19
ท้องฟ้าขมุกขมัวทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจถอยรถmazda2คันเก่งออกมาวิ่งเล่นบนถนน ช่วงเที่ยงของวันเสาร์ก็รถติดเป็นธรรมดา แต่เขาไม่อยากเสี่ยงให้ตัวเปียกฝนจนไม่สบายในช่วงที่งานกำลังเร่ง กันตธีร์เคาะปลายนิ้วไปกับพวงมาลัย ดวงไฟจราจรสีแดงทำให้เขาได้นั่งนิ่งๆ แล้วปล่อยให้ลมหายใจลอยไปอย่างไร้ความหมาย
ช่วงเวลาที่เขาเกลียด...
เพราะมันว่างเกินไปจนชวนให้ฟุ้งซ่าน
มือเลื่อนไปที่ประตูรถเมื่อรู้สึกว่าคอแห้ง ขวดน้ำถูกยกขึ้นมาจรดที่ริมฝีปากก่อนที่เขาจะเห็นว่ามันว่างเปล่า ชายหนุ่มจ้องมันด้วยความรู้สึกที่ถูกตีจนกระจัดกระจาย แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อโดนบีบแตรไล่
เขาโยนขวดน้ำไว้ที่เบาะข้างคนขับก่อนจะรีบออกรถตามไฟเขียวที่ไม่ทันได้สังเกต
กันตธีร์เม้มปาก เดิมเขาไม่นิยมการเอาน้ำหรือของกินมาทิ้งไว้ในรถเท่าไหร่ แต่ช่วงหลังก็มีคนเอามาใส่และเปลี่ยนให้จนเคยชิน
ขวดน้ำนั่นคงต้องเอาไปทิ้งสักที...
“ขอโทษนะธีร์ รอแอมแปปนึงนะ” เสียงเพื่อนสาวโอดครวญมาทางโทรศัพท์โดยมีแบรกกราวน์เป็นเสียงฝนตกดังโครมๆ
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราไปซื้อของที่ซูเปอร์ก่อน แอมถึงแล้วโทรมาละกัน”
กันตธีร์ตอบก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายเดินลงไปที่ชั้นใต้ดินแทน วันนี้เขามากินข้าวกับพิชามณเพราะอีกฝ่ายโทรมาชวนออกไปเปลี่ยนบรรยากาศ โดยที่ไม่ต้องเดาชายหนุ่มก็รู้ว่าเพื่อนทุกคนคงกำลังเป็นห่วง...และเขาก็กำลังทำตัวน่าเป็นห่วงจริงๆ
ชายหนุ่มเดินไปหาของที่ตั้งใจจะมาซื้อก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนจะเริ่มเดินเล่นเพราะคนที่นัดไว้ยังมาไม่ถึง ชั้นวางของในซูเปอร์มาร์เก็ตที่ติดป้ายลดราคาเรียกให้เด็กหอชั้นประหยัดเข้าไปหยิบมาพลิกดู
‘ถุงเติมของสบู่ยี่ห้อนี้จริงๆ มันแพงกว่าซื้อขวดใหม่นะ’ปลายนิ้วที่กำลังจะเอื้อมไปชะงักไปเล็กน้อย เสียงนุ่มของอีกฝ่ายดังชัดในความทรงจำของคนขี้ลืม กันตธีร์กัดฟันก่อนจะเดินออกมาพร้อมสบู่ถุงเติมสองถุงในตระกร้า
หลังจากที่ร้องไห้เสียจนปวดตา...เขาก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีก ส่วนโชติภัทรก็คล้ายกับถูกลบออกไปจากชีวิต
...ไม่จริงเลยสักนิด
บางครั้งเขาก็รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเลย ทุกอย่างในชีวิตประจำวันของกันตธีร์มีโชติภัทรอยู่เต็มไปหมด ไม่ว่าจะทำอะไรก็มีตัวตนของผู้ชายคนนี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง
กว่าจะรู้ตัว...เขาก็โดนโชติภัทรแทรกตัวเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวเสียแล้ว
แต่กันตธีร์ก็ไม่รู้ว่ามันจะเรียกว่า ‘รัก’ ได้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมามีแต่โชติภัทรที่เอาตัวเข้ามา และกันตธีร์ก็ไม่เคยสนใจเรื่องของอีกฝ่ายก่อน โชติภัทรมีเพื่อนสนิทคือใคร อยากเรียนอะไรต่อ หรือแม้กระทั่งอาหารที่ชอบเขายังไม่มีตัวเลือกให้เดาด้วยซ้ำ
เป็นแบบนี้มันจะดีแล้วหรือไง ชายหนุ่มได้แต่ถามตัวเองซ้ำๆ
พิมพ์นภา...คนที่เขารั้งเอาไว้โดยที่ไม่ใช่ความรัก จุดจบของมันคือผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องเสียใจแทบตายเพราะสิ่งที่ทุ่มเทให้มันไม่เหลืออะไรกลับมา
กันตธีร์ใส่ใจความรู้สึกของโชติภัทรเกินกว่าจะตัดสินใจอะไรง่ายๆ เขาไม่อยากให้คนคนนี้เสียใจแบบที่เคยเกิดขึ้นกับพิมพ์นภา
โชติภัทรเป็นคนที่แสนดีจนไม่คิดว่าจะมีจริงอยู่บนโลก แต่เขารู้เสมอว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่มี agape love รสจูบวันนั้นคือคำขอร้องและท้าเดิมพัน หากเลือกผู้ชายคนนี้...โชติภัทรก็จะทุ่มจนหมดหน้าตักและเรียกร้องให้กันตธีร์ทิ้งไพ่ในมือลงทั้งหมดเช่นกัน
กล้าหรือ
กับคนที่ทุ่มเทถึงขนาดนั้น กล้าที่จะทำให้เขาเสียใจด้วยหรือ
เสียงริงโทนเรียกให้ชายหนุ่มกลับมาสู่โลกความจริง เขารับสายจากเพื่อนสาวแล้วเดินไปที่เคาท์เตอร์จ่ายเงินอย่างใจเย็น
พิชามณส่งรอยยิ้มหวานนำมาพร้อมกับคำขอโทษขอโพยชุดใหญ่ หญิงสาวบอกชื่อร้านที่อยากกินแล้วก็ลากเพื่อนไปทันทีแบบไม่รอความเห็น ก่อนจะหันมาถามอีกทีตอนถึงหน้าร้านว่า โอเคหรือเปล่า
เขารู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องร้านอาหารจึงยิ้มตอบแล้วไม่ได้ว่าอะไร ตั้งแต่วันนั้นชายหนุ่มก็ไม่ได้ร้องไห้อีกเลย...เพราะรู้ดีว่ามีใครอีกคนที่กำลังเสียใจกว่า
“แอมอยากถามอะไรก็ถามเถอะ” กันตธีร์พูดขึ้นมาเมื่อบทสนทนาสัพเพเหระจากอีกฝ่ายเริ่มขาดตอ
“แอมชวนมาเปลี่ยนบรรยากาศจริงๆ” หญิงสาวตอบ “แอมเป็นเพื่อนธีร์มานานแค่ไหนแล้ว ถ้าธีร์อยากเล่า...ธีร์ก็เล่าเองแหละ”
“เรา...แค่ไม่รู้จะทำยังไงดี”
พิชามณเป็นเพื่อนที่ดีและเป็นผู้ฟังที่ดี ใบหน้าสวยล้อมกรอบด้วยผมสั้นทันสมัยมองตรงมาอย่างตั้งใจ หญิงสาวเป็นคนมีเหตุผลมากและให้คำปรึกษาที่ดีได้ ทั้งกฤษณ์และกันตธีร์เองก็มีเรื่องมากมายที่เอามาบ่นใส่เพื่อนคนนี้แต่อีกฝ่ายก็ยังคงยิ้มรับและตั้งใจฟังเสมอ
“ขอโทษนะ เราก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี” ชายหนุ่มถอนหายใจหลังจากพยายามเรียบเรียงความคิดอันยุ่งเหยิงออกมาเป็นคำพูด
“...แต่แอมว่าแอมเข้าใจนะธีร์”
พิชามณยิ้มอ่อนโยน
“เพราะแอมเคยแอบชอบธีร์”ชายหนุ่มเผลอทำช้อนในมือร่วงดังเคร้งจนคนหันมามอง แต่เขาไม่ทันได้สนใจเพราะในหัวที่แต่คำพูดของเพื่อนสนิทยาวนานกว่า7ปีดังก้องไปหมด
“นี่...ตกใจอะไรนักหนา บอกว่า ‘เคย’ นะ” ใบหน้าสวยขึ้นสีเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายตกใจจนเกินเหตุ
“...จริงหรือแอม” คำถามแรกเมื่อหาเสียงตัวเองเจอ
“จริงสิ หมีก็รู้ โทรไปถามเลยก็ได้”
“แล้วทำไมเราไม่เคยรู้” ชายหนุ่มอ้าปากค้างกับความลับที่เกี่ยวกับเขาเต็มๆ แต่เพื่อนสองคนปิดได้แนบเนียนมาก
“เพราะธีร์ไม่ได้ชอบแอมน่ะสิ” พิชามณกอดอกแกล้งทำหน้าตูม “ไม่เค๊ยไม่เคยจะหันมาสนเรา”
“...ขอโทษ” พอได้รู้ความไม่ได้ของตัวเองอีกประการก็เลยยิ่งเหี่ยว แต่หญิงสาวตรงหน้ากลับหัวเราะลั่น
“ขอโทษทำไม แอมไม่อยากให้ธีร์รู้ซะหน่อย เป็นงี้อ่ะดีแล้ว ไม่งั้นเราจะเป็นเพื่อนกันได้ถึงป่านนี้หรือ” คนเคยอกหักจากเพื่อนโบกมือไม่ถือสา “ที่แอมจะบอกคือ เรื่องของโชติภัทรมันทำให้แอมคิดถึงพิมพ์”
กันตธีร์ขมวดคิ้ว เขาไม่ชอบใจการเปรียบเทียบในเชิงนี้...เพราะมันกำลังจะมีความหมายเหมือนว่าเขาจะทำให้โชติภัทรเสียใจเช่นกัน
“อย่าเพิ่งคิดอะไรไปไกลนะ แอมหมายถึงธีร์ตอนนี้เหมือนพิมพ์ต่างหาก”
“แอมหมายความว่าไง”
“ก็ตอนที่ธีร์ไปจีบพิมพ์...แอมก็อิจฉาเล็กๆ นะ ถึงรู้ว่าธีร์จะแค่ชอบๆ แต่มันก็อดจี๊ดไม่ได้ แต่แอมอ่ะ...ไม่ได้อิจฉาพิมพ์ที่ถูกธีร์จีบหรอก” หญิงสาวเอาหลอดคนน้ำแข็งในแก้วน้ำช้าๆ “แอมอิจฉาที่พิมพ์ได้ลองพยายามทำให้ธีร์รัก”
“แต่สุดท้ายพิมพ์ก็เสียใจ” ชายหนุ่มตอบกลับเสียงเรียบ
“ถ้าผลมันกลับกัน คนเสียใจก็คือธีร์นะ” พิชามณวางมือจากแก้วน้ำแล้วสบตากับเพื่อน “ไม่รู้หรอกธีร์ ธีร์ก็เป็นฝ่ายจีบพิมพ์ก่อน แต่คนเสียใจกลับเป็นพิมพ์เอง ครั้งนี้ก็เหมือนกัน...ธีร์ไม่มีทางรู้หรอกว่าอนาคตมันจะเป็นยังไง”
“...เราอาจจะรักใครไม่เป็นก็ได้นะแอม”
“ธีร์ก็กำลังเสียใจอยู่นี่นา โชติภัทรก็คงกำลังเสียใจอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนี้ธีร์มีโอกาส...ที่จะรักและทำให้เขารักธีร์”
กันตธีร์เบือนหน้าออกไปนอกหน้าต่าง ฝนฟ้าคะนองภายนอกทำให้ทัศนวิสัยล้วนมืดครึ้ม...และน่ากลัว
“นี่แอมกำลังเชียร์ให้ผู้ชายที่ตัวเองเคยชอบเป็นเกย์นะ”
“หมีเคยบอกแอมว่าแอมเป็นตัวอาถรรพ์” หญิงสาวฉีกยิ้มกว้าง “ชอบใครคนนั้นก็ไม่เป็นผู้ชายสักคน”
ชายหนุ่มหัวเราะเต็มเสียงครั้งแรกในรอบหลายวัน ส่วนพิชามณที่พยายามทำหน้าตายก็เม้มปากกลั้นขำตัวเองจนแก้มแดง
“ธีร์” มือนุ่มนิ่มของผู้หญิงแตะมือเพื่อนอย่างอ่อนโยนเมื่อเสียงหัวเราะหยุดลง “นี่แอมพูดจริงๆ นะ แอมไม่อยากเห็นธีร์เสียใจแบบนี้”
“...เราไม่รู้ว่าตัวเองจะทุ่มกับใครสักคนได้ขนาดนั้นเลยหรือ”
“แอมก็ไม่เคยคิดว่าธีร์จะติดใครได้ขนาดนี้มาก่อน...ถ้าไม่ใช่หมีเป็นคนเล่า แอมไม่มีทางเชื่อหรอก”
“ขนาดนั้นเชียว...หมีมันเอาเราไปเผาให้แอมฟังหรือ”
“คุณพ่อของพวกเราหวงลูกจะตาย...” พิชามณพูดแล้วก็ค้างไปเพื่อตัดสินใจบางอย่าง “นี่ ธีร์รู้หรือเปล่าว่าหมีไม่ชอบนายโชติภัทรเอามากๆ เลย”
“หา?”
“แอมก็ไม่ค่อยเข้าใจนักหรอก แต่หมีพูดทำนองว่าโชเข้ามาทำให้ธีร์ขาดโชไม่ได้” หญิงสาวเม้มปาก “แล้วยังวันนั้นอีก...จู่ๆ มายอมแพ้กันง่ายๆ คิดแกล้งกันชัดๆ...ประมาณนี้น่ะ”
“ไม่จริงหรอก!” กันตธีร์รู้สึกเหมือนมีก้อนขมมาจุกอยู่ในลำคอจนต้องเอามือลูบเบาๆ “เราต่างหาก...ที่เห็นแก่ตัว”
“แต่ธีร์ไม่โกรธโชเลยหรือ ทั้งๆ ที่ไม่เห็นต้องทำแบบนี้ก็ได้”
คำถามนั้นจากพิชามณทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนอะไรๆ ในหัวที่ยุ่งเหยิงเริ่มเรียงตัวกันเป็นลำดับ เขารู้สึกเหมือนมีน้ำเย็นมาสาดใส่หน้าก่อนที่ความรู้สึกร้อนวาบจะตามมา
“ธีร์?”
“เดี๋ยวนะแอม...ขอเวลาแปปนึง”
ชายหนุ่มซบหน้าลงกับท่อนแขนตัวเองแล้วครางเบาๆ ในลำคอ รู้สึกเหมือนในอกกำลังจะระเบิด...
‘เพราะรัก...เพราะจริงจัง ธีร์ถึงต้องตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเอง’กันตธีร์โกรธที่ตัวเองเข้าใจอีกฝ่ายมากเกินไปก็ในวินาทีนี้ เพราะแบบนี้เขาถึงรู้สึกเหมือนกำลังจะตายไปพร้อมกับความรู้สึกเต็มตื้อ
ในที่สุดชายหนุ่มก็โงหัวขึ้นมาได้ หญิงสาวที่นั่งตรงข้ามยิ้มขำเปิดเผยทำเอาต้องหันไปเรียกเก็บเงินแก้เก้อด้วยอารมณ์ที่ดีกว่าตอนแรกมากจนเผลอให้ทิปพนักงานไปมากกว่าปกติด้วยซ้ำ แล้วพอหันไปอีกทีนอกหน้าต่างที่อึมครึมเมื่อครู่ก็เริ่มสว่างเผยให้เห็นพระอาทิตย์กลมโตที่เริ่มคล้อยต่ำอย่างเกียจคร้าน
“ธีร์ส่งแอมตรงรถไฟฟ้าข้างหน้านี้ก็พอ” หญิงสาวสะกิดเพื่อนที่เป็นคนขับ
“ไปส่งบ้านก็ได้ แปปเดียวเอง”
“ฝนหยุดแล้ว แอมกลับเองดีกว่า” พิชามณยืนยัน “ธีร์มีเรื่องต้องทำก่อนนะ”
“เรื่อง...” กันตธีร์อ้าปากถามแล้วก็ต้องชะงักเมื่อเข้าใจนัยที่เพื่อนจะสื่อ
“แอมรู้ว่าธีร์ไม่ลืมหรอก เพราะมันเป็นเรื่องสำคัญ”
เมื่อรถจอดเทียบกับฟุตบาธ หญิงสาวก็คว้ากระเป๋าขึ้นสะพายเข้าไหล่ก่อนจะเอื้อมมือไปปลดล็อคประตูเอง
“แอม...ขอบคุณนะ!” เขาไขกระจกตะโกนไล่หลังเพื่อนสนิทไปทำให้อีกฝ่ายหันมายิ้มกว้างแล้วชูนิ้วโป้งให้
ชายหนุ่มออกรถด้วยหัวใจที่เต้นช้าแต่แรงกว่าเมื่อครู่ มือหนึ่งหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์ข้อความตอนที่รถติดไฟแดงก่อนจะขับไปตามเส้นทางที่ไม่ได้ไปมานาน รอรถติดอยู่พอสมควร กันตธีร์ก็พาตัวเองมาถึงคอนโดหรูกลางเมือง เจ้าหน้าที่เดินมาเปิดประตูเชิญให้เขาขึ้นไปบนตึกตามที่เจ้าของห้องเคยแจ้ง
หลังเสียงกดออดแค่ชั่วอึดใจประตูห้องก็เปิดออกเผยให้เห็นร่างสูงที่ดูดีจนเกินพอตลอดเวลา
“มาหาถึงห้องนี่มีอะไรให้รับใช้ครับ”
กันตธีร์ยกยิ้มกับคำพูดนั้น ทำให้อีกฝ่ายเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ ก่อนจะหัวเราะเบาๆ
“คงไม่ใช่ข่าวดีของเจแน่ๆ เลย” จิรณัฐเปรย “โทษที แต่ในห้องตอนนี้ไม่สะดวกเท่าไหร่ คุยตรงนี้ได้ไหม”
“อ่อ ไม่เป็นไรตรงนี้ก็ได้” คนที่อุตส่าห์ดั้งด้นมาสูดลมหายใจ “แค่จะมาบอกสั้นๆ”
“อื้ม...รู้แล้วล่ะ” เจ้าของห้องกอดอกพิงตัวกับกรอบประตูพร้อมกับส่งยิ้มให้
“ตามสัญญา...มาบอกแล้วนะ” กันตธีร์เงยหน้ามองสายตาที่ทอดมา
ความเงียบลอยอึงอลอยู่ชั่วอึดใจ เสียงหัวเราะแผ่วเบาก็ดังอยู่ในลำคอ
“เจ็บน้อยกว่าที่คิดเยอะเลย” จิรณัฐว่าง่ายๆ “ไม่ต้องขอโทษหรือรู้สึกผิดเลย ธีร์ให้คำพวกนั้นกับเจมามากเกินพอแล้ว”
“...แล้วมึงอยากได้คำไหน” กันตธีร์กระซิบแต่ก็รู้ว่าอีกฝ่ายได้ยิน
“คำสัญญาว่าจะมีความสุขแล้วกัน” คนตัวสูงยกนิ้วก้อยขึ้นมาตรงหน้า “ขอบคุณที่รักษาสัญญาเสมอ”
“มึงเป็นเพื่อนที่ดีมากจริงๆ นะเจ” แม้ว่ามันจะดูประหลาดแค่ไหนแต่เขาก็ยกนิ้วก้อยขึ้นไปเกี่ยวกับอีกฝ่าย
“คำนี้ก็ไม่ค่อยอยากได้แฮะ” หัวเราะแผ่วเบาแล้วก็พยักหน้า “แต่ตอนนี้โลภมากไม่ได้แล้ว ขอให้มีความสุขมากๆ นะตัวเล็ก”
กันตธีร์หันกลับไปมองเพื่อนผู้ยืนส่งอยู่ที่หน้าประตูห้อง อีกฝ่ายจึงยิ้มให้แล้วโบกมือเป็นเชิงว่าให้ลงลิฟต์ไปได้แล้ว ชายหนุ่มหัวเราะกับตัวเอง...รู้สึกเหมือนม่านหมอกบางอย่างมันกำลังจะหายไป
‘ก็ให้สัญญา...ว่าถ้าชอบผู้ชายขึ้นมาจริงๆ ขอให้ได้รู้คนแรก’
‘แล้วธีร์ก็สัญญา?’
‘ก็นะ...’
‘ไม่เสียดายหรือ ชอบใครก็น่าจะอยากบอกคนคนนั้นคนแรกหรือเปล่า’
‘...แอมพูดเหมือนเราจะชอบผู้ชายขึ้นมาจริงๆ ...แต่ถึงจริง ก็ไม่เป็นไร เราก็อยากให้เจมันมีความสุข ยังไงมันก็เป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ นะแอม’
++++++
กันตธีร์เดินกึ่งวิ่งเข้ามากดลิฟต์อย่างรีบร้อน ก่อนจะกลอกตาไปมาตัวเลขหยุดค้างที่ชั้นอื่นนานเกินจำเป็น สุดท้ายก็หันไปก้าวขึ้นบันไดทีละสองขั้นแทน
ชายหนุ่มเป็นคนใจร้อนอยู่แล้ว...แต่ครั้งนี้ เขาวิ่งตามหัวใจไม่ทันเลยจริงๆ
ทางเดินที่ทุกคนมองข้ามกลับถูกใช้อย่างเคยชิน กันตธีร์นึกถึงวันแรกที่เขาเดินเข้ามาในนี้โดยมีเพียงข้อความนำทาง เกมส์เล็กๆ ที่อีกฝ่ายหวังจะทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น...แล้วมันก็สำเร็จ
ชั้นหนังสือที่ไม่มีคนเหลียวแลเรียงตัวกันเป็นช่องทางนำไปสู่สถานที่พิเศษของคนบางคน แสงแดดสีส้มแสบตาส่องเข้ามาตามหน้าต่างบานสูงจรดเพดาน ชายหนุ่มหยีตารับกับแสงจ้า...แต่ภาพเงาตรงหน้ากลับชัดเจนจนหัวใจกระตุก
ร่างสูงอยู่ในชุดนักศึกษายืนอยู่ที่ริมหน้าต่าง ไม่มีเก้าอี้สักตัวอยู่ตรงนั้น เพราะกันตธีร์ไม่ได้มา โชติภัทรจึงไม่มีความจำเป็นต้องไปหาเก้าอี้มาเหมือนเดิม
ใบหน้าของคนที่รอคอยมีร่องรอยอ่อนล้า แต่พอหันมาเห็นกันตธีร์ก็ยกยิ้มให้เหมือนทุกครั้ง...เหมือนทุกๆ ครั้งไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ผู้ชายคนนี้ทำอะไรให้เขามากมายจนแทบรับไม่ไหว
‘เพราะรัก...เพราะจริงจัง ธีร์ถึงต้องตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเอง’ใช่...โชติภัทรไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ แต่ที่ทำแบบนี้เพราะความสัมพันธ์ของเพศเดียวกันไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากเรื่องของความรู้สึกยังมีเรื่องแวดล้อมอีกมหาศาลที่ต้องคิด อีกฝ่ายถอยเพื่อให้เขาได้พิจารณาและตัดสินใจเรื่องทั้งหมดด้วยตัวเองต่างหาก
แม้เวลาแบบนี้ โชติภัทรก็ยังคิดเผื่อเขา ให้เกียรติและเคารพการตัดสินใจของเขาทั้งๆ ที่ตัวเองก็อาจจะต้องเสียใจ
โกรธตัวเองที่ได้รับความรักมากมายเหลือเกิน แล้วก็โกรธอีกฝ่ายที่ไม่ยอมเห็นแก่ตัวบ้าง
กันตธีร์สาวเท้าเข้าไปใกล้ ระหว่างทั้งคู่ยังคงไม่มีคำพูดอะไร...แค่ความเงียบและสายตาที่สบกัน
โชติภัทรฝืนยิ้มจนไม่ไหวจึงเม้มปาก แววตาหลังกรอบแว่นฉายความรู้สึกที่ทำให้คนมองเจ็บเสียดไปทั้งอก และเมื่ออีกฝ่ายอ้าปากจะพูดเขาก็ต้องยกมือปิดปากไว้ทันที เพราะถ้าหากคำพูดนั้นไม่มีชื่อเขาอีกคงจะทนไม่ได้
ชายหนุ่มเปิดปากแต่ก็นึกคำพูดที่ดีที่สุดสำหรับสถานการณ์นี้ไม่ออก สุดท้ายจึงได้แต่ยืนนิ่งมองตากัน
แล้วก็เป็นอีกครั้งที่โชติภัทรค่อยๆ จับมือของคนตัวเล็กออกจากปากก่อนจะก้มลงกระซิบแผ่วเบาราวกับพูดกับตัวเอง
“ธีร์”กันตธีร์ดึงมือตัวเองออกจากอีกฝ่ายทันทีก่อนจะคว้าไหล่หนาไว้เต็มมือ เสียงเรียกชื่อนั้นทำให้เขาโยนทุกอย่างในหัวทิ้งแล้วตัดสินใจทำสิ่งที่ไม่ได้ผ่านการกลั่นกรอง
คือ เขย่งตัวขึ้นแตะริมฝีปากเข้ากับคนที่กำลังยืนตะลึงค้าง
โชติภัทรรักเขามากเกินไป
เพราะเป็นแบบนี้...แล้วจะให้กันตธีร์อยู่ได้ยังไง ถ้าไม่มี ‘ธีร์ของโชติภัทร’
TBC
::TALK::
//ตาไม่ฝาดภาค2 กรีดร้องงงงงงงงงงงงงง

คนเขียนขยันฝุดๆ! บอกเลยว่าอดนอนเขียนนิยาย 555555555555555555 //พลีชีพมาก ณ จุดนี้

คือตอนนี้ยาวมาก ขออนุญาตตัดมาลง [ค้างมั๊ยคะ? //โดนเขวี้ยงรองเท้า

] หื้อ...หายหม่นละค่ะทุกคน เรื่องนี้ดราม่าได้เบาบางมากจริง 555
ส่วนเรื่องของเจ ตอนแรกคิดว่าจะเล่าถึงให้ละเอียดกว่านี้ แต่เปลี่ยนใจตอนเขียน รู้สึกว่าเอาแค่นี้ดีกว่า แค่พอเดาๆ กันได้ก็พอ [เจ นายอย่าน้อยใจไปนะ

]
ว่าแต่...ทุกคนลืมพิมพ์นภากันไปหรือยังคะ นางโผล่มาครั้งนึงในตอนที่2 [ยาวนานประมาณสิบแปดปีก่อน 55555] เป็นอีกตัวละครที่โดนลดทอนบทจากที่ตั้งใจเอาไว้ตอนแรก [ขอโทษนะพิมพ์...

]
สำหรับตอนนี้ บอกตามตรงว่าอยากได้คอมเมนท์จังเลยค่ะ ว่าหลังจากที่อ่านคิดยังไงกันบ้าง คือสองสามตอนหลังเนี่ย คนเขียนอยากจะถ่ายทอดความคิดกับความรู้สึกของทั้งโชและธีร์ออกมาให้มากที่สุด แต่ก็ไม่รู้ว่ามันออกมาเป็นยังไงเหมือนกัน หากคนอ่านว่าง คุยกันนิดนึงนะคะ อยากรู้จริงๆ เพราะในหัวคนเขียน ทั้งโชและธีร์[รวมถึงตัวละครอื่นๆ]มีชีวิตจริงๆค่ะ มีทั้งเรื่องราวความคิดและทุกๆอย่าง ถ้ายังไงก็รบกวนหน่อยนะคะ

แล้วก็สำหรับตอนถัดไป...ขอเป็นแบบเดิม ถ้าขยันมากก็ศุกร์หน้า ถ้าตามปกติก็ศุกร์ถัดไป

จะพยายามรักษาสปีดนะคะ ช่วงนี้ฟิตจริงอะไรจริง 555555
ขอบคุณคนอ่านนะคะ เลิ๊ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ

ป.ล. โฆษณาทวิตเตอร์อีกครั้ง เข้ามาทักทายพูดคุยกันได้นะคะ คนเขียนไม่กัดเน้ออออ >>
https://twitter.com/velvetronica::TALK::
OrangeryLemon - มันเป็นจุดที่ทั้งคู่ต้องเผชิญน่ะค่ะ

lune - ดราม่าเบาๆ ตอนนี้ก็คลี่คลายแล้ว 555
[N]€ẃÿ{k}uñĢ - ใช่เลยค่ะ ธีร์อยู่ในภาวะที่โดนกดดันจากหลายอย่าง แล้วธีร์เองก็ยังคิดเผื่ออีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัวอีก 555
Raiwyn - จริงๆโชก็ไม่ได้ตั้งใจจะเย็นชานะคะะะะ แต่เป็นพวก all or none อ่ะค่ะ

cher7343 - ตอนนี้ไม่ดราม่าแล้วค่าาา

ตีสี่ - เพราะช่วงนี้คนเขียนฟิตผิดปกติหรือเปล่าคะ 555555555 โชเป็นพวกนั้นเลยค่ะ คิดเยอะมากจนขัดแย้งในตัวเอง จริงๆโชไม่ได้ตั้งใจตีตัวออกห่างแบบนั้นนะคะ อื่ม...ยังไงดีล่ะ เอาเป็นว่ามันเป็นตามที่ธีร์คิดอ่ะค่ะ 5555
BeeRY - มันเป็นจุดที่ยากจริงๆล่ะค่ะ แต่พอคิดตัดสินใจได้มันก็จะผ่านไปด้วยดี
mild-dy - กรี๊ซ หายหน่วงแล้วค่าาา 55555
kokoro - โชเป็นพวกเอาความคิดนำอ่ะค่ะ แต่ก็ขัดแย้งในตัวเองขั้นสุด ว่าแต่...ซอลธีร์นี่จะดีหรือค๊าาาาาา!?
quiicheh. - แคร์มากกว่าที่คิดด้วยค่ะ คิดแทนเขาไปแล้วเสร็จสรรพไม่รู้ตัว 5555
malula - ธีร์มั่นใจในตัวโชค่ะ แต่ไม่มั่นใจในตัวเอง

GintoniC - สำหรับโชคงมีเวลาให้ธีร์เสมอเลยค่ะ 5555 ว่าแต่ตอนนี้มันยิ่งค้างหรือเปล่าคะเนี่ยยย
Zelsy - ตอนนี้สว่างกระจ่างตาแล้วค่าาาา 55555
หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว - คนเขียนก็ว่ามันเจ็บมากนะคะ คงจุกมากจริงๆ [อยากจะเข้าไปปลอบธีร์

] แต่ตอนนี้จะหายอึมครึมแล้วนะค้า
Celestia - ขอบคุณค่า ยินดีต้อนรับนะคะ

พระเอกของเรามันพระเอกจริงๆอ่ะ 555555
อินะซัง - ขอบคุณที่ชอบเรื่องเรื่อยเปื่อยนี้นะคะ

คนเขียนเองก็ลุ้นไปกับสองคนนี้ตลอดการเขียนเหมือนกันค่ะ 555
[N]€ẃÿ{k}uñĢ - กรี๊ซซซซ โดนทวงงง ขอบคุณนะคะ 555 [//ปลื้มปริ่มผสมกดดัน]

ขอบคุณทุกคอมเมนท์เลยนะคะ รักคนอ่านมากมายยยยยยยย
