ตอนที่ 29ชนนน “เฮีย ผมต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้โทรรายงาน ตอนนั้นไอ้ธันว์ยื่นคำขาดขนาดนั้น ผมไม่กล้าขัดใจมัน กลัวมันจะเตลิดเพราะความดื้อ”
“อืม ไม่เป็นไรหรอกนน เฮียรู้ว่าเด็กเฮียดื้อขนาดไหน ฮึๆ”
ผมถึงกลับแอบถอนใจปาดเหงื่อทีเดียวเชียวที่เฮียหลี่ผิงไม่คิดถือสา ไม่งั้นเมียสุดหล่อของผมได้เป็นหม้ายผัวตายแน่ๆเหอะ แถมท่าทางหัวเราะด้วยใบหน้านิ่งๆ แต่เสียงหัวเราะหลุดไม่พ้นลำคอของมาเฟียใหญ่ บวกสายตาอ่อนเชื่อมถูกใจยามจ้องไอ้ธันว์ ที่กำลังสาละวนเทน้ำหวานใส่แก้ว พร้อมโม้อยู่กับนลินและน้องธารณ์นั้น บอกได้คำเดียวว่ามาเฟียใหญ่หลงเด็กดื้อของตัวเองไม่น้อย และผมก็รอดจากการโดนสั่งเก็บ เพราะขัดคำสั่งท่านมาเฟียใหญ่ไปได้หวุดหวิด
การที่ผมกับสุดหล่อข้างกายมาโผล่ที่บ้านธนอรรถย์ได้ เป็นเพราะโดนไอ้นลินโทรตามว่าเฮียหลี่ผิงอยากเจอหน้าด่วน แรกรู้เรื่องผมถึงกลับปฏิเสธเสียงสั่น กลัวพาเมียมาตายที่นี่ซะก่อนน่ะสิครับ แต่พอไอ้นลินบอกว่าทั้งคู่เคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว ไม่มีเหตุการณ์ให้ต้องสุ่มเสี่ยงต่อชีวิต และเฮียหลี่ผิงแค่อยากคุยกับผมเท่านั้น
ผมจึงชวนสุดหล่อที่เพิ่งกินราเมนอิ่ม มาชิมของหวานต่อที่ธนอรรถย์แทน เบสเองก็ไม่ถามมากความยอมตามผมมาแบบไม่มีข้อแม้ ผมเดาว่าสุดหล่อคงเป็นห่วงไอ้ธันว์นั่นแหละครับ เพราะตั้งแต่มันโดนเฮียหลี่ผิงลากกลับบ้าน เราก็ยังไม่รู้ข่าวมันเลย
จนกระทั่งเรามาถึงธนอรรถย์ในเวลาไล่เลี่ยกับไอ้นลิน ที่ให้คนขับรถที่บ้านมาส่ง และพวกเราก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศชื่นมื่น ด้วยมีทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนสองคนที่แทบจะตีกันเมื่อวาน ไหนจะออร่าสีชมพูที่แผ่ปกคลุมทั้งคู่อีก ไม่ต้องมีใครบอกก็เดาได้ว่าไอ้ธันว์และเฮียหลี่ผิงปรับความเข้าใจกันได้แล้ว
ไอ้นลินก็ไม่รอช้าลากไอ้ธันว์เข้ามาซักรายละเอียดทันที เด็กดื้อของมาเฟียมีอิดออดหน้าแดงนิดหน่อย แต่หน้ามันดันแดงมากขึ้น เมื่อหันไปสบตาล้อเลียนมาเฟียใหญ่ของตัวเอง ผมดูก็รู้แล้วว่าคงเป็นเรื่องเข้าใจผิดในอะไรบางอย่างแน่นอน
เรื่องมีอยู่ว่าช่วงที่เฮียหลี่ผิงไปตรวจงานกับปาปานั้น มันค่อนข้างยุ่งจนหัวปั่น เพราะเฮียมาเฟียต้องดูเรื่องเอกสาร และทำความรู้จักกับพนักงานทุกระดับของแต่ละสาขา ช่วงสองวันแรกที่ไปอาเฮียยังพอแบ่งเวลาโทรหาไอ้ธันว์ได้อยู่ แต่พอสองวันก่อนดันเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น สาเหตุจากแก๊งปลายแถวที่อยากจะลองดีกับแก๊งหวางหย่งกัง ด้วยการส่งคนเข้ามาส่งยากันในโรงแรม และสร้างสถานการณ์ให้ตำรวจเข้าตรวจค้น หวังผลทำลายชื่อเสียงของโรงแรมในเครือหวางหย่งกัง
เมื่อวานทั้งวันเฮียหลี่ผิงและปาปาหลี่จวิน จึงต้องวิ่งวุ่นจัดการเรื่องคดี และวางแผนเอาคืนหัวหน้าแก๊งที่เข้ามากระตุกหนวดมังกรใหญ่ บวกเข้ากับเฮียหลี่ผิงทำโทรศัพท์หล่นหายแบบไม่รู้ตัวเข้าอีก มารู้ตัวอีกทีก็ช่วงเย็นที่คิดจะโทรหาไอ้ธันว์นั่นแหละ แต่เฮียหลี่ผิงก็ไม่ได้สนใจกับโทรศัพท์ที่หายไปมากนัก เพราะห่วงแต่เรื่องติดต่อไอ้ธันว์ไม่ได้มากกว่า ด้วยรู้ตัวว่าโดนไอ้ธันว์งอนใส่จนไม่ยอมรับสายเข้าแล้ว ซึ่งเป็นที่มาของมิสคอลร้อยๆสายนั่นเอง
ส่วนผู้หญิงที่ไอ้ธันว์โทรไปเจอ และอ้างเป็นแฟนเฮียหลี่ผิงนั้น คือลูกสาวของหัวหน้าสาขาที่ถูกตาต้องใจเฮียหลี่ผิงตั้งแต่แรกพบ และเป็นคนเดียวกับที่เก็บโทรศัพท์ของอาเฮียไว้ได้ ซึ่งพอเฮียหลี่ผิงมารู้ความจริงจากปากไอ้ธันว์ ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นต้นเหตุของปัญหาวุ่นๆทั้งหมด ถึงกลับควันออกหูและเตรียมโทรกลับฮ่องกงไปเอาเรื่อง แต่ก็โดนไอ้ธันว์รั้งไว้ ด้วยเหตุผลที่ผมฟังแล้วชวนอึ้งว่า
‘ผู้หญิงคนนั้นแม้จะเป็นต้นเหตุให้กูทำตัวไม่มีเหตุผลกับเฮียหลี่ผิง แต่เค้าก็ทำให้กูรู้ว่ากูห่วงและหวงเฮียพวกมึงมากกว่าที่คิด แล้วไหนเค้าจะทำให้กูเจอเฮียหลี่ผิงเร็วกว่าที่คาดไว้อีก เค้าน่าจะได้รับคำขอบใจจากกูด้วยซ้ำ ที่สำคัญกูไม่อยากคิดว่าถ้าเฮียพวกมึงโทรกลับไป มันจะเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของผู้หญิงคนนั้นบ้าง’ ได้ฟังแบบนี้แล้ว ผมอดคิดไม่ได้ว่าเด็กน้อยของพวกผมมันโตขึ้นแล้วจริงๆ
หลังจากนั้นทั้งผมและไอ้นลินก็พร้อมใจกันยีหัวไอ้ธันว์เป็นการทำโทษ ข้อหาที่เมื่อวานทำให้เราสองคนเป็นห่วงมัน จนแทบจะเป็นบ้าตามมันไปด้วย โดยมีสุดหล่อที่ฟังเหตุการณ์มาตลอดยืนระบายยิ้มอยู่ข้างๆ ก่อนท่านมาเฟียใหญ่จะมาฉกตัวเด็กน้อยของตัวเองไป ไอ้ผมถึงกลับสะดุ้งเมื่อโดนตวัดสายตาเข้าใส่ และนึกรู้ว่าผมกับเฮีย เรายังมีเรื่องต้องเคลียร์กัน ซึ่งก็เป็นที่มาของประโยคก่อนหน้า หลังจากที่ผมได้เล่าเหตุการณ์ในฝั่งของผมให้เฮียหลี่ผิงฟัง
“ยังไงเฮียก็ต้องขอโทษนนด้วย ที่เมื่อวานแสดงท่าทางไม่ดีเข้าใส่” ได้ฟังมาเฟียใหญ่เอ่ยขอโทษแบบนี้แล้ว ผมงี้รีบส่ายหน้าและยกมือโบกปฏิเสธแทบไม่ทัน
“เอาเถอะ ไม่รับคำขอโทษก็ไม่เป็นไร เฮียขอติดเป็นเลี้ยงอาหารสักมื้อแล้วกัน ต่อจากนี้เฮียก็ต้องฝากน้องธันว์ให้นนและนายช่วยเป็นหูเป็นตาด้วยนะ...จริงๆเราสามคนรุ่นเดียวกันนี่ใช่มั้ย ต่อไปเรียกชื่อกันเฉยๆก็ได้”
หลังจากผมยิ้มรับคำฝากฝังของเฮียหลี่ผิงแล้ว ก็หันไปสบตาสุดหล่อที่นั่งเงียบมาตลอดบทสนทนา ซึ่งเบสเองก็มองผมนิ่งๆด้วยแววตายินดีที่ผมกับเฮียหลี่ผิงเคลียร์กันได้ แถมเบสเองยังโดนฝากฝังให้ดูเด็กมาเฟียใหญ่ด้วยอีกคน ซึ่งเบสก็ดูเต็มใจไม่น้อยครับ แต่แล้วผมกับเบสก็ต้องหันไปทางเฮียหลี่ผิงอีกครั้ง เพราะประโยคสุดท้ายที่ได้ยิน
เราจึงพบกับแววตาแห่งมิตรภาพที่ฉายชัดในดวงตาคู่คมเข้มตรงหน้า ซึ่งผมก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เฮียหลี่ผิงจะรู้เรื่องอายุของผม ด้วยอาเฮียคงรู้มาจากไอ้ธันว์อีกที ซึ่งเรื่องนี้ผมไม่คิดว่าเป็นความลับ หรือเป็นเรื่องที่ต้องปิดบังอยู่แล้ว แต่ผมไม่คิดจะทำตามที่เฮียหลี่ผิงพูดหรอก ด้วยผมนับถือมาเฟียใหญ่คนนี้จากความคิดและการกระทำที่ผ่านมา ผมไม่ได้นับถือจากอายุแต่อย่างไร จึงไม่มีความจำเป็นที่ผมต้องเปลี่ยนสรรพนามเรียกขาน
“ผมขอเรียกเฮียเหมือนเดิม และขอให้เฮียแทนตัวกับผมอย่างเดิมด้วยแล้วกันครับ มันสนิทใจดี และผมก็นับถือเฮียเหมือนเป็นพี่ชายคนหนึ่งด้วยไม่คิดเปลี่ยนแปลง”
“นับถือเฮียเป็นพี่ แต่กับอีกคนไม่ใช่ล่ะสินะ ฮึๆ” นานๆทีมาเฟียใหญ่จะเอ่ยแซว แถมแซวได้โดนใจมากแบบนี้ นอกจากไม่คิดติดใจแต่ผมยังถูกใจมากๆอีกด้วย เพราะสุดหล่อถึงกลับแกล้งเฉไฉทำทีไม่ได้ยินสิ่งที่อาเฮียพูดเลยล่ะ
“ ‘คนนี้’ นอกจากไม่นับเป็นพี่ เพื่อนผมก็ไม่นับ เพราะผมจัดให้อยู่ได้สถานะเดียวคือ ‘แฟนที่เคารพรักของผม’...เนอะเบสเนอะ” ‘ไอ้นนล้อเล่นนิดเดียวเอง เมียรักก็ตาแข็งแทบแดกหัวซะแล้ว’
ผมจึงรีบส่งยิ้มอ้อนๆทำทีอ้อล้อใส่ตาเขียวๆของสุดหล่อทันที ดีนะที่ผมปิดประโยคได้ดี ไม่งั้นมีหวังแก้วน้ำอัดลมในมือเบส คงได้กระแทกเข้าใส่หัวผมให้หมดหล่อไปแล้วเหอะ
“พี่เบสเป็นไรอ่ะ หน้าบึ้งเลย...นน! มึงกวนตีนใส่แฟนมึงอีกแล้วสิ...พี่เบสอย่าไปสนใจมันเลย อ่ะ กินทาร์ตไข่ก่อนครับ จะได้อารมณ์ดี เนอะ” ‘ไอ้ธันว์ มึงไม่ต้องมานงมาเนอะกับแฟนกูเลย แล้วนั่นอะไร ยิ้มแบบนั้นหวังให้สุดหล่อของกูกลับไปหลงมึงอีกใช่มั้ย’
“ไอ้ธันว์! หยุดยิ้มนะโว้ย”
“น้องธันว์! มานี่เลยครับ เฮียบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ายิ้มแบบนี้ให้ใครเห็น”
ผมกับเฮียหลี่ผิงโวยออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ทำเอาคนโดนโวยหน้าเหวอ ก่อนไอ้ธันว์จะถูกดึงตัวไปโดยเฮียหลี่ผิงให้ลงนั่งข้างๆกัน แต่มันก็ยังไม่หมดฤทธิ์มีขมวดคิ้วยื่นปากใส่มาเฟียใหญ่ของตัวเอง แถมมีบ่นพึมพำที่ผมไม่ได้ยินใส่อีกด้วย
ส่วนคนของผมนั่งงงอยู่แป๊บ พอตั้งตัวได้และเห็นภาพเดียวกับผม เบสมีอมยิ้มน้อยๆส่ายหัวหน่อยๆ แต่พอหันมาเจอว่าผมมองอยู่กลับทำหน้านิ่งตาดุแก้มแดงใส่อีกแน่ะ และคุณคิดว่าผมทำไงล่ะ โวยใส่ให้รู้สำนึก หรือแกล้งงอนรอให้เค้าง้อดี แต่ไอ้ที่ว่าไปนั้น ผมไม่ได้ทำสักอย่าง เพราะสิ่งที่ผมทำคือ...
“เบสอ่ะ นนอยู่ตรงนี้ทั้งคน ทำไมต้องมองไอ้ธันว์ตาเยิ้มขนาดนั้นด้วย นนหึงนะ” ผมก็แค่ทำตัวออดอ้อนให้น่าสงสารน่ะสิครับ
“ไม่เข้าเรื่องน่ะนน เบสมองน้องธันว์ตาเยิ้มที่ไหน หลี่ผิงก็นั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคน ใส่ความกันชัดๆนะครับ” แม้ถ้อยคำจะเต็มไปด้วยถ้อยคำต่อว่าต่อขาน
แต่ผมแอบเห็นนะว่ามีแววขบขันในแววตาสุดหล่อ แม้มันจะเกิดขึ้นชั่วแวบก็ตาม แต่มันก็ทำให้ผมรู้ว่าผมตัดสินใจถูกแล้ว ที่ไม่ทำตามสองข้อแรกที่คิดไว้
“เจ๊นลินคะ ธารณ์แทบจะสำลักน้ำเชื่อมแล้วอ่า ดูเฮียๆสิ จู๋จี๋ไม่อายน้องนุ่งเลย รู้งี้เอาโทรศัพท์ลงมาด้วยก็ดี ไม่งั้นนะธารณ์ได้ช็อตหวานๆของคู่จิ้นบันลือโลกไปฝากเพื่อนๆแล้ว”
สาววายรุ่นเล็กอย่างน้องธารณ์นี่น่ามอบโล่ให้นะครับ ที่คิดปฏิบัติภารกิจของสาววายตลอดเวลา ทำเอาหนุ่มหล่อข้างตัวผมและพี่ชายเจ้าตัวทำอะไรไม่ถูกไปแล้วครับ
“ธารณ์จ๊ะ หนูยังต้องฝึกอีกเยอะจ้ะ เพราะรอบตัวเรายังมีคู่จิ้นให้ฟินอีกเพียบ และหน้าที่ของสาววายต้องมาพร้อมความเสียสละอันยิ่งใหญ่เสมอ ตอนนี้น้องธารณ์ไปเอาโทรศัพท์ก็ยังทันนะคะ เจ๊เชื่อว่าทั้งเฮียหลี่ผิงและไอ้นนยังน่าจะปล่อยของได้อีกนะ” จบคำนลินเท่านั้น น้องธารณ์ก็วิ่งปรู๊ดออกจากริมสระน้ำทันที โดยมีไอ้นลินกอดอกหัวเราะน้อยๆมองตามหลัง
ผมไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมน้องธารณ์ถึงดูแก่นเซี้ยวแบบนี้ คงเพราะมีไอ้พี่เลี้ยงตัวดีที่อยู่ข้างๆคอยยุยงส่งเสริมนี่เอง แล้วดูผลจากบทสนทนาของสองสาวสิครับ ไอ้ธันว์ตาโตอ้าปากพะงาบๆเป็นปลาทองขาดน้ำ มีชี้นิ้วตามหลังน้องสาว โดยไม่หลุดเสียงใดๆออกมาสักแอะ ผิดจากคนข้างตัวไอ้ธันว์ที่ระบายยิ้มอย่างกว้าง และมองเหตุการณ์รอบตัวอย่างอารมณ์ดี ก่อนเฮียหลี่ผิงจะยกมือยีหัวมัน เมื่อมันหันไปมองอาเฮียตาเขียว
ส่วนสุดหล่อของผมก็อึ้งในคำพูดของสองสาวไม่ต่างกัน แต่ไม่ออกอาการเท่าไอ้ธันว์เท่านั้นเอง เบสอึ้งอยู่แป๊บก่อนตวัดตาเขียวๆใส่ผมที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ พร้อมเสจิบน้ำในแก้วและตักขนมเข้าปาก ‘สุดหล่อของไอ้นนน่ารักไม่เปลี่ยนเลยเนอะ เขินแล้วชอบทำเฉไฉ’
ผมกับเบสใช้เวลาอยู่บ้านธนอรรถย์จนถึงบ่ายแก่ๆก็ขอตัวกลับ เพราะท่านแม่โทรมาตามให้พาลูกสะใภ้เข้าบ้านหน่อย ด้วยท่านคิดถึงและมีของฝากจะให้ ผมจึงต้องปฏิเสธอาหารเย็นของหม่าม้านิรชา และพลาดการไปส่งเฮียหลี่ผิงที่สนามบินด้วย
“มาครับๆ น้องเบสของแม่ ไม่ต้องมากพิธี แม่ไม่ค่อยได้เจอเลย คิดถึงสุดหล่อของแม่จัง...[ฟอดดด]...แม่มีของจะให้ด้วยนะ” ดีที่เป็นท่านแม่ ไม่งั้นไอ้นนไม่มีทางยอมแบ่งแก้มเนียนๆของสุดหล่อให้หอมหรอกครับ
ท่าทางที่ทั้งรักทั้งหลงของแม่ที่มีต่อเบส มันน่าปลื้มใจน้อยที่ไหนกัน แต่เรื่องของฝากนี่สิ ลูกชายคนเล็กที่เคยเป็นที่รักมากอย่างผมนั้นยอมไม่ได้ครับ ผมจึงเปลี่ยนที่ไปนั่งบนพื้นต่อหน้าแม่ลูกที่ดูรักกันม้ากมากแทน ก่อนผมจะกอดเอวแม่อรที่สาละวนรื้อของในถุงกระดาษใบโต โดยมีสุดหล่อของเรานั่งระบายยิ้มอยู่ข้างๆ แต่พอเห็นผมเข้ามีเหล่หางตามองอย่างอวดๆอีกแน่ะ มันน่าโดนผมฟัดสักฟอด ผมจึงส่งค้อนน้อยๆให้ และตัดสินใจวางคางเกยตักอุ่นๆของท่านแม่ พร้อมส่งเสียงออดอ้อนทวงสิทธิ์ของตัวเอง
“แม่~ มีแต่ของเบสเหรอ ของนนล่ะ นนรู้ว่าแม่ต้องไม่ลืมลูกชายคนนี้ ใช่มั้ยครับ” นี่ถ้าเป็นการ์ตูนนะผมว่าต้องมีประกายวิ้งๆออกมาจากตาผมที่ตั้งใจอ้อนแม่แน่ๆ
“โอยยย! แม่อ่ะ นนเจ็บ” ผมก็ต้องร้องโอดโอย เมื่อท่านแม่แกล้งหยิกแก้มผมโยกไปมา ที่ร้องก็ไม่ได้เจ็บมากหรอกครับ ก็แค่แกล้งสำออยให้เป็นที่น่าสงสารทั้งต่อหน้าแม่และเมียเท่านั้น
“ไม่ต้องแกล้งสำออยเลยเจ้านน ไม่น่ารักเท่าน้องเบสของแม่หรอก...อ่ะ แม่ให้นน ที่ให้เพราะเห็นแก่ว่า นนหาว่าที่สะใภ้ได้ถูกใจแม่หรอกนะ ส่วนนี่ของน้องเบสครับ ถูกใจมั้ยลูก...ว้าย! เจ้านนขโมยหอมแก้มแม่ทำไม หืม”
‘ฮิ้วๆๆ ท่านแม่พูดได้ถูกใจไอ้นนที่สุด’ ผมไม่แม้แต่สนใจของที่ถูกยื่นมาให้ และเลิกทำตัวเป็นลูกขี้อิจฉาในทันที พร้อมชะโงกหน้าหอมแก้มให้รางวัลสุดยอดคุณแม่แห่งปี และยิ้มใส่ตารู้เท่าทันของท่านแม่ที่แกล้งถาม ทั้งที่รู้แก่ใจว่าผมถูกใจเรื่องอะไร
“ก็...ขอบคุณสำหรับของฝากนี่ไงครับ นนไม่ได้หอมแม่เพราะถูกใจในสิ่งที่แม่พูดหรอกน้า~ ครึๆ” สุดหล่อของผมหน้าระเบิดก้มหน้างุดไปแล้วครับ โดนทั้งแม่สามีและสามีแซวซะขนาดนั้นนี่เนอะ
หากอยู่กับผมลำพังและผมเผลอหลุดคำจำพวก ‘เมีย’ หรือ ‘สะใภ้’ ไปนะ ไอ้นนได้กลิ้งจนหน้ากระแทกกำแพงไปแล้วเหอะ ที่พูดได้เนี่ยผมน่ะเคยมาแล้ว เล่นเอาแก้มช้ำไปหลายวันเชียวครับ นี่ดีนะเป็นแม่อรที่เคารพรักยิ่งของสุดหล่อเป็นคนพูดน่ะ
“หา! ผ้าพันคอ โห! แม่ลำเอียง ทำไมเบสได้สร้อยคออ่ะ แต่นนได้แค่เนี้ย” ผมดึงผ้าพันคอไหมพรมสีเทาเข้มเนื้อนุ่มออกจากถุง และแกล้งร้องโวยวาย เมื่อเห็นว่าของในมือสุดหล่อเป็นสร้อยคอทองคำขาวเส้นสวย
ใจจริงไม่ได้คิดอิจฉาเบสหรอกครับ ออกจะดีใจด้วยซ้ำที่ท่านแม่เอ็นดูเมียรักขนาดซื้อของมีค่าให้ แถมเนื้อผ้าเนียนนุ่มของผ้าพันคอในมือ บ่งบอกชัดว่ามูลค่าไม่น้อยทีเดียว แสดงว่าท่านตั้งใจเลือกมันมาให้ผมโดยเฉพาะ
“หรือจะไม่เอา...ดี แม่จะได้ยกให้น้องเบสของแม่ นี่อากาศก็เริ่มเย็นแล้วด้วย เดี๋ยวเบสจะไม่สบาย” ท่านแม่พูดแบบนี้แสดงว่ากลัวลูกชายอย่างผมไม่สบายล่ะสิครับ
เห็นผมดิบเถื่อนขนาดนี้ ไม่อยากบอกว่าตอนเป็นเด็กพออากาศเริ่มเปลี่ยนทีไร ผมน่ะหวัดกินก่อนใครเพื่อนเลย ทำให้แม่เป็นห่วงผมมาจนถึงตอนนี้ล่ะครับ ผมจึงรีบคว้าชายผ้าพันคอไว้ ก่อนมันจะหลุดลอยไป และรีบขอบคุณท่านแม่ทันที
“เอาสิครับ! ขอบคุณครับแม่ นนรู้ว่าแม่เป็นห่วงนน แค่แกล้งพูดเท่านั้นเอง เนอะเบสเนอะ” ขอหาพวกหน่อยครับ เพราะท่าทางท่านแม่จะเริ่มงอนลูกชายเข้าแล้วจริงๆ และคงเป็นโชคของผมที่ได้ท่านพ่อมาช่วยชีวิตไว้
“อะไรกันเจ้านน เสียงดังลั่นบ้าน...ผ้าพันคอผืนนี้เอามาให้เจ้านนนี่เอง มิน่าคุณเลือกซะนานเชียว” ฮั่นแน่! แม่อรรักไอ้นนไม่เปลี่ยนจริงๆด้วย ถ้าพ่อพูดว่านานนั่นหมายความว่านานจริงๆครับ
ผมรีบยิ้มประจบแม่อรด้วยการยกมือไหว้ทันที ท่านแม่ถึงกลับสะบัดค้อนน้อยๆ แต่ผมเห็นนะว่ากระตุกยิ้มด้วย และภาพเดียวกันนี้ก็คงไม่พ้นสายตาของพ่อและเบส ด้วยทั้งสองหัวเราะคลอเบาๆขึ้นมาพร้อมกัน ผมจึงรีบเงยหน้าส่งยิ้มประจบท่านแม่ พร้อมเขย่ามือท่านไปด้วย ที่สุดแม่อรก็หันมาส่งยิ้มให้ผม ก่อนลงมือพันผ้าพันคอให้ผมด้วยตัวท่านเอง
“ดูแลสุขภาพดีๆนะนน เรายิ่งไม่เหมือนใครเค้าอยู่ เจ็บไข้ขึ้นมาเดี๋ยวน้องเบสของแม่จะลำบาก” น้ำเสียงนุ่มนวลพร้อมสัมผัสอ่อนโยนของแม่ ทำให้อกผมอุ่นวาบเมื่อสัมผัสได้ถึงความรักของแม่ที่มีให้ผม
ไม่ว่าเราจะโตแค่ไหน ในสายตาพ่อแม่ก็คงยังเห็นว่าเราเป็นเด็กเล็กๆไม่เปลี่ยน แถมสุดสวยยังมีแก่ใจหยอดลูกสะใภ้ให้ใครๆได้ยิ้มอีกแน่ะ ไม่เว้น ‘น้องเบสของแม่’ ที่ยิ้มละไมให้ท่านอย่างน่ามองที่สุด
“คุณอรสิ่งที่คุณอยากได้ ผมเอาลงมาให้แล้ว” ผมเปลี่ยนจากการสบตาท่านแม่ ก้มมองกล่องเล็กๆในมือท่านพ่อที่นั่งข้างๆแม่บนโซฟา
ผมต้องตาโตด้วยความตกใจปนยินดี เมื่อเห็นจี้พระองค์น้อยสีมรกตใสในกล่องใบนั้น จะไม่ให้ผมตกใจได้ยังไงครับ ในเมื่อจี้พระองค์นั้นเป็นของรักของหวงของแม่อร ด้วยท่านได้รับมาจากคุณย่าที่เสียไปแล้วอีกที และแม่เคยพูดทีเล่นทีจริงกับเราสามพี่น้องไว้ว่า จะเก็บไว้มอบให้แก่ลูกสะใภ้คนเล็ก ตามเจตนารมณ์ของคุณย่า โดยที่ท่านแม่และคุณย่าเองก็เป็นสะใภ้เล็กแห่งชลาสินธุ์เช่นกัน
แม่อรหยิบจี้พระแก้วมรกตหยกแท้ร้อยเข้ากับสร้อยทองคำขาวจากกล่องที่เบสถือ ก่อนจะบรรจงสวมสร้อยให้สุดหล่อที่คอด้วยตัวท่านเอง ท่ามกลางความมึนงงของสุดหล่อ แต่เบสก็ยังมีสติพอที่จะย่อตัวนั่งกับพื้นข้างๆผม และไหว้ขอบคุณท่านแม่ด้วยสีหน้ามึนงงไม่หาย ก่อนจะแตะจี้พระที่คอไว้และหันมาสบตาผมอย่างขอความเห็น
ผมจึงทำเพียงพยักหน้าส่งยิ้มให้ สื่อให้สุดหล่อนั้นรับของชิ้นนี้ไว้ ด้วยไม่ต่างจากพ่อพลและแม่อรยอมรับเบสเป็นหนึ่งในครอบครัวชลาสินธุ์แล้วอย่างสมบูรณ์
“เบสครับ” ผมและเจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมองท่านแม่อย่างพร้อมเพรียง ก่อนแม่อรจะวางมือลงบนหัวสุดหล่อ และลงมือลูบอย่างนุ่มนวล ส่วนใบหน้าท่านนั้นก็ระบายยิ้มอ่อนโยนส่งให้แก่เราทั้งคู่ ได้ไม่ต่างจากสิ่งที่พ่อพลกำลังกระทำสักนิด
“ถึงแม่จะรู้จักเบสไม่นาน แต่แม่ก็รับรู้ได้ว่าลูกน่ะเป็นเด็กดี สำคัญลูกชายแม่ก็รักและจริงจังกับเบสมาก ไม่แปลกที่แม่จะรักเบสไม่ต่างจากลูกแท้ๆของแม่ ส่วนพระองค์นี้แม่ได้มาจากคุณย่าของนนอีกที เจตนารมณ์ตอนที่ท่านมอบให้แม่คือ ท่านต้องการมอบให้สะใภ้เล็กของตระกูลชลาสินธุ์เป็นผู้ดูแล ซึ่งแม่มั่นใจในตัวเบสแล้ว แม่จึงขอมอบ ‘สิ่งมีค่า’ นี้ให้ลูกดูแลต่อนะครับ และบอกไว้ก่อนแม่ไม่รับคืน เพราะพระแก้วมรกตองค์นี้ จะต้องมีน้องเบสของแม่เป็นคนดูแลเท่านั้น รับปากแม่สิครับว่าจะดูแลอย่างดี”
‘วะ...ว้าว!! ’เด็จแม่ของไอ้นนพูดได้ดีพูดได้โดนใจม้ากมาก’ แม่อรพูดแบบนี้เหมือนต้องการผูกมัดสุดหล่อไว้ให้แก่ลูกชายแสนดีอย่างผมชัดๆ ผมล่ะอยากกระโจนเข้าไปหอมแก้มท่านแม่ซะหลายๆฟอด ก่อนจะตะโกนขอบคุณท่านด้วยความดีใจปนตื้นตันเลยเชียวล่ะ แต่ทำได้มากสุดคือส่งสายตาสื่อความหมายให้ท่านรู้ ว่าผมนั้นทั้งรักและขอบคุณท่านมากมายเพียงใด ด้วยเรากำลังรอลุ้นว่าสุดหล่อของเราจะว่าอย่างไร แม้แต่พ่อพลยังจ้องรอคำตอบของเบสตาไม่กระพริบเลยครับ
เบสเองมองหน้าท่านแม่อย่างอึ้งๆ พร้อมคลึงพระแก้วมรกตที่คอไปด้วย ก่อนสุดหล่อจะก้มหน้าและนั่งเงียบไปนาน จนเราสามคนพ่อแม่ลูกต้องแอบมองสบตากันไปมา ไอ้ผมรึก็เริ่มใจไม่ดีที่เห็นท่าทางไม่แน่ใจของสุดหล่อ หากว่าเบสเกิดปฏิเสธขึ้นมาผมได้ชีช้ำ แต่ผมจะไม่ยอมให้สุดหล่อเอ่ยปฏิเสธก่อนหรอก จึงเตรียมสะกิดเพื่อจะอ้อนขอให้เบสรับปากแม่อร และช่วงจังหวะที่นิ้วผมแตะเข้าที่ท่อนแขนขาวๆ ก็เป็นเวลาเดียวกับที่เบสเงยหน้าขึ้น และผมก็ใจชื้นพร้อมหัวใจในอกที่เริ่มฟูฟ่อง เมื่อได้เห็นรอยยิ้มบางเบาและแววตามุ่งมั่นแฝงแววหวานจางๆ
“ครับ เบสจะดูแล ‘สิ่งมีค่า’ ที่แม่อรมอบให้อย่างดีที่สุดครับ” ผมล่ะฉีกยิ้มจนปากแทบฉีก ไม่เพียงแต่ยินดีในสิ่งที่สุดหล่อยอดรักพูดเท่านั้น แต่สัมผัสอบอุ่นจากฝ่ามือที่กุมทับหลังมือผม พร้อมแรงกระชับยามเบสพูดถึง ‘สิ่งมีค่า’ ในประโยคข้างต้นนั้น สื่อชัดว่าสิ่งมีค่านั้นไม่ได้หมายถึงเพียงพระแก้วมรกตเท่านั้น แต่ยังหมายถึงนายชนนนคนรูปหล่อคนนี้ด้วย
‘ผมเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีค่ามากที่สุดของสุดหล่อ’ อ๊ายยย! คิดแล้วเขินอ่ะ ผมเป็นของเบส เบสเป็นของผม เราเป็นของกันและกัน
................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะอ๊ายยย ใครไม่หลงสุดหล่อตอนนี้ก็ใจแข็งเกินไปล่ะ
จะว่าไปเบสชักจะกลายเป็นพระเอกของเรื่องไปแล้วเนอะ
ส่วนนนคือตลกหน้าม่าน

อยากกอดแม่อรของชนนนจริงๆ น่ารักไม่มีใครเกิน และช่าง
คิดกุศโลบายอย่างการมอบ “สิ่งมีค่า” ที่เป็นทั้งคนและของให้ดูแล
แบบนี้สุดหล่อจะหนีลูกชายคนเล็กของท่านไปไหนพ้นเนอะ
มีใครจำโชคได้บ้างคะ กัปตันทีมบาสของอีกรร.ที่เหมือนจะถูกตาต้องใจ
สุดหล่อของชนนนเข้า และนายนี่จะมาป่วนหรือก่อเรื่องอะไรให้ไอ้ดำตูดหมึก
ได้ร้อนใจบ้าง อยากรู้ต้องติดตามในวันพุธค่ะ
+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
