ตอนเช้าของวันสิ้นปีแต่อาจจะเป็นวันสิ้นโลกของนายซินเพราะไอ้แว่นขับรถได้น่ากลัวมาก นึกถึงวันที่ซ้อนไปดูไอ้ปลาคลอดลูกได้เลย นายซินต้องคอยบีบเอวของอีกคนเพื่อเตือนเป็นระยะว่านี่ไม่ใช่รถจักรยานเสือหมอบถึงจะพลิ้วได้ขนาดนั้น กว่าจะมาถึงปั้มน้ำมันที่นัดกับพวกพี่ๆคอเดียวกันได้คุณเจ้าหญิงก็อายุสั้นลงไปหลายปี นายซินที่ตัวใหญ่กว่าคนขับวาดขาลงแล้วถอดหมวกกันน็อคให้ตัวเองและอีกคนที่นั่งภูมิอกภูมิใจอยู่บนรถ นายซินมองอีกคนที่ค่อยๆถอดถุงมือหนังกันลมออก มือที่ชื้นไปด้วยเหงื่อของอีกคนมีร่องรอยของบางอย่างอยู่
"ไม่แสบเหรอครับ"
นายซินผู้ไม่ชอบความวุ่นวายแต่คิดผิดที่มาชอบคนวุ่นวาย ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋า แต่เดิมมันไม่ใช่คนเจ้าสำอางแต่เพราะไอ้แว่นผู้มีสกิลการเอาใจใส่ตัวเองและคนอื่นติดลบไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองผิวแห้งจนลอกเลือดสาดในหน้าหนาวและคงจะแย่กว่านี้ถ้าไปเจออากาศที่เย็นบนถนนนอกเมือง เพราะเช่นนั้นทำให้คุณเจ้าหญิงต้องทำทุกอย่างที่ไม่เคยทำในชีวิต อย่างโลชั่นที่ไปไหว้วานเจ้เอมม่าให้ช่วยเลือกซื้อก็เป็นอีกอย่าง
"เอามือมานี่"
นายซินบอกเมื่อเห็นอีกคนยังนั่งงง
"น้องชายเหรอวะ"
พี่ๆหลายคนที่พึ่งมาถึงเอ่ยถามเมื่อเห็นพ่อคนดังที่หวงรถเหมือนหวงลูกสาวพาใครบางคนมาด้วย แถมยังวุ่นวายทานั่นนี่ให้อีก
"แฟนครับ"
นายซินหันไปตอบพวกรุ่นพี่และรุ่นลุงในชมรมทั้งๆที่สาละวนพลิกมืออีกคนไปมาอยู่นั่นแหละ หนักแน่นจริงพ่อคุณ...พวกลุงหนวดตกใจแทบสิ้นสติแล้ว... นายซินขำคนที่นั่งก้มหน้าหน้าแดง แล้วเปลี่ยนไปทาโลชั่นให้มืออีกข้าง มือของแว่นร้อนจนนายซินอดไม่ได้ที่จะเอามานาบกับแก้มเย็นของตัวเอง ไอ้แว่นได้ทีเลยบิดแก้มตอบไปทีจนผู้ชายที่นั่งคร่อมรถสองล้ออยู่ข้างๆคิ้วกระตุกพร้อมกับส่งเสียงล้อเลียน
"กูเลี่ยน"
บอกไปรึยังว่าไอ้อ้วนออมก็มากับเขาด้วย
นายซินเริ่มอยากจะคืนคำที่บอกว่าให้ไอ้หมอขับเสียแล้ว ถึงจะขับอยู่ในขบวนแต่มันกลัวว่าคนขับจะเผลอหลับไปเหมือนหลายๆทีที่นั่งซ้อน อยากจะบอกว่าแว่นหวิดจะลงไปวัดพื้นถนนหลายรอบแล้ว และโชคคงเข้าข้างเมื่อไอ้แว่นบอกอยากขอเปลี่ยนเพราะเริ่มแสบมือที่ลอกแตก ในที่สุดแว่นก็รู้ว่าไอ้การนั่งกอดอีกคนแน่นๆแล้วมองบรรยากาศสวยๆบนถนนที่ตัดผ่านภูเขานี่มันมีความสุขกว่าเยอะ เพราะต้นไม้ที่อุดมสมบูรณ์จึงทำให้อากาศแถบนี้หนาวเย็นกว่าปกติมากโข แว่นวางคางตัวเองไว้ที่ไหล่ขวาของอีกคนแล้วทอดสายตามองพระอาทิตย์ยามบ่ายแก่ๆที่เป็นสีส้มอมแดง ตัดกับพื้นถนนสีครึ้มและต้นไม้สีเขียว สายลมเย็นทำให้แว่นอดใจไม่ไหวที่จะเปิดหระจกหมวกของตัวเองขึ้นแล้วยอมให้ลมตีจนปากซีด ก่อนจะหัวเราะก๊ากออกมาเพราะรู้สึกเหมือนหน้าตึงจนแทบขยับกล้ามเนื้อไม่ได้ นายซินยิ้มให้ผ่านหมวกสีทึบและกระจกมองหลัง มันชอบรถสองล้อเพราะมันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นอิสระเมื่อได้บินผ่านลมเย็นๆและธรรมชาติ ชอบการมาเที่ยวกับพวกพี่ๆที่เฮฮาและชอบอะไรคล้ายๆกัน แต่ปีนี้มันชอบขึ้นมาอีกอย่าง
...มันชอบให้เจ้าชายอยู่กับมันตอนที่มันมีความสุขแบบนี้....
“ยิ้มทำไม”
แว่นถามเมื่อเห็นอีกคนยิ้มไม่หุบตั้งแต่ตอนมาถึงที่อุทยานแล้ว
“ผมมีความสุข”
แว่นย่นจมูกแล้วลากเป้เข้าไปในเตนท์ลายนกอินทรีอันใหญ่ ก่อนจะไปนั่งกอดเข่าหน้าแดงอยู่คนเดียวข้างใน ไอ้คำพูดตรงไปตรงมาของอีกคนยังมีอิทธิพลอยู่ทุกทีสิน่า
*****************************
พอตกค่ำกิจกรรมรอบกองไฟก็เริ่มขึ้น ความจริงก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอกแต่คำนิยามของไอ้แว่นออกจะแปลกไปหน่อยเท่านั้นเอง ตรงลานหญ้าเขียวกว้างข้างๆล้อมรอบไปด้วยขุนเขาและสายน้ำจากน้ำตกและผู้คนจากทั่วโลกที่หลงใหลธรรมชาติ ไอ้แว่นนั่งอยู่บนเก้าอี้พับอันเล็กสูดหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าให้เต็มปอดพลางจับจ้องเสี้ยวหน้าคมคายของอีกคนยามหัวเราะจิบแอลกอฮอล์แกล้มไปกับมุขของพวกพี่ๆลุงๆหรือพูดถึงเรื่องมอเตอร์ไซค์ที่แว่นไม่ค่อยจะรู้เรื่อง คนๆนั้นยิ้มจนตาเรียวหยีและดูพูดเยอะกว่าทุกครั้งที่มันเคยเห็นมา...เจ้าชายชอบที่อีกคนมีความสุขแบบนี้ที่สุด... แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมีข้อกังขาว่าทำไมเวลาอยู่กับแว่นนายซินไม่เห็นพูดมากแบบนี้บ้างวะ แต่นึกไปนึกมาก็ต้องยอม เพราะเวลาคนข้างๆมีเหตุต้องพูดมากทีไรก็หนีไม่พ้นการทะเลาะกันทุกที เอาเป็นว่ายังยิ้มแบบนี้ให้ได้แว่นก็พอใจแล้ว...มักน้อยจริงเอ็ง
“แฟนเอ็งนี่อยู่ม.อะไรแล้ว”
คุณลุงหัวหน้าแกงค์อดถามไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงรบเร้าจากความอยากรู้อยากเห็นของหลายคนในกลุ่ม ด้วยไม่คิดว่าน้องซินของพี่ๆลุงๆจะเลี้ยงต้อย
“ทำงานแล้วครับ”
แว่นที่นั่งเงียบมานานยิ้มแล้วตอบ ความจริงมันก็เขินอยู่ไม่น้อยด้วยเพราะไม่คิดว่านายซินจะแนะนำมันได้บ้าขนาดนั้น เหล่าชายฉกรรจ์และแม่บ้านที่ติดสอยห้อยตามกันมาส่งเสียงแปลกใจกันเกือบทุกคนยกเว้นไอ้ออมที่นั่งเขี่ยเตาไฟไปมา
“เป็นรุ่นพี่ผมกับไอ้ซินสี่ปี”
ด้วยคำบอกเล่าของไอ้ออมทำให้บทสนทนาพุ่งตรงมาที่ไอ้แว่นคนเดียว นายซินขยับตัวเพื่อหยิบของในเตาย่างมาวางในจานคนข้างๆจนเต็มแล้วบังคับให้กิน แว่นตอบคำถามไปด้วยเคี้ยวอาหารเย็นไปด้วยอย่างรื่นเริง และก็แอบเคืองอีกคนไปด้วยที่ยอมให้กระดกแค่โคล่าแก้ติดคอ...นี่มันพ่อหรือผัววะ!!! บางทีแว่นเองก็แก้นิสัยหยาบคาบไม่หายเสียที...เอวัง
“หนาวเหี้ย...ไหนบอกเขาใหญ่ไม่หนาวไง”
ไอ้แว่นที่พึ่งไปอาบน้ำกลับมาบ่นกระปอดกระแปด นายซินรวบคนที่นั่งปากสั่นอยู่ในเตนท์เข้ามากอด
“ไม่หนาวแล้ว”
พลางลอบมองใบหูแดงๆ ไปด้วย
“บีมอาบน้ำเร็วมาก”
แว่นกอดอีกคนตอบก่อนจะซุกจมูกลงไปที่คออีกคนพลางบ่นไปด้วย
“อาบทำไมนาน แค่นี้ก็ขาวแล้ว”
นายซินหัวเราะให้กับคำตอบ มันเห็นไอ้เพี้ยนรื้อนั่นนี่ตอนเกือบเที่ยงคืนบอกจะไปอาบน้ำบ้าง คุณมือเบสจึงนั่งรื้อถุงนอนเตรียมไว้ให้กางถุงนอนยังไม่เสร็จมันก็เห็นเจ้าชายแว่นรูปซิบเตนท์แล้วพุ่งตัวเข้ามาอย่างเร็ว
“ขาวสกปรก”
นายซินว่าพลางจูบที่ไหล่ขาวที่อีกคนอ้าง
“ตรงนี้แอบเค็มด้วย”
ไอ้หมอบิดพุงอีกคนไปทีด้วยความหมั่นไส้ พวกมันกอดกันนิ่งๆอยู่นานจนได้ยินเสียงโห่ร้องต้อนรับปีใหม่พร้อมกับเสียงพลุอึกทึกจนกลัวว่าเสือในป่าจะวิ่งออกมาเล่นด้วย
“ออกไปดูพลุไหมครับ”
นายซินถามอีกคนที่นั่งนิ่ง
“ม่ายยยยย หนาววววว”
แว่นลากเสียงยาวแล้วดันตัวเองเข้ามาชิดอีกคนมากขึ้น ก่อนจะพูดเพราะเพื่ออะไรบางอย่าง
“ซินครับ”
คนฟังเลิกคิ้วน้อยๆก่อนจะตอบพลางลูบหลังอีกคนไปด้วย
“ครับ?”
“ต่อไปนี้เวลาไปทำงานไม่ต้องขับรถกลับมาก่อนแล้วนะ ไปกลับกับพวกเอเดนนั่นแหละ”
นายซินขมวดคิ้วแน่นแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“เป็นห่วง...”
แม้คำนั้นจะเบาแค่ไหนเมื่อเทียบกับเสียงข้างนอกแต่นายซินกลับได้ยินชัดเจน
“ครับ”
คนเด็กกว่าตอบรับเพราะเข้าใจทุกอย่างดีแล้ว แว่นพึมพำว่า ‘นี่เป็นของขวัญปีใหม่นะเว้ย’ หรืออะไรทำนองนั้น ซึ่งของขวัญปีใหม่นายซินก็อยากได้เหมือนกัน
“ผมขออย่างเดียว ขอให้บีมเลิกทำงานเกินโควต้าตัวเอง”
แว่นสูดหายใจให้ลึกก่อนจะกลั้นใจตอบ
“คร้าบบบ คุณเจ้าหญิง”
จะว่าไปนายซินก็ลืมว่ามีอีกอย่างที่อยากได้
“เลิกบอกว่าผมเด็กด้วย”
แว่นแยกเขี้ยวแล้วต่อความยาวสาวความยืด
“ไหนบอกข้อเดียว งั้นซินก็ต้องเลิกทำตัวเป็นห่วงจู้จี้เหมือนพ่อด้วย”
นายซินยิ้มกว้างแล้วตอบ
“เพราะว่าคุณเจ้าชายชอบบอกว่าผมเด็กไงครับ”
นายซินยักคิ้วให้พลางไล้มือเข้าไปในเสื้อตัวหนาแล้วลูบหน้าอกแบนที่เนียนมือ ทำเอาไอ้หมอผละตัวออกแล้วปัดเป็นพัลวัน
"ไม่มีเด็กที่ไหนเขาหื่นขนาดนี้หรอกเว้ยยยย"
แว่นโวยวายพลางขืนตัวออก ก่อนจะยักคิ้วเลียนแบบแล้วพูดทั้งๆที่หน้าแดงนั่นแหละ
"แต่ช่างเถอะ บังเอิญป๋าชอบเด็กอยู่แล้ว"
นั่นทำเอานายซินหัวเราะเสียงดังจนกลบเสียงด้านนอกเลยทีเดียว
“สวัสดีปีใหม่ครับป๋า”
คนหล่อส่งเสียงล้อเลียนแล้วไหว้แนบไหล่บาง แว่นจึงตบรางวัลเป็นการทุบที่ไหล่ไอ้เด็กบ้าไปหน
“เออ! สวัสดีปีใหม่อีหนูถึก”
______________________________________________________________________
END.