ตอนที่ 7ชนนน คุณเคยได้ยินประโยคที่เค้าว่ากันว่า ‘ผูกพันด้วยร่ายกายให้ได้ก่อนแล้วหัวใจจะตาม’ บ้างมั้ย!?
ผมว่าผมน่าจะลองใช้ทฤษฎีนี้กับพ่อสุดหล่อเนื้อผ่องของผมดูบ้างนะ ดูซิว่าเมื่อผมผูกมัดเบสไว้ด้วยร่างกายแล้ว เบสจะตกหลุมรักจนยกหัวใจให้ผมรึเปล่า
“ไอ้นน มึงก็คิดได้เนอะ แทนที่จะได้หัวใจ กูว่ามึงได้แดกตีนไอ้พี่เบสก่อนมั้ง ครั้งที่แล้วนี่ยังไม่เข็ดไง ดั้งเกือบยุบไม่ใช่!?” ไอ้นลินมันสวนใส่ผมทันทีที่ผมชูประโยคเด็ดของวันขึ้นมาบอกเล่าให้มันฟัง แถมสีหน้าสีตาแม่นางก็ช่างเหยียดหยามผมนัก
นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนรักนะ พ่อจะซัดให้ แต่เมื่อมันเป็นเพื่อนรักที่ได้รับการเทิดทูนเหนือหัว สิ่งที่ผมทำคือกลอกตาไปมานิด และเริ่มชี้แจงความคิดให้มันฟัง
“กูไม่ได้คิดเองเหอะ ก็พูดอยู่ว่า ‘เค้าว่ากันว่า’ และของแบบนี้ไม่ได้ผลจริง ไอ้เค้าที่ว่ามา มันคงไม่ว่ามาจนถึงหูกูหรอก...มั้ง!?” แต่อดไม่ได้จริงๆที่จะลงท้ายด้วยความไม่แน่ใจ
ก็นะ...คนมันไม่เคยต้องเอากายแลกใจกับใครมาก่อน มีแต่กายแลกกาย น้ำแตกแล้วทางใครทางมันนิ!?
“เออ! ตามใจคุณมึงเลยเพื่อน มึงมองยาวๆเข้าไว้นะ กูขอเตือน ถ้าผิดพลาดขึ้นมา มึงก็ไปเช็คบิลเอากับไอ้ ‘เค้า’ ที่ว่าเนี่ยเองแล้วกัน” จบประโยคไอ้นลินมันถอนใจใส่หน้าผม และตบเข้าที่ไหล่เหมือนจะให้กำลังใจกัน
‘นลินทำไมมึงตัดหางกูแบบนี้ เล่นพูดซะกูใจเสีย’ ท่าทางไอ้นลินขัดกับคำพูดของมันที่ตัดทอนกำลังใจของผมมากเหอะ ก่อนมันจะลุกจากเก้าอี้ข้างตัวไปหน้าห้องเรียน เมื่อเห็นว่ามีหนุ่มรุ่นน้องหน้ามนมาทำตัวก้อร่อก้อติกกับไอ้ธันว์ ผมมองแล้วว่าไอ้นลินคนเดียวเอาอยู่ จึงไม่คิดจะเดินตามมันไปจัดการเหลือบไรของเฮียหลี่ผิง
ใจจริงผมก็ไม่ได้คิดจะหักหาญน้ำใจ ไปช่วงชิงความหนุ่มแน่นของเบสตอนนี้หรอกครับ ตั้งใจไว้ว่าช่วงแรกนั้น ผมจะทำตัวตามติดเบสเป็นเงาตามตัว คอยเอาใจใส่เบสอย่างเจ้าชาย มีโอกาสก็แอบตอดเล็กตอดน้อย ให้เบสค่อยๆเคยชินกับการมีผมเคียงข้าง และทำให้รู้สึกว่าชีวิตนี้ขาดผมไม่ได้ อะไรประมาณนั้น ซึ่งหลังจากนั้นคงไม่ยากที่จะรวบหัวรวบหางกินกลางตลอดตัว พร้อมหัวใจรักของเราที่จะพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ ครึๆ เป็นไงล่ะแผนของผม
ผมที่กำลังเคลิ้มกับภาพชีวิตรักในอนาคตที่ได้เคียงข้างหนุ่มหล่อหน้าใส หัวผมแทบทิ่มโต๊ะ เมื่อมีใครก็ไม่รู้ผลักเข้าให้แบบไม่ทันตั้งตัว ผมหันไปจะด่าแม่ง แต่พอเห็นหน้าเจ้าของมือ ก็ทำได้แค่ส่งยิ้มแหยๆเอาใจเท่านั้น
“เคลิ้มนะเคลิ้ม กินแรงกูนะมึง...ไอ้ธันว์ มึงก็อีกคน ช่วยอย่าปล่อยฟีโรโมนเรียกผู้ชายได้มั้ย ขอกูพักสักวันสองวันนะ และไอ้การส่งยิ้มเรี่ยราดนี่ขอเถอะ ช่วงนี้เฮียอยู่ไม่ใช่รึไง เดี๋ยวแม่ฟ้องเลย เอาให้เฮียกูมาแสดงอภินิหารเหมือนวันวาเลนไทน์เลยแม่ง”
“ไอ้นลิน! อย่านะมึง แค่วันนั้นกูก็ทำตัวไม่ถูกมาถึงวันนี้แล้วเหอะ ขืนมีอีกกูคงได้ย้าย หึ้ย! เฮียมึงน่ะมันเว่อร์ กูไม่อะไรกับใครสักหน่อย มาเองทั้งนั้น น่าภูมิใจนักนี่มีแต่ตัวผู้ แค่เฮียมึงคนเดียวกูก็ไม่ไหวจะเคลียร์” ไอ้ธันว์พูดด้วยน้ำเสียงสะบัดน้อยๆใบหน้าบูดบึ้ง แต่มันจะรู้ตัวมั้ยว่าแววตามันระยิบระยับแค่ไหนยามเอ่ยถึง ‘เฮียกู’
ความรักของคู่นี้น่าเอาเป็นแบบอย่างให้กับใครหลายๆคู่ แม้อายุของทั้งคู่จะยังน้อย แต่ความผูกพันและการยึดมั่นในรักนั้น ไม่แพ้ความรักของผู้ใหญ่หน้าไหนเลยล่ะ โดยเฉพาะกับเฮียหลี่ผิงที่เฝ้าห่วงใยดูแลไอ้ธันว์มาตั้งแต่เด็ก เรียกได้ว่าตั้งแต่ไอ้ธันว์ไม่รู้ตัว จนตอนนี้มันเริ่มจะรับรู้แล้ว ว่าการที่เฮียผมดูแลใส่ใจมันนั้น ด้วยมองมันเป็นมากกว่าญาติหรือน้องชาย
แม้ผมเองจะยังไม่รู้ว่าความรู้สึกที่ผมมีต่อเบสนั้นคือรักรึเปล่า แต่ผมก็ขอทุ่มเทเพื่อค้นหาความรู้สึกนี้ดูสักตั้ง อย่างน้อยก็จะได้ไม่มาเสียใจภายหลัง ที่สำคัญไอดอลเรื่องความรักของผมอย่างเฮียหลี่ผิง ก็น่าจะเป็นที่ปรึกษาได้ดี ก็ดูไอ้ธันว์ตอนนี้สิครับ หน้าชื่นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มีความสุขอยู่ได้คนเดียว ผิดจากตอนก่อนหน้าที่เฮียหลี่ผิงยังไม่มาลิบลับ หนุ่มน้อยของเราเริ่มรู้จักความรักแล้ว
......................................
“มีไร” ‘หึ! ห้วนได้อีกว่าที่แฟนกู’ เมื่อเช้าก็ทีแล้ว ผมไปรับมาโรงเรียนแท้ๆ แม้แต่ยิ้มหวานๆสักนิดก็ยังไม่มีให้
“ไปทานข้าวกัน ห้ามปฏิเสธด้วย เบสให้โอกาสนนจีบหน่อยสิ เสียกำลังใจไปเยอะแล้วนะ” นี่ถ้าไม่ติดว่าอยู่หน้าห้องเรียนที่นักเรียนกำลังทยอยเดินออกมา เพื่อไปกินข้าวกลางวันนะ ไอ้นนได้จับท่อนแขนขาวๆตรงหน้าเขย่าประกอบการอ้อนแล้วเหอะ
นี่ผมยังเกรงใจแค่ยืนจ้องตาเบส และพูดเบาๆพอให้ได้ยินแค่สองคนเท่านั้น แต่เชื่อมั้ยว่าไอ้พวกพี่ๆขี้เสือกทั้งหลาย พวกมันมีเมียงมองมาทางผมกับเพื่อนมันไม่วางตา มีบ้างที่แกล้งเดินเฉียดมาใกล้ แถมส่งสายตาเป็นคำถามให้อีก คงกลัวผมมาหาเรื่องเบสล่ะครับ เพราะก่อนนี้เค้ารู้กันทั่วว่าผมไม่ถูกกับเบส เหตุเพราะเบสไปจีบไอ้ธันว์
ส่วนเบสตอนนี้ยืนอึ้งจ้องผมตาโตเท่าไข่ห่าน อ้าปากเผยิบๆ ‘น่ารักชะมัด จูบโชว์ซะดีมั้ย’ แต่ผมยังไม่ทันได้ทำอะไร กลับมีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมา
“ไอ้นน มาหาเรื่องเพื่อนกูถึงถิ่นรึไง” ไอ้นี่ชื่อไอ้พี่ฟูครับเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกับเบส
แม้คำพูดจะฟังแล้วชวนหาเรื่อง แต่หน้ายิ้มๆตาวาวๆของมันกลับตรงกันข้ามเลย เพราะผมแปลเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากมันอยากกวนตีนผม แต่ผมจะไม่อะไรเลย ถ้าแม่งจะไม่เอาแขนพาดไหล่สุดหล่อของผม และจบด้วยการอมยิ้มยักคิ้วอวดกัน
“เปล่า แต่มารับไปแดกข้าว” พูดจบผมปัดแขนมันออกจากไหล่เบส เจ้าตัวดันยืนเฉยให้มันโอบอยู่ได้ น่าโมโหชะมัด
แน่ะ! ผมมองยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ กอดอกกลอกตาใส่ผมซะงั้น ไอ้พี่ฟูแม่งได้ใจหัวเราะเยาะใส่ผมใหญ่ มองตากันชั่วแวบก็รู้แล้วครับ ว่ามันรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่
ไอ้พี่ฟูกับผมรู้จักกันมานานแล้ว มันน่ะนักบอลตัวโรงเรียน คุ้นเคยกันดี เพราะรักบี้กับบอลผลัดกันใช้สนามซ้อม บางทีก็เล่นมันแม่งทั้งสองชนิดในสนามเดียวกัน เผลอๆนักบอลไปเล่นรักบี้ นักรักบี้มาเล่นบอล ผมกับไอ้พี่ฟูเลยสนิทกันระดับหนึ่ง ดังนั้นการที่ผมจะพูดเหมือนลามปามใส่มัน จึงไม่ใช่ปัญหา
“ไปได้ยังอ่ะ นนหิวแล้ว”
“ฮิ้ววว กูจะอ้วก ‘นนหิวแล้ว’ ฮ่าๆ พูดไปได้ เบสมึงไปเถอะ ก่อนที่ไอ้พวกนั้นจะตาเหล่กันซะก่อน”
ไอ้พวกนั้นที่ไอ้พี่ฟูว่าก็คือไอ้พวกพี่ๆขี้เสือก ที่ยืนเตร่ไปมาทำเหมือนไม่สนใจ แต่ตากลับเหล่มองมาทางพวกเราเป็นระยะ เห็นแบบนี้แล้วก็ให้ผมนึกขำ
เมื่อเช้าก็ทีหนึ่งแล้ว ผมเดินตามมาส่งเบสถึงห้อง หลังจากพากันเดินมาจากที่จอดรถใกล้ๆโรงเรียน เรียกได้ว่าทะเลาะมาตลอดทางจะถูกกว่า เพราะสุดหล่อของผมจะไม่ยอมให้ผมไปส่งท่าเดียว แต่ผมก็ดื้อหน้ามึนมาส่งถึงหน้าห้องจนได้ ตอนนั้นเรียกได้ว่าเป็นที่ฮือฮาล่ะครับ เพราะผมที่แต่ก่อนเจอเบสเมื่อไหร่มีแต่ชวนหาเรื่องนั้น แต่วันนี้ผมกลับเดินตามตูดสุดหล่อหน้าบึ้งต้อยๆด้วยท่าทางหงอยๆ ทำให้ผมไม่แปลกใจนักที่เพื่อนๆเบสให้ความสนใจเราเป็นพิเศษ
“เบสกินไร นนไปซื้อให้” ผมเห็นไอ้นลินกับไอ้ธันว์กวักมือเรียกอยู่มุมหนึ่งของโรงอาหารแล้ว จึงพยักหน้าส่งซิกให้พวกมันไป ก่อนหันมาถามสุดหล่อหน้านิ่งข้างตัว
ตั้งใจไว้ว่าจะให้เบสไปนั่งรอกับเพื่อนๆผมก่อน และหาข้าวหาน้ำให้ถึงที่ ไม่ต้องเหนื่อยไปต่อแถวยาวๆพวกนั้น บอกเลยว่าผมไม่เคยบริการใครมาก่อน คนนี้คนแรกเลย
“ไม่ต้อง!...เฮ้ย! ทำไร ล้วงไมวะ ไอ้นน!” คิดไว้อยู่แล้วว่าต้องเจออะไรประมาณนี้ ‘กูล้วงแม่ง!’
อย่าคิดกันไปไกลว่าผมมาควักมาล้วงสุดหล่ออะไรกลางโรงอาหาร ผมแค่ฉวยโอกาสค้นตัวเบสยึดกระเป๋าตังมาเก็บไว้กับตัวเท่านั้น แต่ผมยังได้ยินนะ มีขึ้นองขึ้นไอ้กับผมด้วย จดลงบัญชีรักไว้ก่อนครับ เป็นแฟนกันเมื่อไหร่ ผมจะให้เรียกที่รักทุกคำเลย แต่คิดในแง่ดีอย่างน้อยก็ไม่มีมึงกูหลุดมาให้ได้ยินล่ะน้า
“ไม่มีเงินจะซื้อของได้ก็ให้รู้ไป ตกลงเบสเอาก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำ กับน้ำลำไยเหมือนนนเนอะ นั่งรอกับไอ้พวกนั้นก่อน เดี๋ยวนนบริการเองน้า นะครับสุดหล่อ” รวบรัดตัดบทและจบด้วยยิ้มหล่อสุดตีน แค่นี้สุดหล่อของผมก็ได้แต่ฮึดฮัดทำหน้าบึ้ง เดินไปนั่งกับไอ้สองคนเพื่อนผมตามที่ต้องการแล้ว
ผมเดินยิ้มแฉ่งไม่สนสายตาและเสียงซุบซิบรอบตัว ที่ให้ความสนใจเรามากมาย ดีซะอีกสาวๆหนุ่มๆที่จ้องจะงาบสุดหล่อของผมจะได้ถอยห่าง แม้อาจจะสร้างความไม่พอใจให้เบสอยู่บ้าง หากเกิดข่าวลือเรื่องผมกับเค้า แต่ใครสนในเมื่ออีกไม่นานผมกับเบสจะต้องแฟนกันอยู่แล้ว
‘อย่าครับ โปรดอย่าหมั่นไส้ผม เพราะผมมั่นใจมากเหอะ ว่าจะสามารถพิชิตใจสุดหล่อมาครองได้’ ดูจากปฏิกิริยาของเบสที่ผ่านๆมา แม้เค้าจะไม่พอใจแต่ก็ไม่มีการปฏิเสธจริงจังสักครั้ง อย่างเมื่อครู่ถ้าเจ้าตัวเค้ายืนยันขอกระเป๋าตังคืนจริงๆ ผมก็คงต้องยอม ทำให้ผมแปลได้อย่างเดียวว่าเบสยอมให้โอกาสผมจีบเจ้าตัวตามที่ผมขอไว้
เมื่อผมเดินยกอาหารที่เตรียมมาบริการสุดหล่อเกือบถึงโต๊ะอยู่แล้ว จากที่ผมอารมณ์ดีๆกลับต้องมัวหมอง เพียงเพราะสิ่งแปลกปลอมไม่พึงประสงค์ อย่างคนหน้าสวยเสียงหวานนามว่า ‘น้องไฝ’ คุณฟังไม่ผิดหรอกว่าผมเรียกน้องฝ้ายเป็นน้องไฝ ในเมื่อเธอมีไฝเม็ดเล็กๆอยู่ตรงกกหูด้านซ้าย
‘อะไรนะ! ว่าผมปากจัดเหรอ’ ช่วยไม่ได้ในเมื่อน้องไฝคิดจะแย่งสุดหล่อไปจากอกผมนี่หน่า
“พี่เบสคะ ทำไมไม่รอฝ้าย ฝ้ายอุตส่าห์รีบไปหาที่ห้อง ที่ไหนได้หนีมาทานข้าวก่อน และนี่อะไรทำไมต้องมานั่งกับ ‘พวกพี่ๆพวกนี้’ ด้วย” น้องไฝเธอกอดแขนสุดหล่อผมไม่พอ ยังปากดีปรายตามองผมสามคนอย่างหาเรื่องอีกด้วย
ไอ้นลินกับไอ้ธันว์เงยหน้าจากจานข้าวมองตากันทันที ก่อนไอ้นลินจะหันมาเลิกคิ้ว และส่งสายตาสื่อความนัยใส่ตาผม อ่านได้ว่า ‘กูจะเล่นนังเด็กนี่แล้วนะ มึงว่าไง’ ประมาณนี้ ซึ่งผมแค่เลิกคิ้วกระตุกยิ้มใส่ตามันคืน เปิดทางให้เจ้าแม่บัวงามเต็มที่ครับ ไม่ใช่ผมอยากจะรังแกเด็กนะ แต่คุณก็เห็นว่าน้องไฝน่ะ เธอปีนเกลียวรุ่นพี่อย่างพวกผมก่อน ไอ้นลินที่ตวัดสายตาจ้องน้องฝ้าย เตรียมเล่นงานน้องนางเต็มที่ กลับต้องส่งสายตาเคืองๆไปยังคนที่เอ่ยขัดขึ้นมา
“ฝ้าย พี่ว่าฝ้ายไม่น่ารักเลยนะครับ วันนี้ฝ้ายไปทานกับเพื่อนๆดีกว่า พี่จะทานกับเพื่อนเหมือนกัน” โอ๊ย! ผมล่ะอยากหอมแก้มให้รางวัลสุดหล่อซะตอนนี้จริงๆ นุ่มนวลแต่แฝงไว้ด้วยความเด็ดขาดเป็นที่สุด
น้องไฝกกหูถึงกลับอึ้งหน้าซีดเลยล่ะครับ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหน้าแดงก่ำกัดปากตัวเองแทบขาด และจ้องเบสอย่างโกรธเคือง ส่วนเบสเองหลังพูดจบก็หันมาคว้าชามก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าผมไปกิน ไม่มีสนใจปฏิกิริยาของน้องนางไฝกกหูสักนิด
ส่วนผมและไอ้สองตัวข้างๆกลั้นขำกันเต็มกำลัง ไอ้นลินนี่แล้วใหญ่มีหันไปยักคิ้วแสยะยิ้มใส่น้องฝ้าย ให้ยิ่งฟึดฟัดอีกด้วย แต่พวกผมก็เปลี่ยนอารมณ์แทบไม่ทัน เมื่ออยู่ๆน้องฝ้ายที่กำลังเตรียมแปลงร่าง กลับเปลี่ยนมาคลี่ยิ้มหวานจ๋อยบาดตาโปรยใส่พวกผม ก่อนจะหันไปคล้องแขนสุดหล่อของผม พร้อมฉอเลาะออเซาะใส่
“ก็ได้ค่ะ วันนี้ฝ้ายไม่กวนพี่เบสแล้ว แต่เย็นนี้ฝ้ายขอไปให้กำลังใจพี่ที่ข้างสนามนะคะ พี่ๆคะ ฝ้ายขอโทษที่พูดไม่คิด...ฝ้ายไปก่อนนะคะพี่เบส เจอกันเย็นนี้ค่ะ” น้องฝ้ายพูดจบ เธอก็ลุกจากที่นั่งข้างเบสทันที แต่ก่อนหมุนตัวมีแอบสะบัดค้อนใส่ผมสามคนด้วย ทั้งๆที่เมื่อครู่หันมาพูดขอโทษกับพวกเราด้วยสีหน้าสำนึกผิดแท้ๆ
“กลิ่นสะตอนี่มันแรงจริงๆ” ผมกับไอ้ธันว์กระตุกยิ้มพร้อมกัน เพราะแอบเห็นด้วยกับคำพูดของไอ้นลินไม่น้อย แต่เราเป็นผู้ชายไงครับ จะเอ่ยปากว่าผู้หญิงตรงๆก็ดูจะไม่ดีเท่าไหร่
ผมแอบเหลือบตาสังเกตสีหน้าสุดหล่อที่นั่งข้างๆนิด เมื่อเห็นเบสยังคงคีบก๋วยเตี๋ยวเข้าปากเฉยก็ให้เบาใจ อย่างน้อยทำให้ผมรู้ว่าเบสไม่ได้ให้ความสนใจน้องฝ้าย ถึงขั้นออกโรงปกป้อง ยามได้ยินไอ้นลินกระแนะกระแหนใส่
“อร่อยมั้ย” เดี๋ยวบนโต๊ะจะเงียบเกินไปครับ ขอชวนสุดหล่อคุยหน่อยเถอะ
ปฏิกิริยาของเบสคือเหลือบตามามองผมนิด ก่อนรับคำด้วยเสียงไม่พ้นคอ และหันไปก้มหน้าก้มตากินต่อ แต่แค่นี้ก็ทำให้นายนนคนนี้ฉีกยิ้มได้แล้ว
“เป็นเอามากเนอะ...ฮึๆ” ผมแจกยิ้มเผื่อแผ่ให้ทั้งไอ้นลินที่เป็นเจ้าของคำแซว และไอ้ธันว์ที่เป็นเจ้าของเสียงหัวเราะเจ้าเล่ห์
ผมละหมั่นไส้ไอ้คนหลังนี่มากเหอะ พอไอ้ธันว์รู้ว่าเบสตัดใจเรื่องมันได้แล้ว และมีผมเบนเข็มมาจีบสุดหล่อเข้าหน่อย หน้าระรื่นเสียงใสทำตัวเฟรนด์ลี่ใส่เบสขึ้นมาเชียว แล้วนั่นอะไรมีส่งยิ้มให้กันด้วย ‘มึงไม่กลัวสุดหล่อกูคืนสังเวียนรึไงวะ แล้วไหนจะเฮียกู คงได้ตามมาฉีกอกมึงอีกล่ะ’ ท่าจะไม่ดีแล้วครับ
“ธันว์! กูจะฟ้องเฮีย มึงเลิกยิ้มให้เบสของกูเลยนะโว้ย!...โอ๊ย! เบสเหยียบเท้านนทำไม”
‘งอน ไม่งอน งอน ไม่งอน กูจะงอนดีมั้ยวะ’ เบสแม่งเอะอะก็ใช้กำลัง แล้วดูดิไอ้สองตัวมันไม่มีเห็นใจเพื่อนอย่างผมสักนิด ดันหัวเราะซะงอหาย ยิ่งไอ้ธันว์นะมีหันมาขยับปากอวยใส่ว่าสมน้ำหน้าผมอีกแน่ะ
สุดท้ายผมก็ไม่ได้งอนครับ แถมยังต้องเป็นฝ่ายง้อสุดหล่อซะเอง เพราะเบสไม่มองหน้าผมเลย ตั้งแต่ผมหลุดเติมคำแสดงความเป็นเจ้าของเค้าไป จนผมต้องหาโอกาสระหว่างเดินกลับไปส่งเบสที่ห้อง ฉุดแขนสุดหล่อหน้านิ่งเข้าห้องน้ำระหว่างตึก แถมบรรยากาศก็แสนเป็นใจ เมื่อมันร้างไร้ซึ่งผู้คน ‘ฮึๆ สุดหล่อเสร็จโจรอย่างไอ้นนแน่’
“ลากมาไมเนี่ย” ในที่สุดเบสก็พูดกับผมแล้วครับ แม้จะห้วนแสนห้วน แถมหน้าตานี่ก็แทบจะฆ่าผมหมกส้วมได้แล้วเหอะ
“นึกว่าจะไม่พูดกับนนซะแล้ว ใจเสียเลยเนี่ย” ผมคว้าข้อมือเบสยึดไว้ และวางมันลงบนอกด้านซ้ายของตัวเอง แถมด้วยกระพริบส่งสายตาให้น่าสงสารใส่เบสไปด้วย ‘เชื่อป่ะ ว่ากับผู้หญิงผมยังไม่เคยง้อด้วยวิธีแบบนี้เลย’
“เฮ้อออ นายนี่จริงๆเลย ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนะ” ถอนใจไม่พอยังส่ายหน้าเอือมๆใส่ผมอีกแน่ะ
“ก็ใครว่าใช่ล่ะ หรือเบสเป็นผู้หญิงปลอมตัวมา จริงอ่ะ!?...[ผลัวะ!]...โอ๊ย! เบสอ่ะ เกิดนนความจำเสื่อมทำไงเล่า” ล้อเล่นแค่นี้ ทำไมต้องลงไม้ลงมือกันด้วยว้า แต่ก็คุ้มครับเมื่อแลกกับการที่ได้เห็นสุดหล่อระบายยิ้มน้อยๆออกมา
“หึ! ปากดีไปแล้ว คราวหน้าจะเอาให้หนักกว่านี้เลย”
‘อ่า~ เบสช่วยยิ้มแบบนี้นานๆได้มั้ย จะทุบจะตีเท่าไหร่นนก็ยอม’ ปากแดงๆที่ขยับพร้อมระบายยิ้มไปด้วย ทำเอาผมเพ้อไปแล้ว อยากกินปากแดงคู่นี้จังว่าจะอร่อยเหมือนที่คิดมั้ย
“อะ อะไร ยื่นหน้ามาไม ไอ้นน...[ฟอดดด]...อ่ะ!” ใบหน้าเบสตอนนี้ไม่อยากบอกว่าตลกมากเหอะ เพราะมันปนเปไปด้วยความตกใจ คาดไม่ถึง และแปลกใจ ส่วนแก้มข้างที่โดนผมขโมยหอมไปนั้น เจ้าตัวเค้าก็ยกมือมากุมทับไว้
เบสคงนึกว่าผมจะขโมยจูบล่ะสิ แต่ผมไม่คิดจะจูบว่าที่แฟนในห้องน้ำชายข้างตึกเรียนตอนนี้หรอกครับ เพราะผมเคยบอกไปแล้ว ว่าหากผมจะจูบเบสครั้งต่อไป ผมต้องได้แบบลึกซึ้งไม่ใช่แตะผ่านๆแบบที่แล้วมา
“นนขอเบสเท่านี้ก่อนนะ ถือซะว่าล้างมลทินแก้มข้างนี้ ที่น้องฝ้ายขโมยหอมแก้มเบสไป” ผมยิ้มจริงใจใส่ตาสุดหล่อที่ใบ้กินจ้องผมไม่วางตา ก่อนจะได้ใจสวมกอดร่างแน่นๆซะเต็มวงแขน
“เย็นนี้รอกลับพร้อมนนนะครับ” ผมกระซิบเบาๆข้างใบหูสะอาดที่แอบขึ้นสีระเรื่อน้อยๆ แถมเนียนด้วยการแอบสูดกลิ่นหอมๆหลังใบหู ก่อนจะคลายกอดทั้งๆที่นึกเสียดายจับใจกับโอกาสดีๆแบบนี้
ผมจะตะกรุมตะกรามทำตามใจคิดไม่ได้ ด้วยตั้งใจจะพิสูจน์ตัวเองกับเบส ว่าผมนั้นจริงใจกับเค้ามากกว่าที่คิดจะฉวยโอกาส หรือทำให้เบสคิดไปไกลว่าผมกำลังหยามศักดิ์ศรีเค้าเข้าล่ะจะยุ่งได้ ค่อยๆรุกคืบด้วยสัมผัสและความจริงใจน่าจะดีที่สุด และน่าจะไปกันได้กับคำกล่าวที่เค้าว่ากันว่า ‘ผูกพันด้วยร่ายกายให้ได้ก่อนแล้วหัวใจจะตาม’ พวกคุณว่าผมคิดแบบนี้ถูกมั้ย
แต่ตอนนี้ผมอยากบอกให้คุณรู้ว่าผมมีความสุขชะมัด เพียงแค่ผมได้เดินเคียงข้างเบสเงียบๆ และมีบางจังหวะที่เราได้สบตากัน มันก็ทำให้ผมหุบยิ้มไม่ลง ด้วยหัวใจที่พองโตจนคับอก ความสุขนี่มันหาง่ายชะมัด แค่มีคนที่เราคิดว่าเค้าพิเศษกว่าใครมาอยู่เคียงข้างเท่านั้น ดูท่าเร็วๆนี้ผมจะได้รู้จักกับรักครั้งแรกแล้วสิ
...................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะแหมะ! นายนนนี่ก็นะ เจ้าแผนการไม่น้อยแต่ก็น่ารักน่าหยิกไม่หยอกเนอะ(หรา!?)

เชื่อว่าอีกไม่นานนนจะได้รู้จักรักแรกสมใจแน่นอนล่ะ เพราะเบสเองก็เปิดใจ
และปล่อยตัวให้ไอ้ล่ำดำถึกไม่น้อย ยิ่งตอนหน้ายิ่งตอกย้ำได้อย่างดี
ว่าเบสนั้นก็น่าจะมีใจให้นนตามที่นนคิดเข้าข้างตัวเองไว้
แต่จะเพราะใครหรืออะไร รู้ได้ในวันพุธค่ะ
+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
ปล.ดีใจที่เห็นเพื่อนนักอ่านเก่าๆที่ห่างหายไปเข้ามาทักทายกัน
ซึ่งต้องขอบคุณที่ยังไม่ลืมกันนะคะ ส่วนคนที่ตามอ่านมาตลอดและนักอ่านหน้าใหม่
เราซาบซึ้งในน้ำใจที่เอ็นดูหนุ่มๆของเรามากเลยค่ะ...ขอบคุณที่อยู่ข้างกัน
(งานซึ้ง งานประทับใจ อิๆ)
