ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22  (อ่าน 332124 ครั้ง)

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
ตังเป็นแฟนที่น่ารักมากๆเลย อิจฉาจ้าจัง

อยากได้ยินจ้าบอกรักตังสักครั้ง ตังจะยิ้มแก้มแตกมั้ย  :o8:

ออฟไลน์ เฉาก๊วย

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +251/-6
หวานมากกกกกกกกกกก   :กอด1:

ออฟไลน์ GintoniC

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-0
อ่านแล้วรู้สึกอุ่นๆ ในใจ อยากจะมีความรักและคนรักแบบพี่ตังมังจัง  :กอด1:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ฉากที่ปางอุ๋งว่าฟินแล้ว
เจอฉากที่ระเบียงเข้าไป ฟินยิ่งกว่าอีกค่ะ

ออฟไลน์ tender

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
 :katai2-1:น่าร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก อุอิ

ออฟไลน์ shijino

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
ขอบคุณค่า น่ารักมากๆเลย ขอตอนพิเศษอีกเยอะๆเลยนะ  :mew2:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ทั้งสองคนโชคดีที่หากันเจอ ทั้งที่เวลาก็ผ่านไปเป็นสิบปี
คนที่ใช่จะมาเมื่อถึงเวลาสินะ
ตังอบอุ่น อ่อนโยนจังเลย

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
เข้ามาซึมซับความหวานของจ้ากับตังจ้า
หวานดีจัง  ชอบมากจ้า
ขอบคุณที่แต่งตอนพิเศษหวานๆ  ให้อ่านนะ :กอด1: :L2: :L1:

จะมีแค่หลักกิโลเมตรที่ 5 เหรอ  งือ  อยากอ่านอีกอ่ะ 

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1622
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
 :m3: :m3: อร๊าาาาาาาาาาากเขินมาก เหมือนอยู่ในบรรยากาศวิ้งๆตลอด อบอุ่นๆ

ออฟไลน์ nokkaling

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
อยากขึ้นเหนือ อยากเที่ยวไปเรื่อยๆเหมือนตังกับจ้า อิจฉาพลอยยยยเจ๊อะอย่างนี้แล้วฟินเลย บอกตรงรักจุงเบย 555

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
อ่านไปเขินไป ฟินสุดๆคู่นี้
 :-[ :-[ :-[
ลุ้นให้จ้าบอกรักตัง คงหวานกว่านี้แน่

ออฟไลน์ AGALIGO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4

เพิ่งเห็นว่าย้ายมาอยู่ตรงนี้วันนี้เองเลยได้อ่านหลายตอนเลย

อ่านแล้วเหมือนกับได้เดินทางไปเที่ยวพร้อมกับตัวละครด้วยเลย
สารภาพว่ายังไม่เคยไปซักที่ยกเว้นดอยสุเทพ
สี่ปีที่แล้วไปอยู่เชียงใหม่มาสองเดือนแต่พอดีบ้านอยู่ที่แม่ริม
ก็ได้แต่เข้าเมืองไปเดินห้างใช้ชีวิตเหมือนเดิม---แล้วจะถ่อไปทำไมถึงเชียงใหม่
แต่ก็ชอบนะ---คือทุกอย่างดูไม่ต้องเร่งรีบ---ปล่อยให้เวลาเดินผ่านไปช้าๆ

แอบตามไปดูรูปภาพในเฟสที่คนแต่งเอามาลงให้ดูแล้วประทับใจมากๆเลยอ่ะ
ถ้าเรื่องนี้ได้เป็นหนังนะคงจะดังระเบิดระเบ้อเลยล่ะ

เห็นพูดถึงเรื่องรวมเล่มอยากให้หาข้อมูลดีๆนะ---เห็นมีปัญหากันหลายคนแล้ว
ต้องหาสำนักพิมพ์ที่ไม่มีประวัติไม่ดี---ในนี้ก็เคยมีปัญหากันอยู่
รอหนังสือกันข้ามภพข้ามชาติกันเลยทีเดียว
ไม่รู้ว่าป่านนี้ได้รับหนังสือกันครบรึยัง
ลองไปหากระทู้ในห้องพูดคุยดูสิ

รออ่านตอนสุดท้ายอย่างใจจดใจจ่อ---เสียดายแต่เข้าใจ

ออฟไลน์ FlOriN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
พึ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ
จะบอกว่าชอบมาก ><
อบอุ่นกรุ่นหัวใจที่สุด
ขอบคุณนะคะที่แต่งนิยายดีดีออกมาให้ได้อ่าน

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
หลักกิโลเมตรที่ 5 บทสรุป





อาทิตย์ทัศน์รู้สึกแปลกใจไม่น้อยทั้งที่กลับจากแม่ฮ่องสอนมาเกือบสองสัปดาห์แล้ว แต่ทำไมเวลาที่ย้อนกลับไปนึกถึงคำพูดและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หัวใจจึงยังคงเต้นแปลก ๆ มือเรียวหยิบแหวนทองคำขาวที่คล้องอยู่กับสร้อยเส้นเล็กที่คอขึ้นมาหมุนไปมาก่อนที่เสียงเตือนข้อความเข้าของโทรศัพท์จะดังขึ้น



‘ถ้าจะเขียนสั้นขนาดนี้ ส่งข้อความมาก็ได้ครับ’ ข้อความหนึ่งถูกส่งมาพร้อมกับภาพของโปสการ์ดใบเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยลายเส้นปากกากาหมึกซึมสีดำขยุกขยิกแต่ก็รวมกันเป็นรูปดอกไม้ซึ่งคนวาดบอกว่ามันคือดอกบัวตองไม่ใช่ไข่ดาวเหมือนกับที่ใครบางคนได้พูดเอาไว้



‘ขอบคุณสำหรับทุกอย่างตลอดการเดินทางครั้งนี้’


‘...จ้า...’





ปากบางขยับยิ้มก่อนจะหยิบโปสการ์ดใบหนึ่งที่เสียบอยู่ในหนังสือข้าง ๆ คอมพิวเตอร์โน้ตบุคขึ้นมาดูก่อนจะพูดเบา ๆ กับเจ้านักเดินทางใบเล็ก ๆ ที่บุรุษไปรษณีย์เพิ่งเอามาส่งเมื่อตอนสาย



“ถ้าจะเขียนยาวขนาดนี้ก็เข้าเล่มทำเป็นรายงานมาส่งเถอะ”



อาทิตย์ทัศน์ค่อย ๆ พลิกโปสการ์ดภาพเสก็ซต์ทิวสนริมอ่างเก็บน้ำเพื่ออ่านข้อความที่ถูกเขียนเอาไว้ด้านหลัง ตาคมเริ่มกวาดมองทีละตัวอักษร จนกระทั่งค่อย ๆ เพิ่มเป็นบรรทัด ทีละบรรทัด บรรทัดแล้วบรรทัดเล่า...



....แทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไรตั้งแต่หยิบโปสการ์ดใบนี้ออกมาจากตู้รับจดหมาย...



...ตั้งแต่เดินกลับเข้ามาในบ้าน...



...ตั้งแต่กลับขึ้นมาบนห้อง...



...จนกระทั่งตอนนี้...



เขาอ่านมันซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้นจนจำมันได้ทุกคำ...



‘จ้า...

ขอบคุณนะที่หน้าหนาวปีนี้คุณมาแม่ฮ่องสอนกับผม ทั้ง ๆ ที่คุณขี้หนาวขนาดนั้น

ผมยังนึกกลัวอยู่เหมือนกันว่าจะพาคุณมาลำบากหรือเปล่า คุณจะสนุกหรือเปล่า

แต่ในที่สุดความกลัวของผมก็หมดไปเมื่อผมได้เห็นรอยยิ้มของคุณตลอดทาง

ดีใจจังที่ตื่นขึ้นมาแล้วเห็นคุณทุกเช้า ดีใจจังที่คุณยอมให้ผมกอด

ดีใจจังที่คุณยอมฟังในสิ่งที่ผมได้บอกมันออกไป และผมจะดีใจมาก ๆ ถ้าวันหนึ่งคุณจะบอกในสิ่งคุณคิดให้ผมได้รู้บ้าง

ผมรักคุณนะ...รักมากที่สุดเลย...ตัง...^^’





...




ผ้าม่านสีขาวสะอาดตาพริ้วไหวไปตามแรงลมจากพัดลมเพดานที่หมุนเอื่อย ๆ ขับไล่ความร้อนของต้นเดือนเมษายน บนเตียงนอนเต็มไปด้วยโปสการ์ดเก่า ๆ และรูปถ่ายจำนวนมากที่ถูกเทออกมาจากกล่องที่เคยใส่ เจ้าของห้องยังคงนอนอ่านโปสการ์ดทีละใบ ๆ ก่อนจะวางลงข้าง ๆ ตัว โปสการ์ดเหล่านั้นคงจะมีแต่เรื่องราวดี ๆ เขียนอยู่แน่ ๆ รอยยิ้มเล็ก ๆ จึงได้ปรากฏบนใบหน้าของคนอ่านอยู่ตลอดเวลา





“เอาไว้หน้าหนาวปีหน้าเราไปแม่ฮ่องสอนกันอีกนะ” คนตัวสูงที่กำลังดูภาพจากคอมพิวเตอร์โน้ตบุคบนตักเอ่ยขึ้นก่อนจะค่อยเอนหลังพิงข้างเตียง



“ไม่เบื่อบ้างหรือไง” คนที่เพิ่งวางโปสการ์ดแผ่นหนึ่งลงบนเตียงค่อย ๆ พลิกตัวนอนคว่ำก่อนจะขยับยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ บ่ากว้างของคนที่กำลังนั่งอยู่กับพื้น



ตฤณกรส่ายหน้ายิ้ม ๆ “ผมอยากไปดูดอกบัวตอง”



“ถ้าไปดูดอกบัวตองก็ต้องไปเดือนพฤศจิกายน”



“อยากไปดูนางพญาเสือโคร่งด้วย”



“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องไปกลางเดือนมกราคม”



“อืม..ถ้าอย่างนั้นไปปลายปีนี้เราไปก่อนรอบหนึ่ง แล้วต้นปีหน้าค่อยไปใหม่นะ”




“แล้วแต่คุณสิ” ปากบางของคนที่นอนคว่ำอยู่บนเตียงขยับยิ้มก่อนที่วงแขนเล็ก ๆ จะคล้องที่คอของคนตัวสูง



“ทำไมยอมตกลงง่ายจัง ไม่กลัวหนาวแล้วเหรอ”



อาทิตย์ทัศน์กระชับวงแขนแน่นขึ้นก่อนจะวางคางลงบนบ่าของตฤณกรก่อนจะกล่าว “ไม่กลัว”



“ทำไมไม่กลัว” คนตัวสูงหันไปถามอย่างจงใจให้ปลายจมูกโด่งสัมผัสกับแก้มเนียน




“เพราะผมรู้ว่ายังไงคุณก็ไม่ปล่อยให้ผมหนาวตายหรอก ใช่ไหม” อาทิตย์ทัศน์ยิ้มพร้อมกับยักคิ้ว



“วันนี้น่ารักผิดปกตินะเราน่ะ” คนตัวสูงกล่าวก่อนจะเอื้อมมือจับที่ศีรษะของคนที่กอดคอเขาอยู่พร้อมกับโยกเบา ๆ



“ไม่ชอบเหรอ”



ตฤณกรยกมือขึ้นขยับแว่นสายตาก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ “ไม่ชอบ”



อาทิตย์ทัศน์ค่อย ๆ คลายวงแขนออกลุกขึ้นนั่งสมาธิ จากนั้นจึงเอื้อมมือทั้งสองข้างจับที่ศีรษะของคนข้างหน้าพร้อมกับออกแรงรั้งเบา ๆ ลงมาบนตักก่อนจะกล่าว “ไม่ชอบจริงเหรอ”




ตฤณกรสบตาคู่สวยก่อนจะยกยิ้มน้อย ๆ “ไม่ชอบ แต่รักเลยต่างหาก”



ปากบางที่ก่อนหน้านี้เม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรงกลับคลี่ยิ้มอีกครั้ง มือเรียวค่อย ๆ ถอดแว่นสายตาของคนตรงหน้าออกก่อนจะโน้มตัวลงจรดริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากอุ่น ๆ ของคนบนตัก ตฤณกรเองแทบไม่อยากจะเชื่อว่าวันนี้พ่อเสือหนุ่มจอมดุและแสนยิ้มยากอย่างอาทิตย์ทัศน์จะกลับกลายเป็นลูกแมวเชื่อง ๆ ที่คลอเคลียไปมาอยู่ข้าง ๆ ตัวของเขา...






“เมื่อไรจะยอมให้ถอดออกมาสวมเสียที” ตฤณกรก้มมองคนที่กำลังนอนขดตัวหลับตาพริ้มหนุนอยู่บนตักของตัวเองก่อนจะเอื้อมหยิบแหวนทองคำขาวที่สร้อยคอของเขาขึ้นมาดู



“อื้อ...” คนตัวเล็กกว่าครางขึ้นอย่างขัดใจเมื่อรู้สึกว่ากำลังถูกปลุกด้วยหลังมืออุ่น ๆ ที่ถูเบา ๆ ลงบนแก้มของตัวเอง คิ้วหนาค่อย ๆ ขมวดเข้าหากันทั้งที่ยังหลับตาก่อนที่มือจะเอื้อมคว้ามือหนา ๆ นั้นมากอดไว้แนบอก



ปากหยักค่อย ๆ คลี่ยิ้มก่อนจะใช้มือที่เหลือเขี่ยเส้นผมที่ลงมาปกหน้าของคนที่กำลังนอนหลับ “คุณรู้ตัวไหมว่าคุณกำลังทำให้ผมรักคุณจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วนะ”



อาทิตย์ทัศย์ยิ้มที่มุมปากทั้งที่ยังหลับตา “ดี ถ้าอย่างนั้นก็รักผมให้มาก ๆ แล้วก็ห้ามไปรักใครที่ไหนอีกเข้าใจไหม” พูดจบตาคู่สวยก็ค่อย ๆ เปิดขึ้นอีกครั้ง ร่างเล็กค่อย ๆ ขยับนอนหงายเงยหน้าสบตาคนที่กำลังมองมาที่เขา



“เข้าใจและยินดีปฏิบัติตามครับผม” ตฤณกรยิ้มพร้อมกับเอื้อมมือบีบที่จมูกโด่งรั้นของคนตรงหน้าเบา ๆ คนที่ดูเรียบเฉยเสียจนไม่รู้ว่าในใจคิดยังไง บทจะขี้อ้อนก็เหมือนลูกแมวตัวเล็ก ๆ น่ารักที่นอนเคลียคลออยู่บนตักจนเจ้าของลุกไปไหนไม่ได้...





....



ฤดูฝน...



ฤดูที่ทำให้ทุกสิ่งรอบตัวเคลื่อนไหวช้าลง ฤดูที่ทำให้หลาย ๆ คนได้หยุดเพื่อคิดทบทวนบางสิ่งบางอย่าง


ฤดู...




ที่ช่วยให้หลายคนร้องไห้โดยไม่มีใครรู้...




ฝนเม็ดเล็ก ๆ ที่เริ่มโปรยปรายลงมาทำให้ชายหนุ่มร่างสูงต้องเร่งฝีเท้าเพื่อให้ไปถึงสถานีรถไฟฟ้าก่อนที่ฝนจะตกลงมาในขณะที่สาว ๆ ออฟฟิศหลาย ๆ คนต่างเริ่มมองหาที่หลบฝน อาทิตย์ทัศน์ยืนมองรถที่จอดนิ่งอยู่บนถนนจากบนสถานีรถไฟฟ้า ยิ่งฝนตกในช่วงเวลาเร่งด่วนแบบนี้ยิ่งทำให้การจราจรที่ไม่คล่องตัวอยู่แล้วกลายเป็นอัมพาตหนัก



“รอนานไหม” คนที่เพิ่งวิ่งขึ้นบันไดสถานีรถไฟฟ้ามาเอ่ยขึ้น



“ผมเพิ่งมาถึงเหมือนกัน เพิ่งเลิกประชุมเมื่อตอนก่อนทุ่มครึ่งนี่เอง” อาทิตย์ทัศน์ตอบคำถามคนที่กำลังยืนหอบพร้อมกับยกนาฬิกาข้อมือซึ่งแสดงเวลาเกือบสองทุ่มครึ่งขึ้นดู



“คุณจะกลับบ้านเลยไหม เดี๋ยวผมไปส่ง”



“ยังหรอก เดี๋ยวแวะไปที่คอนโดคุณก่อน จะไปทำกับข้าวให้ทาน”



ตฤณกรค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจก่อนจะกล่าว “ไม่เอา ไม่ต้องทำหรอก ซื้อเข้าไปก็ได้ เหนื่อยเปล่า ๆ”



“ไม่เห็นเป็นไรเลย พูดยังกับผมไม่ค่อยได้ทำอะไรให้คุณทานอย่างนั้นแหละ”



“ก็ผมไม่อยากให้คุณเหนื่อย ไปสอนมาวันนี้รู้เลยว่าเป็นคุณนี่เหนื่อยน่าดู”



“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมพาไปทานอะไรอร่อย ๆ ก็แล้วกัน”



จากนั้นอาทิตย์ทัศน์และตฤณกรก็นั่งรถไฟฟ้าไปลงที่สถานีแห่งหนึ่งก่อนจะเดินเข้าซอยเล็ก ๆ เพื่อมุ่งหน้าสู่ร้านอาหารซึ่งตั้งอยู่กลางซอยซึ่งเป็นร้านอาหารเล็ก ๆ สองชั้นขนาดสองคูหา ด้านหน้าถูกจัดเป็นมุมสำหรับถ่ายรูป ผนังกระจกใสทำให้มองเห็นด้านในได้อย่างชัดเจน วันนี้คนไม่มากนักอาจเป็นเพราะฝนตกจึงทำให้หลาย ๆ คนติดฝนอยู่ที่ไหนสักที่ อาทิตย์ทัศน์ผลักประตูกระจกบานใหญ่เดินเข้าไปในร้านที่ตกแต่งโดยเน้นสีแดงและสีดำ



คนตัวสูงเลือกนั่งที่โซฟาสีแดงที่มุมหนึ่งของร้านก่อนจะมองไปรอบ ๆ ซึ่งมีลูกค้าอยู่เพียง 4-5 โต๊ะรวมโต๊ะที่พวกเขานั่ง พนักงานเสิร์ฟสาวสวยเดินไปหยิบเมนูที่เคาน์เตอร์มาให้ทั้งคู่ก่อนจะยืนรอจดรายการอาหาร



“ร้านนี้อะไรอร่อยอ่ะคุณ” ตฤณกรเอ่ยขึ้น



“น้ำปลาพริก” อาทิตย์ทัศน์ตอบทั้งที่สายตายังคงจดจ้องอยู่ที่เมนู



“น้องครับ พี่ขอน้ำปลาพริกหนึ่งถ้วย ข้าวเปล่าสองครับ”



“จะบ้าเหรอ” คนตัวเล็กกว่าเงยหน้าขึ้น



“เอ้า! ก็คุณบอกเองว่าร้านน้ำปลาพริกอร่อย” คำพูดของสองหนุ่มทำเอาสาวสวยที่กำลังยืนรอจดรายการอาหารอดที่จะอมยิ้มไม่ได้



“ถ้าอย่างนั้นรายการเมื่อกี้ยกเลิกนะคะ”



“ครับ” อาทิตย์ทัศน์ตอบยิ้ม ๆ ก่อนจะเริ่มสั่งอาหาร




“รอสักครู่นะคะ” พนักงานสาวสวยกล่าวก่อนจะรับเมนูคืนจากนั้นเธอก็เดินหายเข้าไปที่หลังร้าน



อาทิตย์ทัศน์มองดูคนตัวสูงที่เอนหลังพิงโซฟาอย่างหมดสภาพก่อนจะยิ้ม “ไหนเล่ามาซิครับท่านอาจารย์ วันนี้ไปเจออะไรมาบ้าง”



“นึกถึงแล้วความดันจะขึ้น” คนตัวสูงทำหน้าเหยก่อนจะนึกถึงเรื่องที่ถูกขอร้องปนบังคับจากรุ่นพี่ให้ไปช่วยสอนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เขาถนัดในชั้นเรียนวิชาคอมพิวเตอร์กราฟฟิกให้กับนักศึกษารุ่นน้องที่คณะที่เขาเคยเรียนเมื่อตอนหัวค่ำที่ผ่านมา... 
 



“คุณคิดดู ตารางเรียนเริ่มห้าโมงครึ่ง ห้าโมงสี่สิบห้าเพิ่งมาสองคน พอหกโมงเย็นปุ๊บ มากันเต็มเลย แถมมานั่งกินข้าวหน้าห้องแล็ปด้วย”  คนตัวสูงบ่น....







ทันทีที่บรรดานักศึกษาก้าวเข้ามาในห้องแล็ปคอมพิวเตอร์ก็มีเสียงอื้ออึงกึ่งซุบซิบดังแว่วมาพร้อมกับสายตาหลายคู่ที่จ้องมองมาที่อาจารย์หนุ่มหล่อที่ยืนอยู่หน้าห้อง บรรดานักศึกษาสาว ๆ ต่างสบตากันยิ้ม ๆ ขณะเดินหาที่นั่ง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยอาจารย์จำเป็นก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง





‘สวัสดีนักศึกษานะครับ วันนี้ผมเองมีความยินดีมาก ๆ ที่ได้กลับมาที่คณะที่เคยเรียน ได้กลับมาช่วยสอนนักศึกษารุ่นน้องอย่างพวกคุณ’




‘ยังไงคราวหน้ารบกวนปรับนาฬิกาตามเวลาท้องถิ่นประเทศไทยด้วยนะครับ วันนี้อาจจะปรับตามประเทศอินเดียซึ่งช้ากว่าเรา 2 ชั่วโมงก็ไม่เป็นไร ไม่ว่ากัน แต่คราวหน้าขอตรงเวลานิดหนึ่ง’ สิ้นเสียงตฤณกร เสียงฮาก็ดังขึ้นพร้อมกันทั้งห้อง



จากนั้นใครคนหนึ่งก็พูดขึ้น ‘โดนเสียแล้ว’




‘ไปดร็อปเถอะ’ อีกคนหนึ่งหัวเราะ





หลังจากทักทายกันพอหอมปากหอมคอ อาจารย์มาดนิ่งก็ขยับแว่นสายตาเล็กน้อยก่อนจะลงมือสอน ‘ให้นักศึกษาดูที่พาเล็ตด้านขวามือนะครับว่ามีกล่องพาเล็ตที่เราจะใช้งานไหม ถ้าไม่มีขึ้นไปดูที่เมนูบาร์ดูที่แถบวินโดวส์’





‘วินโดว์ หน้าต่าง’ เสียงหนึ่งพูดแทรกขึ้นมา




‘ใช่ครับ วินโดว์คือหน้าต่าง แต่ถ้าประตูอยู่โน่น ไปดร็อปเสีย’ ตฤณกรพูดกลั้วหัวเราะ










อาทิตย์ทัศน์หัวเราะ “ดีนะไม่ขับรถไป ไม่งั้นคงโดนปล่อยลมยางฐานที่อาจารย์พูดจาน่าหมั่นไส้นะครับอาจารย์ตฤณกร”




“ใช่เวลามาซ้ำเติมกันไหมเนี่ยคุณ” คนตัวสูงหน้ามุ่ย




“อ่ะ ต่อ ๆ แล้วยังไงต่อ”





“ก็ด้วยความที่เวอร์ชันของโปรแกรมมันค่อนข้างหลากหลาย ก็เลยทำให้เกิดปัญหาว่าเวลาอาจารย์บอกให้ใช้เครื่องมือนี้ นักศึกษาหาไม่เจอ เพราะบางเวอร์ชันหน้าตามันต่างออกไป หรือมีเครื่องมือที่หน้าตาคล้ายกันนี่แหละคุณ”







นักศึกษาคนหนึ่งยกมือขึ้น ‘อาจารย์ครับ ผมทำแบบที่อาจารย์บอกแล้วมันไม่ได้ครับ’




ตฤณกรพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปดู ซึ่งนักศึกษาคนหนึ่งก็กำลังเดินไปดูให้เพื่อนที่นั่งเครื่องถัดจากนักศึกษาคนที่ยกมือเรียกอาจารย์เมื่อสักครู่เช่นกัน




‘เฮ้ย! ทำไมมันไม่ได้วะ’ อาจารย์หนุ่มบ่นกับตัวเองขณะยืนคลิกเม้าส์อยู่นานจนกระทั่ง ‘มันเลือกเครื่องมือถูกรึเปล่าวะ’ ได้เพียงคิดในใจ




‘อาจารย์โดนหลอกแล้ว’ เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น




ตฤณกรหันไปมองนักศึกษาคนที่เดินมาพร้อมกัน





‘เครื่องมือมันหน้าตาคล้ายกัน ผมก็โดนหลอก ทำอยู่ตั้งนาน หลอกกันนี่หว่า’







อาทิตย์ทัศน์ค้อมศีรษะให้พนักงานเสิร์ฟสาวสาวยที่ยกถาดอาหารมาวางก่อนจะหันกลับมายิ้มกับคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม “ก็เลยฮากันทั้งห้องละสิท่า”



ตฤณกรพยักหน้าเซ็ง ๆ ก่อนจะเล่าต่อ....




‘ให้นักศึกษาเปิดไฟล์ภาพขึ้นมานะครับ’ ปากหยักกล่าว แต่มือกลับไม่ทำตาม ภาพบนจอโปรเจ็คเตอร์จึงปรากฏเป็น ไฟล์ > นิว




‘ต้อง ไฟล์ > โอเพนค่ะอาจารย์’ สาวน้อยที่นั่งแถวหน้าสุดพูดขึ้น




‘อืม..เยี่ยมมากครับ ผมจะทดสอบว่านักศึกษาตั้งใจเรียนหรือเปล่า’ ตฤณกรยิ้มอย่างภูมิใจกับมุกที่ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัยนี้




เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก...




‘ต่อไปให้นักศึกษาใส่ข้อความ โดยใช้สีคนละสีกับแบ็คกราวน์นะครับ’




‘อาจารย์คะ หนูทำไม่ได้สักทีค่ะ พิมพ์แล้วมันก็เป็นขีด ๆ งมอยู่ตั้งนานแล้ว’ สาวน้อยคนเดิมกล่าว




‘ยังไงนะครับ’  อาจารย์หนุ่มขมวดคิ้วเตรียมจะลุกไปดู




‘อ๋อ ไม่ไต้องแล้วค่ะ หนูลืมเปลี่ยนสีฟอนท์’  หลังจากนั้นก็มีเสียงโห่ของเพื่อน ๆ ทั้งห้อง




‘นี่โง่จริงหรือแกล้งโง่วะ’ คนหนึ่งตะโกนขึ้น แล้วทั้งห้องก็พากันหัวเราะ




‘เยอะตลอดนะครับคนนี้ ทั้งห้องมีปัญหาอยู่คนเดียว’ ตฤณกรหัวเราะก่อนจะนั่งลง

 


‘หนูก็อยากจะทดสอบอาจารย์ค่ะ ว่าอาจารย์ตั้งใจสอนพวกหนูหรือเปล่า’






....




อาทิตย์ทัศน์หัวเราะพรืดก่อนจะพยายามกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นหน้าตูม ๆ ของคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกัน



“ยังจะมาขำผมอีก ผมโดนทำร้ายมานะคุณ” ตฤณกรกล่าวด้วยน้ำเสียงงอน ๆ



“กรรมตามสนองหรือเปล่าคุณ สมัยเรียนกวนประสาทอาจารย์ไว้เยอะสิท่า”



“ผมออกจะเรียบร้อยน่ารัก” คนตัวสูงกล่าวก่อนจะตักข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ



“คุณโดนแบบนี้บ่อยหรือเปล่า”



“ก็ไม่นะ” อาทิตย์ทัศน์ตอบเรียบ ๆ



“โดนเด็กจีบมากกว่าละสิ”



“จะบ้าเหรอ ไม่มีหรอก”



“อย่าให้รู้นะว่ามี”



“ถ้ามีแล้วคุณจะไปทำอะไรเขา”



“ผมจะตามไปนั่งเรียนด้วยทุกวันเลยคอยดู”



อาทิตย์ทัศน์ยิ้มให้คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามก่อนจะเบนสายตาไปที่หญิงสาวในชุดพยาบาลที่เพิ่งประตูเข้ามา เธอเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ก่อนจะชี้เลือกเค้ก 2-3 ชิ้นให้พนักงานจัดใส่กล่อง....


















“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” ตฤณกรเอ่ยขึ้น



คนตัวเล็กกว่าส่ายหน้าช้า ๆ ก่อนจะกล่าวทั้งที่สายตายังคงจ้องมองไปยังผู้ที่มาใหม่ “เปล่าหรอก แค่รู้สึกคุ้นหน้า”



ตฤณกรเหลียวหลังมองตามสายตาของคนตรงหน้า เป็นเวลาเดียวกับที่สาวน้อยนางหนึ่งในชุดนักศึกษาเปิดประตูตามเข้ามาในร้าน



“พี่พิมพ์” เธอร้องเรียกก่อนจะเดินเข้าไปหาหญิงสาวในชุดพยาบาลที่กำลังยืนควานหากระเป๋าสตางค์ในกระเป๋าสะพายที่หน้าเคาน์เตอร์



“รอนานไหม”



“ไม่นานจ้ะ” ผู้เป็นพี่ยิ้มก่อนจะส่งเงินให้พนักงาน







“เด็กแสบ” ตฤณกรพึมพำ เป็นเวลาเดียวกับที่สาวน้อยในชุดนักศึกษาหันมาสบตาเขาพอดี เธอยิ้มก่อนจะจะเดินเข้ามา



“สวัสดีค่ะอาจารย์”



“เอ้อ..ครับ สวัสดีครับ” ตฤณกรกล่าว



“มาทานข้าวเหรอคะ”



“ใช่ครับ”




ยังไม่ทันที่ทั้งสองคนจะได้พูดอะไรกันต่อ เสียงหวาน ๆ ของผู้เป็นพี่สาวก็ดังมาจากด้านหลัง



“แพร พี่จ่ายเงินเรียบร้อยแล้วนะ”



“ค่ะพี่พิมพ์” สาวน้อยหันไปยิ้มให้พี่สาวที่กำลังเดินเข้ามาก่อนจะรั้งแขนพี่สาวให้เข้ามายืนข้าง ๆ กัน “พี่แพร นี่ไงคะอาจารย์คนที่พิมพ์เล่าให้ฟัง ชื่ออาจารย์ตฤณกรค่ะ”



เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าน่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับตนเอง หญิงสาวในชุดพยาบาลจึงค้อมศีรษะลงเล็กน้อยพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน ในขณะเดียวกันตฤณกรก็ยิ้มให้เธอเช่นกัน



“พิมพ์ทอง” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้น




“รู้จักชื่อฉันด้วยเหรอคะ” หญิงสาวกล่าวอย่างแปลกใจ



“พิมพ์ทอง มอสองทับสาม”



คิ้วโก่ง ขมวดเข้าหากันพร้อมกับพิจารณาชายหนุ่มตรงหน้าอย่างตั้งใจ ในที่สุดริมฝีปากอิ่มก็ค่อย ๆ ขยับยิ้ม “จ้าใช่ไหม” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น



“ใช่ จ้าเอง” อาทิตย์ทัศน์ยิ้มกว้างให้กับเพื่อนร่วมโรงเรียนที่ไม่ได้พบกันนานนับสิบปี



“ไม่เจอกันนานเลย พิมพ์เกือบจำจ้าไม่ได้แล้ว หล่อขึ้นเป็นกองเลย”



“พิมพ์ก็สวยขึ้นนะ”



ตฤณกรมองหญิงสาวในชุดพยาบาล เธอสวยจริง ๆ อย่างที่อาทิตย์ทัศน์ว่า ใบหน้ารูปไข่ชวนมองที่ถูกแต่งแต้มบาง ๆ ด้วยเครื่องสำอาง ปากนิดจมูกหน่อย ผมดำขลับถูกเกล้าเก็บอย่างเรียบร้อย



“จ้ามาทานข้าวเหรอ”



“อืม” อาทิตย์ทัศน์พยักหน้า “แล้วพิมพ์ล่ะ”



“พิมพ์ทำงานแถวนี้น่ะ นี่ก็กำลังจะกลับบ้าน พอดีนัดกับน้องสาวไว้ที่นี่” เธอกล่าวก่อนจะหันไปหาสาวน้อยที่ยืนข้าง ๆ กัน “ไม่รู้ว่าจ้าจะจำได้ไหม นี่ยัยแพร”



“สวัสดีค่ะ” สาวน้อยในชุดนักศึกษาเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกมือไหว้




ชายหนุ่มรับไหว้ “จำได้แค่ว่าพิมพ์มีน้องสาวเล็กคนหนึ่ง”



“นี่น่ะ อยู่ปีสี่แล้ว”



“เป็นลูกศิษย์อาจารย์ตฤณกรด้วยค่ะ” เธอหันไปยิ้มให้ชายหนุ่มสวมแว่นตาที่ยังคงนั่งปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดอยู่



ก่อนที่การสนทนาจะดำเนินต่อไป เสียงโทรศัพท์มือถือของหญิงสาวในชุดพยาบาลก็ดังขึ้นขัดจังหวะ




“ค่ะพ่อ”



“พิมพ์เจอน้องแล้ว กำลังจะกลับกันแล้วค่ะ” เธอกล่าวก่อนจะวางสายในที่สุด




“พ่อโทรตามแล้วเหรอ” สาวน้อยในชุดนักศึกษาหันไปถามพี่สาวของเธอที่พยักหน้ายิ้ม ๆ ขณะเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋าสะพาย



“ยังหวงลูกสาวเหมือนเดิม” เจ้าของลักยิ้มเล็ก ๆ หัวเราะ



“จ้าน่ะ แซวพิมพ์ แล้วนี่ยังอยู่บ้านหลังเดิมไหม”




“ยังอยู่ที่เดิมนั่นแหละ ไม่ไปไหนหรอก”




“ดีเลย เดี๋ยววันหลังพิมพ์จะแวะไปหานะ”




“ได้สิ แม่คงดีใจที่ได้เจอพิมพ์อีก”




“ถ้าอย่างนั้นพิมพ์ไปก่อนนะ” หญิงสาวยิ้มก่อนจะจูงมือน้องสาวเดินออกไปจากร้าน






ตฤณกรมองดูคนตรงหน้าที่กำลังมองตามร่างเล็ก ๆ ที่กำลังเดินข้ามถนนไปยังรถที่จอดอยู่อีกฝั่งก่อนจะกระแอมเบา ๆ ในขณะที่อาทิตย์ทัศน์ค่อย ๆ หันกลับมาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม



“ใครน่ะ”




“เป็นเพื่อนสมัยเรียนน่ะ เมื่อก่อนเคยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน” คนตัวเล็กกว่ากล่าวก่อนจะตักอาหาร



“แฟนเก่าหรือเปล่า”



“ใช่ที่ไหนกันล่ะ”



“ใช่หรือไม่ใช่ก็ไม่รู้ละ แต่คุยกันจนลืมแฟนตัวเองที่นั่งอยู่ตรงนี้เลยนะ” ตฤณกรกล่าวด้วยน้ำเสียงงอน ๆ



“ก็ไม่ได้เจอกันเป็นสิบปีแล้วนี่นา” อาทิตย์ทัศน์มองคนหน้ามุ่ยตรงหน้าก่อนจะยิ้ม...




(มีต่อค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-06-2014 14:29:42 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
ถ้าอาจารย์เป็นงี้คงมีดักตบอะ 55555
คุณจ้าน่ารักจัง

ออฟไลน์ nokkaling

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ Noo_Patchy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1055
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-4
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:  อย่ามาเป็นมือที่สามนะ ฮึ่ม ๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ FlOriN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
กริ้สส อยากเป็นลูกศิษย์จังเลย ><
สองคนนี้ก็ยังมีความหวานอบอุ่นให้เราได้สัมผัสตลอดๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ GintoniC

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-0

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
หุ หุ จ้าลืมหน่อยเดียว ทำงอนนะตัง ฮา

อยากให้จ้าใส่แหวนจัง ตังจะได้มั่นใจ

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1622
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
 :-[ :-[ครายก็ได้เอาชั้นไปเก็บที วนอ่าน3รอบจิกหมอนจนจะขาดหัวตุ๊กตากระจุยหมดแล้ววว เขิน กรี๊สสสส

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
อาจารย์ตังถูกเด็กลองของ
สำหรับสองหนุ่มค่อนข้างไว้ใจได้ว่าจะไม่ว่อกแว่กกับมือที่สามแน่นอน

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
แต่ละมุขที่ใช้กันนะ คิดได้ไงเนี่ย ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
(ต่อ)


“แม่ แม่เห็นสร้อยจ้าไหมครับ จ้าจำได้ว่าถอดวางไว้ในห้องน้ำ”  อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นกับผู้เป็นแม่ที่กำลังนั่งจัดของอยู่หน้าตู้ไม้สักหลังใหญ่ที่อายุพอ ๆ กับเขา



“สร้อย?” ผู้เป็นแม่ละสายตาจากอัลบั้มเก่า ๆ ในมือก่อนจะหันมาหาลูกชาย “ใช่ที่มีแหวนคล้องอยู่หรือเปล่าลูก”



“ใช่ครับ” ชายหนุ่มที่เพิ่งเดินกลับออกมาจากห้องน้ำกล่าว



“แม่วางไว้ให้บนโต๊ะทำงานของลูกน่ะ”



อาทิตย์ทัศน์ยิ้มก่อนจะเดินไปหยิบสร้อยที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของเขามาสวมไว้ที่คอเหมือนเดิม ก่อนจะช่วยผู้เป็นแม่ยกลังใส่ของมาวางลงบนโต๊ะที่หน้าโซฟา



“ทำไมไม่สวมไว้ที่นิ้วล่ะจ้า” อรนุชเอ่ยขึ้นขณะมองสร้อยที่คอของลูกชาย



อาทิตย์ทัศน์หันไปสบตาผู้เป็นแม่ที่กำลังถือแผ่นเสียงเก่ามานั่งลงที่โซฟา ชายหนุ่มค่อย ๆ เดินมานั่งลงข้าง ๆ ก่อนจะเอนตัวลงนอนบนตักอุ่น ในมือยังคงหมุนแหวนทองคำขาวไปมา



“จ้าไม่รู้ว่าควรจะสวมมันไว้ที่นิ้วดีไหม”



“ทำไมล่ะลูก” มืออุ่น ๆ วางลงบนหน้าผากก่อนจะค่อย ๆ เสยผมที่ลงมาปกหน้าคนที่นอนอยู่บนตัก “แหวนน่ะเขาต้องสวมไว้ที่นิ้วสิ เราจะได้มองเห็นมันและรู้ว่ามันยังอยู่ ไม่ได้ไปวางลืมไว้ที่ไหน” อาทิตย์ทัศน์นิ่งเงียบไปโดยไม่ได้ตอบอะไรจนกระทั่งเสียงฮัมเพลง....เพลงที่มักจะได้ยินจากแผ่นเสียงเก่าของพ่อดังขึ้นจากริมฝีปากของผู้หญิงที่เขารักมากที่สุด



“จ้าอยากฟัง แม่ไม่ได้ร้องเพลงนี้นานแล้ว แม่ร้องให้จ้าฟังหน่อยนะครับ” ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะรั้งมืออุ่นของผู้เป็นแม่มาวางบนแก้มพร้อมกับหลับตาลงช้า ๆ 



ดวงตาอ่อนโยนมองคนบนตักก่อนจะยิ้ม...



“โปรดอย่าถาม
ว่าฉันเป็นใคร เมื่อในอดีต
และโปรดอย่าถาม ว่าอดีต ฉันเคยรักใคร
รู้ไว้อย่างเดียว
เดี๋ยวนี้รักเธอ และรักตลอดไป
รักมากเพียงไหน
กำหนดวัดได้ เท่าดวงใจฉัน
...อย่าเพียรถาม
ว่าฉันจะรัก เธอนานเท่าใด
ฉันตอบไม่ได้ ว่าฉันจะรัก
ชั่วกาลนิรันดร์
เพราะชีวิตฉัน คงไม่ยืนยาว ไปถึงป่านนั้น
รู้แต่เพียงฉัน หมดสิ้นรักเธอ เมื่อฉันหมดลม....”



อาทิตย์ทัศน์หลับตาพริ้ม แม้เสียงของแม่จะไม่ไพเราะเหมือนนักร้องคุณภาพ แต่แม่ก็ทำให้เพลงนี้เป็นเวอร์ชันที่เพราะที่สุด ชายหนุ่มได้ฟังเพลงนี้ตั้งแต่เมื่อเขายังเด็ก แม่มักจะหยิบแผ่นเสียงแผ่นเดิมขึ้นมาเล่นเพลงเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เวลาที่พ่อไม่อยู่ แม่ไม่เคยเล่าให้ฟังว่าแม่กับพ่อมีความหลังอะไรกับเพลง ๆ นี้ แต่คนเป็นลูกอย่างเขาก็รู้สึกได้ว่ามันคงเป็นเพลงที่มีความหมายยิ่งใหญ่ระหว่างคนสองคน  เครื่องเล่นแผ่นเสียงเครื่องเก่าถูกนายช่างใหญ่ประจำบ้านซ่อมแล้วซ่อมอีกทุกครั้งที่มันเริ่มใช้การไม่ได้ แต่ตั้งแต่พ่อของเขาจากไปเครื่องเล่นแผ่นเสียงเครื่องนั้นก็ไม่ได้ถูกซ่อมอีกหลังมันพังลง แผ่นเสียงเก่าถูกเก็บเข้าตู้ และเพลง ๆ นี้ก็เลือนหายไปจากความทรงจำของคนในบ้านในที่สุด...





“เอาไว้จ้าจะหาแผ่นเพลงต้นฉบับมาให้แม่เปิดฟังนะ” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นแม่ มือเหยี่ยวย่นข้างหนึ่งยังคงกอดแผ่นเสียงเก่าเอาไว้แนบอก แม้มันจะเป็นสิ่งที่ทำให้ต้องหวนนึกถึงความหลังครั้งเก่า แต่มันก็เป็นความหลังที่เต็มไปด้วยความสวยงามและน่าจดจำไม่น้อย....






....




“เขาเป็นใครน่ะขวัญ” ตฤณกรเอ่ยขึ้นกับคนที่ยืนล้างผลไม้อยู่ข้าง ๆ ขณะมองหญิงสาวหน้าตาสะสวยที่เคยได้พบกันแล้วครั้งหนึ่งในร้านอาหารซึ่งกำลังนั่งคุยกับแม่ของอาทิตย์ทัศน์ที่ศาลาพักผ่อนที่หลังบ้าน



“อ๋อ พี่พิมพ์น่ะค่ะ พี่พิมพ์ทอง เมื่อก่อนน่ะเคยอยู่หมู่บ้านเดียวกับเรา คุณพ่อของพี่เขาเปิดร้านซ่อมรถ” จอมขวัญกล่าวก่อนจะวางส้มผลโตลงในตะแกรงเพื่อพักให้สะเด็ดน้ำ



“คุณพ่อดุมากกกกกก”  หญิงสาวร่างเล็กลากเสียงพร้อมกับทำหน้าตาชวนสยอง “แต่พี่จ้าก็หาเรื่องเอาจักรยานไปซ่อมได้ทุกอาทิตย์”



“จ้าชอบเขาเหรอ”



“ไม่ใช่หรอกค่ะ แค่แอบปลื้มแบบเด็ก ๆ น่ะค่ะ แต่ก็ถึงขนาดไปหัดเล่นกีต้าร์เตรียมจะอัดเพลงส่งให้เขาฟัง สุดท้ายเขาก็ย้ายบ้านหนีไปเสียก่อน” หญิงสาวหัวเราะก่อนจะนึกถึงความหลังครั้งยังเด็ก



“ไปทานข้าวกัน” อาทิตย์ทัศน์ที่เดินยิ้มเข้ามาเอ่ยขึ้น



“อารมณ์ดีจังเลยนะคะพี่จ้า” จอมขวัญกล่าวก่อนจะจัดผลไม้ใส่จาน



“ชอบให้พี่ทำหน้าบึ้งหรือไงเรา” ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะเดินไปหยิบถาดใส่แก้วน้ำ



“เดี๋ยวผมยกไปให้” ตฤณกรกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ พร้อมกับรั้งถาดมาไว้ในมือก่อนจะเดินออกจากห้องครัวไป 



“เจอแฟนเก่าแล้วอารมณ์ดีระวังคนแถวนี้เขาจะน้อยใจนะคะ” จอมขวัญกระซิบ



“ฟงแฟนที่ไหนกันล่ะ” คนตัวสูงยิ้มก่อนจะบีบจมูกน้องสาวเบา ๆ




....




บนโต๊ะอาหารกรุ่นไปด้วยบรรยากาศเก่า ๆ เมื่อครั้งที่บรรดาหนุ่ม ๆ สาว ๆ ยังเด็ก เรื่องที่ถูกยกมาพูดกันก็ไม่พ้นเรื่องจักรยานของอาทิตย์ทัศน์ที่พังมันได้ทุกอาทิตย์



“ป้าได้รู้จักกับคุณพ่อหนูพิมพ์ก็เพราะจักรยานของจ้านี่แหละ ทั้งที่เขาหวงจักรยานคันนี้มาก แต่ก็ไม่รู้ทำไมถึงปล่อยให้พังจนต้องเอาไปซ่อมทุกอาทิตย์ ซ่อมบ่อยจนหลัง ๆ คุณพ่อหนูพิมพ์ไม่ยอมคิดเงินเสียอย่างนั้น” คำพูดของผู้อาวุโสทำเอาทุกคนที่นั่งล้อมวงทานข้าวกันอยู่ที่โต๊ะอาหารต้องหัวเราะยกเว้นก็แต่ชายหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของบ้านได้ไม่นาน



“สงสัยลูกสาวร้านซ่อมรถจะน่ารักหรือเปล่าครับ เลยต้องหาเรื่องไปเจอหน้าทุกอาทิตย์” ตฤณกรที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้นพร้อมกับสบตาคนตรงหน้า



“ใช่อย่างที่ตังพูดหรือเปล่าจ้า” พิมพ์ทองหันไปถามชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กัน อาทิตย์ทัศน์ละสายตาจากคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก่อนจะยิ้มให้สาวสวยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ



“พี่พิมพ์หายหน้าไปนานเลยนะคะ งานคืนสู่เหย้าที่โรงเรียนก็ไม่เคยได้เจอเลย” จอมขวัญเอ่ยขึ้น



“พี่ย้ายตามพ่อกลับไปดูแลคุณย่าที่ต่างจังหวัดน่ะจ้ะ เพิ่งจะได้กลับมาเมื่อตอนเริ่มทำงานหลังจากที่คุณย่าท่านเสียนี่เอง”



“จ้าเล่าให้ฟังว่าหนูพิมพ์เป็นพยาบาลเหรอจ๊ะ”



“ใช่ค่ะคุณป้า ส่วนยัยแพรน้องสาวพิมพ์ตอนนี้ก็กำลังเรียนปีสี่คณะเดียวกับตังเลย”



“ลูกสาวบ้านนี้เขาสวยทั้งบ้านครับแม่” อาทิตย์ทัศน์พูดกลั้วหัวเราะ



“พิมพ์ไปเล่าให้พ่อฟังด้วยนะว่าเจอจ้า พ่อจำจ้าได้ด้วย บอกว่าเด็กผู้ชายเจ้าของจักรยานซังกะบ๊วย  พ่อยังบอกให้ชวนจ้าไปทานข้าวที่บ้านด้วยกันเลย”



“โห...จะดีเหรอพิมพ์” อาทิตย์ทัศน์หัวเราะแหะ ๆ ก่อนจะนึกถึงคุณอาร่างหมีเจ้าของอู่ซ่อมรถไว้หนวดไว้เคราดูน่าเกรงขามที่ไม่ได้พบกันนานหลายปี...





....





“เป็นอะไรหรือเปล่า วันนี้ไข่เจียวผมไม่อร่อยเหรอ” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ ชายหนุ่มที่กำลังให้อาหารปลาคราฟอยู่ที่ระเบียง



“เปล่าครับ” ตฤณกรตอบเพียงสั้น ๆ



คนตัวเล็กกว่าพยักหน้าโดยไม่ได้เอะใจอะไร...


....




เดือนต่อมา...



“จ้า เย็นนี้คุณว่างไหม” ตฤณกรถามคนตัวเล็กกว่าที่กำลังทอดสายตามองออกไปนอกกระจกหน้าต่างรถไฟฟ้า



“ว่าง ทำไมเหรอ คุณมีอะไรหรือเปล่า”



“ไปหาอะไรอร่อย ๆ ทานกัน”



“ที่ไหนล่ะ”



“ร้านเค้กสีฟ้าตรงหัวมุมถนน” ตฤณกรยิ้ม



“อยากทานเค้กเหรอ”



“อืม..พอดีพี่เจ้าของร้านเขาบอกว่าตอนนี้เขาเปิดขายอาหารด้วย ผมก็เลยว่าจะชวนคุณไปลองชิม”



“ได้สิ” อาทิตย์ทัศน์ยิ้ม




...




ชายหนุ่มร่างท้วมเงยหน้าขึ้นจากจอคอมพิวเตอร์ก่อนจะมองไปยังคนที่นั่งผิวปากทำงานอย่างอารมณ์ดี



“อารมณ์ดีอะไรหนักหนาวะไอ้ตัง แก้งานบานขนาดนี้ยังจะมีอารมณ์มาผิวปาก”



“ก็คงมันอารมณ์ดีแถมมีแฟนน่ารัก” ตฤณกรกล่าว



“แหม...มันน่าอิจฉาคนมีความรักวุ้ย” พัฒน์กล่าวอย่างหมั่นไส้



คนอารมณ์ดียังคงยิ้มก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากด...




โทรศัพท์ที่สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงทำให้อาทิตย์ทัศน์ที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารประกอบการประชุมอยู่ภายในห้องทำงานต้องหยิบโทรศัพท์ออกมาดู ลักยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นที่ข้างแก้มเมื่อเห็นภาพการ์ตูนหน้ากลมทำท่าอมยิ้มถูกส่งมาจากใครบางคนที่เพิ่งแยกกันเมื่อเช้าก่อนมาทำงาน นิ้วเรียวค่อย ๆ พิมพ์ข้อความตอบกลับไป



“ยิ้มอะไร ว่างมากหรือไง ถึงยิ้มอยู่ได้”



‘ไม่ว่างครับ กำลังคิดถึงแฟน ยิ้มให้แฟนไม่ได้หรือไง’



อาทิตย์ทัศน์ยิ้มพร้อมกับพิมพ์ข้อความสุดท้ายก่อนจะหยิบเอกสารเพื่อเตรียมไปประชุม



“เดี๋ยวจะพาไปตรวจน้ำตาลในกระแสเลือด =^^=”



การประชุมเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนสายจนกระทั่งยืดเยื้อมาถึงตอนบ่ายและไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่าย  ๆ อาทิตย์ทัศน์เดินออกจากห้องประชุมมาโทรศัพท์เมื่อถึงเวลาพักรับประทานอาหารว่างในตอนบ่าย



“คุณ ผมยังประชุมไม่เสร็จเลย ไม่รู้ว่าเย็นนี้จะไปตามนัดคุณได้ไหม เราเลื่อนไปเป็นวันอื่นดีไหม”



‘ไม่เป็นไร คุณก็ประชุมของคุณให้เสร็จเถอะ ผมรอได้ เดี๋ยวผมนั่งแก้งานให้ลูกค้าไปเรื่อย ๆ คุณเสร็จเมื่อไรก็โทรหาผมก็แล้วกัน’



“เอาอย่างนั้นเหรอ” ชายหนุ่มกล่าวอย่างลังเล



‘เอาอย่างนี้แหละครับ ผมอยากไปทานข้าวกับคุณวันนี้’



“อืม..เอาอย่างนั้นก็ได้ แต่ถ้าคุณหิว คุณหาอะไรทานไปก่อนเลยนะ”



‘ครับผม’ คนที่ปลายสายกล่าวอย่างอารมณ์ดีก่อนที่ทั้งคู่จะวางสายกันไป....




...





ตฤณกรเงยหน้าจากกระดานเขียนแบบก่อนจะบิดตัวยืดเส้นยืดสาย ภายในห้องทำงานไม่มีใครแล้วนอกจากเขา ชายหนุ่มก้มมองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาเกือบหนึ่งทุ่มก่อนจะรีบหยิบโทรศัพท์ที่ไม่ได้เปิดเสียงขึ้นมาดู มีสายเข้าจากเบอร์เดียวกันหลายสายกับข้อความถูกส่งมาเมื่อประมาณครึ่งชั่วโมงก่อน



‘ทำไมไม่รับโทรศัพท์เนี่ย ผมจะบอกคุณว่าคุณพ่อของเพื่อนผมเข้าโรงพยาบาล ผมก็เลยว่าจะไปเยี่ยม อาจจะไปถึงร้านช้าหน่อย ถ้าคุณหิวก็สั่งอะไรทานไปก่อนได้เลยนะ’




เมื่อตฤณกรอ่านข้อความเรียบร้อย เขาก็รีบโทรหาเจ้าของข้อความทันที



“จ้า คุณอยู่ไหนน่ะ”



‘ผมอยู่ที่โรงพยาบาล พอดีคุณพ่อของพิมพ์ท่านลื่นตกบันไดน่ะ ผมเห็นว่าอยู่กันแค่ผู้หญิงสองคนก็เลยแวะมาดู’



ตฤณกรชะงักเมื่อได้ยินชื่อของบุคคลที่สามแต่ก็ไม่วายถามด้วยความเป็นห่วง



“แล้วเป็นยังไงบ้าง เป็นอะไรมากไหม”



‘ตอนนี้หมอกำลังทำแผลอยู่ เดี๋ยวคงจะส่งไปเอ็กซเรย์’



“ถ้าอย่างนั้นคุณเสร็จเมื่อไรก็ตามไปที่ร้านนะ เดี๋ยวผมจะไปรอที่ร้าน แค่นี้นะครับ คุณไปดูแลเพื่อนเถอะ”



‘ตัง’



เสียงของคนที่ปลายสายทำให้ตฤณกรต้องแนบหูกับโทรศัพท์อีกครั้ง



‘ผมว่าเราเลื่อนไปวันพรุ่งนี้ไหม...’ อาทิตย์ทัศน์พูดได้เพียงเท่านั้นก่อนที่โทรศัพท์จะแบ็ตหมด



ตฤณกรถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเก็บของออกจากห้องทำงาน...




....



อาทิตย์ทัศน์กลับมาถึงบ้านเกือบสี่ทุ่ม เขารีบตรงไปยังโต๊ะทำงานก่อนจะชาร์จแบ็ตโทรศัพท์ ทันทีที่โทรศัพท์ถูกเปิดขึ้นมาอีกครั้งก็มีเสียงเตือนข้อความดังขึ้น มันเป็นข้อความที่ถูกส่งมาหลังจากเขาคุยกับตฤณกรเมื่อช่วงหัวค่ำนั่นเอง



‘ไม่เป็นไร ผมรอได้’





คิ้วหนาขมวดเข้าหากันก่อนจะพึมพำกับตัวเอง “ทำไมดื้อแบบนี้นะ”



อาทิตย์ทัศน์ขับรถออกไปจากบ้านมาถึงยังร้านเค้กสีฟ้าซึ่งตั้งอยู่หัวมุมถนนเมื่อตอนเกือบห้าทุ่ม ภายในร้านไม่มีคนแล้วเพราะร้านกำลังจะปิด ที่มุมหนึ่งของร้านพนักงานสาวสองคนกำลังช่วยกันเก็บจานซึ่งยังคงเต็มไปด้วยอาหาร หนึ่งในสองคนหันมากล่าวกับผู้ที่เดินเข้ามาใหม่ด้วยรอยยิ้ม


“ครัวปิดแล้วนะคะพี่ เหลือแต่เค้กแล้วค่ะ”



“เอ้อ ครับ” อาทิตย์ทัศน์พยักหน้า “พอดีผมนัดกับเพื่อนไว้ ไม่รู้ว่าเขากลับไปหรือยังเลยแวะมาดู ผู้ชายตัวสูง ๆ ขาว ๆ สวมแว่นตา พอจะเห็นบ้างไหมครับ”



พนักงานสาวหันหน้าไปสบตากันก่อนที่คนหนึ่งจะกล่าว “สงสัยคนที่นั่งโต๊ะนี้หรือเปล่าคะ เห็นมานั่งตั้งแต่ทุ่มครึ่ง สั่งอาหารแล้วก็ไม่ทาน นี่เพิ่งกลับออกไปก่อนพี่จะเข้ามาสักครู่เองค่ะ”



“ขอบคุณนะครับ” ชายหนุ่มกล่าวเสียงอ่อยก่อนจะเดินออกจากร้านไป....




...




เช้าวันต่อมา...


ตาคมมองหาคนที่มักจะมายืนรอเขาทุกเช้าที่สถานีรถไฟฟ้า ในที่สุดสายตาก็ไปหยุดที่ร่างสูงของคนที่กำลังยืนเกาะแผงกั้นมองดูรถที่กำลังแล่นผ่านไปผ่านมาที่ใต้สถานี



“ทำไมเมื่อคืนคุณถึงยังรออยู่อีก ทั้ง ๆ ที่ผมก็บอกคุณแล้ว” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นเมื่อเดินมาใกล้ ๆ



“ก็ผมเห็นว่าโทรศัพท์คุณแบ็ตหมด แล้วกว่าร้านจะปิดตั้งเกือบเที่ยงคืน  ก็เลยรอไปเรื่อย ๆ เผื่อคุณจะมา” คนตัวสูงกล่าวด้วยใบหน้านิ่งเฉยผิดปกติ



“เมื่อคืนก็ไม่ได้ทานข้าวใช่ไหม”



ตฤณกรพยักหน้า



“ทำไมถึงดื้อแบบนี้ ทานข้าวน่ะทานวันไหนก็ทานได้ ผมไม่หนีไปไหนหรอก” อาทิตย์ทัศน์กล่าว



“ผมรู้ว่าทานวันไหนก็ได้ แต่ผมอยากทานข้าวกับคุณในวันที่เป็นวันครบรอบวันแรกที่เราพบกันที่ร้านเค้กร้านนั้นแค่นี้เอง มันผิดด้วยเหรอ”



คำพูดของคนตรงหน้าทำเอาคนฟังรู้สึกใจหายไม่น้อย ไม่คิดว่าเขาจะเก็บรายละเอียดทุกอย่างได้มากขนาดนี้ คนตัวเล็กกว่าค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจเบา ๆ “ไม่ผิดหรอก” ปากบางเม้มแน่นจนเกือบจะเป็นเส้นตรงก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป




“ผมขอโทษ”



ตฤณกรสบตาคนตรงหน้าก่อนจะพยายามยิ้มแบบที่เคยยิ้ม “ช่างเถอะคุณ”



อาทิตย์ทัศน์มองคนโกหกไม่เก่งโดยไม่ได้พูดอะไร ในใจรู้ดีว่าผู้ชายอ่อนไหวคนนี้คงรู้สึกแย่ไม่น้อยกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น...



....




แม้จะมีเรื่องให้ต้องหมางใจกันแต่อาทิตย์ทัศน์ก็ยังทำตัวเป็นปกติกับตฤณกร เขายังคงพบกันที่สถานีรถไฟฟ้าเกือบทุกเช้าและมาส่งกันเกือบทุกเย็น ในวันหยุดถ้าหากตฤณกรไม่ได้แวะมาที่บ้านก็เป็นอาทิตย์ทัศน์เองที่เป็นฝ่ายไปหา จนกระทั่งในสัปดาห์ที่ผ่านมาทั้งคู่แทบจะไม่มีเวลาพบกันเลย เนื่องจากตฤณกรต้องเร่งทำงานให้เสร็จทันกำหนดที่จะต้องไปนำเสนอให้กับลูกค้าซึ่งกำลังจะเปิดรีสอร์ทแห่งใหม่ที่จังหวัดเชียงรายในปลายเดือนที่จะถึง ส่วนอาทิตย์ทัศน์เองก็ต้องเข้าประชุมจนมืดค่ำอยู่บ่อย ๆ การไม่ได้พบหน้ากันจึงกลายเป็นเรื่องปกติระหว่างเขาทั้งคู่ในระยะนี้



“งานเยอะเหรอ” คนตัวเล็กกว่าที่กำลังยืนหันหลังล้างถ้วยชามอยู่ที่อ่างล้างจานเอ่ยขึ้น



“ครับ” ตฤณกรตอบเพียงสั้น ๆ ขณะที่ตายังคงจ้องมองจอคอมพิวเตอร์



“เสาร์หน้าคุณว่างไหม”



“อืม...ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะมีอะไรหรือเปล่า คุณมีอะไรเหรอ”



“พิมพ์ให้มาชวนไปทานข้าวด้วยกัน” ชื่อนั้นทำเอาคนฟังรู้สึกเจ็บจี๊ด ๆ ภายในใจไม่น้อย



“คุณไปเถอะ”



“แต่พิมพ์เขาอยากให้คุณไปด้วยนะ”



“ถ้าผมว่างผมจะไปก็แล้วกัน” คำตอบเพียงสั้น ๆ นั้นทำเอาคนชวนไม่กล้าเซ้าซี้ต่อ



....



“สองคนนี้แปลกดี งอนกันแต่ก็ยังมาหากัน” อรนุชเอ่ยขึ้นขณะมองลูกชายของตัวเองที่กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้สนใจคนตัวสูงที่กำลังนั่งให้อาหารปลาอยู่ที่ระเบียงเลยแม้แต่น้อย



“มาหากันแต่ไม่พูดอะไรกันมันพาคนอื่นอึดอัดนะคะน้านุช” จอมขวัญบบ่นพึมพำ



“ขวัญก็รู้จักพี่ชายคนนี้ดีไม่ใช่เหรอ ง้อใครมาก ๆ ได้เสียที่ไหน ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าตัวเองเป็นคนผิดก็เถอะ”



“เฮ้อ!!!! ไม่ง้อแล้วเมื่อไร่จะดีกันล่ะคะ” หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ขณะลอบมองพี่ชายทั้งสองของเธอ “แต่นี้ก็ถือว่าง้อมากที่สุดเกินมาตรฐานของพี่จ้าแล้วนะ”



สองน้าหลานมองหน้ากันยิ้ม ๆ



(มีต่อค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-06-2014 14:34:51 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
(ต่อ)

อาทิตย์ทัศน์เงยหน้าขึ้นมองคนที่เอาแต่นั่งเงียบ ๆ อยู่ที่ระเบียง ชายหนุ่มลุกขึ้นก่อนจะเดินไปนั่งลงข้าง ๆ 



“ผมง้อคุณมาเป็นอาทิตย์แล้วนะ คุณยังไม่หายโกรธอีกเหรอ” คนตัวเล็กกว่าเอ่ยขึ้น “ผมก็เล่าให้คุณฟังแล้วไงว่าพิมพ์เขาไม่รู้จะโทรหาใคร เขาก็เลยโทรหาผม”



ตฤณกรหันมาสบตาคนข้าง ๆ ก่อนจะกล่าวอย่างน้อยใจ “ผมรู้ว่าคุณเป็นเพื่อนที่ดี แล้วก็ใส่ใจทุกคน”



“ทำไมไม่มีเหตุผลเลย โกรธอะไรกันนานจัง” อาทิตย์ทัศน์เม้มปากแน่น



“ผมบอกคุณแล้วไงว่าผมไม่ได้โกรธ”



“ไม่โกรธแต่ถามคำตอบคำเนี่ยนะ คุณไม่โกรธแต่ผมเริ่มจะโกรธคุณบ้างแล้วนะ” คนตัวเล็กกว่ากล่าวก่อนจะลุกขึ้นเดินไปคว้ากุญแจรถ


“พี่จ้าจะไปไหนคะ” จอมขวัญที่โผล่หน้าออกมาจากในครัวเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นพี่ชายเดินไปหยิบกระเป๋ากล้องที่โซฟา



“ไปข้างนอก” ชายหนุ่มตอบห้วน ๆ



“ไม่อยู่ทานข้าวก่อนเหรอคะ”



“เขาคงไม่อยากทานกับเราหรอกครับน้องขวัญ” คำพูดของคนตัวสูงกว่าทำให้อาทิตย์ทัศน์ต้องหันขวับกลับไปมองตาเขียว



“เอ่อ...ขวัญว่าเราทานข้าวกันดีกว่านะคะ ขวัญหิวแล้ว” จอมขวัญรีบห้ามทัพ



“พี่นัดกับพิมพ์ไว้” พูดจบอาทิตย์ทัศน์ก็เดินไปที่รถ



“ที่แท้ก็มีนัด” มือหนาเอื้อมคว้าข้อมือของคนอารมณ์บูดเอาไว้



“ใช่ ถ้าคุณอารมณ์ดี ๆ ก็จะชวนคุณไปด้วยกันหรอก” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนดึงมือของคนตัวสูงกว่าออก จากนั้นจึงเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถและขับออกไปทิ้งให้ตฤณกรได้แต่ยืนมองอยู่อย่างนั้น...



“พี่ตังไปยั่วโมโหพี่จ้าทำไมคะ” หญิงสาวที่ยืนกอดอกอยู่ละล่ำละลัก เธอส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจเบา ๆ



“อะไรเนี่ย คนเขาอุตส่าห์มาให้ง้อนะ” ชายหนุ่มบ่นพึมพำกับตัวเอง



“ได้ข่าวว่าเขาก็ง้อตัวเองมานานแล้วนะคะ แต่ตัวเองไม่หายงอนเสียที” จอมขวัญยิ้ม




...




“วันนี้จ้าไม่สะดวกแล้วน่ะพิมพ์ เอาไว้สักอาทิตย์หน้าก็แล้วกันนะครับ” อาทิตย์ทัศน์ที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยพยายามปรับเสียงให้เป็นปกติที่สุด



‘ไม่เป็นไรจ้า ไว้จ้าสะดวกก่อนเราค่อยเจอกันก็ได้’ เสียงหวาน ๆ ดังมาตามสาย  ขณะชายหนุ่มกำลังเลี้ยวรถเข้าไปจอดที่ลานจอดรถของคอนโด



“อ้าว คุณจ้า มาหาคุณตังเหรอครับ” พนักงานรักษาความปลอดภัยร่างเตี้ยล่ำเอ่ยทักทายอย่างมีไมตรีเหมือนทุกครั้ง “คุณตังออกไปตั้งแต่เช้าแล้วนะครับ”



“ครับพี่จ่อย” ชายหนุ่มตอบเรียบ ๆ ก่อนจะเดินไปกดลิฟท์




อาทิตย์ทัศน์เปิดประตูเข้ามาในห้องของตฤณกรก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาอย่างอ่อนใจ



“คนอะไรไม่มีเหตุผลเลย” ปากบางพึมพำกับตัวเองก่อนจะมองไปรอบ ๆ ห้องที่ดูรกรุงรังเหลือเกิน นั่นคงเป็นเพราะตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเจ้าของห้องต้องทำงานดึก ๆ ดื่น ๆ จนไม่มีเวลาได้ทำความสะอาดห้องของตัวเองเลย ชายหนุ่มลุกขึ้นก่อนจะลงมือเก็บกวาดห้องและล้างจานชามที่กองสุมกันอยู่ในอ่างล้างจานจนทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยในตอนใกล้ค่ำก่อนจะขับรถกลับบ้านโดยไม่รอพบเจ้าของห้อง...





‘ไหนบอกว่าไปหาคุณพิมพ์ไง ทำไมมาที่ห้องผม’



ข้อความหนึ่งถูกส่งมาเมื่อชายหนุ่มขับรถเข้ามาจอดในบ้าน



“ไม่มีอารมณ์ไป” นิ้วเรียวพิมพ์ประโยคสั้น ๆ ตอบกลับไป



‘แต่มีอารมณ์มาเก็บกวาดห้องผม?’



“โมโห เลยต้องไปลงกับเชื้อแบ็คทีเรีย” เจ้าของหน้าตูมยังคงยังคงใช้ปลายนิ้วสัมผัสหน้าจอพิมพ์ข้อความอย่างรวดเร็วด้วยความโมโห



‘ขนาดโมโหยังน่ารัก’ ข้อความสั้น ๆ ถูกส่งกลับมาพร้อมตัวการ์ตูนหัวกลมยิ้มหวาน



อาทิตย์ทัศน์เลือกที่จะไม่ตอบอะไร ทั้งที่หัวคิ้วแทบจะขมวดเข้าหากันเป็นปมแต่ยังคงปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้า เขาได้แต่พึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ “บ้าเอ๊ย”



....



วันเสาร์ปลายเดือนก่อนที่จะต้องเดินทางไปจังหวัดเชียงราย ตฤณกรไม่ลืมที่จะแวะมาหาอาทิตย์ทัศน์ที่บ้านหลังจากไม่ได้พบหน้ากันหลายวันตั้งแต่ทะเลาะกันเมื่อคราวก่อน เพราะต่างคนต่างก็ยุ่ง ๆ กับงานที่ทำ จะมีก็เพียงส่งข้อความหรือโทรศัพท์คุยกันบ้างก็เท่านั้น ในที่สุดตฤณกรก็ต้องผิดหวังเมื่อแม่ของชายหนุ่มบอกว่าลูกชายของเธอออกไปพบเพื่อนตั้งแต่เช้า



“เห็นจ้าบอกว่าจะไปถ่ายรูปให้พิมพ์นะลูก นี่ก็ไปตั้งแต่เช้าแล้ว ข้าวเช้าก็ไม่ได้ทานเลย ตังมีอะไรหรือเปล่าลูก” อรนุชถามอย่างเป็นห่วง



“เปล่าครับคุณป้า ผมแค่จะแวะมาหาเฉย ๆ พอดีพรุ่งนี้ผมต้องไปเสนองานที่เชียงรายแล้วก็ว่าจะแวะค้างบ้านที่เชียงใหม่สัก 2-3 วัน”



“ตังลองโทรไปไหมลูก เผื่อว่าจ้าใกล้จะกลับมาแล้ว”



ตฤณกรหน้าจ๋อยลงอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะตอบ “ผมโทรหลายครั้งแล้วละครับ แต่เขาไม่รับ” ชายหนุ่มอยู่คุยกับหญิงวัยกลางคนผู้เป็นเจ้าของบ้านสักพักก่อนจะขอตัวกลับในที่สุด



....




อาทิตย์ทัศน์กลับมาที่บ้านในตอนหัวค่ำ เขาวางกระเป๋ากล้องลงที่โต๊ะทำงานก่อนจะมองหาบางอย่าง



“หาอะไรเหรอจ้า” ผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้น



“จ้าหาโทรศัพท์น่ะแม่ ไม่รู้ว่าไปลืมไว้ตรงไหน”



“ตายจริง ถึงว่าทำไมตังโทรหาถึงไม่ติด”



“เขามาบ้านเราเหรอครับแม่”



“ใช่ เห็นว่าพรุ่งนี้จะไปเชียงรายแต่เช้า แล้วก็จะแวะบ้านที่เชียงใหม่สัก 2-3 วัน”



“ครับ” อาทิตย์ทัศน์พยักหน้าก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปเงียบ ๆ เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้อง เขาก็พบโทรศัพท์มือถือวางอยู่ที่หัวเตียง เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่ามีเบอร์ของตฤณกรโทรเข้ากว่าร้อยสายกับข้อความหนึ่งที่ถูกส่งมา



‘พรุ่งนี้ผมจะไปเชียงรายนะ อาทิตย์นี้ก็คงไม่ได้เจอคุณอีกแล้ว’



อาทิตย์ทัศน์อ่านข้อความนั้นก่อนจะวางโทรศัพท์ลงในที่สุด....


(มีต่อค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-06-2014 14:35:23 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
(ต่อ)่



จังหวัดเชียงใหม่...



“ไม่ออกไปไหนบ้างเหรอตัง พี่เห็นเธออยู่แต่ในบ้านไม่ไปไหนเลย” สาวสวยในชุดผ้าทอเมืองเหนือเอ่ยขึ้นกับชายหนุ่มที่นั่งท้าวคางมองดูน้ำในลำน้ำปิงจากระเบียงหลังบ้าน



“ไม่ครับพี่จันทร์ ตังไม่รู้จะไปไหน อยากพักอยู่กับบ้านเฉย ๆ เดี๋ยวอีกไม่กี่วันก็ต้องกลับกรุงเทพฯแล้ว” ตฤณกรกล่าวกับ ‘นวลจันทร์’ ซึ่งเป็นลูกสาวคนโตของคุณลุงของเขาที่มักจะแวะมาเยี่ยมพ่อและแม่ของเธอเสมอ ๆ หลังจากแต่งงานออกเรือนไปกับพ่อเลี้ยงชาวลำปางตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน ทั้งที่เป็นคุณแม่ลูกสองแต่เธอกลับยังสวยเสียจนไม่มีใครเชื่อว่าอายุย่างเข้าสามสิบห้าปี



“หรือพี่จันทร์จะไปไหนหรือเปล่าครับ ตังจะขับรถให้” ชายหนุ่มเสนอ



“พี่ว่าจะแวะไปดูร้านให้แม่เสียหน่อย เห็นตังไม่ได้ออกไปไหนเลยว่าจะชวนไปด้วยกัน อยู่แต่บ้านเบื่อแย่”



“ก็ได้ครับ” ตฤณกรยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวตังไปหยิบกุญแจก่อน”




....




“ยังพอมีเวลาก่อนเครื่องจะขึ้น ผมขอแวะไปทำธุระหน่อยนะครับอาจารย์ชนะชัย” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นขณะเดินออกจากห้องประชุม



“ตามสบายเลยครับ” ชายหนุ่มรูปร่างสันทัดกล่าวก่อนที่ทั้งคู่จะกลับไปที่โรงแรมเพื่อจัดกระเป๋าบินกลับกรุงเทพฯ



....



“เจอกันที่สนามบินเลยนะครับอาจารย์” อาทิตย์ทัศน์ในชุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มสวมกางเกงผ้าสีครีมกล่าวกับเพื่อนร่วมห้องและเพื่อนร่วมเดินทางในการมาสัมมนาที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ก่อนจะสะพายเป้เดินออกจากห้องไป จากนั้นเขานั่งรถสองแถวสีแดงไปลงที่ที่ทำการไปรษณีย์จังหวัดเชียงใหม่ก่อนจะเดินลัดเลาะไปตามถนนเส้นเล็ก ๆ เรียบลำน้ำปิงก่อนจะมาหยุดที่บ้านหลังหนึ่งที่เคยมาแล้วเมื่อไม่นานมานี้เอง หญิงวัยกลางคนที่กำลังกวาดลานหน้าบ้านหยุดก่อนจะหรี่ตามองชายหนุ่มที่ยืนอยู่หลังรั้วไม้ ไม่ช้าเธอก็ยิ้มร่าออกมาต้อนรับ



“คุณจ้า ทำไมไม่เห็นคุณหนูตังบอกเลยค่ะว่าคุณจ้าจะมา” ป้าเอื้องกล่าวอย่างตื่นเต้น



“พอดีผมมาสัมมนาที่มหาวิทยาลัยน่ะครับ ก่อนจะกลับก็เลยแวะมาหาตังเขา” อาทิตย์ทัศน์กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ



“คุณหนูเพิ่งออกไปข้างนอกเมื่อสักพักนี่เองค่ะ”



“เหรอครับ ถ้าอย่างนั้นไม่เป็นไรครับ ผมกลับก่อนดีกว่า”



“อ้าว ไม่เข้าบ้านก่อนเหรอคะ เดี๋ยวคุณหนูก็น่าจะกลับเข้ามาแล้ว ไปไม่นานหรอกค่ะ”



“ผมต้องขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ ตอนบ่ายครับป้า” อาทิตย์ทัศน์ยิ้มแห้ง ๆ ก่อนจะลากลับ






...



“เดี๋ยวพี่ขอแวะตลาดวโรรสหน่อยนะตังว่าจะซื้อผลไม้หน่อย”



“ครับ” ตฤณกรกล่าวก่อนจะชะลอรถให้พี่สาวลงที่หน้าตลาด จากนั้นเขาจึงขับรถไปจอดที่หน้าที่ทำการไปรษณีย์



ชายหนุ่มมองกระจกมองหลังอยู่สักพัก พี่สาวของเขาก็เดินกลับมา เธอยืนรอข้ามถนนอยู่ที่ฝั่งตรงข้าม วันนี้รถมากเป็นพิเศษเพราะเป็นวันหยุด ตฤณกรจึงเปิดประตูลงจากรถก่อนจะวิ่งข้ามถนนไปหาหญิงสาวที่ยืนอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามก่อนจะจับมือเธอแล้วพาข้ามกลับมายังฝั่งที่รถจอด



ตาคมของอาทิตทัศน์จดจ้องไปที่ชายหนุ่มและหญิงสาวที่เดินจับมือกันข้ามถนน ภาพนั้นค่อย ๆ ห่างออกไปทุกทีเมื่อรถสองแถวเร่งความเร็วขึ้น



เมื่อตฤณกรขับรถเข้ามาจอดภายในบ้าน แม่นมของเขาก็รีบวิ่งมารายงานให้รู้ถึงการมาของคนที่กำลังคิดถึงทันที




“คลาดกันนิดเดียวเองค่ะคุณหนู” หญิงวัยกลางคนที่ยืนเกาะหน้าต่างรถละล่ำละลัก



“อะไรเหรอครับป้าเอื้อง คลาดอะไรเหรอครับ”



“ก็คลาดกับคุณจ้าไงคะ เธอเพิ่งแวะมาเมื่อสักพักนี่เอง เห็นว่ามาสัมมนากำลังจะบินกลับกรุงเทพฯ วันนี้แล้ว”



“เขาออกไปนานหรือยังครับ” ปากหยักขยับสวนขึ้นทันที



“สักสิบนาทีนี่เองค่ะ”



“ขอบคุณนะครับป้า” ตฤณกรกล่าวพร้อมกับรีบสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างรวดเร็ว



รถสองแถวสีแดงพาอาทิตย์ทัศน์มาถึงสนามบินเชียงใหม่เมื่อจวนได้เวลาเครื่องออก ชายหนุ่มกระโดดลงจากรถก่อนจะเดินไปจ่ายเงินจากนั้นจึงวิ่งเข้าไปในสนามบินทันที เขามองหาเพื่อนร่วมทางที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนที่นั่งรอสำหรับผู้โดยสารเครื่องบินในขณะที่เสียงประกาศแจ้งเปิดประตูเริ่มดังขึ้น



“ผมละลุ้นจะแย่ กลัวอาจารย์จ้าจะมาไม่ทันเสียแล้ว” ชายหนุ่มร่างสันทัดกล่าวพร้อมกับยืนขึ้นสะพายเป้



“ผมก็ลุ้นจะแย่เหมือนกันครับ” อาทิตย์พูดกลั้วหัวเราะก่อนที่ทั้งคู่จะชวนกันเดินเข้าไปในประตูสำหรับผู้โดยสารที่เดินทางในประเทศ








“จ้า!!!” เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังรั้งให้อาทิตย์ทัศน์ต้องหยุดนิ่ง ชายหนุ่มค่อย ๆ หันกลับไปมองเจ้าของเสียงที่กำลังเดินเข้ามาหา เขากำลังเดินใกล้เข้ามาทุกที






เขา....คนที่ไม่รู้ว่าไม่ได้เห็นหน้ากันนานแค่ไหน...



“อย่าเพิ่งไปเลยนะ” ตฤณกรเอ่ยขึ้น



“ผมต้องกลับแล้ว พรุ่งนี้มีงานที่มหาวิทยาลัย” คนตัวเล็กกว่าตอบด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วน่าใจหาย มันเป็นน้ำเสียงเศร้าสร้อยสุดของคนตรงหน้าเท่าที่ตฤณกรเคยได้ยินมา



มือหนาเอื้อมคว้าข้อมือคนตรงหน้าเอาไว้ “ถ้าอย่างนั้นคุณกลับกับผมก็ได้ ผมจะกลับเดี๋ยวนี้เลย” ตฤณกรกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ อยู่ดี ๆ น้ำใส ๆ ก็เอ่ออยู่รอบดวงตา



อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้าช้า ๆ ก่อนจะกล่าว “คุณอยู่ต่อเถอะ ผมว่าคุณอาจจะต้องการเวลาสำหรับการทบทวนอะไรบางอย่าง” พูดจบมือเรียวก็ค่อย ๆ แกะมือของคนตรงหน้าออก



“ผมต้องไปแล้วนะ” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นพร้อมกับเสียงประกาศของเจ้าหน้าที่สนามบิน ตฤณกรมองชายหนุ่มที่กำลังหันหลังกลับ ที่คอของเขาไม่มีสร้อยเส้นนั้นอีกแล้ว...




...



ชายหนุ่มเจ้าของบ้านมองดูสายฝนที่กำลังตกลงมาอย่างไม่ขาดสายจากระเบียงหลังบ้าน ในมือยังคงหมุนโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะไปมา ภาพสุดท้ายของอาทิตย์ทัศน์หลังม่านน้ำตายังคงแจ่มชัดอยู่ในความรู้สึก เกือบสองชั่วโมงแล้วหลังจากบอกลากันที่สนามบิน ตฤณกรยังคงไม่กล้าแม้แต่จะส่งข้อความไปถามว่าเขาถึงบ้านหรือยัง นั่นคงเป็นเพราะสร้อยเส้นนั้นที่อาทิตย์ทัศน์ไม่ได้สวมมันอีกแล้ว...



เสียงร้องคาราโอเกะที่ดังมาจากข้างบ้าน ทำให้ชายหนุ่มที่กำลังนอนหลับอยู่บนโซฟาค่อย ๆ ปรือตาขึ้น สายฝนที่ตกลงมาตลอดบ่ายซาเม็ดลงตั้งแต่เมื่อไรไม่อาจรู้ได้ ตฤณกรยันตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะเดินตามเสียงนั้นไป เมื่อเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ในอีกฝั่งของกำแพง ภาพที่เห็นก็คือภาพของชายวัยกลางคนที่กำลังยืนร้องเพลงอยู่ที่หน้าจอทีวีขนาดใหญ่โดยมีผู้เป็นภรรยาคอยนั่งปรบมือไปตามจังหวะอยู่ไม่ห่าง



“อ้าว ตัง เข้ามานั่งก่อนสิลูก” ผู้เป็นป้าเอ่ยขึ้นก่อนจะกวักมือเรียก



ตฤณกรยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ เป็นเวลาเดียวกับที่ทำนองเพลงใหม่กำลังเริ่มขึ้น



“เพลงนี้ป้าชอบ ลุงเขาร้องเพราะ” หญิงวัยกลางคนเจ้าของใบหน้ายิ้มแย้มเอ่ยขึ้นก่อนจะหันไปสบตากับผู้เป็นสามี



“เพลงอะไรเหรอครับ” แม้จะเป็นทำนองที่คุ้นหูแต่ก็นึกไม่ออก ชายหนุ่มก็เลยอดที่จะถามไม่ได้



“เพลงจงรักจ้ะ” ผู้เป็นป้ายิ้มก่อนจะร้องเพลงคลอตามไป ดวงตาที่เริ่มมัวตามวัยที่มากขึ้นยังคงจ้องมองไปที่ชายวัยกลางคนเจ้าของผมขาวโพลนด้วยความชื่นชม....



“โปรดอย่าถาม
ว่าฉันเป็นใคร เมื่อในอดีต
และโปรดอย่าถาม ว่าอดีต ฉันเคยรักใคร
รู้ไว้อย่างเดียว
เดี๋ยวนี้รักเธอ และรักตลอดไป
รักมากเพียงไหน
กำหนดวัดได้ เท่าดวงใจฉัน...”



ลุงของเขาหันมายิ้มให้ทั้งป้าและหลาน เสียงทุ้มนุ่มชวนฟังกับความหมายของเพลงนั้นทำเอาชายหนุ่มถึงกับน้ำตารื้น คำพูดของใครบางคนกลับค่อย ๆ ก้องขึ้นในความรู้สึก...







‘เลิกเอาอดีตมาคิด แล้วจำไว้แค่ว่าผมกับคุณเคยเจอกันที่นี่ วันนี้เราก็มาที่นี่ด้วยกันอีก จากนี้ไปก็แค่นับวันที่มันจะค่อย ๆ ผ่านไป แบบนี้ดีกว่าไหม’





...


หลายวันแล้วที่อาทิตย์ทัศน์ยังคงเดินงุ่นง่านรื้อ ๆ ค้น ๆ ตามโต๊ะและลิ้นชักจนทั่วบ้าน แต่ก็ไม่พบสิ่งที่เขากำลังหา ชายหนุ่มตัดสินขับรถออกไปจากบ้านไปยังจุดหมายสุดท้ายที่เขาคิดว่าอาจจะพบมันก็ได้



ใช่...สร้อยเส้นนั้น และแหวนทองคำขาวที่ได้รับมาจากใครบางคนที่จำไม่ได้ว่าไปถอดหรือทำหล่นไว้ที่ไหน...



ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไปในห้องภายในคอนโดที่ยังคงปิดไฟเงียบเชียบเพราะเจ้าของห้องยังไม่กลับมาจากต่างจังหวัด อาทิตย์ทัศน์เดินรื้อ ๆ ค้น ๆ ตามโซฟาและชั้นวางหนังสือรวมถึงที่ต่าง ๆ ที่คิดว่าอาจจะถอดสร้อยวางเอาไว้แต่ก็ไม่พบ เขาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาก่อนจะพยายามคิดทบทวนแต่ก็คิดไม่ออกจริง ๆ ว่าไปถอดมันวางไว้ที่ไหน จนกระทั่งร่างสูงค่อย ๆ ลุกขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอนของเจ้าของห้อง เขาเดินสำรวจไปรอบ ๆ ทั้งบนเตียงและโต๊ะเขียนหนังสือหรือแม้กระทั่งตู้เสื้อผ้าแต่ก็ต้องผิดหวัง



ชายหนุ่มยืนมองหมอนสองใบที่วางอยู่ข้าง ๆ กันบนเตียงก่อนจะนึกถึงใครคนหนึ่งขึ้นมา อาทิตย์ทัศน์ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะตัดสินใจหันหลังกลับ แต่แล้ววงแขนอุ่น ๆ ก็สอดรัดเข้าที่ข้างลำตัวจากด้านหลัง คนตัวเล็กรู้สึกได้ถึงไออุ่นจากแผงอกกว้างที่คุ้นเคย คนตัวสูงที่ยืนอยู่ด้านหลังค่อย ๆ วางคางลงบนบ่าของคนตรงหน้าก่อนจะกระซิบ



“คิดถึงผมเหรอถึงมาที่นี่”



อาทิตย์ทัศน์พยายามแกะมือของคนตัวสูงกว่าออกแต่ก็ไม่สำเร็จ ปากบางขยับแก้ต่างข้อสันนิษฐานเมื่อสักครู่ของคนข้างหลัง “ผมมาหาของ”



“ของอะไรกัน สำคัญมากเลยเหรอ”



อาทิตย์ทัศน์เลือกที่จะไม่ตอบอะไร ในขณะที่คนตัวสูงกว่าค่อย ๆ แบมืออกก่อนจะกล่าว “หานี่หรือเปล่า ผมเจอมันตกอยู่บนโซฟา”



ปากบางเม้มเข้าหากันขณะมองดูสร้อยและแหวนทองคำขาวในมือหนา ชายหนุ่มขยับตัวเพื่อให้หลุดจากวงแขนของคนตัวสูงกว่าพร้อมกับพยายามแย่งสร้อยในมือของเขาคืนมาแต่ก็ไม่เป็นผล



“เอาของผมคืนมา” คิ้วหนาเริ่มขมวดเข้าหากัน



“ของคุณเหรอ ของคุณแล้วทำไมไม่อยู่ที่คุณล่ะครับ แบบนี้คนให้เขาก็เสียใจแย่สิ”



“ก็ผมถึงได้มาหามันที่นี่ยังไง”



“เอาคืนไปแล้วจะสวมมันไว้ที่ไหน” ตฤณกรกล่าวพร้อมกับคว้าเอวของคนตรงหน้าให้เข้ามายืนใกล้ ๆ



อาทิตย์ทัศน์หลุบตาลงก่อนจะตัดสินใจตอบ “ว่าจะสวมไว้ที่นิ้วจะได้มองเห็นว่ามันยังอยู่กับตัว ไม่ได้ไปลืมไว้ที่ไหน” พูดจบพวงแก้มขาวเนียนก็เปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ



ตฤณกรมองคนตรงหน้าพร้อมกับยิ้มก่อนที่ปลายจมูกโด่งจะฝังลงที่แก้มใสด้วยความคิดถึง



“ถ้าอย่างนั้นผมสวมให้” พูดจบมือหนาก็ค่อย ๆ คลายออกจากเอวของคนตรงหน้า  “วงนี้ผมสลักชื่อของผมเอาไว้ ผมอยากให้คุณสวมมัน” คนตัวสูงกล่าวก่อนจะถอดแหวนออกจากนิ้วของตัวเองสวมที่นิ้วนางข้างซ้ายของอาทิตย์ทัศน์



“ส่วนวงที่ผมให้คุณ ผมสลักชื่อของคุณเอาไว้ หวังว่าวันหนึ่งที่คุณพร้อมคุณจะสวมมันให้ผมบ้าง”



คนตัวเล็กกว่ามองดูแหวนทองคำขาวที่นิ้วของตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาคนตรงหน้า มือเรียวค่อยหยิบแหวนอีกวงจากมือของเขาก่อนจะที่จะสวมลงที่นิ้วซึ่งมีรอยจาง ๆ ที่แสดงว่าเขาเคยสวมแหวนเอาไว้โดยไม่ได้ถอดมันออกเลย



ตฤณกรยิ้มก่อนจะรวบเอวคนตัวเล็กกว่าเข้ามาใกล้ ๆ อีกครั้ง ในขณะที่อาทิตย์ทัศน์ยกมือขึ้นดันหน้าอกของคนตรงหน้าเอาไว้



“เมื่อกี้คุณยังไม่ได้ตอบผมเลยว่าคุณคิดถึงผมเหรอถึงได้มาที่นี่ แล้วก็เรื่องที่คุณยอมสวมแหวนวงนี้เพราะว่าคุณรักผมแล้วใช่ไหม”



“รู้แล้วยังจะถามอีก” อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้วเขิน


“ผมรู้ว่าคุณคิดถึงผม แต่ผมไม่รู้เลยว่าคุณรักผมหรือเปล่า เพราะคุณไม่เคยพูดให้ผมฟังเลยสักครั้ง”



อาทิตย์ทัศน์เงยหน้าขึ้นสบตาคนตรงหน้าก่อนจะตัดสินใจกล่าว “ผมเคยบอกตัวเองว่าผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าระหว่างผมกับคุณจะเรียกว่าอะไร จะเรียกว่าคิดถึง เป็นห่วง หรือว่าอยากอยู่ใกล้ ๆ แต่ถ้าวันไหนผมมั่นใจว่ามันคือรักแล้วละก็ ผมจะพูดให้คุณฟังโดยไม่รีรอเลย”



“แล้ววันนี้คุณมั่นใจแล้วหรือยัง” ตฤณกรถามด้วยรอยยิ้ม



คนตัวเล็กกว่าขมวดคิ้วพร้อมกับพยักหน้าเขิน ๆ “ผมมั่นใจแล้ว มั่นใจที่สุด”



“มั่นใจว่า?” คนตัวสูงเลิกคิ้ว



“ว่า...” อาทิตย์ทัศน์ลากเสียง



“ว่า...?” ปากหยักขยับยิ้มในใจรู้สึกลุ้นในคำตอบ



“ว่า....”



“จ้า” คนตัวสูงถอนหายใจ “ผมลุ้นจะแย่แล้วนะ นี่ถ้าเป็นนิยายป่านนี้คนอ่านเขาขว้างหนังสือทิ้งแล้ว”



อาทิตย์ทัศน์ยิ้มพร้อมกับยกแขนทั้งสองข้างคล้องคอคนตัวสูงกว่าเอาไว้ก่อนจะเลื่อนหน้าเข้าไปกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู...






“ผมรักคุณ”




ปากบางขยับยิ้มเมื่อค่อย ๆ ขยับห่างออกมาสบตาคนตรงหน้า ในขณะที่ตฤณกรยิ้มจนแก้มแทบปริก่อนจะโน้มหน้าลงจรดริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากบางของคนในวงแขน มันเนิบนาบและเนิ่นนานราวกับเวลาเดินช้าลง รสหวานของสัมผัสอุ่น ๆ ค่อย ๆ แทรกซึมเข้าหากัน หากลมหายจะหยุดลงเสียตอนนี้ก็คงไม่มีใครยอมปล่อยให้อีกคนผละออกจากกัน



แต่ในที่สุดตฤณกรก็จำต้องถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่งเพราะห่วงว่าคนตรงหน้าจะขาดอากาศหายใจไปเสียก่อน แต่กลับเป็นอาทิตย์ทัศน์เองที่ยังคงตามรสสัมผัสหวานหอมนั้นมาโดยไม่กลัวว่าเจ้าของริมฝีปากอุ่นจะพาตัวเองไปขึ้นสวรรค์หรือลงนรกที่ไหน ขอเพียงแต่ได้ติดตามไปด้วยความโหยหา....




“คิดถึงผมละสิ” คนตัวสูงกว่ากล่าวเมื่อถอนริมฝีปากออก



“แล้วคุณล่ะ คิดถึงผมหรือเปล่า”



“ผมถามคุณก่อนนะ ตอบผมมาก่อนสิครับ” ตฤณกรกระซิบ




“ไม่ ผมไม่ได้คิดถึงคุณ”



คนตัวสูงกว่าขมวดคิ้ว “ถ้าไม่คิดถึงแล้วไปหาผมที่บ้านทำไม”



“ผมแวะไปดูเฉย ๆ ว่าคุณหนูตังอยู่สุขสบายดีหรือเปล่า” อาทิตย์ทัศน์กล่าวด้วยน้ำเสียงงอน ๆ “แล้วก็คงสบายดีแถมมีความสุขเพราะมีสาวคอยดูแล จูงมือกันข้ามถนน”



คำพูดเชิงประชดนั้นทำเอาคนตัวสูงกว่าอดยิ้มไม่ได้ “นั่นพี่จันทร์ พี่สาวผม นี่คุณแอบสะกดรอยตามผมเหรอ”



“บังเอิญต่างหาก” อาทิตย์ทัศน์พูดกลั้วหัวเราะ




“หึงผมเหรอ” ตฤณกรกระซิบ




“ใครหึงคุณ”



“ก็คุณไง” พูดจบปลายจมูกโด่งก็ค่อย ๆ ลากไล้มาตามข้างแก้มก่อนกดจมูกสูดกลิ่นหอมที่แสนคิดถึง



“ทีคุณยังหึงไม่เข้าเรื่อง”



“ผมไม่ได้หึง ผมจะหึงคุณเรื่องอะไรครับ”



“ก็เรื่อง...” อาทิตย์ทัศน์ลังเล “เรื่องพิมพ์”



“ผมรู้หรอกว่าคุณกับคุณพิมพ์เป็นเพื่อนกัน อีกอย่างเธอก็กำลังจะแต่งงาน คุณเองยังไปถ่ายรูปพรีเวดดิ้งให้เธอไม่ใช่เหรอ”



“คุณรู้ได้ยังไง” คนตัวเล็กกว่าขมวดคิ้ว



“คุณพิมพ์บอกผม” ตฤณกรยิ้ม “บังเอิญเราเจอกันตอนที่คุณพิมพ์ไปจ้างให้บริษัทผมช่วยออร์แกไนซ์งานของเธอ”



“คุณรู้นานแล้ว แล้วคุณโกรธผมเรื่องอะไร”



“ผมบอกแล้วไงว่าไม่ได้โกรธ แค่น้อยใจต่างหาก” ชายหนุ่มพูดกลั้วหัวเราะ “น้อยใจแฟนบ้างไม่ได้หรือไงครับอาจารย์จ้า” พูดจบปลายจมูกโด่งก็ซุกลงที่ซอกคอของคนตัวเล็กกว่า




“นี่หยุดได้แล้ว ผมจั๊กกะจี้” อาทิตย์ทัศน์พยายามขยับหนี



“ผมไม่ให้คุณหนีไปไหนอีกแล้ว” พูดจบคนตัวสูงกว่าก็ดันร่างเล็กให้นอนลงบนเตียงก่อนจะซุกหน้าลงที่คอระหง



“ตัง...พอก่อน” อาทิตย์ทัศน์ท้วงเมื่อเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้า หัวใจของตัวเองแต่กลับเต้นไม่เป็นจังหวะอย่างที่อยากจะให้เป็น



ตฤณกรค่อย ๆ ลากไล้ปลายจมูกขึ้นมาตามลำคอขาวก่อนจะมาหหยุดที่ปลายจมูกของคนตรงหน้า



“ว่ายังไงครับ ผมมีเวลาให้คุณพูดแค่สิบวินาที”



“เจ้าเล่ห์ที่สุด” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันอย่างขัดใจ



“ผมจะถือว่านี่คือคำชมนะ” พูดจบริมฝีปากหยักก็กดจูบลงบนปากบางอีกครั้งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน ตฤณกรยิ้มที่มุมปากนึกอยากจะแกล้งคนตรงหน้า มือหนาจึงค่อย ๆ เอื้อมปลดกระดุมเสื้อของคนที่อยู่ใต้ร่างช้า ๆ



“ตัง...” เสียงนั้นดังราวเสียงกระซิบเมื่อปากหยักเปิดโอกาสให้ได้ริมฝีปากบางได้เผยอโกยอากาศเข้าปอดหลังจากครอบครองเคลียคลออยู่นาน “พอแล้ว”



เจ้าของใบหน้าระบายยิ้มหัวเราะเบา ๆ ในลำคอก่อนจะเลื่อนมือที่ปลดกระดุมของคนตรงหน้าไปจับที่ปลายคางของเขาก่อนจะกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู “ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก เพราะแค่นี้คุณก็ไปไหนไม่รอดแล้ว”



คนที่นอนอยู่ใต้ร่างขมวดคิ้วก่อนจะพึมพำ



“เดี๋ยวเถอะคุณหนู”



“ไม่เอา ไม่เรียกแบบนี้” คนตัวสูงท้วง



“ทำไมล่ะ น่ารักดีออก”



“น่ารักเหรอ แล้ววันนี้รักแล้วหรือยัง” ตฤณกรกล่าวพร้อมกับจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่สวยอย่างรอคำตอบ แต่อาทิตย์ทัศน์ก็ไม่ได้ตอบคำถามนั้น



“ว่ายังไงล่ะครับ รักแล้วหรือยัง”



“รักตั้งนานแล้ว ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ” อาทิตย์ทัศน์ตอบด้วยรอยยิ้ม




....





“แม่ จ้าวางแผ่น CD เพลงที่แม่ชอบไว้ตรงนี้นะ” ลูกชายกล่าวกับผู้เป็นแม่ที่กำลังเดินลงบันไดมา จากนั้นเขาจึงเดินหายเข้าไปในครัว










“ทำอะไรอยู่” อาทิตย์ทัศน์ถามคนตัวสูงที่กำลังยืนหันหลังให้ ได้ยินเพียงเสียงโลหะกระทบแก้ว



“ชงโกโก้ให้คุณป้า” ตฤณกรกล่าว จากนั้นเขาก็ยกถ้วยโกโก้ถ้วยหนึ่งขึ้นก่อนจะหันมา “อันนี้ของคุณ คุณชิมหน่อยสิ ผมชิมแล้วแต่ไม่รู้ว่ามันจะหวานไปหรือเปล่า” พูดจบเขาก็ยกช้อนตักโกโก้ยื่นให้คนตรงหน้า



อาทิตย์ทัศน์ยิ้มก่อนจะเอื้อมมือรับถ้วยโกโก้และช้อนจากคนตัวสูงจากนั้นจึงใส่ช้อนลงในถ้วยก่อนจะวางมันไว้บนโต๊ะ



“อ้าว ทำไมไม่ชิมล่ะครับ” ตฤณกรขมวดคิ้วมองเจ้าของลักยิ้มเล็ก ๆ ที่กำลังยิ้มมาให้



อาทิตย์ทัศน์ค่อย ๆ ใช้แขนทั้งสองข้างคล้องคอคนตัวสูงกว่าพร้อมกับโน้มตัวเขาลมาก่อนจะจรดริมฝีปากของตัวเองกับปากหยักของคนตรงหน้า



ตฤณกรรู้สึกแปลกใจไม่น้อย มือหนาค่อย ๆ ประคองเอวของคนตัวเล็กกว่าเอาไว้ก่อนที่ริมฝีปากบางจะผละออกอย่างอ้อยอิ่ง



“หวานแล้ว”



ตาคู่สวยจ้องมองคนตัวสูงที่ยืนแก้มแดงอยู่ตรงหน้าอย่างเอ็นดู ในขณะที่ทำนองเพลงเก่าที่คุ้นหูค่อย ๆ บรรเลงขึ้น ที่โซฟาหญิงวัยกลางคนที่โชคดีที่สุดในโลกกำลังนั่งยิ้มพร้อมกับกอดแผ่นเสียงแผ่นเก่าเอาไว้แน่น...




ตฤณกรมองดูคนตัวเล็กกว่าที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กันที่ระเบียงก่อนจะยิ้ม สำหรับพวกเขาไม่มีคำว่าอดีตและอนาคต จะมีก็เพียงปัจจุบันและปัจจุบัน ที่ไม่ว่าหลักกิโลเมตรที่เท่าไรพวกเขาก็จะเดินไปพร้อม ๆ กัน


สำหรับอาทิตย์ทัศน์ ในเงาสะท้อนของผิวน้ำที่เต็มไปด้วยปลาคราฟหลากสีคือชายหนุ่มสองคนในวัยสามสิบปีที่นั่งข้าง ๆ กัน เมื่อผ่านไปอีกสักสามสิบปีพวกเขาก็จะกลายเป็นคุณตาผมขาวที่ยังคงนั่งข้าง ๆ กัน และยังคงนั่งข้าง ๆ กันไปแบบนี้จนกว่าต่างคนจะต่างหมดลมหายใจ...




...จนกว่าจะพบกันใหม่... 


...


ขอบคุณคุณคนอ่านทุกคนสำหรับการพูดคุยกันนะคะ
ขอบคุณที่รักเรื่องนี้ ขอบคุณที่รักตังและจ้า
ขอบคุณที่อยู่กันมาตั้งแต่ตอนแรกจนถึงหลักกิโลเมตรนี้
เราขอจบลงด้วยบทสรุปที่คิดว่าน่าจะสมควรแก่เวลาแล้วสำหรับการเดินทางครั้งนี้
ไม่อยากให้คิดว่านี่คือการจบบริบูรณ์ เพราะมันอาจจะมีการเดินทางครั้งใหม่ ในหลักกิโลเมตรถัด ๆ ไปเกิดขึ้น
หากวันไหนคนเขียนและคนอ่านต่างก็คิดเหมือนกัน คือ คิดถึงตังและจ้า
เราสามารถเก็บความประทับใจเอาไว้ต่อยอดเรื่องราวทั้งหมดได้
สุดแล้วแต่คุณคนอ่านจะอยากให้เป็นแบบไหน แต่เราเชื่อแน่ว่าทั้งจ้าและตังจะมีความสุข
คุณคนอ่านทุกคนก็คงมีความสุขเมื่อได้คิดถึงเขาทั้งสองคน




ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ
ขอบคุณมาก ๆ จากใจจริง ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-06-2014 14:35:49 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

lew_valen_tom

  • บุคคลทั่วไป
โกโก้คงไม่หวานเท่าความรักของคนคู่นี้หรอกนะ คิกๆๆ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ขอบคุณคนแต่งจริงๆ สำหรับเรื่องราวของตังและจ้า
ประทับใจมาก ชอบมากกกกก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด