คนที่แสนใจเย็นใช้ไม้ตายความสุภาพเข้าข่มคนเลือดร้อน ถามว่าใช้ได้ไหม อีกคนมันแพ้ทางนี้อยู่แล้วนี่ไม่อย่างนั้นมันจะชอบนายซินรึไง
"เอเดนมันอยากเจอพี่ด้วย"
และนั่นก็เป็นอีกเหตุผลที่คนตรงหน้าชอบเอามาอ้าง แต่ก็ทำให้มันยอมลุกขึ้นจากเตียงทั้งๆที่ยังเคืองอยู่นั่น หมอลุกขึ้นอาบน้ำอาบท่าโดยมีอีกคนนั่งรออยู่ที่ด้านนอกกับลูกหลานแมวของมัน
"อย่าหลับนะ เดี๋ยวร่วง"
ไอ้ซินส่งหมวกกันน็อคให้อีกคนพลางกำชับ แว่นมองหมวกสีดำที่มีสองอันอย่างไม่เข้าใจแต่เมื่ออีกคนสตาร์ทรถแล้วมันจึงปีนขึ้นไปโดยไม่ได้ถามอะไร ถามว่าคราวนี้กอดเอวไหม? ก็ไอ้ซินมันเล่นบิดเกือบร้อยสี่สิบไม่กอดไอ้หมอก็คงปลิวเป็นปุ๋ยต้นไม้อยู่แถวนั้นแหละ
"คุณหมอออออ"
เด็กฝรั่งตาถลนเมื่อเห็นว่ามีชายในฝันโผล่มา เพราะคิดว่าคงไม่ได้เจออีกคราวนี้มันจึงไม่เหนียมอายแล้ว แต่ที่ผ่านมาเขาเรียกว่าอายเหรอวะ!?ฝรั่งหัวหยิกอาศัยความเป็นเด็กวิ่งเข้ามากอดลวนลามเลยทีเดียว
"พี่ฟ้าล่ะ"
ทำไมเดาแล้วไม่ถูกวะ เอเดนเบ้หน้าแล้วบ่นพึมพำทวนคำไอ้ซิน
"Where's P'Fah blah blah blah"
มันแยกเขี้ยวให้แล้วลากคุณหมอเข้าไปที่ห้องอัด พร้อมกับแนะนำว่าหมอเป็นแฟนในอนาคตมัน ทำเอาโปรดิวซ์เซอร์ชาวยุโรปหัวเราะก๊าก แล้วก็บอกว่า
“ถ้าดังแล้วยูอย่าเอาไปพูดข้างนอกนะ เดี๋ยวแฟนคลับหายหมด”
ไอ้ซินถอนหายใจเฮือกใหญ่ บางทีมันก็อยากจะหามีดมาเฉาะฝรั่งเหมือนกัน
"มันคงชอบของมันจริงๆนะนั่น"
ไอ้พายบุ้ยไปทางนักร้องนำก่อนจะพูดต่อ
"ช่วงนี้มันหงุดหงิดผิดปกติ มันเห็นไอ้ฟ้าไปคั่วชายอื่น ทำให้มันไปเกาะแกะไม่ได้"
ไอ้เต้ที่นั่งปรับเอฟเฟ็คกีตาร์อยู่ยักไหล่ก่อนจะอธิบายแทน
"เลยมาเกาะหมอบีมแทน"
"ไม่ใช่เหตุผลเลยนั่น"
ซินบ่นก่อนจะเดินไปหยิบเบสคู่ใจมาเซ็ตเสียง เห็นสภาพไอ้เพี้ยนแล้วรู้สึกเหมือนพาหมอมาให้คนไข้เก่าลวนลามยังไงอย่างนั้นแต่พอเห็นว่าไอ้แว่นหัวเราะบ้าๆได้แล้วมันก็โล่งใจ
“ไหนบอกคงไม่มาแล้วไง”
หัวหน้าวงถามแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย ไอ้ซินได้แค่ยิ้มตอบอย่างคนอารมณ์ดีจนไอ้เต้นึกสงสัย
“ผมถามจริงนะพี่ พี่ซินกับพี่หมอเป็นอะไรกันวะ”
“ไม่ได้เป็นอะไร”
ซินตอบนิ่งๆของมันตามเดิม แต่มีไอ้พี่พายช่วยขยายความให้นิดหน่อย
“มีแววพัฒนานะกูว่า”
ผู้ที่ชื่นชมและยกยอมือเบสเป็นไอดอลอย่างไอ้เต้เกือบจะพลาดปล่อยเอฟเฟ็คกีตาร์ก้อนละหลายหมื่นตกพื้น มันถามแทบจะไม่ได้ศัพท์
“พะ...พี่ซิน...ปะ...เป็น...เหมือนพี่ฟ้าเร๊อะ!”
ไอ้ฟ้าแคะขี้หูอย่างรำคาญเสียงตะโกน ก่อนจะโบกหัวลูกชายเจ้าสตูดิโอไปหน
“เป็นเกย์เหมือนกูแล้วมันยังไงวะ!”
*****************
ซินชอบการทำงานของทีมงานจากยุโรปเพราะไม่จำเป็นต้องตะบี้ตะบันอัดเพลงทั้งคืนเหมือนค่ายที่ไทย เขาเรียกว่าทำงานทีละน้อยแบบให้มีคุณภาพ มันเดินออกมาหาไอ้แว่นเมื่ออัดส่วนของตัวเองเสร็จพอดีกับคิวต่อไปเป็นของเอเดนพอดี ฝรั่งมองมือเบสเหมือนจงอางหวงไข่แต่ก็ยอมเดินเข้าไปโดยดี
“ง่วงไหมครับ”
มันถามคนที่นั่งตาปรืออยู่
“แต่เมื่อกี้ก็ดูอยู่นะ”
แว่นบอกว่ากูตั้งใจดูมึงอัดอยู่นะ แม้กูจะง่วงก็เถอะ ซินหัวเราะแล้วนั่งลงข้างๆแว่นหันมามองอย่างตื่นๆแล้วก็ก้มหน้าลงไปหน้าแดงตามสเต็ปเดิม
“แล้วหิวไหม”
คราวนี้ถึงคราวที่ไอ้เพี้ยนจะตอบอย่างจริงจังว่า
“หิวสิ ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่บ่าย”
อยากจะต่อว่ามัวแต่นอยด์เลยลืมหิวก็ว่าได้ ซินเหลือบมองนาฬิกาที่เกือบจะสี่ทุ่มก่อนจะขอตัวพาคุณหมอคนเดียวในห้องไปหาอะไรกินแล้วแวะไปส่งทำเอาเอเดนโวยวายออกมาเสียจนไมค์แทบแตก
“Damnnnn อย่าเอาคุณหมอไปนะเว้ยไอ้พี่ซินไอเบื่อยูมาก!”
ความจริงมันอยากบอกว่า กูเบื่อมึง อะไรทำนองนั้น แต่พี่ฟ้าเคยบอกว่ามันไม่เพราะมันจึงเลี่ยงใช้คำอื่นแทน...เพลีย
ซินพาอีกคนแวนซ์มาแถวหน้าปากซอยของสตูดิโอที่ที่มีของกินมากมายให้เลือก แว่นบ่นหงุงหงิงระหว่างถอดหมวกกันน็อคว่ากูแดกช้างได้ทั้งตัวแล้วไอ้ซินหัวเราะแล้วจึงรีบถอดหมวกกันน็อคให้พี่แกเพราะถอดไม่ออกเสียที
“พี่จะกินอะไร”
แว่นกวาดตามองร้านรวงต่างๆแล้วบอก
“ผัดไท”
“แต่ผมอยากกินโจ๊ก”
ซินแกล้งพูดเพราะจำได้ว่าเจ้าชายของมันเสียสละอยู่แล้ว ของใครนะ....?
“อือ กินโจ๊กกัน”
ซินกลั้นขำไม่อยู่ มันหัวเราะจนน้ำตาไหลก็หน้าคุณหมอมองร้านผัดไทตาละห้อยอย่างกับเสียดายซะเต็มประดา
“หัวเราะเหี้ยอะไร”
คุณหมอท่านเริ่มโมโหหิวแล้ว ไอ้ซินยิ้มแล้วเดินนำอีกคนไปร้านผัดไท
“ร้านโจ๊กอยู่ฝั่งนี้”
เพี้ยนผู้เสียสละเตือนนายซินด้วยความหวังดี ไอ้ซินหันมาคว้าข้อมือคนที่เงอะงะอยู่ก่อนจะตอบ
“ผมอยากกินผัดไทแล้ว”
ไม่รู้ว่าซินผู้แสนดีกลายเป็นคนขี้แกล้งตั้งแต่เมื่อไหร่...เอวัง...
“กูเดินเองได้
แว่นรีบสะบัดมือเหมือนโดนน้ำร้อนลวก ไอ้ซินเบิกตากว้างเพราะตัวเองก็ลืมตัวไปเหมือนกัน มันมองแว่นที่ก้มหน้าทำหน้าแดงก่อนจะเอ่ยไปแบบไร้สติ แต่ก็ยังพูดอย่างที่ใจคิด
“ทีไอ้ออมยังจับได้”
“!? …”
แว่นเบิกตากว้างทั้งๆที่หน้าแดงกว่าสีเส้นผัดไทเสียอีก ไอ้ซินแม่งพลังการทำลายล้างสูงมากแค่พูดนิ่งๆคุณหมอก็แทบจะลงไปนอนดิ้นตายได้ เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรออกไปมันจึงทำได้แค่ถูหัวเกรียนๆของตัวเองแก้เก้อแล้วเดินนำรุ่นพี่ที่ยืนช็อคอยู่ไปที่ร้านผัดไทย การกินข้าวครั้งที่สองของพวกมันเหมือนครั้งแรกไม่มีผิดคือต่างคนต่างกินแล้วเหลือบมองกันเป็นระยะ เพียงแต่ครั้งนี้คนที่หน้าแดงอย่างไอ้แว่นดูตื่นตูมมากเกินเหตุ
“อองเอี้ยอะไอ”
คนที่ผัดไทยเต็มปากถามคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามที่ดันบังเอิญเงยหน้ามาสบตาพอดี ทีตัวเองลอบมองไอ้ซินมันยังไม่เห็นว่าอะไรเลย
“ผมไม่ได้มองเหี้ย”
ไอ้นี่สกิลการกวนตีนก็ชักจะหนักข้อขึ้นทุกวัน แต่มันก็เป็นกับหมอผู้มารยาททรามคนเดียวนะกับคนอื่นนายซินก็ยังนิ่งตีมึนของมันเหมือนเดิม
“นี่มึงด่ากูเหรอ”
ไอ้ซินยิ้มแล้วส่ายหัว ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินมื้อดึกต่อไป
“แม่ง...”
หมอไม่สบถเปล่าแต่บังอาจเอาส้อมมาจิ้มกุ้งของท่านมือเบสด้วย ทำไมต้องแก้แค้นด้วยการฉกของกินวะไอ้ซินก็ยอมให้เขาจิ้มไปโดยง่ายเพราะมันเห็นแก่หน้าแดงๆของหมอหรอกนะ
“พี่อย่าหลับนะ เดี๋ยวตก”
ซินกำชับหมออีกครั้งก่อนจะกลับแต่ดูท่าคนที่พยักหน้าทั้งๆที่หนังท้องตึงหนังตาหย่อนจะไม่ไหวเสียแล้ว ซินถอนหายใจจเบาๆก่อนจะวาดขาขึ้นคร่อมบิ๊กไบค์คู่ใจ เมื่อรู้สึกถึงแรงยวบด้านหลังแล้ววงแขนที่โอบรอบมันถึงสตาร์ทรถ ให้สารภาพก็ได้ว่าไอ้ซินยิ้มทุกครั้งแหละที่หมอกอดมัน แต่คราวนี้ขับไปสักพักแรงกอดก็เริ่มคลายออกมึงจึงต้องรีบจอดรถแล้วหันไปถามใหม่
“พี่ไหวไหม?”
แว่นพยักหน้าตามฟอร์ม ไอ้ซินจึงเอี้ยวตัวไปยกกระจกหน้าของหมวกกันน็อคขึ้น
“ให้ลมตีหน้าจะได้ไม่ง่วง”
บีมยิ้มขอบคุณ ไอ้ซินที่ยังไม่เคยเห็นหมอยิ้มดีๆถึงกับนิ่ง ก่อนจะหันหน้ากลับมาออกรถตามเดิมแต่คราวนี้มันจำต้องละมือซ้ายมาจับที่แขนอีกคนไว้ด้วยเหตุเพราะกลัวอีกคนลงไปนอนวัดพื้นถนน ไอ้แว่นที่รู้ว่าอีกคนจับแขนอยู่หายง่วงขึ้นมาหน่อยเพราะความเขินแต่ก็ก้มหน้างุดกับหลังของคนที่ทำให้เขินนั่นแหละ
“ค่อยๆลงนะ เดี๋ยวล้ม”
สารถีผู้ใจดีเป็นห่วงผู้โดยสารจนถึงตอนสุดท้าย แว่นค่อยๆเกาะไหล่อีกคนแล้วปีนลง
“โอย...ขาแทบจะเป็นตระคริว”
แล้วก็บ่นเหมือนคนแก่ ไอ้ซินยิ้มขำก่อนจะยกกระจกหมวกกันน็อคตัวเองขึ้นแว่นที่ทำท่าเหมือนกำลังจะถอดหมวกออกจำต้องละมือเมื่ออีกคนบอก
“ไม่ต้องคืนหรอก”
“ทำไมวะ”
อันนี้พี่แกไม่เข้าใจจริงจัง ไอ้ซินกระแอมนิดหน่อยก่อนจะตอบ
"ผมเอามาเผื่อ ครั้งหน้าก็ต้องใช้"
"ครั้งหน้า?"
หมอทำตาโตๆ แต่แล้วก็ต้องก้มหน้าลงเพราะหน้าร้อนจนเกินไป
"ครับ"
ไอ้ซินตอบพลางยิ้ม แว่นส่งเสียงที่ฟังอย่างยากลำบากว่า
“กลับดีๆนะ”
ใจจริงไอ้ซินก็อยากจะหัวเราะนะ แต่มันกลับทำได้แค่ยิ้มกว้างแล้วก้มหน้าเอาหมวกกันน็อคใบหนาของมันไปโขกกับหมวกของอีกคน แว่นเงยหน้ามามองด้วยความตกใจส่งผลให้หน้าของพวกมันอยู่ห่างกันแค่คืบ
“ฝันดีครับ”
ว่าแล้วนายซินก็ยิ้มให้บางๆก่อนจะผละตัวแล้วขับรถออกไป แว่นได้แต่อ้าปากพะงาบๆแล้วเข่นเขี้ยวในใจว่า
“แล้วกูจะนอนหลับไหม ไอ้ห่า!”
_____________________________________________________________________________________
TBC.