ตอนที่ 21ชนนน “...ไอ้เป้แท็คกิ้ลเลย เวรเอ๊ย! ลุกๆ ไอ้นนคิดว่าจะรัคบอลจากกูรึไง...”
ทันทีที่ผมฉกลูกจากไอ้เป้ที่อยู่ทีมเดียวกับไอ้พี่แหนมมาได้ ก่อนที่ไอ้เป้จะทำคะแนนด้วยการอุ้มลูกเทคตัวลงบนพื้นนั้น ไอ้พี่แหนมที่สั่งการลูกทีมอยู่เมื่อครู่ ก็พยายามเข้ามาแย่งลูกรักบี้จากผม เราจึงรัคบอลอยู่ในเขตลูกโทษของทีมผมอย่างชุลมุน แต่อะไรก็ไม่เลวร้ายเท่ากับหน้าตายียวนกวนส้นของมันนี่แหละ ที่พยายามยั่วโมโหผมให้สติหลุด แต่ยังดีที่หางตาผมเหลือบไปเห็นไอ้ภาสที่ยืนมอลรอรับลูกอยู่ ผมจึงตัดสินใจกระชากลูก และส่งลอดหว่างขาไปให้ไอ้ภาสแทน
“ภาส! วิ่ง!” ไอ้ภาสรับลูกจากผมได้อย่างแม่นยำ ก่อนจะอุ้มลูกวิ่งหลบทีมฝ่ายตรงข้ามตามคำสั่งผม
“ชิ! เล่นทีเผลอนะมึง” ผมละสายตาจากแผ่นหลังไอ้ภาส ก่อนหันมายักคิ้วหลิ่วตาใส่ไอ้พี่แหนม ที่เผลอมืออ่อนปล่อยลูกให้ผมแย่งมา แต่ดันมาหัวเสียใส่ผมซะได้
ผมยักไหล่เอียงหัวให้มันอีกที ก่อนจะรีบวิ่งหลบตีนที่มันง้างเตรียมยันมาที่ผม
“ฮ่าๆ” ผมหัวเราะไปด้วยวิ่งไปด้วย ขำหน้ามู่ทู่ของไอ้พี่แหนมแม่งชะมัด ปล่อยให้มันหัวเสียไปครับ ผมขอไปรอรับลูกต่อจากไอ้ภาสก่อนดีกว่า ถูกลูกทีมไอ้พี่แหนมล้อมซะรอบตัวแล้ว
“นน!...เยส! ให้มันได้แบบนี้สิวะ วิ่งเลยมึง ทางโล่ง...วู้ๆๆๆ แบบนี้สิวะไอ้เฮียยยย! ตีไข่แตกแล้วโว้ย ฮ่าๆ”
ผมกอดลูกวิ่งเต็มฝีเท้า ทางโล่งอย่างที่ไอ้ภาสมันพูดนั่นแหละ เพราะเมื่อครู่ทีมไอ้พี่แหนมดันมัวแต่พยายามมอลบอลแย่งลูกจากไอ้ภาส ก่อนผมจะทุ่มลูกลงพื้นทำคะแนนให้ฝ่ายตัวเอง เรียกเสียงเฮจากลูกทีมและรอบๆสนามได้ไม่น้อย แต่จะดีกว่านี้ถ้าไอ้ภาสและคนอื่นๆจะเรียกผมด้วยชื่อเหมือนเดิม
‘แม่ง! ฟังผ่านๆเหมือนว่าพวกมึงกำลังด่ากูเลยพวกเชี่ยนี่’ ไอ้ภาสนี่แหละตัวดี นำทีมน้องๆเพื่อนๆเรียกผมว่าเฮีย ผมเคยติงไป มันก็สวนกลับมาทันทีว่าในความเป็นจริง ผมน่ะแก่กว่ามันและสมควรแล้วที่พวกมันจะเรียกผมว่าเฮีย
“ปรี๊ดดดด!” เสียงนกหวีดเป่าหมดเวลาครึ่งแรกของการซ้อมทีมของวันนี้
“เจ๋งว่ะมึง ตั้งแต่มีแฟนเนี่ย เล่นดีขึ้นนี่หว่า...ได้ ‘ยาดี’ ล่ะสิ” ไอ้ภาสวิ่งมาตบไหล่ผมอย่างแรง พร้อมคำชมด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพอใจ
ส่วนไอ้ ‘ยาดี’ ที่มันพูดขึ้นมา พาลให้ผมคิดถึงเหตุการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาทันที แต่ผมก็แทบหน้าทิ่มพื้นสนาม เพราะแรงผลักหัวจากไอ้พี่แหนม
“ยิ้มมากไปแล้วสาด!...แม้กูไม่อยากชม แต่ต้องยอมรับว่าวันนี้มึงเล่นดีว่ะนน”
“ชมอย่างเดียวก็ได้มั้งพี่ แต่ก็นะ คนมันมีความสุข อะไรๆก็ทำได้ดีไปหมดนั่นแหละ ฮ่าๆ...เฮ้ย! เห็นไม่ตอบโต้นี่ก็ผลักได้ผลักดี” ทั้งไอ้พี่แหนมและไอ้ภาสส่ายหน้าหน่ายๆใส่ผม ก่อนจะพร้อมใจกันผลักหัวผม และวิ่งส่ายตูดจากไป ปล่อยให้ผมโวยวายอยู่กลางสนามคนเดียว
“พี่นนครับ ดื่มน้ำก่อนนะ...นะครับ ให้น้องชายคนนี้ ดูแลพี่บ้าง” ผมว่าจะไม่รับขวดน้ำที่ถูกยื่นมาให้ตรงหน้า จากไอ้คนที่ทำร้ายจิตใจสุดที่รักของผม และเดินออกมาแล้วเชียว หากจะไม่ได้ยินคำอ้อนวอนท้ายประโยคนั่น
“น้องชาย!? บิวหมายความว่ายังไง” บอกก่อนผมไม่โง่นะครับที่ถามออกไปแบบนั้น สิ่งที่ไอ้เด็กบิวพูดมาเมื่อกี๊มันต้องมีนัยยะแอบแฝง แต่ผมไม่อยากตัดสินไปเองก่อนจะได้ฟังจากปากมัน
“บิวอยากขอโทษที่ทำตัวไม่ดีกับพี่นนและพี่เบสในวันนั้น ดีที่ได้พี่แหนมเตือนสติ ต่อจากนี้ไปบิวขอเป็นน้องชายพี่นนนะครับ และขอให้พี่นนอย่าเกลียดบิวเลย จะให้บิวไปขอโทษพี่เบสด้วยก็ได้ ขอแค่พี่นนรับบิวเป็นน้องแค่นั้นก็พอ”
เด็กมันสำนึกผิดและเอ่ยปากขอโทษขนาดนี้ ผมก็ไม่ใช่ยักษ์ใช่มารมาจากที่ไหน จึงส่งยิ้มให้เด็กบิวก่อนลูบหัวมันไปด้วย ไอ้เด็กบิวที่น้ำตาคลอปากสั่นจ้องผมด้วยแววตาสั่นไหว ถึงกลับปล่อยโฮและโผเข้ามากอดผมจนแน่น
“เฮ้ยยย!” จะเหลือเรอะที่ผมจะไม่ตกใจ
“วี้ดวิ้วๆๆ!...กอดโชว์เลยเหรอวะ ฮ่าๆ...ดีๆ เป็นพี่เป็นน้องสามัคคีกันไว้” เกิดเสียงเป่าปากเสียงแซวมาจากทโมนทีมรักบี้ที่อยู่รอบตัว อย่างไอ้พี่แหนมเองมีมาตบบ่าผม และพูดชมอย่างยิ้มๆด้วย
ผมจึงได้แต่ยกมือขึ้นไว้ระดับอกแบบทำอะไรไม่ถูก ไอ้ดีใจก็ดีใจอยู่หรอกที่ได้น้องชายเพิ่มดีกว่าได้ศัตรู แต่หากคนรู้จักของเบสมาเห็นภาพนี้เข้า ทั้งๆที่ไม่รู้ที่มาที่ไปเหมือนผมและคนในทีม แล้วเอาเรื่องนี้ไปฟ้องเจ้าตัว ไอ้นนได้หัวขาดแน่ๆ
‘ไม่อยากทะเลาะกับเมียโดยไม่จำเป็น’ ผมจึงค่อยๆดันไหล่เด็กบิวออก และถอยฉากก้าวออกมาหนึ่งก้าว ให้มีระยะห่างเข้าไว้ ปลอดภัยไว้ก่อนดีที่สุด
“เอ่อ บิวหยุดร้องเถอะ พี่ไม่ถือสาอะไรแล้ว ต่อไปเราก็เป็นพี่เป็นน้องที่ดีต่อกันเนอะ”
“ฟืดดด...ครับ!” หลังเสียงสูดน้ำมูกพร้อมท่าทางป้ายน้ำตาจากใบหน้าของเด็กบิวแล้ว มันก็ขานรับเสียงใส
หลังจากนั้นเหล่าทโมนรอบตัวก็ต่างเฮโลเข้ามาล้อมรอบตัวผมกับไอ้เด็กบิว ก่อนส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวแสดงความยินดีถ้วนหน้า พวกมันคงดีใจไม่ต่างจากผม ในเมื่อเราทีมเดียวกัน การมีความรักความสามัคคีในทีมย่อมเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นระหว่างนักกีฬาด้วยกัน หรือว่าระหว่างนักกีฬากับผู้จัดการทีมก็ตาม
ระหว่างที่ผมกระดกดื่มน้ำจากขวด ไอ้เด็กบิวก็มองผมไม่วางตาด้วยสายตาชื่นชม จนผมชักไม่แน่ใจกับพฤติกรรมก่อนหน้าของมัน ไอ้ผมก็ไม่ใช่ไก่อ่อนสอนขัน ทำไมจะอ่านสายตาคู่นี้ไม่ออก ก็ไม่อยากจะคิดมากหรอกนะครับ ‘มึงจะเอายังไงกับกูแน่วะเนี่ย’ แต่ผมยังไม่ทันจัดการอะไร ก็มีเสียงวิ่งตุ้บตั้บมาหยุดลงข้างตัว หันไปก็ต้องแปลกใจ เมื่อเจอเข้ากับเด็กชมรมวิทยาศาสตร์ลูกไล่ของไอ้นลิน
“ว่าไงวะแจ้ มีไรถึงวิ่งมาถึงนี่ ไอ้นลินใช้มาล่ะสิ...เอ้า กินน้ำก่อนมั้ย” ผมที่ยื่นขวดน้ำให้ไอ้เด็กแจ้แว่นหนา และแทบจะปล่อยขวดร่วงลงพื้น เมื่อได้ฟังคำตอบจากปากมัน
“แฮ่กๆ เหนื่อยว่ะ...พี่นลินให้มาบอกพี่นนว่า พี่เบสข้อเท้าพลิกระหว่างซ้อมครับ”
รู้แบบนี้ไอ้นนจะอยู่เฉยก็แปลกแล้วครับ ผมวิ่งหน้าตั้งไปสนามบาสทันที ได้ยินเสียงไอ้พี่แหนมบ่นแว่วๆตามหลัง แต่ใครจะสนวะ เมียกำลังเจ็บผมต้องรีบไปดูแลอย่างด่วน ลืมหมดแม่งไอ้ที่คิดเรื่องไอ้เด็กบิวไว้ ตอนนี้เมียสุดหล่อสำคัญที่สุดครับ
“แฮ่กๆ กัปตันพวกมึงอยู่ไหน” เป็นหมาหอบแดดเลยกู ไม่เหนื่อยก็แปลกแล้ว วิ่งจากหลังโรงเรียนมาสนามบาสหน้าโรงเรียนเนี่ย แถมมาถึงยังไม่เห็นสุดหล่อยอดดวงใจอย่างใจคิดอีก เจอแต่ทโมนทีมบาสที่ซ้อมกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือผมจะโดนไอ้นลินแกล้งเข้าให้แล้ววะ
“อ้าวไอ้เฮียมาแล้วเหรอ พี่เบสเพิ่งถูกนลินกับธันว์พาไปห้องพยาบาล” ไอ้นี่ชื่อไอ้แปงเป็นรองกัปตันทีมบาสรุ่นเดียวกับผม มันวิ่งออกมาจากสนามทันทีที่เห็นผมเข้า
หลังจากรู้ว่าสุดหล่ออยู่ที่ไหน ผมก็พยักหน้าให้มัน และเตรียมวิ่งไปหาเบสดังใจคิด แต่แล้วผมก็โดนไอ้แปงรั้งแขนไว้ จนต้องหันมาถลึงตาใส่มัน
“ใจกูร้อนเป็นไฟ ถ้ามึงรั้งไว้ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องล่ะน่าดู ไอ้แปง!” ผมหมุนตัวกลับมาท้าวเอว และพูดด้วยน้ำเสียงรอดไรฟันกับไอ้โย่งแปง มันเองถึงกลับชักมือคืนแทบไม่ทัน ก่อนทำหน้ามู่ทู่ย่นคอใส่ผมด้วยท่าทางแง่งอน
“โห! ถือว่าเป็นแฟนกัปตันทีมกูแล้วขู่ได้ไงฟะ ไอ้เฮีย!...เออๆ แม่งกูพูดแล้ว ไม่ต้องทำหน้าตาจะกัดกูแบบนั้น...ไอ้นน มึงช่วยถนอมกัปตันทีมกูมั่งเหอะ พี่เบสข้อเท้าพลิกวันนี้ กูว่าน่าจะเกิดเพราะมึงเป็นต้นเหตุนะ”
จากที่กำลังหงุดหงิดผมถึงกลับเปลี่ยนเป็นความแปลกใจ แต่พอทบทวนในสิ่งที่ไอ้แปงมันพูดแล้ว ก็พอเข้าใจอะไรขึ้นมาได้ลางๆ และชัดแจ้งขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินประโยคต่อมาของมัน
“วันนี้พี่เบสมาแปลกตั้งแต่เรื่องการแต่งตัวแล้ว กูเลยเริ่มสังเกตพี่แก เลยเห็นว่าไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ ทั้งท่าเดินท่าวิ่ง พอกูขอให้พักก็ไม่ยอม ฝืนซ้อม พอจังหวะจับลูกหมุนตัวดันล้ม จนข้อเท้าพลิก”
ผมนึกภาพตามที่ไอ้แปงพูด ก็ให้รู้สึกผิดขึ้นมา ไม่ต้องให้ไอ้แปงเตือน ผมก็รู้ว่าทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะตัวเอง ผมไม่น่าเอาแต่ใจกอบโกยเอากับสุดหล่อเลยให้ตายสิ ระหว่างที่ผมกุมขมับถอนใจยาวอยู่นั้น ไอ้แปงมันก็ตบเข้าที่ไหล่ผมไม่แรงนักอยู่หลายที จนผมต้องมองหน้ามัน และกลายเป็นว่าต้องเลิกคิ้วใส่มันด้วยความแปลกใจ กับสีหน้าทะเล้นไร้แววจริงจังแบบเมื่อครู่
“นี่ก็ใกล้แข่งแล้วด้วย ทีมเรามีพี่เบสเหมือนเป็นเทวดาประจำทีม เป็นจุดศูนย์รวมกำลังใจเลยนะโว้ย ขืนพี่เบสไม่ได้ลงแข่ง ไอ้หน้าใหม่พวกนั้นได้ใจเสียว่ะ...เอาน่าๆ ทำหน้าดีๆไว้ ต่อไปก็ถนอมกัปตันกูหน่อยแล้วกัน กูเข้าใจมึงไอ้เฮีย ใครได้เป็นเจ้าของเจ้าชายรูปหล่อ อดใจไหวก็แปลกแล้ว ฮ่าๆ” ไอ้แปงวิ่งเข้าสนามและทิ้งเพียงเสียงหัวเราะไว้ให้ผม
“ไอ้เวรแปง!” จะไม่ให้ผมหัวเสียได้ไงวะ ฟังประโยคท้ายๆของแม่งดิ ไอ้นี่ต้องคิดไม่ซื่อกับเมียผมชัวร์
‘กูเอ๊ย! มีเมียหล่อต้องใช้ความอดทน ไม่ให้กระทืบพวกแม่งขนาดนี้เลยเหรอวะ’
ผมสะบัดหัวไล่ความหงุดหงิด ก่อนเปลี่ยนความสนใจมายังสถานที่ๆสุดหล่ออยู่แทน จึงวิ่งกลับเข้ามายังอาคารเรียน ก่อนเลาะมาตามระเบียง จนถึงตึกอำนวยการที่มีห้องพยาบาลอยู่สุดทางเดิน
“อ้าว มาแล้ว ช้าได้อีกนะมึง” ผมได้ยินเสียงไอ้นลินก่อนจะเห็นตัวมันซะอีก ‘เพื่อนรักกูมากเหอะ มาถึงก็ด่าก่อนเลย ชิ’ แต่ผมให้อภัยมันนะเพราะมันอุตส่าห์พาสุดหล่อของผมมาห้องพยาบาล
“กูไปสนามบาสมา ก่อนจะมาที่นี่” ผมตอบไอ้นลินก่อนหันมาส่งยิ้มให้ไอ้ธันว์ ที่เดินตีคู่เพื่อนเลิฟของเราตรงมายังผม
“ไอ้นน มึงไปดูพี่เบสเหอะ แต่ไม่เป็นอะไรมากแล้ว ’จารย์พันผ้าที่ข้อเท้าให้ และให้กินยาแก้ปวดกับแก้อักเสบแล้วด้วย” ผมเอ่ยขอบใจไอ้ธันว์และเตรียมเดินเข้าห้องไปหาสุดหล่อ แต่กลับโดนไอ้นลินรั้งไว้อีกแล้ว
ตั้งแต่รู้ข่าวผมยังไม่ได้เห็นหน้าเมียรักเลยนะ ‘ใครๆจะอะไรกับกูนักหนาว้า’
“ไอ้นน! มึงไม่ต้องทำหน้าหงุดหงิดแบบนี้ใส่กูเลยนะ ดีเท่าไหร่แล้วที่กูสองคนผ่านสนามบาสมาเห็นพี่เบสเข้าพอดี จึงช่วยกันพามาส่งที่นี่ และให้เด็กไปตามมึง” ผมรีบหลบตาไอ้นลินด้วยความรู้สึกผิดทันที ก็นะ...เมื่อกี๊อารมณ์เป็นห่วงเมียมีมากกว่าที่จะคิดถึงน้ำใจของเพื่อน
“กูขอโทษ เป็นห่วงเบสมากไปหน่อย แต่ขอบใจมึงสองคนมากนะที่พาแฟนกูมาห้องพยาบาล” ผมจ้องตาไอ้นลินและไอ้ธันว์ระหว่างที่พูดประโยคดังกล่าว
ไอ้ธันว์น่ะไม่อะไรอยู่แล้ว มันก็แค่ยิ้มและผลักหัวผมเบาๆเป็นการเอาคืน แต่เจ้าแม่บัวงามของเรานี่สิครับ ไอ้นลินยืนกอดอกทำหน้าตาเอาเรื่องใส่ผม ผมจึงยื่นนิ้วไปเขี่ยท่อนแขนมัน พร้อมส่งยิ้มแหยๆแบบสำนึกผิดไปให้ด้วย
“[เพียะ!]...กูไม่ได้โกรธมึง ไม่ต้องทำหน้าเป็นหมางงเลยนะ แต่แค่ไม่ถูกใจในสิ่งที่มึงทำกับพี่เบสว่ะ กูรู้นะว่าเกิดอะไรขึ้น” ผมกับไอ้นลินจ้องตากันเงียบๆ แต่มีเพียงคนเดียวที่ส่งเสียงง้องแง้งอยู่ข้างตัวเรา
“ไอ้นนมันทำไรพี่เบสล่ะนลิน ทำไมมึงรู้แต่กูไม่รู้วะ ไอ้นนมึงทำไรพี่เบสไว้ บอกกูมา” ผมกับไอ้นลินหันมามองไอ้ธันว์พร้อมๆกัน จึงได้เห็นเด็กมาเฟียใหญ่กำลังชักสีหน้าไม่พอใจใส่เรา ด้วยการยื่นปากพองแก้มและถลึงตาใส่อย่างเอาเรื่อง
‘น่ากลัวตายล่ะมึง ทำแบบนี้มันน่ารักน่าแกล้งมากกว่ามั้ย’ ผมกับไอ้นลินหันมาสบตากันอีกครั้ง ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาพร้อมๆกัน ดูท่าแล้วไอ้นลินจะคิดไม่ต่างจากผมว่าไอ้ธันว์น่ะมันน่าแกล้ง
“ธันว์ มึงยังเด็กไม่ต้องรู้เรื่องหรอกน่า รอให้เฮียหลี่ผิงบอกมึงเองดีกว่า พอถึงตอนนั้น มึงต่างหากที่ต้องมาเล่าให้กูฟังบ้าง เข้าใจมั้ยเด็กน้อย” เออ เอากับเจ้าแม่บัวงามสิครับ พูดไปแบบนั้นไอ้ธันว์ยิ่งงงเป็นไก่ตาแตก
“ไอ้นลิน มึงพูดอะไรเนี่ย กูงงกว่าเดิมเลย แล้วเฮียหลี่ผิงมาเกี่ยวอะไรกับไอ้นนและพี่เบสวะ” ผมหัวเราะให้กับท่าทางง้องแง้งจะเอาความจริงของไอ้ธันว์ และท่าทางอมภูมิของไอ้นลินทันที แต่พอนึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ ผมก็เอ่ยขอตัวกับมันสองคน
“เดี๋ยวกูขอไปดูเบสก่อนนะ นลินส่วนเรื่องที่มึงเตือน ต่อไปกูจะ ‘ทำ’ แต่พอดี ขอบใจมึงสองคนมากเพื่อน” ผมยักคิ้วใส่ตาไอ้ธันว์ในจังหวะที่ผมเน้นคำว่า ‘ทำ’ ในประโยคที่เอ่ยไป ด้วยอยากช่วยคลายความสงสัยในใจเด็กน้อย แต่คงไปเพิ่มความสงสัยให้ไอ้ธันว์ซะมากกว่า
ระหว่างที่ผมหมุนตัวเข้าห้องพยาบาลนั้น ผมทันได้ยินไอ้ธันว์ถามไอ้นลินใหญ่เลย ว่าผมทำอะไรไว้กับเบสกันแน่ ปล่อยให้ไอ้นลินมันเคลียร์เองแล้วกัน เพราะตอนนี้ผมอยากเห็นหน้าสุดหล่อมากกว่า
เมื่อผมก้าวเข้ามาในห้องพบว่าเบสนั่งอยู่บนเตียงที่อยู่ในสุดชิดบานหน้าต่างที่ถูกเปิดไว้ ทำให้แสงสว่างสีส้มยามเย็นสาดเข้าหาร่างโปร่งที่กำลังนั่งห้อยขาก้มหน้าอยู่ แต่กลับทำให้เหมือนว่าร่างนั้นมีแสงออร่าสีส้มเปล่งประกายออกมาครอบเรือนกายนั้นไว้ ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะค่อยๆเงยขึ้นอย่างช้าๆ พาให้ผมหยุดเท้าลงอยู่กับที่ เพื่อจับจ้องทุกอิริยาบถของเทวดารูปงาม ทั้งๆที่ผมห่างจากเบสไม่ถึงสิบก้าวแล้วแท้ๆ
ยามที่ตาสบตาเหมือนพาให้หัวใจผมหยุดเต้นไปด้วย และก่อนที่ผมจะแดดิ้นตายอยู่ตรงนี้ เพราะเสน่ห์ลุ่มลึกแห่งดวงตาคู่เรียวนั้น เทวดารูปงามตรงหน้าก็ขยับโอษฐ์เรียกชื่อผม ด้วยน้ำเสียงนุ่มลึกชวนละลาย
“นน~.......อย่ามาเป็นลมตรงนี้นะ สังขารตอนนี้ไปช่วยไม่ไหวหรอก” ‘วืดดดด...ใครเคยมีอาการแบบนี้บ้างมั้ย ไอ้นนแทบล้มทั้งยืน’
“เฮ้อออ...เบสอ่ะ” ผมถอนใจพรืดก่อนเดินหงอยๆเข้าหาสุดหล่อ และนั่งแหมะลงบนพื้นต่อหน้าคนรูปหล่อที่กำลังยิ้มย่องนี่แหละ
ผมมองตาก็รู้แล้วว่าไอ้ดำตูดหมึกโดนไอ้หน้าหยกขี้แยแกล้งซะแล้ว ก่อนผมจะยกเท้าข้างซ้ายของเบส ที่ถูกผ้ายืดพันไว้ขึ้นมาวางบนตัก ด้วยอาการทะนุถนอม ยิ่งเห็นยิ่งรู้สึกผิด ผมจึงเงยหน้าขึ้นเพื่อสบตาสุดหล่อที่ก้มมองกันอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งแววตาที่ผมเห็นจากเบส ไม่มีแววโกรธเคืองหรือหงุดหงิดให้เห็นสักนิด
“เบสครับ นนขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้เบสเจ็บตัว” เบสมีแววตางุนงงก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นแววตื่นตระหนก พร้อมแก้มใสทั้งคู่จะเริ่มขึ้นสีระเรื่อคาตา
ผมแปลได้ว่าสุดหล่อเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดแล้ว หากอยู่ในเหตุการณ์อื่น ผมคงได้แหย่ให้เจ้าของความน่ารักได้ยิ่งเขินอายมากขึ้น แต่ไม่ใช่ตอนนี้ที่ผมกำลังรู้สึกผิด ด้วยรู้ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนรักเจ็บตัว และสิ่งที่ผมทำคือรวบเอวสุดหล่อไว้อย่างนิ่มนวล ด้วยต้องระวังเท้าข้างที่เจ็บของเบสด้วย ก่อนผมจะซบหน้าลงกับตักอุ่นๆ
คุณจะต่อว่าผมว่าอ้อนแฟนก็ได้นะครับ เพราะผมก็ตั้งใจไว้เช่นนั้นจริงๆนั่นแหละ แต่การอ้อนครั้งนี้ของผม ไม่ได้ต้องการให้เบสงดบทลงโทษที่มีต่อผมนะครับ แต่ขอแค่ผ่อนหนักเป็นเบาเท่านั้นเอง
ไม่นานหลังจากที่ผมซบตักสุดหล่อนั้น ผมก็รู้สึกถึงฝ่ามืออุ่นๆที่วางแหมะลงบนหัวผม ทำให้เกิดรอยยิ้มน้อยๆกลับคืนมาสู่ใบหน้าผม ก่อนผมจะรวบเอวเบสเข้าหาตัวมากกว่าเดิม
“รู้ตัวก็ดี...ต่อไปก็ ‘เบาๆ’ หน่อย” คำว่า ‘เบาๆ’ ของเบสนั้นเบาสมชื่อครับ เพราะมันแทบไม่หลุดออกมาจากปากสุดหล่อให้ผมได้ยินเลย แต่มันก็เพียงพอแล้วที่ทำให้ความรู้สึกผิดในใจผมเบาบางลง แถมยังก่อเกิดความสุขมหาศาล เมื่อแปลประโยคข้างต้นได้ว่าสุดหล่อยอดดวงใจไม่ได้ห้ามให้มีครั้งต่อไป เพียงแค่ผมต้องทะนุถนอมเบสมากขึ้นเท่านั้น
ถึงแม้ตอนนี้ผมจะไม่อยากให้สุดหล่อลำบากใจสักนิด แต่ผมก็อยากเห็นหน้าเบสนี่หน่า ว่าจะแสดงสีหน้าแววตาออกมาแบบไหน ผมจึงค่อยๆเหลือบตาขึ้นอย่างช้าๆ ทั้งๆที่คางยังวางอยู่บนตักสุดหล่อ เพื่อไม่ให้สุดหล่อรู้ตัวไปซะก่อน เดี๋ยวสิ่งที่ผมอยากเห็นจะสลายไปต่อหน้าต่อตา ซึ่งก็สมใจ
เมื่อผมได้สบตากับดวงตาที่ฉายแววเอื้อเอ็นดูแกมหมั่นไส้ และทันได้เห็นพวงแก้มทั้งคู่ที่ขึ้นสีชมพูจางๆ กับมุมปากสวยที่ยกยิ้มน้อยๆ แต่แล้วภาพน่ามองตรงหน้าก็พลันจางหาย เมื่อเจ้าของสิ่งเหล่านั้นรู้ตัวว่าโดนผมแอบมองเข้า
“โอ๊ะ!!...เบสอ่ะ ใจร้ายผลักหัวนนทำไม เฮ้ย! เจ็บมั้ยครับ” ผมที่กำลังแกล้งนอยด์ใส่สุดหล่อขี้เขินก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเบสนิ่วหน้าและก้มมองข้อเท้าตัวเอง ทำเอาผมต้องรีบยกเท้าข้างนั้นขึ้นมาบนตักเพื่อพิจารณา พร้อมลูบมือผ่านผ้ายืดแผ่วเบาไปด้วย
“ไม่เป็นไรแล้ว เรากลับบ้านกันเถอะ” ประโยคชักชวนจากเสียงทุ้มนุ่มของสุดหล่อ ทำให้ผมตอบรับอย่างไม่มีอิดออด ก่อนจะค่อยๆวางเท้าข้างซ้ายของเบสลงพื้นและลุกขึ้น เตรียมพร้อมที่จะพาสุดหล่อกลับบ้าน แต่ผมต้องชะงักงันเพียงเพราะเสียงห้ามปรามจากน้ำเสียงแข็งๆของเบส ผิดจากน้ำเสียงเมื่อครู่ลิบลับ
“หยุด!! จะทำอะไร” สุดหล่อนี่ก็แปลก ไหนว่าจะกลับบ้านไง ผมก็กำลังพากลับอยู่แล้วแท้ๆ
“ก็พาเบสกลับบ้านไงครับ” แล้วทำไมสุดหล่อต้องชักสีหน้าไม่พอใจใส่กันด้วย แค่ผมจะอุ้มเบสออกจากห้องก็เท่านั้นเอง
“จะอุ้มทำไมล่ะ ขืนออกไปแบบนี้ คนได้มองกันทั้งโรงเรียน”
“ไม่ให้นนอุ้มแล้วจะกลับกันยังไงล่ะ นนไม่ให้เบสเดินเองหรอกนะ ขืนเดิน ไม่ต้องเดาเลยว่าข้อเท้าจะบวมขนาดไหน คืนนี้ไม่ต้องนอนแน่ๆ” ผมท้าวเอวพร้อมเอียงคอและจ้องตาสุดหล่อไปด้วย ยืนยันให้รู้กันไปเลย ว่าผมไม่ยอมให้เบสเดินเองแน่นอน
เบสเองก็จ้องตาผมเขม็งอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน ก่อนจะถอนใจออกมายาวเหยียด มีแอบส่ายหัวบ่นพึมพำกับตัวเองอีกด้วย แต่ท่าทางที่แสดงออกพาให้ผมยิ้มได้ เพราะรู้แล้วว่าในที่สุดสุดหล่อก็ต้องยอมชนนนในที่สุด ผมที่ยืนยิ้มกริ่มก็ต้องสะดุ้งรีบหุบยิ้มทันที เมื่อเบสส่งเสียงแข็งๆออกมา
“หันหลังสิ!” คุณได้ยินคำสั่งเหมือนผมมั้ย ทำไมผมต้องหันหลังด้วย ไม่ได้คันจนต้องให้สุดหล่อเกาให้ซะหน่อย แต่ผมก็ต้องรีบทำตาม เมื่อมีชุดคำสั่งเดิมตามมาอีกครั้ง
“แบกกลับไปดีๆล่ะ ขืนทำตก เบสเอาเรื่องนนแน่!” เสียงกำชับแกมข่มขู่ดังขึ้นข้างหู ทำให้ผมตอบรับอย่างแข็งขันออกไปทันที
“ครับผม นนจะแบกสุดหล่อของนนกลับบ้านอย่างดีที่สุด ขืนปล่อยให้ตก คงไม่เฉพาะเบสที่เจ็บตัว แต่นนคงเจ็บใจตัวเองมากกว่า ที่ดูแลสุดที่รักไม่ดี ซึ่งมันจะไม่มีวันนั้น เชื่อมือไอ้ดำตูดหมึกคนนี้ได้เลย”
หลังจากพูดจบผมก็กระชับท่อนขาอุ่นๆเข้าที่ข้างเอว ก่อนจะค่อยๆทรงตัวยืนขึ้น และแบกร่างสุดหล่อออกจากห้องพยาบาล เพื่อพาไปขึ้นรถ แต่ไม่อยากบอกเลยคุณเอ๋ย ว่าระหว่างทางจะมีคนมองแค่ไหน เอาเป็นว่าผมเดินไปทางไหน คนที่อยู่ในระยะสายตาที่เห็นเรานั้น มันมองมาทุกผู้ทุกนามเลยล่ะ
ไอ้นนล่ะภูมิใจที่ได้แสดงให้ใครๆได้รู้กันทั่ว ว่าคนที่สามารถดูแลใกล้ชิดชนิดเนื้อแนบเนื้อกับเจ้าชายแห่งทีมบาสได้นั้น มีเพียงชนนนคนนี้คนเดียว ครึๆ
“นี่แค่แบกคนยังมองขนาดนี้ ขืนให้อุ้มออกมา คนคงแห่มาดูทั้งโรงเรียนเลยมั้ง เหอะ!”
“อ๋อย! แค่กๆ พูดอย่างเดียวก็ได้นี่ครับ ทำไมต้องรัดคอนนด้วยอ่ะ”
“พูดมากน่า! รีบเดินเร็วๆเลย เอ้อระเหยลอยชายอยู่นั่น”
‘หว่า! สุดหล่อนี่รู้ทันไอ้นนด้วย’ ผมว่าจะเดินช้าๆเพื่อโชว์คนทั้งโรงเรียนแท้ๆเชียว
........................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะคาแรกเตอร์นนตอนนี้ตั้งใจให้ออกมาเป็นหมาสีดำตัวใหญ่ที่รู้ตัวว่าทำผิด
และเข้ามาอ้อนเจ้าของให้หายโกรธ ซึ่งส่วนตัวก็ชอบตอนนี้อ่ะ

ตอนนี้อาจจะดูไม่มีอะไร อ่านสบายๆยิ้มๆกันเนอะ แต่เราได้แอบซ่อน
เข็มกลัดตัวร้ายเอาไว้ คงต้องตามดูว่าเข็มกลัดตัวเล็กๆนี้จะแผลงฤทธิ์เมื่อไหร่
ตอนหน้าตามดูคุณแม่สามีกับว่าที่สะใภ้เล็กหยอกเย้ากันค่ะ ว่าจะทำให้
ไอ้ดำตูดหมึกอิจฉาได้แค่ไหน แถมไอ้อาการสำนึกผิดก่อนหน้าที่ทำสุดหล่อเจ็บตัว
ดันสลายหายโต๋ เพียงแค่ไอ้ดำตูดหมึกเจอเมียรักเปลือยต่อหน้า!?
จะเกิดอะไรขึ้น...ติดตามได้วันพุธค่ะ
+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
ปล.ต้องขออภัยแฟนรักบี้ตัวจริง อาจจะขัดหูขัดตากับคำศัพท์เฉพาะในตอนนี้นะคะ
