ตอนที่ 6ชนนน ‘เงียบ...เงียบ...และมีแต่ความเงียบ แต่ภายในใจกลับร้องตะโกนด้วยความอึดอัด’
ผมชำเลืองมองคนข้างกายแล้วก็ให้นึกหงุดหงิด กับท่วงท่าสบายๆ ด้วยแผ่นหลังพิงเบาะรถ กอดอกไว้เพียงหลวมๆ ส่วนสายตาก็มองวิวข้างทาง ไม่มีท่าทางอนาทรร้อนใจสักนิด ทั้งๆที่เบสน่าจะพูดให้ผมเข้าใจบ้างว่าเกิดอะไรขึ้นในสนามบาส ก่อนหน้าที่เค้าจะโดนน้องฝ้ายขโมยหอมแก้ม และผมไปเห็นเข้าพอดี ขนาดว่าผมกดดันด้วยการมองบ่อยครั้ง มีส่งเสียงฮึดฮัดเรียกร้องความสนใจด้วยก็ตาม แต่ผลก็เหมือนเดิม คือ...เงียบ
จนกระทั่งรถมาจอดสนิทหน้าประตู ที่มีดอกพวงชมพูห้อยระย้าระไปตามขอบรั้วไม้ระแนง และสวนภายในก็ร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย เจ้าของบ้านขยับตัวขลุกขลักเอื้อมหยิบสัมภาระด้านหลัง โดยมีผมมองตามทุกการกระทำแบบไร้เสียง ในใจก็พลอยส่งกระแสจิตเรียกคนข้างๆให้หันมาสนใจกันไปด้วย
สุดท้ายดวงตาคู่คมของคนที่ผมเฝ้ารอ ผู้ที่กำลังเปิดประตูเตรียมลงรถนั้น อยู่ๆก็ตวัดกลับมามองกัน แต่ด้วยความน้อยใจที่ถูกละเลยมาตลอดทาง ผมจึงเล่นตัวด้วยการเบือนหน้าหลบ หันมองตรงไปยังหน้ารถแทน แต่ใจนี่ได้แต่ภาวนาว่าอย่างไรซะ ขอคำง้อหวานๆพร้อมคำขอบคุณบ้างก็ยังดี ไม่งั้นวันนี้ผมไม่ยอมจริงๆด้วย
แต่แล้วความหวังผมก็พังทลาย เพราะนอกจากจะไม่ได้รับคำขอบคุณอย่างใจหวัง ผมกลับได้รับการประชดประชันด้วยเสียงเข้มๆแทน ‘น่าน้อยใจชะมัด ทีกับหญิงล่ะพูดเสียงนุ่ม เหอะ!’
“จะนั่งบื้ออีกนานมั้ย” ผมสะบัดหน้ากลับมามองคนตัวขาวโอโม่ด้วยสายตาตัดพ้อ ใจจริงอยากจะกัดปากแสร้งบีบน้ำตาส่งให้ด้วยซ้ำ กลัวก็แต่จะโดนเบสด่ามากกว่าจะเห็นใจกัน
“หึ! ทำอะไรไม่ดูตัวเอง ถ้าไม่อยากลง ก็นั่งบื้อต่อไปอย่างนี้แหละ” เจ้าของประโยคพูดจบก็เปิดประตูรถลงไปทันที
ไอ้ผมเองนั่งบื้อประมวลผลคำพูดเมื่อครู่นิด ก็ให้ยิ้มแฉ่งและรีบบิดกุญแจดับเครื่องยนต์ ก่อนรีบลงรถก้าวตามเบสเข้าบ้านอย่างไว จนมาทันเจ้าตัวเค้าก่อนเปิดประตูบ้าน แถวสวนดอกคุณนายตื่นสายสารพัดสีที่แข่งกันบานต้อนรับการมาเยือน
“เบส นนช่วยถือนะ” จัดไปครับทั้งเสียงนุ่มๆ พร้อมบริการถือของ และยิ้มหวานๆ เพื่อเอาใจว่าที่แฟนหนุ่มสุดหล่อ
ช่วยพยายามทำลืมๆไปนะครับ ที่เมื่อครู่ผมมีอาการน้อยอกน้อยใจน่ะ แต่ดูท่าการกระทำของผมจะไม่ค่อยประทับใจคนรับซะเท่าไหร่ เพราะว่าที่แฟนผมส่ายหน้าใส่อย่างระอา มีเบะปากและขมวดคิ้วน้อยๆใส่ให้ด้วยแน่ะ แถมไม่ยอมให้ผมโชว์แมนช่วยถือของอีก ก่อนเบสจะเปิดประตูเดินนำเข้าบ้านไป แต่มีรึผมจะเล่นตัวทำงอน ก็ผมได้มากกว่าที่หวังไว้ตั้งเยอะแล้วนี่ครับ
“หวัดดีครับแม่” คนอะไรทั้งดูดีทั้งมีสัมมาคารวะ นอบน้อมเคารพบุพการีเป็นที่สุด ‘ปลื้มครับปลื้ม’
ผมรีบทำตามอย่างลูกชายเจ้าของบ้าน เพื่อไหว้ว่าที่แม่ยายโดยพลัน แต่แล้วผมก็ต้องเหวอ เพราะระหว่างที่ผมยกมือไหว้ก้มหัวอย่างนอบน้อมต่อว่าที่แม่ยายนั้น เหมือนมีสายลมเย็นวูบใหญ่ผ่านหน้าไปแบบไม่ทันตั้งตัว พอผมเงยหน้ามาอีกที ดันเห็นแค่ชายกระโปรงสะบัดไหวขึ้นไปตามขั้นบันไดซะแล้ว ‘คุณแม่ยายเล่นเอาว่าที่ลูกเขยงงไปเลยครับ’
“ฮึๆ ไม่ต้องแปลกใจ แม่กำลังอิน อยู่ในโลกนิยายของท่าน ฮ่าๆ” ผมเลิกแปลกใจไปแล้วเหอะ เพียงแค่หันมาเห็นหนุ่มตัวขาวในชุดบาสหัวเราะปากกว้างดวงตายิบหยีเข้า ออร่าความหล่อใสกระแทกตาไอ้นนเต็มๆ
‘จะดีแค่ไหนน้า ถ้าจะได้จูจุ๊บปากแดงๆที่กำลังเปิดกว้างคู่นั้น’ แต่ผมต้องหลุดออกจากภวังค์หวาน เมื่อโดนเจ้าของความหล่อใสที่ทำผมเพ้อ ปาผ้าขนหนูใส่หน้าซะเต็มแรง
“พรึ่บ!...จิ๊! อาบน้ำแป๊บ” เสียงจิ๊ปากตามมาด้วยเสียงกระชากใส่อย่างขัดใจ
ผมไม่มีแม้แต่โอกาสได้เห็นหน้าเจ้าของเสียงเหล่านั้นหรอก ว่าจะทำหน้าบูดบึ้งน่ามองขนาดไหน เพราะผมมัวแต่สูดกลิ่นเหงื่ออ่อนๆจากผ้าขนหนูผืนหอมที่อยู่บนหน้า ก่อนมันจะค่อยๆเลื่อนหลุดตามแรงโน้มถ่วงของโลกอย่างช้าๆ ไอ้ผมเองกลับยืนยิ้มค้างตาลอยอยู่ที่เดิม
‘ไอ้นน มึงเป็นเอามากว่ะ กลิ่นเหงื่อเค้า มึงก็ยังว่าหอม’ ผมเดินตัวลอยและยิ้มเป็นคนบ้า ตรงมานั่งยังโซฟาหน้าทีวี ก่อนเอนหลังถ่ายน้ำหนักไปกับพนักอย่างหมดแรง และก้มมองผ้าขนหนูชื้นๆในมืออย่างเพ้อๆ ส่วนในหัวก็มีภาพใบหน้าของเบสที่กำลังหัวเราะเสียงใสลอยไปลอยมาเต็มหัวไปหมด
“ขโมยกลับบ้านดีป่ะวะ” ผมว่าผมพึมพำกับตัวเองในใจแล้วนะเนี่ย แต่ดันหลุดความในใจให้พวกคุณรู้ได้ไง ฮึๆ
‘นอกจากจะโรคจิตแล้ว กูยังคิดจะเป็นขโมยอีกรึเนี่ย ชักเพี้ยนใหญ่แล้วสิ’ ผมพับผ้าขนหนูในมืออย่างประณีต ก่อนตัดใจวางมันลงบนโต๊ะตัวเล็กข้างโซฟา แต่อดใจไม่ได้จริงๆที่จะยกมันขึ้นมาสูดกลิ่นหอมอ่อนๆอีกครั้ง ‘เอาซะเต็มปอดเลย บรื้อออ!’ ก่อนผมจะรีบวางมันลงที่เดิม เพราะหากเจ้าของบ้านทั้งคู่มาเห็นเข้าล่ะก็ ผมคงโดนตะเพิดออกจากบ้านแทบไม่ทัน
ผมพยายามหันเหความสนใจตัวเองไปยังข้าวของรอบตัวแทน และตู้หนังสือข้างบานหน้าต่างที่อัดแน่นไปด้วยหนังสือนั้น ก็ดูเหมือนจะเรียกร้องความสนใจผมให้เดินเข้าหาได้ ซึ่งพอสังเกตก็พบว่านอกจากนามปากกานักเขียนดังๆที่ปรากฏบนสันหนังสือแล้ว ยังมีชื่อ ‘พวงชมพู’ ปรากฏบนสันหนังสือทั้งแถบ บนชั้นที่ผมกำลังไล้ปลายนิ้วผ่านซะด้วย
ไอ้ผมก็ไม่ใช่นักอ่านนิยายตัวยง แต่ก็พอคุ้นเคยกับนามปากกานี้อยู่บ้าง ด้วยมีคุณแม่ที่บ้านิยายและเป็นแฟนคลับของนักเขียนท่านนี้ สงสัยว่าที่แม่ยายผมจะชื่นชอบนักเขียนคนนี้เป็นพิเศษ และคงหมกมุ่นในการอ่านนิยายไม่น้อย มิน่าเมื่อตอนผมมาถึง ท่านจึงไม่มีแก่ใจจะรับไหว้ผม สงสัยจะรีบกลับขึ้นไปอ่านนิยายที่ค้างคาไว้
ผมสำรวจจนทั่วบริเวณบ้านชั้นหนึ่ง ก็ให้รู้ได้โดยที่ไม่ต้องมีใครบอก ว่าบ้านหลังนี้อยู่กันลำพังแม่ลูกเท่านั้น เพราะไม่ว่าผมจะสอดส่ายหาวัตถุหรือรูปภาพ ที่บ่งบอกถึงการมีตัวตนของคนเป็นพ่อนั้นก็ไม่พบสักชิ้น ทำให้สำนึกตัวขึ้นมาทันทีว่า ผมนั้นไม่รู้เรื่องส่วนตัวของเบสเลยสักอย่าง ทำให้ตั้งใจไว้ว่าต่อจากนี้ คงต้องหาข้อมูลส่วนตัวของคนที่ผมสนใจบ้างแล้ว อย่างน้อยผมจะได้มีเรื่องชวนเค้าคุย ในแบบที่ไม่ต้องใช้วิธียั่วให้เค้าโมโห เพราะขืนยั่วให้เบสโมโหบ่อยๆ ผมคงโดนเกลียดมากกว่าที่จะได้คนรูปหล่อมาเป็นแฟน แถมตอนนี้ยังมีน้องนางแสนสวยเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวด้วยสิ
“ทำไร...ฮึๆ” เสียงของคนที่ผมกำลังคิดถึงดังขึ้นข้างตัว เล่นเอาผมสะดุ้งเฮือก
ผมมีสีหน้าแบบไหนไม่รู้ แต่ที่รู้คงถูกใจเค้าล่ะ เพราะเบสหัวเราะเยาะใส่หน้าผมไม่มีเก๊ก จนใบหน้าขาวของคนที่เพิ่งผ่านการอาบน้ำมา ยิ่งกระจ่างใสชวนตะลึง บวกกลิ่นกายหอมๆยวนจมูกเข้าไปอีก ทำเอาไอ้นนไปไม่เป็น ได้แต่ยืนจ้องคนรูปหล่อน้ำลายสอขึ้นมาเลย
เบสเองก็เหมือนจะรู้ตัวว่ากำลังปล่อยฟีโรโมน ใส่ไอ้คมเข้มตรงหน้าอย่างผมให้ได้พร่ำเพ้อไม่เป็นตัวของตัวเองเข้าแล้ว เพราะรอยยิ้มสว่างค่อยๆหุบลง เหลือเพียงดวงตาคมเข้มที่ถลึงจ้องดุใส่กัน แต่ใครจะกลัว ในเมื่อผมโดนมาหลายครั้งจนชาชินแล้วเหอะ
สุดท้ายหนุ่มตัวหอมก็ได้แต่ฮึดฮัดเข่นเขี้ยวใส่ ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป คุณคิดว่าผมจะทำไงต่อ ก็เดินตามสิครับ ได้อยู่สองต่อสองกับเบสทั้งที ต้องเก็บเกี่ยวให้คุ้ม
แต่แล้วผมที่กำลังเดินกระหยิ่มยิ้มย่อง ตามมายังทิศทางที่เห็นเบสหายเข้าไปนั้น ก็ต้องตะลึงลานกับภาพตรงหน้า เมื่อเจอเข้ากับหนุ่มหล่อในชุดผ้ากันเปื้อนสีชมพูวิ้งๆ เบสที่กำลังผูกสายคาดเอวอยู่นั้นมีอันชะงัก เค้าก้มมองตัวเองนิดหน่อย ก่อนจะตาโตและเงยหน้าขึ้นจ้องตาผมด้วยความตกใจ พร้อมใบหน้าขาวที่ค่อยๆขึ้นสีระเรื่อ จากพวงแก้มลามไปทั่วติ่งหูและลำคอ
แต่เจ้าตัวเค้าก็เก่งนะครับ ที่กลับมาเก๊กหน้านิ่งทั้งๆที่หน้าแดงเถือก และต่อตากับสายตาล้อเลียนของผมได้ ผมพอประเมินออกหรอกน่า ว่าผ้ากันเปื้อนตัวนั้น ต้องเป็นของคุณแม่เจ้าตัวแน่ๆ แต่มันอดปากแซวไม่ได้จริงๆ
“เบสเหมาะกับสีชมพูเนอะ ถ้าคนในทีมบาสรู้เข้าล่ะก็...ฮึๆ...เหวอ! เบสอ่ะ เกือบโดนหัวนนเลย” ผมใจหายวาบกับตะหวิวที่ลอยเฉียดหัวผมไปนิดเดียว ดีนะที่ระวังตัวอยู่ก่อนแล้ว และรับมันไว้ได้ทัน
ผมจะงอนดีมั้ยเนี่ย แต่คิดไปคิดมาว่าตัวเองไม่สมควรงอนเด็ดขาด ขืนงอนคงอดกินข้าวเย็นกับเบสอย่างแน่นอน นี่ดีเท่าไหร่แล้วที่เจ้าตัวชวนผมกินข้าวด้วย ทั้งๆที่ไม่มีคำชวนให้ได้ยินก็เถอะ แต่ใครจะหาว่าผมตีมึนเข้าข้างตัวเองก็ได้นะ ในเมื่อคุณก็เห็นอย่างที่ผมเห็น ว่าเบสเข้าครัวเตรียมทำอาหารให้ผมชัดๆ
“พูดมาก!!...ขืนพูดเพ้อเจ้ออีก ก็กลับไปเลยไป” คนหล่อมีงอนครับ กล้าไล่ว่าที่แฟนด้วยแหะ ฮึๆ
“ไม่พูดแล้วคร้าบ...เบสมีอะไรให้นนช่วยมั้ย” ผมกุลีกุจอเข้าไปยืนข้างเบสที่เดินไปเปิดตู้เย็น แอบยื่นหน้าไปสูดกลิ่นแป้งหอมๆ ก่อนหลบฉากออกมายืนชิดแผ่นหลังกว้างอย่างเนียนๆ เพื่อรอรับพวกของสดที่ถูกยื่นมาให้อีกทอด
หลังจากนั้นผมก็เก็บหมาในปากเอาไว้อย่างดี ด้วยอยากเก็บรายละเอียดของพ่อครัวรูปหล่อ ระหว่างที่เค้าเป็นพ่อศรีเรือนหยิบจับนู่นนี่นั่นอย่างคล่องแคล่ว พาให้ผมยิ่งปลื้มกับคนหล่อครบสูตร โดยมีผมเป็นลูกมือช่วยหยิบจับตามคำสั่งนิดหน่อย
มีบ้างที่ผมเงอะงะทำอะไรไม่ถูก เบสก็จะหันมาตวัดสายตาใส่ ก่อนถอนใจยาวเหยียด แต่เค้าก็ใจดีทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ก่อนจะให้ผมลองทำด้วยตัวเอง และจบด้วยการแสยะยิ้มให้อย่างน่ามอง ผมนี่ถ้าจะเป็นเอามาก เบสทำอะไรก็ดูดีไปซะหมดในสายตาผม
สุดท้ายกับข้าวง่ายๆอย่าง ไข่ยัดไส้ ต้มจืดเต้าหู้ไข่หมูสับ และผัดคะน้าหมูน้ำมันหอย ก็ถูกวางอยู่บนโต๊ะกลางของห้องครัว ด้วยควันลอยฉุยส่งกลิ่นยั่วน้ำลาย ผมคงออกอาการปลื้มคนทำออกนอกหน้าไปหน่อย แถมเจ้าตัวเองก็คงขี้โอ่เป็นทุนอยู่ไม่น้อย เพราะเบสยักไหล่ระบายยิ้มน้อยๆมาให้ทันที ยามผมออกปากชมว่าอาหารหน้าตาน่ากิน แต่ใจจริงๆแล้วผมอยากชมคนทำอาหารมากกว่า คนอะไรหน้ามันเหงื่อซึมซะขนาดนี้ ยังดูน่าอร่อยมากเหอะ
“เบสแบ่งไว้ทำไม” ผมออกปากถามหลังจากที่เห็นพ่อครัวเจ้าเสน่ห์ ตักแบ่งอาหารบนโต๊ะไว้อีกชุด
“แบ่งให้แม่...ติดลม” ผมพยักหน้าช้าๆ พร้อมประมวลคำพูดของคนที่แสนประหยัดคำพูดไปด้วย ได้ความว่าเบสน่าจะแบ่งไว้สำหรับคุณแม่ ที่น่าจะติดลมไปกับหนังสือนิยาย
“มองไม กินสิจะได้กลับ” ฟังดูเหมือนไล่กันกลายๆ แต่ตอนนี้นายนนไม่สนครับ มีโอกาสได้ชิมอาหารที่เบสทำครั้งแรกทั้งที ผมควรดื่มด่ำและลิ้มรสอาหารตรงหน้ามากกว่า
“ครับ อ่ะ...นนตักให้” เบสทำสีหน้าปุเลี่ยนๆใส่ผม และมองชิ้นหมูคะน้าน้ำมันหอยบนจาน สลับกับใบหน้าผมไปมา เข้าใจล่ะครับ คนไม่เคยโดนผู้ชายด้วยกันบริการตักอาหารให้มาก่อนนี่เนอะ
ผมทำทีไม่สนใจอาการดังกล่าว ก่อนเสตักอาหารเข้าปาก และออกปากชมในฝีมือทำอาหารของว่าที่แฟนไปด้วย พร้อมจ้วงเข้าปากอีกหลายคำ เพราะอยากเอาใจคนทำและเพิ่มคะแนนนิยมของตัวเอง เล่นเอาผมดูมูมมามในสายตาคนรูปหล่อเข้าเลยเหอะ เพราะเบสถึงกับต่อว่าผมเป็นไอ้ตะกละ แต่ดันแอบก้มหน้าอมยิ้มกับท่าทางของผมนี่สิ ทำเอาใจพอง ผมยอมเป็นตัวตลกเพื่อแลกกับรอยยิ้มของเบส แต่ความซวยก็มาเยือน เมื่อผมสำลักอาหารเข้าอย่างจัง
“อร่อยอ่ะ!!...เบสอำอาอ่อย อันอั๋งอำอัยอนอินอีกอ๊ะ (เบสทำอร่อย วันหลังทำให้นนกินอีกนะ)...พรวด! แค่กๆ แค่ก” ผมหลับหูหลับตาไอโขลก หลังจากข้าวพุ่งกระจายออกจากปาก ‘โว้ย! น่าอายเป็นบ้า ต่อหน้าคนที่กูสนใจแท้ๆ’
“อ้าว!!...ทำเป็นเด็กไปได้ นนหายใจลึกๆครับ ดื่มน้ำก่อน ค่อยๆดื่มสิ”
แม้จะแสบคอแสบจมูก แต่หูผมก็ยังทำงานได้ดี ได้ยินชัดถึงน้ำเสียงทุ้มนุ่มแสดงออกถึงความห่วงใย ของเจ้าของฝ่ามือที่คอยลูบหลัง และเช็ดปากเช็ดหน้าให้ผมอย่างไม่มีรังเกียจ ก่อนจะมีแก้วน้ำยื่นมาจอให้ผมดื่มถึงปาก พร้อมถ้อยคำสั่งที่แสนอ่อนโยน
ภายใต้ดวงตาที่พร่าเลือนไปด้วยน้ำตาคลอเบ้านั้น ผมเห็นถึงดวงตาคู่คมฉายแววแห่งความห่วงใย ดูโดดเด่นที่สุดบนวงหน้าใสกระจ่าง พาให้หัวใจอุ่นวาบที่รู้ว่าคนรูปหล่อเค้าก็เป็นห่วงผมอยู่เหมือนกัน แม้ผมจะปากร้ายใส่เค้ามาไม่น้อย
แถมตอนนี้ใบหน้านั้นยังอยู่ห่างจากสายตาผมไม่เกินคืบ ทำเอาผมเหมือนต้องมนต์ติดกับดวงตาคมหวาน จนไม่อาจละสายตา แม้แต่อาการสำลักยังพลันจางหายอย่างประหลาด ด้วยมนต์ห่วงใยแห่งเจ้าชายมากเสน่ห์ เป็นใจให้ผมได้จ้องตาคู่อ่อนโยนอยู่เนิ่นนาน ผมเกือบจะได้สัมผัสริมฝีปากนุ่มๆอยู่แล้วเชียว ถ้าหากเบสจะไม่ได้สติ แถมยันมือเข้ามาที่หน้าผากผมซะแทบหงายหลัง
“ลามปามนะมึง!” ‘โอ้โฮ! มันจี๊ดครับจี๊ด ด่าน่ะไม่เท่าไหร่ ไอ้คำว่ามึงนี่สิ’
ผมสะบัดหน้าตวัดตาส่งค้อนใส่เจ้าของเสียงดุๆ และถลาคว้าต้นแขนของเบสไว้ได้ทัน ก่อนที่เจ้าตัวเค้าจะเดินกลับไปนั่งตำแหน่งเดิม
“เบส! นนบอกแล้วไงว่าอย่าพูด ‘มึงกู’ หรือว่าอยากโดน!...[ผลัวะ!]...โอ๊ย!” ไอ้คนโดนน่ะผมเต็มๆ แทนที่จะได้จูบแต่หมัดนี่มาเต็มๆหน้าเลย
ระหว่างที่ผมยื่นหน้าหมายจะจูบลงโทษคนปากเก่ง กะว่าคงได้เหมือนเคย ผมเลยถูกเสยเข้าครึ่งปากครึ่งจมูก จนรู้สึกถึงน้ำอุ่นๆไหลย้อยจากรูจมูก พร้อมอาการเจ็บจนชา แต่อะไรก็ไม่ทำผมตกใจได้เท่าดวงตาวาวโรจน์เอาจริง ที่เจ้าของกระชากคอเสื้อผมขึ้น และง้างหมัดเตรียมกระแทกหน้าผมอีกครั้ง
“เบส! ฟังนนก่อน!!” ผมจ้องดวงตาร้อนแรงคู่ตรงหน้านิ่ง พยายามไม่หวั่นไหวไปกับอารมณ์รุนแรงของอีกฝ่าย ไม่งั้นกำปั้นที่ห่างหน้าผมไม่มากนี้ คงได้สัมผัสใบหน้าผมอีกครั้งแน่ๆ
ผมพยายามใจดีสู้เสือไม่มีหลบตา รับรู้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่ปะทะใบหน้า และสัมผัสถึงความฉุนเฉียวของเบสได้ชัดเจน เบสคงคิดไปไกลแล้วล่ะว่าผมหยามศักดิ์ศรีเค้าอีกแล้ว แถมครั้งก่อนผมยังไม่ได้เคลียร์และขอโทษเค้าอย่างจริงจังเลย
‘เอาวะกู จะโดนอีกสักหมัดจะเป็นอะไรไป’ ผมตัดสินใจเอื้อมมือไปกุมทับหลังมือที่คอเสื้อ แค่แรกแตะโดน ผมก็แทบหายใจไม่ออกเพราะเบสกระชากคอเสื้อผมซะแรง แต่ก็ทำให้ใบหน้าของเราแทบจะชิดกัน เรียกได้ว่าใช้ลมหายใจร่วมกันเชียวล่ะ
“ขอโทษครับ นนไม่คิดจะหยามศักดิ์ศรีเบสเลยสักนิด” ไม่เพียงแค่คำขอโทษที่ผมมีให้คนตรงหน้าเท่านั้น แต่ผมพยายามสื่อผ่านสายตาให้เบสรู้ว่าผมพูดความจริง
ดูเหมือนจะเริ่มได้ผล เมื่อดวงตาที่ผมจับจ้องลดความร้อนแรงลง แต่ยังคงมีความเคลือบแคลงอยู่เต็มหน่วยตา ผมระบายยิ้มน้อยๆ ก่อนลูบหลังมือเบสที่คอเสื้อ และเอื้อมมือไปรั้งหมัดลงช้าๆ ‘ไอ้นนเอ๊ย มึงรอดแล้ว’
“เรื่อง ‘จูบ’ ครั้งแรกเบสก็รู้ว่าเกิดจากความไม่ตั้งใจ ใช่มั้ยครับ แต่หลังจากนั้นนนตั้งใจล้วนๆ เดี๋ยวก่อน! อย่าเพิ่งต่อย เบสฟังนนให้จบก่อน...แหะๆ” คนอะไรเอะอะก็จะลงมือ ดีที่ผมระวังตัวอยู่แล้ว จึงรวบมือทั้งสองข้างของเบสไว้แน่นกับอก ทันทีที่เจ้าตัวเค้าขยับทำท่าจะง้างมือต่อยพร้อมทำหน้าบึ้ง
บ่นออกไปไม่ได้ครับ เดี๋ยวคนรูปหล่อของผมของขึ้นไปมากกว่านี้ แค่นี้ก็ตาโปนแทบจะถลนออกนอกเบ้าแล้ว ถึงผมจะเพียรส่งยิ้มให้แค่ไหนก็เถอะ
แม้สถานการณ์จะอยู่ในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวาน เสี่ยงต่อการโดนต่อยได้ทุกเมื่อ แต่ริมฝีปากแดงๆที่ถูกเม้มไว้จนแน่น และอยู่ห่างจากริมฝีปากผมแค่นิดเดียว กลับดึงดูดความสนใจผมไว้ได้ เรียกได้ว่าถ้าผมยื่นหน้าไปเพียงนิด ผมก็ได้จูบเบสแล้วนั่นแหละ และถ้าผมมีโอกาสได้จูบอีกครั้งนะ สัญญาเลยครั้งนี้จะไม่ใช่แค่แตะผ่านๆ แต่ผมจะขอชิมรสจูบหวานๆของหนุ่มหล่อตัวท็อปคนนี้ให้ได้
แต่แล้วผมก็ต้องสะดุ้ง แทบปล่อยมืออุ่นๆทั้งคู่ให้หลุดมือ เมื่อเบสกระแอมดังๆ ทำให้ผมต้องละสายตาจากริมฝีปากสีสด เพื่อสบกับดวงตาที่ออกแววหาเรื่องเข้าบ้างแล้ว
“แหะๆ เบสก็ อย่าดุนักสิ นนพูดไม่ออกอ่ะ...ครับๆ พูดแล้วครับ เบสอยู่นิ่งๆก่อนนะ...ก็ถ้านนไม่สร้างสถานการณ์ขึ้นมา นนจะได้จูบคนที่นนสนใจได้ไงกันเล่า” ผมแกล้งทำเสียงและท่าทางกระเง้ากระงอดใส่คนที่ผมบอกว่าสนใจ อย่างการยื่นปากนิดส่งค้อนหน่อย ตามแบบฉบับของไอ้ธันว์ที่มันขยันทำใส่เฮียหลี่ผิงยามงอน ซึ่งเฮียหลี่ผิงเองก็มักหัวเราะอารมณ์ดีซะทุกครั้งไป
ผมก็หวังว่าเบสจะมีอาการไม่ต่างจากเฮียหลี่ผิง เผื่อว่าผมจะรอดจากการเจ็บตัว หลังจากสารภาพความในใจออกไป แต่ผมก็ลืมไปว่าทั้งรูปร่างหน้าตาของตัวเองกับเพื่อนสนิทนั้น ช่างห่างไกลกันลิบลับ แต่ผลของการทำตัวน่าขนลุกของผม มันก็ไม่เลวนัก เพราะอย่างน้อยผมก็ไม่เจ็บตัวเพิ่ม ด้วยคนที่ผมสารภาพว่าสนใจในตัวเค้านั้น อึ้งตะลึงค้างมองผมตาโต ก่อนเบสจะทำสีหน้ากระอักกระอ่วนใส่ เมื่อผมจ้องตาคู่สวยแน่วแน่ให้รู้ว่าผมพูดจริงทุกคำ
“เบส...นนจีบได้ป่ะ” ฟันมีกี่ซี่ ผมยิ้มให้เบสเห็นทุกซี่ไปเลยครับ และมั่นใจมากเหอะว่าเวลายิ้มแบบนี้ทีไร สาวๆที่มาเชียร์ผมข้างสนามรักบี้ พวกเธอกรี๊ดสลบซะทุกครั้ง
แต่มันคงใช้ได้แต่กับสาวๆมั้ง เพราะหนุ่มหล่อตรงหน้าผม กลับหน้าซีดเผือดดวงตาเลื่อนลอย ก่อนเบสจะดึงมือตัวเองออกจากการเกาะกุมของผม และหมุนตัวเดินลอยๆกลับไปนั่งเก้าอี้ตัวเดิมก่อนเกิดเรื่อง
ผมอมยิ้มกับตัวเอง เมื่อได้เห็นปฏิกิริยาของคนรูปหล่อ ที่กลับไปนั่งตักข้าวเข้าปากไม่พูดไม่จา แม้เบสจะไม่ตอบรับ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ ผมก็จะถือซะว่าเจ้าตัวเค้ารับรู้แล้ว และจะเดินหน้าจีบเต็มสตรีม เริ่มจากการตักอาหารบริการว่าที่แฟนเลยแล้วกัน
เบสที่กำลังตักข้าวเข้าปากถึงกลับถือช้อนค้าง มองเต้าหู้ไข่ในจานนิด ก่อนเงยหน้าสบตาผมหน่อย และหลบตาทันทีที่เห็นผมส่งยิ้มหวานๆให้เจ้าตัว ไอ้ผมก็นึกกระหยิ่มใจ ด้วยคิดว่าทำให้คนรูปหล่อเค้าเขินอายได้ แต่ที่ไหนได้ผมต้องหุบยิ้มแทบไม่ทัน
เมื่อเบสเขี่ยเต้าหู้ไข่ออกไปไว้ข้างจาน และเสตักผักคะน้าในจานเข้าปากแทน ‘มันน่ามันเขี้ยวนักเชียว’ แต่มีรึผมจะยอม ผมจึงตักไข่ยัดไส้ลงในจานเบสอีกครั้ง และจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิม
“เบส! อย่าเขี่ยทิ้งนะครับ ทำเป็นคนไม่รู้คุณค่าของอาหารไปได้” ผมส่งเสียงเข้มๆทันทีที่เห็นว่าเบสทำท่าจะเขี่ยอาหารที่ตัวเองทำไว้ข้างจาน เพียงแค่ผมเป็นคนตักให้เค้า และคงอยากต่อต้านผมด้วย
คนที่โดนผมตำหนิตรงๆ เงยหน้าถลึงตาใส่ผมทันที มีฮึดฮัดแถมมาด้วย แต่เบสก็ยอมตักทั้งเต้าหู้ไข่และไข่ยัดไส้เข้าปากในที่สุด
แค่นี้ก็ทำผมยิ้มได้แล้วครับ ไม่ใช่ผมถือตัวว่าอยากเอาชนะเค้านะ แต่มันใช่เรื่องที่ไหนจะมาประชดใส่กัน โดยไม่เห็นคุณค่าของสิ่งรอบตัวน่ะ แต่ผมยอมรับนะว่ามีเรื่องหนึ่งที่ผมอยากเอาชนะเบสใจแทบขาด เดาออกกันมั้ยครับว่าเรื่องอะไร คงไม่มีคำตอบอื่นอีกแล้วนอกจาก...
ผมอยากเอาชนะใจกัปตันรูปหล่อทีมบาสคนนี้ให้ได้ และต้องเร็ววันนี้ด้วย เอาใจช่วยชนนนกันด้วยนะครับ
..................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะอุต๊ะ! สุดหล่อมีหวั่นไหวไปกับไอ้ล่ำดำถึกด้วยแฮะ
นี่ขนาดเพิ่งเริ่ม เบสก็ดูมึนๆอึนๆไปกับคารมนายนนเหมือนกันเนอะ
แต่แอบสะใจเบาๆที่นนโดนบ้างไรบ้าง

ตอนหน้าให้เตรียมตัวรับความหวานของคู่นี้ได้เลย
เพราะในเมื่อนนขอจีบเบสแล้ว คงไม่ทำให้เสียชื่อ
รองกัปตันทีมรักบี้เจ้าเสน่ห์อย่างแน่นอนค่ะ
เจอกันอีกทีวันอาทิตย์นะคะ
+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
ขอสวัสดีปีใหม่ทุกคนนะคะ และขอให้ปีม้านี้คนอ่านที่น่ารักมีความสุขมากๆ
คิดสิ่งใดสมหวังทุกประการ โรคภัยไข้เจ็บอย่าได้กล้ำกราย ร่ำรวยๆเฮงๆทุกคนเลยค่ะ
