หัวใจสิงห์...สีน้ำผึ้ง ตอนที่ 27 [26/10/2017] pg.64 [[End]]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หัวใจสิงห์...สีน้ำผึ้ง ตอนที่ 27 [26/10/2017] pg.64 [[End]]  (อ่าน 763868 ครั้ง)

ออฟไลน์ rmlab

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1679
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-2
ครูบัวถึงงอนก็น่ารักจ้า

ออฟไลน์ PoPuAr

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
ง้อเมียได้น่ารักไม่สมกับหนังหน้าเลยนะนายเหมืือง มีลูกเป็นกาวเชื่อมประสาน


ครูบัวใจอ่อนง่ายอยู่แล้ว แต่อย่าให้มีบ่อยละกัน ไม่งั้นคงจะโกรธจริงๆและมากด้วย

ออฟไลน์ Nemasis

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
งอนนานๆไปเลยครู

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
5555 ง้อเมีย กับงอนผัว....ช่างกล้า

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
หายโกรธไวจังเลยครูบัว หมั่นไส้อินายเหมืองชะมัด ชอบทำให้ครูบัวเสียใจอยู่บ่อยๆ ไม่แคร์ความรู้สึกครูบัวเท่าไหร่ ยังไม่ให้อภัยนะยะ รอดูต่อไปค่าา

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14

ออฟไลน์ gasia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-5
โอยยยยยยยยยยยยยยยย  นายเหมืองก็มีมุมนี้เหมือนกันเนาะ
งอนผัว ง้อเมีย ทำดีๆ 55555555555555555555555555555555555555

ออฟไลน์ windel

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
นึกภาพใส่ครูบัวกับนายเหมือง ใส่เสื้อ 'งอนผัว' กับ 'ง้อเมีย' ไปงานวัด ...... :m20:

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ omuya

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2023
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-9
งอนง้อกันสนุกดีนะ
แต่!! บางที นายเหมืองมันก็ทื่ออออ เสียเหลือเกิน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
ใครคิดแผนเนี้ยยยยยยยยยย
เสื้อง้อเมียที่เข้าท่าสุดๆเลยยยย :m20:
ดูท่าวันนี้งานกาชาดได้มีข่าวฮอตให้เม้าท์กันล่ะ :laugh:
รอตอนต่อไปน้าาาาาาาา

ออฟไลน์ PrincePP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-6
สนุกครับ ขอบคุณสำหรับความอบอุ่นของครอบครัวนี้ครับ

ออฟไลน์ sam3sam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2562
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-4
แอบตามติดครอบครัวสิงห์ไปเที่ยวงานกาชาดด้วย :m32:

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
น่าร๊าก~~~ ทุกคนเลย

ออฟไลน์ แม่มดน้อย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
รอ! :o8:

ช่างคิดได้นะลายเสื้อ อิๆ :pighaun:

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
อย่างฮาอะกะตอนสุดท้ายอะ

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
อุ๊!!!!!!!! แม่เจ้า "ง้อเมีย"   :m20: :m20:
ทำไปได้นะนั่น

ออฟไลน์ akeins

  • ชีวิตเรา Undo ไม่ได้
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
 :mew4: :mew4: :mew4:
ง้อเมียได้แจ่มมาก

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
นายเหมืองคร้าาา ตอนแรกง้อดีๆ ไหงไปๆมาๆกลายเป็นเหมือนแกล้งน้องบัวไปซะได้เนี่ยยยยย

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
555+ นายเหมืองแม่งฮาเกิ๊น ถ้าไม่ได้ลูกสิงห์ 2 ตัวช่วยง้อคุณครูคงไม่สำเร็จ
ร้ายทั้งพ่อทั้งลูก แต่ครูบัวตัวขาวเอาอยู่เนอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ครูบัวน่ารักมากๆ :-[ :impress2: :o8:

ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22

ออฟไลน์ mirin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
วิธีง้อเมียฮา :laugh:

ออฟไลน์ AoMSiN555

  • กรูบ้า.....อย่าทักกรู
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
รออยู่นะ ติดตามๆ  :impress2: :impress2: สู้ๆละ   :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ Toon_TK

  • เ ด็ ก อ้ ว น
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
มารอตอนต่อไปอยู่น้าาาาาา~

ออฟไลน์ Future

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-9
อยากเห็นตอนที่ครูบัวหนีกลับบ้านจัง อยากรู้นายเหมืองที่ว่าเก่งนักเก่งหนาจะแก้ปัญหากับเรื่องนี้ยังไง

ออฟไลน์ DraCo_SLa13

  • I swear that, will love Super Junior forever..........
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-3
น่าฮัก ปะล้ำปะเหลือ น่าฮักขนาดดดดดดดดดดดดดด

ออฟไลน์ gasia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-5
คิดถึงครูตาหวาน นายเหมือง ไทกับเกอร์แล้วววววว

ออฟไลน์ dek-zaal3

  • แก้วปั้ณณ์
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +534/-11
    • แก้วปั้ณณ์
ตอนที่ ๑๖


   รถกระบะกลางเก่ากลางใหม่สีขุ่นๆบรรทุกคนสี่ชีวิตวิ่งมาตามทางลูกรัง รอยฝุ่นดินสีแดงฟุ้งกระจายตามหลังล้อรถที่วิ่งผ่าน เสียงเพลงเพื่อชีวิตผสมลูกทุ่งสำเนียงปักษ์ใต้ดังคลอแผ่วๆ เนื่องเพราะคนขับอยากฟังลูกๆโม้ใส่ครูบัวเรื่องงานกาชาดประจำจังหวัดมากกว่าเสียงหล่อๆของนักร้องในเพลง ซึ่งนานๆทีเขาก็จะถูกดึงเข้ามามีส่วนร่วมในบทสนทนาบ้างเมื่อลูกๆส่งคำถามมาให้ แต่เขาก็ตอบได้ไม่กี่ประโยคหรอกเพราะพูดไม่ทันลูกๆที่แย่งกันตอบต่อทันทีเมื่อเข้าทาง เสียงดังเจื้อยแจ้วปนโหวกเหวกโวยวายนิดๆเมื่อทั้งคู่พยายามแย่งกันพูดในจุดที่ตัวเองคิดว่ารู้ดีกว่าอีกฝ่าย

   ที่จอดรถไม่ได้มีการกั้นเอาไว้อย่างเป็นสัดส่วนมากมาย เพียงแค่ขึงเชือกฟางกั้นเอาไว้แค่สองสามช่องเท่านั้น ทว่าเมื่อนายเหมืองสิงห์ลงกระจกรถแล้วมองไปทางคนเฝ้าบริเวณที่จอด ชายหนุ่มหัวล้านที่ทำท่าทางเหมือนจะเมายาในตอนแรกก็กระเด้งตัวตื่นขึ้น แล้ววิ่งตื๋อไปโบกรถเข้าซองที่ว่างซึ่งถูกเชือกกั้นปิดทางไว้ในตอนแรกทันที บัวมองอย่างทึ่งจัดเพราะแค่มองก็รู้ว่าช่องที่คนเฝ้าที่จอดเปิดทางให้นั้นเป็นที่จอดวีไอพี เพราะใกล้ทางเข้าที่สุด คงเตรียมไว้สำหรับคนสำคัญๆจริงๆ ที่เหลือก็ต้องจอดไว้ตรงริมขอบถนนแล้วค่อยเดินเข้ามาเท่านั้น  บัวไม่คิดจริงๆว่าคนอย่างนายเหมืองจะมีอิทธิพลมากขนาดกับคนเฝ้าที่จอดก็ยังรู้จักด้วย

“ค่าจอดเท่าไหร่” นายเหมืองลงกระจกรถลงถามหนุ่มหัวโล้นที่ยืนกุมเป้าท่าทางนอบน้อมโดยยังไม่ดับเครื่องยนต์ ซึ่งคนถูกถามก็รีบโบกไม้โบกมือสะบัดไปมาเป็นระวิงพร้อมรีบออกปากปฏิเสธเสียงสั่น

“มะ...ไม่พรือนาย...พ้มไม่เอาตังค์...”  ภาษาท้องถิ่นตอบกลับมา ทว่านายเหมืองสิงห์กลับยื่นนิ้วไปคีบใบยี่สิบบาทสองใบในช่องใส่เหรียญและธนบัตรย่อยมายื่นให้พร้อมบอก

“เอาไปเถอะ...ฝากรถด้วย” ชายหนุ่มเอ่ย  คนดูแลลานจอดยื่นมือสั่นๆเข้าไปรับ ปกติค่าที่จอดสำหรับรถสองล้อก็แค่สิบบาท รถสี่ล้อก็สิบห้าบาทหรือยี่สิบบาทแล้วแต่คัน แต่นี่ได้ตั้งเท่าตัว! ดีนะที่ที่จอดรถของลูกชายท่านผู้ว่ายังว่าง...

“โห ที่นี่จ่ายค่าที่จอดแพงจังครับนายเหมือง” บัวทัก มือจัดการสะพายกระเป๋าย่ามใบเก่าๆซึ่งแม่ของบัวเป็นคนเย็บให้เองกับมือขึ้นบ่า  ในนั้นมีของของบัวแค่กระเป๋าสตางค์เท่านั้น ที่เหลือนอกนั้นก็เป็นของเล็กๆน้อยๆที่บัวเตรียมไว้สำหรับสองแสบทั้งนั้น อย่างพวกกระดาษทิชชู่ ผ้าเช็ดหน้า แม้กระทั่งกระติกน้ำบัวยังเตรียมมาพร้อม

“เขาเคยติดยามาก่อนแล้วเคยไปขอข้าวกินที่บ้าน พี่สงสารก็เลยเอามาฝากไว้ที่วัด นี่วัดก็ให้ช่วยทำงานอะไรเล็กๆน้อยๆไป  เงินค่าที่จอดนี่ส่วนใหญ่ก็ได้เขาหมดล่ะ” ชายหนุ่มดับเครื่องยนต์ ก่อนจะก้าวขาลงมาจากรถแล้วปรับเบาะเอนลงไปข้างหน้า เพื่อที่จะรับเอาเจ้าสองแสบออกมาจากรถ 

“ไปให้ครูบัวจับมือไว้คนหนึ่งไป...”  ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างเคยชิน และเป็นไลเกอร์ที่รีบปล่อยมือจากพ่อแล้วโผไปหาครูบัวแทน “หิวรึยัง เดี๋ยวพี่พาไปกินขนมจีนเจ้าอร่อย...เจ้านี้เขาทำขายตั้งแต่สมัยพ่อแม่พี่ยังอยู่แน่ะ แต่ไม่รู้ปีนี้ยายเขาจะมาอีกรึเปล่านะ”

“แล้วแต่นายเหมืองเลยครับ...อ๊ะ เกอร์จับมือไทไว้ครับเดี๋ยวหลงกัน” บัวรีบเอ่ยขึ้นเมื่อทั้งสี่เดินพ้นป้ายหน้างานเข้ามาแล้วสองแสบทำท่าจะสะบัดมือพ่อและครูออกเพื่อกรูเข้าไปในงานอย่างตื่นเต้น

“ฮ่ะๆ ปล่อยไปก่อนก็ได้ครู แถวนี้เจ้าสองแสบเขาวิ่งพรุนหมดแล้ว ไม่หลงหรอก...” คนพูดพูดพลางทำท่าจะปล่อยมือลูก แต่กลายเป็นบัวที่รีบยื่นมือไปคว้าแขนเด็กเอาไว้เสียก่อน

“ถึงอย่างนั้นก็อันตรายครับ  คนแปลกหน้ากันทั้งนั้น...” บัวเอ่ยอย่างยังคงกังวล เด็กๆทั้งสองคนเงยหน้ามองครูบัวกันตาปริบๆ มีแอบดื้อแกะแขนครูออกเล็กน้อยเมื่อครูบัวไม่ยอมปล่อยให้ทั้งคู่ได้ออกไปไกลหูไกลตาอย่างที่อยาก

“หึหึ ไม่เป็นไรหรอก พ่อค้าแม่ค้าที่ขายของอยู่ในงานเขารู้จักสองแสบดีกันทั้งนั้น วีรกรรมใช่ย่อยเสียที่ไหนลูกพี่ ปล่อยไปเถอะไม่เป็นไรหรอก พวกเขาช่วยดูให้อยู่แล้ว...” ชายหนุ่มบอก ยกมือรับไหว้แม่ค้าขายน้ำปั่นที่อยู่ริมทางเข้า บัวยังลังเลที่จะปล่อยมือให้สองแสบได้ออกไปเล่นตามใจในวันที่มีงานกาชาดประจำจังหวัดที่ตัวเองไม่คุ้นเคยแบบนี้

   ทว่าทั้งไลเกอร์กับไทกอนก็ไวทายาด พอเห็นช่วงทีเผลอของครูบัว ไทกอนก็ช่วยดึงมือพี่ชายออกมาจากการเกาะกุมทันควัน ก่อนจะจับจูงมือพี่แล้วหันมายิ้มแฉ่งให้ทั้งพ่อและครูที่มีสีหน้าต่างกัน ครูตาหวานนั้นมีสีหน้าท่าทางเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่บิดาของตัวเองนั้นทำเพียงชี้หน้าแล้วสั่งว่าอย่าไปทำร้านขายของเขาพังอีก เล่นเสร็จแล้วก็ให้ตามไปที่ร้านขายขนมจีนด้วย

“ครูตาหวานไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวไทไปหาที่ร้านหนมจีนนะ” เด็กบอกพลางโบกไม้โบกมือและยิ้มให้อย่างดีใจ บัวแอบเห็นพวกเด็กตัวเล็กๆสามสี่คนยืนจดๆจ้องๆเจ้าสองแสบของเขาอยู่ไกลๆ คงจะเป็นลูกสมุนที่มาคอยลูกพี่ล่ะสิท่า

“อย่าเครียด...ลูกพี่เอาตัวรอดได้น่า ไป...ขนมจีนเจ้าอร่อยรออยู่ หรืออยากกินข้าวแกงก็มีนะ ข้าวหมกไก่ก็อร่อยนะ บัวอยากทานอะไร...”  ฝ่ามือหนาจับจูงมือคนขี้กังวลให้เริ่มออกเดินไปตามทางที่เด็กๆเพิ่งวิ่งหายลับไป  บัวยังคงคอยชะเง้อชะแง้มองหาเจ้าแสบหนึ่งแสบสองอยู่ตลอดเวลา  ทว่าก็ทำได้แค่สุดหัวมุมทางเดินไปโซนขายอาหาร  เพราะบัวเห็นหลังเด็กอยู่ไวๆทางไปโซนเครื่องเล่น

“นายเหมือง...บัวห่วงเกอร์กับไท เดี๋ยวทานเสร็จแล้วเราค่อยพาพวกเขาไปเล่นก็ได้นะครับ”  บัวหยุดเดินพร้อมกับดึงเสื้อคนที่มองสองข้างทางอย่างสนใจให้หันกลับมาสนใจตัวเองบ้าง  “...ทำไมนายเหมืองดูไม่ทุกข์ร้อนเลย พวกแก๊งลักเด็กขโมยเด็กมันจ้องงานแบบนี้ตาเป็นมัน นายเหมืองยังกล้าปล่อยสองแสบไปอีกเหรอ...ใจร้าย”

   บัวทำแก้มป่อง  งอนเขาที่ไม่สนใจลูกตัวเองออกหน้าออกตา  ถ้าเป็นเรื่องของสองแสบเมื่อไหร่แล้วบัวจะออกอาการแบบสุดโต่ง ปิดอารมณ์ไว้ไม่มิดเชียว  คนถูกงอนซ้ำซ้อนหยิบมือที่จับกันไว้ขึ้นมาใกล้ๆอก  ก่อนจะชี้นิ้วให้ดูผู้ชายในชุดเสื้อผ้าปอนๆกับกางเกงยีนส์ขาสั้นเก่าๆที่ยืนอยู่ใกล้ๆซุ้มปาเป้า  จากนั้นก็เบนนิ้วไปที่ผู้ชายลงพุงนิดๆใส่เสื้อผ่าหน้าไม่ติดกระดุม ที่เอวมีผ้าขาวม้าคาดไว้อย่างหมิ่นเหม่ ก่อนที่เสียงทุ้มนุ่มจะค่อยเอ่ยอธิบาย

“นั่นคนของผม...สองคนตรงนั้นก็ใช่  แล้วก็ยังมีอยู่อีกทั่วงานนี้แหละ  ที่ตามสองแสบอยู่ก็สามคนเข้าไปแล้ว  คุณคิดว่าเจ้าพวกนั้นจะขึ้นเครื่องเล่นได้ยังไงในเมื่อผมไม่ได้ให้เงินไว้เลย...เอาน่า  เดี๋ยวพอหิวคนของผมก็พามาส่งเราเอง  ไปเดินเที่ยวให้สบายใจกันดีกว่า  แล้วก็เลิกทำหน้าอย่างนั้นได้แล้วเดี๋ยวจะมีคนมาหาว่าพี่เป็นผัวใจร้าย...พาเมียมาเที่ยวแท้ๆแต่ก็ยังทำเมียงอนจนได้ นะ...”

“...นายเหมือง”  บัวพูดอะไรไม่ออกอีก  นี่บัวเผลอมายุ่งกับผู้ชายอันตรายเข้าจริงๆแล้วใช่มั้ยนี่  ตอนอยู่แต่ในเหมืองก็คิดอยู่หรอกว่านายเหมืองสิงห์คนนี้ไม่ธรรมดา  แต่ถึงขนาดแค่มาเที่ยวงานก็มีคนมาคอยดูแลขนาดนี้นี่ต้องไม่ธรรมดา ‘มาก’

   บรรยากาศงานกาชาดในต่างจังหวัดช่างแตกต่างจากในเมืองหลวงมาก  ไม่มีกลิ่นควันรถลอยมาตามลม  คนก็ไม่เยอะเท่า  แถมทั้งอาหาร  ของเล่น  และของใช้ที่เอามาวางขายก็มีแต่ของที่ทำให้บัวตื่นตาตื่นใจทั้งนั้น  ฝ่ามือขาวถูกจับจองด้วยมือหยาบกระด้างเพราะทำงานใช้แรงไปตามทางเดิน  โดยคนตัวสูงจะคอยเดินนำแหวกทางผู้คนให้  ช่วงไหนที่คนบางตาชายหนุ่มก็จะผ่อนเท้าลงมาเดินคู่กันกับบัว  กว่าจะถึงร้านขนมจีนเจ้าอร่อยที่นายเหมืองสิงห์รับประกันนักหนาบัวก็มีแอบหอบ  แต่พอเห็นปริมาณคนที่นั่งอยู่บนเสื่อก็เริ่มมีความรู้สึกหิวขึ้นมาทันตา  ท่าทางร้านนี้จะอร่อยจริงไม่ใช่ราคาคุยเสียแล้ว

   ร้านขนมจีนเจ้าเก่าแก่ของนายเหมืองสิงห์มีคนขายอยู่สองคน  คนตักเป็นคุณยายสูงอายุที่ขายขนมจีนในคานหาบ  ในขณะที่เด็กสาวหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มผมสั้นเสมอติ่งหูคอยเป็นคนเก็บจานและเติมผักแนมขนมจีนให้เต็ม  เสียงทักทายชายหนุ่มตัวสูงอย่างเป็นกันเองของคนขายทำให้บัวรีบนั่งยองลงหน้าคานหาบข้างคนตัวสูงที่นั่งลงไปก่อนบัวแล้ว  ภาษาใต้สำเนียงยานคางนิดๆทำให้บัวพอฟังออกว่าทั้งคู่พูดอะไรกันบ้าง  บัวมองหม้อใส่น้ำแกงอย่างสนใจ  มันมีแค่สามอย่าง  แต่สีและกลิ่นที่ลอยมาตามลมช่างช่วยเรียกน้ำย่อยในกระเพาะบัวได้ดีจริงๆ

“บัวจะเอาอะไร  พี่เอาน้ำแกงเผ็ดสองจานแล้ว  มีเขียวหวานไก่กับน้ำยาหวานด้วย...”  ชายหนุ่มหันมาถามคนที่จ้องหม้อน้ำแกงอย่างสนอกสนใจ  คุณครูหนุ่มหันมาหาคนถามตาแป๋วก่อนจะเอ่ยบอก

“น้ำแกงเผ็ดมันเผ็ดมากมั้ย”  ต้องถามก่อนเสมอล่ะ  เพราะรู้ซึ้งแล้วว่าเลเวลความเผ็ดของคนใต้นั้นมาตรฐานค่อนข้างสูงไปหน่อย

“เผ็ด...มาก...”  และคนถูกถามก็ตอบให้อย่างจริงใจ  บัวแอบกลืนน้ำลายเอื๊อก  ก่อนจะชี้บอกคุณยายว่าขอน้ำแกงเผ็ดกับหวานปนกันก็แล้วกัน 

   บัวแอบเห็นทางหางตาว่านายเหมืองหนุ่มแอบยิ้มมุมปากใส่เขา  ก็จะทำไมล่ะ...บัวต้องเซฟปากตัวเองไว้ก่อนนี่นา  คุณครูหนุ่มจึงใช้ไหล่ชนไหล่หนาของนายเหมืองแรงๆเป็นการเอาคืน  และเพราะโดนชนโดยไม่ทันได้ตั้งตัวร่างใหญ่สูงถึงได้มีแอบเซเล็กน้อย

“ฮ่าๆ...เมียไหม๊นายเหมืองน่ารั่กนะ เอ้า...ยายแถมไข๊ห้ายนะ”  เสียงหัวเราะแซวดังมาจากคุณยายคนขาย  บัวเขม่นตามองคนหัวเราะยิ้มรับกับคำแซวนั้นของคนแก่พร้อมถลึงตาให้เล็กๆ  ก่อนจะหันไปยกมือไหว้ของคุณคุณยายแล้วรับจานขนมจีนที่มีเส้นพูนๆกับน้ำแกงค่อนจานพร้อมไข่หนึ่งฟองไปหาที่นั่งก่อน  ไม่ยอมหันมองว่าร่างสูงใหญ่นั้นจะตามมาหรือไม่

   ที่นั่งทางขนมจีนร้านของคุณยายแกก็เป็นเพียงแค่เสื่อปูบางๆบนพื้นถนนเท่านั้น  มันมีอยู่ด้วยกันสามผืนใหญ่  แต่ละผืนก็จะมีถ้วยใส่ผักแนมหรือผักเหนาะในภาษาใต้วางอยู่ตรงกลาง  ลูกค้าแต่ละรายก็จะต้องนั่งรวมกันในผืนเสื่อที่ว่างแม้ว่าจะไม่รู้จักกันก็ตาม  บัวมองหาที่ว่างที่คนสองคนพอจะนั่งได้แล้วก็มีโชคดีหล่นใส่ เมื่อครอบครัวพ่อแม่ลูกครอบครัวหนึ่งเพิ่งทานเสร็จแล้วลุกออกไปพอดี 

“พี่ๆอย่าเพิ่งนั่ง...ให้หนูเก็บจานก่อนนะ” 

   เสียงพูดกลางแต่ติดสำเนียงใต้ของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งร้องบอก  บัวหันมองตามต้นเสียงก็เห็นเด็กผู้หญิงที่เป็นหลานของคุณยายตามคำบอกเล่าของนายเหมืองกำลังรวมจานขนมจีนเข้าด้วยกันแล้วเช็ดพื้นที่เสื่อให้อย่างขมักเขม้น  บัวเดินเข้าไปนั่งคุกเข่าข้างๆเด็กสาว  แอบเกร็งเล็กๆที่คนในวงล้อมผืนเสื่อนั้นจ้องมาที่เขาอย่างสนใจใคร่รู้  ก็ไม่น่าแปลกหรอกในเมื่อรูปร่างหน้าตาและสีผิวของบัวออกจะโดดเด่นขึ้นมาเสียขนาดนี้

“ไม่เป็นไรครับได้แล้ว...ขอบคุณมากนะ”  บัวเอ่ยบอกเด็ก  เด็กสาวหันมายิ้มให้บัวอายๆก่อนจะยอมยกผ้าขึ้นแล้วถามบัวต่อ

“คุณจะเอาน้ำอะไรจ๊ะ เดี๋ยวหนูไปซื้อที่ร้านนี้ให้”  พร้อมกับที่ถามเด็กสาวก็ชี้ไปที่ร้านขายน้ำผลไม้ใกล้ๆร้านขายขนมจีนของตัวเอง  บัวชะเง้อคอมองตามป้ายบอกชนิดน้ำผลไม้ที่แปะอยู่หน้าร้าน ก่อนจะส่งยิ้มให้เด็กสาวแล้วตอบ

“ลำไยหนึ่ง มะพร้าวหนึ่งก็แล้วกันครับ...เดี๋ยวนะเดี๋ยวพี่หยิบเงินให้”  บัวกระวีกระวาดรีบวางจานแล้วทำท่าจะหยิบย่ามของตัวเองที่สะพายไหล่เอาไว้ออกมาหยิบกระเป๋าสตางค์  ทว่าธนบัตรห้าสิบบาทก็ถูกยื่นส่งมาให้ตรงหน้าเด็กสาวตัดหน้าบัว  พร้อมกับที่คนพูดเอ่ยปากบอกเสียงนิ่งเล็กๆ

“ไปซื้อน้ำมาไป”  เสียงคุ้นหูขนาดนี้ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าใคร

“นายเหมืองสิงห์...”  บัวเรียกชื่อเขาเสียงเข้ม

“เสน่ห์แรงไปแล้วนะบัว  เอ้านั่งดีๆ...กินเร็ว”  เสียงดุบัวเหมือนดุเด็กยิ่งทำให้บัวหน้างอหนักเข้าไปใหญ่ เริ่มกระเถิบร่างกายตัวเองให้ห่างไกลออกไปจากนายเหมืองมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ยอมให้ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายแตะโดนกัน  กระนั้นคนมือยาวก็ยังเอาเปรียบทั้งเวลายื่นมือไปหยิบผักหรือหยิบแก้วน้ำที่มักจะแกล้งวางไว้ใกล้ๆแก้วบัว

“นี่บัว...ผักนี่หายากนะ  ในกรุงเทพฯคงหาไม่ได้ง่ายๆ  ภาษากลางเรียก...อะไรนะ  มะม่วงหิมพานต์ใช่มั้ย แต่ภาษาใต้เขาเรียกว่า หัวครก...”

“ห๊ะ...อะ...อะไรนะ หัว...ครก?”

“อื้ม...ใช่  ยอดหัวครก เปรี้ยวนิดๆแต่อร่อยมาก อารมณ์เหมือนกินยอดมะกอก เอ่อ...ถ้าบัวยังนึกรสไม่ออกก็นึกถึงยอดมะขามก็ได้ ความเปรี้ยวคล้ายๆกันแต่รสชาติตัวใบจะหนากว่า ลองดู...”  เขากล้าชวนครูบัวลองทาน  เพราะทราบมาจากป้าพุดที่บ้านแล้วว่าครูบัวเขาเห็นตัวเล็กๆบางๆอย่างนี้ก็เถอะ  แต่เป็นคนชอบลองของแปลกเอาเรื่องเหมือนกัน  โดยเฉพาะผักผลไม้อะไรแปลกๆถ้ารู้ว่าทานได้ล่ะก็ ครูเขาลองหมด

   ...เอ่อ...แต่คงไม่ใช่ว่าครูบัวก็มองเขาเป็นยอดหัวครกด้วยแล้วเลยลองคบดูหรอกนะ...ชายหนุ่มคิดอย่างแอบตกใจนิดๆ

“อื้ม!  เปรี้ยว...แต่กินกับขนมจีนแล้วอร่อย! น้ำแกงคุณยายก็อร่อยมากเลย คุณคงมีตังค์จ่ายให้ใช่มั้ยถ้าบัวจะขออีกจาน...”

“ให้อีกสิบจานพี่ก็จ่ายไหว จานละเท่าไหร่บัวคิดว่า...”

“ให้เยอะขนาดนี้บัวว่าจานละยี่สิบ...”  ระหว่างที่พูดคุณครูหนุ่มก็ยังคงหยิบผักหน้าตาแปลกๆที่มีลักษณะเป็นลูกเล็กๆเข้าปาก  มันฝาดลิ้นหน่อยๆแต่พอทานกับขนมจีนที่น้ำแกงเข้มข้นถึงเครื่องแล้วมันช่างเข้ากันดีและอร่อยลิ้นอย่างบอกไม่ถูก

“จานละสิบ  เพิ่มไข่อีกฟองละห้าบาท...รวมทั้งจานนี่สิบห้าบาท”

   บัวหันมองคนตอบแล้วมองจานตัวเองอย่างทึ่งจัด จานแบบนี้ถ้าเป็นที่กรุงเทพฯตามร้านริมทางยังราคาไม่ต่ำกว่าสามสิบบาท แต่ที่นี่ถูกกว่าตั้งครึ่ง แถมยังอร่อยมากด้วย กินแล้วก็นึกถึงแม่กับเด็กๆ อยากให้มาทานด้วยกันมันคงจะอร่อยมากกว่านี้อีกหลายเท่า

   ชายหนุ่มตัวสูงหันมองคนข้างตัวที่แลดูจะอารมณ์ดีขึ้นแล้วจึงหันไปสั่งขนมจีนเพิ่มอีกจานมาเตรียมรอให้ครูบัวได้ทานต่อแบบไม่ติดขัด ส่วนเขาน่ะปาเข้าไปถ้วยที่สามนำหน้าครูบัวไปเรียบร้อย จานใส่ผักเหนาะถูกเวียนเปลี่ยนมาให้เรื่อยๆจากคนรอบวงที่อัธยาศัยดีมาก ซึ่งในระหว่างที่นั่งทานบัวก็สังเกตเห็นมักจะมีคนแวะเวียนมายกมือไหว้นายเหมืองสิงห์กันอยู่เนืองๆ แค่ที่นั่งทานนี่ก็ปาไปครึ่งวงแล้วที่ยกมือไหว้แล้วก็ทักทายนายเหมืองสิงห์แบบคนคุ้นเคย และแน่นอนว่าเขาเองก็ถูกแนะนำตัวให้ทุกคนรู้จักในฐานะของคุณครูคนใหม่ของลูกชายนายเหมือง  ซึ่งต่อจากนั้นก็มักจะมีคำถามตามมาทันทีว่า...

“แล้วคุณหนูสิงห์น้อยเสือเล็กไม่มาด้วยเหรอจ๊ะ...” อันนี้ยังคงธรรมดา  แต่มันดันมีคำแซวถึงขั้นที่บอกว่า  “แหม...ครอบครัวสุขสันต์เลยนะคะนายเหมือง” และอีกสารพัดคำแซวเชิงคำชมที่มาพร้อมคำว่า ‘ครอบครัว’ ซึ่งบัวเองก็ได้แต่ยิ้มรับและเออออไปตามสถานการณ์ มีคำไหนที่ควรแก้ให้ก็รีบแก้ทันที แม้ว่ามันจะโดนสำทับด้วยคำพูดที่มีน้ำหนักกว่าของนายเหมืองสิงห์ก็เถอะ

“นายเหมือง...บัวว่าสองแสบไปกันนานแล้วนะ เมื่อไหร่จะมาสักที...” เมื่อการกินดำเนินมาจนถึงช่วงท้าย ครูบัวที่หลงเมามันอยู่กับการรับประทานก็เริ่มหันมองซ้ายมองขวา เมื่อข้างๆตัวไม่มีเสียงเจื๊อยแจ้วที่คุ้นเคยอยู่ใกล้ๆ

“เดี๋ยวก็คงมา...เอ้อ เสร็จนี่แล้วเดี๋ยวเราไปซื้อข้าวเกรียบว่าวกัน ไม่รู้บัวเคยกินรึเปล่า แต่พี่...”

“นายเหมืองบัวฝากจ่ายตังค์ด้วยนะเดี๋ยวบัวไปตามหาเด็กๆก่อน...” คุณครูหนุ่มไม่รอฟังคำพูดอะไรต่อ เขารีบเก็บจานแล้วก็รวบช้อนวางคว่ำในจานไว้เรียบร้อย จากนั้นก็เตรียมตัวลุก ทว่าข้อมือบางกลับถูกรวบจับเอาไว้แน่นด้วยมือเดียวของนายเหมือง คนจับรีบวางจานอีกมือลงพื้นเสื่อก่อนจะเร่งรีบหยิบเงินขึ้นมาแล้วยัดใส่มือเด็กสาวที่เดินเข้ามาเตรียมจะเก็บจาน

“ถ้าประเดี๋ยวมีคนมาถามหาฉัน บอกว่าให้เขาโทรถามเอาก็แล้วกันว่าฉันอยู่ไหน เขาจะมากับสองแสบ...สิงห์น้อยกับเสือเล็กน่ะ จำได้ใช่มั้ย...” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยบอกเด็กสาว มองอาการพยักหน้ารัวๆอย่างพอใจ

“ถ้าสองแสบมาหนูจะบอกให้จ่ะนาย...” เสียงตอบภาษากลางแต่ติดสำเนียงปักษ์ใต้รับคำหนักแน่น มีแอบเหลือบมองคุณครูตัวขาวของสองแสบลูกนายเหมืองคนดังอีกครั้ง คนอาไร๊...ผิวสวยอย่างกับผู้หญิง ดีนะว่าไม่มีนมกับเห็นลูกกระเดือกชัดอยู่ เธอถึงได้พอดูออกว่าคุณครูแกเป็นผู้ชาย

   ทว่าถึงแม้ครูเขาจะเป็นผู้ชาย...แต่กลับไม่ดูขัดหูขัดตาเลยแม้แต่นิดเดียวเวลานายเหมืองคนดังแกเข้าคลุกวงในทั้งจับมือถือแขนหรือแอบกระแซะครูเขาบ่อยๆ พูดง่ายๆคือทำเหมือนจะจีบครูแกงั้นแหละ...

ออฟไลน์ dek-zaal3

  • แก้วปั้ณณ์
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +534/-11
    • แก้วปั้ณณ์
“นายเหมือง...ไม่ใช่บัวไม่ได้จะไปทางนี้ เด็กๆน่าจะอยู่ที่โซนเครื่องเล่น นี่นายเหมือง...ปล่อยนะบัวจะไปทางโน้น...”  บัวพยายามดิ้นเพื่อจะดีดมือให้หลุดออกจากการเกาะกุม ทว่าคนกุมมือบัวกลับทำเหมือนใจเย็นนักหนา เดินดูของชมเสื้อผ้าข้างทางอย่างสบายใจ ในขณะที่บัวกลับขึ้งเครียดและเงียบขรึมลงเรื่อยๆตามระยะทางที่นายเหมืองสิงห์พาเดินผ่าน

   จนในที่สุดเมื่อชายหนุ่มพาคุณครูบัวมาหยุดดูเสื้อที่ร้านขายเสื้อผ้าลายบาติก คุณครูหนุ่มก็ไม่ยอมเดินไปไหนอีกเลย

“บัว...พี่ว่าเสื้อตัวนี้สีสวยดีนะ ไซส์เอสของบัวก็มีด้วย...เสียดายไม่มีไซส์เด็ก จะได้ใส่รวมกันเป็นสี่คนพ่อแม่ลูก”

“...” 

“บัว...ไม่เอาน่า แค่เสื้อเขียนว่างอนผัวแต่ไม่น่าจะต้องทำจริงตามคำนั้นเลยนะบัว...อีกอย่าง ให้พี่มาง้อตรงนี้ไม่ได้นะ อายคนเขารู้รึเปล่า”

“...ไม่ได้งอน แล้วก็ไม่ต้องมาง้อบัวด้วย...นายเหมือง บัวไม่เข้าใจ...ทำไมถึงมีแต่บัวคนเดียวที่ห่วงพวกเขา คุณเป็นพ่อเขานะ”

“โอเค...โอเค แค่สองแสบกลับมาคุณก็จะพอใจใช่มั้ย...ได้” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างแอบหัวเสียเล็กๆ เขามางานนี่ก็เพราะว่าอยากจะมีเวลาอยู่กันสองต่อสองกับครูบัวในบรรยากาศดีๆเหมือนมาออกเดตกันบ้างก็เท่านั้น แต่ถ้าครูบัวอยากจะได้ ก.ข.ค. เป็นสองแสบตัวป่วนมากนักล่ะก็เขาก็จะจัดให้ “ฮัลโหล...ไอ้เม่น บอกลุงเกรียงให้เอาสองแสบมาที่ร้านบาติก ผมกับครูบัวรออยู่ที่นี่นะ อ้อ...ที่สำคัญบอกลุงแกด้วยว่า ด่วน...ครูบัวเขาเป็นห่วงลูกชายเขา ‘มาก’ ”

‘บ้า...ไม่ต้องหันมาทำตาดุใส่เลย’ บัวคิดในใจอย่างเคืองๆ ไอ้ที่หลอกจับมือมาทั้งงานนี่ก็อุตส่าห์ทำหน้าหนามองข้ามสายตาอยากรู้อยากเห็นของชาวบ้านชาวเมืองเขาทั้งงานแล้วนะ แล้วนี่เขาทำผิดอะไร แค่เป็นห่วงลูก...เอ่อ ลูกศิษย์แค่นี้นี่มันผิดนักหรือ อย่านะ...อย่าให้เอาคืนบ้าง ข้อหาเตรียมฟ้องศาลมียาวเป็นหางว่าวนะขอบอก 

 “เอาล่ะ...คราวนี้ถ้าทั้งสองแสบมาหาเราแล้วเนี่ย คุณครูบัวก็จะทำหน้าดีๆ ยิ้มแย้มแจ่มใจ เดินเที่ยวงานกับพี่ได้อย่างสบายใจแล้วใช่มั้ย”

“...”

“...บัว” ชายหนุ่มกดเสียงต่ำ คนถูกเรียกหันมาทำหน้างอใส่เล็กน้อยพร้อมบิดแขนที่โดนกุมไว้เบาๆ

“อื้อ” บัวตอบรับในลำคอ และในที่สุดข้อมือขาวก็ถูกปล่อยออกอย่างง่ายดาย

   บัวย่นจมูกใส่คนเจ้าเผด็จการพร้อมทั้งแลบลิ้นเล็กใส่ทีหนึ่ง แล้วจึงค่อยหันเหความสนใจไปที่เสื้อเชิ้ตสีสดใสทรงผู้หญิง กะขนาดคร่าวๆแล้วแม่เขาน่าจะใส่ได้พอดี ราคาก็สมน้ำสมเนื้อ บัวคิดพลางหยิบกระเป๋าสตางค์ของตัวเองมาเปิดดู ในนั้นมีธนบัตรอยู่สองสามใบ รวมๆแล้วไม่เกินหนึ่งพันบาทแน่นอน ซึ่งเงินจำนวนนี้เขาต้องอยู่ให้ได้ถึงสิ้นเดือน อืม...อยู่ที่เหมืองเขาก็ไม่ได้ใช้จ่ายอะไรมากมายอยู่แล้ว และแม่เขาก็น่าจะชอบเสื้อตัวนี้แน่ๆ...ซื้อเลยดีกว่า

“ผมเอาตัวนี้...แล้วก็ตัวนั้นสีฟ้าด้วย เอาไซส์เดียวกันกับตัวนี้นะครับ” นายเหมืองหนุ่มชี้ไปที่เสื้อตัวที่บัวกำลังจะหยิบออกจากราวแขวน พร้อมทั้งชี้ไปที่อีกตัวที่อยู่บนราวใกล้ๆกันแต่คนละสี บัวมองคนแย่งตัดหน้าซื้อเสื้อไปจากมือบัวอย่างไม่เข้าใจ

   ...ก็เห็นอยู่นี่ว่าบัวกำลังจะซื้อ แล้วทำไมนายเหมืองถึงมาทำอย่างนี้ล่ะ...

   บัวมองเสื้อที่เจ้าของร้านขอไปอย่างเสียดายและแอบเสียใจเล็กๆ ไม่คิดว่านายเหมืองจะอยากแกล้งกันถึงขนาดนี้

   ...ใช่สิ เขาไม่ใช่คนมีเงินถุงเงินถัง ตัดสินใจอะไรไม่รวดเร็วเท่า จะโดนเขาแย่งตัดหน้าไปก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเข้าใจยาก...

“เอ้านี่...ฝากบอกคุณแม่ด้วยนะว่าพี่ขอโทษถ้าไม่ได้เอาไปให้ด้วยตัวเอง ถือว่าเป็นของหมั้นเล็กๆน้อยๆล่วงหน้าจากเขยขวัญก็แล้วกัน”

   ถุงกระดาษที่มียี่ห้อร้านแปะหราด้านหน้าถูกยื่นมาให้บัว คุณครูหนุ่มยื่นมือออกไปรองรับก้นถุงอย่างงงๆ ยังไม่ค่อยเข้าใจดีนักว่าตัวเองได้เป็นเจ้าของเสื้อสองตัวที่หวังอยากซื้อให้มารดาโดยไม่ต้องเสียเงินสักบาท

“เดี๋ยวนะนายเหมือง...ถึงบัวจะรวยไม่เท่า แต่ซื้อเสื้อให้แม่แค่นี้บัวซื้อเองได้”

“ไม่ใช่ พี่ไม่ได้เจตนาจะข่มหรืออะไรบัว พี่แค่อยากซื้อเสื้อให้แม่บัวจริงๆ...”

“แล้วนายเหมืองรู้ได้ยังไงว่าบัวจะซื้อให้แม่” คุณครูหนุ่มถาม มองสบตาเขาตรงๆ แววตาแห่งความจริงใจฉายชัด

“...บัวคงไม่ใส่เอง แล้วที่สำคัญมันก็น่าจะเหมาะกับแม่ของบัวมาก”

“นายเหมืองไม่เคยเห็นแม่ของบัว รู้ได้ยังไงครับว่าเหมาะ”

“ลูกน่ารักขนาดนี้ แม่ก็คงจะสวยไม่แพ้กันหรอก...พี่ก็แค่จินตนาการว่าถ้าบัวเป็นผู้หญิง ก็คงจะใส่เสื้อสองตัวนี้ได้สวยมาก” ชายหนุ่มตอบ

   บัวหมดคำถามที่ต้องการคำตอบ คุณครูหนุ่มยกถุงเสื้อขึ้นกอดกระชับอก มันอุ่นวาบในใจแผ่วๆเมื่อคิดได้ว่าชายหนุ่มตรงหน้านั้นคิดถึงทั้งเขาแล้วยังเผื่อแผ่ไปยังครอบครัวเขาอีก ...บัวดูคนไม่ผิดจริงๆ...

“เอ่อ...พี่ว่าจะคุยเรื่องนี้กับบัวนานแล้วแต่ยังไม่เจอโอกาส คุยตอนนี้เลยแล้วกัน ตอนนี้แม่บัวอยู่คนเดียวใช่มั้ย ชวนท่านให้มาพักที่บ้านด้วยกันสิ ท่านอยู่คนเดียวไม่มีคนดูแล มาอยู่เสียที่นี่อย่างน้อยป้าพุดก็คงพอจะช่วยคุยให้คลายเหงาได้...ดีมั้ย” นายเหมืองไม่รู้หรอกว่าตอนที่พูดบอกครูบัวไปเขาทำหน้าแบบไหน เจ้าของร้านเขาถึงได้เขยิบถอยห่างไปเสียไกลขนาดนั้น ทว่าคนตรงหน้าเขานี่กลับทำสีหน้าชวนร้องไห้ ปากเบะนิดๆ น้ำตาคลอหน่อยๆ น่ารักเสียจริงเชียวครูบัวของนายสิงห์

“นะ...นายเหมืองพูดจริงเหรอ บัวจะลองชวนแม่ดูจริงๆนะ”

“ให้พี่คุยให้ยังได้ เด็กๆเองก็คุ้นเคยกับการอยู่กับผู้ใหญ่ ถ้ามีบัวช่วยปรามพี่ว่าสองแสบคงไม่ทำให้แม่บัวต้องปวดหัวมากนักหรอก ห้องหับพี่ก็มีอีกตั้งเยอะ จะให้สร้างบ้านแยกเป็นของบัวกับแม่ต่างหากเลยก็ยังได้ถ้าหากอยากมีความเป็นส่วนตัว ที่ใกล้ๆกับปีกซ้ายของบ้านพี่ยังมีที่ว่างอยู่ เดี๋ยวเราค่อยทำทางเชื่อมเอา...บัวว่า...”

“นายเหมืองอย่าให้ถึงขนาดนั้นเลย ขอบคุณนะที่คิดถึงบัวกับแม่ บัวก็เป็นห่วงท่านอยู่เหมือนกัน ถ้านายเหมืองไม่ว่าอะไรขอบัวโทรหาแม่เลยได้มั้ยครับ บัวอยากให้แม่มาเที่ยวที่นี่ด้วย ที่นี่สบายกว่ากรุงเทพฯเยอะ แม่น่าจะชอบ...”

   พอเขาอนุญาตบัวก็ไม่ขอเกรงใจล่ะ นี่ก็มัวแต่ยุ่งๆจนไม่ได้เขียนจดหมายหาแม่เลย คิดถึงอยู่มากๆ ว่าแล้วก็ขอโทรหาเสียหน่อย ยังไม่ค่ำมากแม่น่าจะยังไม่นอน... คุณครูหนุ่มหยิบโทรศัพท์พกพาเครื่องเล็กจิ๋วราคาสี่ห้าร้อยขึ้นมาเตรียมกด ทว่านายเหมืองหนุ่มรีบหยิบโทรศัพท์ทัชสกรีนรุ่นใหม่ของค่ายโทรศัพท์ชื่อดังมายัดใส่มือบาง แล้วยึดโทรศัพท์ครูบัวมาถือไว้แทน

“เอาโทรศัพท์พี่โทรก็ได้...”

“เอ่อ ไม่เป็นไรบัวโทรเองได้ครับ”

“ไม่เป็นไร เอาของพี่แหละครับ สัญญาณของพี่ดีกว่าของบัว...”

   สาธุ...อย่าให้บัวฉลาดนึกรู้เลยว่าเขากำลังหลอกเอาเบอร์โทรศัพท์บ้านของเจ้าตัวเขาอยู่...และดูเหมือนคำขอของเขาจะได้ผล เพราะคุณครูหนุ่มยอมรับโทรศัพท์เขาไปโทรแต่โดยดีพร้อมรอยยิ้มหวานและบอกขอบคุณ นายเหมืองทำเป็นยืนดูเสื้อโปโลสกรีนลายเท่ห์ๆร้านติดกันในขณะที่ครูบัวยืนถือโทรศัพท์รอสายอยู่สักครู่ก่อนจะกรอกเสียงลงไป

“สวัสดีครับป้าจิต...บัวเองนะครับ คือ...บัวขอรบกวนคุยกับแม่หน่อยได้มั้ยครับ ครับ...รอได้ครับ” คุณครูหนุ่มเปิดถุงกระดาษดูเสื้อที่อยู่ข้างในแล้วก็อมยิ้ม ยืนรอสายด้วยท่าทางดีอกดีใจ “ครับ...แม่...แม่นี่บัวนะ...ครับ บัวสบายดีแม่ ตอนนี้บัวอยู่ที่งานกาชาดจังหวัด คือ...นายเหมืองสิงห์ เจ้านายบัวน่ะแม่...เขา...ซื้อเสื้อจะฝากแม่ด้วย เป็นผ้าบาติกครับแม่สีโอลโรสที่แม่ชอบด้วย ครับ...เขายังชวนแม่มาเที่ยวที่บ้านเขาได้ด้วยนะ ที่นี่อากาศดีมากแม่ต้องชอบแน่เลยครับ เอ๊ะ...ครับ แม่แป๊บนึงนะ...มีอะไรครับนายเหมือง” ท้ายประโยคบัวหันมามองคนร่างสูงที่ตอนนี้มายืนอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมทั้งแบมือเหมือนจะขออะไรสักอย่าง

“พี่คุยบ้างสิ...”

“หืม...จะคุยกับแม่บัวนี่นะ”

“...ครับ”

“จะคุยอะไร...เอ๊ะ...อ้าว! นายเหมือง...เอาไปเฉยเลย” บัวร้องบอกตอนที่จู่ๆโทรศัพท์ก็ถูกฉกออกไปจากมือแล้วกลับไปแนบหูของอีกฝ่าย

“สวัสดีครับ...ครับคุณน้าไม่ต้องตกใจครับผมชื่อสิงห์ เป็นคนที่ว่าจ้างลูกของคุณน้าให้มาสอนพิเศษลูกผม...ใช่ครับ...ที่...นายเหมือง...เอ่อครับ...คุณน้าสบายดีนะครับ ว่างๆก็ลงมาเที่ยวที่ใต้บ้าง ยังไงเดี๋ยวผมจะส่งตั๋วไปให้นะครับคุณน้า...อย่าเกรงใจนะครับผมพูดจริงๆ กว่าเด็กๆจะเปิดเทอมก็อีกเป็นเดือน คงอีกสักพักกว่าบัวจะได้กลับ...ช่วงนี้คุณน้าอยู่คนเดียวก็ต้องดูแลตัวเองดีๆนะครับ...ถ้ายังไง...”

   บัวทันได้ยินชายหนุ่มพูดกับแม่เขาเพียงเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นชายหนุ่มกลับเดินหันหลังหายเข้าไปในร้านติดกันแล้วก็หันมามองทางบัวเป็นระยะๆเหมือนต้องการคุยอะไรกันกับแม่เขาสองคนแบบที่ไม่ต้องการให้เขาได้ยิน

“...ครับ ได้ครับแม่ ผมจะดูแลเขาเป็นอย่างดีครับ แม่ก็ต้องรักษาสุขภาพนะครับ...คุยกับบัวต่อ...”

“ฮัลโหล แม่ครับ...เขา...เขาคุยอะไรกับแม่...”

‘บัว...สอนลูกเขาให้เต็มที่นะลูก แล้วถ้าแม่ว่างแม่จะลงไปหานะ...แค่นี้ก่อนนะบัวแม่เกรงใจป้าจิตเขา’

“แม่...แม่ครับ...ฮัลโหล...แม่...” บัวมองหน้าเจ้าของโทรศัพท์ที่เอาคืนไปอย่างงงงวย “เมื่อกี๊คุณคุยอะไรกับแม่บัว แล้วทำไมคุณถึงเรียกแม่ผมว่า...แม่...”

“แม่บัวน่ารักนะ ผมชักอยากเจอตัวจริงของท่านเร็วๆสิ...”

“เดี๋ยวก่อนสิ...นายเหมือง...คือ...”

    คนตามยื้อยุดแขนล่ำสันต้องขมวดคิ้วหมุ่นเมื่อจู่ๆก็มีแรงดึงเสื้อน้อยๆมาจากด้านหลัง หันมองไปดูก็เจอเด็กจอมซนสองคนที่อยู่ในสภาพมอมแมมกว่าตอนพามาเล็กน้อย โดยเฉพาะช่วงแก้มและปกเสื้อที่เลอะไอศกรีม ซึ่งข้างๆเด็กทั้งสองคนก็มีลุงเกรียงและนายเม่นพร้อมทั้งคนงานที่เหมืองคนที่เขามักจะเห็นคอยช่วยงานลุงเกรียงอยู่บ่อยๆอีกคน แม้บุคลิกท่าทางจะดูเหมือนคนที่ไม่ได้ทำงานในเหมืองมากนัก แต่หน่วยก้านดีและไว้ใจได้

“ครูบัว...เกอร์อยากไปนั่งชิงช้า...เมื่อกี๊ยังไม่ได้ขึ้นเลย” ไลเกอร์บอกคุณครูตาหวานของตัวเองปากยู่อมลมแก้มป่อง

“ก็ตัวอ่ะชักช้า มัวแต่เบิ้ลแมงมุมยักษ์ไม่ยอมลงสักที เป็นไงล่ะโดนพ่อกับครูตาหวานเรียกตัวกลับเลย” ไทกอนผลักไหล่พี่ชายเบาๆด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ทว่าคนไม่ยอมให้ใครมาหยามศักดิ์ศรีอย่างไลเกอร์ก็ผลักน้องตัวเองกลับด้วยความเบาพอกัน

“ใครว่าล่ะ ไทนั่นแหละมัวแต่กินไอติม นั่นก็จะซื้อไอ้นี่ก็จะเอาไม่หยุดเลยพ่อ”

“พอเลยทั้งคู่ ถ้าทะเลาะกันพ่อจะพากลับบ้านเดี๋ยวนี้...”  ผู้พิพากษาชั่วคราวร่างสูงหันมองโจทย์ตัวน้อยทั้งคู่ด้วยแววตาดุคนละที ซึ่งก็ได้ผลเมื่อทั้งสองแสบมีแววสลดแม้ว่าจะยังไม่หยุดแลบลิ้นใส่กันก็เถอะ...

“...เอาล่ะ ถ้ากินไอศกรีมกันมาแล้วงั้นยังหิวอีกมั้ย” บัวคว้าแขนไลเกอร์และไทกอนมาคนละข้าง ก่อนจะทรุดนั่งยองตรงหน้าคนทั้งคู่ พอเด็กทั้งสองส่ายหน้าให้บัวจึงพูดต่อ “โอเคถ้าไม่หิวแล้วงั้น...เดี๋ยวเราไปขึ้นชิงช้าสวรรค์กัน ไทอยากขึ้นอะไรอีก ครูไปด้วยได้มั้ย”

“ได้เลยครับ! ไทอยากไปเล่นรถบั้มพ์ แต่เขาบอกว่าต้องให้มีผู้ใหญ่ไปด้วย” เด็กน้อยตัวเปี๊ยกเอ่ยบอกคนเป็นครูที่นั่งยองๆมองเขาอยู่ตรงหน้า

“ช่าย...แต่เกอร์กับไทไม่อยากขึ้นกับตาเกรียงแล้วก็พี่เม่น สองคนนี้ขับรถไม่มันส์เลย” ไลเกอร์ยู่หน้า คนถูกหาว่าขับรถไม่มันส์พากันช่วยปาดเหงื่อ เพราะรู้ดีแก่ใจว่าคำว่า ‘มันส์’ ที่สองแสบหมายถึงนั้นมันถึงขั้นต้องมีการยกล้อรถบั้มพ์แล้วแว๊นซ์ไปทั่วเต้นท์ แล้วใครที่ไหนมันจะไปทำได้(ว่ะ)

“หึหึ เชื้อพ่อมันไม่ทิ้งแถวจริงๆเลยไอ้ลูกชาย...งั้นไป จะขึ้นรถบั้มพ์ก่อนหรือชิงช้าสวรรค์ก่อน”

“ชิงช้า! / รถบั๊มพ์!!!” สามเสียงแต่ไม่สอดประสานดังขึ้น ชิงช้าต่อรถบั๊มพ์เป็นสัดส่วนหนึ่งต่อสอง หนึ่งเสียงจากครูบัวที่จะขึ้นชิงช้าก่อน อีกสองเสียงที่เหลือที่เป็นของสองพี่น้องจอมแสบที่พร้อมเพรียงกันกระโดดดึ๋ง แล้วตะโกนบอกเครื่องเล่นที่ตัวเองต้องการ

   สิงห์ตัวพ่อส่ายหน้าอย่างระอากับความซนเกินเด็กของสองแสบ ก่อนจะหันไปพยักหน้าบอกลูกน้องทั้งสามคนด้านหลังว่าให้แยกย้ายได้ เขาจะดูแลลูกๆกับครูบัวเอง ทั้งสามคนก้มให้เจ้านายตัวเองเล็กน้อยก่อนจะแยกย้ายจากไปตัวใครตัวมัน ฝ่ายชายหนุ่มและคุณครูตาหวานก็จับจูงมือเด็กไว้คนละข้าง แล้วพากันเดินไปทางโซนเครื่องเล่น แม้ว่ามันจะค่อนข้างมีเร่งต่ำมากถึงขั้นติดลบเพราะทั้งสี่คนต้องมีการแวะแบบเบี้ยใบ้รายทาง สอยไปให้หมดทั้งไอศกรีมแท่ง มะพร้าวน้ำหอม ข้าวเกรียบว่าว หรือจะเป็นพวกหุ่นยนต์ น้ำยาเป่าลูกโป่งสีสันสดใส หน้ากากแปลงร่างขบวนการเรนเจอร์ที่มีแต่คนแย่งจะเอาตัวสีแดงเพราะจะได้เป็นหัวหน้า ทั้งนี้ตัวพ่อเองก็ร่วมลงมือก่อกวนลูกๆด้วยการกระโจนลงไปร่วมด้วยช่วยแย่งตำแหน่งอันทรงเกียรตินั้นด้วยอีกคน สุดท้ายแจ็กพอตเลยมาลงที่บัวที่ต้องเป็นคนตัดสินว่าใครจะใส่หน้ากากสีอะไร คนตัวโตที่สุดก็ได้สีแดงไปตามระเบียบ ส่วนไลเกอร์ได้สีเขียว ไทกอนได้สีน้ำเงิน มีของแถมเป็นหน้ากากสีเหลืองที่ห้อยแขนคุณครูบัวมาด้วยอีกอัน

   เสร็จสรรพการนั่งรถบั๊มพ์ที่เด็กๆโหยหามานานก็ได้เริ่มต้น คนดูแลเครื่องเล่นเกือบลืมเก็บตั๋วพวกเขาสี่คนด้วยซ้ำเพราะมัวแต่รีบเร่งไปไล่คนในรอบก่อนหน้าให้ออกไปจากเต้นท์รถ เรียบร้อยก็มาเชิญเขากับนายเหมืองสิงห์ให้เข้าไปเลือกรถก่อน โดยพวกเขาสองคนตกลงใจจะนั่งแยกกัน บัวจับไลเกอร์มานั่งตัก ส่วนไทกอนนั้นนั่งอยู่กับคนเป็นพ่อเขา การเล่นเครื่องเล่นเริ่มต้นพร้อมเสียงดีเจที่พยายามบีทความสนุกให้กับผู้เข้าร่วมเล่น เสียงเพลงดังอึกทึกจนเสียงกลองดังเต้นอยู่ในอกพร้อมไฟที่หรี่ลงทำให้ไฟนักสู้ในตัวบัวพุ่งขึ้นสูง การเหยียบคันเร่งในคราแรกเป็นไปอย่างช้าๆ แต่เมื่อมันได้ที่แล้วนายเหมืองสิงห์ก็ได้ประจักษ์ว่าครูบัวแกไม่ได้หงิมอย่างที่คิด

   ตัวรถจับเข้ากระแทกกันอย่างสนุกสนาน รถนายเหมืองสิงห์แลดูเล็กไปถนัดตาเมื่อคนขับต้องงอเข่าขึ้นมาเสียสูงเพราะที่ว่างให้นั่งนั้นแคบนิดเดียว แต่บัวคิดว่านายเหมืองต่างหากที่ตัวใหญ่เกินไป ดูอย่างบัวสิ ที่ว่างเหลือเยอะถึงขนาดให้ไลเกอร์ลุกขึ้นเต้นได้เลยทีเดียว

   การเล่นรถบั๊มพ์เป็นไปอย่างเกือบจะราบรื่น ถ้าไม่ติดว่าช่วงหลังๆนั้นจะมีพวกรถวัยรุ่นสองสามคันพยายามจะช่วยกันล้อมบัวแล้วพยายามเป่าปากยักคิ้วหลิ่วตาให้ แต่สุดท้ายก็ต้องพ่ายกระเจิงเมื่อโดนรถบั๊มพ์คันหนึ่งพุ่งเข้าใส่เหมือนกระทิงดุที่จ้องเป้าหมายผ้าสีแดงไว้แล้วควบขับวิ่งใส่ทะยานเข้าไปเต็มแรง แค่นั้นยังไม่พอชายหนุ่มยังเอาแต่ขับวนจนบัวเป็นอันไม่ต้องขยับไปไหนกัน เมื่อหมดรอบเสียงบ่นหงุงหงิงจากไลเกอร์ที่ว่าอยากไปนั่งคันของพ่อเพราะทำให้ไทกอนมึนได้ก็ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนต้องส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ

   ชิงช้าสวรรค์เป็นของเบสิคอีกหนึ่งอย่างที่งานกาชาดจะต้องมี ตัวเหล็กกลางเก่ากลางใหม่ทำให้ชายหนุ่มยอมแพ้ ปล่อยให้ทั้งครูบัวและสองแสบเป็นฝ่ายขึ้นกันไปเองแค่สามคน ส่วนเขานั่งเก้าอี้พลาสติกรออยู่ด้านล่างพร้อมทั้งเอาโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปช่วงเวลาแห่งความประทับใจของทั้งสามคนเอาไว้เป็นที่ระลึก หลังๆพอเห็นว่าในรูปมีกันอยู่สองคน นายเหมืองหนุ่มคนดังก็พยายามเซลฟี่ตัวเองให้ติดกับซี่ลูกกรงตัวที่มีทั้งสามชีวิตคอยโบกไม้โบกมือส่งมาให้ ท่าทางที่ต้องถือของพะรุงพะรังและยังต้องถ่ายเซลฟี่ไปด้วยนั้นมันช่างน่าตลกจนแม้แต่คนรอบข้างยังมีแอบเหวอแล้วก็แอบอมยิ้มกันเป็นแถวๆ

   การเดินเที่ยวชมงานกาชาดประจำจังหวัดเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและช่วงเวลาแห่งความสุขสำหรับคนทั้งสี่ บัวและนายเหมืองสิงห์หอบหิ้วข้าวของกันพะรุงพะรังเต็มสองแขน ในขณะที่เด็กประถมฯตัวน้อยสองคนยังคงวิ่งฉิวไปมารอบๆตัวพวกเขา การสอยดาวผ่านไปอย่างน่าอัศจรรย์ เพราะไทกอนได้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสามซอง นายเหมืองได้ของรางวัลใหญ่เป็นพัดลมตั้งโต๊ะหนึ่งตัว แต่บัวกับไลเกอร์นั้นได้ของใหญ่กว่า เพราะทั้งคู่จับได้ทองไปคนละหนึ่งสลึง แน่นอนว่าเมื่อมันเกิดการเหลื่อมล้ำไม่เท่ากันเช่นนี้แล้ว ไทกอนก็ออกอาการตุปัดตุป่องเพราะตัวเองได้ของมูลค่าน้อยที่สุด คนเป็นบิดาปลอบอย่างไรเด็กน้อยก็ยังคงไม่หยุดงอแงและสร้างบรรยากาศติดลบให้คนทั้งสามพลอยไม่สนุกไปด้วย สุดท้ายคุณครูบัวผู้สมถะเป็นอาจิณก็ยื่นสร้อยทองหนึ่งสลึงที่ได้มาไปคล้องคอเด็กน้อยให้เข้าคู่กันกับคนพี่ เมื่อนั้นแล้วไทกอนจอมแสบถึวได้หยุดงอแงแล้วกลับมายิ้มได้อีกครั้ง

“คุณให้ลูกผมหนึ่งสลึง รอของหมั้นจากผมนะ ผมจะให้สิบเท่าของที่คุณให้ลูกผมเลย” คนเป็นบิดาแอบก้มหน้าลงไปพูดเสียงกระซิบข้างๆหูคุณครูใจดีที่ทำให้ลูกชายเขายิ้มได้อีกครั้ง ซึ่งก็โดนครูบัวคนดีตีขวับเข้าให้ที่ลำแขนหนาพร้อมบอกว่า

“...ตลก”

   แต่ถึงกระนั้นแก้มคุณครูก็ยังคงแดงเรื่อเป็นผิวแอปเปิ้ลฟูจิที่กำลังสุกหวานอยู่ดี นี่ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในระยะโดนภาคทัณฑ์ล่ะก็ คงได้มีคนแก้มช้ำปากช้ำกันไปบ้างล่ะ

   เมื่อโดนเที่ยวงานกันจนชุ่มปอดแล้วก็ได้เวลากลับ ข้าวของหนักอย่างพัดลมที่ได้มาถูกวางเอาไว้หลังกระบะเรียบร้อย ส่วนของน้อยที่จะปลิวได้ง่ายอย่างข้าวเกรียบว่างที่บัวซื้อมาสองสามถุงเพราะติดใจและจะเอาไปฝากป้าพุดก็ถูกกอดแน่นไว้บนตักที่เบาะนั่งด้านหน้า เด็กน้อยสองคนมีอาการงอแงอีกเล็กน้อยเพราะยังไม่อยากกลับ ทว่าคำสั่งบิดาถือเป็นเด็ดขาดว่าถ้าไม่กลับพร้อมกันตอนนี้ก็ให้เดินกลับกันเอาเอง ซึ่งนั่นไม่ใช่แค่คำขู่ เพราะสองหน่อหนุ่มน้อยมั่นใจว่าบิดาตนทำได้แน่ๆ 

   รถกระบะคู่ใจค่อยๆถอยออกมาจากซองอย่างระมัดระวัง นายหัวโล้นคนดูแลที่จอดกระวีกระวาดช่วยดูรถหลังให้จนน่าขัน ก่อนกลับบัวยังให้เด็กๆเอาถุงข้าวเกรียบว่าวถุงหนึ่งยื่นให้เขาด้วย ท่าทางแลดูซาบซึ้งใจกับของเล็กๆน้อยๆแต่ให้รวยมูลค่าน้ำใจจากพวกเขามากจริงๆ ทั้งสี่คนยังคงพูดถึงความสนุกสนานและอาหารอร่อยที่ได้ลองลิ้มชิมรสกันภายในงานด้วยความรื่นเริง เสียงเพลงคลอแผ่วเป็นจังหวะเร้าใจที่มีนายเหมืองใหญ่ร้องเป็นคอรัสด้วยยิ่งช่วยเรียกรอยยิ้มจากคนบนรถได้มากขึ้นอีกโข

   จนกระทั่ง...จู่ๆก็มีรถมอเตอร์ไซค์สองคันขับปาดซ้ายปาดขวาหน้ารถกระบะของนายเหมืองสิงห์เข้า แล้วไปจอดหยุดกึกฉายไฟสูงส่องหน้ารถจนล้อแม็กซ์ทั้งสี่ล้อต้องเบรกดังเอี๊ยด! ฝุ่นทรายสีส้มอิฐฟุ้งกระจายปิดท้ายรถจนแทบมองไม่เห็นถนนเบื้องหลัง ยิ่งช่วงถนนตรงนี้เป็นทางค่อนข้างเปลี่ยวติดริมทุ่งนา คนที่จะสัญจรไปมาในยามวิกาลนั้นก็น้อยแสนน้อย เหมาะนักกับการจะก่อเหตุร้ายอะไรขึ้นสักอย่างสองอย่าง!

----------------------------------------------

:katai2-1:  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาอีกหนึ่งปี

ขอบคุณไว้ล่วงหน้าที่ทุกๆคนอาจจะยังอยู่กับแพทไปอีกหนึ่งปี

ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ และ ขอบคุณมากๆค่ะ  ^____^   :pig4:

ขอให้นักอ่านทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง  ร่ำรวยทรัพย์สิน  ร่ำรวยความสุข  สมบูรณ์พร้อมทั้งการเรียน  การงาน  และความรักนะคะ

HAPPY NEW YEAR 2014 jaaaaaa
  :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-12-2014 17:35:49 โดย dek-zaal3 »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด