07
บรรยากาศในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ดูจะครึกครื้นขึ้นมาทันทีเมื่องานประจำปีใกล้เข้ามา เหล่าสภาพากันหัวหมุนจัดการงานจนไม่เป็นอันเรียน แถมคนอื่นๆ ที่มีหน้าที่ก็กระตือรืนร้นจนภาพความเงียบสงบร่มรื่นเริ่มจะถูกความวุ่นวายกลายๆ กลืนกิน
ยกเว้นคนบางกลุ่ม...
“ธีร์...กูขอร้องล่ะ” คนตรงหน้ายกมือไหว้ท่วมหัว
“เดี๋ยวส่งให้ดู คืนนี้เตือนด้วยแล้วกัน” กันตธีร์ตอบทำให้อีกฝ่ายแทบจะกระโดดตัวลอย
“ขอบคุณมาก ขอบคุณมากๆเลยธีร์”
อีกฝ่ายพร่ำพรรณนาคำขอบคุณอีกหลายคำก่อนจะเดินตัวลอยจากไป
“จะไม่เป็นไรจริงๆ หรือ” จิรณัฐที่นั่งฟังอยู่ด้วยถามขึ้นลอยๆ
“คงไม่เป็นไรหรอก...โตๆ กันแล้วคงไม่คิดจะลอกงานกันให้เป็นเรื่อง” เจ้าของเรื่องยักไหล่ “นี่มันโปรเจคจบนะ จะลอกนี่ก็เกินไปหน่อยมั๊ยวะ”
“...ระวังไว้หน่อยก็ดี” คนฟังยิ้มรับคำเตือน
“แล้วจะกลับเลยป่ะ? เดี๋ยวกูไปหาแอมก่อน”
“คงกลับเลย...ช่วงนี้หัวกำลังแล่น ว่าจะปั่นให้มันเสร็จๆ ไป”
“โอเค แล้วเจอกัน”
ขนาดจิรณัฐที่ว่าเป็นผู้ชายลัลล้าคาสโนว่าจอมเที่ยวยังต้องเก็บตัวเก็บใจไว้ให้กับโปรเจคจบ ตอนนี้นักศึกษาชั้นปีที่4ของทุกคณะคงเป็นกลุ่มคนที่ได้แต่ทำหน้าทะมึนใส่ชาวบ้านแบบไม่สนงานรื่นเริงที่กำลังจะมาถึง เพราะที่ว่าจะจบไม่จบมันอยู่ที่ตรงนี้ แล้วความเครียดความกดดันก็เริ่มพอกพูน...จะให้ยิ้มร่าท้าโปรเจคก็ทำไม่ลง
กันตธีร์เหลือบดูวันที่ในหน้าจอมือถือ...วันนี้วันพุธแล้ว
ชายหนุ่มเดินออกไปที่ทางเชื่อมตึกอย่างไม่เร่งรีบ อาคารของคณะวิศวกรรมศาสตร์แห่งนี้ถูกสร้างใหม่ทับไปมาและมีการต่อเติมมากมายจนน่าจะผิดกฏหมายสิ่งก่อสร้างไปไม่น้อย แต่เอาว่าปลอดภัยไม่พังอยู่ได้ก็ใช้งานกันไป
“ขอทางหน่อยคร้าบ” เสียงประสานดังมาจากกลุ่มน้องเฟรชชี่หน้าใสที่กำลังขนไม้หน้าสามขนาดยาวที่มัดรวมกันไว้
กันตธีร์เบี่ยงตัวหลบให้การขนย้ายไปโดยสะดวก ไม้เหล่านี้คงถูกสั่งมาใช้ในงานของมหาวิทยาลัย คงไม่พ้นการก่อโครงสร้างอะไรบางอย่าง สมัยตอนที่เขายังเป็นปีเด็กๆ ก็เคยทำฉากที่มีตรามหาลัยฯลอยนูนสูงถึง4เมตร
ส่วนปีนี้นอกจากเรื่องประสานงานตอนนั้นก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรอีก เรียกได้ว่าคงเป็นแค่ผู้ชมอย่างเดียว
เมื่อขบวนแห่ไม้ผ่านขึ้นบันไดไปเขาก็หันไปมอง ก่อนจะต้องวิ่งตามเมื่อเห็นแผ่นหลังคุ้นเคย
“แอม!”
“อ่าว เลิกแล้วหรือธีร์” พิชามณหมุนตัวก้มลงมามองจากที่พักบันได “เราขึ้นไปหยิบกระเป๋าแปปนึง ธีร์ลงไปรอที่ตึกกลางก่อนก็ได้”
กันตธีร์กำลังจะรับคำเพื่อนสาว แต่จากมุมที่เขายืนทำให้เห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับกลุ่มที่กำลังขนไม้ เชือกสีหม่นที่มัดไม้หน้าสามไว้ด้วยกันกำลังคลายออกโดยที่ไม่มีใครสังเกต และเมื่อคนที่อยู่หน้าสุดเริ่มก้าวขึ้นบันไดขั้นที่สูงกว่าไปทำให้ไม้เริ่มไหลลงมาตามแรงโน้มถ่วง
"แอม!!!!”ชายหนุ่มกระโดดขึ้นไปบนที่พักบันไดอย่างรวดเร็วโดยที่ฝ่ายที่ถูกเรียกชื่อเพิ่งหันไปเห็นว่าท่อนไม้กำลังพุ่งเข้ามาตรงหน้า
เขาผลักเพื่อนสาวสุดแรงให้ออกไปจากรัศมีที่เป็นอันตรายโดยไม่ทันได้คิดถึงตัวเอง
เสียงของแข็งกระทบกันดังสะท้อนไปทั่วโถงบันไดพร้อมกับเสียงร้องด้วยความตกใจ
ชายหนุ่มไม่ทันตั้งตัวจากแรงกระแทกทำให้พลาดตกบันไดลงมาหลายขั้น รวมถึงท่อนไม้หนักที่ทิ้งตัวตามลงมาติดๆ ทำตัวระบมไปทั้งตัวจนแทบขยับไม่ไหว
“ธีร์!!!” พิชามณร้องดังลั่น ก่อนจะรีบลุกขึ้นไปหาเพื่อนที่เอาตัวมาช่วยเธอจนตัวเองเจ็บ ส่วนคนอื่นที่เห็นเหตุการณ์ก็รีบเข้ามาช่วยยกท่อนไม้ออกจากตัวคนเจ็บทันที
“...ไม่เป็นไรแอม ไม่เป็นไร” ชายหนุ่มพูดปลอบเพื่อน แผลเป็นทางยาวที่ท้องแขนข้างขวาทำให้ดูรุนแรงจนหญิงสาวตั้งท่าจะร้องไห้ขณะที่เอาผ้าเช็ดหน้ากดแผลไว้ เขาขยับตัวลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก อาการเจ็บแปล๊บที่ข้อเท้าซ้ายนำมาเป็นอย่างแรก พร้อมกับความรู้สึกตึงที่หัวเข่าข้างเดียวกัน
“ธีร์!! แอม!!” ร่างสูงใหญ่ของเพื่อนสนิทโผล่มาอย่างรวดเร็ว คงเพราะมีใครสักคนตามมา
“หมี...” ฝ่ายหญิงสาวเห็นเพื่อนสนิมก็เริ่มเบะปาก
“ใจเย็นนะแอม ไม่เป็นไรๆ” กฤษณ์พูดเสียงอ่อนก่อนจะหันมาถามคนที่ยังนั่งกึ่งนอนพิงบันได “ลุกไหวไหม ไปทำแผลที่โรงพยาบาลเหอะ”
นับเป็นคุณานุปการของขนาดตัวพ่อหมีที่สามารถพยุงไอ้ตัวเล็กขึ้นมาได้อย่างสบาย ส่วนพิชามณก็ป้ายน้ำตาป้อยๆ เก็บข้าวของของเพื่อนแล้วโทรหาคนที่มีรถอย่างจิรณัฐ ซึ่งไม่กี่อึดใจเขาก็ถูกเอามาส่งตรงหน้าห้องฉุกเฉินด้วยความเร็วระดับดริฟต์ตีนผีของคุณชายคาสโนว่า
อันว่า...กันตธีร์เพิ่งได้เห็นคุณประโยชน์ของเพื่อนๆ อย่างครบถ้วนทุกด้านก็ครั้งนี้
พอเข้าไปถึงในห้องฉุกเฉิน เมื่อเห็นว่าเป็นนักศึกษามหาลัยนี้พยาบาลสาวใหญ่ก็รีบกุลีกุจอหาเตียงให้คนเจ็บพักก่อนจะไปตามหมอ
“ธีร์!?”เสียงที่เรียกชื่อมันออกจะคุ้นไปหน่อย ซึ่งเขาก็จำได้ดีว่าเมื่ออาทิตย์ก่อนอีกฝ่ายบอกว่าวันนี้มีอยู่เวร
“เกิดอะไรขึ้น ไปทำอะไรมา” โชติภัทรในชุดกาวน์ยาวสีสะอาดสาวเท้าเข้ามาดูสภาพคนเจ็บทันที พิชามณจึงเป็นคนเล่าเหตุการณ์ให้ฟังสั้นๆ ฝ่ายนักศึกษาแพทย์ก็ถามเพิ่มเติมอยู่คำสองคำแล้วหันไปหาพี่แพทย์ประจำบ้านที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“มึงทำแผลไปเลยโช” คนในชุดกาวน์สั้นบอกพลางพิจารณาแผล “ที่แขนนี่ตื้นๆ ไม่ต้องเย็บหรอก”
“ครับ” โชติภัทรรับคำก่อนจะขมวดคิ้วแล้วยกมือขึ้นแตะใบหน้าคนเจ็บให้หันไปอีกข้าง “แต่ผมว่า...ตรงนี้น่าจะต้องเย็บ”
นิ้วมือยาวปัดเส้นผมที่ปรกหน้าขึ้น เผยให้เห็นแผลที่อยู่สูงเลยหางคิ้วขึ้นไปซึ่งเริ่มมีเลือดไหลลงมาที่ข้างแก้ม
พิชามนอุทานเบาๆ อย่างตกใจเพราะตอนแรกเธอไม่เห็นเนื่องจากมีผมบัง ส่วนตัวเจ้าของแผลก็เพิ่งรู้สึกว่ามันเจ็บเอาในวินาทีนี้จากที่แค่ชาๆ
เมื่อลงความเห็นได้ว่าต้องเย็บ แพทย์น้องเล็กก็ประคองให้ผู้ป่วยนอนลงแล้วเดินไปหยิบของมาเตรียม ในการควบคุมของแพทย์รุ่นพี่ที่ล็อคหัวเขาเอาไว้แล้วในท่าตะแคงให้น้องลงมือ
“ทำความสะอาดก่อน นั่นแหละ...”
“เย็นๆ หน่อยนะธีร์”
กันตธีร์รู้สึกเย็นตามที่บอก
“เตรียมยาชาเป็นนะ เออ ถูก”
“กำลังจะฉีดยาชา เจ็บหน่อยนะ”
แล้วก็เจ็บจริงตามนั้น แถมยังรู้สึกเหมือนมีอะไรไหลลงมาจากแผลอีก สยองจนไม่อยากลืมตา
เขาได้ยินเสียงคำแนะนำมาเรื่อยๆ พร้อมกับคำชมจากแพทย์ประจำบ้าน และเสียงที่คอยกระซิบบอกกับเขาว่าจะทำอะไร จะรู้สึกอย่างไร
“เจ็บหรือเปล่า อย่าเพิ่งขยับหัวนะ”
ความรู้สึกชาๆ กับสำเนียงเรียบเรื่อยทำให้กล้าเปิดตามามองอีกครั้งเพื่อเหลือบมองคนที่กำลังขยับมืออยู่เหนือแผล แม้จะเห็นใบหน้าไม่ชัดจากการมองย้อนแสงไฟบนเพดานแต่ก็รับรู้ถึงความตั้งใจมากจนรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงขึ้นและเผลอกลั้นลมหายใจ
การเย็บแผลเล็กๆ ใช้เวลาไม่นานแต่ยาวนานในความคิดของคนที่นอนนิ่งอยู่ กันตธีร์ลอบถอนหายใจช้าๆ ราวกับถ้าขยับปอดมากไปจะรบกวนสมาธิของอีกฝ่าย
“เรียบร้อยแล้ว” คนเจ็บถอนหายใจพรูดเมื่อได้ยินคำนั้น จนได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากผู้ให้การรักษา
“เย็บแผลสวยนี่หว่า ไม่สนใจเรียนplasticหรือไง” ฝ่ายคนคุมงานก็แซวขำๆ ก่อนจะหันไปตรวจข้อเท้าที่ยังระบมอยู่ของผู้ป่วย “ที่เหลือทำเองได้นะ กูไปดูเตียงมาใหม่ก่อนละ ข้อเท้าที่บวมนี่ไม่เป็นไร ทายาพันผ้าไว้ก็พอ”
โชติภัทรรับคำก่อนจะหันมาจัดการกับแผลทั่วตัวที่บางแผลเจ้าตัวยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามี
“ธีร์มีบัตรโรงพยาบาลหรือยัง” ถามขณะกำลังทำความสะอาด “อันนี้แสบหน่อยนะ”
“อูย ยังเลย” ห่อปากตอบก่อนจะเพิ่งสังเกตว่าคนที่ขับรถพามาหาที่จอดได้แล้วเข้ามายืนมุงด้วยอีกคน
“...ใครมีบัตรประชาชนติดตัวมาบ้าง ไปที่ชั้นสอง ตรงเวชระเบียน แถวนั้นจะมีร้าน เอาบัตรธีร์กับของตัวเองไปซีรอกอย่างละใบแล้วไปทำบัตรแทนหน่อย” นักศึกษาแพทย์แนะนำอย่างคล่องแคล่วทั้งที่มือยังทำงานไปด้วย “ทำเสร็จแล้วให้ขอแฟ้มมาเลยนะ บอกว่าคนไข้อยู่ที่อีอาร์ แล้วขึ้นไปชั้นสี่ หาฝ่ายกิจการนักศึกษาขอเปิดสิทธิ์เบิกจ่ายของนักศึกษา เอาบัตรนักศึกษาธีร์ไปด้วย แล้วค่อยถือแฟ้มกลับลงมาที่นี่อีกที”
กฤษณ์เป็นคนที่รับขันอาสาจึงทิ้งให้พิชามณกับจิรณัฐยืนมองว่าที่คุณหมอทำงาน
“ธีร์ฉีดบาดทะยักครั้งล่าสุดเมื่อไหร่”
“...จำไม่ได้ว่ะ” คนฟังกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะตอบไป
“งั้นคงต้องฉีดนะ” พูดจบก็ยืดตัวขึ้นกวาดตามอง “ยังมีแผลที่ไหนอีกมั๊ย?”
“ที่เข่า น่าจะถลอก” ตอบพลางชี้ที่เข่าซ้าย แต่พอจะพับขากางเกงขึ้นก็ระลึกได้ว่ากางเกงขากระบอกเล็กคงไม่เอื้ออำนวย “อ่า ลำบากแฮะ ไม่ต้องก็ได้มั้ง เดี๋ยวฉันกลับไปทำแผลเองก็ได้”
“ไม่ต้องเลย พับขากางเกงไม่ได้ก็ถอดสิ มาโรงพยาบาลแล้วก็ทำแผลให้มันครบ” นักเรียนแพทย์ออกอาการดุทันทีพร้อมกับเอื้อมมือไปดึงม่านให้ล้อมเตียงเพื่อบังสายตา แล้วหันไปหาสองคนที่ยืนเงียบมานาน “ออกไปก่อนแล้วกันนะครับ”
จิรณัฐทำท่าเหมือนจะค้านแล้วก็หยุดไป ก่อนจะถอยออกมาเหมือนเพื่อนสาว
กันตธีร์รู้สึกเขินขึ้นมานิดหน่อยเมื่ออยู่ในม่านกันสองคนแล้วอีกฝ่ายบอกให้ถอดกางเกง แต่ก็รู้สึกดีขึ้นเมื่อโชติภัทรดึงผ้าที่ปลายเตียงมาคลุมเหนือเข่าเอาไว้
“คืนนี้พอยาชาหมดฤทธิ์อาจจะปวดหัวหรือไข้ขึ้น เดี๋ยวจะมียาให้ไปกิน แผลอย่าโดนน้ำนะ”
กำชับตบท้ายก่อนจะรูดม่านเปิด แล้วเพื่อนทั้งสองก็เดินเข้ามาหา
“เจ็บมากไหมธีร์” จิรณัฐถามขึ้นก่อน พลางเอามือปัดปอยผมคนที่ยังนอนอยู่
“ยังชาอยู่เลย จะเจ็บได้ไง” ยักไหล่พลางยันตัวลุกขึ้นนั่งที่ข้างเตียง ก่อนจะต้องเม้มปากเพราะถูกย้อน
“แผลเต็มตัวแบบนี้จะไม่เจ็บได้ไง”
“เจ...เพราะแอมเองแหละ จะโกรธแอมก็ได้นะ” หญิงสาวพูดเสียงอ่อย
“เฮ้ย ถ้าเราจะโกรธใครสักคนมันก็ต้องเป็นไอ้พวกเด็กที่ไม่รู้จักระวังมากกว่า ขนของประสาบ้าอะไรทำไม้หล่นลงมาทั้งท่อน”
“จริงด้วยแอม ไม่ใช่ความผิดแอมเลยนะ เราเข้ามายุ่งเอง อย่าคิดมากสิ” คนหาเรื่องใส่ตัวรีบสำทับจนหญิงสาวรู้สึกดีขึ้น แต่ก่อนจะมีใครได้คุยอะไรต่อ นักศึกษาแพทย์หน้าเดิมก็เดินกลับมาอีกครั้งพร้อมเก้าอี้สองตัว
“ขอโทษที่รบกวนนะ แต่จะทำแผลที่เข่าก่อนดีไหมครับ”
โชติภัทรเลื่อนเก้าอี้ให้พิชามณนั่งตัวนึงแล้วนั่งเองอีกตัว ก่อนจะขออนุญาตดูแผลถลอกซึ่งมีเลือดซึมออกมา น่าจะเกิดขึ้นตอนที่พิชามณถูกผลักให้หลบจนล้มลง กันตธีร์ชะเง้อมองการทำแผลที่ตนเป็นต้นเหตุเงียบๆ ก่อนจะรู้สึกได้ว่าถูกมองอยู่จากใครอีกคน
“มีอะไร?”
“...เจแค่สงสัย”
จิรณัฐปั้นยิ้มหน้าหล่อการค้าให้คนดูรู้สึกเสียวสันหลัง
“ว่าธีร์เอาเวลาที่ไหนไปนอกใจเจ ดูสิ...กิ๊กธีร์หล่อขนาดนี้ เจก็กังวลเป็นเหมือนกันนะเนี่ย”
“พ่อมึงสิ!”คำสบถถูกจัดมาเต็มสูบแบบไม่ไว้หน้ากัน ปกติกันตธีร์และเพื่อนๆ จะไม่ค่อยพูดคำหยาบต่อหน้าเพื่อนผู้หญิงเท่าไหร่ แต่กรณีแบบนี้มันยกเว้นจริงๆ ส่วนพิชามณก็ปล่อยเสียงหัวเราะลั่น ภาวะตึงเครียดจากโปรเจคจบทำให้ไม่ค่อยมีอารมณ์จะพูดเล่นกันมาสักพักแล้ว บางทีเธอก็คิดถึงขนมจีบยี่ห้อจิรณัฐขึ้นมาบ้างเหมือนกัน
“โอย ไม่ได้ยินมาตั้งนานแน่ะ” ใบหน้าสวยยิ้มยิงฟันให้เพื่อนชายทั้งสองก่อนจะหันไปหาคุณหมอผู้ถูกพาดพิง “โชอย่าไปฟังไอ้พวกนี้เลยนะ”
โชติภัทรยิ้มรับพร้อมกับเก็บชุดเครื่องมือทำแผลแล้วเดินออกจากวงสนทนาไป
“มึงเล่นอะไรเนี่ย ดีนะที่โชมันไม่คิดมาก” กันตธีร์โวยเพื่อนทันที
“อะไรกัน ฟังดูก็รู้ว่าพูดเล่น อย่าซีเรียสน่าธีร์” เจ้ากิจการขนมจีบยักไหล่ไม่สนใจ
“เพื่อนๆ กันมันก็รู้ว่ามึงกะเอาฮามั๊ยวะ แต่คนอื่นมาฟังไม่ต่อยปากมึงก็แล้วไป”
“อา ขอโทษแล้วกัน” จิรณัฐโคลงหัวไปมาแล้วจึงกล่าวเสริม
“ปกติก็ไม่เห็นธีร์จะสนใจไม่ใช่หรือไง”
อ้าปากจะเถียงแล้วก็ต้องหุบลง
เพราะมันจริงที่สุดที่เขาไม่เคยใส่ใจว่าเพื่อนคนนี้จะหยอดคำหวานความเสี่ยวแค่ไหน...ก็ไม่ได้ไม่ชอบ แต่ก็ไม่ได้ชอบ...คือสิ่งที่ตอบเสมอเมื่อมีคนถามว่าไม่รำคาญหรือไง
ทั้งที่ไม่เคยทักท้วง ไม่เคยสนใจ แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน...ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าไม่เหมือนตรงไหน รู้แต่มันไม่เหมือนเท่านั้นเอง
โชติภัทรกลับมาอีกครั้งพร้อมกับกลุ่มนักศึกษาแพทย์คนอื่นและพี่แพทย์ประจำบ้านซึ่งครั้งนี้เข้ามาขออนุญาตใช้เป็นตัวอย่างการสอนฉีดวัคซีนบาดทะยัก หลังจากเสร็จไม่นานกฤษณ์ก็กลับมาพร้อมแฟ้ม ซึ่งต้องใช้เวลาอีกนิดหน่อยในการจัดการแต่ก็เป็นโชติภัทรอีกที่เตรียมเอกสารต่างๆ เอาไว้จนเรียบร้อย
“เอาใบนี้ไปยื่นการเงินชั้น 2 แล้วรับยาตรงนั้นเลย”
พ่อหมีที่รักของเพื่อนยังคงถูกใช้แรงงานต่อ เพราะเพื่อนสองคนก็เจ็บ ส่วนอีกคนก็ยึดข้างเตียงคนเจ็บเอาไว้ไม่ห่าง
ระหว่างรอกันตธร์ก็นั่งมองตามคนตัวสูงที่เดินไปเดินมาทำนู่นนี่ไม่ได้หยุด เดี๋ยวก็หยิบของ เดี๋ยวก็เขียนๆ อะไรสักอย่าง เดี๋ยวก็หายเข้าไปหลังม่านกั้น เดี๋ยวก็ไปลากเครื่องอะไรมาไม่รู้
ซึ่งคนคนนี้จะหยิบจับอะไรก็คล่องแคล่วไปหมด ทั้งเครื่องมือ น้ำยา อุปกรณ์ทำแผลต่างๆ แถมยังมือเบาและทำแผลได้ดูสวยสะอาดเรียบร้อย ซึ่งยังไม่รวมเสียงทุ้มนุ่มที่คอยอธิบายด้วยสำเนียงเรื่อยๆ ชวนให้สบายใจอย่างบอกไม่ถูกอีก
โชติภัทรมีภาษีดีเกินไปแล้วสำหรับการเป็นหมอ...
มองเพลินๆ แปปๆ เพื่อนร่างยักษ์ก็กลับมาพร้อมถุงยาในมือ
“ไปกันเหอะ” จิรณัฐออกก้าวเท้าเป็นคนแรก
“เดี๋ยวสิ ไปขอบคุณเพื่อนธีร์หน่อยดีไหม” พิชามณท้วงขึ้นมา
“แต่ดูมันยุ่งๆ อยู่นะ ไว้แอมฝากตัวเล็กไปบอกก็ได้มั้ง” กฤษณ์พูดพลางมองความวุ่นวายที่ก่อตัวขึ้นที่เตียงหนึ่ง
กันตธีร์ยักไหล่แต่ก็อดหันไปมองตามอีกทีไม่ได้ ซึ่งก็เป็นอย่างที่เพื่อนสนิทว่า คืออีกฝ่ายดูยุ่งเกินกว่าจะเข้าไปคุยอะไรได้ สุดท้ายทั้งหมดจึงเดินออกมาโดยที่ไม่ได้บอกอะไรกับคนที่กำลังวิ่งวุ่นอยู่ในห้องฉุกเฉิน
ไม่เป็นไร...พรุ่งนี้ค่อยบอกก็ได้
++++++
ปวดหัว...
กันตธีร์นอนเหม่อมองเพดานห้อง ชายหนุ่มหลับไปงีบหนึ่งแล้วตั้งแต่หัวค่ำ แต่ตื่นขึ้นมาเพราะอาการปวดตุ้บๆ ที่แผล และอุณหภูมิร่างกายน่าจะผิดปกติด้วย เพราะเขารู้สึกถึงความร้อนฉ่าที่หน้าผาก แถมแขนข้างที่ฉีดวัคซีนก็ปวดจนนอนตะแคงไม่ได้อีก
สรุปได้ว่าเดี้ยงโดยสมบูรณ์
คนป่วยสังเกตว่าห้องยังมีไฟเปิดอยู่ กฤษณ์คงยังไม่นอนแต่ก็ไม่อยู่ในห้อง ซึ่งความอ่อนเพลียก็ทำให้ขี้เกียจเกินกว่าจะขยับตัวจึงคิดว่าจะรอจนเพื่อนกลับมาแล้วให้หยิบยาให้
นอนเล่นได้ไม่นานประตูห้องก็ถูกเปิด แต่ก่อนที่จะได้เรียกใช้รูมเมทก็ได้ยินเสียงคุยกันดังนำเข้ามา
“หลับไปแล้ว แต่เหมือนจะมีไข้ ดูไม่ค่อยดีเลยว่ะ”
ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามาในห้องตามติดด้วยใครอีกคนที่คาดไม่ถึง
“อ่าว ตื่นแล้วหรอวะ”
“กูปวดหัว หยิบยาให้หน่อย” คนมีสิทธิพิเศษชั่วคราวสั่งทันทีแบบไม่ต้องคิด
“...นี่กูเห็นว่ามึงป่วยหรอกนะ” ฝ่ายที่โดนใช้มาทั้งวันชี้หน้า ส่วนแขกรับเชิญก็เดินมานั่งที่ข้างเตียง
“ปวดมากไหมธีร์” เป็นครั้งที่สองของวันที่เขาได้ฟังประโยคแบบนี้จากคนสองคน
“ไม่มาก แต่ปวดน่ารำคาญ นอนไม่ได้” ตอบด้วยคำบ่นกระปอดกระแปด
“กินยาแล้วจะดีขึ้น” คนที่เรียนมายืนยันพร้อมเอาหลังมือทาบบนหน้าผากของทั้งคนป่วยและตนเองเพื่อวัดไข้ “อยากเช็ดตัวไหม”
“อยากอาบน้ำใหม่เลยล่ะ” ตอบแบบไม่เจียมตัวสุดๆ จนโดนว่าที่คุณหมอดุทางสายตา
หลังจากเอาน้ำเอายามาเสิร์ฟ คุณเพื่อนสุดประเสริฐก็ไปขุดผ้ามาชุบน้ำบิดหมาดๆ มาให้คนมีไข้จัดการตัวเอง แล้วเจ้าตัวก็อัปเปหิตัวเองไปนั่งเงียบๆ ที่อีกฟากของห้อง
“...พรุ่งนี้เย็นยกเลิกแล้วกันนะ” คำพูดลอยๆ ทำให้คนที่กำลังเช็ดหน้าหันขวับ
“เฮ้ย ได้ไง...”
“จะไปไหวหรือไง ธีร์นอนพักไปดีกว่า”
“แค่นี้เอง ไหวเหอะ”
“...แล้วแต่ แต่ถ้าพรุ่งนี้ยังมีไข้ก็อย่าเลย”
“หายชัวร์ รอดูได้”
โชติภัทรส่ายหัวกับความไม่เจียมของคนที่นั่งตาปรือปรอยด้วยพิษไข้ ซึ่งหลังจากได้กินยาเช็ดหน้าเช็ดตาก็เหมือนจะดูดีขึ้นจนหันมาชวนคุยได้
“นี่กี่โมงแล้ว?”
“เกือบตีหนึ่ง”
กันตธีร์มองหน้าคนตอบที่ยังอยู่ในชุดนักศึกษาและมีร่องรอยความอ่อนล้าบนใบหน้า ส่วนเสื้อกาวน์ก็ถูกพับลวกๆ พาดไว้กับกระเป๋า บ่งบอกว่าเจ้าตัวเพิ่งออกมาจากห้องฉุกเฉินแล้วก็ตรงมาที่นี่เลย
“แล้วพรุ่งนี้ต้องไปเรียนกี่โมง”
“...7โมง”
“เฮ้ย!?” คนฟังทำหน้าตื่น “รีบกลับไปนอนเลย”
“กำลังจะไปแล้ว” ฝ่ายโดนไล่หัวเราะเบาๆ แล้วลุกขึ้นยืน
แขกหันไปคุยกับเจ้าของห้องอีกคนสองสามคำก็หันกลับมายิ้มให้เป็นการบอกลาแล้วจึงกลับไป
กันตธีร์หันไปมองหน้าเพื่อนสนิทในความเงียบ เขารู้ว่ากฤษณ์เป็นคนพาอีกฝ่ายขึ้นมา เพราะไม่อย่างนั้นโชติภัทรที่อยู่คนละหอคงไม่สามารถขึ้นมาได้ถึงบนห้อง
แต่ที่เงียบก็คือไม่รู้จะพูดอะไร แม้จะรู้อีกเหมือนกันว่าคุณพ่อกำลังรอให้เขาพูดอะไรสักอย่าง
เกมส์จ้องตาสิ้นสุดลงตรงที่คนป่วยดึงผ้าห่มขึ้นมาแล้วทิ้งตัวลงนอน จนอีกฝ่ายต้องเดินไปปิดไฟแล้วเข้านอนเช่นเดียวกัน
...โดยทิ้งเอาคำถามที่ไม่มีคำตอบไว้อย่างน่าอึดอัด
TBC...
::TALK::
มาแล้วค่าาาา

ตอนนี้เป็นตอนที่อยากเขียนมากๆ คือจริงๆเรื่องนี้ไม่ได้มีพลอตอะไรที่ชัดเจนหรือลงรายละเอียดมากมาย แต่จะเน้นว่าเขียนเรื่องไปตามตัวละครมากกว่า แต่สำหรับตอนนี้ เป็นตอนที่คิดเอาไว้แต่แรกว่าอยากให้มี
ไม่ใช่อะไร...อยากอวดคุณโชติภัทรในอีกรูปแบบอ้ะ 555555

บอกตามตรงว่าคนเขียนมิได้อวยอาชีพหมอแต่อย่างใด แต่ว่าๆๆ ไม่ว่าอาชีพอะไร คนที่ตั้งใจทำงานและอินกับหน้าที่ของตัวเองมันจะดูเท่มากๆเลยว่าไหมคะ นี่แหละสิ่งที่อยากนำเสนอ (ไม่รู้เหมือนกันว่าสำเร็จหรือไม่ 555)
สำหรับ แอม เป็นตัวละครผู้หญิงที่คนเขียนชอบมากถึงกับคิดไซด์สตอรี่ยาวๆให้คุณเธอเลยทีเดียว (จริงๆเกือบทุกตัวละครก็มีไซด์สตอรี่ของตัวเอง คนเขียนเป็นพวกอินกับตัวละคร พวกลูกๆช่างน่ารักยิ่งนัก) เธอจะมีบทบาทไปเรื่อยๆ ไม่ต่างจากคุณพ่อหมีกับนายเจ หวังว่าทุกคนจะเอ็นดูเธอน้า
แล้วก็...ตอนนี้ยาวเน้อออ ว่ามั๊ยคะ 55555 ยังอ่านทวนไม่สุด แต่อยากลงแล้ว อิ ไว้วันหลังอาจจะมาแก้คำผิดนะคะ
ช่วงนี้ชีวิตคนเขียนกลับเข้ามรสุมอีกแล้วค่ะ

แต่จะพยายามมาต่อเรื่อยๆ ไม่ให้ขาดเน้อ
ใครอ่านตอนนี้แล้วคอมเมนท์คุยกันได้นะคะ คนเขียนอยู่เวรคนเดียวคืนนี้ แอบเหงาเบาๆ

เลิฟคนอ่าน ขอบคุณที่ติตดามนะคะ

::comment::
Horizon - ขอบคุณค่า

bulldog17 - สุดๆเลยค่ะ บังเอิญมาก คนเขียนประทับใจ 555
insomniac - อ่านแล้วดีใจจัง ขอบคุณนะคะ
michiri.sama - เชียร์ได้ แต่คนเขียนไม่ใช่แนวหักหลังเปลี่ยนคู่แน่นอนค่ะ 5555
พลอยสวย - จะพยายามไม่หายนานนะค้า

mesomeo2 - อนึ่ง เป็นความโก๊ะของคนเขียนอย่างหาที่สุดมิได้ 555
quiicheh. - จริงด้วยยยยยย 55555 ธีร์น่ารักจริงๆค่ะ ใครไม่อวย คนเขียนอวยเอง อิอิ

korinasai - มาแล้วค่า
kun - ฮาตรงคนเขียนนี่แหละค่ะ โก๊ะสุด
iforgive - จริงๆ เป็นพวกใส่ใจสิ่งรอบตัวต่ำน่ะค่ะ 555
malula - ขอบคุณค่า แต่คุณพ่อหมีนี่ไม่รู้จะเรียกว่าคนกลางดีหรือเปล่าแฮะ
cinn1st - ขอบคุณนะคะ จะพยายามต่อเรื่อยๆค่า
Snowermyhae - ขอบคุณค่า ดีใจจังที่มันไม่น่าเบื่อ 555
dekzappp - ขอบคุณค่า ไม่รู้ตอนนี้ยังจะมุ้งมิ้งอยู่มั๊ยน้า
ขอบคุณทุกคนเลยนะคะ เลิฟๆ
