ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2 (ล้อหมุน)
ปลายฤดูหนาว...
“จ้า ลูกเอาเสื้อกันหนาวใส่กระเป๋าไปแล้วใช่ไหม”
“ครับแม่” อาทิตย์ทัศน์ที่กำลังเดินหิ้วกระเป๋าใส่เต็นท์พับออกมาจากบ้านก่อนจะใส่มันลงที่ท้ายรถเก๋งสีดำที่จอดอยู่
ผู้เป็นแม่ยิ้มก่อนจะหันไปมองคนตัวสูงที่กำลังก้มหน้าก้มตาตรวจระดับน้ำหล่อเย็นและหม้อน้ำที่กระโปรงหน้า
“พี่ตังนี่เก่งนะคะที่สามารถลากก้อนหินให้ออกจากการจำศีลได้” สาวน้อยที่เดินผ่านประตูหน้าบ้านเข้ามาเอ่ยขึ้น
ตฤณกรเงยหน้าขึ้นสบตาคนที่ถูกพาดพิงก่อนจะยิ้มให้ จากนั้นถึงหันไปพูดกับจอมขวัญที่เดินมายืนใกล้ ๆ “กว่าจะยอมไปก็เกลี้ยกล่อมแทบแย่”
“กลับจากเที่ยวแล้วอย่าลืมอัพเดทข่าวคราวให้แฟนคลับรู้บ้างนะคะทั้งสองคนน่ะ” คำพูดที่ฟังดูเป็นปริศนาของสาวน้อยทำเอาสองหนุ่มต่างก็มองหน้ากันด้วยความสงสัย....
....
ล้อหมุนก่อนที่ดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้านั่นหมายถึงการเดินทางที่กำลังเริ่มต้นขึ้น จุดหมายปลายทางของการเดินทางในครั้งนี้อยู่ที่อ่างเก็บน้ำเล็ก ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในอ้อมกอดของขุนเขาที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน
“อารมณ์ดีเกินไปแล้ว” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นกับเจ้าของใบหน้าระบายยิ้มที่นั่งประจำที่คนขับขณะที่รถออกจากกรุงเทพฯ มาได้สักพัก
ตฤณกรขมวดคิ้วเขิน ๆ “ทำไมล่ะ อารมณ์ดีก็ไม่ได้”
“ยิ้มอยู่ได้ ยิ้มอะไรหนักหนา ผมเห็นคุณนั่งยิ้มตั้งแต่ออกจากบ้านแล้วนะ”
“เปล่า ผมก็แค่ยิ้มเฉย ๆ” คนตัวสูงกล่าวก่อนจะผิวปากอย่างอารมณ์ดีเป็นทำนองเพลงที่คุ้นหู
อาทิตย์ทัศน์มองคนอารมณ์ดีเกินเหตุก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ ปลายนิ้วเรียวค่อย ๆ ดันแผ่นซีดีที่คาอยู่ในเครื่องเสียงติดรถยนต์ก่อนจะกดเล่นแผ่น ไม่นานทำนองดนตรีเพลงเดียวกับเสียงผิวปากของคนข้าง ๆ ก็ดังขึ้น
คนตัวเล็กกว่าทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างที่ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มมืดลงทุกที หัวคิ้วหนาค่อย ๆ ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เมื่อเพลงเดิมเล่นซ้ำขึ้นมาอีกรอบ
“นี่ซีดีทั้งแผ่นมีเพลงอยู่แค่เพลงเดียวน่ะเหรอ”
“ทำไมล่ะครับ เพราะดีออก เพลงนี้คุณเป็นคนร้องให้ผมฟัง” ตฤรกรยิ้ม
“แล้วก็ฟังอยู่เพลงเดียวเนี่ยนะ”
“คุณไม่เคยเป็นเหรอ ฟังเพลง ๆ เดียวทั้งวัน ทั้งสัปดาห์ บางทีก็ทั้งเดือน”
“ใครจะไปอารมณ์ศิลปินเหมือนคุณ” อาทิตย์ทัศน์กล่าว
ตฤณกรมองคนที่นั่งข้าง ๆ กันก่อนจะยิ้มพร้อมกับขยับนิ้วเคาะพวงมาลัยไปตามจังหวะเพลงอย่างอารมณ์ดี...
...
“คุณง่วงหรือเปล่า เปลี่ยนให้ผมขับไหม” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้น
“ไม่เป็นไรครับ” ตฤณกรตอบยิ้ม ๆ
....
“คุณ”
เสียงทุ้มนุ่มทำให้อาทิตย์ทัศน์ต้องละสายตาจากป้ายบอกทางที่แสดงว่ากำลังเข้าสู่เขตจังหวัดลำปางก่อนจะหันไปมองคนข้าง ๆ
“คุณง่วงหรือเปล่า ง่วงก็นอนได้เลยนะ” ตฤณกรกล่าว
“ไม่เป็นไร ผมยังไม่ง่วง เดี๋ยวผมนั่งเป็นเพื่อน”
“นั่งเป็นเพื่อนเหรอ” คนตัวสูงทวนคำ
“อืม ทำไมเหรอ ผมพูดอะไรผิด”
ตฤณกรทำหน้าผากย่น “ไม่รู้ตัวจริง ๆ น่ะเหรอว่าพูดอะไรผิด”
คนตัวเล็กกว่านิ่งคิดก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “อย่าบอกนะว่าจะให้นั่งเป็นแฟน”
ชายหนุ่มที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยหันมายิ้มพร้อมกับยักคิ้วให้
“เสี่ยวจริง ๆ” อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้า
“เอ๊า! ถึงผมจะเสี่ยว ผมก็มีใจเดียวไว้รักคุณนะครับ” ตฤณกรยิ้มแฉ่ง
“ผมนอนละ เจอกันที่แม่ฮ่องสอนนะ” ปากบางกล่าวก่อนจะหลับตาลงอย่างไม่สนใจ
“อ้าว อย่าเพิ่งหลับสิคุณ ไหนบอกจะนั่งเป็นแฟนกัน” ตฤณกรหัวเราะ
“คุยกับคุณแล้วปวดหัว” คนตัวเล็กกว่ากล่าวพร้อมกับยกมือขึ้นกุมหน้าผาก
“นี่คุณ ถึงกับต้องกุมขมับเลยเหรอ” ตฤณกรพูดกลั้วหัวเราะก่อนจะดึงมือคนข้าง ๆ มาวางที่อกของตัวเอง
อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้าช้า ๆ ก่อนจะชักมือกลับ ในขณะที่คนข้าง ๆ ยังกวนไม่เลิก คนตัวสูงขยับไหล่เข้าไปชนไหล่ของคนที่นั่งหน้าเหยเกอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะกล่าว “เป็นไงคุณ มุกนี้ใช้ได้ไหม”
“เลี่ยนใช้ได้เลย” คนตัวเล็กกว่าตอบยิ้ม ๆ
...
“เดี๋ยวผมขอแวะซื้อกาแฟหน่อยนะคุณ” ตฤณกรเอ่ยขึ้นเมื่อมองเห็นป้ายของร้านสะดวกซื้ออยู่ไม่ไกล
“คุณอยากได้อะไรไหม” ชายหนุ่มเจ้าของรถเอ่ยขึ้นอีกครั้งขณะค่อย ๆ ชะลอความเร็วลงจนกระทั่งรถมาจอดนิ่งอยู่ที่ริมฟุตบาทห่างจากร้านสะดวกซื้อไปเล็กน้อย
“คุณอยู่นี่แหละ เดี๋ยวผมไปซื้อให้” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนหยิบเสื้อกันหนาวที่วางอยู่ที่เบาะหลังมาสวม ทันทีที่เปิดประตูลงจากรถผิวขาวละเอียดก็สัมผัสกับอากาศหนาวเย็น ชายหนุ่มมองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาตีสองเศษก่อนจะยกมือขึ้นถูกันไปมาพร้อมกับมองไปรอบ ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าที่นี่ที่ไหนกันแน่ บ้านเรือนที่ตั้งอยู่ริมทางปิดไฟเงียบ แสงสว่างมีเพียงไฟสีเหลืองนวลริมทางเท่านั้น อากาศรอบตัวเริ่มเย็นลงทุกขณะ
ตฤณกรมองดูคนร่างเล็กก็เดินผลุบหายเข้าไปในร้านสะดวกซื้อพร้อมกับยิ้ม จากนั้นเขาเปิดประตูลงจากรถมายืนยืดเส้นยืดสายก่อนจะเดินตามเข้าไปในร้านซึ่งมีพนักงานขายอยู่เพียงสองคน บรรยากาศภายในดูเหงา ๆ อย่างไรบอกไม่ถูก
อาทิตย์ทัศน์เดินไปหยิบน้ำดื่มในตู้แช่ออกมาก่อนจะเดินไปชงกาแฟที่มุมน้ำร้อนในขณะที่ตฤณกรกำลังเลือกซื้อขนมและของใช้ที่จำเป็นใส่ตะกร้า เมื่อได้ของตามที่ต้องการแล้วทั้งคู่ก็เดินมาที่เคาน์เตอร์
“ทั้งหมดสามร้อยยี่สิบสองบาทครับ” ชายนุ่มในชุดพนักงานร้านสะดวกซื้อกล่าวพร้อมกับหยิบของใส่ถุง สำเนียงของเขาบ่งบอกว่าเขาเป็นหนุ่มน้อยชาวเหนือไม่ผิดแน่
“นี่ครับ” ตฤณกรกล่าวก่อนจะส่งเงินให้
“รับมาหนึ่งพันบาทนะครับ” พนักงานหนุ่มรับเงินมาก่อนจะจัดการทอนเงินให้
“โอกาสหน้าเชิญใหม่นะครับ” ประโยคนั้นของเขาทำให้อาทิตย์ทัศน์ต้องชะงัก เจ้าของปากบางยิ้มให้พนักงานหนุ่มน้อยก่อนจะหยิบแก้วพลาสติกใส่กาแฟร้อนมาไว้ในมือจากนั้นจึงเดินตามคนตัวสูงกว่าไปที่รถ
...
“นี่ของคุณ” อาทิตย์ทัศน์ยื่นแก้วกาแฟร้อนให้คนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ
“ขอบคุณครับ” ตฤณกรกล่าวก่อนจะรับมาไว้ในมือก่อนจะค่อย ๆ สูดกลิ่นหอม ๆ ของกาแฟในแก้ว ในที่สุดรอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า “หอมจัง”
คนตัวสูงกว่าค่อย ๆ ยกกาแฟขึ้นจิบก่อนจะวางมันลงบนกระโปรงหน้ารถจากนั้นจึงขยับตัวยืดเส้นยืดสายอีกครั้ง ตาคมเหลือบมองคนข้าง ๆ อย่างแปลกใจเพราะตั้งแต่เดินออกจากร้านสะดวกซื้ออาทิตย์ทัศน์ก็เอาแต่นิ่งเงียบ คนตัวเล็กกว่าที่ยืนพิงกระโปรงรถหมุนแก้วกาแฟในมือไปมาอย่างเงียบเชียบจนคนข้าง ๆ รู้สึกได้ ตาคู่สวยเหม่อลอยเหมือนกำลังมีบางอย่างที่กำลังครุ่นคิดอยู่ภายในใจ
มือเย็น ๆ ที่สัมผัสเข้ากับข้างแก้มทำเอาอาทิตย์ทัศน์ที่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ ต้องสะดุ้ง
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” ตฤณกรถาม
“เปล่า ผมแค่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ” คนตัวเล็กกว่ากล่าวพร้อมกับยกมือขึ้นลูบที่ข้างแก้มของตัวเอง
“คิดอะไรเหรอ บอกผมได้ไหม”
อาทิตย์ทัศน์หันไปสบตาคนที่นั่งข้าง ๆ ก่อนจะนึกถึงคำพูดของพนักงานในร้านสะดวกซื้อเมื่อสักครู่
‘โอกาสหน้าเชิญใหม่นะครับ’
“ผมแค่กำลังคิดว่า ถ้าความบังเอิญทำให้เราได้พบกับใครสักคนในที่ไหนสักแห่ง แล้วความบังเอิญจะทำให้เราได้พบกับเขาอีกครั้งไหม”
“ก็ไม่แน่” ตฤณกรยิ้ม “อืม แต่สำหรับผมนะ ผมเชื่อในพรหมลิขิต”
“พรหมลิขิตงั้นเหรอ”
“ใช่ สำหรับผมการได้พบกันครั้งแรกนั่นอาจจะเป็นเพราะความบังเอิญ แต่การที่เราได้พบกันอีกครั้งมันคือพรหมลิขิต” คนตัวสูงกล่าวพร้อมกับเอื้อมมือจับที่ท้ายทอยของคนตรงหน้า “เหมือนคุณกับผมไง”
“แล้วถ้าพรหมไม่ได้ลิขิตให้คุณได้เจอกับผมอีกล่ะ คุณจะทำยังไง ยังจะรออีกไหม”
“อืม ถ้าพรหมไม่ลิขิต” ตฤณกรเลิกคิ้วก่อนจะคลี่ยิ้มน้อย ๆ “ถ้าอย่างงั้นก็ให้ตังลิขิตดีไหม” พูดจบเขาก็โยกศีรษะคนตัวเล็กกว่าเบา ๆ “เลิกคิดมากได้แล้ว”
อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้ว “คุณนี่มองอะไรเป็นเรื่องเล่น ๆ ไปหมดเรื่อยเลย”
“แล้วเราจะมองให้มันยุ่งยากทำไมล่ะครับ ก็มองมันในแบบที่มันเป็นนั่นแหละ ถ้าพรหมไม่ได้ลิขิตให้ผมเจอคุณอีกครั้ง ผมก็จะหาคุณให้เจอ มันก็แค่นั้นเอง” คนตัวสูงยิ้ม “ผมจะไปหอสมุดแห่งชาติทุกบ่ายวันเสาร์เผื่อว่าคุณจะมานั่งอ่านหนังสือหรือเอาหนังสือมาคืนที่นั่น ส่วนวันอาทิตย์ตอนสาย ๆ ผมก็จะไปสวนรถไฟเพราะตอนนั้นฟ้ากำลังสวยเผื่อจะได้เจอคุณมาเดินถ่ายรูปท้องฟ้าที่นั่น หรือถ้าวันไหนผมเลิกงานไม่ดึกผมก็จะนั่งรอที่สถานีรถไฟฟ้าสะพานตากสินก่อนฟ้าจะมืดเผื่อวันนั้นคุณจะที่มายืนมองแม่น้ำเจ้าพระยาในมุมสูงที่ปลายสถานี คุณว่าแบบนี้ดีไหม”
คนตัวเล็กกว่าเงยหน้าขึ้นสบตาคนตรงหน้าด้วยหลายความรู้สึก ทุกช่วงเวลา ทุกที่ และทุกการกระทำที่ตฤณกรพูดถึง ล้วนแต่เป็นที่ที่เขาเคยไปและเคยทำทั้งสิ้น
“นี่คุณสะกดรอยตามผมเหรอ”
“ผมไม่ได้ตาม มันบังเอิญต่างหาก แต่หลังจากนั้นน่ะ ตังลิขิตล้วน ๆ” ตฤณกรหัวเราะ
“คุณนี่มันจริง ๆ เลย” อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้ายิ้ม ๆ “แล้วถ้าสุดท้ายคุณพบว่าผมกับคุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้าไม่ใช่คนคนเดียวกันล่ะ”
“ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ผมบอกแล้วว่าผมอยากเป็นเพื่อนกับคุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้า แต่ถ้ากับจ้า...” คนตัวสูงกล่าวก่อนจะจ้องลึกลงไปในดวงตาของคนตรงหน้า “ผมอยากเป็นมากกว่านั้น”
มือหนาค่อย ๆ ประคองสองแก้มเนียนให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากัน อาทิตยทัศน์พยายามมองคนตรงหน้าผ่านม่านน้ำตาที่เอ่อคลอดวงตาคู่สวย แต่ภาพนั้นกลับเลือนลางเหลือเกิน ตฤณกรใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือค่อย ๆ ซับน้ำตาที่กำลังเอ่อร้นก่อนจะยิ้มให้
“ผมชอบเวลาคุณยิ้มมากกว่านะ”
อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้วเขิน ๆ ก่อนจะเบนหน้าหนี “คุณนี่มันความลับเยอะจริง ๆ มีอะไรอีกไหมที่ยังไม่ได้บอกผม”
ปากหยักยกยิ้มขึ้นน้อย ๆ “ยังมีอีกเรื่องครับ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้และไม่ใช่ที่นี่”
ร่างสูงค่อย ๆ เอื้อมมือจับที่ต้นแขนของคนตรงหน้าให้ลุกขึ้นก่อนจะกล่าว “ขึ้นรถเถอะเดี๋ยวไม่สบาย” พูดจบตฤณกรเดินอ้อมไปส่งอาทิตย์ทัศน์เดินในฝั่งที่นั่งข้างคนขับก่อนจะกลับมานั่งประจำที่หลังพวงมาลัย เขามองคนที่กำลังยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มเงียบ ๆ ก่อนจะออกรถ
...
อาทิตย์ทัศน์มองออกไปนอกหน้าต่าง ๆ ภาพที่เขาเห็นอยู่ในขณะนี้คือภาพของแนวทิวเขาที่ทอดตัวสลับซับซ้อนในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ปุยเมฆลอยต่ำคลออเคลียไปกับยอดเขา แสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าส่องผ่านช่องว่างระหว่างก้อนเมฆลงมาอาบยอดหญ้า แม้ว่านี่จะไม่ใช่เดือนพฤศจิกายนแต่ภาพของดอกบัวตองสีเหลืองสดที่แย้มกลีบเบ่งบานทักทายนักเดินทางก็ยังคงมีให้เห็นอยู่ปละปลายทั้งสองข้างทาง ระหว่างทางที่รถขับผ่านมีบ้านเรือนและผู้คนให้เห็นเป็นระยะ ๆ
“คุณเคยสงสัยไหมว่าเขาอยู่กันได้ยังไงในที่ที่ห่างไกลแบบนี้ เด็ก ๆ จะไปโรงเรียนยังไง เวลาไม่สบายจะไปหาหมอที่ไหน” ตฤณกรเอ่ยขึ้นเมื่อมองลงไปยังหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางอ้อมกอดของขุนเขา
“แค่มีความสุขก็อยู่ได้แล้ว” อาทิตย์ทัศน์กล่าว “คุณบอกว่าห่างไกล...แต่ผมกับคุณและคนอื่น ๆ อีกมากมายก็ยังขับรถเกือบพันกิโลเมตรเพื่อมาให้ถึงไม่ใช่เหรอ”
ตฤณกรยิ้ม “ก็ถ้ามีคุณมาด้วยกัน ที่ไหนผมไปทั้งนั้นแหละ”
อาทิตย์ทัศน์ถอนหายใจเบา ๆ พร้อมกับหรี่ตามองคนข้าง ๆ “เลี่ยนตลอด”
"ขอบคุณครับ" คนตัวสูงยิ้มน่ารักก่อนจะผิวปากอย่างอารมณ์ดี
...
ขออนุญาตพูดคุยค่ะ (ยาวหน่อยนะคะ)
ก่อนอื่นต้องขอบคุณสำหรับทุก ๆ คอมเม้นท์นะคะ อ่านแล้วรู้สึกประทับใจมาก ๆ ดีใจที่หลาย ๆ คนชอบเรื่องนี้ค่ะ
รู้สึกมีกำลังใจในการเขียน แต่ว่าเราขออนุญาตให้ย้ายเรื่องนี้ไปเป็นนิยายที่โพสต์จบแล้วก่อนนะคะ
แล้วจะมาเขียนตอนพิเศษให้อ่านกันตามคำเรียกร้องของคุณคนอ่านค่ะ (ไม่กดดันค่ะ อย่าคิดมากนะ เขียนเรื่อย ๆ เหนื่อยก็พักค่ะ ^^)
ที่เราคิดจะจบเรื่องนี้เพราะว่าไม่รู้จะเขียนอะไรแล้ว แต่ว่าพออ่านคอมเม้นท์ของหลาย ๆ คนก็เลยได้รู้ว่า อ๋อ..คุณคนอ่านอยากรู้ว่าหลังเป็นแฟนกันแล้วสองคนนี้จะยังไงต่อ เราก็เลยมานั่งคิดว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่เขียนในเชิงท่องเที่ยว ถ้าคุณคนอ่านอยากให้มีตอนพิเศษเรื่อย ๆ
เราก็จะเอาเรื่องราวที่ได้จากการท่องเที่ยว (หากมีโอกาสไป) มานำเสนอผ่านตัวละครตังกับจ้าก็แล้วกันนะคะ อย่างตอนพิเศษ หลักกิโลเมตรที่ 2 นี้ เราจะตามตังกับจ้าไปเที่ยวแม่ฮ่องสอนกัน อย่าลืมเตรียมเสื้อกันหนาวด้วยล่ะ ควันออกปากแน่ ๆ ^^
ปล. 1 "เสี่ยว" ขอบคุณสำหรับคำจำกัดความที่บอกความเป็นตัวตังนะคะ ^^
ปล. 2 เนื่องจากว่าเรามีภารกิจเยอะ แต่ว่าที่โพสต์ต่อเนื่องกันได้เพราะว่า ส่วนหนึ่งเวลาเขียนนิยายคา ๆ เอาไว้ (ในเว็บอื่น ๆ) จะรู้สึกคิดถึงมันขึ้นมาเหมือนกัน หลายครั้งที่มีคุณคนอ่านส่งข้อความมาทวง เราก็ไม่ลืมนะ แต่มันไม่มีเวลาจะเขียนจริง ๆ บางเรื่องเว้นไปเกือบปีกว่าจะมาเริ่มเขียนต่อ พอเขียนจบเรื่องได้แล้วค่อยรู้สึกสบายใจ
อย่างเรื่องถ้าเธอเป็นท้องฟ้านี้ก็เหมือนกัน เวลาที่คิดพล็อตแต่ละตอนออกเรา ก็อยากจะเขียนให้จบเพราะกลัวลืม แล้วก็อยากจะเอามาแบ่งให้คุณคนอ่านได้อ่าน หลังจากนี้อาจจะมีบ้างที่หายไป อย่าว่ากันนะคะ ไม่ลืมแน่ ๆ ค่ะ แต่อาจจะไม่มีเวลาเขียน
ปล. 3 ขอบคุณคุณ warin ที่ช่วยชี้ส่วนที่ผิดให้นะคะ เราเองก็อ่านอยู่หลายรอบ แต่ก็ยังพลาดซะงั้น --"
ปล. 4 พอเราอ่านคอมเม้นท์คุณคนอ่านแต่ละคนทีไร เราก็ย้อนกลับไปอ่านเรื่องที่เราเขียนใหม่ทุกที ตลกดีนะคะ คนเขียนก็อยากรู้ว่าเอ๊ะ นี่เขาพูดถึงตอนไหน อะไรทำนองนี้ ก็เลยเจอที่พิมพ์ตกบ้าง ๆ จะค่อย ๆ แก้ถ้าหากมีเวลานะคะ
ปล. 5 สำหรับหลักกิโลเมตรต่อไป คิดว่าคงต้องใช้เวลาหน่อยนะคะ มันมีรายละเอียดค่อนข้างมาก ขอไปทำการบ้านส่งอาจารย์ก่อน แล้วจะเขียนมาโพสต์ให้อ่านกันนะคะ
***ปล. 6 อันนี้ดอกจันทร์ล้านตัว คือว่าเราเขียนฉากแบบที่อ่านแล้วเลือดกำเดาพุ่งไม่เป็นนะคะ 555 เผื่อใครรออ่าน
สุดท้ายอยากจะขอบคุณทุก ๆ คนอีกครั้งนะคะ ขอบคุณมาก ๆ เลยจากใจจริง