หัวใจสิงห์...สีน้ำผึ้ง ตอนที่ 27 [26/10/2017] pg.64 [[End]]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หัวใจสิงห์...สีน้ำผึ้ง ตอนที่ 27 [26/10/2017] pg.64 [[End]]  (อ่าน 763831 ครั้ง)

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ kikumaru

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
 :hao5: ทำแบบนี้ฆ่ากันชัดๆเลยมาแต่เหอะนะ

ออฟไลน์ dek-zaal3

  • แก้วปั้ณณ์
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +534/-11
    • แก้วปั้ณณ์
ตอนที่ 12




“ไม่จริง...ไลเกอร์ นายเหมือง!!!!!!!”

   บัวหวีดร้องสุดเสียง ไทกอนที่เกาะกับบัวอยู่ก็เริ่มต้นร้องไห้ออกมาอย่างขวัญเสียเช่นเดียวกัน

“ครูตาหวาน!! ไทจะหาพ่อ ฮืออออออ!! ไทจะหาพ่อ!! ฮือออออ...”

   บัวก้มลงสวมกอดเด็กที่ร้องไห้เสียงดังอย่างหมดมาดลูกเสือเอาไว้แน่น บัวเองก็อยากร้องไห้ แต่ก็ต้องอดทนเอาไว้ให้ถึงที่สุดเพราะไม่อย่างนั้นไทกอนจะไม่เหลือที่พึ่งอื่นใดเลยนอกจากเขา ขนาดเขาที่เป็นคนนอกเห็นนายเหมืองกับไลเกอร์หายไปต่อหน้าต่อตายังใจเสียขนาดนี้ ส่วนคนเป็นลูกอย่างไทกอนที่มาเห็นพ่อกับพี่จมน้ำหายไปคงไม่ยิ่งกว่าใจสลายหรอกหรือ
   
“ไม่ร้องลูกไม่ร้อง...ไป...เราไปหาคุณพ่อกัน ครูจะพาไปเอง...ไปลูกไป...” บัวฝืนแรงกำลังอุ้มเด็กน้อยเข้าบ่า ไทกอนยังคงตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนไม่มีกะจิตกะใจแม้แต่จะเดินต่อ เขากอดคอบัวแน่นพร้อมกับซบบ่าร้องไห้ฮือ บัวได้แต่ลูบหลังปลอบโยนเด็ก ส่วนเท้าก็สาวไปข้างหน้าตามร่องทางดินที่ถูกกรุยเอาไว้เล็กน้อยเลียบทางน้ำไป บัวมองกลับไปทางฝั่งที่มีรองเท้าและข้าวของของพวกเขาวางไว้บนโขดหินแล้วก็ยิ่งรู้สึกทดท้อใจมากขึ้น ของทุกอย่างไม่ได้วางห่างจากริมน้ำมากนัก มันจึงถูกกระแสน้ำพัดพาจนจมหายไปหมด จะให้ข้ามกลับไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่นที่ฝั่งนั้นบัวก็หมดปัญญา เขาว่ายน้ำไม่เป็น แถมน้ำก็ยังขึ้นสูงจนแอ่งน้ำที่เคยเห็นว่าใกล้ๆกับขยายกว้าง จนคาดคะเนไม่ได้เลยว่าตรงจุดไหนบ้างใต้น้ำนั่นที่ลึกจนบัวยืนขาไม่ถึงพื้น ซึ่งนั่นก็ไม่คุ้มเสี่ยงที่จะให้บัวหรือไทกอนข้ามกลับไป ดังนั้นทางเดียวในตอนนี้ที่จะไปต่อได้ก็คือทางข้างหน้า เพราะบัวยังจดจำได้ดีถึงคำบอกเล่าของนายเหมืองที่ว่าน้ำตกที่นี่จะไหลผ่านเหมืองของเขา เพราะฉะนั้นถ้าเขาเดินเลียบลำน้ำนี้ไปเรื่อยๆเขาอาจจะสามารถพาไทกอนกลับบ้านได้ และที่สำคัญ ที่ใดที่หนึ่งระหว่างลำน้ำนี้ พวกเขาสองคนอาจได้เจอนายเหมืองและไลเกอร์ที่หายไปกับสายน้ำนี้ก็ได้

   ...ที่ใดที่หนึ่งในหัวใจของเขา มีอะไรบางอย่างบ่งบอก ว่าหัวใจของนายเหมืองและไลเกอร์ยังเต้นอยู่ พวกเขาจะยังได้พบกัน...

“ครูตาหวาน ไทเดินเองได้แล้ว...” ไทกอนบอกคุณครูตัวขาวเสียงอู้อี้ เด็กชายยกมือปาดเหงื่อเม็ดเล็กที่ขมับให้ ครูบัวเงยเขาพร้อมกับยิ้มบางๆให้แล้วบอก

“ไม่เป็นไรลูก...ครูอุ้มไหว...ไทไม่มีรองเท้า เดี๋ยวเท้าโดนอะไรตำ...หนูช่วยครูดูในน้ำนะ ถ้าเจอน้องกับพ่อรีบบอกครูเลยนะลูก” บัวบอกเด็ก แต่ถึงกระนั้นไทกอนก็ยังพยายามดิ้นที่จะลงเดินเอง จนในที่สุดบัวก็ทนแรงเด็กดิ้นไม่ไหวต้องยอมปล่อยลงเดิน แต่พอเท้าถึงพื้นปุ๊บมือเล็กก็คว้าหมับเข้าที่มือบัวแล้วออกเดินไปพร้อมกัน

“ครูตัวเล็กกว่าพ่อเยอะ ครูอุ้มไทไม่ไหวหรอก ไทตัวหนัก...” ไทบอกงุบงิบ ถึงไทกอนจะเด็ก แต่ก็มีความรู้สึกนึกคิดได้อยู่ว่าครูบัวไม่ใช่คนที่แข็งแรงทนแดดทนฝนได้เหมือนพ่อเขา ที่ครูเขายอมอุ้มเดินมาถึงนี่ได้ไทกอนก็ต้องยอมรับนับถือในความอึดและทนของคุณครูมากแล้ว

“พ่อไทไม่เป็นไรใช่มั้ยครู ไลเกอร์ก็ยังปลอดภัยใช่มั้ย...” ไทกอนถามเขาเสียงงุบงิบ บัวเอามือไปข้างที่ว่างไปเกาะไหล่เด็กไว้แล้วโอบมาใกล้ๆตัวเพื่อหลบกิ่งไม้พลางบอก

“เขาสองคนยังปลอดภัยลูก นายเหมืองแข็งแรงจะตาย เขาจะต้องช่วยไลเกอร์ได้แน่ๆ...” คำพูดนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาใช่ปลอบใจเด็กหรือปลอบใจตัวเองกันแน่

   ...แต่บัวก็เชื่ออย่างที่ปากบอกไปจริงๆนี่นา...

   เสียงน้ำครืนใหญ่เริ่มหายไปแล้ว กระแสน้ำไหลแรงเมื่อครู่เริ่มซาลง แต่เศษกิ่งไม้และใบใหม่เน่าที่มันคงพัดลงมาจากต้นน้ำยังมีลอยมาให้เห็นเป็นระยะ เส้นทางที่บัวกับไทกอนเดินฝ่าเริ่มยากเย็นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อทางดินมันเริ่มแคบลง จนในที่สุดก็ไม่มีทางคนให้เดินได้อีกต่อไป บัวเอาเด็กไว้ข้างหลังแล้วสั่งว่าให้ก้าวเท้าตามในรอยเท้าของเขาเท่านั้น ดีที่ที่นี่เป็นดินนุ่ม ฝ่าเท้าของคนทั้งคู่จึงยังพอจะเดินเหยียบไปได้เรื่อยๆ ไม่เกิดอาการบวมพองเสียก่อนเพราะทั้งคู่นั้นไร้รองเท้าจะสวมป้องกัน บัวจับจูงมือเด็กแล้วพาเดินไปอย่างระมัดระวัง บางช่วงเขาก็ป้องปากตะโกนเรียกชื่อนายเหมืองสิงห์และไลเกอร์ไปด้วย แต่ทว่าก็ยังไม่มีใครตอบกลับเสียงของเขามาเลยสักคน

   จนกระทั่งไทกอนเริ่มออกอาการเหนื่อยจนเดินต่อไปไม่ไหว บัวจึงได้หาที่นั่งพัก เป็นก้อนหินใหญ่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งนั่นเอง จากนั้นบัวก็ลงไปนั่งยองหน้าไทกอนแล้วเอาขาเด็กพาดเข่า ก่อนจะเอามือเช็ดเศษดินเศษหญ้าออกให้อย่างไม่รังเกียจ แล้วลงแรงนวดให้เบาๆ บัวมองหน้าเด็กอย่างพยายามให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ไทกอนเองก็เอามือไปปัดผมที่รกปรกหน้าครูบัวเพราะเหงื่อออกให้ บัวยิ้มให้กับความมีน้ำใจของเด็กน้อยก่อนจะโอบมือสวมกอดร่างเล็กๆเอาไว้เพื่อถ่ายทอดความหวังดีให้ไป ความอบอุ่นเล็กๆที่เขากอดอยู่ทั้งอ่อนแอและบอบบาง แต่กลับเข้มแข็งได้อย่างไม่น่าเชื่อ

   ตัวไทกอนทั้งเย็นทั้งสั่นไปหมด และคงจะกำลังกระหายน้ำมากด้วย  เพราะบัวเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐาน ว่าขนาดตัวเองยังหิวน้ำขนาดนี้แล้วไทกอนที่ออกเดินมาพร้อมเขาก็คงจะไม่ต่างกัน แต่ทว่าเด็กน้อยกลับไม่ยอมบ่นเมื่อย หิว หรือเหนื่อยออกมาแม้แต่คำเดียว บัวเองก็ต้องยอมรับนับถือในน้ำใจของเด็กน้อยเช่นกันที่ก็อดทนเพื่อไม่ให้เขาต้องพะวงหรือเป็นห่วง

   บัวคลายกอดแล้วหันมองรอบตัว แถวนั้นมีเถาวัลย์ห้อยระโยงระยางอยู่เยอะ เคยเห็นตามละครสมัยก่อนว่ามีพวกว่านน้ำที่มีหยดน้ำอยู่กลางลำและสามารถใช้ดื่มได้แทนน้ำเปล่า แต่ตัวบัวเองก็ไม่ได้มีความรู้ความสามารถในการแยกแยะว่าอันไหนคือว่านน้ำอันไหนคือเถาวัลย์ขนาดนั้น แต่ตอนนี้อะไรทำได้ก็คงต้องทำ บัวเอื้อมไปคว้ากิ่งเถาวัลย์ที่อยู่ใกล้ๆมาหักออกด้วยมือ บัวต้องใช้แรงมากในการหักมัน และก็ไม่ประสบความสำเร็จเมื่อมันเหนียวมาก บัวจึงเลือกไปหักกิ่งอื่นดู และในที่สุด น้ำหยดเล็กๆก็ค่อยๆไหลออกมาจากกิ่งเถาวัลย์กิ่งหนึ่ง สีใสแลดูคล้ายน้ำเปล่าทำให้บัวพออจะยิ้มออก เขาลองเอาลิ้นแตะๆดูเพราะกังวลว่าอาจไม่ปลอดภัย แต่ทว่ารสชาติจืดๆเหมือนเวลาดื่มน้ำจากก็อกและหรืออาการข้างเคียงอื่นๆก็ไม่มี บัวจึงค่อยเอาให้เด็กดื่ม ไทกอนมีอาการกระหายมากจริงๆอย่างที่บัวคิดไว้ จนเมื่อในหวายไม่มีน้ำไหลออกมาแล้วไทกอนถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าครูบัวยังไม่ได้ดื่ม หนุ่มน้อยจึงรีบยื่นก้านหวายให้ครู แต่บัวก็เพียงหยิบหยดน้ำมาแตะๆที่ริมฝีปากพอให้ดับกระหายเท่านั้น ก่อนจะยกที่เหลือให้เด็กน้อยเอาไปดื่มต่อ

   ทั้งสองคนนั่งพักกันอยู่ตรงนั้นจนพอหายเมื่อยก็เริ่มตัดสินใจว่าจะเริ่มออกเดินกันต่อ มือที่ใหญ่กว่าประสานเข้ามือเล็กเพื่อเตรียมจับจูงให้เดินด้วยกันต่อไป ทว่าจู่ๆทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงบิดคันเร่งรถดังมาจากที่ไกลๆ ทั้งสองคนหันมองหน้ากันอย่างมีความหวังว่าอาจจะสามารถขอความช่วยเหลือจากใครสักคนได้ เท้าสองคู่จึงตัดสินใจที่จะเดินตามไปทางเสียงรถที่ได้ยิน

   เสียงกรอบแกรบดังไปตามทางที่บัวกับไทกอนเดินผ่าน พวกเขาเดินออกนอกเส้นทางเลียบน้ำตกไปค่อนข้างเยอะ แต่ถึงกระนั้นเสียงรถที่เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆก็ทำให้ทั้งสองคนไม่ย่อท้อ อยากรีบเดินไปถึงที่หมายให้เร็วที่สุด แต่แล้วเมื่อทั้งคู่เข้าไปใกล้แหล่งเสียงมากขึ้นเท่าไหร่ สภาพของป่าไม้รอบด้านก็ทำให้ทั้งบัวและไทกอนค่อยๆเดินช้าลงเท่านั้น เมื่อรอยบากบนต้นไม้และตอไม้ที่บ่งบอกว่าเพิ่งจะโดนตัดมาหมาดๆมันเริ่มหนาตาขึ้นเรื่อยๆ

“ไท ครูว่าเรากลับไปตามทางเดิมดีกว่ามั้ย” บัวกระตุกมือบอกเด็ก

“ก็ได้ครูตาหวาน” ไทกอนเองก็รู้สึกไม่ดีที่จะเดินต่อไปข้างหน้าแล้วเช่นกัน ทั้งสองคนจึงคิดอยากจะเดินกลับไปทางเดิม แต่ทว่าเสียงทุ้มห้าวที่จู่ๆก็ตะโกนขึ้นมาอย่างเกรี้ยวกราดก็ดังขึ้นไล่หลัง บัวทันหันกลับไปมองได้แค่เสี้ยววินาทีก็ต้องรีบพาไทกอนออกวิ่ง

   แน่แล้ว...เสียงเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ่มเมื่อครู่ไม่ใช่ของพวกชาวบ้านแถวนี้แน่ๆ แต่คงเป็นของพวกลักลอบตัดไม้ที่เข้ามาทำการตัดไม้ผิดกฎหมายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

“มาไท!...ขึ้นหลังครูลูก!!” บัวรีบย่อเข่าแล้วเอาเด็กขึ้นหลัง เพราะถ้าให้อุ้มไว้ด้วยสองแขนเขาคงพาไม่ไหวแน่ แต่ถ้าให้แบกขึ้นหลังเขาน่าจะวิ่งพาไทกอนไปเร็วกว่า และพอถึงคราวนี้ไทกอนก็ไม่มีอิดออด เด็กน้อยปีนขึ้นหลังคนเป็นผู้ใหญ่กว่าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเกี่ยวขาและเกาะแขนตัวเองเข้าด้วยกันแน่นๆเพื่อไม่ให้ครูบัวต้องเป็นภาระในการพาเขาหนี

   เด็กน้อยซบหน้ากับแผ่นหลังนุ่มนิ่มของคุณครูตัวบางพลางหลับตาปี๋ บัวกระชับแขนรอบข้อเข่าของเด็กบนหลังก่อนจะออกวิ่งอย่างเต็มฝีเท้า ทางไหนให้พอลอดตัวได้ ทางไหนที่เห็นทางไปบัวรีบวิ่งตรงไปอย่างไม่ลังเล เสียงตะโกนเหี้ยมห้าวดังไล่หลังตามมาติดๆ บัวก็ยิ่งเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น ไม่สนใจว่าผิวขาวนวลจะโดนกิ่งไม้เกี่ยวหรือเสื้อตัวที่ใส่อยู่จะเริ่มมีรอยขาด บัวก็วิ่งต่อไปอย่างไม่ยอมผ่อนฝีเท้า แต่แรงคนไม่ค่อยได้ออกกำลังกายแถมยังต้องแบกเด็กไว้บนหลังน่ะหรือจะสู้พวกโจรมืออาชีพที่ต้องต่อสู้กับพวกเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจกันอยู่บ่อยๆได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วบัวก็โดนตามทันจนได้

“ไอ้เหี้ยเอ๊ย!! ปล่อยให้พวกกูวิ่งตามจนเหนื่อย...จับได้สักทีนะมึง!!!” เสียงทุ้มห้าวของชายคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมแรงกระชากเด็กที่อยู่บนหลังบัวจนไทกอนเกือบตก แต่ดีที่มีมือบัวล็อกขาเด็กเอาไว้แน่นมันจึงทำได้เพียงแค่กระชากตัวช่วงบนของเด็กออกจากหลังบัวเพียงเท่านั้น

“อย่าทำอะไรเด็กนะ!!” บัวตะโกนร้องบอกไปทันทีที่รู้สติว่าโดนจับได้แน่แล้ว มันมีผู้ชายร่างใหญ่ ผิวดำมะเมื่อมอีกสองคนพุ่งทะยานออกมาดักทางข้างหน้าของบัว ข้างหลังที่ยังยื้อร่างไทกอนไว้ก็มีอีกหนึ่ง ตอนนี้บัวเลยเหมือนเจ้าสมันน้อยที่โดนฝูงหมาไนสามตัวรุมล้อม จะหนีออกไปทางไหนก็ไม่ได้ บัวมองทั้งสามคนอย่างหวาดระแวง ก่อนจะเหวี่ยงตัวเด็กให้ออกมาจากการเกาะกุมแล้วเอามาหลบไว้หลังตัวเอง

“รู้ว่ามีเด็กมาด้วยแล้วยังอยากจะเสือกกับเรื่องพวกกูอีกนะมึง!” หนึ่งในพวกมันเอ่ยกรรโชกขึ้น

“ไม่ใช่นะ ระ...เราสองคนแค่หลงมา ไม่ได้...” บัวพยายามจะอธิบาย แต่ดูท่าทางพวกมันจะไม่มีใครฟังเลย

“แต่มึงก็ดันเสือกมาเห็นพวกกูทำงานจนได้...” พวกมันคนเดิมเอ่ยขึ้นพร้อมยิ้มอย่างกัดฟัน บัวโอบแขนรอบตัวเด็กแน่นขึ้นเมื่อพวกมันทั้งสามคนค่อยสืบเท้าเข้ามาใกล้เขา

“...เอาไงดีพี่ ตามกฎแล้วใครที่รู้เห็นการทำงานของพวกเรา...มันก็ต้องถูกจับฝังอยู่แถวนี้หมดเลยนะพี่” พวกมันที่มีรอยสักรูปแปดเหลี่ยมที่แขนเอ่ยขึ้น มันชักอาวุธปืนมาด้วยท่าทีสบายๆ คงคิดว่าการจัดการบัวกับเด็กคนหนึ่งเป็นเรื่องง่ายราวปอกกล้วย พวกมันถึงได้ไม่มีท่าทีรีบร้อนหรือหวั่นเกรงว่าบัวกับไทกอนจะหนีไปได้เลยสักนิด

“ดะ...เดี๋ยวนะพี่ คือผมกับลูกแค่หลงมาจริงๆ ผมไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”

“แล้วมึงจะวิ่งหนีพวกกูทำไมวะ ห๊ะ!!!” ชายคนแรกที่เป็นคนกระชากไทกอนตะโกนถามขึ้น บัวสะดุ้งกับเสียงดังนั่น สมองคิดหาคำตอบเร็วจี๋ว่าจะตอบไปว่าอย่างไรดี เพราะสาเหตุที่ทำให้เขาต้องตัดสินใจวิ่งหนีก็เพราะรู้สึกไม่ชอบมาพากล แล้วยิ่งมาโดนชายพวกนั้นไล่กวดใครบ้างจะยอมยืนนิ่งไม่รีบออกเท้าวิ่งหนีก่อนเมื่อรังสีอันตรายมันแผ่กว้างออกมาเสียขนาดนี้

“เอาเถอะ พวกกูก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำอะไรนัก จะเห็นแก่ที่แกมีเด็กมาด้วย พวกกูจะช่วยสงเคราะห์ให้มึงไปสบายๆในนัดเดียว...” คนพูดพูดขึ้นพร้อมกับยกปืนขึ้นมาจ่อต่อหน้าบัว ดวงตากลมโตสั่นระริกจ้องตอบกับพญามัจจุราชที่จู่ๆเตรียมจะมอบความตายให้กับเขาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว

   แต่ทันใดนั้นเอง ไทกอนที่ยุกยิกๆอยู่กับต้นขาบัวมาสักพักก็เริ่มขว้างปาก้อนหินที่เก็บได้แถวนั้นเข้าใส่คนร้าย แต่แรงเด็กประถมฯก็เขวี้ยงโดนบ้างไม่โดนบ้าง ซึ่งทำให้เหล่าชายฉกรรจ์เพียงรู้สึกแสบๆคันๆและรำคาญเพียงเท่านั้น

“ถอยไปนะ!! ไอ้พวกคนไม่ดี! ไอ้พวกคนชั่ว!...” ไทกอน เด็กน้อยผู้ไม่เคยกลัวใครพยายามที่จะปกป้องตัวเองและครูตาหวานจนถึงที่สุด สองมือสองแขนพยายามที่จะขว้างปาทั้งก้อนดินและก้อนหินเข้าใส่คนร้ายอย่างสุดแรง แม้ว่ามันจะยิ่งทำให้พวกคนร้ายส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างครื้นเครงเพียงเท่านั้นก็ตาม แต่ไทกอนก็ยังไม่ยอมย่อท้อ จนกระทั่งบัวต้องรีบยื่นมือเข้าไปโอบกอดตัวไทกอนไว้พร้อมกับร้องบอกให้หยุด เพราะตอนนี้มันอาจดูเป็นความพยายามที่เสียเปล่าแล้วทำให้พวกมันสนุกได้ แต่ใช่ว่ามันจะเป็นอย่างนั้นตลอดไป พวกมันอาจจะนึกรำคาญเอาก็ได้ แล้วปืนก็ไม่ใช่ของเด็กเล่นที่บัวควรจะเสี่ยง

“พอแล้วลูกพอ ไม่เอาครับไทกอน” บัวบอกเด็ก เสียงตัวเองสั่นจนรู้สึกได้ ส่วนไทกอนนั้นแม้จะแสดงอาการกล้าหาญแต่ไหล่เล็กๆที่สั่นเทาอยู่ในอ้อมกอดบัวก็บอกได้ดีว่าเด็กก็เก่งแค่ภายนอกเท่านั้น ส่วนหัวใจนั้นหวาดกลัวเหลือเกิน

“ถ้าพวกแกอยากจะทำอะไรก็ทำแค่ผมคนเดียวเถอะนะ เด็กเขาไม่รู้เรื่อง เขายังไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น...ผมขอร้องเถอะนะ ปล่อยเด็กไป...” บัวพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ โอกาสที่จะรอดมันช่างริบหรี่เสียเหลือเกินสำหรับตัวเขา แต่สำหรับไทกอนมันยังพอมีทาง ความเป็นเด็กไม่ประสีประสาอาจทำให้พวกมันใจอ่อน มือบัวสองข้างจึงพยายามจะผลักตัวไทกอนให้ขยับออกห่างจากเขาแล้ววิ่งหนีไปซะ แต่ไทกอนนั้นมือเหนียวกว่าที่คิด เด็กน้อยเกาะคุณครูของตัวเองแน่นหนึบ ถึงโดนครูบัวผลักไสอย่างไรก็ไม่ยอมถอยห่าง จนท้ายที่สุดบัวก็ต้องยอมย่อตัวคุกเข่าแล้วกอดเด็กเอาไว้แนบอก ตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าถ้าจะโดนยิงเขาก็ขอตายก่อน แต่เด็กน้อยที่ยังควรได้เรียนรู้โลกกว้างต่อไปยังต้องได้มีชีวิตอยู่

“รักกันเข้าไป เด็กเหี้ยอะไรไม่รู้เรื่อง แต่เสือกด่าพวกกูถูกด้วยนะว่าพวกกูน่ะชั่ว พวกกูน่ะเลว...หึหึ เตรียมจองหลุมลงไปนอนเสียเถอะมึง...” ชายหน้าเหี้ยมที่ท่าทางจะเป็นหัวโจกของกลุ่มก้าวย่างสามขุมเข้ามาหาบัว ชายหนุ่มผิวขาวมองท่าทางนั้นด้วยหางตา ไม่ได้ตั้งใจฟังว่าพวกมันพูดอะไรกันบ้างเป็นการทิ้งท้าย แต่คุณครูหนุ่มกลับก้มลงกระซิบบอกเด็กน้อยในอ้อมแขนทั้งน้ำตาที่มันเริ่มซึมเอ่อเมื่อรู้แล้วว่าตัวเองคงไม่ได้กลับไปกราบลาแม่ แต่ต้องมาทิ้งชีวิตเอาไว้กลางป่าเป็นแน่แล้วเบาๆว่า

“ไทกอนครับ...ถ้าพวกมันยิงครู หนูต้องรีบแกล้งตายเลยนะลูก ห้ามกระดุกกระดิก ให้พวกมันคิดว่าหนูตายไปแล้วพร้อมๆกับครู แล้วพอสบโอกาส หนูค่อยหนีไปนะลูก...” คุณครูหนุ่มบอกเด็กทั้งน้ำตา ไทกอนที่พอเห็นคนที่ปกป้องตัวเองมีน้ำตาก็เริ่มเบะปากบ้าง แต่บัวก็รีบเอาหน้าเด็กมาซุกอก ไม่ให้พวกมันได้รู้หรือเห็นว่าเด็กยังหายใจอยู่

“ครูบัว...ฮืออออ...ครูตาหวาน...ไม่เอานะ ไท...ไท...ฮือออ...พ่อสิงห์...ฮึก พ่อจ๋า...ช่วยไทด้วย ฮืออออออ...”

“เอาล่ะ...สวดส่งวิญญาณกันซะให้พอเถอะมึง” เสียงทุ้มเหี้ยมเสียงเดิมดังขึ้นพร้อมเสียงกริ๊กที่ดังขึ้นใกล้ๆหูบัว...
   คุณครูหนุ่มจากเมืองกรุงเริ่มผ่อนหายใจลงช้าๆแล้วหลับตาลง ความอบอุ่นเล็กๆที่โดนบัวโอบจนมิดยังคงส่งเสียงร้องไห้คร่ำครวญเรียกชื่อบิดาตัวเองออกมาเป็นระยะ บัวใจแทบสลายเมื่อคิดกังวลไปสารพัดว่าหลังพวกมันลงมือแล้วไทกอนจะทำตามที่ตัวเองพูดได้หรือไม่ แผนแกล้งตายของเขาจะได้ผลหรือเปล่า การตายของเขาจะไม่เสียเปล่าใช่หรือไม่...

   ...แต่แล้ว...ความคิดทั้งหมดของบัวก็หยุดชะงักลง เมื่อมีเสียงๆหนึ่งดังแทรกสายลมที่เงียบกริบภายในป่าที่เงียบงันขึ้นมาว่า...

“ถ้าขืนมึงทำอะไรเมียกับลูกกูอีกนิดเดียว...รับรองด้วยเกียรติของนายเหมืองสิงห์ สุตนันท์ได้เลย ว่าพวกมึงไม่ได้ผุดได้เกิดอีกแน่!”   


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-06-2014 05:06:31 โดย dek-zaal3 »

ออฟไลน์ dek-zaal3

  • แก้วปั้ณณ์
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +534/-11
    • แก้วปั้ณณ์
   ...ผลั๊วะ!! ผลั๊ก...!! ตุ๊บ...!

“อ๊ากกกกกกก!!!” เสียงร้องครวญครางดังลั่นด้วยความเจ็บปวด แต่บัวกลับบาปนักที่รู้สึกดีกับเสียงเหล่านั้น เพราะมันทำให้บัวรู้สึกใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง ว่าพวกเขารอดแน่แล้ว...

“ไท!! ไทกอนลูก!!! พ่อหนู...นายเหมืองมาช่วยเราแล้วลูก...” บัวบอกเด็กในอ้อมแขนอย่างดีใจ ส่วนไทกอนเองก็กอดครูบัวแน่นพลางมองลอดใต้แขนบัวไปที่ภาพการต่อสู้อันหน้าตื่นตาตื่นใจตรงหน้า โดยมีร่างสูงใหญ่ของผู้ชายคนหนึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของความวุ่นวายนั้น และดูเหมือนว่าชายคนนั้นจะเป็นฝ่ายได้เปรียบเมื่อระดับชั้นฝีมือและรูปร่างร่างกายมันต่างชั้นกันมาก แล้วยิ่งผู้มาใหม่สามารถแย่งชิงปืนมาเป็นของตัวเองได้สำเร็จถึงสองกระบอก พวกมันทั้งสามคนที่ตามไล่ล่าบัวกับไทกอนมาก็ถึงกับต้องยอมหมอบกระแต เมื่อเห็นแล้วว่าใครเป็นใคร อีกทั้งพวกมันเองก็โดนนายเหมืองสิงห์ แห่งเหมืองสุตนันท์มอบยำมือและยำตีนให้สารพัดจนรู้ซึ้งแล้ว ว่าพละกำลังระหว่างเจ้าป่าหนึ่งตัวกับหมาไนอย่างพวกมันแค่สามตัวนั้นมันต่างกันมากขนาดไหน

“นะ...นายเหมือง!! ผะ...พวกผมไม่รู้...ว่าเด็กนั่น...เป็นลูกนายเหมือง...” เสียงร้องบอกเพื่อขอชีวิตดังขึ้น แต่นายเหมืองสิงห์ร่างใหญ่ที่เห็นเหตุการณ์ตอนที่บัวกำลังกอดลูกชายเขาอยู่โดยมีพวกมันกำลังยกปืนเล็งมายังคงติดตา ไม่มีทางที่มันจะได้ตามที่ประสงค์แน่ เพราะเมื่อกี้หากเขามาช้าไปอีกแค่นิดเดียว ไม่รู้เลยจริงๆว่าเขาจะรู้สึกใจสลายแค่ไหนที่ต้องเห็นสองดวงใจตรงหน้านี้ของเขามลายหายไป

“ไม่รู้มึงก็รู้ไว้ซะ ว่าคนในครอบครัวกู ห้ามพวกมึงมาแตะต้องอีกเป็นอันขาด! มึงวางปืนลงเดี๋ยวนี้...ถ้าไม่อยากให้กูเจาะขมับเพื่อนมึง” นายเหมืองสิงห์ขู่ด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ชายคนร้ายที่ยังมีปืนถืออยู่ในมือมีอาการละล้าละลัง นายเหมืองจึงยกนิ้วขึ้นไกปืนพร้อมเอ่ยสำทับไปว่า “อย่าคิดนะว่ากูจะไม่กล้าฆ่าคนต่อหน้าลูก ยังไงวันหนึ่งลูกกูก็ต้องโตเป็นผู้ใหญ่ และเติบโตอยู่ในสังคมที่คนมันเล่นกันอยู่นอกกฎหมาย พวกเขาจะต้องได้เรียนรู้ไว้ ว่าบางครั้งถ้าเราต้องการที่จะปกป้องชีวิตตัวเองและคนที่รักเอาไว้ให้ได้ ก็อาจจำเป็นต้องแลกกับชีวิตคนอื่นบ้างเป็นธรรมดา...”

   นายเหมืองสิงห์พูดขึ้นอย่างเหี้ยมเกรียม นัยน์ตาคมวาววับไปด้วยแรงโทสะและไฟอาฆาต เขาเสียภรรยาที่รักยิ่งไปคนหนึ่งแล้วก็เพราะคนอย่างพวกมัน เขาจะไม่ยอมให้ทั้งไลเกอร์ ไทกอน รวมทั้งหุ้นส่วนครอบครัวคนใหม่ที่เขาเพิ่งแต่งตั้งเป็นอะไรไปอีกเด็ดขาด ความล้มเหลวในชีวิต เขามีแค่ครั้งเดียวก็เกินพอ

“ไปสู่สุขคติซะเถอะนะ...” คำพูดที่ไม่ได้ปั้นแต่ง แค่ออกมาจากจิตใจและใต้บึ้งความรู้สึกของนายเหมืองสิงห์ทำให้บัวที่นั่งอยู่ตั้งห่างขนลุกชันได้ขนาดนี้ ไม่ต้องคิดเลยว่าทั้งสามคนที่โดนจิตสังการของนายเหมืองพุ่งเข้าใส่เต็มๆจะไม่กลัว

   บัวปิดหูปิดตาเด็กในอ้อมกอด จากนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้นซ้อนกันสามนัด และทุกนัดก็ทำให้บัวสะดุ้งเพราะเสียงมันช่างดังอยู่ใกล้ตัวเสียเหลือเกิน...

   เวลาประมาณครึ่งนาทีผ่านไปด้วยความเงียบงัน บัวค่อยๆลืมตาขึ้นมามองสิ่งรอบกาย แต่สิ่งแรกที่เห็นกลับเป็นเด็กน้อยผิวขาวคนหนึ่งที่วิ่งกางแขนตรงมาทางเขา เด็กคนนั้นเรียกบัวดังลั่น

“ครูตาหวาน!!! ไทกอน!!!!”

“ไลเกอร์!!” บัวอุทาน

“พี่ไลเกอร์!!! ฮือ...” มีไม่กี่ครั้งที่ไทกอนจะเรียกไลเกอร์ว่าพี่ ตอนที่กลัวอะไรจัดๆ ตอนที่คิดถึงมากๆ และตอนที่รักมากๆอย่างเช่นตอนนี้

   บัวอ้าแขนรับร่างเด็กที่พุ่งเข้ามาหาอย่างแรงด้วยความรักลึกซึ้งจนล้นอก มันดีใจจนปริ่มอกเมื่อได้ทั้งไลเกอร์และไทกอนกลับมาสู่อ้อมแขนนี้พร้อมกัน หัวใจที่เปล่ากลวงในตอนแรกเริ่มรู้สึกอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาด น้ำตาแห่งความปลื้มปิติค่อยๆไหลลงมาพร้อมรอยยิ้มของบัวที่มอบให้เด็กทั้งสอง

“ไลเกอร์...ไลเกอร์ลูก ไม่เป็นไรใช่มั้ย บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าลูก...ไหนขอครูดูหน่อย” ร่างเล็กของไลเกอร์มีผมเปียกหมาด แต่ตามเนื้อตามตัวไม่มีรอยแผลเป็นอะไรใหญ่โตนอกจากรอยกิ่งไม้ขูดที่แขนจนขึ้นรอยแดงแค่สองสามเส้นเท่านั้น บัวถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าไลเกอร์นั้นปลอดภัย รวมถึงไทกอนด้วย เด็กน้อยโผเข้ากอดพี่ชายด้วยความคิดถึง เด็กสองคนกอดกันกลมพลางร้องครางฮือฮาแข่งกันพลางสลับกันพร่ำบอกความรู้สึกว่า

“เกอร์...ฮึก...เกอร์รู้มั้ย ตอนที่เกอร์โดนน้ำพัด ไทใจหายหมดเลย...ฮือ...” ไทกอนว่า

“เกอร์ก็ด้วย เกอร์เห็นไทกับครูอยู่บนฝั่ง...แต่น้ำมันแรงมาก พ่อพาเกอร์ว่ายข้ามน้ำไปไม่ไหว...ฮือ...เกอร์...เกอร์ก็เลยลอยไปกับพ่อ ฮือ...”ไลเกอร์เล่า

   สิงห์น้อยกับเสือเล็กหมดสภาพสองแสบแห่งเหมืองสิงห์ไปสิ้น เหลือเพียงเด็กน้อยไร้เดียงสาสองคนที่กำลังกอดคอกันร้องไห้ดีใจที่ได้เจอครอบครัวตัวเองอีกครั้ง

“ครูเองก็ใจหายรู้มั้ยไลเกอร์ ตอนที่เห็นหนูกับพ่อโดนน้ำพัดไปนะ...ครู...ครู...” บัวพยายามจะกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลจนอายเด็ก แต่ความดีใจที่ได้เจอไลเกอร์อีกครั้งก็ตีตื้นขึ้นมาในอกจนลำคอตีบตัน เขาพูดบรรยายอะไรต่อไปไม่ถูกอีกเลยในนาทีนั้น สุดท้ายก็ทำได้เพียงแค่โอบกอดเด็กสองคนที่กอดกันกลมเอาไว้อีกชั้นเท่านั้น นึกขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์และทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้ทั้งนายเหมืองและเจ้าลูกศิษย์ตัวเล็กของเขาปลอดภัย และได้กลับมาเจอกันในช่วงเวลาที่เขาคิดว่าอาจจะเป็นช่วงสุดท้ายของชีวิตอีก...บัวรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่เลยจริงๆ

   ...เขาดีใจ...ดีใจมากที่สุดจริงๆ...

“เอ้าๆ กอดกันแค่สามคนลืมฮีโร่อย่างพ่อไปเลยนะ หืม...ไทกอน ไลเกอร์...บัว”

   คำพูดนั้นมาพร้อมอ้อมแขนอบอุ่นอันยิ่งใหญ่ เพราะคนพูดนั่งลงคุกเข่ากอดทั้งสามคนเอาไว้ในอ้อมแขนได้อีกชั้น ตอนนั้นบัวถึงเพิ่งรู้ว่านายเหมืองตัวใหญ่มากแค่ไหน...ที่สำคัญ...บัวเพิ่งตระหนัก ว่านายเหมืองนั้นสำคัญกับเขามากแค่ไหนก็ตอนนี้เองเหมือนกัน

“นายเหมือง...เจ็บ...เจ็บตรงไหนมั้ย...” เสียงบัวครางเครือจนสั่นตอนที่ออกปากถามคนร่างใหญ่ที่โผล่เข้ามาช่วยเขาไว้ทันเวลาราวสวรรค์มาโปรด ดวงตากลมคลอหยาดน้ำเงยมองคนร่างสูงที่ตระกองกอดเขากับลูกๆสองคนเอาไว้ด้วยความยินดีจากใจจริงๆที่ได้กลับมาเจอคนคนนี้อีกครั้ง สิงห์มองสบตากับครูบัวก่อนจะก้มลงมอบจูบให้ที่กลางหน้าผากของคุณครูตัวขาวโดยไม่แคร์สายตาลูกๆ แถมไม่หยุดแค่นั้น นายเหมืองยังมอบจูบระไปที่ข้างขมับ ก่อนจะวกกลับไปที่หน้าผากอีกครั้ง แล้วค่อยก้มลงไปสำรวจตัวไทกอนพร้อมมอบจูบที่เดียวกันให้กับลูกๆทั้งสองด้วยอย่างเท่าเทียม

“พี่กับไลเกอร์ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงนะ...” นายเหมืองคลายท่อนแขนที่โอบทั้งบัวและลูกๆเอาไว้ออกเล็กเพื่อมองหน้านวลขาวของคนถาม ก่อนจะออกปากเล่าคร่าวๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างและพวกเขารอดพ้นจากมวลนำนั้นมาได้ยังไงว่า “...ตอนน้ำพัดไป พี่เหนี่ยวกิ่งไผ่ที่ยื่นลงน้ำมาทัน มันเหนียวพอที่พี่กับลูกจะใช้ยึดได้ จากนั้นพี่ค่อยดึงตัวเองเข้าฝั่ง ก่อนจะเดินย้อนมาตามทางเดิมเพราะหวังว่าอาจจะได้เจอบัวกับไทกอนที่คงจะเดินตามน้ำลงมาตามหาพี่กับลูกแน่ๆ แต่ระหว่างทางพี่ได้ยินเสียงคนพูดเสียงดังขึ้นมาในป่าก็เลยลองเดินตามเสียงมาดู โชคดีจริงๆที่มาทัน...พี่เลยยังได้ปกป้องบัวกับลูกเอาไว้ได้ทัน...”

“บัว...บัวดีใจ...ดีใจที่นายเหมืองปลอดภัย ดีใจ...ที่ได้เจอไลเกอร์อีก...บัว...บัวบอกไม่ถูกจริงๆว่ารู้สึกดีใจแค่ไหนที่...”

“ไม่เอาไม่ร้องนะบัว อายลูกพี่มั่ง...ร้องเป็นเด็กขี้แยไปเสียแล้ว” นายเหมืองสิงห์ผู้ทรนงเอามือลูบศีรษะบัวเบาๆเพื่อปัดเศษดินเศษหญ้าที่ติดอยู่ออกให้อย่างเบามือ...เขาเองก็ไม่ต่างกันหรอก ดีใจมากไม่ต่างกันเลย... “พี่เองก็ดีใจ และขอบคุณบัวมากนะ ที่ช่วยปกป้องไทกอนลูกของพี่...ขอบคุณที่ช่วยดูแลแกแทนพี่นะบัว...”

“บัว...บัวไม่รู้ว่าทำไม แต่บัวเหมือนรู้สึกได้ว่านายเหมืองกับไลเกอร์ยังไม่ตาย บัวคิดแต่ว่าต้องพบนายเหมืองที่ไหนสักแห่งในป่า...ก็เลยพาไทกอนเดินล่องน้ำมาเรื่อยๆ จนกระทั่ง...มาพบพวกมัน...อ๊ะ แล้วศพพวกนั้น...” พูดถึงตรงนี้บัวถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ แล้วเขาจะทำอย่างไรกับร่างของสามคนนั้นต่อไปล่ะ

“หึ...ศพเหรอ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก คงกลัวมากจนสลบไปมากกว่า พี่ยิงโดนจุดสำคัญมันที่ไหน...”

   ...ใช่ แค่ยิงให้ถากพวงไข่พวกมันไปก็เท่านั้นเอง...

“แต่ตอนนี้เรารีบไปจากที่นี่กันเถอะ ไม่รู้ว่าพวกของมันจะตามมาถึงเมื่อไหร่ อยู่ในป่าตั้งสามคนคงจะมีแหล่งกบดานของพวกมันอยู่แถวนี้แน่ๆ...” นายเหมืองสิงห์บอกบัว ก่อนจะยื่นมือไปฉุดทั้งไทกอนและไลเกอร์ให้ยืนขึ้นดีๆ สองพี่น้องกอดกันกลมแถมยังจับมือเอาไว้ไม่ยอมปล่อยอีกต่างหาก บัวเลยต้องเดินไปจับมือไทกอนไว้ ในขณะที่นายเหมืองก็เดินไปจับมือไลเกอร์ ผู้ใหญ่ทั้งสองคนช่วยพยายามประคับประคองให้ทั้งไลเกอร์และไทกอนไม่มองไปทางร่างทั้งสามร่างที่นอนจมกองเลือดตรงหว่างขา โดยที่มีนายเหมืองสิงห์นำหน้าและบัวรั้งท้าย ทั้งหมดก็สามารถกลับไปสู่เส้นทางเลียบน้ำตกได้อีกครั้ง

   ตอนแรกนายเหมืองคิดจะย้อนกลับไปแล้วหาพวกคนร้ายแล้วเอาเถาวัลย์มัดพวกมันรวมกันไว้เผื่อออกไปได้แล้วจะได้แจ้งตำรวจให้มาจัดการต่อ แต่พอบัวบอกว่าสิ่งที่บัวเห็นน่าจะเป็นกลุ่มของกระบวนผู้ลักลอบตัดไม้เถื่อนแบบผิดกฎหมาย และออกปากห้ามนายเหมืองสิงห์อย่างเด็ดขาดว่าไม่อยากให้กลับไป เพราะพวกมันคงจะต้องออกตามล่าพวกเขาแน่ถ้าได้เจอสภาพคนของพวกมันแบบนั้น นายเหมืองสิงห์ก็ยอมรับฟังและบอกว่าจะรีบพาพวกเขาออกจากป่าให้เร็วที่สุดเสียก่อน

“บัว กลัวน้ำตกหรือกลัวที่จะเดินในน้ำมั้ย...” จู่ๆพอพวกเขาเดินมาได้สักพัก นายเหมืองร่างใหญ่ก็เอ่ยปากถามบัว คุณครูหนุ่มเงยมองหน้าคนถามแล้วส่ายหน้าให้พลางตอบ

“ไม่กลัวหรอกครับ...มีทั้งไลเกอร์ทั้งไทกอน แล้วตรงนี้ก็ยังมีคุณอยู่...บัวไม่กลัวอะไรทั้งนั้น...” บัวเอ่ยบอกคนมีศักดิ์เป็นทั้งเจ้านายและเจ้าบ้านที่บัวอาศัย นายเหมืองยิ้มที่บัวไม่ใช่คนที่ฝังใจกับเรื่องอะไรง่ายๆ เขาสังเกตุเห็นแล้วว่าทั้งไลเกอร์และไทกอนนั้นคงจะเจ็บขากันน่าดู เพราะสองแสบเดินกระหย่องกระแหย่งเหมือนเจ็บขามากมาได้สักพักแล้ว

   เขานั้นถ้าจะให้เอาไทกอนขึ้นหลังแล้วเอาไลเกอร์อุ้มไว้ข้างหน้าก็ยังพอได้อยู่ แต่กำลังแรงขาที่จะพาเดินคงจะลดน้อยถอยลงไป ส่วนจะให้ครูบัวช่วยอุ้มลูกเขาคนใดคนหนึ่งให้ก็คิดว่าไม่น่าจะไหว ครูบัวตัวเล็กแถมยังบาง ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกันแต่ก็ไม่อยากให้ครูบัวต้องมาเหนื่อยกับลูกเขาเพิ่มอีก แค่ที่ตั้งใจจะพามาเที่ยวแล้วสุดท้ายต้องมาลำบากด้วยกันนี่ก็รู้สึกแย่พอแล้ว แต่กระนั้นก็เหมือนบัวจะรู้ว่านายเหมืองคิดอะไรอยู่ คุณครูหนุ่มรีบย่อเข่าแล้วบอกให้ไทกอนขึ้นหลัง เด็กน้อยสองคนมองหน้าเขาอย่างงงๆ รวมถึงนายเหมืองด้วยที่รีบออกปากห้าม แต่บัวกลับยิ้มให้แล้วบอก

“ผมเคยแบกลูกคุณวิ่งหนีโจรมาแล้วนะ เรื่องแค่นี้สบายมาก...อย่ามองบัวเป็นผู้หญิงนักสิ” ...เขาให้แค่เรื่องบนเตียงอย่างเดียวก็พอแล้ว...บัวคิดต่อในใจ

   ได้ฟังอย่างนั้นนายเหมืองจึงได้ยอมบอกให้ไลเกอร์ไปขึ้นหลังครูบัว ส่วนตัวเองนั้นก้มลงไปแบกไทกอนแทน เพราะไลเกอร์นั้นจะน้ำหนักเบากว่าน้องชายอยู่หน่อย ครูบัวจะได้ไม่ต้องรับน้ำหนักมาก เมื่อสองแสบยอมปล่อยมือออกจากกันแล้วไปขึ้นหลังพ่อกับครูเรียบร้อยแล้วนายเหมืองก็พาออกเดินต่อ

   ดวงอาทิตย์เริ่มตกคล้อยต่ำลงไปเรื่อยๆแล้ว นายเหมืองนั้นไม่ได้กลัวความมืด แต่กลัวอันตรายอย่างพวกสัตว์ป่าที่จะออกหากินตอนกลางคืนมากกว่า เขามีแค่มีดที่เอาติดกระเป๋าและปืนสามกระบอกที่ยึดมาได้จากพวกมันเท่านั้น เมื่อครู่ก็เอายื่นให้ครูบัวพกไว้กระบอกหนึ่งแล้ว ส่วนไฟฉายหรืออะไรอย่างอื่นนั้นไม่มีเลย บัวยังแอบหวังว่าอาจได้พบชาวบ้านหรือชาวสวนที่น่าจะเข้ามาหาของป่าหรืออะไรพวกนั้นบ้างอยู่เสมอ แต่นายเหมืองก็ตอบตรงๆให้กับความเข้าใจของบัวว่าน้ำตกแห่งนี้ยังไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างเป็นกิจจะลักษณะ ถนนหนทางก็ยังไม่ได้รับการสร้างให้ดีอะไรนัก ยิ่งวันนี้มีน้ำป่าไหลหลากอีก คงยากที่จะได้พบคนที่จะเข้ามาใกล้ๆแถวนี้ พวกเขาคงจะต้องเดินล่องเลียบน้ำต่อไปเรื่อยๆเท่านั้นก่อน

“อ๊ะ พ่อ!! ดอกไม้ๆ” จู่ไลเกอร์ที่อยู่บนหลังบัวก็เอ่ยขึ้นพลางชี้มือไปที่กลางน้ำซึ่งมีอะไรขาวๆกำลังไหวเอนไปมาตามกระแสลม

   บัวเพ่งมองจากระยะไกลว่าดอกไม้ที่ไลเกอร์ว่านั้นคือดอกอะไร รูปร่างกิ่งเรียวชะลูด และตัวดอกสีขาวที่แผ่แฉกเป็นเส้นโค้งงองุ้มเข้าหาก้าน อีกทั้งตัวเกสรสีเหลือที่ชูไว้เสียสูงยิ่งทำให้บัวตาเบิกกว้าง แล้วออกปากถามนายเหมืองตัวสูงที่ยืนเคียงกันด้วยความประหลาดใจ

“นายเหมือง ใช่ดอกพลับพลึงธารมั้ย...”

   คนฟังคำถามเดินเข้าไปใกล้ริมน้ำเพื่อเพ่งมองเจ้าดอกไม้ที่ว่าให้ชัด

“ใช่จริงๆด้วยบัว...” นายเหมืองเอ่ยตอบเมื่อพิจารณาจนแน่ใจแล้ว “ไม่เห็นเคยรู้เลยว่ามีดอกนี้ขึ้นแถวนี้ด้วย”

“นั่นน่ะสิครับ เขาบอกว่าแหล่งพลับพลึงธารผืนสุดท้ายของโลกอยู่ที่คลองนาคา จังหวัดระนองติดพังงานู่นไม่ใช่เหรอ แล้วนี่...” บัวเอ่ย มองความสวยงามของลำน้ำที่มีดอกไม้น้ำพันธุ์หายากชนิดนี้ขึ้นกระจายอยู่เป็นหย่อมๆ แม้จะไม่มากเท่าที่เคยเห็นตามหนังสือหรือเว็บไซต์ แต่มันก็ช่วยทำให้ลำน้ำสายนี้งดงามราวทางเดินขึ้นสวรรค์จริงๆ

“นี่ถ้าติดกล้องมาด้วยจะถ่ายไปอวดพวกไอ้เอเสียเลย พวกมันจะได้รีบๆมาทำทางทำถนนที่นี่เร็วๆ” นายเหมืองสิงห์พูด แต่บัวกลับทำหน้าคิดแล้วเอ่ยต่อว่า

“แต่ใจจริงบัวยังไม่อยากให้ถนนเข้าถึงที่นี่เลยนะครับ เพราะถ้ามีถนน ความเจริญก็จะเข้ามาหา ธรรมชาติสวยๆแบบนี้ก็อาจจะค่อยๆโดนทำลายไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็อยู่ไม่ถึงให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้เห็น...บัวพูดอาจฟังดูเห็นแก่ตัวไปหน่อยที่อยากเก็บภาพสวยๆงามๆแบบนี้ไว้ดูคนเดียว แต่ว่า...มันก็อดไม่ได้จริงๆนะนายเหมือง เห็นตามน้ำตกที่อื่นมีแต่ดอกไม้พลาสติกขึ้นเต็มแทนดอกไม้จริงหมดแล้ว” นัยคำพูดของบัวหมายถึงที่อื่นที่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมนั้นมีแต่เศษถุงขยะพลาสติกขึ้นแทนทัศนียภาพสวยๆเสียหมดแล้ว ความงามของดอกไม้ป่าก็หายาก โดนคนเด็ดทึ้งไปเสียหมด พอคิดว่าความสวยงามของน้ำตกเจ็ดสวรรค์จะถูกทำลายแบบนั้นบ้างแล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียดายขึ้นมา

“ที่ครูพูดก็ถูกนะ...แต่คนเราก็มักจะชอบสรรหาความเจริญ ชาวบ้านแถวนี้ก็คงอยากที่จะมีความร่ำรวยหรือความมั่งคั่งเหมือนแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆเขาบ้างเหมือนกัน...เอาเป็นว่า...มันก็คงต้องขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของคนแล้วล่ะ ว่าถ้าอยากมีธรรมชาติสวยๆงามๆแบบนี้ให้เราดูต่อไปก็ต้องช่วยกันดูแลรักษา ไม่ใช่ช่วยกันทำลาย จนบ้านเมืองเราต้องมาโดนธรรมชาติลงโทษเหมือนทุกวันนี้...” นายเหมืองเอ่ยโต้ตอบ

“งั้นไลเกอร์จะช่วยด้วยพ่อ ถ้าโตขึ้นนะ...เกอร์จะเป็นผู้พิทักษ์ป่า คอยดูแลไม่ให้มีใครมาทำลายป่า ดีมั้ยพ่อ...” เด็กน้อยบนหลังบัวเอ่ยแทรกขึ้น บัวกับนายเหมืองหันมองหน้ากันเมื่อได้ฟังความคิดของเจ้าตัวเล็ก ในขณะที่ไทกอนกลับทำหน้าเบ้แล้วบอกพี่ชายว่าเพ้อฝันว่ะ

“เกอร์ต้องไปเห็นเหมือนที่ไทกับครูตาหวานเห็นก่อนเว้ย ไอ้พวกตัดไม้น่ะมันน่ากลัวมากเลยนะ มันตัดต้นไม้ฉึบๆเลย แป๊บเดียวเองต้นไม้ก็เหลือแต่ตอเลยแหละไลเกอร์...แต่ดูพ่อปลูกต้นไม้ที่ฐานทัพลับของเราดิ ปลูกตั้งนานแน่ะกว่าจะโตอ่ะ” ไทกอนเองก็เอ่ยตอบโต้กับพี่ชาย บัวอมยิ้มให้กับความคิดเด็กที่เชื่อมโยงสิ่งที่ทั้งคู่เคยพบเจอเข้ากับสิ่งที่เขากับพ่อของเจ้าสองแสบคุยกันได้ดี เขาแอบเหลือบมองไปทางนายเหมืองก็เห็นเจ้าตัวกำลังทำสีหน้าปลื้มปริ่มอยู่

“ดีใจล่ะสินายเหมือง...” บัวแอบแซว

“มากเลยล่ะครู...ไม่รู้พ่อแม่คนอื่นเป็นรึเปล่านะ แต่สำหรับผม...ได้ยินลูกพูดว่าโตขึ้นแล้วจะทำดีแถมยังเห็นคุณค่าของสิ่งที่จะทำแล้วมันปลื้มใจยิ่งกว่าลูกมาบอกว่าสอบได้ที่หนึ่งอีกมั้ง” นายเหมืองบรรยายออกมาตามความรู้สึก และนั่นก็เข้าทางสองแสบพอดี

“จริงดิพ่อ!!! งั้นที่หนึ่งเทอมหน้าพ่อก็ไม่เอาแล้วใช่ป่ะ เย้!!! ไม่ต้องอ่านหนังสือแล้วว้อย” ไทกอนร้องเย้เสียงดังลั่นป่า ในขณะที่ไลเกอร์คนพี่นั้นหัวเราะเป็นลูกคู่

“ไม่ได้โว้ย พ่อจะเอาให้พวกแกทั้งเป็นคนดีแล้วก็เป็นคนเก่งด้วย ทำเพื่อแม่เขาหน่อย เขาจะได้ภูมิใจว่าพ่อเลี้ยงลูกจนได้ดี เข้าใจรึเปล่า” นายเหมืองบอกลูกชายพร้อมเหวี่ยงไทกอนไปมาราวจะแกล้ง

“โฮ่ยพ่อ...คนที่เลี้ยงพวกผมจนได้ดีน่ะครูตาหวานต่างหาก เนอะๆครูเนอะ...” ฝ่ายไลเกอร์พอฟังคำพ่อแล้วก็โบ้ยความดีไปให้คุณครูตัวขาวเสียอย่างนั้น คุณครูหนุ่มก็ได้แต่ยิ้มรับคำพูดเด็กแล้วก็หัวเราะตามไป เมื่อนายเหมืองนั้นจนแต้มพูดไม่ออกไปด้วยกับคำพูดที่ไลเกอร์ว่า

   บรรยากาศในการเดินทางของทั้งสี่คนเริ่มดีขึ้นมาก นายเหมืองพาลูกๆกับครูบัวลงไปเดินลุยน้ำเพื่อคลายเมื่อย มือบัวจับกับมือไลเกอร์ ส่วนไลเกอร์นั้นจับกับน้องชาย ในขณะที่มีนายเหมืองเดินจับมือไทกอนปิดท้ายอยู่อีกด้าน ทั้งสี่คนเดินลุยน้ำที่มีความสูงประมาณครึ่งน่องไปเรื่อยๆ ดอกพลับพลึงธารที่ขึ้นล้อแสงแดดยามเย็นนั้นดูสวยงามเสียจนทั้งหมดต้องหยุดชื่นชมความสวยงามนั้นเป็นพักๆ บางช่วงน้ำใสไทกอนกับไลเกอร์ก็สาดน้ำเล่นกัน เด็กทั้งคู่ไม่มีอาการจิตตกหรือกลัวน้ำอย่างที่บัวคิดว่าอาจจะเป็นเลยทั้งๆที่เพิ่งจะผ่านเหตุการณ์ร้ายๆมาหมาดๆ เด็กทั้งสองคนนั้นทั้งจิตใจดีและเข้มแข็ง จนก็แอบรู้สึกอิจฉาคุณแหม่มกับนายเหมืองจริงๆที่มีลูกๆน่ารักขนาดนี้

   จนเริ่มย่ำค่ำทั้งสองหนุ่มน้อยก็เริ่มบ่นหนาว เพราะอากาศกลางป่ากลางเขาแบบนี้นั้นเย็นจัดง่ายกว่าในเมืองอยู่แล้ว บัวนึกขึ้นได้จึงรีบขอหยิบยืมมีดจากนายเหมืองมาแล้วถอดเสื้อของตัวเองออก ก่อนจะใช้มีดนั้นกรีดเสื้อตัวเองแบ่งเป็นสองส่วนโดยไม่รับฟังคำร้องห้ามของนายเหมืองที่ว่าบัวอาจจะไม่สบายเสียเอง เสร็จแล้วก็เอาเศษเสื้อทั้งสองผืนไปคลุมร่างเด็กท่อนบนแล้วมัดปมไว้ให้ อย่างน้อยคงจะพอช่วยปกป้องลมไม่ให้พัดโดนมากจนเด็กเป็นไข้ไปเสียก่อน ในขณะที่นายเหมืองนั้นถึกอยู่แล้วคงไม่น่าห่วงอะไรมาก มีแค่กางเกงตัวเดียวมาตั้งแต่ต้นแต่ก็ยังไม่เห็นบ่นอะไร

   ส่วนนายเหมืองสิงห์นั้นร่ำๆอยากจะถอดกางเกงเอามาให้ครูบัวห่มบ้างเพราะกลัวอีกฝ่ายจะเป็นไข้ตามลูกๆ แต่กลับโดนบัวด่าว่าอนาจาร แถมลูกๆยังพยักหน้าเห็นด้วยนายเหมืองร่างใหญ่จึงต้องยอมจำนน ปล่อยให้ครูบัวเดินอกขาวล้อแสงอาทิตย์และต้นไม้ใบหญ้าไปนั่นเอง

   ...ดีนะที่ที่นี่เป็นกลางป่ากลางเขา คงไม่มีใครทะเล่อทะล่ามาเจอชี(เกือบ)เปลือยอย่างพวกเขาสี่คนแบบนี้หรอก...

   ...ไม่ใช่อะไร ก็นมครูบัวน่ะเขาเห็นได้คนเดียวนี่หว่า ไม่คิดว่าจะต้องมาแบ่งปันให้หญ้าให้ปลาแถวนี้ได้เห็นด้วยนี่...


“คิดอะไรลามกๆอยู่ใช่มั้ยครับนายเหมือง” บัวดักทางอย่างรู้ทัน ฝ่ายนายเหมืองก็ตอบว่า ‘เปล่า’ แต่เสียงสูงจนบัวหน้างอ ยกมือมากอดอกปิดบังร่างกายตัวเองอย่างไร้ประโยชน์ในทันที

   จนเมื่อเด็กสองคนเริ่มบ่นว่าหิวแล้วก็เริ่มโดนยุงกัด นายเหมืองกับครูบัวจึงตัดสินใจกันว่าคงต้องนั่งพักและอาจเลยต้องพักค้างคืนกันในป่าด้วย แต่ในระหว่างที่ทั้งสี่คนกำลังนั่งพักกันอยู่นั่นเอง ก็มีเสียงคนเดินดังแว่วเข้ามาใกล้ ในคราแรกนายเหมืองคิดว่าอาจจะเป็นคนร้ายที่ย้อนรอยตามพวกเขามา แต่ทว่าในความโชคร้ายก็ยังมีโชคดีเหลืออยู่ เมื่อบุคคลกลุ่มที่มาใหม่นั้นเป็นทีมเจ้าหน้าที่ป่าไม้ลาดตระเวน ความคิดที่ว่าพวกเขาอาจต้องได้พักค้างคืนกลางป่าแล้วก็บริจาคเลือดให้ยุงเป็นอาหารค่ำจึงได้พับเก็บไป

   เหล่าเจ้าหน้าที่เมื่อได้ทราบว่าทั้งสี่เป็นใครมาจากไหนก็รีบให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยการพาพวกเขาส่งโรงพยาบาลก่อนเป็นอันดับแรกเพื่อทำแผลที่เกิดขึ้น แล้วเมื่อได้ฟังคำบอกเล่าจากบัวและนายเหมืองว่าได้พบเจอสิ่งผิดปกติในป่ามาอย่างคนร้ายสามคนนั่น ทีมเจ้าหน้าที่ป่าไม้ก็รีบรับเรื่องไว้ก่อนจะส่งต่อพวกเขาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งนายตำรวจที่มาก็ทำเอาบัวงงเต็กเพราะคิดว่าคนทั้งคู่น่าจะกลับไปแล้ว นายตำรวจภากรกับนายตำรวจคมสันต์ เพื่อนของนายเหมืองที่บัวจำได้ว่าเคยถูกแนะนำว่าเป็นนายตำรวจจากกรุงเทพฯ แต่จนป่านนี้แล้วก็ยังไม่กลับไปอีก แถมยังขอสอบปากคำบัวเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาพลักลอบตัดไม้ที่บัวเห็นด้วยว่ามันเป็นอย่างไร บัวจึงพยายามลงรายละเอียดในสิ่งที่เห็นออกไปให้ได้มากที่สุด

“...บัวเห็นที่ต้นไม้มีรอยบากเป็นรูปกากบาทเต็มเลยครับ แล้วก็ได้ยินเสียงเร่งเครื่องของรถยนต์หรือรถกระบะนี่แหละครับถึงได้เดินตามเสียงไปเพราะคิดว่าอาจะเป็นของพวกชาวบ้าน แต่พอเห็นสภาพมีตอไม้แล้วก็รอยบากที่ว่านั่นแล้วก็เลยตัดสินใจอุ้มไทกอนวิ่งก่อน บัวคิดว่าพวกมันไม่น่าจะเห็นแต่ก็อย่างที่นายเหมืองเล่า มีพวกมันสามคนวิ่งตามบัวมา และบัวรอดมาได้ก็เพราะนายเหมืองเข้ามาช่วยบัวเอาไว้ได้ทันพอดี” คุณครูหนุ่มออกปากเล่า นายตำรวจทั้งสองนายหันมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเข้าใจ ก่อนภากรจะเอ่ยปากแซวว่า

“อย่างกับในละครเลยนะเว้ย...นางเอกถูกคนร้ายไล่ล่า พระเอกก็โผล่เข้าไปช่วยได้ตรงจังหวะพอดี”

“เออ กูยินดีเป็นพระเอก ปกป้องลูกตัวเองได้น่าภูมิใจจะตาย” คนรับยืดอกรับคำชมแบบแมนๆ เลยโดนเพื่อนขว้างปากกาใส่ไปที

“แล้วครูบัวได้ยินพวกมันพูดชื่อเจ้านาย หรือแหล่งกบดานหรือคำพูดอื่นๆบ้างมั้ยครับ อะไรก็ได้ฮะเล็กๆน้อยๆที่พอจะให้พวกเรารู้ได้ว่าพวกมันเป็นใครมาจากไหน” คมสันต์ถามต่อ บัวพยายามนึก แต่ที่ได้ยินก็มีแต่เสียงข่มขู่และบอกแต่ว่าจะต้องจัดการเขา...แต่เอ๊ะ...มีอย่างหนึ่งนี่นา

“จริงสิ...บัวจำได้ว่ามีคนหนึ่งสักที่ต้นแขนเป็นรูปแปดเหลี่ยมครับ ไม่รู้จะเกี่ยวกันมั้ยแต่ที่จำได้ก็มีเท่านี้แหละครับ” บัวเอ่ย ทันใดนั้นทั้งสามคนหันมองสบตากันโดยไม่ได้นัดหมาย โดยเฉพาะนายเหมืองที่กดตรงหัวคิ้วแล้วพึมพำออกมาว่า

“จริงด้วยสิ ตอนกูสู้กับพวกมันก็มัวแต่เลือดขึ้นหน้า ไม่ทันได้สังเกตอะไร...สัญลักษณ์แปดเหลี่ยมงั้นเหรอ...”

   จากนั้นเมื่อเห็นว่าสิ่งที่บัวรู้และเห็นนั้นถูกซักคนละเอียดแล้วบัวกับนายเหมืองก็ถูกพากลับไปส่งถึงในเหมืองด้วยรถตำรวจ และพอไปถึงบ้านบัวก็ต้องรู้สึกซาบซึ้งกับความรักความห่วงใยของคนในเหมืองอีกครั้ง เมื่อที่หน้าตัวบ้านมีคนงานในเหมืองมาออกันอยู่เต็ม พอทั้งสี่คนลงมาจากรถคนงานเหล่านั้นก็รีบกรูกันเข้ามาหาแล้วออกปากถามไถ่นายเหมืองของพวกเขากันเสียงระงม โดยเฉพาะป้าพุดฤทัย พอแกเจอหน้าสองแสบกับบัวเท่านั้นก็ร้องห่มร้องไห้ใหญ่ เอาแต่ลูบหัวบัวและสองแสบพร้อมบ่นพึมพำว่าขวัญเอ้ยขวัญมาไม่ได้หยุด

   แกเล่าว่าเมื่อตอนเลยเที่ยงไปหน่อยมีคนงานเจอกระเป๋าของสองแสบลอยมาตามน้ำก็เลยรีบเอามาบอกนายพุฒ กอปรกับตอนนั้นมีชาวบ้านแถวนั้นขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาหาป้าพุดที่บ้านว่าเขาเห็นรถนายเหมืองจอดอยู่ยังไม่ได้ลงมาจากเขา และตอนนั้นก็มีน้ำป่าไหลหลากที่น้ำตก เขาเกรงว่าทั้งนายเหมือง สองแสบและคนที่ไปด้วยจะเป็นอันตรายก็เลยลองขับรถมาดู ปรากฎว่าพอได้ยินอย่างนั้นป้าพุดฤทัยแกลมแทบจับ นายเม่นที่อยู่ด้วยกับแกตอนนั้นก็เต้นเป็นเจ้าเข้า ประกาศไปเสียทั่วเหมืองว่านายเหมืองสิงห์ ครูบัวและสองแสบโดนน้ำป่าพัดหายไปแล้ว พวกคนงานเหมืองพอได้ยินอย่างนั้นก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำงานกัน ช่วยกันเดินลุยน้ำขึ้นเขาไปเพื่อหวังจะช่วยหาเจ้านายตัวเอง เมื่อพุดฤทัยโทรศัพท์แจ้งความแล้วเขาไม่รับเพราะทั้งสี่คนยังหายไปไม่ครบ 24 ชั่วโมง

   พอได้ฟังคำเล่าบัวก็หันมองไปที่นายเหมืองซึ่งถูกรุมล้อมโดยคนงานทั้งหน้าทั้งหลังแล้วก็รู้สึกดีใจแทน นายเหมืองไม่ได้ซื้อคนพวกนี้ด้วยเงินจริงๆด้วย เขาซื้อด้วยใจ คนงานถึงช่วยกันทำงานอย่างสุดความสามารถแถมยังพอถึงทีเจ้านายเดือดร้อนก็เป็นเดือดเป็นร้อนแทนกันได้อย่างน่าชื่นชม ขนาดบัวเองที่เพิ่งมาอยู่ใหม่ยังโดนคนงานเก่าแก่จับไม้จับมือแล้วท่องอะไรสักอย่างเป็นภาษาใต้ใส่พร้อมกับลูบหัวให้ก่อนจะเอ่ยเป็นภาษากลางสำเนียงทองแดงว่าขอให้โชคดีหรือให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง

   บัวอยู่ไหว้ขอบคุณคนงานในเหมืองที่ต่างก็เป็นห่วงพวกเขาอยู่จนดึกดื่น ส่วนสองแสบนั้นป้าพุดพาไปทานข้าวที่โดนปลอบขวัญด้วยของโปรดจนเต็มโต๊ะ และแน่นอนว่าเด็กแสบก็กวาดเสียหมดเกลี้ยงไม่มีเหลือเมื่อทั้งสองคนนั้นมีอาการหิวโหยเป็นอย่างมาก จากนั้นก็โดนป้าพุดต้อนขึ้นไปนอนให้แล้วเรียบร้อย

   จนเมื่อนายเหมืองบอกให้บัวขึ้นไปพักผ่อนได้แล้วนั่นแหละ...คืนวันอันยาวนานของบัวถึงได้สิ้นสุดลงเสียที

-----------------------------------------------------------------------


อิอิ มาเร็ว (กว่าปกติ) เคลมเร็ว (กว่าปกติ)   :hao7:

เจอกันตอนหน้าค้าบบบบบบ

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
สนุกมากกกก นายเหมืองเท่ห์มากก ครูบัวนี่น่ารักมากๆเลย หลงงงงรักเลย
55555 จะถอดกางเกงเพื่อเอามาห่มให้ครูบัวเนี่ยนะ? คิดได้เนอะนายเหมือง

รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
ครูบัวเท่มาก  สุดยอดคุณแม่เลย

ถึงจะรู้ว่าต้องรอดกลับมาแน่ๆ แต่มันลุ้นมากๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ MayMaMee

  • ต้องอ่านนิยายวายทุกวัน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 269
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
ครอบครัวสุขสันต์มาก แต่บัวก็ยังเป็นลูกจ้างอยู่นะ

ขาดความหวานค่าา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-06-2014 12:25:13 โดย MayMaMee »

ออฟไลน์ My_yunho

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1683
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
พ่อ แม่ ลูกๆ
ครอบครัวสุขสัน รักกันๆ

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13

ออฟไลน์ nirun4

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 491
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
สนุก ลุ้นมากกกก
ขำตอนที่นายเหมืองคิดจะถอดกางเกงมาห่มให้ครูบัว :jul3:

คิดได้นะนายเหมือง ครึ ครึ

ออฟไลน์ aoaer

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
เฮ้อ  กลับบ้านได้สักทีนะ ครูตาหวาน นายเหมืองสิงห์ และลูกๆ  ไท เกอร์

ลุ้นด้วยจนเหนื่อย ผ่านเรื่องร้ายไปแล้ว ขอตอนหวานๆ น่ารักๆ มุ้งมิ้งๆบ้างนะคะ

 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ windel

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
โอยยย ตอนเจอพวกลักลอบตัดไม้ เราใจหายใจคว่ำหมดเลย

ว่าแต่ยกเว้นบนเตียงใช่ไหมครูบัว ที่ไม่ว่าอะไรถ้านายเหมืองจะมองว่าเป็น ...  :hao6:
เรียกเมียได้เต็มปากเต็มคำมาก

zalapao14

  • บุคคลทั่วไป
สนุกมากกกกกกก

ลุ้นซะ

ตอนต่อไปมาไวๆนะ
 :mew1:

ออฟไลน์ natalee22

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
อรั้ยๆๆๆๆ ขอฉากหวานๆ เรียกเลือด ของนายหัวกับครูบัวซักตอนนึงได้ไหมค้า อิอิอิ

ออฟไลน์ lune

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 688
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:ในที่สุดเรื่องก็ลงเอ๋ยด้วยดี :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
ครูบัวรู้ใจตัวเองแล้วสินะ
ถือว่าโชคดีนะเนี้ยนายเหมือง คึคึ

แต่ตอนนี้นายเหมืองโคตรเท่ห์อะ

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
เฮ้ออออ ปลอดภัยกันซะทีเนาะ ใจหายใจคว่ำหมด :เฮ้อ:
แล้วนั่นนนนนนน เมียยยยย เมียยยยยยย นายสิงห์เรียกครูบัวว่าเมียยยยยนะคะ ว้ายยยยยยย :impress2:
ตอนหน้าขอหวานๆเลยน้าาาา
รอตอนต่อไป :กอด1: :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ NOoTuNE

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +317/-15

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ขวัญเอ๋ยขวัญมา ปลอดภัยแล้วนะทุกคน

ออฟไลน์ Aleleni

  • 世界中の誰よりきっと
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
นายเหมืองรอบนี้ทำคะแนนกับครูบัวได้เยอะเลยนะฮับบบบ
เนี่ย ถ้าครูบัวเป็นอะไรไป เครียดเลยนะคะ แต่นี่เป็นวันที่ยาวนานจริงๆ

จะว่าไป นายเหมืองเนี่ย หวงนมจังเยนะ ! หื่นนนนนนนน 5555
ต่อหน้าลูกแท้ๆ มาต่อเร็วๆนะคั

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
ลุ้นจนเครียดเลยนะ 5555
รอบนี้นายเหมืองแมนมาก

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
 :monkeysad:ครูมีแผลต้องทายา คึ คึ

ออฟไลน์ yakusa

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ PhInNoI

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-0

ออฟไลน์ Takarajung_TK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 931
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-2
ดีใจที่ทุกคนรอดปลอดภัย
นายเหมืองเท่มากเลย

ออฟไลน์ konnarak

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-0
นายเหมืองเทห์ม๊ากมากก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด