ตอนที่ 30ชนนน “เบสช่วยพี่อ๋อมแอ๋มเถอะนะคะ ไม่มีใครเหมาะกับคอลเลคชั่นวินเทอร์ของพี่เท่าเบสอีกแล้ว ช่วยดีไซน์เนอร์มือใหม่ของวงการหน่อยน้า” พี่สะใภ้ที่แสนน่ารักกับถ้อยคำออดอ้อนด้วยเสียงหวานๆ และท่าทางกอดแขนเมียรักของผมเขย่านั้น น่าจะสร้างความเอ็นดูให้ใครต่อใครได้ไม่น้อย
โดยเฉพาะพี่สาวสุดเท่ของผมที่กำลังนั่งพิงโซฟา และกอดอกระบายยิ้มด้วยท่วงท่าสบายๆ พร้อมดวงตาสุกใสที่เปล่งประกายฉายแววรักใคร่ยามมองสาวคนรักนั้น
พี่กานต์ไม่ต้องเอ่ยอะไรออกมาผมก็รู้ได้ ว่างานนี้ผมคงไม่มีคนช่วยพูดเหมือนครั้งที่แล้วแน่ๆ บวกท่าทางโอนอ่อนและไม่มีคำปฏิเสธของเบสเข้าไปด้วย ผมรู้ชะตากรรมของตัวเองได้เลยว่า คงได้กลายเป็นหมาคอยตามหวงก้างหล่อๆ ในเวลาอันใกล้นี้อย่างแน่นอน
เอาน่ะ! ผมยอมก็ได้ ด้วยยามนี้สุดหล่อเหลือบมองกันอย่างต้องการขอความเห็นแล้วนี่นะ เพราะเดี๋ยวผมจะกลายเป็นผู้ชายใจแคบ ในสายตาพี่สะใภ้และภรรเมียสุดที่รักไป
“นนแล้วแต่เบส...แต่มีข้อแม้นะครับพี่อ๋อมแอ๋ม ถ้าเบสตกลงไปถ่ายแบบเปิดตัวให้ร้านพี่ นนจะขอตามไปด้วยทุกครั้ง” ผมเบือนสายตาหลบตาคมๆที่ฉายแววรู้เท่าทันของเบส มายังพี่สะใภ้สุดสวยเพื่อยื่นข้อเสนอ และดูท่าคำพูดของผมจะทำให้สุดสวยของพี่กานต์หน้าชื่นขึ้นมาทันตา
“ขอแค่น้องเบสตกลง เรื่องที่นนขอไม่มีปัญหาเลยจ้า...ว่าไงครับเบส” ไม่เฉพาะพี่อ๋อมแอ๋มแล้วที่มองไปยังสุดหล่อ แต่รวมถึงผมและพี่กานต์ด้วย
“ผมตกลงครับ” สิ้นคำตกลงของเบสเท่านั้น พี่อ๋อมแอ๋มถึงกลับร้องกรี๊ดเบาๆ และโผเข้ากอดสุดหล่อของผมไว้จนแน่นอย่างถูกใจในคำตอบ
“อ่า...พี่อ๋อมแอ๋มครับ คือ...พี่กานต์อยู่นั่น ส่วนเบสน่ะของผม” ผมสะกิดท่อนแขนเรียวเบาๆด้วยความเกรงใจ พอดวงตาคู่สวยของพี่สะใภ้ตวัดมามอง
ผมจึงชี้ไม้ชี้มือไปที่พี่สาวสุดเท่ เพื่อให้สัญญาณว่าคนที่พี่อ๋อมแอ๋มกำลังกอดน่ะเป็นคนของผม ทำให้ทั้งเบสและพี่กานต์ส่ายหน้าน้อยๆ มีกระตุกยิ้มมองมายังผมอย่างระอาใจ ส่วนพี่สะใภ้ที่แสนน่ารักนั้น รีบคลายกอดและส่งยิ้มอายๆมายังผม ก่อนเอ่ยขอโทษให้ทั้งเบสและพี่กานต์
“เอ่อ ขอโทษจ้ะเบส กานต์คะอ๋อมแอ๋มขอโทษ ดีใจเลยลืมตัวไปหน่อย คิกๆ” คงไม่มีใครใจร้ายกับสาวน่ารักอย่างพี่อ๋อมแอ๋มได้ลงคอหรอกครับ
โดยเฉพาะกับพี่กานต์นั้น นอกจากจะไม่ถือโทษที่สาวคนรักกอดผู้ชายอื่นต่อหน้าแล้ว พี่ผมยังยกมือลูบแก้มใสๆของพี่อ๋อมแอ๋มอย่างเบามือด้วยความทะนุถนอม พร้อมระบายยิ้มบางเบาด้วยความเข้าใจให้อีกด้วย ทำให้พี่สะใภ้ของผมถึงกลับหัวเราะเบาๆแก้เขินเลยทีเดียว
“ไม่เป็นไรค่ะ อ๋อมแอ๋มไม่ต้องคิดมากนะคะ เพราะกานต์ถือว่าเบสเป็นน้องชายของกานต์คนหนึ่ง ไม่ต่างจากนนอยู่แล้ว แต่ต่อจากนี้อ๋อมแอ๋มอย่าเผลอไปกอดใครที่ไหนเข้าอีกนะคะ...กานต์หวง”
‘ครึๆ พี่น้องบ้านชลาสินธุ์นิสัยไม่ต่างกันจริงๆเลยว่ามั้ยครับ’
ส่วนพี่สะใภ้ของผมตอนนี้น่ะ อายม้วนต้วนบิดกระโปรงแทบขาดไปแล้ว ส่วนสุดหล่อของผมน่ะเหรอ นั่งยิ้มหล่อมองพี่ๆด้วยแววตาระยิบระยับมีความสุขไม่ต่างจากผมเลย
หลังจากพี่อ๋อมแอ๋มกลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง วิญญาณดีไซน์เนอร์ไฟแรงก็แผลงฤทธิ์ทันที ด้วยคนสวยของพี่กานต์จัดการนัดแนะ และแนะนำเรื่องการเตรียมตัวเป็นนายแบบครั้งแรกให้แก่เบส ผมได้ฟังถึงกลับเหวอว่าแค่การใส่ชุดถ่ายรูปโปรโมทร้าน ทำไมถึงมีขั้นตอนเตรียมตัวมากมายขนาดนั้น
ความคิดของเบสตอนนี้คงไม่ต่างจากผมนัก แต่ผมล่ะขำกับอาการของคนรูปหล่อมากกว่า ด้วยเบสกระพริบตาปริบๆมองพี่อ๋อมแอ๋มอย่างมึนๆ ซึ่งมาถึงขั้นนี้แม้เบสอยากจะยกเลิก แต่คงทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว และผมก็ต้องหลุดขำออกมาจนได้ ให้กับอาการละล่ำละลักพูดไม่เป็นคำของสุดหล่อ
“อะ เอ่อ สปา ผมต้องเข้าสปาด้วยเหรอครับพี่อ๋อมแอ๋ม”
“ใช่ค่ะ ถึงน้องเบสจะหล่อใสอยู่แล้ว แต่หากได้เข้าสปาสักหน่อย พี่เชื่อว่าเบสจะต้องดูดีและเปล่งออร่ามากกว่านี้แน่ๆ” สาวสวยของพี่กานต์ยังคงยิ้มหวาน ไม่รับรู้ถึงความหนักใจของสุดหล่อของผมสักนิด
ผมเองก็เข้าใจอาการของเบสนะว่า สปากับผู้ชายอย่างเราๆนั้น มันช่างไม่เข้ากันสักนิด และผมต้องสะดุ้ง เมื่ออยู่ๆเบสก็หันมามองผมด้วยแววตามุ่งมั่นแบบแปลกๆ
“ก็ได้ครับ แต่ผมขอผลัดเป็นหลังจากแข่งขันจบแล้วนะครับ ที่สำคัญต้องให้นนไปทำสปากับผมด้วย...นนไม่คิดปฏิเสธอยู่แล้ว ใช่มั้ย!” เมียผมนี่ก็น่ารักใช่ย่อยเนอะ มีคิดถึงและห่วงใยสามีตลอดๆ สงสัยว่าเจ้าตัวจะอยากให้ผมขาวใสมั่งล่ะนะ แต่เรื่องทำสปานี่มันช่าง!
เฮ้ออออ ไอ้นนไม่กล้าปฏิเสธอยู่แล้วครับที่รัก ขืนผมปฏิเสธสุดหล่อ คงไม่ใช่แค่ใช้น้ำเสียงแข็งๆกับผมเท่านั้น แต่หน้าแข้งงามๆคงถูกประเคนมาให้ถึงหน้า ผมจึงรีบตอบรับคำสุดหล่ออย่างเร็ว เมื่อเจอสายตากดดันเข้าอีกดอก ทำให้ผมได้รับรางวัลเป็นการแสยะยิ้มอย่างพอใจกลับมา
“งั้นตกลงตามนี้นะคะ พี่จะได้เตรียมจองสปาและสถานที่ถ่ายแบบไว้เลย ขอบใจน้องเบสมากนะจ๊ะที่ยอมเป็นนายแบบให้ร้านพี่ เอ๊ะ! รึจริงๆอ๋อมแอ๋มต้องขอบใจนนกันแน่คะกานต์ เพราะดูแล้ว ถ้านนไม่ยอม อ๋อมแอ๋มคงไม่ได้เบสมาเป็นนายแบบแน่ๆเนอะ คิกๆ” ‘แซวเยอะๆเลยคร้าบพี่สะใภ้ ไอ้นนล่ะชอบที่เห็นเมียรูปหล่อทำตัวไม่ถูก’
“ฮึๆ อย่าแซวน้องเลยค่ะ ได้เวลาอาหารกลางวันแล้วไปที่ห้องอาหารกันเถอะ เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่จะรอ” สิ้นคำพี่กานต์แล้ว พี่อ๋อมแอ๋มก็เข้าไปคล้องแขนพี่กานต์ ก่อนทั้งคู่จะเดินคุยกระหนุงกระหนิงออกไป
ผมหันกลับมามองสุดหล่อก็ให้ระบายยิ้มออกมา เมื่อหน้าหล่อๆของเมียรักช่างดูน่ารักน่าหยิก ด้วยเบสกำลังอมยิ้มแก้มตุ่ยมองพี่ๆตาระยับ จนผมอดใจไม่ไหวแกล้งแซวแบบวอนให้เจ็บตัวซะงั้น
“มองแบบนั้นอิจฉาเหรอครับ อ่ะ นนสละแขนให้...โอ๊ะ! เบสอ่ะ” ดีนะที่เตรียมตัวไว้อยู่แล้ว กับแค่โดนเขกหัวจึงไม่คณามือผมเท่าไหร่ แต่ที่ร้องเสียงดังน่ะก็แค่เรียกร้องความเห็นใจเท่านั้น แต่คนรู้ใจก็คือคนรู้ใจอยู่วันยังค่ำ
“ไม่ต้องสำออยครับ ไปกินข้าวเถอะนน เดี๋ยวพ่อพลแม่อรต้องหิ้วท้องรอ” เมียชวนขนาดนี้ ไอ้นนรึจะกล้าชักช้า
“คร้าบบบ”
อาหารกลางวันที่สมาชิกเกือบครบ ด้วยขาดพี่ชนะที่เข้าไปตรวจเรือขนสินค้าลำใหม่ที่ท่าเรือชลาสินธุ์นั้น จึงเต็มไปด้วยความสุขตลบอบอวล จากความรักความห่วงใยที่ผู้ร่วมโต๊ะอาหารมีให้แก่กัน โดยเฉพาะท่านแม่ที่มีสองศรีสะใภ้ผลัดกันตักอาหารบริการให้ จนโดนท่านพ่อแซวยิ้มๆจนได้ว่า วันนี้แม่ลืมพ่อเพราะมีแต่คนคอยเอาใจ จนท่านแม่ถึงกลับแกล้งสะบัดค้อนน้อยๆ ก่อนท่านจะรีบตักของโปรดใส่จานคู่ชีวิต พร้อมเอ่ยขอโทษเบาๆด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ซึ่งพ่อพลก็ไม่น้อยหน้าตักอาหารให้แม่อรเช่นกัน มีแอบสบตากันหวานฉ่ำให้พวกเราได้แอบอิจฉาด้วย พาให้ลูกๆและสะใภ้น้อยใหญ่แอบอมยิ้มให้แก่กัน กับภาพความน่ารักและความเอื้ออาทรที่มีให้แก่กันของบุพการี
แต่แล้วความสุขที่ผมได้จากมื้ออาหารกลางวันนั้นก็ต้องหมองมัว จากคนปลายสายที่โทรเข้าเครื่องโทรศัพท์ในมือของผมขณะนี้ ส่วนเจ้าของเครื่องตัวจริงนั้น กำลังวิ่งอยู่ในสนามบาสแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ด้วยกัปตันทีมบาสเค้านัดลูกทีมซ้อม เพื่อเตรียมแข่งในอีกสองวันข้างหน้า โดยมีสามีกัปตันทีมบาสเยี่ยงผมตามมาส่งและเฝ้าข้างสนาม เพื่อรอรับกลับบ้านในคราวเดียวกัน
“เบสจำเราได้มั้ย นี่เรา ‘โชค’ นะ” หลังจากที่ผมรับสาย เจ้าของน้ำเสียงตื่นเต้นจนเกือบล้นก็แนะนำตัวขึ้นทันที
คราแรกผมก็นึกไม่ออกว่าไอ้โชคร้ายนี่มันคือใคร พยายามนึกหน้าเพื่อนในห้องเบสอยู่ครู่หนึ่ง แต่พอมันขยายความว่าเป็นกัปตันทีมบาสของโรงเรียนที่เบสเคยแข่งด้วยเท่านั้นแหละ ไอ้หน้าจิ้งจกถูกประตูทับก็ลอยขึ้นมาในหัวผมเลย
“เบสไม่ว่าง! มึงไม่ต้องโทรมาอีก” ผมคิดตัดไฟแต่ต้นลมและเตรียมกดวางสาย แต่น้ำเสียงร้อนรนที่ดังเล็ดลอดออกมาห้ามไม่ให้ผมวางสายนั้น ทำให้ผมเปลี่ยนใจฟังว่าไอ้โชคร้ายมันจะพล่ามอะไร
การกระทำนี้ของผมทำให้รู้ว่าตัวเองคิดผิด เพราะคำถามชวนหาเรื่องอย่างการที่มันถามว่าผมเป็นใคร ทำไมถึงถือวิสาสะมารับโทรศัพท์เครื่องนี้ได้
“ทำไมกูจะรับโทรศัพท์แฟนกูไม่ได้! ถ้ามึงรู้แล้ว มึงก็อย่าโทรมาหาแฟนกูอีก!” ผมตะคอกแม่งผ่านสาย ไม่สนแล้วว่าใครจะตกใจกับเสียงผมบ้าง แต่จากหางตาผมเห็นว่าผู้หญิงที่มานั่งดูการซ้อมบาสนั้น ถึงกลับสะดุ้งและมองมาที่ผมอย่างหวาดๆด้วย
“อ๋ออออ นายนั่นเอง เราก็แค่โทรมาคุยกับเบสในฐานะเพื่อนเฉยๆ จริงๆนายไม่เห็นต้องโวยวายเลย ถ้ามั่นใจว่าเบสชอบนายจริง แค่เราโทรมาคุยด้วย คงไม่ทำให้เบสหวั่นไหวไปกับเราหรอกม้างงง รึนายไม่มั่นใจในตัวเองกันแน่”
ผมล่ะปรี๊ดตั้งแต่อ๋อแรกที่ไอ้โชคร้ายลากเสียงยียวนใส่แล้วครับ ยิ่งได้ยินประโยคชวนหาเรื่องยาวๆเข้าไปอีก ผมแทบอยากหายตัวได้และไปโผล่ต่อหน้าแม่ง ก่อนกระทืบให้ม้ามแตกคาตีนซะตอนนี้
“หึ! ปากเก่งแบบนี้ กูก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าต่อหน้ามึงจะเก่งเหมือนปากมั้ย อย่าให้กูเจอมึงก็แล้วกัน!!” แม้ผมจะโกรธจนแทบระเบิด และอยากฉีกเนื้อแม่งออกเป็นชิ้นๆ
แต่สิ่งที่ผมทำคือพยายามตั้งสติและควบคุมอารมณ์ให้มากที่สุด ก่อนจะกดเสียงต่ำเพื่อเตือนปนขู่ไอ้เชี่ยนี่ไปในตัว เพราะรู้ว่ามันพยายามกวนตีนผม ยิ่งผมโวยวายเหมือนแม่งจะยิ่งชอบใจ เข้าทางมันสิไม่ว่า
“นนเป็นอะไร ใครโทรมา” ผมเลือกที่จะเงียบและจ้องเพียงหน้าจอดำสนิทของโทรศัพท์ในมือ ไม่คิดจะตอบคำถามเบสที่วิ่งออกจากสนาม จนมายืนค้ำหัวอยู่ตรงหน้าผมในตอนนี้
ผมรู้นะว่าสุดหล่อไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่ด้วยความโกรธผสมหึงจนหน้ามืด ผมจึงอดเหวี่ยงไม่ได้จริงๆ ‘จุดนี้กูแม่งลืมหมด ว่าเมียรูปหล่อนั้นน่าเกรงขามแค่ไหน’
เมื่อผมเงียบเบสเองก็เงียบไม่พูดอะไรออกมาอีกเช่นกัน ทำให้รอบตัวเรามีเพียงเสียงร้องเท้ากีฬาเสียดสีไปกับพื้นสนาม และเสียงลูกบาสกระทบพื้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ สลับกับเสียงพูดคุยและเสียงโวยวายเป็นบางช่วงของเหล่าทโมนในสนาม
แม้จะเกิดความเงียบระหว่างกัน แต่ในหัวผมกลับมีแต่เสียงโวยวายด่าทอไอ้หน้าจิ้งจก ที่กล้าลองดีคิดจะตีท้ายครัวผม และมีวางแผนไว้ต่างๆนานา ว่าหากเจอมันผมจะจัดการมันด้วยวิธีไหน มันถึงจะเจ็บแสบและหลาบจำไม่คิดจะยุ่งกับสุดหล่อของผมอีก เรียกได้ว่าผมว้าวุ่นจนลมปราณแทบแตกซ่านเชียวล่ะ ส่วนภายนอกผมกลับวางตัวนิ่งสนิท ด้วยยังคงยันศอกไว้กับเข่าและก้มหน้ามองเพียงมือที่กุมโทรศัพท์ไว้ พร้อมสีหน้าเคร่งเครียดผิดลุคบ้าบอที่เคยมี
ผมไม่รู้ว่าตอนนี้สุดหล่อกำลังคิดอะไร จะมีสีหน้าแบบไหน หรือแม้แต่จะนึกโกรธกันมั้ย เรียกได้ว่าตอนนี้ผมคิดถึงแต่ความรู้สึกของตัวเองเท่านั้น ก่อนผมจะรู้สึกว่าสุดหล่อทรุดตัวลงนั่งข้างๆกัน และมีมืออุ่นๆมาแตะเข้าที่หลังมือผม พร้อมโทรศัพท์ในมือถูกดึงออกไป
ผมจึงเบือนหน้ากลับไปมองเบสอย่างช้าๆ ทำให้เห็นว่าเบสกำลังกดโทรศัพท์เครื่องนั้น ด้วยใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ไม่พอใจให้จับสังเกตได้ ก่อนสุดหล่อจะเบือนหน้ากลับมาสบตาผมด้วยแววตาคาดคั้นขอคำตอบ
หากเป็นเวลาปกติผมคงกลัวสุดหล่อจนลนลาน รีบหยิบยื่นสิ่งที่เบสต้องการไปให้แล้ว แต่ยามนี้บอกได้เลยว่าผมเห็นช้างตัวเท่ามด นอกจากไม่นึกกลัวแล้ว ผมถึงกลับกล้าจ้องตาวาวๆคู่ตรงหน้าไม่มีหลบ จนแววตาที่เคยแข็งนั้นกลับอ่อนแสงลง เหลือเพียงแววตาแห่งความไม่เข้าใจ
“เบอร์นี้รึเปล่าที่ทำให้นนอารมณ์ไม่ดี” ในที่สุดเบสก็เป็นฝ่ายถามผมขึ้นมาก่อน พร้อมยื่นหน้าจอที่ขึ้นเลขสิบหลักมาตรงหน้า
ผมจึงได้แต่พยักหน้าส่งๆ เพราะจำไม่ได้หรอกว่าใช่เบอร์ไอ้เชี่ยนั่นรึเปล่า ก่อนผมจะเบือนหน้าหนีสุดหล่อกลับไปที่สนามอีกครั้ง ‘นึกหน้าแม่งขึ้นมาได้ ก็อยากฆ่ามันชิบหาย’ ผมก็ไม่รู้นะว่าทำไมถึงนึกเกลียดไอ้โชคได้ขนาดนี้ หากเทียบกับน้องฝ้ายที่ก็ชอบเบสมากไม่ต่างกัน แต่กับเธอผมกลับไม่นึกเกลียดชังอะไร แค่ออกแนวไม่พอใจแกมหมั่นไส้เท่านั้น ที่เธอทำตัวใกล้ชิดเบสเกินจำเป็น เทียบกับไอ้โชคที่แค่มันโทรมา ผมก็ร้อนรนจนทนไม่ไหวแล้ว
“ถ้านนไม่บอกว่าใครโทรมา เบสโทรกลับไปถามเองนะ” แม้ไม่อยากเอ่ยชื่อไอ้โชคร้ายนั่นให้เสนียดติดปาก แต่ผมต้องยอมแลก เพราะไม่อยากเป็นคนเปิดโอกาสให้เมียรักได้คุยกับมัน ผมจึงคว้ามือเบสมากุมไว้และบอกไปว่าใครโทรมา
“โชค!? โทรมาทำไม ได้เบอร์มาจากไหนกัน” จากน้ำเสียงและสีหน้ามึนงงผสมความประหลาดใจของสุดหล่อ บอกผมทุกอย่างว่าเบสเองก็แทบจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าไอ้โชคร้ายนี่มันคือใคร
พาลให้ไอร้อนในอกผมค่อยๆจางหาย เมื่อรู้แน่ชัดแล้วว่าไอ้โชคไม่ได้มีตัวตนในใจสุดหล่อของผมสักนิด
“นนไม่รู้ว่ามันเอาเบอร์เบสมาจากไหนเหมือนกัน แต่อย่าให้รู้ว่าใครให้ไป นนเล่นงานมันไม่เว้นแน่ แต่นนรู้ว่ามันโทรมาทำไม!? ไอ้เชี่ยนั่น! มันคิดจะจีบแฟนของนนน่ะสิ ถ้ามันโทรมาอีกเบสตัดสายทิ้งเลยนะ ห้ามคุย! เบสต้องเชื่อนนนะ หรือถ้ามันตื๊อมากๆ บอกนนเดี๋ยวนนจัดการแม่งเอง ฮึ่ย!!” พอคิดจะพูด ผมแม่งกลับพูดไม่หยุด แถมอารมณ์ดันขึ้นอย่างฉุดไม่อยู่อีกด้วย
ระหว่างที่ผมกำลังฮึดฮัดฟึดฟัดเป็นหมาบ้าอยู่คนเดียว จากหางตาผมกลับเห็นว่าเบสกำลังอารมณ์ดีถึงขั้นระบายยิ้มน้อยๆ มีกอดอกเอนหลังนั่งพิงอย่างสบายใจเชียวล่ะ พาลให้ผมยิ่งตาขวางแยกเขี้ยวน้ำลายย้อย อาการเหมือนโดนพิษหมาบ้าเล่นงานไม่มีผิด แต่อาการดังกล่าวกลับหายไปในพริบตา เมื่อผมรู้สึกได้ถึงฝ่ามืออุ่นๆที่ลูบขึ้นลงที่แผ่นหลังผมอย่างช้าๆ พร้อมเสียงทุ้มนุ่มเจือกระแสอ่อนโยนที่ดังตามขึ้นมา
“ไม่ให้เชื่อแฟนแล้วจะให้เบสเชื่อใคร ใจเย็นๆสิครับ เบสไม่กล้าขัดใจหรอกน่า เพราะยังอยากเลี้ยงปอมปอมมากกว่าอัลเซเชียนเป็นไหนๆ” บอกเลยว่าผมนั้นเคลิ้มไปกับสัมผัสอ่อนโยนไม่แพ้น้ำเสียงของเมียตัวเอง แต่คำเปรียบเปรยแปลกๆที่ได้ยินท้ายประโยคนี่สิ ปอมปอมกับอัลเซเชียนเนี่ยนะ ‘มันหมาไม่ใช่เหรอ’
“นนช่วยเป็นปอมปอมของเบสหน่อยนะครับ ขืนเป็นอัลเซเชียนบ่อยๆ ระวังจะโดนเบสตัดหางไม่รู้ตัวล่ะ รู้มั้ย หืม~” ชัดเลยว่าสุดหล่อเปรียบผมเป็นหมา แถมยังเปลี่ยนจากการลูบหัวให้ผมเคลิ้ม มาเป็นการแกล้งเกาคางเบาๆอย่างหยอกเย้าตามคำพูดอีกแน่ะ แต่ผมชอบจังเมื่อตาสุกใสจ้องมาที่ผมคนเดียว พร้อมการทอดเสียงจากลำคอแบบขอความเห็น
ผมบอกเลยว่า ณ จุดนี้เบสจะให้ผมเป็นอะไร จะจูงจมูกไปทางไหน ผมพร้อมยอมจำนนและเชื่อฟัง ยิ่งทบทวนคำขู่ที่ได้ยินแบบผ่านๆเข้ามาด้วย ทำให้ยิ่งกว่าเต็มใจตอบรับ ด้วยการพยักหน้าน้อยๆขานรับเบาๆ ไม่เหลือคราบหมาบ้าให้เห็น เหลือแต่หมาน้อยปอมปอมแสนน่ารักที่ได้รับรางวัลเป็นรอยยิ้มหวานๆ พร้อมคำชมเบาๆจากเจ้าของรูปหล่อหน้ามนตรงหน้า บวกเข้ากับกลิ่นโคโลญอ่อนๆและกลิ่นกายหนุ่มจางๆที่ลอยเข้าจมูก จากความใกล้ชิดของหมาน้อยน่ารักกับเจ้าของรูปหล่อนั้น แทบทำให้ปอมปอมอย่างผมกลายร่างเป็นหมาป่าเข้าขย้ำสุดหล่อน่ากินซะเดี๋ยวนี้ แต่แล้ว...
“เฮ้ย! พี่นนท่าทางแบบนี้เหมือนไอ้ป๊อกแป๊กลูกชายผม เวลาโดนกล่อมเลยว่ะ ฮ่าๆ” ‘ได้ข่าวว่าไอ้ป๊อกแป๊กลูกชายมึงนี่สายพันธุ์ชิสุไม่ใช่เหรอ แล้วเอามาเปรียบเทียบกับกูเพื่อ!?’
ผมเบือนหน้าช้าๆกลับมามองไอ้แปงที่กำลังหัวเราะหน้าหงาย ทั้งๆที่เบสยังคงอยู่ในท่าเกาคางให้ มันจึงยิ่งตอกย้ำคำพูดของไอ้เด็กแปงเข้าไปใหญ่ พาให้เหล่าทโมนที่เพิ่งซ้อมเสร็จฮาครืนกันใหญ่ แม้แต่เจ้าของปอมปอมอย่างสุดหล่อก็เป็นไปกับเค้าด้วย ที่กำลังหัวเราะเสียงก้องตาหยีตามเหล่าทโมน ผมจึงได้แต่แก้แค้นไอ้เด็กปากเสียที่ว่าผมเหมือนหมาของมัน ด้วยการขว้างขวดน้ำใส่หัว ดีที่ไม่พลาดโดนหัวไอ้แปงเต็มๆสมใจผมเลยล่ะ
“ฮ่าๆ โอ๊ย! เจ็บนะโว้ย...พี่เบส ไอ้พี่นนแกล้งแปง” ‘ไอ้เด็กเปรตหลอกด่ากู แล้วยังมีหน้ามาฟ้องแฟนกูอีกเรอะ’
“หยูดดด...ไอ้แปงอย่าทำในสิ่งที่มึงคิด ถ้ามึงเข้าใกล้เบสเกินจำเป็น กูเอาเรื่องมึงนะ!” ผมชี้หน้าและยกขาเตรียมยันไอ้แปง ที่ทำท่าถลาจะเข้ามากอดสุดหล่อของผม มันเองมีชะงักและมองผมอย่างแหยงๆ ก่อนสะบัดค้อนและกลับลงไปยืนตามเดิม
“ขี้หวง!” ‘ถ้ากูเป็นอัลเซเชียนหวงเจ้าของ มึงก็ชิสุที่ได้แต่เห่าล่ะว้าไอ้แปง!’
ผมก็ได้แต่แสยะยิ้มน้อมรับเสียงโห่แซวจากเหล่าทโมนของกัปตันทีมสุดหล่อ ท่ามกลางสายตาหน่ายๆของเบส ก่อนเบสจะสั่งรวมทีมและเริ่มแนะนำลูกทีม พร้อมช่วยชี้จุดบกพร่องในการเล่นของแต่ละคน จากการซ้อมที่ผ่านมาด้วยท่าทางเป็นการเป็นงาน ซึ่งเหล่าทโมนที่เคยทะเล้นทะลึ่งเมื่อครู่ ก็ให้ความร่วมมือและจริงจังตามกัปตันทีมไปด้วย
ผมได้แต่มองกัปตันทีมรูปหล่อด้วยความชื่นชม กับท่าทางสุดเท่และประกายเจิดจรัสของเบสในชุดนักบาส พอให้ลืมๆเรื่องไอ้โชคร้ายที่โทรมาก่อกวนอารมณ์กันไว้ไปได้บ้าง แต่แล้วไอ้แปงรองกัปตันทีมขี้เสือก ดันแหกคอกหันมากระซิบถามผมถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า พาให้ใจเริ่มขุ่นขึ้นมาอีกครั้ง
“เมื่อกี๊ พี่เป็นไรวะ โวยวายซะพวกผมตกใจ หรือว่ามีใครมาตีท้ายครัวเข้า ครึๆ” คำถามมันเหมือนจะเป็นห่วงเป็นใยในตัวผมนะ แต่เสียงหัวเราะและสายตาแม่งมันน่าถีบชะมัด
ผมสำเร็จโทษไอ้แปงด้วยการตบหัวเกรียนๆของมันไปซะเต็มแรง พอเห็นว่ามันทำท่าจะร้อง จึงรีบตะครุบปากแม่งก่อนที่จะโวยวายออกมา เสี่ยงให้โดนเมียด่า มันจึงได้แต่ดิ้นกระแด่วๆ ตะกายมือไขว่คว้าอากาศไปมาอย่างน่าตลก ก่อนผมจะก้มกระซิบขู่มันเบาๆ
“ถ้ามึงไม่อยากขาดใจตาย กูจะปล่อย แต่มึงอย่าร้องเชียวนะ...ฮึๆ” เมื่อไอ้แปงพยักหน้ารัวๆให้ ผมจึงปล่อยมือออกจากกึ่งปากกึ่งจมูกของมัน
จนตอนนี้มันมานั่งหอบแฮกโกยอากาศใส่ปอด พร้อมตวัดค้อนใส่ผมไปด้วย ผมได้โอกาสจึงหัวเราะเยาะใส่หน้ามันแบบไร้เสียงซะเลย แต่แล้วไอ้ขี้เสือกก็ยังไม่เข็ด มีสะกิดต้นแขนผมและส่งคำถามเดิมออกมา ขนาดผมต่อว่ามันทางสายตา แม่งก็ยังหน้าด้านอยากรู้อยู่นั่น ผมจึงตัดสินใจบอกไป แต่อาการที่ไอ้แปงแสดงออกมา กลับสร้างความประหลาดใจให้แก่ผม
“โชค! ไอ้โชคอ่ะนะโทรเข้าเครื่องพี่เบส มันกล้าดียังไง...ไหนรับปากกับกูว่าจะไม่ยุ่งแล้วไงวะ” ประโยคหลังนี่ผมว่าไอ้แปงมันพูดกับตัวเองมากกว่านะ แต่สีหน้าโกรธๆแบบที่ผมไม่เคยเห็นจากไอ้แปงยามนี้ ทำให้ความขุ่นข้องหมองใจเรื่องไอ้โชคของผมถูกแทนที่ด้วยความสงสัยแทน
“มึงสนิทกับมัน!?” ไหนๆมันเสือกเรื่องผมได้ ผมก็ขอเสือกเรื่องมันหน่อยเถอะครับ แต่เท่าที่จำได้เหมือนหลังจากการแข่งขันครั้งนั้น ไอ้แปงเมมเบอร์ตัวเองใส่เครื่องไอ้โชคเฮงซวยไว้นี่หน่า
“ก็...นิดนึงอ่ะพี่ แต่เดี๋ยวผมจัดการให้” ไอ้แปงมีชะงักกับคำถามของผม ก่อนมันจะเสหลบตาและรับปากออกมาตามที่ได้ยิน
พิรุธที่ผมเห็นทำให้ได้รู้ว่าต้องมีลับลมคมในบางอย่าง ไอ้แปงต้องไม่ได้เป็นอย่างปากว่า และมันคงสนิทกับไอ้โชคไม่น้อย หรือคู่นี้จะมีอะไรที่เรายังไม่รู้กันแน่ แต่ที่แน่ๆต้องไม่ใช่ไอ้แปงที่เป็นคนให้เบอร์เบสกับไอ้โชคร้ายนั่น ไม่เช่นนั้นผมจับมันทั้งคู่หักคอจิ้มน้ำพริกกินแทนผักแน่ๆเหอะ
ผมรู้หรอกว่าขืนซักอะไรไปตอนนี้มันคงไม่ตอบ ด้วยสถานที่และอะไรหลายๆอย่างที่ยังไม่เหมาะ แต่ขอผมถามถึงสิ่งที่คาใจหน่อยเหอะ
“หวังว่ามึงคงไม่หักหลังกู ด้วยการให้เบอร์เบสกับไอ้นั่นใช่มั้ย” หลังคำถามของผม ไอ้แปงสะบัดหน้ากลับมามองผม ด้วยสีหน้าแววตาแบบไม่เชื่อหูในสิ่งที่ได้ยิน
“คิดได้ไงวะพี่ ผมรู้น่ะว่าอะไรควรไม่ควร...แต่ผมค่อนข้างแน่ใจว่ะ ว่าเบอร์พี่เบสหลุดมาจากผม” คุณกำลังงงเหมือนที่ผมงงมั้ย ซึ่งสีหน้าแววตาของผมก็คงแสดงออกไปชัดล่ะ เพราะยังไม่ทันถามไอ้แปงก็ชิงตอบออกมาก่อน
“โทรศัพท์ผมอยู่กับมัน ผมขอโทษด้วยพี่ แต่เดี๋ยวผมจัดการให้เอง” ผมล่ะอยากจะถามว่าทำไมโทรศัพท์ไอ้แปงถึงอยู่ที่ไอ้โชคได้
แต่ยังไม่ได้ทำอย่างที่ใจคิด เสียงสุดหล่อแสนรักแสนหวงก็ดังขึ้น พาให้ทั้งผมและไอ้แปงสะดุ้งสุดตัว เรียกว่าแทบจะกระเด้งลุกจากที่นั่งกันเลยทีเดียว
“ตรงนั้นน่ะ จะคุยกันอีกนานมั้ย!?” เอาล่ะโว้ยเจ้าชายน้ำแข็งของผมเริ่มแผ่ไอเย็นยะเยือกออกมาแล้ว แถมสายตาที่ใช้มองผมกับไอ้แปงก็ช่างเชือดเฉือนนัก
ไอ้แปงเองทั้งๆที่ทำหน้าเครียดคุยกับผมอยู่ มันถึงกลับทำหน้าหวาดๆรีบส่ายหน้าสั่นหัวปฏิเสธจนหัวหูกระเจิง ส่วนผมเองก็มีอาการไม่ต่างจากมันนัก
“มะ..ไม่คุยแล้วครับ” แล้วกูจะเสียงสั่นไปไหนว้า แล้วดูสินั่น เหล่าทโมนแม่ง พากันปิดปากกลั้นขำพฤติกรรมผมกันซะตัวสั่นระริกเชียว ขนาดผมส่งสายตาคาดโทษใส่ก็ยังไม่หยุดอีกแน่ะ
‘พวกมึงไม่เคยมีเมียที่รักมากก็เงี้ยแหละ ถ้าได้มีบ้างแล้วจะรู้สึก ว่าสามีที่ดีต้องให้เกียรติและเกรงใจภรรเมียต่อหน้าธารกำนัลให้มากๆ อย่าคิดจะเถียงหรือต่อต้าน ก็เหมือนอย่างที่กูทำอยู่ตอนนี้ไง แม้จริงๆแล้วกูจะไม่กลัวเมียก็ตาม ขอบอกว่าสักนิดก็ไม่กลัวเหอะ’
‘หราๆๆๆๆ’ นั่นเสียงใครวะ ชิ! เบื่อคนรู้ทันชะมัด
.........................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
“หราๆๆๆๆ ชนนนไม่กลัวเมียเลย ยอมเชื่อก็ได้”

จะว่าไปนนมันก็ดูน่ารักน่าหยิกไม่หยอกเนอะ ปอมปอมของสุดหล่อเนี่ย
แต่มักจะกลายร่างเป็นอัลเซเชียนหวงเจ้าของให้น่าหมั่นไส้อยู่เรื่อยเลย
ตอนนี้คงมองออกกันเนอะว่าถึงนายโชคจะตามตอแยเบส แต่ดูท่าจะยาก
เพราะอะไรคงไม่ต้องบอก ฮุๆ
มาติดตามความหวานของเบสนนต่อได้ในวันอาทิตย์นะคะ ไม่อยากสปอยด์
เดี๋ยวจะตาร้อนกันไปซะก่อน
+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
