ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22  (อ่าน 331499 ครั้ง)

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
หวานมากนะนายตัง 
เหมือนจ้าจะเริ่มใจอ่อนลงมากแล้วนะเนี่ย  นายตังสู้ๆๆๆ  กันต่อไปนะ

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ตอนที่ 18  ปากแข็ง





ปลายฤดูฝน...


เสียงแตรรถที่ดังจากด้านหลังทำให้คนที่กำลังก้มหน้าอ่านข้อความในโทรศัพท์มือถือต้องหันกลับไปมองต้นเสียง ไม่ช้าปอร์เช่สีดำสนิทก็ขับเข้ามาจอดใกล้ ๆ ก่อนที่คนขับจะลดกระจกฝั่งคนโดยสารลง


“พี่จ้า ไปด้วยกันสิครับ เดี๋ยวผมไปส่ง” ดนุพงษ์เอ่ยขึ้น


“ขอบคุณนะ แต่พอดีพี่นัดกับเพื่อนเอาไว้น่ะ”


“อืม...นัดไว้ที่ไหนล่ะครับ เดี๋ยวผมไปส่ง”


“ไม่เป็นไร พี่นั่งรถไฟฟ้าไปเองดีกว่า” อาทิตย์ทัศน์กล่าว



“ขึ้นมาเถอะครับพี่จ้า เดี๋ยวผมไปส่ง” ดนุพงษ์กล่าวพร้อมกับเหลือบมองกระจกมองหลัง “นะครับพี่จ้า รถคันหลังเขาจอดรอนานแล้ว”


อาทิตย์ทัศน์ทำท่าลังเล เมื่อหันกลับไปมองด้านหลังรถที่จอดรออยู่ก็บีบแตรเสียงดังจนเขาต้องตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ


“พี่จ้าจะไปที่ไหนครับเดี๋ยวผมไปส่ง” ดนุพงษ์ถามขณะออกรถ


“ส่งพี่ที่สถานีรถไฟฟ้าก็แล้วกัน”


“เอางั้นก็ได้ครับ” ดนุพงษ์กล่าวอย่างจำใจเมื่อเห็นว่าความพยายามของตัวเองไม่เป็นผล







ครู่หนึ่งปอร์เช่คันงามก็มาจอดเทียบที่บันไดทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้า อาทิตย์ทัศน์กล่าวขอบดนุพงษ์ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ


“วันนี้หนุ่มที่ไหนมาส่งคะ” จอมขวัญที่กำลังยืนรออยู่เอ่ยขึ้น


“ดิวไง”


“ดิว...” หญิงสาวนิ่งคิด “ดนุพงษ์น่ะเหรอคะ”


“ใช่ รุ่นเดียวกับขวัญนี่” อาทิตย์ทัศน์กล่าวขณะที่ทั้งคู่กำลังยืนอยู่บนบันไดเลื่อน


“ค่ะ นี่เขากลับจากต่างประเทศแล้วเหรอคะ”


“อืม..กลับมาได้สักพักแล้วละ แล้วก็มาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย”



“เหรอคะ ขวัญไม่เห็นรู้เรื่องเลย”


“อะไรกัน เป็นเพื่อนยังไงถึงไม่รู้เรื่องเพื่อนเลยเด็กคนนี้” อาทิตย์ทัศน์หัวเราะ


“ก็เขาคบแต่กับพวกลูกคนรวยนี่คะ”


“แต่เขาก็นิสัยดีไม่ใช่เหรอ”


“ก็ใช่ค่ะ ถ้าไม่เข้าทำนองพวกมากลากไปนะคะ”


“อืม” อาทิตย์ทัศน์พยักหน้า


“แล้ววันนี้พี่ตังไม่ชวนพี่จ้าไม่ไปเลี้ยงส่งนักศึกษาฝึกงานกับที่บริษัทเหรอคะ”


“ชวน แต่พี่ไม่ไป”


“อ้าว ทำไมล่ะคะ”


“มันเรื่องภายในของพวกเขา พี่เป็นอาจารย์นิเทศนะ”


“อืม..จริงด้วย”


“ถ้าพี่ไป แล้วขวัญจะไปซื้อของกับใครล่ะ”


“แหะ ๆ ขวัญขอโทษนะคะพี่จ้าที่บอกกะทันหัน”


“ไม่เป็นไร พี่เองก็ไม่ได้ติดธุระที่ไหนอยู่แล้ว”


หญิงสาวยิ้มก่อนจะเกาะแขนที่ชายของเธออย่างประจบ “พี่จ้าน่ารักที่สุดเลย”




 






โต๊ะใหญ่ที่ตั้งอยู่ด้านในสุดภายในร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยาวันนี้ถูกจองเอาไว้สำหรับการเลี้ยงส่งนักศึกษาฝึกงานของครีเอทีฟสตูดิโอ เมื่อแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ลับหายไปกับยอดตึกทุกคนก็มาพร้อมกัน


“วันนี้น้อง ๆ อยากทานอะไรสั่งเลยนะจ๊ะ” สาวใหญ่หัวหน้าฝ่ายบุคคลเอ่ยขึ้นหลังจากที่ทุกคนนั่งประจำที่



“วันนี้พี่นีเป็นเจ้าภาพใช่ไหมครับ” พัฒน์แทรกขึ้น “เอ้าพวกเราขอบคุณพี่นีเร็ว” สิ้นเสียงของชายหนุ่มร่างท้วมบรรดาหนุ่ม ๆ สาว ๆ ร่วมสิบคนที่นั่งล้อมวงกันอยู่ต่างก็ประนมมือและกล่าวขอบคุณ
                                                                                                                                                         

“ได้จ้ะ ฉันก็จะให้ผู้จัดการหักจากเงินเดือนพวกแกนั่นแหละ”


“อ้าว...จากนางฟ้ากลายเป็นปิศาจเสียแล้ว” ตฤณกรพึมพำ


“ว่าอะไรนะตัง”


“เอ้อ...เปล่าครับพี่ ผมแค่บอกว่าลืมไปซื้อของที่ตลาด”


“อ้อ..แล้วไป”


“แนนนี่ว่าเราสั่งอะไรกินกันดีกว่านะคะ” หญิงสาวร่างตุ้ยนุ้ยเอ่ยขึ้นก่อนจะส่งเมนูอาหารให้ทุกคน....






ยิ่งค่ำภายในร้านก็ยิ่งเต็มไปด้วยผู้คน เสียงพูดคุยกันเหมือนนกกระจอกแตกรัง ไม่ช้าอาหารที่สั่งไปเมื่อสักครู่ถูกทยอยมาเสิร์ฟ ตฤณกรหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมาดูเมื่อได้ยินเสียงเตือนข้อความดังขึ้น รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏบนใบหน้าเมื่อเห็นภาพที่ถูกส่งมาเป็นภาพของใครคนหนึ่งที่กำลังนึกถึงพร้อมกับคำบรรยายสั้น ๆ


‘ขวัญมาซื้อเสื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้น้องที่ทำงานค่ะ น่ารักไหมคะ’


มันเป็นภาพสะท้อนเงากระกระจกของคนตัวสูงที่กำลังก้มหน้าก้มตาติดกระดุมเสื้อเชิ้ตลายทางสีน้ำเงินทรงเข้ารูป ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ คือหญิงสาวเจ้าของข้อความกำลังยืนยิ้มหวานในถือโทรศัพท์เพื่อถ่ายภาพ





‘น่ารักครับ’


จอมขวัญอมยิ้มเมื่อข้อความสั้น ๆ ถูกตอบกลับมา


“ยิ้มอะไรน่ะขวัญ” อาทิตย์ทัศน์ที่กำลังยืนจัดเสื้อผ้าเอ่ยขึ้น


“ขวัญส่งรูปพี่จ้าตอนลองเสื้อตัวเมื่อกี้ไปให้พี่ตังดูแล้วถามพี่ตังว่าน่ารักรักไหม พี่ตังตอบกลับมาว่าน่ารักค่ะ”


“อืม” คนตัวสูงพยักหน้า "พี่บอกแล้วว่าตัวเมื่อกี้แหละเพื่อนขวัญต้องชอบ"


หญิงสาวยิ้มก่อนจะก้มอ่านข้อความที่ถูกส่งตามมาอีกครั้ง ‘คนใส่นะครับ ไม่ใช่เสื้อ’


คำพูดของน้องสาวทำอาทิตย์ทัศน์ร้อนวูบไปทั้งใบหน้า “เพ้อเจ้ออีกแล้ว” ชายหนุ่มพึมพำ


“เพ้อเจ้อแล้วทำไมพี่จ้าต้องเขินหน้าแดงด้วยล่ะคะ เดี๋ยวขวัญจะบอกพี่ตัง” พูดจบเธอก็พิมพ์ข้อความลงในโทรศัพท์


“พอเลย” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะพยายามแย่งโทรศัพท์มือถือในมือหญิงสาวแต่เธอเอี้ยวตัวหลบทัน


“ส่งแล้วเรียบร้อยค่ะ” จอมขวัญยิ้มหวาน


“จริง ๆ เลยนะเราน่ะ” คนตัวสูงส่ายหน้าช้า ๆ









“เฮ่ย ยิ้มกับโทรศัพท์อยู่นั่นแหละ” หนุ่มร่างท้วมที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กล่าวพร้อมกับตบที่ไหล่เบา ๆ เมื่อตฤณกรเงยหน้าขึ้นก็พบว่าทุกคนกำลังจ้องมาที่เขา


“อะ..อะไรกันครับ” ชายหนุ่มถามแก้เก้อก่อนจะค่อย ๆ เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า


“เดี๋ยวนี้น้องตังทำตัวมีความลับนะคะ” สายสุนีย์เอ่ยขึ้น


“เปล่านี่ครับ ผมก็ปกติ”


“เหรอออออออ” ทุกคนที่นั่งกันอยู่ที่โต๊ะต่างก็พูดขึ้นพร้อมกัน


“ร่างกายปกติ แต่หัวใจผิดปกติหรือเปล่าคะพี่ตัง” สาวน้อยนางหนึ่งที่นั่งอยู่หัวโต๊ะเอ่ยขึ้น


“แบบคนกำลังอินเลิฟใช่ไหมจ๊ะน้องดาว” แนนนี่เสริม


“ก็อะไรทำนองนั้นแหละค่ะ”


“นี่พูดอะไรกันน่ะ ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย” ตฤณกรกล่าวก่อนจะยกแก้วน้ำอัดลมขึ้นดื่ม


“แหม ไม่ต้องปิดหรอกแก เขารู้กันหมดบริษัทแล้วเรื่องพี่เลี้ยงนักศึกษาฝึกงานกับอาจารย์นิเทศน่ะ” แนนนี่กล่าว


“ใช่ค่ะพี่ตัง สาว ๆ อกหักกันเป็นแถว” สาวน้อยหัวโต๊ะหัวเราะพาเอาคนอื่น ๆ ที่โต๊ะหัวเราะตามไปด้วย


“เฮ้ย ๆ น้อย ๆ หน่อย ยังจีบไม่ติดเลย อีกอย่างเขาเป็นอาจารย์นะ ลูกศิษย์เขาก็นั่งตาแป๋วอยู่นี่” ตฤณกรปราม


สามหนุ่มในชุดนักศึกษาต่างก็มองหน้ากันยิ้ม ๆ ก่อนจะกล่าวขึ้นพร้อมกัน “พวกผมเชียร์ครับ”


“ไอ้เด็กพวกนี้” ตฤณกรกล่าวเขิน ๆ


“ว่าแต่พี่น่ะบอกเขาหรือยังเรื่องงานที่ญี่ปุ่น” ดีไซเนอร์หน้าตี๋ซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเอ่ยขึ้น


“ยังเลยว่ะ”


ยังไม่ทันที่ทั้งสองคนจะได้พูดอะไรกันต่อ เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะ


“ใช่กอล์ฟหรือเปล่า”


เป็นเสียงที่ตฤณกรรู้สึกคุ้นหูอย่างประหลาด เมื่อเขาหันไปหาต้นเสียงก็พบร่างสูงของใครคนหนึ่งกำลังเดินตรงเข้ามา เขาคือชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งที่พักนี้ชักจะเจอกันบ่อยเกินไปนั่นเอง


“ดิว ดิวใช่ไหม” หนุ่มตี๋รีบลุกขึ้นก่อนจะเดินอ้อมโต๊ะตรงไปหาเขา


“เฮ้ย กอล์ฟจริง ๆ ด้วย ไม่เจอนายกันนานเลยว่ะ”


“นั่นสิ นายก็หายเงียบไปเลย ได้ข่าวว่าไปเรียนเมืองนอกเหรอวะ แล้วนี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไร”


“กลับมาได้เกือบครึ่งปีแล้ว ตอนนี้เราได้งานสอนที่มหาวิทยาลัย แล้วนี่นายมาทำอะไรที่นี่”


“พาน้องฝึกงานมาเลี้ยง” กอล์ฟกล่าวก่อนจะหันไปหาทุกคนที่โต๊ะ บรรดานักศึกษาฝึกงานซึ่งรู้จักอาจารย์ดนุพงษ์แห่งคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ต่างก็ยกมือไหว้เขา


“นึกว่าใคร” ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งเอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นหน้าตฤณกร “ที่แท้ก็คนกันเอง”


“แล้วนี่นายมาคนเดียวเหรอ”


“เปล่าหรอก นัดกับเพื่อน ๆ ที่เรียนอังกฤษด้วยกันไว้น่ะ ยังไงขอตัวก่อนนะ เอาไว้ค่อยคุยกันใหม่” พูดจบชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งก็เดินจากไป


“หล่อเนอะ” หญิงสาวร่างตุ้ยนุ้ยหันไปกล่าวกับสาวน้อยที่นั่งหัวโต๊ะ


“ใครเหรอคะพี่กอล์ฟ”


“เพื่อนสมัยเรียนประถมน่ะ ไม่เจอกันนานมากแล้ว” หนุ่มหน้าตี๋กล่าวขณะเดินกลับมานั่งลงที่โต๊ะ



“ดูไฮโซจังเลยนะคะ”


“อืม นักเรียนนอกน่ะ ได้ข่าวจากเพื่อน ๆ ว่าพอจบมัธยมก็ไปเรียนอังกฤษ”


“ตาย ๆ ๆ ใครก็ได้ช่วยที ใจฉันจะละลาย” แนนนี่กล่าว


“อย่าว่าแต่แนนนี่เลยจ้ะ พี่นี่เองก็แทบจะทรงตัวไม่ไหว”


“อ้าว อะไรกันครับ เจอเขาแค่ไม่กี่นาทีนี่ปันใจจากผมกันแล้วเหรอ” ตฤณกรหัวเราะ


“ก็น้องตังมีเจ้าของแล้วนี่จ๊ะ พวกพี่ก็ต้องหาสิ่งยึดเหนี่ยวสิ”


“ว่าแต่เขามีแฟนหรือยังน่ะกอล์ฟ”


“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับพี่แนนนี่ ไอ้ดิวมันไม่ค่อยได้คุยกับเพื่อนเก่าเท่าไร ว่าแต่พี่ตังเถอะ ไปรู้จักกับดิวมันได้ยังไงครับ”


ตฤณกรเงยหน้าขึ้นสบตาเจ้าของคำถามก่อนจะกล่าวเรียบ ๆ


“เขารู้จักกับอาจารย์อาทิตย์ทัศน์”


“คนนี้น่ะคู่แข่งพี่ตังเขาครับ” หนุ่มน้อยในชุดนักศึกษาพากันหัวเราะ


“เฮ้ย จริงเหรอ อาจารย์อาทิตย์ทัศน์นี่เสน่ห์แรงจริง ๆ เลยนะคะ” สาวน้อยที่นั่งหัวโต๊ะยิ้ม


“แน่ละสิจ๊ะน้องดาว หล่อเริ่ดขนาดนั้น พี่เห็นครั้งแรกตอนเขามานิเทศน้อง ๆ ฝึกงาน ถึงกับเพ้อไปหลายวัน”


“อืม แล้วพี่ตังล่ะคะ เจออาจารย์อาทิตย์ทัศน์ครั้งแรกที่ก็ที่บริษัทเหมือนกันหรือเปล่าหรือว่ารู้จักกันมาก่อนหน้านั้น”


“พี่เคยเจอเขามาก่อนหน้านี้ มันนานมากแล้วละแต่เขาจำพี่ไม่ได้”


“หูยยยยยย โรแมนติกจัง แล้วพี่ตังไปเจออาจารย์เขาที่ไหนเหรอคะ”


ตฤณกรเลือกที่จะไม่ตอบอะไร เขาได้แต่ยิ้ม....









“ปวดฉี่ว่ะ ไปฉี่กัน” หนุ่มน้อยในชุดนักศึกษาหนึ่งในสามคนเอ่ยขึ้นก่อนจะชวนเพื่อน ๆ ไปเข้าห้องน้ำซึ่งอยู่หลังร้าน หลังจากทำธุระเรียบร้อยในขณะที่ยืนรอกันอยู่นั้นคนหนึ่งก็เอ่ยขึ้น


“เฮ้ย แพ้แอลกอฮอล์นี่มันมีจริงเหรอวะ”


“เออ ไม่รู้เหมือนกันว่ะ นายเคยได้ยินหรือเปล่าวะภูมิ”


“เพิ่งเคยได้ยินวันนี้แหละ ตอนที่พี่ ๆ เขาพูดกันเรื่องพี่ตังแพ้แอลกอฮอล์ สงสัยจะกินแล้วผื่นขึ้นอะไรแบบนี้หรือเปล่าวะ เหมือนแพ้ยาน่ะ”


หนุ่มน้อยทั้งสามคนมองหน้ากันก่อนจะพากันส่ายศีรษะอย่างไม่เข้าใจโดยไม่รู้เลยว่าที่ประตูฝั่งห้องน้ำหญิงกำลังมีใครคนหนึ่งยืนฟังการสนทนาของพวกเขาทั้งสามคนอยู่






“ไปเข้าห้องน้ำนานจังเลยแนน” ดนุพงษ์เออ่ยขึ้นเมื่อหญิงสาวในชุดเดรสเข้ารูปสีดำเดินกลับมานั่งที่โต๊ะซึ่งมีหนุ่มสาวอีก 2-3 คนที่กำลังนั่งดื่มกันอยู่


“พอดีแนนเจอเรื่องสนุก ๆ มาน่ะค่ะพี่ดิว” ปากสีแดงสดคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับชะเง้อมองโต๊ะใหญ่ที่ด้านในสุด


“อะไรเหรอ” ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งขมวดคิ้ว


“เอาหูมาสิคะ” เธอกล่าวก่อนจะกระซิบกระซาบที่ข้างหูของเขา



ดนุพงษ์ขมวดคิ้วก่อนจะกล่าวเบา ๆ “จะดีเหรอ”



“ดีสิคะพี่ดิว พี่ดิวจำไม่ได้เหรอว่าเขาทำไม่ดีกับเรายังไง”



“อืม...แต่ว่าพี่ไม่เห็นว่ามันจะต้องเอาคืนกันด้วยวิธีการนี้นะ”


“ถ้าอย่างนั้นพี่ดิวก็อยู่เฉย ๆ ค่ะ เดี๋ยวแนนจัดการเอง” พูดจบริมฝีปากสีแดงก็ขยับขึ้นเรียกบริกรหนุ่มที่กำลังเดินผ่านมา เธอสั่งน้ำอัดลมสีดำกับแก้วเปล่าเพิ่มหนึ่งใบ


“เอามาทำไมยัยแนน ปกติแกไม่ต้องผสมนี่” หญิงสาวที่นั่งฝั่งตรงข้ามเอ่ยขึ้น


“ฉันไม่ได้จะดื่มเองย่ะ จะผสมให้เพื่อน พอดีเจอเพื่อนเก่าน่ะ”


ไม่นานนักน้ำอัดลมและแก้วเปล่าก็ถูกยกมาวาง ณิณญายิ้มก่อนจะจัดการผสมน้ำอัดลมน้ำแข็งและน้ำสีอำพันเข้าด้วยกัน


“แนน แต่พี่ว่า...” ดนุพงษ์อึกอัก



“พี่ดิวอยู่เฉย ๆ เถอะค่ะ แนนก็มีเพื่อนฝรั่งที่แพ้แอลกอฮอล์ยังทานได้เลย ไม่ถึงตายหรอก” หญิงสาวกล่าวอย่างไม่แยแสก่อนจะลุกขึ้นพร้อมกับหยิบแก้วที่มีน้ำสีดำอยู่เต็มทั้งสองใบเดินตรงไปยังระเบียงร้านที่ยื่นออกสู่แม่น้ำ


“สวัสดีค่ะคุณตฤณกร”


ตฤณกรซึ่งกำลังยืนเท้าแขนชมบรรยากาศยามค่ำคืนของแม่น้ำเจ้าพระยาหันมาตามเสียง เขารู้สึกแปลกใจไม่น้อยเมื่อพบว่าผู้หญิงที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเป็นใคร


“สวัสดีครับคุณณิณญา”


“บังเอิญจังเลยนะคะที่เจอกันที่นี่”


“ครับ” ชายหนุ่มตอบเพียงสั้น ๆ



“แนนมากับพี่ดิวน่ะค่ะ มีนัดกับเพื่อน ๆ ที่เคยเรียนอังกฤษด้วยกัน พี่ดิวบอกว่าคุณตฤณกรก็มาแนนเลยแวะมาทักทาย” หญิงสาวเจ้าของริมฝีปากแดงสดกล่าวก่อนจะยื่นแก้วที่ถือมาใบหนึ่งให้


“อะไรเหรอครับ”


“เพื่อเป็นการขอโทษที่คราวก่อนที่เจอกันแนนพูดจาไม่ค่อยน่ารักกับคุณตฤณกรน่ะค่ะ”


“ไม่เป็นไรหรอกครับ” ตฤณกรกล่าว


“ดื่มหน่อยเถอะนะคะ แนนจะได้สบายใจ” ณิณญายิ้ม “แค่น้ำอัดลมเองนะคะ”


ตฤณกรมองน้ำสีดำในแก้วอย่างลังเลก่อนจะรับแก้วมาไว้ในมือ


“ชนค่ะ” หญิงสาวกล่าวก่อนจะขยับแก้วในมือชนกับแก้วที่อยู่ในมือของชายหนุ่ม จากนั้นเธอก็ยกแก้วขึ้นดื่มจนน้ำสีดำพร่องไปเกือบครึ่ง


ตฤณกรมองหญิงสาวอย่างลังเลก่อนจะดื่มน้ำสีดำในแก้วที่ถืออยู่....





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-12-2013 17:46:27 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

“โชคดีนะครับที่คนไข้ดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปในปริมาณที่ยังน้อยอยู่ แล้วก็มาถึงโรงพยาบาลเร็ว” แพทย์เวรกล่าวขณะยืนบันทึกบางอย่างลงในแฟ้มข้างเตียงคนไข้ก่อนจะส่งให้พยาบาล “คิดว่าพรุ่งนี้ก็น่าจะกลับบ้านได้แล้วละครับ”



“ขอบคุณนะคะคุณหมอ” หญิงสาวผู้มีอาวุโสที่สุดในห้องกล่าวขณะที่แพทย์เวรกำลังจะเดินออกจากห้องไป


“พี่นีนั่งพักก่อนดีกว่าค่ะ หน้าซีดไปหมดแล้ว”


สายสุนีย์พยักหน้า ดังนั้นสองสาวจึงพากันประคองเธอไปนั่งที่โซฟา


“ผมน่ะตกใจหมด อยู่ ๆ พี่ตังก็ผื่นขึ้นแถมบ่นว่าหายใจไม่ค่อยออก จำได้ว่าพี่พัฒน์เคยบอกว่าพี่ตังค์แพ้แอลกอฮอล์แต่ว่าเราก็ไม่ได้ดื่มอะไรนอกจากน้ำเปล่ากับน้ำอัดลม ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง” ดีไซเนอร์หน้าตี๋กล่าว


“ดีนะที่เคยเห็นอาการมันมาก่อนเมื่อสมัยรับน้องไม่อย่างนั้นก็คงไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน” พัฒน์กล่าว




“ยังดีที่ตังมันไม่เป็นอะไรมาก” สาวร่างตุ้ยนุ้ยเอ่ยขึ้น




“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้เรากลับกันก่อนดีกว่านะ อยู่กันแบบนี้ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมตังกันใหม่ก็แล้วกัน” สายสุนีย์กล่าว


อาทิตย์ทัศน์มองดูชายหนุ่มที่ใส่เครื่องให้ออกซิเจนแบบหนวดกุ้งซึ่งยังคงนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงภายในห้องพักของโรงพยาบาล เนื้อตัวที่เคยเป็นผื่นแดงเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนค่อย ๆ จางลง เขามาถึงที่นี่หลังจากที่ได้รับโทรศัพท์จากนักศึกษาฝึกงานในความดูแลของเขาเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน ชายหนุ่มถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะหันไปหานักศึกษาสามคนที่กำลังยืนเกาะเตียงคนไข้


“นี่มันก็ดึกมากแล้ว ผมว่าพวกคุณรีบกลับบ้านเถอะ เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่จะเป็นห่วง”


“ครับอาจารย์” สามหนุ่มกล่าวขึ้นพร้อมกันก่อนจะลาพี่ ๆ ทุกคน


“ถ้าอย่างนั้นผมไปส่งน้อง ๆ ให้นะครับอาจารย์ เจอเหตุการณ์แบบนี้แล้วรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีเลย” หนุ่มร่างท้วมเสนอ


“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปส่งเด็ก ๆ เองดีกว่า ที่พวกคุณช่วยดูแลเด็ก ๆ ให้ เท่านี้ก็รบกวนทุกคนมากแล้ว” อาทิตย์ทัศน์กล่าวอย่างสุภาพ


“ไม่เป็นไรค่ะอาจารย์ เราคนกันเองทั้งนั้นใช่ไหมทุกคน” แนนนี่ยิ้มก่อนจะหันไปขอความคิดเห็นจากเพื่อน ๆ ที่ต่างก็พากันพยักหน้าเห็นด้วย


“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งดาวกับพี่นีที่บ้านก็แล้วกันนะ” พัฒน์กล่าว


“งั้นแกกลับกับพี่นะกอล์ฟ” แนนนี่หันไปกล่าวกับดีไซเนอร์หน้าตี๋


“พี่ส่งผมที่สถานีรถไฟฟ้าก็พอครับ”


ดังนั้นในคืนนี้ทุกคนจึงแยกกันที่โรงพยาบาล...





เช้าวันต่อมาอาทิตย์ทัศน์มาเยี่ยมตฤณกรแต่เช้า เมื่อเปิดประตูเข้าไปเขาก็พบว่าคนป่วยกำลังนั่งดูข่าวเช้าอยู่บนเตียง เครื่องให้ออกซิเจนถูกถอดออกไปแล้วส่วนผื่นแดงตามตัวก็หายไปจนหมด


“เป็นยังไงบ้าง” คนตัวเล็กกว่ากล่าวก่อนจะวางตะกร้าหวายลงที่โต๊ะข้างเตียงที่มีถาดอาหารของผู้ป่วยวางอยู่


“สบายดีครับ” ตฤณกรตอบยิ้ม ๆ


“คุณทานอะไรหรือยัง”


“ยังเลย” ตฤณกรส่ายหน้า


“จะทานเลยไหม แม่ผมฝากข้าวต้มมาให้ด้วย”


“ครับ”


จากนั้นอาทิตย์ทัศน์ก็ยกถุงขนมกับกล่องใส่ข้าวต้มออกมาจากตะกร้าก่อนจะเปิดฝาออกและเทใส่ชาม จากนั้นจึงเลื่อนโต๊ะมาที่เตียงของชายหนุ่ม


“หอมจัง”


“คุณมีอะไรอยากบอกผมไหม”


“ไม่มีนี่” คนตัวสูงยิ้ม “ที่ผมอยากบอกผมก็บอกคุณไปหมดแล้ว หรือว่าคุณอยากจะฟังอีก”


อาทิตย์ทัศน์จ้องหน้าคนทำทะเล้นโดยไม่ได้พูดอะไรจนคนถูกจ้องสลดลง “คุณอยากฟังเรื่องอะไรล่ะครับ”


“เมื่อคืนนายภูมิบอกผมว่าเจออาจารย์ดนุพงษ์กับอาจารย์ณิณญาที่ร้าน”



“ครับ ก็เจอกันโดยบังเอิญ”


“แค่นั้นเหรอ”


“อืม ก็แค่นี้น่ะสิครับ คุณจะให้แค่ไหนล่ะ”


“แล้วคุณไปดื่มแอลกอฮอล์ตอนไหน”


“อืม...สงสัยน้ำอัดลมมันทำปฏิกริยากับน้ำย่อยในกระเพาะก็เลยเปลี่ยนเป็นแอลกอฮอล์มั้ง” คนตัวสูงพูดกลั้วหัวเราะแต่ดูเหมือนว่าคนฟังจะไม่ขำด้วยกับเขา


“ช่างมันเถอะคุณ มันผ่านไปแล้ว ผมอาจจะเผลอหยิบแก้วใครดื่มไปก็ได้” ตฤณกรตัดบท


“แต่ทุกคนบอกว่าดื่มกันแต่น้ำเปล่ากับน้ำอัดลมนี่ เพราะคุณดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ ทุกคนก็เลยพากันไม่ดื่มตาม”


“ทานข้าวดีกว่า ผมหิวแล้ว”


 “คุณกำลังปกป้องคนผิดนะ” อาทิตย์ทัศน์ถอนหายใจเบา ๆ พร้อมกับยื่นช้อนให้


คนตัวสูงรับมันมาถือไว้เงียบ ๆ ยังไม่ทันที่ตฤณกรจะได้พูดอะไร เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น คนที่เปิดประตูเข้ามาทำให้อาทิตย์ทัศน์และตฤณกรต้องแปลกใจไม่น้อย


“สวัสดีครับ” ดนุพงษ์ที่เดินเข้ามาเอ่ยขึ้น “ผมแวะมาเยี่ยม” เขากล่าวก่อนจะส่งกระเช้าผลไม้ให้อาทิตย์ทัศน์ เขาหันไปสะกิดหญิงสาวหน้าหงิกที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอจึงยกมือไหว้อาทิตย์ทัศน์
 


“ขอบคุณมากนะครับ” ตฤณกรกล่าวด้วยรอยยิ้ม



“แล้วก็...” ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งกล่าวอย่างลังเล “ผมอยากจะขอโทษเรื่องเมื่อคืน”


“เรื่องอะไรเหรอ” อาทิตย์ทัศน์ถามแต่สายตาหันไปคาดโทษคนที่นั่งอยู่บนเตียง


“ตอนเห็นพวกเพื่อน ๆ คุณช่วยกันพาคุณออกจากร้าน ผมก็เริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แน่ ๆ ผมน่าจะห้ามแนนให้เด็ดขาดกว่านั้น”


“แหมล้อเล่นหน่อยเดียวเองค่ะ แนนบังเอิญได้ยินนักศึกษาคุยกันเรื่องคุณตฤณกร ก็แค่จะหยอกเล่นสนุก ๆ นี่คะ เพื่อนแนนที่เป็นชาวต่างชาติก็เป็นแบบนี้กันตั้งหลายคนแต่พอฝึกดื่มบ่อย ๆ เข้าอาการก็หายไปเอง” สาวปากแดงกล่าวอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก


“ล้อเล่นแบบนี้ไม่ดูเลือดเย็นไปหน่อยเหรอครับอาจารย์แนน” อาทิตย์ทัศน์กล่าว “คุณล้อเล่นกับชีวิตคนอื่นผมว่ามันเกินไปหน่อย ถ้าเขาเป็นอะไรไปพวกคุณจะทำยังไง”


“ก็ไม่เห็นเป็นอะไรสักหน่อย” หญิงสาวพึมพำจนคนที่ยืนข้าง ๆ กันต้องปราม


“งั้นเอาเป็นว่าแนนขอโทษก็แล้วกัน” คำขอโทษที่ฟังดูห้วน ๆ นั้นทำเอาหัวคิ้วหนาของอาทิตย์ทัศน์เริ่มขมวดเข้าหากัน


“ถ้าไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองทำเป็นเรื่องผิดก็อย่าขอโทษเลยครับ”


“อะ อะจารย์จ้าว่าแนนเหรอคะ”


“เปล่า ผมไม่ได้ว่า แต่ผมหมายความแบบนั้นจริง ๆ”


“ผมขอโทษจริง ๆ นะครับพี่จ้า คุณตฤณกร” ดนุพงษ์เอ่ยขึ้น


“เอ่อ..ช่างมันเถอะครับ” ตฤณกรกล่าวเรียบ ๆ



“เห็นไหมคะ เจ้าตัวเขายังไม่ว่าอะไรเลย”


“ก็เพราะแบบนี้ไงครับ คนเดือดร้อนไม่เอาเรื่องเพราะถือว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไรมาก เอะอะก็บอกว่าไม่เป็นไร คนทำผิดถึงยังคงทำผิดอยู่นั่น ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีกโดยไม่รู้ว่าเรื่องที่ตัวเองทำมันผิด คุณรู้ไหม เวลาผมสอนนักศึกษาแล้วมีนักศึกษามาเรียนสาย แล้วผมปล่อยให้เขาเข้ามานั่งเรียนโดยไม่ได้ทำการตักเตือน วันต่อ ๆ ไปเขาก็จะมาสายแบบนี้อีก เขาอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่ได้มีผลอะไรหรือเดือดร้อนใคร แต่นั่นมันจะทำให้ตัวเขาเองลำบากเมื่อเขาต้องออกไปทำงานร่วมกับคนอื่น และนั่นหมายถึงว่าผมมีส่วนทำให้เขาเป็นแบบนั้น ถ้าคนเป็นครูทำผิดเสียเองแล้วจะไปสอนลูกศิษย์ได้ยังไง ใครจะนับถือ”


“อาจารย์จ้า” ณิณญาขึ้นเสียง “เก่ง ๆ อย่างแนนน่ะ แค่เอาความรู้ที่เรียนมาสอนให้นักศึกษาก็พอแล้วค่ะ ไม่ต้องทำตัวเป็นแม่พระนักศึกษาก็นับถือ”


“อย่าลืมว่าในสังคมตอนนี้มีคนเก่งมากแล้ว แต่ที่เรายังขาดอยู่อีกมากคือคนดีนะครับ” อาทิตย์ทัศน์กล่าว


“นี่ว่าแนนเหรอคะ” หญิงสาวปากแดงกล่าวก่อนจะเชิดใส่


“เปล่าครับ ผมแค่บอกเอาไว้ เผื่ออาจารย์แนนไปอยู่เมืองนอกมานานจะไม่ทราบ” คนตัวสูงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก


“ฮึ่ย” หญิงสาวทำท่ากระฟัดกระเฟียดจนดนุพงษ์ของพาตัวเธอออกไป










“โอ้ย....” ตฤณกรถอนใจเฮือกใหญ่ “หัวใจผมจะวาย กลัวเธอจะกรี๊ดกลางโรงพยาบาลแทบแย่ เจอฤทธิ์อาจารย์อาทิตย์ทัศน์เข้าไป”


“คุณยังมีความผิดนะ”


“อะไรกันครับ ผมถูกกระทำนะคุณ”


“แต่คุณปกป้องคนผิด”


“ก็ผมไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่นี่นา”


“คนที่ทำผิดแล้วไม่ได้สำนึกว่าตัวเองทำผิด คนแบบนี้ควรจะได้รับบทเรียนบ้าง”


“คุณก็มีมุมน่ากลัวเหมือนกันนะ” ตฤณกรยิ้ม


อาทิตย์ทัศน์ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะดูนาฬิกาข้อมือ “ผมต้องไปแล้วนะ”


“เดี๋ยวสิครับ” ตฤณกรกล่าวพร้อมกับคว้าข้อมือของเขาเอาไว้ “คุณล่ะ มีอะไรอยากบอกให้ผมรู้ไหม”


“เรื่องอะไร” คนตัวเล็กกว่าขมวดคิ้วสงสัย


“ก็อย่างเช่น คุณเป็นห่วงผม หายเร็ว ๆ นะ หรืออะไรทำนองนี้”


“ถ้ามีแรงกวนประสาทแบบนี้คงไม่น่าเป็นห่วงแล้วละ”


“อะไรกันคุณ นี่ถ้าผมเป็นอะไรไปคุณจะทำยังไงเนี่ย”


“ผมเป็นเจ้าภาพให้คืนแรกดีไหม” อาทิตย์ทัศน์หัวเราะก่อนจะดึงมือของเขาออก “ทานข้าวไป ผมจะไปทำงานแล้ว” พูดจบเขาก็เดินไปหยิบตะกร้า


“เดี๋ยวเถอะ ถ้าผมหายไปนาน ๆ แล้วคุณนั่นแหละจะคิดถึงผม” ตฤณกรกล่าวตามหลังคนที่กำลังจะเดินออกจากห้องไป









บ่ายวันนั้นอาทิตย์ทัศน์ถูกขอร้องจากเพื่อน ๆ ของตฤณกรให้มารับเขาที่โรงพยาบาลเพื่อไปส่งที่คอนโดเพราะไม่มีใครว่างมารับเนื่องจากต่างคนต่างติดประชุม


“ไม่ได้แผนใช่ไหม” คนตัวเล็กกว่าซึ่งนั่งอยู่หลังพวงมาลัยเอ่ยขึ้นขณะมองชายหนุ่มที่นั่งผิวปากอารมณ์ดีอยู่ข้าง ๆ



“แผนอะไรกันคุณ” ตฤณกรทำหน้าทะเล้น


“ก็เรื่องที่เพื่อนคุณโทรให้ผมมารับคุณเพราะว่าทุกคนติดประชุมน่ะ”


“ก็ประชุมจริง ๆ นี่ครับ พอดีเดือนหน้าคงต้องยุ่ง ๆ กันหน่อยเลยต้องประชุมเตรียมรับมือ”


“ทำไม จะปลดพนักงานที่วัน ๆ เอาแต่นั่งโพสต์ข้อความในเว็บบอร์ดออกเหรอ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปจอดที่ลานจอดรถของคอนโด


“เปล่าเสียหน่อย คุณนี่” ตฤณกรขมวดคิ้วยิ้ม ๆ









“เดือนหน้าผมถูกส่งให้ไปทำงานที่ญี่ปุ่น” ชายหนุ่มเจ้าของห้องเอ่ยขึ้นขณะนั่งลงบนโซฟา


“อืม ก็ดีนี่ ได้ไปเที่ยว”


“ดีอะไรกันคุณ ไปตั้งเดือนหนึ่งนะ”


“ก็คิดเสียว่าได้เที่ยวญี่ปุ่นหนึ่งเดือนโดยไม่ต้องส่งฝาผลิตภัณฑ์อะไรไปชิงโชคไง” อาทิตย์ทัศน์กล่าวขณะเดินดูภาพติดฝาผนัง


“โธ่คุณ แทนที่จะอาลัยอาวรณ์กันบ้าง นี่ไม่มีเลย ผมไปตั้งเดือนหนึ่งนะ”


“ผมคงสบายหู” คนตัวเล็กกว่ากล่าวโดยที่ไม่ทันระวังคนที่เดินมาจากด้านหลัง มือหนาคว้ากุญแจรถในมือของเขามาถือเอาไว้ก่อนจะกล่าว


“ให้มันจริงเถอะ”


“เอากุญแจรถผมคืนมา” อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้ว


“ผมไม่คืนจนกว่าคุณจะสัญญามาก่อน ไม่งั้นคุณก็ต้องค้างที่นี่แหละ”


“สัญญาอะไร”


คนตัวสูงกว่ายิ้มเจ้าเล่ห์ “ก็สัญญาว่าถ้าผมกลับมาคุณจะยอมตอบคำถามของผม”


“คำถามอะไรของคุณ”


“อีกหนึ่งเดือนผมจะกลับมาถามคุณว่าคุณคิดถึงผมหรือเปล่า”


“ตอบตอนนี้เลยก็ได้”


“ไม่เอาสิ ตอบตอนนี้คุณก็ต้องบอกว่าไม่คิดถึง ผมถึงจะหายไปหนึ่งเดือนแล้วกลับมาเอาคำตอบไง”


“เอากุญแจคืนมา” อาทิตย์ทัศน์แบมือ


“สัญญาก่อน”


“ไม่” คนตัวเล็กกว่ากล่าวก่อนจะเดินไปที่ประตูพร้อมกับเปิดมันออก


“ถ้าไม่สัญญาผมก็ไม่ยอมให้ไป” ตฤณกรที่เดินมาจากด้านหลังกล่าวก่อนจะเอื้อมมือดันประตูให้ปิดลงเหมือนเดิม “สัญญาก่อน” คนตัวสูงกว่ากล่าวพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ


หน้าคมร้อนวูบขึ้นมาทันทีเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่รดต้นคอและท่อนแขนแกร่งที่พาดผ่านบ่าของตัวเอง 


“อือ สัญญาก็สัญญา” อาทิตย์ทัศน์ตัดสินใจตอบห้วน ๆ “เอากุญแจคืนมาได้แล้ว” พูดจบเขาก็สอดมือไปที่ข้างลำตัวของตัวเองก่อนจะแบออกเพื่อรอรับกุญแจจากคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง


“หันมาสิคุณ ไม่งั้นผมจะคืนยังไง”


“คุณก็วางลงมาบนมือผมสิ”


“ผมมองไม่เห็นน่ะ คุณหันมาสิครับ”


อาทิตย์ทัศน์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะค่อย ๆ หันไปหาคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง ตาคมไม่กล้าแม้แต่จะสบตาคนตรงหน้า เขาได้เพียงแต่มองอยู่ในระดับสายตาเท่านั้น ไม่นานริมฝีปากหยักได้รูปก็คลี่ยิ้มออก



 “ทำไมไม่มองหน้าผมล่ะ หรือว่าคุณเขินผม”


“ผมจะเขินทำไม เอากุญแจผมคืนมา”


ตฤณกรยิ้ม “ผมจะทำยังไงกับคนปากแข็งดี”


“เอาคืนมา” อาทิตย์ทัศน์ลากเสียง


“ก็ได้ ๆ นี่ครับ” ตฤณกรกล่าวก่อนจะวางกุญแจลงบนมือของคนตรงหน้า


“คุณสัญญาแล้วนะ ว่าจะตอบคำถามผม”


“ผมรู้แล้วน่า” อาทิตย์ทัศน์กล่าว เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นจึงพบว่าปลายจมูกโด่งของตฤณกรอยู่ห่างกับปลายจมูกของเขาเพียงลมหายใจกั้นเท่านั้น


“เป็นอาจารย์ต้องรักษาสัญญานะคุณ” คนตัวสูงพูดกลั้วหัวเราะ



“พูดมาก” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะใช้มือผลักหน้าอกคนตรงหน้าเบา ๆ “ถอยไป ผมจะกลับบ้านแล้ว” พูดจบชายหนุ่มก็เปิดประตูเดินออกจากห้องไปทิ้งไว้แต่เพียงรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่ใบหน้าของเจ้าของห้อง...






...



ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ คาดว่าอีก 2 ตอนก็น่าจะจบแล้วค่ะ ^^



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2014 11:30:29 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ Palmpalm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
จะจบแล้วเหรอ ไม่อยากให้จบเลยอ่ะ


ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3
ขอตอนพิเศษด้วยนะ จะติดตามตลอดไปค่ะ

ออฟไลน์ Tun_Bow

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
อ.ดิวจะเสียคนเพราะคบเพื่อนอย่าง อ. แนน นี่แหละ นางไม่ได้สำนึกอะไรเล๊ยยย
ติดลบไปแล้วล่ะ ยังไงๆก็เชียร์ให้ตังค์มาวินเห็นๆ
พี่จ้าปากแข็งจังเลยย แต่ก็น่ารักกก ยิ่งอยู่กับพี่ตังได้เห็นจ้าในมุมที่คนอื่นคงไม่ได้เห็นยิ่งน่าร๊ากก
อีกสองตอนจะจบแล้วแอบใจหายนิดๆแหะ
รอตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
จ้ามีมุมน่ากลัวด้วย คนอย่างแนนต้องเจออย่างนี้แหละ
รอตังกลับจากญี่ปุ่นมาทวงสัญญา จะสมหวังไหมตัง
เอาใจช่วยเต็มที่

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
ตังยังจีบจ้าไม่จุใจเลยจะจบแล้วววว
ไม่ชอบยัยครูแนนมากๆๆ

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
อีก 2 ตอนจะจบ ??

 :a5:

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ตอนที่ 19 กล่องแห่งความลับ




สัปดาห์ต่อมา...


‘ผมจะขึ้นเครื่องแล้วนะคุณ นอกจากไม่มาส่งแล้วยังจะไม่อวยพรอะไรหน่อยเหรอครับ’



อาทิตย์ทัศน์อ่านข้อความที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะยิ้ม นิ้วเรียวค่อย ๆ พิมพ์ข้อความบางอย่างตอบกลับไป



‘…..’



ตฤณกรอ่านข้อความสั้น ๆ ที่ถูกส่งมาก่อนจะพึมพำกับตัวเอง “ใจร้ายจริง ๆ” ชายหนุ่มยิ้มก่อนจะพิมพ์ข้อความส่งกลับไปบ้าง



‘ผมจะแปลมันว่า...เดินทางปลอดภัย อย่าลืมคิดถึงผมบ้าง คุณกลับมาเมื่อไรผมจะบอกว่าคิดถึงคุณเหมือนกัน...ตามนี้ก็แล้วกันนะครับ ผมไปละ’



“ไอ้บ้าเอ๊ย” อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋า มือหนึ่งเอื้อมผลักประตูกระจกบานใหญ่เข้าไปในร้านอาหารอิตาเลียนตกแต่งสไตล์โมเดิร์นซึ่งตั้งอยู่ในซอยดียวกับมหาวิทยาลัย เสียงดนตรีคลาสิคดังคลอไปกับเสียงพูดคุย ลูกค้าในร้านเวลานี้มากพอสมควรแต่ก็ยังพอมีโต๊ะว่าง ชายหนุ่มแจ้งกับบริกรที่เดินเข้ามาหาก่อนจะตามเขาไปนั่งลงที่มุมหนึ่งของร้านก่อนที่ตาคมมองหาใครคนหนึ่งที่โทร.นัดให้เขามาที่นี่เมื่อช่วงเย็น


“ขอโทษที่ต้องให้รอนะครับพี่จ้า พอดีผมมีประชุมด่วน เพิ่งจะเลิก” ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งที่เพิ่งเดินมาถึงเอ่ยขึ้นก่อนจะนั่งลง


“ไม่เป็นไร พี่ก็เพิ่งมาถึง” 


“พี่จ้าสั่งอะไรหรือยังครับ” ดนุพงษ์ถาม


“ยัง แต่เดี๋ยวก่อนก็ได้ พูดธุระของดิวมาเถอะ”


“ถ้าไม่มีธุระ เราจะทานข้าวด้วยกันไม่ได้เลยเหรอครับ”


“ก็ดิวเป็นคนบอกพี่เองว่ามีธุระจะคุยด้วยไม่ใช่เหรอ”


“ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้า “ถ้าผมไม่บอกแบบนั้น พี่จ้าจะยอมมาเหรอครับ”


อาทิตย์ทัศน์สบตาคนตรงหน้าก่อนจะนิ่งไป


“ผมแค่อยากเจอพี่จ้า ตั้งแต่วันนั้นเราก็ไม่มีได้เจอกันเลยนะครับ พี่จ้ายังโกรธผมเรื่องวันนั้นอยู่หรือเปล่า ผมอยากจะขอโทษ”


“พี่ว่าเราเลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่า อีกอย่างคนเสียหายเขาก็ไม่ได้ติดใจเอาความอะไรตั้งแต่วันนั้นแล้ว”


“ผมไม่ได้สนใจความรู้สึกเขา แต่ที่ผมสนใจ ผมสนใจความรู้สึกพี่จ้ามากกว่า” ดนุพงษ์กล่าวก่อนจะจ้องลึกลงไปในดวงตาของชายหนุ่มตรงหน้า


“พี่น่าจะมองออกว่าผมรู้สึกยังไงกับพี่”


“เรา...สั่งอาหารกันดีกว่านะ” อาทิตย์ทัศน์ตัดบท


“ให้โอกาสผมหน่อยไม่ได้เหรอครับ” ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งกล่าวก่อนจะวางมือของตัวเองลงบนมือของคนตรงหน้า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วนะครับที่ผมขอโอกาสจากพี่”


ใช่...มันเป็นครั้งที่สองแล้วที่ผู้ชายคนนี้พูดขอโอกาสจากเขา วันนี้เป็นครั้งที่สอง ส่วนครั้งแรกเมื่อสิบกว่าปีก่อนสมัยที่เขาทั้งคู่ยังคงเรียนชั้นมัธยม...


อาทิตย์ทัศน์นิ่งเงียบไปก่อนจะค่อย ๆ ชักมือออก “ดิวก็น่าจะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้”


“ตอนนั้นผมอาจจะสู้พี่นนท์ไม่ได้ แต่ตอนนี้ผมสู้ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ตรงไหน” ดนุพงษ์กัดกรามแน่นด้วยความโมโหแต่ก็พยายามจะรักษาน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด



“มันไม่ใช่เรื่องของการต่อสู้หรือการแข่งขันนะ” อาทิตย์ทัศน์ตอบเรียบ ๆ “พี่ว่าดิวตั้งสติแล้วค่อย ๆ คิดทบทวนดีกว่า อามรณ์ดีแล้วค่อยมาคุยกัน ถ้ายังอยากจะคุยกันอยู่ วันนี้พี่กลับก่อนก็แล้วกัน” พูดจบเขาก็ลุกขึ้นเดินออกจากร้าน








“เขาดีกว่าผมตรงไหน ก็แค่พนักงานบริษัทธรรมดา ๆ” ดนุพงษ์ที่รีบวิ่งตามออกมากล่าวพร้อมกับคว้าข้อมือชายหนุ่มเอาไว้


อาทิตย์ทัศน์ดึงมือเขาออกก่อนจะกล่าว “อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยพูดจาดูถูกใคร”


“ผม ผมขอโทษ” ดนุพงษ์กล่าวเสียงอ่อยเมื่อรู้สึกได้ว่าตนเองกำลังทำตัวไม่ดี


“พอเถอะ ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะหันไปโบกแท็กซี่ที่กำลังแล่นผ่านมา...









สายลมเย็น ๆ ของฤดูหนาวพัดผ้าม่านหน้าต่างปลิวไสว เสียงกรุ๊งกริ๊งของโมบายแขวนหน้าต่างดังเป็นระยะ ๆ ตามจังหวะของกระแสลม คนที่กำลังนอนหลับอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้น เป็นอีกหนึ่งวันของการตื่นขึ้นมาแล้วต้องนึกถึงใครบางคนในรอบสองสัปดาห์ที่ไม่มีแม้แต่ข้อความ เสียงโทรศัพท์ หรือข่าวคราวใด ๆ  อาทิตย์ทัศน์ลุกขึ้นก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำครู่ใหญ่ก่อนจะกลับออกมาอีกครั้งในชุดเสื้อยืดแขนยาวลายขวางกับกางเกงขาสั้นใส่สบาย ๆ เขาเดินลงไปที่ชั้นล่างของบ้านก่อนจะตรงเข้าไปในครัว


หญิงวัยกลางคนที่กำลังยืนหันหลังให้เธอยังคงทำหน้าที่ของเธอเหมือนทุกวันที่ผ่านมา แม้เวลาจะผ่านไปเกือบสามสิบปี เธอก็ยังคงยืนอยู่ตรงนี้ เสียงมีดกระทบกับเขียงไม้ดังเป็นจังหวะต่อเนื่องแข่งกับเสียงฝาหม้อที่ถูกดันขึ้นด้วยไอน้ำเดือด


“จ้าช่วยนะแม่” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะเดินเข้าไปเปิดฝาหม้อออกทำให้ไอน้ำพวยพุ่งขึ้นมาทันที


อรนุชยิ้มก่อนจะส่งชามใส่หมูสับให้ลูกชาย จากนั้นอาทิตย์ทัศน์ก็ใช้นิ้วเรียวปั้นหมูเป็นก้อนก่อนจะหย่อนลงในน้ำที่เดือดพล่าน


“เห็ดหูหนูอยู่ในอ่างข้างเตานะลูก แม่ล้างเอาไว้แล้ว” พูดจบผู้เป็นแม่ก็หันไปตอกไข่ใส่ชาม


อาทิตย์ทัศน์รอจนหมูสับที่หย่อนลงไปในหม้อเมื่อสักครู่ค่อย ๆ ลอยขึ้นมา จากนั้นเขาก็ใส่เห็ดหูหนูตามลงไปก่อนจะปรุงรสด้วยน้ำปลา เขาปล่อยให้น้ำเดือดไปอีกสักพักก่อนจะปิดฝาหม้อและปิดเตา



“ทำกับข้าววันนี้แล้วคิดถึงตังนะลูก มีแต่ของชอบของตังทั้งนั้นเลย”


อาทิตย์ทัศน์ยิ้มกับตัวเองพร้อมกับนึกถึงคนที่มักจะกินแต่กับข้าวจืด ๆ ก่อนจะหันไปหาผู้เป็นแม่ “ตอนจ้าไม่อยู่แม่คิดถึงจ้าแบบนี้หรือเปล่าเนี่ย”


“คิดถึงสิลูก แม่ก็คิดถึงหมดแหละทั้งจ้าทั้งตัง”


อาทิตย์ทัศน์เดินเข้าไปสวมกอดผู้เป็นแม่จากด้านหลังพร้อมกับบ่น “จ้าชักไม่แน่ใจแล้วว่าใครเป็นลูกแม่กันแน่”


“ดูพูดเข้าลูกคนนี้” อรนุชกล่าวก่อนจะตีแขนลูกชายเบา ๆ


“ก็จริงนี่ครับ” ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะคลายวงแขนออก จากนั้นเขาจึงหันไปหยิบกระทะมาตั้งบนเตาก่อนจะเปิดเตาขึ้นอีกครั้ง


“ไม่รู้ว่าตังจะกลับมาทันวันเกิดจ้าหรือเปล่านะ แม่ว่าจะชวนมาทานข้าวที่บ้านด้วยกันเสียหน่อย แล้วนี่ได้คุยกันบ้างหรือเปล่า” ผู้เป็นแม่กล่าวก่อนจะส่งขวดน้ำมันให้ลูกชาย


“เปล่าครับ”


“สงสัยจะงานยุ่ง”


“กวนประสาทมากกว่า” อาทิตย์ทัศน์พึมพำกับตัวเองก่อนจะเทน้ำมันลงกระทะพร้อมกับนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน...








“อ่ะนี่” ตฤณกรกล่าวพร้อมกับยื่นกุญแจกับคีย์การ์ดให้คนตัวเล็กกว่าที่กำลังยืนเกาะแผงกั้นดูพระอาทิตย์ที่กำลังตกดินบนสถานีรถไฟฟ้า


“อะไร”


“คีย์การ์ดกับกุญแจสำรองห้องผม”


“แล้วเอามาให้ผมทำไม” ชายหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความสงสัย


“ก็ไว้สำหรับตอนผมไปญี่ปุ่นแล้วคุณคิดถึงผมขึ้นมาไง คุณจะได้ไปที่ห้องผมเผื่อจะหายคิดถึง”


“บ้า ใครจะคิดถึงคุณ”


“ลองดูไหมล่ะ ผมจะไม่โทร.หา ไม่ส่งข้อความมา ดูซิว่าคุณจะคิดถึงผมไหม” คนตัวสูงยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มสุดท้ายก่อนที่จะจากกันไปไกลขนาดนี้....







“จ้า น้ำมันร้อนแล้วลูก มัวใจลอยไปไหน” ผู้เป็นแม่ยิ้มก่อนจะส่งชามใส่ไข่ที่ตีผสมกับหอมแดงให้ลูกชาย


อาทิตย์ทัศน์รับชามใบนั้นมาก่อนจะเทไข่ลงในกระทะ ไม่ช้าไข่เจียวก็เหลืองฟูด้วยความร้อนของน้ำมัน


“ใจลอยไปญี่ปุ่นหรือเปล่าจ๊ะลูกชายแม่”


“ไม่ใช่เสียหน่อยครับ” ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ พร้อมกับค่อย ๆ ใช้ตะหลิวกลับไข่ในกระทะ


อรนุชยิ้มก่อนจะหันไปเปิดหม้อข้าวก่อนจะตักข้าวสวยร้อน ๆ ใส่จาน


“เอ้อ กล่องใส่ของที่แม่วางไว้ให้น่ะลูกดูหรือยัง เผื่อจะมีอะไรที่ไม่ใช้แม่จะได้บอกให้คนรับซื้อของเก่าเขามาขนไปพร้อม ๆ กันทีเดียว” ผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้น


“จ้าลืมไปเลย เดี๋ยววันนี้จ้าจะลองดูนะครับ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะตักไข่สีเหลืองทองขึ้นพักบนตะแกรง...






ในตอนสายหลังจากที่ส่งผู้เป็นแม่ไปทำงานแล้ว ชายหนุ่มก็กลับเข้ามานั่งดูทีวีและอ่านหนังสืออ่านเล่นจนกระทั่งตกบ่าย อาทิตย์ทัศน์เดินไปที่ระเบียงก่อนจะนั่งลงมองปลาคราฟหลากสีที่เขาเลี้ยงเอาไว้พร้อมกับนึกถึงคนที่มักจะมานั่งตรงนี้บ่อย ๆ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ชายหนุ่มค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีฟ้าสดที่ถูกประดับด้วยริ้วเมฆสีขาว สายลมเย็น ๆ ที่พัดผ่านมาพาเอาใบไม้ไหว อาจเป็นเพราะร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกเอาไว้ข้างบ้านทำให้มุมนี้เป็นมุมที่เย็นสบายเหมาะสำหรับการนั่งพักผ่อน ใครบางคนจึงชอบมานั่งตรงนี้เสมอทุกครั้งที่มาที่นี่


ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปยกกล่องพลาสติกใส่ของใบใหญ่ที่วางอยู่ข้างชั้นหนังสือมาวางที่ระเบียงก่อนจะนั่งลง จากนั้นเขาจึงค่อย ๆ เปิดฝากล่องออก ข้างในมีเสื้อแจ็คเก็ตตัวใหญ่ที่ได้รับแจกเมื่อสมัยเป็นเฟรชชี่ ที่ด้านหลังเสื้อปักตัวอักษรภาษาอังกฤษเป็นชื่อภาควิชาของเขา


‘photographic art’


 มือเรียวค่อย ๆ หยิบเสื้อตัวนั้นออกมากาง มันยังคงใหม่มากเพราะใส่ไปเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น อาทิตย์ทัศน์ชะงักเมื่อรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างตกลงบนหน้าตักของเขา มันคือหมวกแก๊ปสีดำซึ่งที่หน้าหมวกปักตัวอักษรเดียวกันกับเสื้อนั่นเอง


ชายหนุ่มวางเสื้อแจ็คเก็ทลงข้างตัวก่อนจะเอื้อมหยิบกล้องฟิล์มตัวเก่าที่เป็นเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากกันตั้งแต่เมื่อตอนสมัยเรียนขึ้นมาดู เขายิ้มกับมันราวกับได้เจอเพื่อนเก่าที่ไม่ได้พบกันเสียนานอีกครั้ง แม้มันจะพังจนซ่อมไม่ได้แล้วแต่เขาก็ไม่เคยคิดที่จะทิ้ง อาทิตย์ทัศน์วางกล้องลงบนตักพร้อมกับมองสำรวจสิ่งที่ยังเหลืออยู่ในกล่องซึ่งมีทั้งตำราเรียน สมุดจดงาน และเอกสารประกอบการเรียนจำนวนหนึ่ง ที่ก้นกล่องยังมีภาพขาวดำที่ล้างอัดเองตั้งแต่เรียนการล้างอัดภาพในห้องมืดเมื่อครั้งเรียนชั้นปีที่ 1 มันเป็นภาพของต้นไม้ใบหญ้า คน และสัตว์ เท่าที่ในเวลานั้นจะถ่ายได้ แต่ละภาพวางกระจัดกระจายกันอยู่ คงจะหลุดออกมาจากอัลบั้มที่วางอยู่ใกล้ ๆ กัน


อาทิตย์ทัศน์หยิบอัลบั้มที่เต็มไปด้วยภาพถ่ายขาวดำขึ้นมาดู มันเป็นภาพเมื่อตอนที่เขาไปรับน้องที่จังหวัดเชียงใหม่ มีทั้งภาพการเดินทางด้วยรถไฟ ภาพวัดวาอารามซึ่งเป็นศิลปะล้านนา แต่มีรูปหนึ่งที่สะดุดตาเหลือเกิน มันเป็นภาพของชายหนุ่มผมยาวที่กำลังนั่งวาดรูปอยู่ริมถนนซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนและร้านค้า...







“จ้า พี่อยากให้เขาวาดภาพล้อให้น่ะ จ้านั่งเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะ พวกปีสองไม่รู้เดินหายไปไหนกันหมดแล้ว” สาวน้อยร่างบางเอ่ยขึ้นก่อนจะดึงมือน้องรหัสให้เดินไปด้วยกัน ในที่สุดเธอก็พาเขาไปหยุดที่ร้านขายโปสการ์ดทำมือ ที่ข้างร้านมีชายหนุ่มผมยาวร่างหนาคนหนึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาวาดภาพตามแบบซึ่งเป็นภาพถ่ายที่ได้มาจากลูกค้า


“อีกหลายคิวไหมคะ” เธอเอ่ยขึ้น


ชายหนุ่มร่างหนาเงยหน้าขึ้นก่อนจะกล่าว “ถ้ารีบ ผมลัดคิวให้ก่อนได้ครับ งานนี้เขาสั่งทำ อีกหลายวันถึงจะมาเอา”


“ถ้าอย่างนั้นรบกวนหน่อยนะคะ”


“นั่งเลยครับ” ชายหนุ่มร่างหนากล่าวก่อนจะหันไปหยิบกระดานวาดรูปแผ่นเล็กที่ขึงกระดาษเอาไว้เรียบร้อยแล้วขึ้นมาวางบนตัก


“พร้อมนะครับ” เขากล่าวก่อนจะลงมือร่างดินสอ


“พี่ลัล งั้นผมเดินเล่นแถวนี้นะ” ชายหนุ่มที่สวมหมวกแก๊ปกับแจ็คเก็ทตัวโคร่งกล่าว


“อยู่เป็นเพื่อนกันก่อนสิจ้า” ลัลลดาหันไปบอกน้องรหัสของเธอ


“นั่งก่อนก็ได้ไอ้น้อง หลังแผงพี่มีเก้าอี้” ชายหนุ่มเจ้าของร้านกล่าว


อาทิตย์ทัศน์หยักหน้าก่อนจะเดินไปหยิบเก้าอี้ตัวเตี้ยที่หลังร้านมานั่งลงใกล้ ๆ กับพี่รหัสของเขา



“มาเที่ยวเหรอครับ” ชายหนุ่มร่างหนาเอ่ยขึ้นขณะที่สายตายังคงจ้องที่ปลายดินสอ


“มารับน้องค่ะ แล้วก็ถือโอกาสมาเที่ยวด้วย”


“มาจากกรุงเทพฯ เหรอ”


“ค่ะ พรุ่งนี้ค่ำ ๆ ก็จะกลับแล้ว วันนี้เลยพากันมาเดินถนนคนเดินค่ะ”


“ไปไหว้พระธาตุมาหรือยังครับ”


“ว่าจะขึ้นไปพรุ่งนี้ค่ะ” ลัลลดากล่าวพร้อมกับมองภาพในกระดาษที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง


“เป็นคนเชียงใหม่เหรอคะ” เธอเอ่ยขึ้นเมื่อชายหนุ่มตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน


“ครับ”


“เรียน มช. หรือเปล่าคะ”


“เปล่าหรอกครับ เรียนกรุงเทพฯ เหมือนกัน พอดีปิดเทอมก็เลยชวนเพื่อน ๆ มานั่งวาดรูปที่ถนนคนเดิน” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับมองไปยังตรงข้ามฝั่งถนนซึ่งมีหนุ่มผมยาวอีกคนกำลังนั่งวาดรูปอยู่


อาทิตย์ทัศน์ละสายตาจากกระดานวาดรูปของชายหนุ่มร่างหนาก่อนจะหันมองผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก่อนจะยกกล้องที่ขึ้นฟิล์มเตรียมพร้อมขึ้นมาเล็ง นาน ๆ จะลั่นชัตเตอร์ให้ได้ยินเสียที





ผ่านไปเกือบสามสิบนาที รูปการ์ตูนล้อหญิงสาวหัวโตตัวเล็กก็เสร็จเรียบร้อย “ขอบใจนะก้อง” ลัลลดากล่าวเมื่อรับภาพนั้นมาไว้ในมือ


“อ่ะ นี่เงินจ้ะ” เธอกล่าวก่อนจะส่งเงินให้ชายหนุ่ม


“ไม่เป็นไร เอาไว้ถ้าเราแวะไปแถวมหาวิทยาลัยของลัลก็เลี้ยงข้าวเราบ้างก็แล้วกัน” ก้องเกียรติยิ้มก่อนจะหยิบนามบัตรจากกระเป๋าเสื้อส่งให้ “นี่เบอร์เรา เผื่ออยากใช้บริการงานศิลป์”


“ขอบใจนะ” ลัลลดารับนามบัตรนั้นมาก่อนจะใส่ไว้ในกระเป๋าสะพายที่ถักจากไหมพรม “เราไปละ”


“ครับ”


“ไปกันเถอะจ้า” ลัลลดาหันไปดึงน้องรหัสของเธอให้ลุกขึ้นก่อนจะพากันเดินหายไปในฝูงชน





“อะไรกัน ๆ เจอกันแป๊บเดียวมีให้เบอร์กันด้วย” ชายหนุ่มผมยาวที่เดินข้ามฝั่งมาเอ่ยขึ้น


“เฮ่ย ลูกค้า” ก้องเกียรติขมวดคิ้ว


ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนจะถาม “เขามาจากไหนน่ะพี่”


“มาจากกรุงเทพฯ”


“กรุงเทพฯ ด้วย ถ้าอย่างนั้นพี่ก้องก็พอมีหวังน่ะสิ” น้ำเสียงล้อ ๆ นั้นทำเอาคนฟังต้องรีบสวนกลับทันที


“ไอ้ตัง ไอ้บ้า พี่ยังไม่ได้คิดอะไรเลย แกน่ะคิดไปไกลแล้ว”


“เอาเถอะ แล้วผมจะคอยดู” ตฤณกรกล่าวยิ้ม ๆ







รถสี่ล้อสีแดงพานักศึกษาสาขาศิลปะการถ่ายภาพจำนวนหลายสิบชีวิตที่มาจากกรุงเทพฯ ซึ้นไปส่งที่วัดพระธาตุดอยสุเพพในช่วงบ่าย แม้จะเป็นวันจันทร์แต่นักท่องเที่ยวที่มาสักการะพระธาตุก็ยังคงหนาตา เมื่อนักศึกษาทั้งหมดลงจากรถเรียบร้อยแล้วก็พากันจัดแถวถ่ายรูปหมู่ที่หน้าบันไดซึ่งมีปูนปั้นรูปพญานาคขนาดใหญ่เลื้อยทอดตัวยาวตามแนวเชิงบันได จากนั้นนกกระจอกก็พากันแตกรังอีกครั้ง เมื่อต่างคนต่างเดินขึ้นไปตามบันไดโดยมีจุดหมายอยู่ที่องค์พระธาตุสีทองที่ด้านบน


“ไอ้น้องปีหนึ่งคนนั้นน่ะ เร็ว ๆ หน่อยวุ้ย ไว้ไปดื่มด่ำกับวัฒนธรรมข้างบนโน่น” เสียงของนราวิช หรือ ‘พี่วิช’ ซึ่งเป็นพี่ว้ากที่ดังขึ้นทำให้หลาย ๆ คนต่างก็ต้องเร่งฝีเท้า จะมีก็เพียงชายหนุ่มที่ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ กล้องตัวเก่งถูกยกขึ้นมาบันทึกภาพทิวทัศน์ป่าเขาที่เพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรก


“จ้า เร็ว ๆ เข้า พี่วิชเรียกแล้ว เดี๋ยวก็โดนซ่อมกันทั้งชั้นปีหรอก” เสียงลัลลดาร้องขึ้นก่อนที่เธอจะวิ่งลงมาลากแขนน้องรหัสของเธอขึ้นไป


“ดะ เดียวก่อนพี่ลัล หมวก...” อาทิตย์ทัศน์ร้องขึ้นก่อนจะหันไปหยิบหมวกที่วางอยู่กับราวบันได ร่างสูงชะงักเล็กน้อยเมื่อตาคมประสานกับสายตาของใครคนหนึ่งที่กำลังเดินขึ้นบันไดมา แรงรั้งจากมือเล็ก ๆ ของพี่รหัสช่วยเรียกสติกลับคืนมาอีกครั้ง มือเรียวเอื้อมคว้าหมวกแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว







เมื่อเดินผ่านซุ้มประตูเข้าไปสายตาของหลาย ๆ คนก็ปะทะเข้ากับสีทองอร่ามของยอดพระธาตุ เสียงระฆังใบใหญ่ดังสลับกับเสียงระฆังใบเล็กที่ชายคาตามจังหวะของกระแสลมปลายฤดูหนาว อาทิตย์ทัศน์เดินถ่ายรูปไปรอบ ๆ พระธาตุก่อนจะไปหยุดที่จุดชมวิวซึ่งสามารถมองเห็นเมืองเชียงใหม่ได้เกือบทั้งเมือง เสียงชัตเตอร์ของนักท่องเที่ยวยังคงดังแข่งกับชัตเตอร์ของบรรดานักศึกษาสาขาศิลปะการถ่ายภาพจนกระทั่งเสียงของชายหนุ่มร่างใหญ่ดังขึ้นอีกครั้ง


“น้อง ๆ สาขาศิลปะการถ่ายภาพนะครับ มารวมกันตรงนี้ก่อนเดี๋ยวเราจะรับดอกไม้ธูปเทียนไปไหว้พระธาตุกัน”


ดังนั้นบรรดาเด็กหนุ่มสาวที่ต่างสะพายกล้องกันคนละตัวต่างก็เดินมารวมกันเพื่อรับดอกไม้ธูปเทียนที่รุ่นพี่เตรียมไว้ให้ก่อนจะแยกย้ายกันไปสักการะพระธาตุ



“อธิษฐานอะไรน่ะจ้า” หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กันเอ่ยขึ้นหลังจากทั้งคู่ปักธูปลงในกระถาง


“ขอให้ได้กลับมาอีกครั้ง” อาทิตย์ทัศน์กล่าว


“อืม พูดยังกับเชียงใหม่มายากอย่างนั้นแหละ”


“บางที่มันก็ไปไม่ยากนะพี่ลัล แต่ก็ไม่บ่อยที่เราจะได้กลับมาอีกครั้ง”


“ถ้าอย่างนั้นพี่ขอให้จ้าได้กลับมาที่นี่อีกนะ” ลัลลดายิ้มก่อนจะลุกขึ้นเดินไปรวมกับเพื่อน ๆ ของเธอ


อาทิตย์ทัศน์วางดอกบัวสีชมพูที่พับกลีบอย่างประณีตลงบนพานก่อนจะเดินสำรวจไปรอบ ๆ อีกครั้ง ในขณะที่เพื่อน ๆ ของเขาต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปหามุมถ่ายรูปของตนเองเพื่อหวังจะมีงานติดไม้ติดมือกลับไปส่งอาจารย์บ้าง


“จ้า ไปแขวนระฆังกันเถอะ อ่ะนี่พี่เอามาเผื่อ ไปเขียนชื่อแล้วก็เอาไปแขวนนะ” สาวร่างบางกล่าวก่อนจะส่งระฆังใบจิ๋วให้น้องรหัสของเธอ


“ขอบคุณครับพี่ลัล” อาทิตย์ทัศน์รับระฆังใบเล็กมาก่อนจะหาที่ร่ม ๆ เพื่อนั่งเขียนชื่อลงไปตามที่พี่รหัสของเขาบอก ครู่หนึ่งเขาก็ลุกขึ้น จุดหมายก็คือรั้วรอบ ๆ องค์พระธาตุ



“แดดร้อนนะ ระวังไม่สบาย” เสียงที่ดังขึ้นใกล้ ๆ หูทำให้ชายหนุ่มต้องชะงัก เขารู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ถูกวางลงบนศีรษะก่อนที่ร่างสูงของชายหนุ่มผมยาวผู้หนึ่งจะเดินผ่านตัวไป เมื่ออาทิตย์ทัศน์เอื้อมมือหยิบสิ่งที่อยู่บนศีรษะมาดู เขาก็พบว่ามันคือหมวกแก๊ปที่เขาวางทิ้งไว้ที่ราวบันได ชายหนุ่มสวมมันกลับเข้าที่พร้อมกับมองหาผู้ชายคนเมื่อครู่แต่ก็ไม่พบ อาทิตย์ทัศน์จึงเดินไปที่รั้วรอบองค์พระธาตุก่อนจะจัดการแขวนระฆังใบเล็กนั้นไว้กับรั้ว






คนตัวสูงยืนมองชายหนุ่มที่ได้เจอที่ถนนคนเดินเมื่อคืนก่อนจะยิ้มน้อย ๆ เขาเดินเข้าไปที่รั้วรอบองค์พระธาตุก่อนจะเอื้อมมือจับระฆังใบเล็กที่เพิ่งถูกแขวนเมื่อครู่ขึ้นมาดูข้อความที่ถูกเขียนเอาไว้



‘เมฆา กิตติวรกุล’





อาทิตย์ทัศน์นั่งลงที่โต๊ะเขียนหนังสือในห้องนอนก่อนจะเลื่อนลิ้นชักหยิบกล่องใส่โปสการ์ด ๆ ออกมาดูทีละใบ ในที่สุดเขาก็เจอสิ่งที่กำลังหา ภาพสเก็ตซ์ด้านหลังของผู้ชายสวมหมวกแก็ปที่หลังเสื้อมีตัวอักษร ‘phot’ ภาพสเก็ตซ์บันไดนาค และภาพสเก็ตซ์ระฆังใบเล็กซึ่งแขวนอยู่ตามแนวรั้วเหล็ก กระดาษสีเหลืองเก่า ๆ ยิ่งย้ำเตือนว่าแต่ละภาพถูกวาดเอาไว้นานแล้ว...



ประตูห้องในคอนโดถูกเปิดออกช้า ๆ อาทิตย์ทัศน์ค่อย ๆ ก้าวเข้าไปภายในห้องก่อนจะเปิดไฟ เขาเดินตรงไปที่ผนังด้านหนึ่งของห้องที่มีกรอบรูปติดเรียงเอาไว้ มือเรียวค่อย ๆ ปลดภาพสเก็ตซ์ชายหนุ่มสวมหมวกแก๊ปออกมาดูอย่างพิจารณา ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ใส่ใจกับรายละเอียดของภาพเท่าไรนัก แต่หากพิจารณาดี ๆ จะพบว่าพื้นหลังที่ไม่ได้แสดงรายละเอียดอะไรมากนักยังคงมีรายละเอียดในตัวของมันเอง นั่นทำให้คนดูรู้ได้ทันทีว่าชายหนุ่มในภาพกำลังนั่งอยู่ที่ร้านขายรูปภาพหรือโปสการ์ดที่ไหนสักที่ ที่คอของเขาคล้องสายกล้องซึ่งคาดว่าจะเป็นรุ่นเดียวกันกับกล้องที่เขาถืออยู่ในมือ อยู่ ๆ น้ำใส ๆ ก็หยดลงบนกระจกของกรอบรูป อาทิตย์ทัศน์ใช้มือเรียวปาดน้ำตาที่กำลังไหลอาบทั้งสองแก้มของตัวเองก่อนจะกอดกรอบรูปนั้นเอาไว้แน่น...



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-12-2013 15:01:01 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ชายหนุ่มร่างสูงสวมเสื้อกันหนาวตัวหนากำลังยืนมองชายชราที่กำลังนั่งวาดภาพปราสาทสีทองซึ่งขณะนี้ถูกปกคลุมด้วยหิมะ รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเมื่อเหตุการณ์หนึ่งค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นในความคิด....





“น้อง ๆ มาถ่ายรูปกันเร็ว” เสียงชายหนุ่มในชุดทักษิโด้สีขาวดังขึ้น บรรดาหนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่วันนี้พากันแต่งตัวสวยหล่อมาร่วมแสดงความยินดีในงานมงคลสมรสของเขาพากันกรูกันเข้ามายืนเรียงแถวโดยพร้อมเพรียงกัน


“อ้าว ตากล้องไปไหนวะ”


“มันไปเข้าห้องน้ำพี่” คนหนึ่งเอ่ยขึ้น


“จ้า ถ่ายรูปให้พี่หน่อยนะ” เสียงใส ๆ ของสาวร่างบางในชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาดตาดังขึ้นก่อนที่หนุ่มหล่อในชุดสูทสีดำเข้ารูปจะเดินออกไปยืนที่ฝั่งตรงข้ามกับกลุ่มคนเหล่านั้นพร้อมกับกล้องในมือ


“พร้อมนะครับ” เจ้าของริมฝีปากบางกล่าวก่อนจะนับ ไม่นานเสียงชัตเตอร์ก็ดังรัวขึ้น


“เรียบร้อยครับ” ตากล้องจำเป็นกล่าวด้วยรอยยิ้ม


ตฤณกรจ้องมองชายหนุ่มร่างสูงคนนั้นราวกับจะพยายามจดจำในทุกรายละเอียดของเขาเอาไว้ ทั้งแผงคิ้วหนา ดวงตาคม จมูกโด่งรั้น ริมฝีปากบางและลักยิ้มเล็ก ๆ เวลาที่เขายิ้มให้กับคนอื่น



“เป็นอะไรหรือเปล่าตัง” มือหนาที่แตะลงบนป่าทำให้ชายหนุ่มผมยาวต้องละสายตาจากคนที่เห็นอยู่ไกล ๆ


“เปล่าครับ” ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ เมื่อเขามองไปยังจุดเดิมอีกครั้งก็ไม่พบคน ๆ นั้นอีกแล้ว...







ตฤณกรกลับมาที่ห้องพักของโรงแรมก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะทำงาน เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเลื่อนอ่านข้อความและดูรูปภาพเก่า ๆ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ ในที่สุดก็ตัดสินใจโยนมันลงบนเตียง ร่างสูงเดินกระสับกระส่ายไปมาอยู่ภายในห้องก่อนจะนั่งลงอีกครั้งจากนั้นเขาเปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุคขึ้น...




‘ผมมาทำงานที่ญี่ปุ่นได้สามสัปดาห์แล้วครับ ที่นี่อากาศหนาวมาก เป็นสามสัปดาห์ที่ทรมานดีจริง ๆ ไม่ใช่เพราะงานหนัก ไม่ใช่เพราะปัญหาเรื่องภาษา หรือสภาพอากาศ แต่เป็นเพราะ...มันไกล ก่อนหน้านี้ผมเลยพยายามหาข้อดีของการมาทำงานที่ญี่ปุ่นนอกจากการได้เที่ยว เพราะเอาเข้าจริง ก็แทบจะไม่มีเวลาเที่ยวเลย ผมเคยคิดว่าญี่ปุ่นจะทำให้เราเห็นดวงอาทิตย์ก่อนใคร ๆ ในโลก  แต่ใครคนหนึ่งกลับบอกผมว่าถ้าผมตื่นเช้าขึ้นอีกนิดผมก็จะเห็นดวงอาทิตย์ก่อนคนอื่น ๆ มันก็จริงครับ แบบนี้ผมไม่ต้องมาถึงญี่ปุ่นก็ได้ ผมเคยคิดว่ามาญี่ปุ่นน่าจะทำให้ผมรู้สึกอุ่นเพราะผมจะได้อยู่ใกล้ ๆ กับดวงอาทิตย์ แต่พอเอาเข้าจริงดวงอาทิตย์ที่นี่อุ่นสู้ดวงอาทิตย์ของผมที่เมืองไทยไม่ได้เลย... ขอโทษนะครับที่พูดมาเสียยืดยาว มันเหงา ๆ น่ะครับ’ เขียนโดย ดีไซเนอร์สุดหล่อ   


‘เข้าใจอารมณ์นี้ดีค่ะ ทำงานไกลบ้านเหมือนกัน’ เขียนโดย บก.ผู้น่ารัก


‘กลับเมื่อไรครับ ระหว่างนี้โพสต์มาเล่าแก้เหงาก็ได้นะครับ เป็นกำลังใจให้’ เขียนโดย หัวหน้าแก๊งค์เที่ยว


‘เที่ยวไกลนะคะ’ เขียนโดย คนช่างคิด




“ดูอะไรอยู่น่ะขวัญ พี่เห็นนั่งยิ้มคนเดียวมาตั้งนานแล้ว” อาทิตย์ทัศน์ที่กำลังยืนให้อาหารปลาคราฟอยู่ที่ระเบียงเอ่ยขึ้น


“เปล่าค่ะพี่จ้า พอดีอ่านอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะค่ะ” จอมขวัญยิ้มก่อนจะลุกขึ้น


“อ้าว แล้วนี่จะกลับแล้วเหรอ”


“ค่ะ ขวัญมานานแล้ว เดี๋ยวเผื่อแม่เรียกหา ขวัญกลับก่อนนะคะพี่จ้า” พูดจบหญิงสาวก็เดินออกจากบ้านไป




อาทิตย์ทัศน์เดินมานั่งหน้าคอมพิวเตอร์โน้ตบุคก่อนจะมองดูปฏิทิน เหลืออีกเพียงสองวันเท่านั้นที่เขาจะต้องตอบคำถามของใครบางคนตามที่ได้สัญญากันไว้ ชายหนุ่มเปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุคขึ้นก่อนจะพบว่าน้องสาวของเขาอ่านบางอย่างค้างเอาไว้



‘เกือบสี่สัปดาห์แล้วที่ผมไม่เห็นหน้าเขา ไม่แม้แต่จะได้ยินเสียง นั่นเป็นเพราะเงื่อนไขบ้า ๆ ของผมเอง ก่อนมาผมบอกเขาว่าผมจะไม่โทร.หา ไม่ส่งข่าวใด ๆ ทั้งสิ้น แล้ววันที่ผมกลับไปผมจะไปเอาคำตอบจากเขาว่าเขาคิดถึงผมบ้างหรือเปล่า แล้วก็เป็นผมเองที่คิดถึงแทบบ้า (คิดว่าใช้คำนี้น่าจะเหมาะที่สุดกับสภาพของผมในตอนนี้) นี่ผมกำลังตกหลุมรักหรือเปล่าครับ คุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ทำยังไงดีผมหลงรัก username นี้เข้าให้แล้ว’ เขียนโดย ดีไซเนอร์สุดหล่อ


‘กรี๊ดดดดดดดดดด ไปปิ๊งกันตอนไหนคะ ทำไมเจ๊ไม่รู้’ เขียนโดย คนคิดไกล


‘นี่มันกระทู้บอกรักชัด ๆ’ เขียนโดย โปรแกรมมั่ว


‘อะไร ยังไง รู้จักกันตอนไหน เจอกันได้ยังไงอธิบายแฟนคลับด่วนค่ะ’ เขียนโดย มัณฑนากรสุดสวย





“ไอ้บ้าเอ๊ย” อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้วเขิน ๆ





แสงไฟในห้องนอนยังคงสว่าง อากาศข้างนอกเริ่มเย็นลงทุกขณะ ตาคมยังคงไล่ไปตามตัวหนังสือยาวเหยียดบนหน้าจอที่นั่งอ่านมาตั้งแต่เมื่อตอนกลางวัน


‘หลายคนสงสัยว่าผมพบเขาครั้งแรกที่ไหน อืม...ตัวเขาเองอาจจะคิดว่าที่งานแต่งงานของพี่ที่เราสองคนเคารพ แต่สำหรับผมมันก่อนหน้านั้นครับ ผมพบเขาที่เชียงใหม่เมื่อสักสิบกว่าปีก่อนละมั้ง ตอนนั้นผมกับพี่ ๆ ที่รู้จักกันไปนั่งวาดรูปที่ถนนคนเดินกันในช่วงปิดเทอม แล้วผมก็ได้พบกับเขา เราอยู่กันคนละฟากถนน จำได้ว่าวันนั้นผมไม่วาดอะไรเลยนอกจากภาพของเขา วันต่อมาผมเจอเขาที่วัดพระธาตุดอยสุเทพ ตลกดีนะครับ ผมไปแอบดูระฆังใบเล็กที่เขาเขียนชื่อเอาไว้ พยายามค้นหาว่าเขาเป็นใครอยู่ที่ไหนแต่ก็ไม่พบ มารู้ทีหลังว่าชื่อที่เขาเขียนไว้ที่ระฆังน่ะเป็นชื่อของพ่อเขา ตั้งแต่นั้นผมก็เกือบจะลืมเขาไปแล้วจนกระทั่งเราพบกันอีกครั้งที่งานแต่งงานของพี่สองคนนั้น และเป็นอีกวันที่หัวใจผมเต้นแปลก ๆ แต่ก็เป็นอีกวันที่ผมได้แต่มองอยู่ไกล ๆ’



‘คุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ไม่รู้ว่าคุณจะเป็นแบบผมไหม เวลาที่ตื่นขึ้นมาแล้วรับรู้ได้ว่ายังมีคุณอยู่มันรู้สึกดีจัง ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะเป็นแค่ไอ้บ้า เป็นคนกวนประสาท ปากไม่ดี ในสายตาคุณ แต่ผมก็จะเป็นไอ้บ้า  คนกวนประสาท ปากไม่ดีของคุณคนเดียวเท่านั้น อีกไม่กี่วันผมก็จะได้เจอหน้าคุณแล้วนะ อยากรู้จังว่าคุณจะตอบคำถามของผมว่ายังไง ไม่รู้ว่าคุณจะคิดถึงผมบ้างหรือเปล่า’




แสงแรกของวันกำลังรอดผ่านช่องว่างของปุยเมฆเพื่อทักทายทุกสรรพสิ่งที่กำลังหลับใหล จะมีก็แต่ชายหนุ่มในห้องนอนชั้นสองที่ยังคงนั่งอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุคไม่ยอมไปไหน อาทิตย์ทัศน์ไล่อ่านข้อความบันทึกประจำวันนั้นจนกระทั่งมาถึงข้อความสุดท้ายที่ถูกโพสต์ไว้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ปากบางคลี่ยิ้มก่อนจะจรดปลายนิ้วเรียวลงบนคีย์บอร์ด....








‘ขยันพิมพ์ดีนะ ถ้าอยากรู้ว่าจะตอบว่าอะไรก็รีบกลับมาเร็ว ๆ’ เขียนโดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า     





ประโยคสั้น ๆ นั้นทำเอาชายหนุ่มหน้าตาอิดโรยกลับดูมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ตฤณกรรีบเก็บข้าวของบนโต๊ะทำงานก่อนจะเดินดิ่งไปยังห้องประชุมเพื่อนำเสนองานแก่ลูกค้าซึ่งเป็นภารกิจวันสุดท้ายในประเทศญี่ปุ่นของเขา...



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-12-2013 12:32:54 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ aloney

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-4
ไล่อ่านตั้งแต่ตอนเช้า

feel good มากกก

อะไรมันจะโรแมนติกขนาดนี้ เทวดาคงจับคู่ให้ตั้งแต่ในท้องหรือเปล่า 555555+

จ้าเป็นผู้ชายที่น่าอิจฉาที่สุด >/////<

ออฟไลน์ Palmpalm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
อ่านไปบิดไปจนตัวจะเป็นเลขแปดแล้วค่า อิอิ

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
 :catrun:น่ารักที่สุดๆๆๆๆๆ
พี่จ้าพบรักแท้แล้วนะ

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
อ่านไปยิ้มไป เหมือนคนบ้า
 :-[ :-[
ทำไมมันหวานอย่างนี้นะคุณดีไซเนอร์สุดหล่อ
รอคุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้าตอบคำถามดีกว่า

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
โคตรจะโรแมนติก    :กอด1:



ถ้ามีโอกาสได้อ่านเยอะกว่านี้ จะดีใจมากๆ 

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
โห  โรแมนติกมากกกกกกกกกกกที่สุด 
ขอบคุณที่เขียนเรื่องโรแมนติกให้อ่านนะ  และขอบคุณความใส่ใจของนักเขียนด้วย
เรื่องขนมโดนัท  ตอนแรกที่เราอ่าน  เราคิดในใจว่าต้องเก่งมากเลย  ทำขนมโดนัทเป็นด้วยประมาณนี้
แต่คุณนักเขียนเล่าว่า  สืบค้นข้อมูลการทำขนมโดนัทจากในอินเตอร์เน็ต 
ซึ่งบ่งบอกความใส่ใจของคุณในการเขียนเล่าเรื่อง  ขนมโดนัท  สมจริงดีมาก  ขอบคุณมากกับความใส่ใจนี้
และขอบคุณที่เล่าเรื่องของตังกับจ้าให้อ่าน  หนุ่มตังโรแมนติกมากกก

mumumim

  • บุคคลทั่วไป
หวานมากค่พ  อ่านรวดเดียวเลย โรแมนตืกมากๆ :o8:

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
หวานมากกกกก อิจฉาา ฮ่าา :laugh:

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ขอบคุณมาก ๆ สำหรับคอมเม้นท์นะคะ ดีใจที่ทุกคนชอบค่ะ
จริง ๆ ตั้งใจจะลากยาวตอนนี้ไว้หลังปีใหม่ แต่รู้สึกว่ามันเข้ากับบรรยากาศเย็น ๆ แบบนี้ดี
เลยเอามาให้อ่านกันค่ะ ดำเนินมาถึงท้ายเรื่องแล้วนะคะ
ต้องขอโทษด้วยที่อาจจะสั้นไปหน่อยในความรู้สึกของคุณคนอ่านหลาย ๆ ท่าน เนื่องจาก...หมดมุขแล้วค่ะ :z13:
คิดว่าถ้าเขียนต่อ เรื่องมันก็คงวน ๆ ซ้ำ ๆ เลยเอาแค่นี้แหละ
ตอนหน้าตอนสุดท้ายแล้วนะคะ หลังปีใหม่คงได้มาเขียนต่อ ขอไปตามรอยตังกับจ้าก่อนค่ะ
ส่วนตอนพิเศษ เดี๋ยวขอคิดก่อนนะคะว่ามันจะพิเศษยังไงดี

คุณ Warin คะ ขอบคุณสำหรับเรื่องโดนัทนะคะ เป็นความตลกอย่างนึง คือมันมีหลายสูตรมาก
หาคลิป ดูเว็บหลายเว็บทั้งวันจนพี่ที่ทำงานแซวสุดท้ายก็ออกมาเป็นแบบที่เห็นค่ะ
ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ไม่รู้ว่าอร่อยหรือคนขายหน้าตาดี ^^   


ขอบคุณคุณคนอ่านทุกคนอีกครั้งนะคะ ในบรรดาเรื่องยาวที่เขียนมาเราชอบเรื่องนี้มาก
ก็เลยเปิดเพจไว้เก็บภาพหรือว่าบันทึกสิ่งที่ได้พบเห็นจริง ๆ ที่เป็นแรงบันดาลใจในการเขียน
ยังไงแวะมาอุ่นกันได้นะคะ https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%96%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%B2/211496972370031
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-12-2013 15:48:02 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
กรี๊ดดดดดมากกกกกกก พี่จ้าน่ารักอ่ะ
ตังรีบ ๆ กลับไปเลยนะไปเอาคำตอบ ^^
ถ้าน้องขวัญเห็นข้อความพี่จ้าต้องมีล้อแน่นอน 555

ออฟไลน์ bluecoco

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
อ่านแล้วอุ่นเข้าไปในหัวใจเลยค่ะ
น่ารักมาก
ก้อนหินจำศิล ช่วงนี้คงหายไปจากห้องนานเลย
เพราะเจอแฟนคลับตามติดขนาดนี้ น่ารักมากๆๆ

ออฟไลน์ Na_RimKLonG

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 640
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆนะคะ


มาต่อเร็วๆนะ  รออออออออออ 

ออฟไลน์ lonesomeness

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
โรแมนติกสุดๆ
อ่านแล้วรอบข้างดูเป็นบรรยากาศอมชมพูวิ้งๆ


 :L2: :L2:

ออฟไลน์ AGALIGO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4

หมายความว่าแอบชอบเค้ามาตั้งนานแล้วล่ะสิ
หวังว่าจะได้รับคำตอบที่ตรงใจนะ---รอข่าวดีหลังปีใหม่

ตอนแรกพอรู้ว่าตังจะไปต่างประเทศ
คิดว่าจะไปนานแล้วจ้าต้องเป็นฝ่ายรอซะอีก---แต่ไปแค่เดือนเดียวเอง

ยังไงหลังจบเรื่องนี้ถ้าแต่งเรื่องใหม่อีกก็จะดีมากๆเลย

+ 1 + เป็ดจ้า

ออฟไลน์ Monochii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ขอบอกว่าตกหลุมรักเรื่องนี้มากๆค่ะ เรานั่งอ่านเรื่องนี้เมื่อวานรวดเดียวจนถึงตอนล่าสุด ประทับใจมากๆ
ชอบบรรยากาศของเรื่องนี้ ชอบจ้าชอบตัง รู้สึกว่าอืม.. คนอย่างจ้า ก็ต้องมีคนแบบตังนี่ล่ะนะอยู่ข้างๆ
ที่เราชอบที่สุดของเรื่องนี้คือ โปสการ์ดของตังนี่ล่ะค่ะ เราคิดว่าการสเก็ตรูปแล้วส่งโปสการ์ดให้ใครสักคนเนี่ย มันมีความหมายมากๆ แอบคิด บ๊ะ อิตาคนนี้เท่จริงๆเลย
และก็ชอบชื่อusername 'ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า' ของจ้ามากๆค่ะ ถึงกับเพ้อไปเลย แหม จ้าช่างคิดจริงๆอะไรอย่างนี้ ฮ่าๆ
อ่านแล้วฟีลกู๊ดมากค่ะ โรแมนติกมากด้วย ยังไงก็จะตามไปจนจบนะคะ ตอนหน้าแล้วสิเนอะ? >,<

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
ตังได้โกยของกลับไทยชัวร์กร้ากกกกกกกก

ออฟไลน์ จี้ซัง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด
โอ้ย น่ารักฝุดๆ รอพี่ตังกลับมานะคะ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ตามอ่านมาสองวันเต็ม ๆ หลงรักเข้าเต็มเปา อบอุ่น หวาน โรแมนติก
ชอบตอนที่สองคนเขาสื่อสารผ่านข้อความ ไม่ว่าจะเป็นทางออนไลน์ หรือโปสการ์ด
แล้วยิ่งตอนจ้าค้นเจอกล่องแห่งความลับ ร้องตามเลย
เขียนได้ดีมากเลยค่ะ โดยเฉพาะนำเสนอแบบท่องเที่ยว ยิ่งถูกใจใหญ่ มีโอกาสจะตามรอยนะคะ

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ถึง คุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
      คนอ่านคิดถึงมาก มากๆ ม๊ากมาก มากที่สุด
             จากสาวบัญชีวายเข้าสายเลือด

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด