#10 ขอโทษนะหลายวันที่ผ่านมาหมอบีมที่พี่ๆเรียกกันขับไอ้แก่สองล้อมาที่โรงพยาบาลพร้อมกับสวมหมวกกันน็อคสีดำมันปลาบสุดเท่ห์ที่แม้แต่ลุงรปภ.และพี่วินเสื้อส้มหน้าโรงพยาบาลยังแซวเพราะความทึ่ง
“หมวกจ๊าบนะหมอ”
“หมอจะซื้อมอ’ไซค์ ใหม่เหรอเลยถอยหมวกออกมาก่อน”
ก็ว่ากันไปต่างๆนานา แต่ที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกันคือไอ้แก่กับหมวกมันไม่เข้ากันเสียเท่าไหร่เอาเป็นว่าเป็นเรื่องโจ๊กประจำโรงพยาบาลในช่วงนี้ทีเดียว
“พัชรพงศ์คุณไปได้หมวกกันน็อคมาจากไหน”
แม้แต่อาจารย์หมอยังเอ่ยปากถามเมื่อเห็นแว่นกำลังสวมหมวกที่ลานจอดรถเพื่อกลับหอพัก
“มีคนให้มาครับ”
มันพูดเองก็ยืนบิดเขินเองจนคนเป็นอาจารย์ต้องออกปากไล่ให้กลับไปพักผ่อน เพี้ยนเข้าไปทุกวันแล้วนั่น มันบิดรถกลับที่พักด้วยความชื่นมื่นกับคำว่า ‘ครั้งหน้า’ ของซินเดอเรลาแต่ทว่าพอลองนับวันที่ตัวเองมัวแต่ขลุกอยู่ที่โรงพยาบาลนี่ก็ผ่านสี่สิบกว่าวัน เกือบสองเดือนแล้วที่ไม่ได้เจอ
“เวรเอ้ย”
พอพี่แกพึ่งนึกได้ก็สบถแล้วบิดรถด้วยความอารมณ์เสียแทน แต่ไอ้แก่ผู้ไม่ค่อยพรรคดีก็ประท้วงด้วยการดับลงดื้อๆ หมอสบถได้หยาบคายยิ่งกว่าเมื่อกี้ตบขาตั้งแล้วยืนกอดอกด้วยความเซ็ง ดีนะที่เป็นถนนในมหาวิทยาลัยถ้าเป็นทางหลวงป่านนี้โดนรถบรรทุกเหยียบแบนทั้งคนและรถแล้ว
“เดี๋ยวกูไปถอยบิ๊กไบค์มาเลยแม่ง”
แว่นบ่นหงุงหงิงทั้งๆที่ไม่ถอดหมวกกันน็อคนั่นแหละ รู้ว่ามันถอดยากก็ยังใส่มาอีก ระหว่างที่กำลังจะโทรเรียกโจ้เพื่อนยากผู้ซ่อมได้ทั้งคนและรถ บิ๊กไบค์คันโตสีดำที่คุ้นตาก็เกยเทียบไอ้แก่ของแว่น นายซินลอบขำคนที่ยืนจังก้าใส่หมวกกันน็อคโคตรเท่ห์อยู่หน่อยก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วเปิดกระจกหมวกขึ้นแต่มันก็ยังไม่วายยิ้มออกมาอยู่ดี แว่นก็พอรู้อยู่นะว่าเจ้าของรถเป็นใครแต่พอเขาเปิดหน้ายิ้มๆมามันก็อดที่จะอึ้งไม่ได้ นายซินที่เห็นหมอนิ่งไปจอดรถเทียบกับฟุตบาทแล้วเดินลงมาถาม
“รถพี่เป็นอะไร”
“ไม่รู้”
ก็ไม่รู้ทำไมพี่แกไม่ยอมเปิดหมวกคุยกัน นายซินจึงเดินไปถอดให้ด้วยความเคยชินแต่คราวนี้กลับโดนมือหนักๆฟาดเข้าที่แขน
“ถอดเองได้”
แว่นเปิดกระจกแล้วถลึงตาใส่ ไอ้ซินเดาได้ว่าพี่แกคงเขินก็เลยยอมให้พี่แกถอดเองด้วยความยากลำบาก
“เครื่องมันเย็นมั้งเลยดับ”
เพี้ยนพูดเมื่อเห็นอีกคนกำลังดึงสายนั่นนี่ของไอ้แก่มัน
“คงเพราะรถมันเก่ามากแล้วมั้งครับ”
แว่นมู่หน้าเพราะรู้ข้อนั้นดีอยู่แล้ว นายซินใจดีจะเป็นผู้ลากไปให้แต่แว่นไม่เห็นด้วยเพราะขนาดรถมันต่างกันมาก เกิดเอาตีนไปแตะแล้วลากเหมือนปกติไม่รถไอ้ซินเป็นรอยก็มันกับไอ้แก่ที่ต้องถลาลงคลองมันจึงจอดรถไว้ที่ลานจอดรถแถวนั้นแทน
“เออ...แล้วมึงมาทำไมวะ”
แว่นแกล้งถามให้ตัวเองเขินเล่น นายซินที่มองออกอมยิ้มกับท่าทางสงสัยที่ไม่ค่อยเนียนนัก
“ไปดูเอ็มวีที่อัดวันนั้นกันนะครับ”
ไอ้ซินชวนซื่อๆ ไอ้หมอพยักหน้าแบบคิดไม่ซื่อกลับไปอย่างรวดเร็ว เล่นตัวนิดนึงก็ไม่ได้
“พี่สวมหมวกที่ผมให้ทุกวันเลยเหรอ”
มันเหมือนคำถามยิงแสกหน้า แว่นแทบจะลงไปนอนตายด้วยความอาย...พึ่งจะสำนึกได้นะเอ็ง
“ปะ...เปล่า กะ...ก็ มึงหายไปไหนตั้งนาน”
ไอ้ซินยิ้มเมื่อเห็นอีกคนก้มหน้าลงไปชิดอก มันมัวแต่ยุ่งกับงานจนแทบไม่ได้นอนแต่เชื่อได้ว่ามันไม่ได้ลืมไอ้เพี้ยนแว่นแน่ เหตุเพราะไอ้เด็กฝรั่งถามถึงอยู่ได้ทุกวี่ทุกวัน หรือนั่นอาจจะเป็นแค่ข้ออ้าง
“พี่ชอบผมพี่ก็ต้องตามจีบผมสิ”
มันพูดนิ่งๆอย่างเคย แว่นเงยหน้ามาถลึงตาใส่ก่อนจะตอบอ้อมแอ้ม
“กะ...กูไม่มีเวลา”
มีแบบนี้ด้วย ไอ้ซินหัวเราะก๊ากจนคนรอบข้างหันมามองด้วยความสงสัย พี่แกจึงเงื้อมหมัดขึ้นพร้อมกับแยกเขี้ยวอย่างที่คิดว่ามันน่ากลัว ไอ้ซินยิ้มขำแล้วยกมือขึ้นขอยอมแพ้แต่ก็ยังมิวายแหย่ต่อ
“นี่พี่ไม่มีเวลาให้ตั้งแต่เริ่มจีบเลยเหรอ”
เอ่อ...นายซินดูพูดมากขึ้นจนแว่นอดสงสัยไม่ได้
“ทำไมวันนี้มึงพูดมากจังวะ”
นายซินนิ่งไปเหมือนคนพึ่งนึกได้ก่อนจะตอบ
“คงพราะไม่ได้เจอนานมั้ง”
โถ...พ่อคุณ นี่มันยังไม่รู้ตัวอีกว่าเขาเรียกว่า คิดถึง ไอ้ซินเดินนิ่งตีมึนเหมือนเดิมแล้ววาดขาคร่อมม้าเหล็กคู่ใจ หมอได้แต่เกาหัวแกรกๆอย่างไม่เข้าใจนักแล้วเดินตามเขาต้อยๆ
*******************************
“คุณหมอออออออออออ”
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร เอเดนถลามาที่หมอแว่นทันทีแว่นแอบขมวดคิ้วกับความสูงและร่างกายของเด็กฝรั่ง มันจำได้ว่าสองสามเดือนที่แล้วตัวเอเดนยังไม่บึ๊กขนาดนี้ แต่ก่อนเหมือนโดนเด็กโตกอดแต่ตอนนี้ตอนนี้เหมือนโดนลวนลามยังไงไม่รู้ มันจึงส่งยิ้มแหยๆไปที่ผู้ปกครองของเด็กฝรั่งฟ้านั่งยิ้มอยู่กับเพื่อนของซินอีกสองคนนั่นคือออมและบิ๊ก
“เอเดนมานี่”
ฟ้ากวักมือเรียก แต่ฝรั่งมันฟังที่ไหนมิหนำซ้ำมันยังกอดคุณหมอแน่นกว่าเดิมอีก
“วันนั้นผมเห็นเพื่อนพี่ซินอยู่กับพี่ฟ้า ถึงไม่ใส่แว่นผมก็จำได้”
เด็กฝรั่งพูดเบาจนเหมือนกระซิบ ไอ้เพี้ยนยิ้มเพราะรู้ว่าเด็กข้างหน้ากำลังน้อยใจพี่ฟ้าของตัวเองที่เห็นเอเดนเข้ามาติดหนึบเกาะหมอเป็นตังเม แต่เห็นแบบนี้คำที่ฝรั่งพูดส่วนมากถึงมักจะขึ้นต้นด้วยคำว่าพี่ฟ้าอยู่เสมอ
“ไปข้างในกันนะ”
คนเด็กกว่าดึงมือคุณหมอเข้าไปข้างในสตูดิโออย่างรวดเร็ว แว่นจึงได้แค่หันไปรับไหว้ออมกับฟ้าและสบตากับใครคนนั้นน้อยๆ
“ผมไม่ชอบเพื่อนพี่ซินเลย”
เอเดนเปรยออกมาเหมือนครั้งที่แล้วในโปรแกรมแชทออนไลน์ เด็กฝรั่งขอแลกเบอร์แว่นตั้งแต่ครั้งที่สองที่เจอกัน จะมีแต่แว่นที่จนป่านนี้ก็ยังไม่กล้าแลกเบอร์กับคนที่ตัวเองตามจีบอยู่เสียที...มึงมันช้ามากเลยแว่น
“เราหวงพี่ฟ้าหนะสิ”
ทีเรื่องคนอื่นนี่หมอรู้ดีนัก เอเดนเม้มปากก่อนจะสบถเป็นภาษาบ้านเกิดด้วยถ้อยคำติดจะหยาบคายจนหมอต้องตบเบาๆที่ไหล่
“ถ้าเราจะไม่ชอบเขาเพียงเพราะเขาเป็นแฟนของพี่เรามันไม่ใช่นะ เราต้องมีเหตุผลมากกว่านั้น”
“ไม่ใช่แฟน!”
แว่นหัวเราะกับท่าทางของเด็กฝรั่งพร้อมกับนั่งลงบนโซฟาตัวยาวแล้วคลายกระดุมเสื้อเชิ้ตออก มันก็ใจง่ายตามนายซินมาโดยไม่ได้เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแม้แต่น้อยจึงส่งผลให้วันนี้มันดูเป็นผู้ใหญ่เกินปกติเสียจนเจ้เอมม่าต้องทัก
“ต้าย...วันนี้คุณหมอลุคเหมือนหนุ่มออฟฟิตมากค่า”
แว่นจะถือว่านั่นเป็นคำชมก็แล้วกัน มันยกมือไหว้เจ้เอมม่าก่อนจะมานั่งฟังเด็กฝรั่งบ่นไปเนียนซบตัวเองไป
“เอเดน”
ฟ้าเดินมาส่งสายตาดุเด็กที่เริ่มทำตัวรุ่มร่าม แต่เอเดนไม่ได้ยี่หระมันยักไหล่และคว้าแขนหมอมากอดไว้แน่น ไอ้เพี้ยนที่รู้สึกเหมือนเป็นความร้าวฉานของครอบครัวชาวบ้านขอปลีกตัวออกไปเข้าห้องน้ำ แต่บางทีมันคิดว่าตัวเองอยู่ข้างในคงจะดีกว่าถ้าให้มาเจอกับคนที่ไม่ค่อยอยากเจอ เพี้ยนผู้เลือดร้อนที่ยืนล้างมืออยู่มันไม่ได้กลัวสายตาจิกๆของเด็กคนนั้นนักหรอกเพียงแต่มันทำตัวไม่ถูกเท่านั้นเอง เพราะอย่างน้อยเด็กคนนั้นก็เป็นเพื่อนของคนที่มันชอบ...พูดว่าชอบได้เต็มปากเลยทีเดียว
“คุณมาทำอะไร”
บีมมองท่าทางยืนเดาะลิ้นเอาขาไขว้กันอยู่หน้าประตูดูไม่เข้ากับลักษณะการแต่งตัวและแว่นหนาของเด็กคนนี้เสียเท่าไหร่ บิ๊กเหลือบมองคนที่อายุเยอะกว่าตน หมอแว่นยืนล้างมือนิ่งก่อนจะตอบ
“ผมมาดูเอ็มวีเพลง”
หมอไม่ค่อยชอบสงครามประสาท มันชอบใช้อารมณ์และหมัดเสียมากกว่าแต่คราวนี้มันต้องคิดให้มากหน่อย เพราะเหตุการณ์ความวุ่นวายต่างๆที่เกิดขึ้นส่วนมากก็เพราะจากมัน พี่แกแค่อยากปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นอย่างน้อยจะได้ไม่โดนเด็กเมื่อวานซืนมาถากถางให้เจ็บใจมากกว่าเดิม
“คุณกำลังทำอะไรอยู่กันแน่”
เด็กคนนั้นถอดแว่นหนาออกก่อนจะใช้มือสางผมขึ้นนั่นส่งผลให้เค้าโครงหน้าจืดนั่นเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ไอ้เพี้ยนยืนทึ่งกับท่าทางเหยียดยิ้มของคนตรงหน้า
“ผมมีอะไรให้ดู”
หมอขมวดคิ้วแต่ก็ยอมรับสมาร์ทโฟนของคนตรงหน้ามา อาจจะเป็นเพราะมันโลว์เทค มันยุ่ง มันไม่มีเวลาแม้แต่จะโทรกลับหาแม่หรือตอบแชทเด็กฝรั่งด้วยซ้ำมันจึงไม่รู้ว่าเรื่องบางเรื่องมาไกลได้ขนาดนี้ มันเพ่งมองรูปของมันและนายซินเริ่มตั้งแต่รูปกอดกันกลมกลางเขาใหญ่จนถึงรูปที่พวกมันนั่งรถด้วยกัน ถอดหมวกกันน็อคให้กันหรือแม้แต่นั่งกินข้าวด้วยกันในเว็บบอร์ดแห่งหนึ่ง มันพอจะเข้าใจบางอย่างแต่ก็ทำใจดีสู้เสือถามออกไป
“แล้วยังไง”
บิ๊กมองหน้าตาซีดเซียวของคนถามแล้วก็กรอกตาด้วยความเหลือเชื่อ บางทีคนๆนี้อาจจะเพี้ยนมากกว่าที่ไอ้ออมบอกก็ได้
“ก็ไอ้ซินโดนข่าวว่าเป็นเกย์ไงน่าภูมิใจไหมนั่น คุณอาจจะคิดว่ามันเล็กน้อยแต่เห็นแบบนี้แฟนคลับมันเยอะนะ ไหนจะต้องไปทัวร์ต่างประเทศอีกแฟนคงไม่ปลื้มเท่าไหร่มั้ง”
บิ๊กหยักไหล่แล้วอธิบายให้คนที่ยืนตีหน้ายุ่งฟัง แล้วสาธยายต่อเมื่อเห็นอีกคนไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
“อ้อ...แต่สมัยนี้ในเมืองไทยมันเปิดเผยแล้วนี่ ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวคงมีแฟนเพจพร้อมแฟนคลับอีกกลุ่มโผล่มา มาตามไอ้ซินผู้รักสันโดษ แต่ไม่ได้ชอบเพลงฮาร์ดคอร์ที่ฟังโคตรยากของมัน แล้วไหนจะที่บ้านมันอีกพ่อแม่งคงภูมิใจน่าดูนะที่มีผู้ชายมาติด แถมผู้ชายคนนั้นทำตัวน่ารำคาญฉิบหาย ตื้ออยู่ได้ ถามเขาสักคำไหมว่าเต็มใจให้ตามหรือเปล่า แล้วก็....”
คนปากพล่อยยังไม่พูดไม่จบ ผู้ที่ตั้งใจจะทำตัวใจเย็นก็จำต้องกลืนน้ำลายตัวเอง มันเหยียดยิ้มแล้วย่างสามขุมมาหาคนที่ตัวบางกว่าหน่อย หมอผู้เลือดร้อนใช้มือซ้ายคว้าคนเสื้ออีกคนจนบิ๊กถลาตามแรงดึง ไอ้เพี้ยนใช้นิ้วชี้จิ้มจนแทบจะชิดกับคิ้วของอีกคน ก่อนจะแยกเขี้ยวแบบอันธพาลแบบที่พ่อมันเคยว่า
“มึงหุบปากเลยนะ ถ้าพูดออกมาอีกคำเดียวกูซัดมึงแน่!”
หมอแว่นกัดฟันพูดแล้วเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกมาจากห้องน้ำ ไอ้ฟ้าที่พยายามจับตาดูคู่นอนชั่วคราวอยู่ได้ยินทุกอย่างถึงกับกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เมื่อเห็นหน้าโหดเหี้ยมแบบไม่เข้ากับหน้าตาของคนเป็นหมอ ไอ้ออมและเด็กฝรั่งที่พึ่งเดินมาชะงักกับท่าทางของหมอแล้วถามคำถามที่ไม่น่าจะถาม
“มีอะไรวะพี่”
“ไม่มีอะไร ก็แค่เซ็งๆ”
พี่แกยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ไอ้ออมจำท่าทางนี่ได้ดี ท่าทางอวดดีเหมือนตอนแรกที่เจอกันไม่มีผิด ตอนนั้นหน้าหมอกวนตีนจนมันอยากจะประเคนตีนบานๆตัวเองให้สักทีสองที มันหันไปหาไอ้พี่ฟ้าอย่างต้องการคำตอบเป็นเวลาเดียวกับที่แว่นหันไปเห็นว่ามีอีกคนยืนอยู่ มันยิ้มให้ฟ้าแล้วบอกบางอย่างที่เบาแต่ชัดเจน
“เก็บเมียมึงดีๆด้วยนะ ทีหลังกูไม่เอาไว้หรอก”
...ทำเอาไอ้ฟ้าถึงกับมุมปากกระตุกเลยทีเดียว
ถ้าถามถึงนิสัยจริงๆของแว่นผู้เพี้ยนสุดกู่ อาจจะบอกได้ว่ามันไม่ได้ดีเหมือนเจ้าชายสักนิด มันเคยเป็นอันธพาลมาก่อนหรืออาจจะเป็นอยู่ก็ได้ มันห่าม ใจร้อนชอบหาเรื่องใส่ตัวเองรวมทั้งคนรอบข้าง ปากเสีย มันทำอะไรไม่ค่อยคิดถึงความรู้สึกคนอื่น ชอบคิดเอาเองแม้จะมาตั้งใจปรับปรุงตัวตั้งแต่เริ่มเรียนมหาวิทยาลัย แต่สันดานมันก็เป็นของมันแบบนี้ มีหลายเรื่องที่ทำให้มันเสียใจภายหลังหลายต่อหลายครั้งมันจึงพยายามลบคำสบประมาทของพ่อ ทำตัวรื่นเริงเมื่ออยู่กับเพื่อนจนบางทีดูสุดกู่เสียจนเพี้ยน แต่ทุกอย่างที่มันทำก็เพียงเพื่อไม่อยากให้คนอื่นมาเดือดร้อนกับมันเท่านั้นเอง
“พี่...ไปไหน”
ซินเดอเรลานางเอกผู้ใสซื่อเดินออกมาจากห้องอุปกรณ์ที่มันไปขลุกตัวเก็บสายแจ็ค นายซินเห็นหน้ากวนเบื้องล่างของหมอแล้วก็ได้แต่งงว่าพี่แกไปเพี้ยนมาจากไหน มันมองตามหมอที่คว้ามือเพื่อนออมด้วยท่าทางเร่งรีบแล้วพากันขับนินจาคาวาซากิสีเขียวกันออกไปด้วยความรวดเร็ว พอหันไปเจอเอเดนที่เดินออกมามันจึงหันไปมองอย่างต้องการคำตอบ
“ก็เพราะยูมันทำตัวนิ่งใสซื่อซะจนน่าหมั่นไส้ยังไงล่ะโบร มหาดเล็กเลยพาเจ้าชายกลับไปแล้ว”