[novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที  (อ่าน 244106 ครั้ง)

ออฟไลน์ no-reply

  • เซียนเป็ด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-2
    • blog พันทิป
ขอบคุณคุณ นัทนทีที่อนุญาตให้รวบรวมและเผยแพร่ไว้ที่
เซ็งเป็ดแฟนคลับนะครับ

ผมชื่นชอบเรื่องราวนี้มากๆ
อยากให้เพื่อนๆได้อ่านกัน
และเรื่องราวนี้ถือเป็นสุดยอดเรื่องหนึ่งในใจผม
อ่านกี่รอบก็ไม่เบื่อ อยากให้เพื่อนๆได้อ่านกันนะครับ
น้ำตาไหลพรากทุกตอนเลยครบ โดยเฉพาะภาค2
ใครเป็นโรคหัวใจโปรดระวัง เพราะบาดอารมณ์มากครับ

*********************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาติเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://thaiboylovestory.ueuo.com/webboard/index.php?topic=459.0
*****************************************************************************************************************
กุมภาพันธ์ ของปีเตอร์ คอป
[wma=300,50]http://f1.podcast.blog.webs-tv.net/upload2/new/e/e/a/eead8016b7c106b9153ec8acc1bbecfb.mp3[/wma]
*************************************************************
.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 1 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

ชีวิตเด็กต่างจังหวัดอย่างผม ในแต่ละวันก็ดูจะผ่านไปอย่างเรียบๆ ง่ายๆ ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน ความกดดันเพียงอย่างเดียวสำหรับชีวิตในวัยนั้นก็ของผมก็คือทำอย่างไรถึงจะเรียนให้ได้เกรดดีๆ เพื่อให้สมกับความเสียสละของพ่อแม่ที่อุตส่าห์เห็นแก่อนาคตของผม ยอมกัดฟันส่งเสียลูกคนนี้จนได้เข้าเรียนโรงเรียนที่มีชื่อเสียงในตัวเมืองเพื่อหวังให้ผมมีอนาคตที่ทัดเทียมกับเด็กคนอื่นๆ

ถึงครอบครัวของผมจะไม่ได้มีฐานะยากจนข้นแค้นอะไร แต่ค่าใช้จ่ายสำหรับการเข้ามาเรียนในตัวเมืองก็ทำให้พ่อแม่ของผมต้องทำงานหนักขึ้น (โดยที่ผมไม่รู้และไม่เคยสังเกตุเลย)

อย่างไรก็ดีผมก็ตอบแทนท่านด้วยการพยายามทำตัวเป็นเด็กดี ขยันเรียน และทำกิจกรรมในโรงเรียนไปด้วยจนผมกลายเป็นนักเรียนตัวอย่างที่มีประกาศนียบัตรเชิดชูเกียรติมาให้ท่านได้ชื่นชมอย่างสม่ำเสมอ

ถึงกระนั้นผมก็รู้ดีว่าประกาศนียบัตรเหล่านั้นแทบไม่มีความหมายเลยเมื่อเทียบกับข่าวที่ผมสามารถสอบเข้าโรงเรียนประจำจังหวัดได้ แถมยังได้อยู่ในห้องของนักเรียนที่เรียนดีหรือที่เรียกกันว่า “ห้องคิง” อีกด้วย

หลังจากทราบผลการสอบ ผมต้องเก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้องเนื่องจากเบื่อที่จะฟังคำชื่นชมจากเพื่อนบ้านเวลาไปไหนมาไหนเพราะเหตุที่แม่ได้เอาข่าวที่ผมสามารถสอบติดและได้อยู่ห้องคิงนี้ไปคุยโม้เสียเจ็ดบ้านแปดบ้านจนเขาจะรู้กันไปทั่วทั้งอำเภอแล้ว

แต่ไหนแต่ไรมา ผมไม่ชอบทำตัวเป็นจุดเด่น แม้จะขัดกับการแสดงออกที่ดูเป็นเด็ก “เรียนดี กิจกรรมเด่น” แต่ถ้าให้เลือกได้ ผมก็อยากจะเป็นเพียง “Nobody” ในสายตาของคนอื่นๆ เท่านั้น เพราะผมรู้ดีว่าผมมีปมด้อยที่ร้ายแรงและไม่ควรให้ใครได้รับรู้ นั่นก็คือผมเป็น “เกย์”

สำหรับเด็กต่างจังหวัดที่แถมอยู่ต่างอำเภออย่างผม คำว่า “เกย์” ไม่เคยอยู่ในสาระบบความคิดมาก่อน เพราะสำหรับสังคมบ้านนอกที่โลกทรรศ์ของคำว่า “Homosexual” คับแคบเช่นนั้น คำเดียวที่ผมคงจะใช้เรียกตัวเองได้ในเวลานั้นคือคำว่า “กะเทย” โดยนิยามเอาจากลักษณะนิสัยที่เป็นคนที่ชอบผู้ชายด้วยกัน

ถึงกระนั้นผมก็รู้ตัวดีว่าผมแตกต่างจากกะเทยแถวบ้านที่ผมรู้จัก นั่นคือ ผมไม่ชอบแต่งหน้าทาปาก ผมไม่เคยมีความคิดที่จะใส่ชุดผู้หญิง ผมไม่เคยแอบขโมยรองเท้าส้นสูงของแม่มาใส่ และผมไม่ชอบการวี้ดว้ายกะตู้วู้เอาเสียเลย

ผมยืนยันได้ว่าการปฏิเสธพฤติกรรมข้างต้นเกิดจากความรู้สึกจริงๆไม่ใช่เพราะต้องการจะปกปิดตัวเอง

พฤติกรรมที่ผมมักจะรู้สึกแปลกๆ เวลาเห็นผู้ชายถอดเสื้อ หรือ การที่คนที่ผมแอบชอบเป็นครั้งแรกในชีวิตคือผู้ชายต่างหาก เป็นสิ่งที่ทำให้ผมได้ค้นพบตัวเองว่าผมคือ “เกย์”

พฤติกรรมแบบนี้เคยทำให้ผมโดนเพื่อนสนิทกัดอย่างเจ็บแสบในภายหลังว่า “สิ่งเดียวที่ยืนยันว่ามึงเป็นเกย์คือ......มึงบ้าผู้ชาย..."

ผมจึงมักใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ปกปิดตัวเองอยู่ในห้อง เพราะคงเป็นช่วงเวลาเดียวที่ผมจะได้เป็นตัวของตัวเองมากที่สุด

โดยเฉพาะในเวลานี้ที่แม้ผมจะดีใจกับผลการสอบที่ออกมา แต่ความจริงที่ว่าถึงแม้เพื่อนร่วมห้องที่ผมแอบชอบจะสามารถสอบเข้าได้ แต่เขาก็ได้อยู่เพียงห้องธรรมดาเท่านั้น

ผมจึงรู้สึกหดหู่กับความจริงที่เกิดขึ้นนี้อยู่ไม่น้อย เพราะนั่นหมายถึงว่าผมกับเค้าจะได้เจอกันน้อยลง หรือแม้กระทั่งเค้าอาจจะลืมผมไปเลยก็ได้ในวันใดวันหนึ่ง

อันที่จริงเพื่อนของผมคนนี้ก็เป็นเพียงผู้ชายธรรมดาๆ หน้าตาก็ไม่ได้โดดเด่น แต่ความสามารถในฐานะนักกีฬาฟุตบอลตัวฉกาจของโรงเรียนทำให้ผมรู้สึกแอบปลื้มผู้ชายคนนี้อยู่เสมอ และดูเหมือนเจ้าตัวก็จะรับรู้ถึงความรู้สึกดีๆ ที่ผมมีให้ จนถึงขนาดแอบมาทำทีเล่นทีจริงกับผมอยู่บ่อยครั้ง จนทำให้ผมกับเขาโดนแซวจากเพื่อนๆร่วมห้องอยู่เสมอ

แต่ถึงกระนั้นความสัมพันธ์ของเราก็เป็นได้แค่เพียงพฤติกรรม “หมาหยอกไก่” เท่านั้นเพราะเอาเข้าจริงผมเองก็ไม่เคยกล้าจะก้าวข้ามคำว่า “เพื่อน” ในขณะที่เขาเองก็ไม่เคยมีท่าทีจริงจัง

การที่นักกีฬาที่ผู้หญิงหลายคนในโรงเรียนแอบฝันถึงอย่างเขากลับมายอมรับไมตรีที่ผมมีให้อย่างไม่มีท่าทีรังเกียจ แถมบางครั้งยังทำท่าเหมือนจะยอมรับว่าผมเป็นคนพิเศษ ทำให้ผมรู้สึกนึกขอบคุณเขาอยู่เสมอ

อย่างน้อยๆผมก็รู้สึกว่าผมก็ได้รับการปฏิบัติอย่างให้เกียรติและ ที่สำคัญทำให้ผมรู้สึกว่าผมไม่ได้ถูกปฏิเสธแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าระหว่างผมกับเขาก็ไม่มีวันไปไกลเกินกว่านี้

แต่เพียงเท่านี้ มันก็ดีมากแล้วสำหรับผม…

----------------------------------------------------------
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-11-2006 17:12:55 โดย b|ue B[o]Y hUb »

ออฟไลน์ no-reply

  • เซียนเป็ด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-2
    • blog พันทิป
.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 2 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------------

เสียงจอแจของทั้งเพื่อนเก่า และ เพื่อนใหม่ที่ได้มาเจอกันในวันแรกของการเปิดภาคเรียนทำให้ภายในห้องชั้น ม. 1 / 1 ดูคึกคักไม่น้อย

เหตุที่ห้องนี้มีเสียงคุยกันอย่างตื่นเต้นไม่หยุดหย่อนทั้งๆที่เป็นการพบกันครั้งแรกก็เพราะนักเรียนในห้องนี้ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่รู้จักกันมาก่อน

เนื่องจากนักเรียนที่สามารถสอบผ่านเข้ามาเรียนในห้องนี้จำนวนมากจะมาจากห้องเก่งของโรงเรียนประจำจังหวัด 2 โรงเรียนที่ได้รับการยอมรับที่สุด นั่นคือโรงเรียนเทศบาลประจำจังหวัด และ โรงเรียนอนุบาลประจำจังหวัด ดังนั้นการเปิดเทรมในวันนี้จึงไม่ต่างอะไรกับการพบกันของเพื่อนเก่านั่นเอง

ผมเองก็กำลังคุยกับเพื่อนสนิท 4 – 5 คนอย่างออกรสหลังจากได้จับจองโต๊ะที่นั่งของตัวเองเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เช้า ทุกคนต่างรู้สึกดีใจที่พวกเราส่วนใหญ่ที่อยู่ห้องเดียวกันในชั้นประถมนั้นได้อยู่ห้องเดียวกันในระดับมัธยมศึกษาด้วย

แต่ขณะที่ผมกำลังคุยกับเพื่อนๆ ถึงเรื่องราวที่ได้เจอมาตอนปิดเทรม อยู่ดีๆก็มีเสียงหนึ่งแทรกมาจากอีกมุมหนึ่งของห้องว่า

“คนนั้นนะเหรอ เด็กไอ้กอล์ฟ ไม่เท่าไหร่เลยนี่หว่า”

ทันทีที่เสียงนั้นจบลงทำให้ผมต้องหยุดบทสนทนาในทันทีแล้วหันมองไปยังต้นเสียงที่บัดนี้เขาก็กำลังจ้องมาที่ผมเช่นเดียวกัน

เพราะถ้าผมฟังไม่ผิด เขาเพิ่งจะพูดถึง “กอล์ฟ” เพื่อนชายที่ผมแอบชอบอยู่ซึ่งตอนนี้เราต้องแยกกันอยู่คนละห้องแล้ว และจากประโยคเมื่อครู่ บวกกับสายตาที่กำลังจ้องมองมาทางผมนั้นทำให้ผมเข้าใจได้ในทันทีว่า คนที่เขากำลังพูดถึงนั้นก็คือผมเอง

แต่ก่อนที่ผมจะได้เข้าไปถามให้รู้เรื่องรู้ราวกับประโยคที่เขาพูดออกมาก็พอดีกับที่คุณครูประจำชั้นของเราเข้ามาพอดี ผมจึงจำต้องนั่งลงที่โต๊ะอย่างสงบ

ผมยอมรับว่าผมไม่มีสมาธิเลยตลอดช่วงของการพบปะกับครูประจำชั้นเป็นครั้งแรกในวันนั้น คำพูดที่ว่า “คนนั้นนะเหรอ เด็กไอ้กอล์ฟ” มันยังก้องอยู่ในหูผมตลอดเวลา จนกระทั่งอาจารย์เรียกให้นักเรียนออกมาหน้าห้องทีละคนเพื่อแนะนำตัวเอง โดยเริ่มจาก....เขา....เจ้าของเสียงปริศนาที่พูดถึงผมเมื่อกี้นี่เอง

ทันทีที่เขาออกมายืนหน้าห้อง แม้หลายคนจะพยายามเก็บอาการแต่ก็ยังมีเสียงฮือฮาจากผู้หญิงหลายคนเล็ดลอดออกมาจนได้

ถ้าจะบอกว่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าห้องคนนี้เป็นนายแบบวัยรุ่นที่เพิ่งหลุดออกมาจากนิตยสารชื่อดังก็คงไม่เกินเลยความจริงนัก เพราะเขามีรูปร่างที่สูงโปร่งกว่าเด็กในวัยเดียวกัน ร่างกายกำยำได้สัดส่วน มีจมูกโด่งเป็นสัน ที่สำคัญคือมีดวงตาที่คมกริบเปี่ยมเสน่ห์ จนทำให้ผมอดรู้สึกแอบปลื้มไม่ได้เช่นกัน แต่คำพูดที่แสดงออกถึงความเป็นศัตรูเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาทำให้ผมอดสงวนท่าทีไม่ได้

“สวัสดีครับ ผม ทีมชาติ โอฬารสกุล เรียก ทีม ก็ได้ครับ”

เขาเริ่มต้นแนะนำตัวเอง และแน่นอนก็ยังมีเสียงวี้ดว้ายเป็นระยะๆ โดยเฉพาะจากคนที่ชื่อเจ ซึ่งเป็นเกย์ร่างท้วมที่ประกาศตนถึงจุดยืนและเพศของตัวเองตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรียน

ผมพยายามเก็บอาการอย่างมากที่จะไม่มีท่าทีแสดงความสนใจใด ๆ ต่อผู้ชายคนนี้ในระหว่างที่เพื่อนๆ ร่วมห้องหลายคนรุมยิงคำถามแบบไม่ยั้งถึงประวัติส่วนตัวแทบจะทุกแง่มุมไปยังหนุ่มฮอทคนนี้ ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าเขาเป็นอดีตกัปตันทีมฟุตบอลของโรงเรียนอนุบาลประจำจังหวัด

ถึงตรงนี้ก็พอให้ผมพอเดาได้ว่าเขารู้จักกอล์ฟได้อย่างไร เพราะกอล์ฟเองก็เป็นกัปตันทีมฟุตบอลของโรงเรียนเทศบาลประจำจังหวัดที่ผมเคยเรียนอยู่ รวมทั้งผมยังพอเดาความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ได้ด้วยว่าคงจะไม่ค่อยดีนัก เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าโรงเรียนเทศบาล และ อนุบาลประจำจังหวัดนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานาน ต่างแย่งชิงความเป็นที่ 1 ในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเรียน กิจกรรม และกีฬา

และเมื่อทั้งคู่ต่างเป็นกัปตันทีมฟุตบอลซึ่งเป็นกีฬาแห่งศักดิ์ศรี จึงเป็นไปได้ว่าคงต้องเคยปะทะกันในสนามมาแล้ว

ทันใดนั้นเองผมก็นึกขึ้นได้ถึงการแข่งขันกระชับมิตรประจำปีครั้งล่าสุดของโรงเรียนทั้งสองก่อนที่ผมจะจบออกมาก็ปรากฏว่า กอล์ฟเป็นคนนำพาทีมโรงเรียนของเราให้ได้รับชัยชนะด้วยการยิงประตูเอาชนะโรงเรียนอนุบาลไป 1 ประตูต่อ 0

แต่ผมเองกลับไม่มีโอกาสไปชมการแข่งขันในวันนั้นเนื่องจากตัวเองก็ต้องแยกไปแข่งขันโต้วาทีกับโรงเรียนอนุบาลนี้เช่นกันซึ่งอยู่อีกเวทีหนึ่ง และผลที่ได้ก็คือผมเองก็ได้รับชัยชนะเช่นกัน

ผมไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้หรือไม่ที่ทำให้เขาพูดถึงผมและกอล์ฟด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรนัก แต่ในเวลานั้นเองที่ผมกลับยิ้มให้ตัวเองอย่างไม่ตั้งใจออกมาเมื่อนึกถึงประโยคที่ว่า “คนนั้นนะเหรอ เด็กไอ้กอล์ฟ” อีกครั้ง

ผมไม่รู้ว่าเรื่องแซวเล่นๆ ภายในกลุ่มเพื่อนได้ถูกบอกกล่าวไปยังโรงเรียนคู่แข่งได้อย่างไร แต่เท่าที่รู้ดูเหมือนนายทีมคนนี้จะเชื่อเรื่องทีเล่นทีจริงระหว่างผมกับกอล์ฟอย่างสนิทใจจนถึงกับพยายามมาหาดูตัวจริง ซึ่งนั้นก็ไม่ทำให้ผมรู้สึกแคร์อะไร เพราะการที่ถูกจับจองเป็นเจ้าของว่าเป็น “เด็กของไอ้กอล์ฟ” นั้นทำให้ผมรู้สึกสุขใจอย่างประหลาด

แต่ผมก็ต้องหยุดความคิดของตัวเองอีกครั้งเมื่อนายทีมได้กล่าวประโยคทิ้งท้ายก่อนที่จะเดินกลับไปที่โต๊ะว่า

“หวังว่าเราคงจะได้สานสัมพันธ์ที่ดีต่อกันในอนาคตนะครับ” พร้อมกับเสียงวี้ดวิ้วครั้งใหญ่จากบรรดากองเชียร์ที่มีอยู่เต็มห้อง

จะโดยอุปาทาน หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ผมรู้สึกว่าหลังจากที่ทีมกล่าวประโยคนั้นจบลงเขาได้หันมาส่งยิ้มอย่างจัง ๆ และยักคิ้วให้ผมหนึ่งครั้งก่อนจะกลับไปนั่งที่โต๊ะ ซึ่งพฤติกรรมนี้กลับทำให้ผมเริ่มรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าผู้ชายคนนี้เอาเสียเลย

ตลอดชั่วโมงทำความรู้จักกันในวันนั้นผมพยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านต่างๆให้หมดไป ในใจพยายามนึกถึงประโยคที่ว่า “เด็กของไอ้กอล์ฟ” ซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่างชื่นหัวใจในตัวเอง แต่หลายครั้งก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดกับการส่งยิ้มและยักคิ้วให้อย่างมีเลศนัยของนายทีมที่เพิ่งผ่านมา และยิ่งเพิ่มความรู้สึกไม่ชอบหน้าผู้ชายคนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ

โดยหารู้ไม่ว่าผู้ชายคนนี้เองกำลังจะเข้ามามีส่วนสำคัญที่ทำให้ความรู้สึกที่มีต่อกอล์ฟของผมต้องเปลี่ยนแปลงไป

และกำลังจะทำให้ผมได้พบกับ “ช่วงเวลาที่ดีที่สุด” และ “ช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุด” ในชีวิต

----------------------------------------


ออฟไลน์ no-reply

  • เซียนเป็ด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-2
    • blog พันทิป
.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 3 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

ชั่วโมงพบปะกันในวันแรกใช้เวลาเพียงครึ่งวัน เราต่างได้มีโอกาสทำความรู้จักกันและกัน และ จัดการเรื่องการลงทะเบียนวิชาเรียนให้เรียบร้อย หลังจากนั้นต่างคนต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้าน

เมื่อกลับมาถึงบ้านเรื่องราวของผม กอล์ฟ และทีม ยังรบกวนจิตใจผมอยู่ตลอดเวลา แต่พอดึกเข้าผมก็พยายามหาทางออกให้ตัวเองได้ว่าผมคงคิดมากไปเองเพราะนับตั้งแต่การแนะนำตัวของทีมเสร็จสิ้นลง เขาก็ไม่มีท่าทีแสดงความสนอกสนใจผมอีกเลย

จนผมอดคิดไม่ได้ว่าผมคงจะคิดมากไปเองที่รู้สึกไปว่าครั้งนึงเขาเคยหันมาส่งยิ้มและยักคิ้วให้ผมอย่างมีเลศนัย

ต่อมาความคิดข้างต้นของผมก็ถูกยืนยันด้วยพฤติกรรมในภายหลังของทีมที่ดูเหมือนจะกลายเป็นเพื่อนปกติทั่วไปของผม

เขาไม่ได้มีทีท่าชื่นชอบหรือรังเกียจผมเป็นพิเศษ กำแพงบางๆของความเป็นอดีตโรงเรียนคู่แข่งได้ค่อยๆถูกทำลายลงจนนักเรียนทั้งชั้นได้กลายเป็นเพื่อนใหม่ที่ต่างสนิมสนมกลมเกลียวกันเป็นอย่างดี

ทีมยังคงเป็นขวัญใจที่ทั้งหญิงแท้ หญิงเทียมในห้องต่างแอบปลาบปลื้ม และดูเหมือนเสน่ห์ของเขาจะไม่หยุดลงแค่นั้นเพราะผมได้ข่าวว่ามีผู้หญิงต่างห้อง ต่างวัย ทั้งรุ่นเดียวกัน และ รุ่นพี่มาแอบชอบเขาอยู่มาก

ข่าวคราวพวกนี้ดูจะถูกบอกเล่า และเป็นเรื่องเม้าส์อย่างสนุกปากในกลุ่มเพื่อนในห้องบ่อยๆ แต่น่าแปลกที่ผมเองกลับไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษกับคนๆนี้เลย

ผมสามารถพูดได้ว่าผมกับทีมได้กลายเป็นเพื่อนกันอย่างสนิทใจโดยไม่มีอะไรแอบแฝง

ผมรู้ตัวเองดีว่า ตอนนี้ผู้ชายคนเดียวที่ผมยังนึกถึงคงยังเป็น “กอล์ฟ” แต่ผมก็บอกตัวเองไม่ได้ว่าความรู้สึกที่มีต่อกอล์ฟคือ “ความรัก” หรือไม่

จำนวนนักเรียนที่มากขึ้นและการที่ห้องเราอยู่คนละชั้นทำให้ผมกับกอล์ฟแทบไม่ได้เจอกันเลยนับตั้งแต่เริ่มภาคเรียนมา จนกระทั่งเมื่อเข้าสู่เดือนที่ 2 ของภาคเรียนใหม่ผมกับกอล์ฟจึงได้เจอกันเป็นครั้งแรกในห้องสมุด แต่ท่าทางของเขาดูไม่ค่อยดีใจที่เจอผมนักและก็ไม่ได้เริ่มทักอะไรผมก่อน จนผมต้องเป็นฝ่ายเริ่ม

“ไม่เจอกันนานเลยนะ เป็นไงบ้าง”

“สบายดี แล้วบีล่ะ”
ผมรู้สึกใจชื่นขึ้นบ้างที่เขายังคงเรียกผมด้วยชื่อเล่นอย่างที่เคยเป็นมา เพราะถ้าเป็นเพื่อนคนอื่นๆ เขามักจะใช้สรรพนามแทนคนๆ นั้นว่า “นาย” เสมอ

“สบายดีเหมือนกัน”
ผมตอบได้สั้นๆ แค่นั้น ถึงแม้ในใจมีเรื่องจะพูดกับเขามากมายแต่ปากมันไม่ยอมขยับ จนเขาต้องเป็นฝ่ายตัดบทก่อน

“เออ จริงสิ ดีใจด้วยนะที่ได้อยู่ห้องคิง กะไว้อยู่แล้วว่าบีต้องทำได้ ไม่เหมือนกับกอล์ฟ......”
แม้เขาจะพยายามปกปิดแต่ผมก็รู้สึกได้ถึงน้ำเสียงและแววตาที่แสดงความหดหู่คู่นั้น

ทำไมผมถึงไม่คิดถึงเรื่องนี้มาก่อน ถ้าเป็นผม....ผมจะทำอย่างไรถ้าเราเป็นเพียงไม่กี่คนที่ไม่สามารถสอบเข้าห้องคิงได้ ในขณะที่เพื่อนคนอื่นๆ กลับสอบได้กันหมด ผมไม่อยากจะคิดว่าเขาจะผิดหวังหรือรู้สึกอายแค่ไหน แต่ถ้าเป็นผม ผมก็คงจะพยายามหลบหน้าเพื่อนเก่าให้มากที่สุด คิดถึงตรงนี้ผมก็พอจะหาคำตอบได้ว่าทำไมตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผมถึงไม่เจอเขาเลย ผมจึงได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ออกมาเพื่อกลบเกลื่อน......จนกระทั่ง

“เฮ้ย นี่ห้องสมุดนะ ไม่ใช่สวนสาธารณะ จะพลอดรักกันก็น่าจะเลือกที่หน่อย”

เสียงของทีมแทรกเข้ามาทำลายบรรยากาศอึมครึมที่มีไปเมื่อครู่

“พลอดรักเหี้ยอะไรของมึง ” กอล์ฟตอบอย่างขึงขัง

“อ้าวก็เห็นมายืนแอบคุยกันกะหนุงกะหนิง ไม่เรียกว่าพลอดรักจะเรียกว่าอะไรคร้าบบบ” ทีมตอบอย่างยียวน

“กวนส้นตีน แล้วมึง” กอล์ฟพูดพลางหัวเราะ

ผมมองดูการสนทนาของทั้งคู่อย่างฉงน การพูดคำหยาบคายแบบนี้ผมไม่ค่อยได้ยินบ่อยนักจากปากของกอล์ฟ

เขาจะใช้คำเหล่านี้กับเฉพาะเพื่อนที่สนิทกันจนไม่คิดอะไรมากกับคำหยาบๆ เหล่านี้เท่านั้น และดูท่าความสัมพันธ์ของผู้ชาย 2 คนนี้จะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ผมเคยคิดเสียแล้ว

“แล้วมึงรู้ยังว่าเดี๋ยวอาทิตย์หน้าเขาจะเริ่มคัดตัวนักบอลโรงเรียน” กอล์ฟพยายามเปลี่ยนเรื่อง

“เออ รู้แล้ว...ยังไงมึงก็ได้เป็นอยู่แล้ว แต่กูเนี้ยสงสัยต้องพยายามมากหน่อย”

“ไม่ต้องถ่อมตัวหรอก ถ้าไม่ติดหญิงจนลืมไปสมัคร ยังไงมึงก็ได้”

“ว่าแต่กู ระวังตัวเองเหอะ อย่ามัวอี๋อ๋อ กับแฟนจนลืมไปสมัครล่ะ เดี๋ยวหาว่ากูไม่เตือน เฮ้ยไปก่อนแล้ว ไม่อยากเป็น กขค ”

พูดจบทีมก็ไม่วายส่งสายตาล้อเลียนมาทางผม แล้วก็รีบเดินออกไป

“อย่าไปถือมันเลยนะ ปากมันก็อย่างเหี้ย เอ๊ย ขอโทษ....ปากมันก็แบบนี้แหละ”

“ ไม่เป็นไรหรอก”

ผมตอบอย่างยิ้มๆ ด้วยสายตาชื่นชมผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า กับความสุภาพและให้เกียรติที่มีให้ผมอย่างเสมอ

ด้วยเหตุนี้กระมัง ผมถึงไม่เคยลืมผู้ชายคนนี้ได้สักที

หลังจากทีมออกไปเราก็คุยกันอีกไม่นานนัก บทสนทนาก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกได้ว่าระหว่างผมกับกอล์ฟดูเหมือนมีเส้นบางๆ ที่ต่างฝ่ายต่างไม่เคยคิดจะก้าวข้ามไป จนผมอดคิดไม่ได้ว่าเราคงจะมาไกลที่สุดได้แค่คำว่า “เพื่อนที่หวังดีต่อกันเสมอ” เท่านั้น

ก่อนกลับบ้าน กอล์ฟยังแสดงความเป็นสุภาพบุรุษด้วยการเดินเป็นเพื่อนผมไปหาหนังสือที่ผมตั้งใจมายืมอีก 2 – 3 เล่ม และแน่นอนเขาขอเป็นฝ่ายช่วยถือหนังสือเหล่านั้นให้

จากนั้นเราจึงแยกย้ายกันกลับบ้านโดยไม่รู้เลยว่าตลอดเวลาที่อยู่ในห้องสมุดนั้นมีสายตาคู่หนึ่งที่แอบติดตามดูพฤติกรรมของเราทั้งคู่อยู่ตลอดเวลา

--------------------------------------------------------


ออฟไลน์ no-reply

  • เซียนเป็ด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-2
    • blog พันทิป
.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 4 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
-------------------------------------------------------

หลังจากพูดคุยกันในวันนั้นแล้ว ผมก็เจอกอล์ฟบ่อยขึ้น แต่ก็ไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากการทักทายวิสาสะกันธรรมดา จนสัปดาห์ต่อมาผมก็ได้ยินข่าวว่าทั้งกอล์ฟและทีมต่างไปสมัครเป็นนักกีฬาฟุตบอลของโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว

แต่การคัดตัวจะมีขึ้นในเทรมหน้าเนื่องจากตอนนี้ก็ใกล้เวลาสอบมากแล้ว ที่สำคัญนักเรียนที่สมัครจะได้ไปฟิตซ้อมตัวเองก่อนที่จะต้องลงสนามคัดตัวกันจริงๆ

ในช่วงเวลานั้นผมไม่มีเวลามานึกถึงเรื่องผมกับกอล์ฟอีกเนื่องจากเมื่อต้องอยู่ต่างห้องเราก็เจอกันน้อยลงเรื่อยๆ จนแทบจะเรียกได้ว่าค่อนข้างห่างเหิน

อีกทั้งผมเองก็ต้องวุ่นวายกับการเตรียมตัวสอบอย่างขะมักเขม้น

บรรยากาศการเรียนในห้องคิงก็มักจะเป็นอย่างนี้ ถ้าคุณไม่อยากถูกเหยียบลงไปอยู่ที่โหล่คุณก็ต้องพยายามถีบตัวเองขึ้นมาหรือรักษามาตรฐานเอาไว้ให้ได้

แต่โชคดีที่แม้พวกเราส่วนใหญ่จะเอาใจใส่การเรียนการอย่างจริงจังแต่ก็ไม่ได้แข่งขันกันจนทำให้เกิดความตึงเครียด บรรยากาศในห้องเรียนจึงยังมีการหยอกล้อ หาเรื่องทำกันอย่างสนุกสนาน

แม้จะต้องมุ่งมั่นกับการเรียนแต่ผมก็ยังหาเวลาไปร่วมกิจกรรมอื่นๆ ของโรงเรียนโดยเฉพาะการประกวดการพูดสุนทรพจน์ จนผมกลายเป็นม้ามืดที่สามารถเอาชนะรุ่นพี่คนอื่นจนได้ตำแหน่งชนะเลิศ ของโรงเรียนมาครอง กลายเป็นเจ้าของรางวัลชนะเลิศที่มีอายุน้อยที่สุดตั้งแต่มีการแข่งขันมา ชื่อของผมจึงเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น
จะเป็นโชคดี หรือ โชคร้ายก็ไม่ทราบได้ที่ชื่อเสียงของผมดูจะไม่หยุดลงแค่นี้เมื่อผมสามารถไปคว้ารางวัลชนะเลิศระดับจังหวัดมาด้วย ชื่อของผมจึงถูกประกาศทั้งหน้าเสาธง รายการทางวิทยุกระจายเสียงของโรงเรียน หรือ แม้กระทั่งนำรูปไปติดบอร์ด

แน่นอนว่าความอึดอัดแบบเดิม ๆ ของผมได้กลับมาอีกครั้งเมื่อถูกมองจากคนอื่นๆ เวลาไปไหนมาไหน แต่ก็นั้นแหละ นิสัยเสียที่ขัดแย้งอย่างยิ่งกับความต้องการอยู่อย่างสงบของผมก็คือความกระหายอยากได้ชัยชนะและคำชื่นชมจากคนรอบข้าง

นิสัยเสียนี้ได้บ่มเพาะความมั่นใจอย่างร้ายกาจ และ ความหลงตัวเองอย่างฉกรรจ์ให้กับผมซึ่งต่อมามันได้ย้อนกลับมาทำร้ายผมให้เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส

ไม่เพียงแต่ผมเท่านั้นที่แบ่งเวลาจากการเรียนไปทุ่มเทให้กับกิจกรรมที่ตัวเองสนใจ ตั้งแต่ปิดรับสมัครคัดเลือกนักฟุตบอลโรงเรียน ดูเหมือนทีมจะลงสนามเล่นบอลกับเพื่อนๆทั้งในห้องและต่างห้องบ่อยขึ้น

ช่วงเวลาหลังเลิกเรียนขณะที่เดินกลับบ้าน บริเวณประตูทางออก ทีมและเพื่อนๆ มักเล่นบอลอยู่ที่สนามหน้าเสาธง ในขณะที่ผมได้ข่าวมาว่ากอล์ฟกลับเลือกไปเล่นอยู่ที่สนามฟุตบอลหลังโรงเรียน ความจริงข้อนี้ทำให้ผมอดเปรียบเทียบนิสัยของทีมกับกอล์ฟไม่ได้

ขณะที่กอล์ฟเลือกที่จะหลบไปฝึกฝนในสนามที่ลับตาคน แต่ทีมกลับเลือกสนามหน้าเสาธงที่เป็นจุดเด่นเพราะอยู่ตรงทางเข้าออกของนักเรียนทั้งหมด พฤติกรรมอย่างนี้ทำให้ผมอดมีอคติกับผู้ชายคนนี้ไม่ได้ว่าเหตุที่เขาเลือกมาเล่นที่สนามหน้าเสาธงก็เพียงเพื่อจะ “โชว์หญิง” เท่านั้นเอง

ช่วงก่อนหน้านี้ผมค่อนข้างมีทัศนคติในแง่ลบกับผู้ชายคนนี้มากขึ้น โดยเฉพาะในระยะหลังๆที่เขามักจะหาโอกาสพูดแขวะ หรือ พูดเสียดสีผมทุกครั้งเมื่อมีโอกาส

จะว่าไปแล้วพฤติกรรมทั้งหมดนี้ก็เกิดขึ้นหลังจากที่เขาพูดแซวผมกับกอล์ฟในห้องสมุดนั้นแหละ แต่ผมก็ไม่เข้าใจและหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมเขาจึงเปลี่ยนไปเป็นเช่นนั้น

นับวันการซ้อมของทีมก็ดูจะถี่ขึ้น และผมสังเกตว่าทุกวันจะมีนักเรียนทั้งหญิงแท้ หญิงเทียมมายืนดูเขาเล่นอย่างหนาตา บ้างก็ส่งเสียงเชียร์อย่างออกหน้า บางวันพวกเราในห้องก็มายืนดูเขาซ้อมด้วยเพราะผู้ชายส่วนใหญ่ในห้องมักจะมาเป็นเพื่อนซ้อมให้เขาเสมอ และในวันนี้ก็เช่นกัน

แต่ขณะที่ผมกับเพื่อน 6 - 7 คนกำลังนั่งดูเพื่อนๆซ้อมกันอยู่นั้น อยู่ดีๆ ทีมก็วิ่งมายืนหยุดอยู่ตรงหน้าผม แล้วเขาก็ทำในสิ่งที่ผมไม่คาดคิดคือถอดเสื้อแล้วก็ยื่นส่งมาให้ผม

“เอ้า ฝากหน่อย ดูแลดีๆแล้วกัน คิดเสียว่าเป็นเสื้อของไอ้กอล์ฟมันก็ได้”

ผมรับเสื้อนั้นมาอย่างงง ๆ หลังจากที่ทีมวิ่งออกไปแล้ว เพื่อนผู้หญิงหลายคนออกเสียงกรี๊ดกร้าดกันใหญ่ที่ได้เห็นท่อนบนแมนๆ ของทีมแบบเปลือยเปล่า

“ต๊ายแล้ว ผู้ชายอะไรผิวขาวจ๊วะอย่างกะหยวก ผิวดีกว่าผู้หญิงอีกนะนี่” เพื่อนผู้หญิงของผมเริ่มเพ้อ

“สงสัยจะเป็นอีแอบ เป็นเกย์มั้ง” ผมพูดขึ้นมาอย่างหมั่นไส้

“ถึงเป็นเกย์ ฉันก็รักกกกก” เพื่อนของผมไม่หยุดเพ้อ

“เออ เชิญแกรักไปคนเดียวเถอะ เราจะกลับบ้านแล้ว เอาเสื้อมันไปชื่นชมด้วย”

ว่าแล้วผมก็ส่งเสื้อไปให้เพื่อนสาวที่ดูเหมือนกำลังทำตาลอยๆ แล้วรีบคว้ากระเป๋าเดินออกมา แต่ทันใดนั้นเองที่ผมรู้สึกว่ามีอะไรมาโดนที่ด้านหลังอย่างจัง

“นี่ น้องสาวเก็บบอลให้พี่หน่อย”

สิ้นเสียงผมก็หันไปมองคนพูดอย่างตาขวาง อาจจะใช่ที่มีเพื่อนๆในห้องหลายคนรู้ว่าผมเป็นเกย์แต่ก็ไม่เคยมีใครเรียกผมด้วยคำ ๆ นี้มาก่อน ผมจึงรู้สึกหงุดหงิดอย่างมากเมื่อมีคนเรียกผมอย่างไม่ให้เกียรติเช่นนี้ แต่เมื่อได้เห็นหน้าเจ้าของคำพูด ผมก็ไม่รู้สึกแปลกใจนัก

“ บาส คำว่าขอโทษนี่พูดเป็นมั้ย ถ้าพูดไม่ได้ก็มาเก็บเองเถอะ แล้วคราวหลังอย่าเรียกเราว่า น้องสาว อีก เราจำไม่ได้ว่าเคยไปเป็นญาติกับนายตอนไหน”

ว่าแล้วผมก็รีบเดินออกไปโดยไม่วายเหลือบไปเห็นสีหน้าไม่พอใจของทีมที่กำลังมองมาทางนี้เหมือนกัน

บาส เป็นเพื่อนร่วมห้องที่ผมอยากพูดคุยด้วยน้อยที่สุด ในสายตาของผมเขาเป็นคนกักขฬะ แม้จะมีหน้าตารูปร่างที่ดูดี แต่เขามักจะพูดและสนทนาถึงเรื่องใต้สะดือบ่อยครั้งจนกลายเป็นโลโก้ประจำตัว

หลายคนในห้องเชื่อว่า บาสคือผู้ชายที่เข้าใจและรู้จักคำว่า “เซ็กซ์” ดีที่สุดแล้วสำหรับเด็กในวัยเดียวกัน และคงเป็นความบังเอิญที่ดูเหมือนบาสจะเป็นเพื่อนสนิทที่สุดคนหนึ่งของทีมด้วย

แต่จริงๆ แล้วการเป็นเพื่อนสนิทกันของคนทั้ง 2 ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

เพราะความสัมพันธ์นี้จะมีผลอย่างมากต่อชะตาชีวิตของเราทั้ง 3 คนในวันข้างหน้า


ออฟไลน์ no-reply

  • เซียนเป็ด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-2
    • blog พันทิป
ต่อของตอน 4 นะครับ
---------------------------------------------

ในที่สุดการสอบในเทรมที่ 1 ก็ผ่านไปได้อย่างเรียบร้อย และในช่วงปิดเทรมอันแสนสั้นนั้นก็ไม่ได้ทำให้พวกเรามีกิจกรรมอะไรทำมากนัก แต่เมื่อเปิดเทรมขึ้นมาก็มีกิจกรรมที่นักเรียน ม. 1 ส่วนใหญ่ให้ความสนใจรออยู่ นั่นก็คือการคัดเลือกนักฟุตบอลประจำโรงเรียน

และเมื่อวันนั้นมาถึงพวกเราในห้องต่างก็ไปนั่งรอรอบสนามเพื่อเชียร์ทีม เพื่อนร่วมห้องเพียงหนึ่งเดียวที่ลงสนามคัดตัวในครั้งนี้

ผมสารภาพว่าในวันนั้นผมแทบไม่สนใจด้วยซ้ำว่าทีมจะลงแข่งหรือไม่ หรือจะผ่านการคัดเลือกหรือเปล่า กอล์ฟ ต่างหากคือความตั้งใจที่ทำให้ผมต้องเดินทางมาเชียร์ถึงขอบสนามในวันนี้

การคัดตัวใช้วิธีแบ่งผู้เข้าคัดเลือกเป็น 2 ทีมแล้วให้แข่งกันเอง โดยมีโค้ชเป็นคนจัดตำแหน่งที่ต้องเล่นให้ซึ่งผลปรากฏว่าทั้งกอล์ฟและทีมต่างได้รับคัดเลือกเป็นกองหน้า หากแต่ต้องอยู่กันคนละทีม

แม้จะเป็นแค่การคัดตัวแต่เกมในวันนั้นก็ดูดุเดือดท่ามกลางเสียงกองเชียร์ของแต่ละฝ่าย โดยเฉพาะกอล์ฟกับทีมถือเป็นตัวเด่นที่สุดที่มีโอกาสทำประตูหลายครั้ง แต่ผลปรากฏว่าวันนั้นคนที่สามารถทำประตูได้เพียงคนเดียวก็คือ “ทีม” ส่งผลให้ทีมของ“กอล์ฟ” ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป 1 ประตูต่อ 0

ในวันนั้นทีมเดินออกมาจากสนามในฐานะนักฟุตบอลฮีโร่ที่มีฝีเท้าเก่งฉกาจ และเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถยิงประตูได้ เขาเดินพลางถอดเสื้อออกมาจากสนามท่ามกลางการห้อมล้อมดีใจของเพื่อนๆ ในขณะที่อีกด้านกอล์ฟกลับเดินออกมาอย่างคอตก

แม้ผมจะดูฟุตบอลไม่เป็น แต่ผมเชื่อว่าวันนี้กอล์ฟเล่นได้เยี่ยมมากและคงได้รับคัดเลือกเป็นนักฟุตบอลโรงเรียนอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ผมรู้ดีว่าการที่ไม่สามารถนำพาทีมให้ได้รับชัยชนะ รวมทั้งยังไม่สามารถทำประตูได้แม้แต่ประตูเดียวคงทำให้เขาเสียใจมาก

ผมตัดสินใจรีบเดินเข้าไปหาเขา พยายามสรรหาคำปลอบโยนที่ดีที่สุดเพื่อช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้น แต่เมื่อเข้าไปใกล้เขาในระยะไม่ถึง 10 ก้าว ก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินตัดหน้าไปถึงตัวเขาก่อนแล้วเอาผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อเขาอย่างตั้งอกตั้งใจ ท่ามกลางเสียงแซวจากเพื่อนๆ ที่มารุมล้อมเขาด้วย

“ ท่าจะไม่ต้องห่วงมันแล้วว่ะ ได้ยาดีจากหวานใจขนาดนี้ เดี๋ยวก็หายเหนื่อยแล้ว”

เสียงหนึ่งแซวขึ้นซึ่งทำให้ผมจำขึ้นมาได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นเพื่อนร่วมห้องของกอล์ฟ และช่วงเวลาหลายเดือนที่ผมมัวแต่ไปสนใจเรื่องการสอบและเรื่องอื่นๆ คงทำให้คนคู่นี้เปลี่ยนแปลงสถานะจากเพื่อนไปเป็นอย่างอื่นที่มากกว่านั้น

เมื่อได้รับรู้ถึงความจริงข้อนี้ ผมก็เริ่มรู้สึกร้อนผ่าวในเบ้าตาพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มเอ่อมาท่วมจนเกือบจะไหลลงมาตรงนั้น เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่กอล์ฟหันหน้ามาทางผมพอดี ผมจึงต้องรีบหันหลังกลับ แล้ววิ่งออกมาจากที่นั้นให้เร็วที่สุด มารู้ตัวอีกทีผมก็มาหยุดอยู่ที่ห้องน้ำหลังโรงเรียนแล้ว

ผมขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำพร้อมกับปล่อยน้ำตาที่พยายามอดกลั้นมาเมื่อครู่อย่างสุดจะฝืน ความรู้สึกที่ว่าผู้ชายที่เราเคยชอบได้กลายเป็นของคนอื่นไปแล้วนั้นเป็นสิ่งที่ผมไม่สามารถรับได้ ที่ผ่านมาแม้กอล์ฟจะไม่ใช่ของผม แต่เขาก็ไม่เคยเป็นของคนอื่น

ความจริงที่ว่าไม่ว่าเราจะอยู่ห่างกันแค่ไหนหรือมีสถานะเป็นอะไร เราก็ยังมีความรู้สึกที่ดีให้กันเสมอ เป็นสิ่งที่คอยปลอบประโลมผมเสมอมา

แต่เมื่อวันนี้ ผมได้พบความจริงว่าในที่สุดเขาก็ได้เลือกคนที่ใช่สำหรับเขาแล้ว มันเป็นความจริงที่โหดร้าย เพราะนั่นหมายถึงว่าผมคงจะไม่สามารถไปแสดงความห่วงใยเขาได้อีกต่อไป เหมือนดังเช่นที่ผมต้องหยุดเมื่อครู่เพราะในที่สุดเขาก็มีคนที่อยู่เคียงข้างคอยปลอบใจในเวลาที่เขาผิดหวังแล้ว

แต่ในขณะที่ผมกำลังร้องไห้ด้วยความเสียใจอย่างที่สุดนั้นเอง ผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามาที่ห้องน้ำพร้อมกับเสียงกะหืดกะหอบ ก่อนจะมาหยุดยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าห้องน้ำที่ผมแอบร้องไห้อยู่นั้นเอง

นาทีนั้นเหมือนโลกทั้งโลกกำลังจะหยุดลงตรงหน้า ผมพยายามหาคำตอบให้ตัวเองว่าคนที่มายืนอยู่หน้าห้องนั้นคือใคร

แล้วในที่สุดผมก็ได้คำตอบว่าจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจาก “กอล์ฟ”

เขาคงเห็นน้ำตาของผมที่หยดลงอาบแก้มก่อนที่ผมจะหันหลังวิ่งออกมาจากสนาม แล้วเขาก็คงจะรู้ดีว่าผมรู้สึกยังไงหรือคิดอะไรกับภาพที่เห็น เขาจึงรีบวิ่งตามมาเพื่อขอโทษหรือปลอบโยน นั่นล่ะคือกอล์ฟ คนที่เป็นสุภาพบุรุษในสายตาผมเสมอ

ผมยิ้มให้ตัวเองแล้วรีบปาดน้ำตาเพื่อไม่ให้ดูเป็นคนขี้แยนัก แล้วก็รีบเปิดประตูห้องน้ำออกไป

ผมแทบไม่เชื่อกับสิ่งที่เห็น แต่ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าก็ไม่สามารถปฏิเสธเป็นอื่นได้ว่า ชายหนุ่มที่ยืนเปลือยท่อนบนโดยพาดเสื้อเอาไว้บนบ่าข้างหนึ่งและยืนอยู่ตรงหน้าผมด้วยท่าทีกระหืดกระหอบจากการรีบวิ่งมาอย่างเร็วจัดนั้นไม่ใช่ “กอล์ฟ”

หากแต่เป็น............ “ทีม” ..................


----------------------------------------------


ออฟไลน์ no-reply

  • เซียนเป็ด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-2
    • blog พันทิป
แค่นี้ก่อนนะครับ ใครไม่อ่านเรื่องไหนไม่ว่า แต่ไม่อ่านเรื่องนี้ผมเสียใจแทนจริงๆครับ
ห้าดาวอัพครับ อ่านแล้วลงชื่อไว้นะครับ ผมจะได้รู้ว่ามีคนอยากอ่าน
แต่ให้ดีสงสารให้คะแนนผมบ้างนะครับ หือหือ

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
เหอเหอ

เรย์ เป็นพวกมาโซคีเหรอ ชอบทำร้ายตัวเอง :untrust:

แต่ก็ชอบนะค้าาาบบบบบ

5555 :kikkik:







ปล.

จะตามอ่านไปเรื่อยๆ แต่ไม่ต้องเอาผมไปเป็นพระเอกของเรื่องนะค้าาาบ :give2:

พูห์

Aki_Kaze

  • บุคคลทั่วไป
กี๊สสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส

มีคนเอาเรื่องนี้มาลงแล้วขอบอกว่าเรื่องนี้สุดยอดมาก

ภาค1 ว่าชอบแล้วนะ แต่ภาค2นี้ โค-ต-ร ชอบเรย กี๊สสส

อา แอบเศร้า งิงงง

ขอบคุณมากค้าบที่นำมาลง

(วันนี้กำลังนึกถึงเรื่องนี้พอดีเรย งิงงง)

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
จริงเหรอ Aki เรื่องนี้สุดยอดขนาดนั้น  หุหุ  ตามมาอ่านอีกเรื่องก็ได้   สงสัยเราจะเริ่มวายแระ  55555  (แปลว่าไรเหรอ สาววายเนี่ย  มะเข้าจายอะ   :untrust:)

เรย์  ตัดเอามาลงแบบให้อยากติดตามอะ  ทู๊กที  ตามอ่านต่อ  เรย์น่ารักจัง  จะให้ชื่นชมใครดีอะ  ชื่อไหนดี  หลายชื่อจัง เอาไปสองชื่อเรยน้า  :confuse:

ถ้าเห็นคนมาอ่านพอควร แล้วก็นะ  ต่อเรยย นะนะ  เค้ารออยู่   :impress:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-10-2006 18:22:23 โดย มูมู่น้อย »

Aki_Kaze

  • บุคคลทั่วไป
โอ๊ะ ถ้าไม่เข้าใจเด่วอากิจะแจกแจงแบ่งย่อยชนิดถึงเนื้อในให้ฟังกันเลยทีเดียว (ไม่ใช่ละ เหอๆๆ)

+1 ให้เรย์ก่อง อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
หมูพูห์ ป่าวนะครับ แต่เรื่องมันทำให้ผมอินเข้าไปในเรื่องดีเท่านั้นเองครับ

เหอๆอ่านอีกรอบเลยอากิ  แต่ว่าอากิไปแต่งนิยายที่อากิลงไว้ให้จบๆหน่อยดิ เอิ้กๆ

มูมู่น้อย  หุหุ ก็อ่านแล้วชื่นชมคนที่เอามาฝากก็โหวตที่ข้อความนั้นกันนะ เพื่อนๆด้วยเผื่อว่าผมจะปรับผู้ดูแลบอร์ดจากคะแนนโหวตได้


*********************************************************************************
.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 5 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
-------------------------------------------------------

ความผิดหวังจากการที่ผู้ชายที่มายืนอยู่ตรงหน้าไม่ใช่คนที่ผมคิดทำให้การปรากฏตัวของทีมในวันนี้ถือว่าผิดที่ผิดเวลาเป็นอย่างยิ่ง

ยิ่งเห็นเขาผมยิ่งรู้สึกหงุดหงิดแม้ในใจส่วนลึกดูเหมือนผมจะแอบดีใจเล็กๆที่ยังมีคนเป็นห่วงเป็นใยวิ่งตามมา แต่ทว่าสิ่งที่ผมคิดนั้น...มันผิดถนัด…ผิดไปมาก

“เป็นบ้าอะไรเนี้ย ประสาทดีหรือเปล่า เข้าไปทำอะไรอยู่ในนั้น” เขาเริ่มต้นด้วยการตะคอกใส่ผม

ผมไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือประโยคแรกที่เขาพูดกับเพื่อนที่ยืนน้ำตานองหน้าอยู่ตรงนี้ ความโกรธบวกความหงุดหงิดที่ดูเหมือนทุกอย่างที่ผมคิดในวันนี้ดูจะผิดเพี้ยนไปเสียหมด ทำให้ผมตะคอกกลับไป

“แล้วนายละ มาทำอะไรที่นี่” ผมหวังว่าเขาจะยอมบอกมาตรงๆว่าเขามาที่นี่เพราะ........ผม

“คนมาส้วมก็มาขี้สิ จะให้มากินข้าวหรือไง”

หลังจากที่เขาพูดจบ ผมเริ่มรู้สึกเหมือนโดนใครเอาค้อนทุบหัว

“แล้วทำไม ไม่ไปเข้าห้องอื่น” ผมตอบกลับไปอย่างเหลืออด

“ก็นี่มันห้องประจำ เข้าห้องอื่นแล้วขี้ไม่ออก”
ทีมตอบกลับมาด้วยสีหน้ายียวนกวนประสาทที่สุด

ผมเอามือขึ้นมากุบขมับอย่างลืมตัว “ไอ้บ้า” คือคำพูดสุดท้ายและคำพูดเดียวที่ผมตะโกนออกสุดเสียง ก่อนที่จะรีบวิ่งออกไปจากที่นั้นให้เร็วที่สุด พลางอดรู้สึกไม่ได้ว่าผมไม่เคยเจอผู้ชายคนไหน กักขฬะ และ สั่วเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต

แม้เหตุการณ์นี้จะทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิด ฉุนเฉียวตลอดเวลาขณะที่อยู่ที่บ้านรวมถึงพาลกินข้าวเย็นไม่ลงเมื่อนึกถึงประโยคที่ทีมบอกว่า “คนมาส้วมก็มาขี้สิ จะให้มากินข้าวหรือไง”

แต่ตลอดช่วงเย็นจนกระทั่งเข้านอนในคืนนั้นผมไม่ได้สังเกตเลยว่าการพฤติกรรมกักขฬะที่ทีมแสดงออกกับผมได้ช่วยผมเอาไว้มาก

เพราะตั้งแต่กลับมาถึงบ้านผมก็ไม่ได้มานั่งฟูมฟายหรือเสียใจกับเรื่องของกอล์ฟอีกเลย

แม้จะรู้สึกเศร้าและหดหู่ในบางครั้ง แต่สีหน้าของทีมตอนที่พูดยียวนกวนประสาทผมมักจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงอารมณ์ให้ผมลืมเรื่องเศร้าๆ นี้จนกลายมาเป็นความหงุดหงิดเสมอ

แม้กระทั่งในความฝัน....แทนที่ผมจะฝันว่าตัวเองต้องมานั่งร้องไห้ฟูมฟายเพราะเรื่องของกอล์ฟ ผมกลับฝันว่าได้เอาหมัดตั้นหน้าไอ้คนปากเสียนี่ไปโครมใหญ่

หลังจากที่ตื่นเช้าขึ้นมาผมรู้สึกว่าสมองของผมปลอดโปร่งกว่าที่คิด อาจจะเพราะความรู้สึกว่าได้ระบายด้วยการต่อยหน้าคนปากเสียอย่างทีมไปได้หนึ่งมัดใหญ่ แม้จะเป็นเพียงแค่ในความฝันก็ตาม

แต่เมื่อไปถึงโรงเรียนผมก็อดรู้สึกกลัวว่าจะเห็นภาพของกอล์ฟกับแฟนสาวของเขาอีกไม่ได้ ในวันนั้นผมจึงตั้งใจว่าจะพยายามไม่ออกจากห้องไปไหน แต่จนแล้วจนรอดผมก็ไม่สามารถทำสิ่งที่ตนคิดไว้ได้เมื่อภายในห้องยังมีทีมซึ่งคอยกัดและแขวะผมอยู่ตลอดเวลา

ที่สำคัญดูเหมือนเขาจะพยายามทำให้ตัวเองมั่นใจได้ว่าผมจะไม่ลืมเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นวานไปรวดเร็วนักด้วยการพูดถึง “ส้วม” อยู่ตลอดทั้งวัน

สำหรับผม อาทิตย์แรกหลังผ่านเหตุการณ์วันคัดตัวนักฟุตบอลค่อนข้างผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ที่น่าแปลกก็คือความรู้สึกของผมก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน

ผมเคยคิดว่าผมคงต้องใช้เวลาหลายเดือน หรืออาจะเป็นแรมปีในการทำใจกับเรื่องนี้ แต่เอาเข้าจริงแค่ 3 – 4 วันผมก็สามารถลืมเรื่องนี้ได้อย่างสนิท จนผมอดบอกตัวเองไม่ได้ว่า ความรู้สึกที่ผมมีต่อกอล์ฟมันอาจจะไม่ใช่ “ความรัก”

แต่ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรผมก็ยังรู้สึกโชคดีที่ผมทำใจกันมันได้ในเวลาอันสั้น

นอกจากความรู้สึกเศร้าเสียใจที่ค่อยๆหายไปอย่างรวดเร็วแล้ว ความรู้สึกของผมที่มีกับทีมก็ค่อยๆดีขึ้นเป็นลำดับ เพราะระยะหลังทีมก็เพลา ๆเรื่องกัด เรื่องแขวะผมลงจนแทบจะไม่มีอีกเลย

เขาเปลี่ยนมาพูดคุยกับผมด้วยภาษาดอกไม้และมุกตลกอันแพรวพราวจนทำให้เราสนิทกันมากกว่าที่เคยโดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ช่วงเดือนสุดท้ายก่อนสอบในเทรมที่ 2
ความสนิทที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้ทำให้ผมรู้ตัวเลยว่าเราใช้เวลาในแต่ละวันด้วยกันมากขึ้น อาทิ เขามักจะเดินมาคุยกับผมและเพื่อน ๆ ที่โต๊ะของผมทุกครั้งที่ว่าง เดินไปทานอาหารเที่ยงด้วยกัน ไปนั่งทำการบ้านด้วยกัน หรือไปเที่ยว ไปดูหนังด้วยกัน

การที่ผมไม่อาจรู้ตัวเลยว่าได้ใช้เวลากับทีมในแต่ละวันด้วยกันมากขึ้นก็อาจจะเป็นเพราะว่า...แม้เราจะไปทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยกันแต่เราก็ไม่เคยทำกิจกรรมไหนด้วยกัน 2 ต่อ 2

ทุกครั้งที่ไปไหนมาไหน เรา 2 คนจะอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนกลุ่มใหญ่คือเพื่อนของทีมและเพื่อนของผมมาโดยตลอด

จนกระทั่ง....

“บี ไปกินไอติมกันมั้ย คาบนี้ว่างนี่”

“เอาสิ เดี๋ยวเราไปชวน จอย กับ เก๋ ก่อนนะ เออแล้วก็ออยด้วย เห็นบ่นว่าอยากกินไอติมอยู่เหมือนกัน”

“ทำไมต้องไปชวนคนอื่นด้วย” ทีมตอบกลับมาอย่างฉุนเฉียว

“แล้วทำไมต้องโมโหด้วยเล่า ไปกินหลายคนก็สนุกดี นายก็ไปชวนบาสกับคนอื่นๆ ด้วยก็ได้”

“ไม่เอา จะไปกัน 2 คน”

“ทำไม ทำไมต้องไปกัน 2 คน”

“ก็...ก็คือ.....คือจะเลี้ยงไง มีตังค์เลี้ยงแค่คนเดียว”

“เลี้ยงทำไม ในโอกาสอะไร” ผมเริ่มหงุดหงิดและเริ่มระแวงว่าผู้ชายคนนี้กำลังจะมาไม้ไหน

“เออน่า ไม่ต้องถามมากได้มั้ย”

ว่าแล้วทีมก็ลากข้อมือของผมลุกขึ้นจากโต๊ะ จากนั้นจึงรีบพาไปซุ้มไอติมใกล้สระน้ำของโรงเรียนโดยบ่นเป็นหมีกินผึ้งมาตลอดทาง

“ อะไรว่ะ แค่ชวนกินไอติมแค่เนี้ย กว่าจะยอมลุกมาได้ ตอบตกลงมาง่ายๆไม่ได้หรือไง”

“ก็บอกแล้วไงว่าอยากชวนคนอื่นมาด้วย”

“ก็บอกแล้วเหมือนกันว่าอยากมาแค่ 2 คน ทำไมเข้าใจอะไรยากนักเนี้ย .....โง่หรือไง”

“โอเคล่ะ งั้นไปกินคนเดียวเถอะนะ พ่อคนฉลาด” ผมเริ่มหมดความอดทน

“โอเค โอเค ขอโทษแล้วกัน ไหนๆ ก็มาถึงแล้วน๊า นั่งสิ........ จะสั่งรสอะไรดี”

“ของบีเอาวานิลลาแล้วกัน”

“วานิลลา…โห เลี่ยนจะตาย ไม่เอาอะ ทีมไม่ชอบ เอาช็อกโกแลตแล้วกัน ป้า.....”

“เดี๋ยว...เดี๋ยว....นี่เข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า ทำไมล่ะ ก็เราจะกินรสวานิลลา มันไปเกี่ยวอะไรกับที่นายชอบหรือไม่ชอบด้วย”

“เออน่า........ป้าเอาช็อกโกแลตมาถ้วยนึง ช้อน 2 คันนะ”

“อะไรนะช้อน 2 คัน”

“อ้าวก็กินด้วยกันไง”

“จะบ้าเหรอ”

“บ้า...ยังไง”

“ก็กินไอติมถ้วยเดียวกันน่ะ เกิดใครมาเห็นแล้วเขาจะเอาไปเม้าส์ยังไง”

“ทำไม....กลัวไอ้กอล์ฟมันมาเห็นหรือไง”

“เกี่ยวอะไรกับกอล์ฟด้วย”

“ก็.........”

แต่ก่อนที่ทีมจะตอบอะไรกลับมามากกว่านั้นก็พอดีมีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน

“พูดถึงเราอยู่เหรอ”

ในนาทีนั้นเองที่ผมต้องยอมรับว่าแม้จะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้คิดอะไรกับกอล์ฟอีกแล้ว แต่เมื่อมาเจอตัวเขาอีกครั้งผมก็อดรู้สึกหวั่นไหวไม่ได้

“ปะ ปล่าวไม่มีอะไรหรอก ผ่านมาแถวนี้เหรอ หรือว่า....นัดใครไว้” เสียงของผมเบาลงอย่างไม่รู้ตัวเพราะกลัวคำตอบที่จะได้รับ

“ปล่าว ตั้งใจมาหาบีนั่นแหละ”

“ทำไม มีอะไรกับบี”

ถ้าหูผมไม่ฝาดผมคิดว่าทีมเพิ่งพูดประโยคนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของผมอย่างเต็มที่จนทำให้ผมอดหันไปมองหน้าเขาไม่ได้

“พอดีมีเรื่องจะคุยกับบีหน่อย ขอตัวสักเดี๋ยวได้มั้ย”

“.ไม่........”ทีมพยายามจะรีบตอบแต่โดนผมตัดบทเสียก่อน

“ไปสิ บีก็ไม่มีอะไรสำคัญที่นี่เหมือนกัน”

“แต่เรากำลังกินไอติมกันอยู่นะ” ทีมรีบทักท้วงอย่างหัวเสีย

“ก็ไว้กินวันหลังก็ได้ ออ แล้วก็ถ้าไม่มีตังค์จะเลี้ยงจริงๆ คราวหลังก็ไม่ต้องชวนนะ เพราะเราไม่มีวันกินไอติมถ้วยเดียวกับนายแน่ ไปกันเถอะกอล์ฟ”

ผมกับกอล์ฟจึงเดินออกมาจากที่นั่นโดยไม่สนใจว่าทีมจะรู้สึกอย่างไร สักพักเราก็มานั่งที่โต๊ะกลางสวนที่มีไม้ยืนต้นขึ้นกระจายอยู่ทั่วไปเป็นร่มเงาให้นักเรียนส่วนใหญ่มาใช้ที่นี่เป็นสถานที่อ่านหนังสือ ทำการบ้าน พักผ่อน หรือแม้กระทั่งมาพลอดรัก

“บีนั่งตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวกอล์ฟไปซื้อน้ำมาให้ ”

“งั้น...เดี๋ยวบีไปด้วยก็ได้”

“ไม่ต้องหรอก นั่งรอสบายๆตรงนี้ดีกว่า แดดมันร้อนน่ะ ปล่อยเป็นหน้าที่ของกอล์ฟเถอะ ยังชอบชานมอยู่เหมือนเดิมมั้ย”

“อืม” ผมได้แต่พยักหน้าอย่างตื้นตันใจที่เขายังจำได้ว่าผมชอบน้ำอะไร ความเป็นสุภาพบุรุษของคนๆนี้ทำให้ผมไม่อาจจะเลิกชื่นชอบเขาได้จริงๆ โดยเฉพาะเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับทีมด้วยแล้ว

“เอ่อ คือกอล์ฟขอโทษเรื่องวันนั้นด้วยนะ” กอล์ฟเปิดฉากสนทนาอย่างตรงไปตรงมา

“ขอโทษทำไมละ กอล์ฟไม่ได้ทำอะไรผิดนี่” ผมตอบกลับไปอย่างฝืนๆ

“วันนั้นเห็นบีรีบวิ่งออกไป กอล์ฟทำให้บีร้องไห้หรือปล่าว”

“ไม่ใช่หรอก คือ...คือ...เอ่อ..ฝุ่นมันเข้าตาน่ะก็เลยรีบวิ่งไปล้างตาที่ห้องน้ำ ไม่เกี่ยวกับกอล์ฟหรอก”

ผมรู้ดีว่ากอล์ฟไม่มีทางเชื่อเหตุผลตื้นๆที่ผมเพิ่งบอกออกไป แต่นี่ก็คงเป็นข้อแก้ตัวที่ดีที่สุดที่ผมจะนึกได้ในตอนนั้น

“เขาชื่อแก้ว เราอยู่ห้องเดียวกัน”

“อืม รู้แล้ว หน้าตาน่ารักดีนะเหมาะกับกอล์ฟออก”

ผมอดคิดไม่ได้ว่าตัวเองน่าจะซื้อน้ำส้มมากินแทนชานมเพื่อให้สมกับคำพูดระดับนางเอกที่เพิ่งบอกกอล์ฟไปเมื่อครู่

“ขอบใจนะ” กอล์ฟนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นมาว่า

“บียังชอบกอล์ฟอยู่หรือปล่าว ? ”

หลังจบประโยคนี้ ผมได้แต่นั่งอึ้งนึกไม่ออกว่าจะตอบว่าอะไร หรือไม่ผมก็บอกไม่ได้จริงๆว่าตอนนี้ผมยังชอบเขาอยู่หรือเปล่า พลางอดคิดไปไม่ได้ว่าเขาถามคำถามนี้ขึ้นมาทำไม หรือว่าเขาจะขอคบผมทั้ง ๆที่มีแก้วอยู่ เขาคงจะขอให้ผมเป็นกิ๊กของเขามั้ง แล้วถ้าเขาขออย่างนี้ขึ้นมาจริงๆ ผมจะตอบไปว่ายังไงดี

แต่ก่อนที่ผมจะคิดอะไรที่ฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้กอล์ฟก็ดึงผมกลับเข้ามาสู่โลกแห่งความจริงเสียก่อน

“บี.....กอล์ฟขอร้อง เลิกชอบกอล์ฟเถอะนะ”

ผมรู้สึกเหมือนมีฟ้าผ่าฟาดลงมากลางหัว จนทำให้ประโยคต่อมาของกอล์ฟดูอื้อๆอึงๆจนผมจับความได้บ้างไม่ได้บ้าง เป็นครั้งแรกที่เหมือนวิญญาณของผมจะหลุดออกจากร่าง

“กอล์ฟไม่อยากให้บีต้องร้องไห้เพราะกอล์ฟอีก เพราะยังไงเรื่องของเราก็คงเป็นไปไม่ได้ กอล์ฟไม่เคยคิดอะไรกับบีไปมากกว่าเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง ที่สำคัญกอล์ฟก็ไม่ได้เป็นเกย์”

ถ้านี่จะถือเป็นจุดจบของผมกับกอล์ฟ ผมก็คิดว่าประโยคสุดท้ายที่กอล์ฟเพิ่งพูดออกมา มันก็ถือเป็นจุดจบที่สมบูรณ์ที่สุด

“ไม่หรอกกอล์ฟ เราไม่ได้คิดจะมีอะไรกับกอล์ฟในแง่นั้นหรอก สบายใจเถอะ เราก็คิดกับกอล์ฟว่าเป็นแค่เพื่อนที่ดีเหมือนกัน”

ผมตอบออกไปอย่างไม่ยากเย็นนักซึ่งทำให้ผมรู้สึกแปลกใจตัวเองมาก

“ขอบใจนะ” กอล์ฟตอบกลับมาอย่างอ่อนโยน

“ทำไมต้องขอบใจด้วยเล่า บีไม่ได้ทำอะไรให้สักหน่อย”

ผมฝืนหัวเราะ

“โน่นแน่ะ แก้วเขามารอรับแล้ว เรากลับกันเถอะ นี่ก็เย็นมากแล้ว” ผมพูดขึ้นหลังจากเห็นแก้วเดินมายืนๆหลบๆ อยู่ที่อีกมุมหนึ่งของสวน

“งั้นก็...ไว้เจอกันนะ”

หลังพูดจบกอล์ฟก็เดินออกไปสมทบกับแก้วที่มายืนรออยู่ ผมยืนมองทั้งคู่เดินห่างออกไปอย่างไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงกันแน่ ความรู้สึกปลอดโปร่ง โล่งสบายที่เกิดขึ้นนี่คืออะไรกัน ทำไมผมถึงไม่รู้สึกโศกเศร้าเสียใจ หรืออยากร้องไห้ฟูมฟายอย่างที่ควรจะเป็น ทั้งที่บทสนทนาเมื่อครู่คือการกล่าวคำอำลาของผมและกอล์ฟอย่างเป็นทางการ

ผมเดินกลับไปที่ห้องเพื่อไปเอากระเป๋าแล้วเดินกลับลงมาเพื่อกลับบ้านซึ่งตอนนี้ดูเหมือนว่านักเรียนคนอื่นๆ จะกลับกันไปหมดแล้ว

ผมเดินก้มหน้าอย่างใช้ความคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อครู่ ในใจพยายามหาคำตอบว่าทำไมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ทำให้ผมรู้สึกโศกเศร้ามากนัก

ทำไมผมถึงรู้สึกโล่งอกที่ในที่สุดความสัมพันธ์อันอึมครึมของผมกับกอล์ฟได้จบลงอย่างเป็นทางการเสียที

อาจจะเป็นเพราะที่ผ่านมาความเป็นสุภาพบุรุษที่เขาปฏิบัติต่อผมทำให้ผมรู้สึกมีความหวังและแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาอาจจะมีใจให้ผมบ้าง แต่วันนี้เมื่อเขาพูดออกจากปากมาตรงๆ จึงทำให้สิ่งที่ผมเคยคาดหวังไว้ได้จบลงอย่างจริงๆจังๆเสียที

ผมก้มหน้าเดินช้าๆ อย่างใช้ความคิดจนเกือบถึงประตูทางออก ในตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกได้ว่ามีใครคนหนึ่งเดินมาขวางทางผมไว้.....ไม่ใช่ใครที่ไหน....ทีมนั่นเอง

“ขอคุยด้วยหน่อยสิ”

“คุยวันหลังเถอะ วันนี้อยากกลับบ้าน เย็นมากแล้ว”

ผมตอบไปอย่างเนือยๆ เพราะไม่มีอารมณ์จะคุยอะไรกับใครอีก

หลังผมพูดจบทีมมีสีหน้าโกรธจัดแล้วก็กระชากแขนผมอย่างรุนแรงดึงผมออกไปที่ม้านั่งบริเวณรั้วโรงเรียน เมื่อได้สติผมจึงพยายามสะบัดแขนจนหลุดจากมือเขาจนได้

“เป็นบ้าอะไรเนี้ย” ผมเริ่มตวาดใส่เขาอย่างหมดความอดทนกับพฤติกรรมป่าเถื่อนของเขา

“ใครกันแน่ที่บ้า ทำไมหา ทำไมเวลาทีมชวนไปไหนมาไหนมันถึงได้ยากเย็นแสนเข็ญนัก ทีไอ้กอล์ฟชวนยังไม่ทันจบประโยคก็ระริกระรี้ไปกับมันแล้ว”

“ระวังปากนายหน่อยนะ มันไปเกี่ยวอะไรกับกอล์ฟด้วย”

“ อ๋อ ว่านิดว่าหน่อยไม่ได้ ปกป้องกันดีนักนะ ทำไมมันกลับไปแล้วเหรอ พอเสร็จกิจกับเมียน้อย ก็พาเมียหลวงกลับบ้านเหรอ”

“นี่....พูดมาดีๆนะใครเป็นเมียหลวงเป็นเมียน้อย” ผมเริ่มโกรธจัด

“หรือว่าไม่จริง ขนาดมันมีแฟนอยู่แล้วก็ยังแอบมาอี๋อ๋อกับเมียเก่า ถ้าชอบแบบนี้ทำไมไม่บอกเล่า”

“ถ้าอยากคิดสกปรก ๆ อย่างนั้นก็คิดไปคนเดียวเถอะ เราจะกลับบ้านแล้ว”

ว่าแล้วผมก็หันหลังกลับแต่โดนทีมเข้ามากระชากแขนเอาไว้

“ทำไม ไอ้กอล์ฟมันดีกว่าทีมตรงไหน ไม่รู้เหรอว่าสาวๆทั้งโรงเรียนอยากเป็นแฟนทีมกันทั้งนั้น เอาไม๊ล่ะ เรามาเป็นแฟนกัน จะได้ไม่ต้องไปเป็นเมียน้อยไอ้กอล์ฟมันไงล่ะ”

ผมแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ความขุ่นมัวจากอารมณ์ที่สะสมมาตั้งแต่บทสนทนาระหว่างผมกับกอล์ฟ เมื่อมาโดนเชื้อไฟด้วยประโยคที่ไม่ให้เกียรติจากทีมทำให้ผมต้องระเบิดอารมณ์ออกมาใส่เขาอย่างไม่รู้ตัว

“นายนี่ท่าจะหลงตัวเองจนเพี้ยน ฟังให้ดีนะ ใช่ นายน่ะเป็นคนหน้าตาดี แต่ที่สาวๆทั้งโรงเรียนอยากเป็นแฟนนายก็เพราะเขายังไม่รู้น่ะสิว่านายเป็นคนยังไง อยากรู้ใช่มั้ยว่ากอล์ฟเขาดีกว่านายตรงไหน เราบอกให้ก็ได้ว่าเขาดีกว่านายทุกอย่าง เขาเป็นสุภาพบุรุษ มีจิตใจที่ดีงาม เข้าอกเข้าใจคนอื่น และแคร์ความรู้สึกของคนอื่นมากกว่าตัวเอง ที่สำคัญเขาไม่มีวันพูดจาไม่ให้เกียรติคนอื่นอย่างที่นายทำอยู่ ส่วนนายน่ะ ทั้งบ้า ทั้งป่าเถื่อน กักขฬะ สถุล ไร้สกุลรุนชาติและปากหมาอย่างร้ายกาจ จะให้เราไปเป็นแฟนเหรอ อย่าว่าแต่ชาตินี้เลย ชาติหน้าก็อย่างหวัง จำใส่กะลาหัวไว้เสียด้วย”

หลังพูดจบผมก็รีบเดินออกมาจากบริเวณนั้น ภาพสุดท้ายของทีมที่ผมเห็นคืออาการยืนนิ่งอย่างตกตะลึงกับสิ่งที่ผมเพิ่งพูดออกไป

ในขณะที่นั่งรถกลับบ้านผมมีอาการกระสับกระส่ายอย่างบอกไม่ถูก ที่จริงผมน่าจะดีใจที่ได้ระบายความรู้สึกทั้งหมดไปกับทีม แต่ผมกลับรู้สึกหดหู่ใจอย่างประหลาด ผมอดคิดไปไม่ได้ว่าผมพูดรุนแรงเกินไปหรือเปล่า

ในเวลานั้นความทรงจำในอดีตของผู้ชายคนนี้ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตผมก็ได้ค่อยๆ ฉายชัดเข้ามาในความรู้สึกเป็นระยะ ๆ

ก็เขาคนนี้ไม่ใช่เหรอ ที่เป็นคนแรกที่วิ่งตามผมมาในวันที่ผมมาแอบร้องไห้ที่ห้องน้ำหลังโรงเรียนแถมยังช่วยให้ผมได้ลืมความเจ็บปวดกับเรื่องของกอล์ฟไปได้เร็วขึ้น

ก็เขาคนนี้ไม่ใช่เหรอที่มักจะแอบมองผมในห้องเรียน และมีท่าทีห่วงใยผมตลอดเวลา

ก็เขาอีกนั่นแหละ ที่อุตส่าห์ชวนผมมาทานไอติม แต่ผมกลับทิ้งเขาไว้อย่างไม่สนใจไยดีแล้วเลือกที่จะเดินไปกับกอล์ฟแทน

แล้วก็เขาคนนี้ไม่ใช่เหรอที่เพิ่งเอ่ยปากขอให้ผมไปเป็นแฟนเขา ไม่ว่าเขาจะใช้คำพูดที่แย่แค่ไหนแต่นั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขากำลังขอความรักจากผม แต่ผมกลับตอบแทนเขาด้วยประโยคที่ทำร้ายจิตใจเขาอย่างที่สุด

จริง ๆแล้วเขาพูดถูก ว่าผู้หญิงทั้งโรงเรียนคงพร้อมจะแลกทุกอย่างเพียงเพื่อให้ได้มาเป็นแฟนกับเขา แต่ผมกลับปฏิเสธคำขอของเขาอย่างไม่สนใจใยดี

บางที.....ผมอาจจะเพิ่งทำสิ่งที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตไปแล้วก็ได้


-----------------------------------------

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-11-2006 00:48:13 โดย b|ue B[o]Y hUb »

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
เหอเหอ

เพิ่งรู้ว่าโยชอบเปงเมียน้อย กร๊ากกกกกกกกกกกก  :serius2:

อย่าทำพูห์นะ เค้ากัวแย้ว  :sad5:


ปล.

รีบมาต่อให้ว่องเลยนะบลูเรย์

ิบลูเรย์ บลูเรย์ บลูเรย์ .... รังสีน้ำเงิน ว้าววววว

น่ารักจัง

คริคริ  :impress2:

พูห์

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
บีนี่นิสัยเหมือนผู้หญิงแฮะ  แต่ก็เหอะ  ให้ไว   ต่อเลย ต่อเลย  หลับรออยู่   :sleep3:

หุหุ  โยเสน่ห์แรงงั้นเชียว  เอามาเล่าบ้างดิ  อยากรู้   :kikkik:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ยังไม่จบช่ายม้าย

เอามาลงด่วน  :impress:

ถ้าเป็นไปได้ก็ลงให้จบเลยได้ป่าว  :monkeysad:

Aki_Kaze

  • บุคคลทั่วไป
 :o อ่านนิยายข้าพเจ้าอยู่ด้วยหรอ จ๊ากกก :sad5:


ก้กะจะจบตอนปิดเทอมแต่ก้มะจบอยู่ดี 555+

แล้วผมจะรีบแต่งให้นะคร้าบบบบบบ  :myeye:


ขอบคุณที่อ่านนิยายผมมมมมมมมม กี๊สสสสสสสสสสส :yeb:


***อ่านรอบสองแน่ๆ มะต้องห่วงก๊ากกก บีน่าร๊าก คิดถึงภาค2แล้วเศร้า โอ้ววว***

ออฟไลน์ no-reply

  • เซียนเป็ด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-2
    • blog พันทิป
YO_OY  จริงป่าวครับ ลองอ่านต่อนะครับถ้าเจอตัวจริงของตัวละครบางตัวได้ผมจะดีจายมากๆ(พูดแล้วน้ำตาจะร่วง)
ผมจะกราบขอบคุณเลยครับ

หมูพูห์ อ่านกันจายเย็นๆนะครับ อิอิ เด่วเกิดศึกรักศึกเลือดนอกเรื่อง เอิ้กๆ

shell  เหอๆเรื่องยังอีกยาวครับ ค่อยๆเก็บความรู้สึกทุกตัวอักษรเลยนะครับ เรื่องนี้มีข้อสำคัญตรงที่ใครจำทุกรายละเอียดและบทสนทนาได้จะเข้าได้ถึงเรื่องอย่างแท้จริงครับ

มูมู่น้อย  ช่ายครับทั้งความคิดและความรู้สึกเหมือนอ่อนหวาน แต่ก็เข้มแข็งมากที่ยังยืนหยัดต่อไปได้(แล้วจะรู้ว่าทำไมนะครับ)

Aki_Kaze  เอาแบบให้ถึงอารมณ์เหมือนเรื่องนี้เลยนะครับ (หุหุ ทำได้ป่าวหวา)




*********************************************************************************

.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 6 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
-------------------------------------------------------

หลังจากเหตุการณ์เมื่อวานดูเหมือนกอล์ฟจะค่อยๆ หายไปจากชีวิตของผมอย่างสมบูรณ์ หากแต่ไม่ใช่ทางกายภาพเนื่องจากว่าเรายังได้พบกันบ่อยครั้ง

สิ่งที่หายไปคือความรู้สึกของผมที่มีต่อกอล์ฟในฐานะคนพิเศษที่หลังจากวันนั้นผมก็แทบไม่ได้คิดถึงเขาในแง่นั้นอีกเลย เขาได้กลายเป็นเพียงเพื่อนคนหนึ่งที่ผมยังคงมีความรู้สึกดีๆ ให้กันตลอดเวลาเท่านั้น

ในเวลาเดียวผมก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าทีมก็ค่อยๆ หายไปจากชีวิตของผมด้วย เขาไม่เคยมาคุยเล่นกับผมที่โต๊ะอีก ไม่ได้เดินไปทานข้าวด้วยกัน ไม่ได้ไปนั่งทำการบ้านด้วยกัน เอาเข้าจริงผมคิดว่าเขากำลังพยายามหลบหน้าผม

ผมคงจะยังรู้สึกดีเสียกว่าถ้าเขาจะกลับมาคอยกัด คอยแขวะผมเหมือนเมื่อก่อน แต่การที่เขาพยายามทำเหมือนผมไม่มีตัวตนอยู่เลยนั้นมันทำให้ผมรู้สึกแย่จริงๆ ซึ่งนั้นเป็นความรู้สึกที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับกอล์ฟ

ในขณะที่ผมทำใจกับเรื่องของกอล์ฟได้ แต่ผมกลับรู้สึกเศร้าใจและเจ็บปวดอยู่ลึกๆเมื่อเห็นทีมพยายามหลบหน้าผมอย่างนี้ ยิ่งช่วงระยะหลังๆ ผมได้ข่าวมาว่าเขาเริ่มไปจีบรุ่นพี่ ม. 2 ที่เป็นถึงหนึ่งในทีมดรัมเมเยอร์ของโรงเรียนก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดอย่างไม่มีคำอธิบาย

จนบางครั้งผมอดรู้สึกไม่ได้ว่า ผมอาจจะชอบทีมเข้าแล้ว แต่ความมีมานะทิฐิ และความหยิ่งทะนงตนทำให้ผมแสดงออกในทางตรงกันข้ามด้วยการแสร้งทำทีว่าไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่สักนิด

แม้หลายครั้งที่มีโอกาสผมอยากจะเข้าไปขอโทษที่พูดแรงๆ กับเขาไปเมื่อวันก่อนแต่ความหยิ่งที่กลายเป็นนิสัยที่แก้ไม่หายของผมก็ทำให้ผมล้มเลิกความคิดนั้นไปเสียทุกครั้ง

จนกระทั่ง....

“บี...บี...ไปกินไอติมกันเถอะ....เร็ว” เจ เกย์สาวร่างท้วมออกปากชวนผมด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุดขีด

“แค่ชวนไปกินไอติมทำไมต้องทำเสียงตื่นเต้นขนาดนี้ด้วย”

“อ้าว ก็ทีมเขาเป็นคนชวนเราไง จะไม่ให้ตื่นเต้นได้ยังไง”

ถึงตรงนี้ผมจึงต้องนิ่งอึ้งไปพักนึง พยายามหาเหตุผลถึงคำชวนที่ไม่ชอบมาพากลนี้

“ก็ถ้าเขาชวนแก แกก็ไปกินกับเขาสองคนสิ มาชวนเราด้วยทำไม” ผมถามอย่างหยั่งเชิง

“ก็เขาบอกให้มาชวนแกด้วยนี่” เจตอบออกมาอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์

หลังจากได้ฟังคำตอบนี้ผมก็ยิ้มออกมาอย่างผู้มีชัย เพราะคิดเข้าข้างตัวเองว่าที่จริงแล้วทีมก็คงอยากจะเจอ อยากจะพูดกับผมใจจะขาด แต่ก็คงเพราะทิฐิมานะเหมือนกันที่ทำให้เขาไม่กล้ามาชวนผมตรง ๆ จึงต้องใช้เจมาเป็นแม่สื่อ พลางอดตำหนิตัวเองไม่ได้ว่าทำไมผมถึงคิดถึงวิธีนี้ไม่ออกนะ

แต่เมื่อผมเดินไปถึงซุ้มไอติม ทุกอย่างที่ผมคิดไว้ดูเหมือนจะผิดคาด เพราะนอกจากผม เจ จอย ออย และเก๋ ที่ผมชวนมาด้วยแล้ว ทีม บาส และเพื่อนๆของเขาก็นั่งอยู่ที่นั่นด้วย

ที่สำคัญคือมีพี่ดาว ดรัมเมเยอร์สาวสวยของโรงเรียนที่มีข่าวว่าเพิ่งว่าทีมกำลังพยายามตามจีบอยู่ก็นั่งอยู่ที่นั่นด้วย

“บี มานั่งตรงนี้สิ ” ทีมเอ่ยปากชวนให้ผมไปนั่งติดกับเขาและพี่ดาวซึ่งมีที่เหลือไว้ 1 ที่อย่างจงใจ

ถึงแม้ผมจะพยายามปฏิเสธ แต่ก็ถูกทั้งผลักทั้งดันจากเพื่อนๆ ให้ไปนั่งจนได้เพราะดูเหมือนไม่มีใครอยากไปนั่งติดกับ 2 คนนั้น จากนั้นช่วงเวลาอันกระอักกระอ่วนของผมก็เริ่มต้นขึ้น

“ดาวจะทานรสอะไรดี เดี๋ยวทีมไปสั่งให้”

“ทีมกินรสอะไร ดาวก็กินรสนั้นแหละ”

ผมอดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อเห็นสีหน้าผะอืดผะอมของเพื่อนๆหลายคนทำนองว่าอยากจะอ้วกออกมาตรงนั้นหลังจากพี่ดาวพูดประโยคนั้นจบลง

แต่โชคร้ายที่พฤติกรรมหวานเลี่ยนเช่นนี้ไม่ได้จบลงเพียงแค่นั้นเมื่อทีมสั่งไอติมมาเพียงถ้วยเดียวแล้วก็ชวนพี่ดาวทานด้วยกัน ซึ่งพี่ดาวเองก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจกลับคว้าช้อนตักไอติมป้อนเข้าปากทีมอย่างหน้าตาเฉยจนกลุ่มเพื่อนๆ ของทีมอดส่งเสียงวี้ดวิ้วต่อพฤติกรรมนั้นไม่ได้

ในขณะที่กลุ่มเพื่อนของผมกลับเอาแต่นั่งเงียบด้วยท่าทางผะอืดผะอมอย่างที่สุดเพราะตลอดเวลานั้น ทั้งคู่ต่างพยายามฉอเลาะใส่กันอย่างน่าหมั่นไส้เสมือนพยายามจะแสดงให้เห็นว่าพวกเขารักกันแค่ไหน

จนในที่สุดเวลาแห่งความทุกข์ทรมานก็เสร็จสิ้นลงเมื่อ ผม เจ จอย ออย และเก๋ทานไอติมจนหมด (ซึ่งทำเวลาได้รวดเร็วกว่าปกติมาก) พวกเราก็เลยขอตัวลุกออกมาเสียก่อนโดยระหว่างทางที่พวกเราเดินกลับห้องแน่นอนว่าบทสนทนาที่พวกเราพูดกันก็หนีไม่พ้นเรื่องของพี่ดาว และ ทีม

“ทีมกินรสอะไร ดาวก็กินรสนั้นแหละ.....ตอแหลที่สุด”

เจแกล้งทำเสียงล้อเลียนพี่ดาวอย่างเหลืออดจนพวกเราก็อดยิ้มๆเชิงเห็นด้วยไม่ได้

“แล้วดูสิ ผู้ชายชวนกินไอติมถ้วยเดียวกัน จะปฏิเสธสักนิด เป็นไม่มี ถึงว่าสิกะเทยเดี๋ยวนี้ถึงได้พ่ายชะนีไปหมด”

เจยังไม่ยอมลดลาวาศอก

“ช่างเขาเถอะน่า ก็เขาเป็นแฟนกันจะกินไอติมถ้วยเดียวกัน มันก็ไม่เห็นแปลก” ผมพยายามปราม

“จ้า......แม่ เพชรา เชาวราษฎร์ แม่พิศวัย วิไลศักดิ์ แม่อำภา ภูษิต”

ทุกคนพากันหัวเราะครืนกับมุกที่เจพยายามกัดผมว่าเป็นนางเอกเสียเหลือเกิน

“ขอเป็น สุวนันท์ คงยิ่ง ไม่ได้เหรอ” ผมพยายามแกล้งแย้งอย่างขำ ๆ

“ถึงเป็นสุวนันท์ ก็ต้องมีร้ายบ้างล่ะ จะมาเป็นนางเอก 100 เปอร์เซนต์อะไรกันนักหนา พูดแล้วหมั่นไส้ วันนี้ขอสวมบทนังอิจฉากลับไปตบอีชะนีนี่สักทีเถอะ”

เจทำท่าเหมือนจะหมุนตัวกลับไปจนพวกเราต้องเข้าไปห้ามไว้อย่างเสียไม่ได้เพราะรู้ว่าเจก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปทำอย่างนั้นจริงๆ พลางอดขำกับพฤติกรรมนี้ของเจไม่ได้

“เลิกทำเป็นเล่นได้แล้ว รีบกลับบ้านไปจัดกระเป๋าดีกว่า ลืมไปแล้วเหรอว่าพรุ่งนี้ต้องไปเข้าค่ายลูกเสือกัน” ผมพยายามเตือนสติทุกคน

“เออ จริงสิ ลืมไปเล้ยย แหมงานสำคัญเสียด้วย 1 ปีมีครั้งเดียว โอกาสทองเลยนะเนี้ย”

ว่าแล้วเจก็ทำท่าเลียมุมปากจนทำให้พวกเราอดขำอย่างเข้าใจความคิดของเขาไม่ได้

จากนั้นทั้งจอย ออย และเก๋ก็เดินตามเจเข้าไปเก็บกระเป๋าเรียนในห้อง จนเหลือแต่ผมซึ่งยังยืนอยู่หน้าห้องอย่างใช้ความคิด

เมื่อได้อยู่คนเดียว สีหน้าที่แสร้งทำทีเป็นหัวเราะไปกับคนอื่นเมื่อครู่ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นสีหน้าที่กำลังโศกสลดอย่างที่สุด

ถ้าหากว่าการชวนผมไปกินไอติมในครั้งนี้ของทีมก็เพื่อต้องการจะแสดงให้เห็นว่า เขายังมีผู้หญิงดีๆ สวยๆ อีกมากมายที่พร้อมจะตามใจเขา และกินไอติมถ้วยเดียวกับเขาอย่างไม่รังเกียจ เขาก็ทำสำเร็จแล้ว และมันอาจจะเป็นความสำเร็จที่เกิดคาดด้วยซ้ำเพราะนอกจากจะทำให้ผมได้สำนึกแล้ว ยังทำให้ผมเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน

ในค่ำคืนนั้นระหว่างที่จัดกระเป๋า ผมก็กลับมานึกถึงเหตุการณ์เมื่อวันก่อนและเหตุการณ์ในตอนเย็นวันนี้อีกครั้ง พลางอดคิดไม่ได้ว่าที่ผมเคยด่าทีมว่าหลงตัวเองนั้น เอาเข้าจริงแล้วผมเองกระมังที่ควรจะโดนด่าด้วยคำๆนี้

เพราะสำหรับทีมซึ่งมีรูปร่างหน้าตาระดับนายแบบ เรียนห้องเก่ง แถมยังเป็นนักฟุตบอลดาวรุ่งของโรงเรียน จะผิดอะไรถ้าเขาจะหลงตัวเอง ในเมื่อเขาก็มีคุณสมบัติที่เพียบพร้อมออกขนาดนั้น

แต่ผมสิ ผมมีอะไร นอกจากความหลงตัวอย่างร้ายกาจ ผมก็ไม่เห็นว่าผมจะมีดีอะไรอีก

นึกถึงตรงนี้ผมก็อดเปรียบเทียบตัวเองกับพี่ดาวไม่ได้ว่าในขณะที่พี่ดาวซึ่งเป็นสาวสวยระดับดาวของโรงเรียนยังไม่เห็นจะอิดออดกับการได้กินไอติมถ้วยเดียวกันกับทีม แต่ผมกลับทำท่าทางรังเกียจแถมยังประกาศว่าจะไม่มีวันยอมกินไอติมถ้วยเดียวกันกับเขาเด็ดขาด

มานึกอีกที มันช่างเป็นพฤติกรรมของคนที่ไม่เคยชะโงกหัวดูเงาของตัวเองเลยแท้ๆ

ในที่สุดเรื่องของผมกับทีมคงจบกันเพียงแค่นี้ เพราะผมไม่มีวันจะสู้พี่ดาวที่เป็นสาวสวยเพอร์เฟกต์ขนาดนั้ได้

นอกจากนั้นผมยังได้ทำร้ายจิตใจของทีมอย่างแสนสาหัสด้วยคำพูดที่เขาคงไม่มีวันอภัยให้ ผมคงได้ปล่อยโอกาสดีๆในชีวิตให้ผ่านไปแล้วอย่างไม่มีวันจะเรียกคืน

น่าเสียดายที่เรื่องราวระหว่างผมกับทีมต้องจบลงทั้งๆ ที่มันยังไม่ได้เริ่มต้นขึ้นด้วยซ้ำ

ในขณะที่ผมกำลังอยู่ในความคิดตำหนิตัวเองอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ที่บ้านก็ดังขึ้นแต่เมื่อผมไปรับสายกลับไม่มีใครพูดด้วย เหมือนตั้งใจจะฟังเสียงของผมอยู่อย่างนั้นแล้วก็วางหูไปเฉย ๆ และมันก็เป็นเช่นนี้ไปอีก 3 – 4 ครั้งจนผมเริ่มหงุดหงิดว่าใครที่โทรศัพท์มาแกล้งกันดึก ๆ ดื่นๆ ขนาดนี้ จนเมื่อมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาอีกครั้ง ผมจึงตั้งใจว่าจะตะคอกถามและเค้นให้ได้ว่าเขาคือใครแต่พอดีกับที่มีเสียงจากอีกฝ่ายพูดมาเสียก่อน

“บีเหรอ นี่ป้าแต้วนะ คุณแม่อยู่หรือเปล่าลูก”

“เอ่อ อยู่ครับคุณป้า รอสายแป๊ปนึงนะครับ”

ผมตะโกนเรียกแม่ให้รับสาย แล้วก็กลับมายังที่นอนของตัวเองพลางอดสงสัยไม่ได้ว่าโทรศัพท์ 3 – 4 ครั้งแรกที่โทร. มาแต่ไม่ยอมพูดนั้นจะเป็นสายของป้าแต้วหรือเปล่า เป็นไปได้มั้ยที่จะเกิดความขัดข้องทางเทคนิคจนทำให้คุณป้าต้องกดมาใหม่อีก 3 – 4 ครั้ง

แต่ถ้าไม่ใช่ป้าแต้ว....แล้วจะเป็นใครกัน ?

---------------------------------------------


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2007 19:38:26 โดย b|ueBoYhUb »

abcd

  • บุคคลทั่วไป
 :try2: จาบอกว่าอ่านปายได้หน่อยนึงแระ  :myeye:  คิกคิก พึ่งเหงอ่ะ  มะว่ากานะคุณบลู โหวตให้แระนะ :seng2ped:   จาได้มีแรงใจโพสเรื่องให้เราอ่านต่อ

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
ถึงนี่ละ  ต่อเรย  เค้ารอเรย์อยู่เหมือนเดิม  :impress:    ว่าแต่ดาวนี่ก็กระแดะเล็ก ๆ อยู่นะ 

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
เหอๆๆๆๆ :kikkik:

กลายเปงทู้ยอดฮิตไปแล้น



ปล.


เค้ารออยู่นะเรย์

กลับมาต่อไวไว มาม่า ยำยำ  :3125:

พูห์


ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
 :o ยังอีกยาวเลยเหรอค่ะ แล้วเมื่อไหร่จะจบละนี่   :sad5:

อยากอ่าน  :serius2:  :serius2:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






gobgab

  • บุคคลทั่วไป
 :serius2:อยากอ่านๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :serius2: :serius2:

กำลังหนุกเลย......มาต่อเร็วๆนะคับ :yeb:

 :oถ้าไม่เช่นนั้น.......................... :o

 :impress:ผมจะไปอ้อนวอน....เว้าวอน......วิงวอน :impress:

(ทำได้แค่นี้แหละ).......... :laugh: :laugh: :laugh:


Aki_Kaze

  • บุคคลทั่วไป
โอ้ววอารมณ์คงไม่ถึงกะเรื่องนี้หรอกน่ะจิงับ งิงงง

ว่าแต่ลงทีละตอน ทรมานใจคนอ่านดีเนาะ หุหุหุหุ :kikkik:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
พึ่งอ่านจบอ่ะคุณบลู  :yeb: ชอบ เมื่อไหร่จะต่ออ่ะ  :serius2:

ออฟไลน์ no-reply

  • เซียนเป็ด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-2
    • blog พันทิป
(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว)  รออยู่เลย โทษตะแน๋วมาช้าละกันนะมูมู่   :pigscare2:
 YO_OY  ชีวิตเส้นทางแห่งความรักของทุกคนไม่ได้เหมือนกัน บางคนสวยงาม บางคนเต็มไปด้วยขวากหนาม  :monkeysad:

หมูพูห์ เอามาม่าละกันชอบ แต่เด่วนี้กินไม่ได้แล้วหง่ะ แพ้ผงชูรสไปแล้วเศร้า  :monkeysad:

shell  ยังไม่ถึงไหนเลยครับ ตอนนี้เศร้าเท่าไหร่ เตรียมคูณ 100 เข้าไปเลยครับ
  :impress3:
GobGab  อ่าจายอ่อนเลยเห็นแววตาดำๆเด็กน้อย เอิ้กๆ :impress:

Aki_Kaze  อืมพูดเป็นนัย ยังไม่ค่อยเก็ต แต่อืมดีแล้วหล่ะที่ไม่เข้าจาย น่าจะไม่ค่อยดีป่าวหวา  :untrust:

*****************************************************************************************************************
กุมภาพันธ์ ของปีเตอร์ คอป
[wma=300,50]http://f1.podcast.blog.webs-tv.net/upload2/new/e/e/a/eead8016b7c106b9153ec8acc1bbecfb.mp3[/wma]
*************************************************************

*****************************************************************************************
.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 7 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
-------------------------------------------------------

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นผมก็รีบตื่นแต่เช้าเพื่อเดินทางไปสมทบกับเพื่อนคนอื่นๆ ที่โรงเรียน การเข้าค่ายในครั้งนี้จะแยกกันระหว่างลูกเสือและเนตรนารีโดยพวกลูกเสือจะต้องไปเข้าค่ายที่โรงเรียนต่างอำเภอ ในขณะที่กลุ่มเนตรนาทีจะไปเข้าค่ายที่โรงเรียนสตรีแห่งหนึ่งในตัวเมือง

พวกเรามารวมหมู่กันที่บริเวณหน้าเสาธงซึ่งคงเป็นโชคดีที่ผมกับทีมได้อยู่กันคนละหมู่กัน อย่างน้อยผมก็คงพออาศัยเวลา 2 วัน 1 คืนนี้หลบหน้าทีมและไปทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้

อันที่จริงผมก็แอบคิดว่าต่อให้เราต้องอยู่หมู่เดียวกันก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะทีมก็คงไม่มาตอแยอะไรกับผมอีกในเมื่อเขามีพี่ดาวอยู่แล้วทั้งคน ในขณะที่ผมเองก็คงไม่มีหน้าไปพูดกับเขาอีกแล้ว

ถึงแม้ผมจะรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้อยู่คนละหมู่กับทีม แต่คงเป็นโชคร้ายที่คนที่กลับมาอยู่หมู่เดียวกับผมกลับเป็น “บาส”

“ว่าไงบี คืนนี้มีใครนอนเป็นเพื่อนหรือยัง”

บาสเริ่มบทสนทนาที่ส่อถึงเจตนาลามกอันเป็นนิสัยเสียที่แก้ไม่หายของเขาในขณะที่เรากำลังนั่งรถบัสไปที่ค่ายด้วยกัน

“มี ไม่มีแล้วยังไง” ผมพยายามตอบอย่างเก็บอาการแม้จะเหลืออดกับพฤติกรรมของนายคนนี้เต็มทน

“อ้าวก็ถ้าไม่มี เราจะได้ไปนอนเป็นเพื่อนไง เผื่ออยากได้เพื่อนแก้หนาว” ว่าแล้วเขาก็เอาไหล่เข้ามาชิดกับผมให้มากขึ้น

“.........” ผมได้แต่นิ่งเงียบไม่มีปฏิกิริยาอะไร สำหรับคนประเภทนี้ต่อให้โวยวายหรือตอบโต้อะไรที่รุนแรงกลับไปก็คงไม่ได้ผล และดูเหมือนผมจะเลือกวิธีที่ถูกต้องเพราะบาสเองก็สงบปากสงบคำลงในทันที

“มีอะไรกับไอ้ทีมมันหรือเปล่า”

คำถามที่บาสเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยทำให้ผมอดตกใจไม่ได้

“ปล่าวนี่ ทำไมเหรอ”

ผมพยายามเก็บอาการ และพยายามนึกให้ออกว่าเขากำลังจะมาไม้ไหน เขาซึ่งถือเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของทีมจะรู้เรื่องอะไรระหว่างผมกับทีมบ้าง ทีมจะเคยพูดหรือเล่าเรื่องราวระหว่างผมกับเขาให้บาสฟังบ้างมั้ย แต่เมื่อคิดอีกทีผมก็คิดว่าคงเป็นไม่ได้เพราะถ้าหากเขาพูดไปก็เท่ากับเปิดเผยให้คนอื่นรู้นะสิว่าเขาเป็น “เกย์” เขาคงไม่กล้าถึงขนาดนั้นหรอก และดูเหมือนสิ่งที่ผมคิดจะถูกต้อง

“ปล่าว ก็เห็นไม่ค่อยคุยกันเหมือนเคย แต่ก็อย่างว่าล่ะน๊า คนกำลังมีความรัก มันก็คงต้องเอาเวลาไปให้เมียมันหมด จะมามัวสนใจเพื่อนฝูงได้ไง ดีนะเนี้ยที่เขาแยกลูกเสือกับเนตรนาทีไปคนละที่ ไม่งั้นคืนนี้คุณน้องดาวต้องเสร็จไอ้ทีมแน่ เอ๊ะหรือว่าอาจจะเสร็จไปแล้วมั้ง”

ผมอดรู้สึกเจ็บแปลบกับคำพูดของบาสไม่ได้จึงเอาแต่นั่งนิ่งเงียบแล้วแกล้งทำเป็นหลับไปตลอดทางจนไปถึงที่พัก

หลังจากพวกเราใช้เวลาที่ครูฝึกมอบให้อย่างน้อยนิดในการจัดเก็บสัมภาระ พวกเราก็ต้องรีบวิ่งกลับมารวมหมู่กันอีกครั้งเพื่อเตรียมตัวสำหรับการเดินทางไกลด้วยเท้าและเข้าฐานต่างๆที่เตรียมไว้ซึ่งต้องใช้เวลาตลอดทั้งวัน

ในช่วงเวลาที่มีการเดินทางไกลและต้องเข้าฐานต่างๆ ที่มีตั้งแต่ระดับง่ายไปจนถึงขึ้นยากลำบากนั้น ผมอดรู้สึกไม่ได้ว่าบาสได้เข้ามาวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ ผมตลอดเวลา และเขามักจะเป็นคนที่ยื่นมือมาช่วยเหลือในเวลาที่ผมตกที่นั่งลำบาก หรือมีปัญหาทุกครั้ง

จนแม้กระทั่งครั้งนึงเขายังถึงกับเสนอขอช่วยถือสัมภาระที่หนักอึ้งของผมให้ทั้งๆ ที่เขาก็ต้องถือของเขาอยู่แล้ว 1 ใบ เมื่อเห็นว่าผมเริ่มจะไม่ไหวกับการแบกกระเป๋าใบนั้น

ความเป็นห่วงเป็นใยที่บาสมีให้ผมตลอดทั้งวันนั้นไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกขอบคุณหรือไว้ใจเขามากขึ้น ในทางตรงกันข้ามผมกลับรู้สึกว่า “คืนนี้ ผมคงต้องระวังตัวให้มากขึ้นเป็นพิเศษ” รวมทั้งอดคิดไม่ได้ว่าคงจะดีกว่ามากถ้าคนที่มาดูแลเอาใจใส่ผมในวันนี้จะเป็น “กอล์ฟ” หรือ “ทีม” แทนที่จะเป็น “บาส”

ในช่วงเย็นหลังจากที่พวกเราหุงหาอาหารทานกันด้วยตัวเองจนเสร็จสิ้นแล้ว ก็ได้เวลาของกิจกรรมรอบกองไฟซึ่งสำหรับผมถือเป็นกิจกรรมที่น่าเบื่อและไม่มีอะไรพิเศษนอกจากการแสดงที่แต่ละกลุ่มละกองงัดกันออกมาโชว์ซึ่งบางครั้งทำให้ผมอดรู้สึกง่วงไม่ได้ จนเมื่อถึงเวลาจบจากกิจกรรมรอบกองไฟผมจึงเป็นคนแรกๆที่รีบลุกออกมาจากที่นั้นแล้วกลับไปยังห้องนอน

ห้องเรียนของนักเรียนได้ถูกแปลสภาพเป็นห้องนอนชั่วคราวให้กับพวกเรา ผมจึงต้องนอนบนพื้นห้องที่อย่างน้อยก็มีเสื่อปูลาดเป็นทางยาวไว้ให้ ผมพยายามจับจองที่นอนที่มั่นใจว่าได้ถูกประกบด้วยเพื่อนที่ไว้วางใจได้ 2 – 3 คนและพยายามดูว่าที่นอนของตัวเองนั้นได้อยู่ห่างจากที่นอนของบาสในระยะพอสมควรแต่เพื่อให้มั่นใจสุดๆ ผมจึงแสร้งทำทีเป็นอ่านหนังสือเพื่อรอให้เห็นก่อนว่าบาสได้นอนลงในที่นอนของตัวเองอย่างเรียบร้อยแล้ว

ผมนั่งคอยว่าเมื่อไหร่บาสจะกลับมานอนจนกระทั่งมีเพื่อนขอปิดไฟในห้อง ผมก็ยังไม่เห็นวี่แววของนายคนนี้จนใจหนึ่งก็อดคิดไม่ได้ว่า หรือว่าเขาจะหาคนอื่นเป็นเหยื่อได้แล้ว ผมจึงตัดสินใจล้มตัวลงนอนแต่ในวินาทีนั้นเองที่ผมได้ยินเสียงของบาสที่กำลังเดินคุยกับใครคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องซึ่งนั่นทำให้ผมต้องลุกขึ้นนั่งทันทีเพราะเสียงที่กำลังคุยเข้ามาในห้องกับบาสนั้นเป็นเสียงที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี

“เฮ้ยพวกเรา คืนนี้ไอ้ทีมมันขอมานอนที่นี่ด้วยว่ะ”

บาสพูดดังจนทั่วทั้งห้องได้ยินแต่ดูเหมือนขณะที่พูดเขาจะตั้งใจหันมามองทางผมเป็นพิเศษ แต่ในขณะเดียวกันผมกลับสังเกตว่าทีมกลับหันไปมองทางอื่นโดยไม่หันมามองผมแม้แต่หางตา

ดังนั้นผมจึงล้มตัวลงนอนอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นักแม้ในใจจะอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมทีมต้องย้ายมานอนที่ห้องนี้ด้วย

เช้าวันต่อมาผมค่อยๆลุกขึ้นอย่างงัวเงียเนื่องจากความเหน็ดเหนื่อยจากกิจกรรมเดินทางไกลเมื่อวานทำให้ผมหลับสนิทตลอดทั้งคืน แต่เมื่อผมค่อยๆลุกขึ้นก็ต้องประหลาดใจอย่างที่สุดเมื่อเห็นทีมกำลังนอนหลับอุตุอยู่ที่ปลายเท้าผม

จะเป็นความตกใจ ความสงสัย หรืออะไรก็แล้วแต่ทำให้ผมรีบลุกขึ้นแล้วเดินข้ามร่างของทีมที่นอนหลับสนิทอยู่ออกมานอกห้องอย่างกระวนกระวาย

แต่ก่อนที่ผมจะคิดอะไรไปมากกว่านั้นก็พอดีมีเสียงประกาศเรียกให้ทุกคนลงไปรวมตัวกันที่สนามหน้าเสาธงในอีก 10 นาทีเพื่อออกกำลังกายยามเช้า ผมจึงรีบกลับเข้าไปในห้องอีกครั้งเพื่อไปหยิบแปรงสีฟัน และก็พบว่าทีมได้ตื่นเรียบร้อยแล้ว

ผมเดินเข้าไปหยิบแปรงสีฟันและยาสีฟันในห้องออกมาโดยพยายามไม่หันไปมองเขาแล้วรีบออกมาจากห้องนั้นให้เร็วที่สุด

ตลอดเช้าวันนั้นสติของผมกระเจิดกระเจิงไม่มีชิ้นดีเมื่อพยายามคิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าทำไมทีมถึงต้องมานอนที่ปลายเท้าผมทั้งๆที่ภายในห้องยังมีที่อีกเหลือเฟือที่เขาจะไปนอนตรงไหนก็ได้ รวมทั้งอดแปลกใจอีกไม่ได้เมื่อเห็นทีมมาทานข้าวเช้า และ ร่วมกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ด้วยการเก็บขยะกับหมู่ของผมทั้ง ๆที่หมู่ของเขาต้องไปรับผิดชอบอีกสถานที่หนึ่งซึ่งคงเป็นโชคดีที่อาจารย์ไม่ได้เข้มงวดกับกิจกรรมในวันนี้นัก

ตลอดเวลาที่ทีมมาร่วมกิจกรรมกับหมู่ของผมไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมใด เขาก็ยังแสดงอาการเหมือนเดิมคือไม่มีท่าทีสนอกสนใจผมแต่อย่างใด เขาพยายามทำเหมือนว่าผมไม่มีตัวตนอยู่ในโลกนี้ซึ่งนั่นทำให้ผมต้องทนดูพฤติกรรมนี้อย่างเจ็บปวด

ความรู้สึกไม่สบายเพราะตากน้ำค้างมาเมื่อคืนแถมยังต้องมาเก็บขยะอยู่กลางแดดเปลี้ยงอย่างนี้ทำให้ผมเริ่มรู้สึกเหมือนจะเป็นไข้ รวมทั้งมีอาการคลื่นเหียนเหมือนอยากจะอ้วกออกมาจนเพื่อนที่อยู่ใกล้กันต้องถามขึ้นมาด้วยความห่วงใย

“บี เป็นอะไรหรือเปล่า หน้าซีดเชียว”

“ไม่รู้สิ เหมือนอยากจะอ้วกน่ะ ขอตัวเดี๋ยวนะ”

พูดจบผมก็รีบปลีกตัวออกมาจากกลุ่มเพื่อนๆ แล้วเดินไปยังสวนป่าที่มีร่มไม้หนาทึบด้านหลังโรงเรียนแล้วค่อย ๆ นั่งลงบนม้านั่งในสวนอย่างอ่อนแรง

“ อะไรเนี้ย แค่คืนเดียวก็ท้องแล้ว ก็อยากสำส่อนไปนอนกับใครพร่ำเพรื่อก็อย่างเงี้ย ใครเป็นพ่อเด็กล่ะ ไอ้ตั้ม ไอ้ปอ หรือว่าติดมาตั้งแต่ไอ้กอล์ฟ ผัวเก่า ”

ประโยคถากถางของทีมที่ตามผมมาทำให้ผมต้องลุกขึ้นและยืนมองเขากลับไปอย่างไม่สามารถจะตอบโต้อะไรได้

ผมยอมรับว่าในเวลานั้นผมไม่ได้รู้สึกโกรธต่อสิ่งที่เขาเพิ่งพูดออกมา ความรู้สึกผิดในสิ่งที่ผมเคยทำลงไปทำให้ผมได้แค่รู้สึกน้อยใจ และเสียใจที่ผู้ชายคนนี้ได้ทำร้ายจิตใจของผมไม่หยุดหย่อน ไหนจะคำพูดเสียดสีว่าผมเป็นคนสำส่อน ไหนจะท่าทีห่างเหินเหมือนเป็นคนไม่รู้จัก ไหนจะเรื่องของเขากับสาวสวยอย่างพี่ดาว

ความอัดอั้นตันใจที่ผมอยากจะระบาย อยากจะสารภาพว่าผมเสียใจแค่ไหนกับเรื่องที่เกิดขึ้น บวกกับความน้อยใจและเสียใจในสิ่งที่เขาทำกับผมมาตลอดนั้นทำให้น้ำตาอุ่นๆ ของผมเริ่มไหลลงมาอาบแก้มอย่างไม่สามารถจะห้ามได้

ในนาทีนั้นเองที่ทีมทำสิ่งที่ผมไม่คาดคิดเมื่อเขาก้าวเข้ามาแล้วกระชากตัวผมเข้าไปสวมกอดไว้

ด้วยความสูงของเขา ทำให้ศีรษะของผมไปอยู่ได้แค่ระดับอกของเขาเท่านั้น ในตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกเหมือนร่างทั้งร่างกำลังถูกพันธนาการไว้ด้วยสองแขนที่แข็งแกร่งของผู้ชายคนนี้และดูเหมือนว่ามันกำลังรัดรึงผมแน่นขึ้นและแน่นขึ้น จนผมรู้สึกได้ถึงเสียงลมหายใจที่หนักหน่วงของเขาพร้อมๆกับความอบอุ่นที่บรรยายไม่ถูกซึ่งกำลังแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูในร่างกายของผม

นานเท่านานที่ผมภาวนาขอให้ได้อยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างนี้โดยจะไม่ร้องขออะไรอีก จนกระทั่งผมได้สัมผัสถึงหยดน้ำตาของทีมที่เริ่มไหลลงมาพร้อมกับคำพูดที่ผมไม่มีวันลืมเลยชั่วชีวิตนี้

“ทีมทำอะไรผิด ทำไมบีถึงต้องทรมานทีมแบบนี้......จะให้ทีมต้องเจ็บปวดอีกแค่ไหน บีถึงจะพอใจ..... บอกทีมมาสิ ..บอกมา......จะให้ทีมทำยังไงกับบีดี….”

------------------------------------------------

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-11-2006 00:38:29 โดย b|ue B[o]Y hUb »

abcd

  • บุคคลทั่วไป
จ๊ากกกกกกก...คุณบลูอยู่ดีๆก็หยุดโพส   :pigangry2:  คนกะลังอิน   :serius2:  มาต่อเรยด่วนๆๆๆๆๆๆ เวลายิ่งมีน้อยๆอยู่ ฮึ่ม

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
ผมลืมไป ขอโทษด้วยนะ
ถ้าโยจะไปถามเพื่อนเก่า ผมว่าไม่ดีนะ
เพราะว่าอยากให้เคารพสิทธิส่วนตัวของผู้แต่งด้วยอ่ะครับ
ผมไม่รู้ว่าเขาอยากให้เรื่องราวรู้ไปถึงคนรู้จักหรือปล่าว

กลัวจะมีการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล อาจไม่ได้อ่านต่อนะครับ
ผมแค่อยากรู้ แอบมองเฉยๆก็ยังดี กระซิกๆ  :impress3:.
 ไม่อยากให้มีการพูดต่อนะครับ

ปล.คลื่นเหียนอาเจียนแบบนี้ป่าวครับ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
 :o ยังไม่ถึงไหน  :o แถมเศร้าคูณ 100  :o

เอามาลงเร็ว ๆ น้า  :impress:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรั&#
«ตอบ #27 เมื่อ03-11-2006 10:42:19 »

เหอๆๆๆ

อยู่ใกล้ๆ  จะลากบลูมาโป้ดต่อให้จบ  :3125:


ใจร้ายๆ มั้กม้าก







ปล.


บลูคับ สงสัยโยเขากะลังคิดว่า อาการที่บีเป็น จะเป้นเหมือนเขาหรือเปล่า  :confuse:


แบบว่า .... :laugh:


ไม่อาววว ไม่พูด     :try2:


กัว โดนโย..... :serius2:


พูห์ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-11-2006 11:03:26 โดย หมูพูห์ »

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
อารายที่รัก อาราย  :pigangry2:

คลื่นเหียนอาเจียน แล้วเบลอหรือจ๊ะ   :laugh3:

เค้าไปแก้แล้ว ตัวเองอย่าลืมแก้ละ








ปล.


แก้ไขข้อความนะครับ ท่านผู้อ่าน


ห้ามคิดเป็นอย่างอื่นเด็ดขาด  :kikkik:


ฮากริ๊กกริ๊ก


พูห์


Aki_Kaze

  • บุคคลทั่วไป

Aki_Kaze  อืมพูดเป็นนัย ยังไม่ค่อยเก็ต แต่อืมดีแล้วหล่ะที่ไม่เข้าจาย น่าจะไม่ค่อยดีป่าวหวา  :untrust:


อืมมม เกตก้ได้ 55555555+
แต่ตอนนี้เขียนมะออก เคจังกำลังโผล่พ้นน้ำ แต่ต้องจมไปอีกแล้ว งิงง



***ทีมน่าร๊ากจางงงงงง***

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด