หัวใจสิงห์...สีน้ำผึ้ง ตอนที่ 27 [26/10/2017] pg.64 [[End]]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หัวใจสิงห์...สีน้ำผึ้ง ตอนที่ 27 [26/10/2017] pg.64 [[End]]  (อ่าน 763759 ครั้ง)

ออฟไลน์ monetacaffeine

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-5
ตายแล้ววววว T _____ T ..
ไม่อยากให้วนกลับไปลูปเดิมตอนที่นายเหมืองโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน ไม่แม้แต่จะฟังครูนะคะ
อยากให้นายเหมืองฟังว่าเกิดอะไรขึ้นอ่ะ ถ้าระเบิดลงแล้วทำครูเสียใจอีกรอบ ความรู้สึกที่เสียไปคงไม่น่าเอาคืนได้ง่ายๆแน่
ทั้งๆที่ทุกอย่างกำลังไปได้ดีแล้วเชียว T ^ T .. นายเหมืองคงจะคิดไปไกลแน่ๆเพราะคืนก่อนก็มีเรื่องเกิดขึ้นตั้งมากมาย
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกพลาดมากที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้เจอ 55555555555
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆจริงๆค่ะ ชอบมากกกกกกกก
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ  :L2:

ออฟไลน์ packy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
นายเหมืองอย่าคิดมากนะ
รีบโทรหาแม่ยาย หาข่าว แล้วตามไปไวๆ
อย่าร้ายนะ เดี๋ยวครูไม่รัก คะแนนติดลบด้วย

ออฟไลน์ mana_ai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ยังรออยู่น้าาา

ออฟไลน์ painture

  • work hard play hard <3
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
หายไปเลย แง

ออฟไลน์ maykiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
กลับมาแล้ว ฮือ ดีใจ อย่าหายไปนานๆอีกนะ คิดถึง

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
สนุกมาก ๆ ครับ อย่าลืมมาต่อนะครับ รออ่าน


ออฟไลน์ decem

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มาต่อน้าาาา :mew2:

ออฟไลน์ mooobiin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
หายไปนานแล้วน้าาาา.มาต่อเถอะ >_< :z3: :z3:

ออฟไลน์ fongbeer37

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
มาต่อเถอะนะ พลีสสสสส

ออฟไลน์ akeins

  • ชีวิตเรา Undo ไม่ได้
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ larynx

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 821
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
อย่าหายไปแบบนี้สิคะ  :z3: :z3:  :ling3:  :o12: :o12:

ออฟไลน์ mooobiin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
มาต่อเถอะนะะะะะะะ ยังรออยู่ :z13: :z13:

ออฟไลน์ b2friend

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
 :m17:  อยากอ่านต่ออ่ะ

ออฟไลน์ gasia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-5
ยังรออยู่นะคะ

ออฟไลน์ goldentime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
คิดถึงเมื่อไรจะมา  :mew3:

ออฟไลน์ gummybear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ต่อเถอะ พลีสสสสส   :katai5:

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
รอร๊อรอ
คิดถึงนายเหมืองกะครูบัวจะแย่

ออฟไลน์ fongbeer37

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คนเขียนหายไปพร้อมบัวใช่มั้ยยยยยย มาต่อยหน่อยยยน๊าาาาา

ออฟไลน์ slurpee04

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 691
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-1
คิดถึง  :mew6: :กอด1: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ akeins

  • ชีวิตเรา Undo ไม่ได้
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Minerva

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 269
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
คิดถึงงง

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
บัวเอ้ยยย
น่าจะขึ้นไปบอกกันนิดนึงน่า
รู้ว่าห่วงแม่ แต่คนทางนี้ก็ห่วงบัวกันนะ
ยิ่งเะิ่งเกิดเรื่องราวลอบทำร้ายมา

จะเป็นยังไงต่อไปเนี้ย

ออฟไลน์ DE SaiKuNee

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-9

ออฟไลน์ Pamphlet

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 529
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
ยังรอตอนใหม่อยู่นะคะ

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
รอมาก็หลายเดือน...ยังไม่เห็นมา  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ silverdrop

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รอนานนนนนมว๊ากกกกกกกกกกก :o12: :o12: คิดถึงนายเหมือง :กอด1:(เอ้ย)น้องบัว ความฟินกำลังขาดหายไม่รู้ว่าคนแต่งหลบไปเลีบแผลใจรึเปล่า :hao5: แต่คนอ่านนั้นกำลงลงแดงแล้ว :m25: คิดว่าอีกไม่เกินครึ่งปีคงเข้าขั้นโคม่า :ling3: อยากให้มาต่อไวๆน้าา :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
ยังรออยู่นะคะ อย่าลืมกันน้าาา

ออฟไลน์ lovenadd

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-11
เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องน่ะ คนอ่านเป็นแสน คนอ่านให้ใจสนับสนุนคนแต่ง  แต่คนแต่งกลับทิ้งหายไปไม่รักษาน้ำใจคนอ่านเลย

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
ชอบเรื่องนี้ คิดถึงคนเขียนนะคะ
 :กอด1:

ออฟไลน์ dek-zaal3

  • แก้วปั้ณณ์
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +534/-11
    • แก้วปั้ณณ์
ตอนที่ ๑๙

      บัวมาถึงกรุงเทพฯตอนย่ำค่ำพอดี การจราจรค่อนข้างจอแจเล็กๆแต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่  บัวรีบเร่งต่อรถแท๊กซี่แล้วตามด้วยวินมอเตอร์ไซค์แทนที่จะใช้รถเมล์เหมือนอย่างทุกที  ซึ่งพอไปถึงบริเวณซอยบ้านที่ตนเองคุ้นเคยก็แทบจะลมจับ ผนังบ้านหลังที่เป็นปูนมีแต่รอยคราบเขม่าดำติดอยู่แทบทุกหลัง ยิ่งบ้านที่เป็นไม้และศาลเจ้าจีนเล็กๆแถวบ้านแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม ควันไฟยังคงลอยกรุ่นอยู่ด้วยซ้ำในบางแห่งที่เป็นแหล่งเชื้อเพลิงอย่างดีให้ไฟที่มอดยังหลงเหลือควันไว้ให้ดูต่างหน้า  ยิ่งบัวพยายามเดินลึกเข้าไปเท่าไหร่ เสียงคนร้องไห้ระงมก็ยิ่งดังมาให้ได้ยินมากขึ้นเท่านั้น  แม้เหตุการณ์จะผ่านมาเกือบหนึ่งวันแล้วแต่เค้าความวุ่นวายก็ยังมีอยู่ให้เห็นตามรายทาง

      บัวพยายามสอดส่ายสายตาหาคนรู้จัก  มองอยู่สักพักก็โชคดีเจอเข้ากับคุณป้าร้านขายข้าวแกงที่บัวเคยอุดหนุนแกอยู่บ่อยๆ  บ้านแกอยู่หลังถัดจากบัวมาอีกประมาณห้าหลัง  แกตรงเข้ามาหาบัวทันทีที่ได้สบตากันแล้วก็ร้องไห้ฟูมฟายใหญ่  แกมีหลานเล็กๆอยู่ด้วยคนหนึ่ง  พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้เข้าแกก็คงทำอะไรไม่ถูก  บัวกอดปลอบใจป้าแกพร้อมรับฟังคำระบายทั้งที่ใจตัวเองก็ยังสั่นๆและสติสตังยังไม่เข้าที่เข้าทางดีนัก  แกบอกว่าอุปกรณ์ทำมาหากินของแกอันตรธานหายไปในกองเพลิงหมด  แกว่าไฟมันลามเร็วมากเพราะบ้านส่วนใหญ่แถวนั้นทำจากไม้แทบทั้งสิ้น  ทางตำรวจสงสัยต้นเพลิงว่ามาจากบ้านร้างท้ายซอย  พวกวัยรุ่นคงเข้าไปเสพยากันเหมือนอย่างเคยแล้วคงเผลอทำประกายไฟตกใส่พื้นบ้านแล้วไม่ยอมดับ แถวนั้นก็มีแต่ไม้ผุๆเลยกลายเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีเลยทีเดียว

      บัวพยายามปลอบแกอยู่พักใหญ่กว่าที่จะได้โอกาสถามถึงแม่ของตน  ป้าแกสะอื้นก่อนจะลูบศีรษะบัวแล้วเอ่ยออกมาติดๆขัดๆ  พอจับใจความได้ว่า

“ทำใจนะลูก...ไม่มีใครเห็นแกวิ่งออกมาจากบ้านเลย...  ถ้าโชคดีแกอาจจะไม่อยู่บ้านก็ได้  แต่แม่หนึ่งก็ไม่เคยไปนอนค้างที่ไหน  แต่ไปถามยายจิตแกอีกทีเถอะ...” 

      บัวถึงกับเผลอเซไปทันทีที่ได้ยินว่าไม่มีใครเห็นแม่ตัวเองวิ่งหนีออกมาจากบ้าน  บัวผละตัวออกมาจากคุณป้าขายข้าวแกงเพื่อที่จะเดินลึกเข้าไปในซอยที่ตัวเองคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก  กลิ่นควันที่ยังอวลตามลมทำให้บัวต้องไอออกมา  ยิ่งเข้าไปลึกกลิ่นควันและกลิ่นพลาสติกโดนเผาไหม้ก็ระคายจมูกจนแดงไปหมด  แต่บัวก็ไม่หยุดสาวเท้าจนสุดท้ายก็สามารถฝ่ากลุ่มคนเข้าไปจนถึงหน้าบ้านตัวเองได้ในที่สุด

      บ้านไม้กึ่งปูนชั้นเดียวที่พ่อกับแม่ช่วยกันผ่อนเหลือเพียงแต่ซากกำแพง  ข้าวของภายในบ้านที่บัวคุ้นเคยทำให้บัวน้ำตาไหลเมื่อมันโดนเหล่าเจ้าหน้าที่ทั้งหลายแหล่เหยียบย่ำไปมาเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิต  ตู้โชว์ที่เคยวางของชำร่วยพร้อมรูปถ่ายต่างๆที่เคยเก็บความทรงจำดีๆของครอบครัวเขาอันตรธานหายไป  ไม่รู้ว่ามันโดนยกไปวางที่อื่นหรือไหม้หมดไปกับกองเพลิงแล้วก็ไม่รู้ 

      บัวพยายามจะเดินเข้าไปในตัวบ้านของตัวเองแต่ก็โดนเจ้าหน้าห้าหกนายห้ามไว้พร้อมกั้นเส้นเหลือง  บอกว่ามันอันตราย  หากมีของมีค่าเหลืออยู่ในบ้านให้ไปตามหาเอาทีหลังที่สถานี  เจ้าหน้าที่จะเก็บไว้ให้   บัวถามทันอีกคำก่อนที่เจ้าหน้าที่คนนั้นจะเดินออกไปว่าพบใครอยู่ในบ้านบ้างไหมตอนที่เกิดเพลิงไหม้  เขาหลีกเลี่ยงคำว่าศพเพราะยังมีหวังอยู่ในใจลึกๆว่าแม่เขายังอยู่  และบัวก็ใจชื้นขึ้นเมื่อทางเจ้าหน้าที่บอกมาว่าไม่พบใครอยู่ในบ้านของบัว

      บัวถูกทิ้งให้ยืนอยู่ตรงนั้นหลังจากที่เจ้าหน้าที่เอ่ยบอกบัวว่าให้ตามไปโรงพักทีหลังเพื่อลงบันทึกประจำวันและแจ้งความไว้เพื่อจะได้มีเจ้าทุกข์ในกรณีที่ควานหามือเพลิงเจอ  บัวพยักหน้ารับไปทั้งที่ยังไม่ค่อยเข้าใจในขั้นตอนกระบวนการมากนัก  ที่จับใจความได้ก็มีเท่านั้น  คุณครูหนุ่มยืนน้ำตาไหลเงียบๆมองการทำงานของเจ้าที่ดับเพลิงและเจ้าที่ตำรวจในเขตบ้านของตัวเอง   มือขาวเกาะเส้นเหลืองที่ถูกนำมาขึงไว้กันคนเข้าไปวุ่นวายในที่เกิดเหตุ  ข้าวของที่พกติดตัวมาได้ร่วงหล่นอยู่แทบเท้า  กำลังจะเบือนหน้าออกไปจากตรงนั้นอยู่แล้ว  ลุงปลื้ม  ลูกชายของป้าจิตข้างบ้านที่บัวรบกวนเรื่องโทรศัพท์อยู่ตลอดก็ก้าวเข้ามาหาพอดี  บัวนึกดีใจที่ได้เจอคนคุ้นเคย  เด็กหนุ่มตรงเข้าไปกอดลุงปลื้ม  ผู้ที่เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งของตัวด้วยความรู้สึกที่มันอัดแน่นจนเกินจะรับไหวแล้วในตอนนี้   เด็กหนุ่มเผลอตัวร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายเมื่ออีกฝ่ายกอดตอบแล้วปลอบโยนว่าให้ใจเย็นๆ  ของนอกกายหาใหม่ได้   และแม่ของบัวก็คงยังไม่เป็นอะไร  เพราะไม่มีใครพบศพหรือใครในบ้านของบัวตอนที่เกิดเพลิงไหม้จริงๆ

      บัวพยักหน้ารับอย่างดีใจจริงๆที่ได้คนมายืนยันเรื่องที่ว่าแม่ของบัวคงไม่เป็นอะไร  และคงจะอยู่ในที่ที่ปลอดภัยที่ไหนสักแห่งที่บัวก็ยังไม่รู้ว่าจะไปตามหาที่ไหน  ลุงปลื้มใจดีบอกให้บัวไปพักกับแกและภรรยาก่อน  ลุงปลื้มเมื่อแต่งเมียเสร็จก็ย้ายออกไปอยู่อีกที่  ซึ่งตอนนี้ป้าจิตก็ไปอยู่กับลูกชายและลูกสะใภ้ที่นั่นด้วย   แต่ด้วยความเกรงใจบัวเลยบอกปฏิเสธไปในตอนแรก  แต่ก็ทนแรงเซ้าซี้ไม่ไหวว่าแกเห็นบัวมาแต่อ้อนแต่ออก  เป็นเหมือนลูกเหมือนหลานแกคนหนึ่ง  แกคงปล่อยให้ไปไหนก็ไม่รู้ไม่ได้  สุดท้ายบัวเลยยอมรับน้ำใจของแก  แล้วไปพักที่บ้านของลุงปลื้มและภรรยาของแกหนึ่งคืน

      ตอนที่ไปถึงป้าจิตแกรอบัวอยู่แล้ว  สาวใหญ่ใจดีเมื่อเห็นเพื่อนบ้านที่เจอชะตากรรมเดียวกันมาพักอยู่ด้วยก็ดีใจใหญ่  แกโผเข้ามากอดบัวทันทีที่เจอหน้าแล้วก็ร้องไห้ออกมาอีกรอบ  บัวเองเมื่อเจอป้าจิตที่ปกติใจดีและยิ้มแย้มอยู่เป็นนิตเศร้าใจถึงขนาดนี้ก็กลั้นบ่อน้ำตาไว้ไม่ไหวเช่นกัน  ทั้งคู่กอดกันร้องไห้อยู่อย่างนั้นจนภรรยาของลุงปลื้มมาตามให้ไปทานข้าว  บัวกับป้าจิตก็ยังจับมือกันเหมือนเห็นกันและกันว่าเป็นเพื่อนตายของตัวเองก็ไม่ปาน  จนเมื่อจะเข้านอนป้าจิตก็ขอมานอนกับบัวเพื่อที่จะได้ระบายและเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างในตอนที่บัวไม่อยู่

      แกว่าแม่ของบัวบ่นคิดถึงบัวให้ฟังทุกวัน  เงินที่บัวเคยโอนให้แม่ก็ไม่เคยใช้  แกว่าเผื่อบัวมีเหตุจำเป็นจะได้มีเงินสำรองไว้จ่าย   ทุกวันแม่ของบัวก็หมดเวลาไปกับการถักเสื้อและร้อยลูกปัดขาย   กำไรที่ได้จากการขายเสื้อถักทำมือมีไม่น้อย  แม่ถึงได้สามารถหาเงินมาส่งเสียบัวได้จนเรียนจบครูอย่างที่หวังด้วยตัวคนเดียวหลังจากที่พ่อของบัวเสียไปเมื่อตอนบัวย้ายมาอยู่บ้านหลังนั้นได้ไม่ถึงห้าปี 

      ป้าจิตแกเล่าให้ฟังว่าคืนนั้นแกตื่นเพราะได้ยินเสียงโหวกเหวกของคนนอกบ้านซึ่งแกก็ไม่รู้ว่าใครที่มาตะโกนบอกแกว่าไฟไหม้  ให้รีบเก็บของหนี  ตอนนั้นแกตกใจมากด้วยพอเปิดหน้าต่างก็ได้กลิ่นควันลอยมาตามลม  ฟ้าสีอมส้มที่มองเห็นจากทางท้ายซอยทำให้แกหัวใจเต้นแรงเป็นสองเท่าด้วยความตกใจที่มากยิ่งกว่าเก่า  แกว่าตอนนั้นอะไรอยู่ใกล้มือได้แกก็คว้าลงกระเป๋าเดินทางมาหมด  แม้แต่โคมไฟ  รีโมตกับของใช้จิปาถะที่ไม่มีประโยชน์แกก็เผลอหยิบติดมือมา   โชคดีที่เอกสารสำคัญแกเก็บเข้าไว้อยู่ด้วยกันเลยทันได้หยิบมาทั้งซอง  โทรศัพท์มือถือที่ลูกชายให้ไว้ก็อยู่ไม่ห่าง  พอออกมาจากบ้านตัวเองได้แกก็รีบไปตะโกนเรียกแม่ของบัวอยู่ตั้งนาน  จนเมื่อลูกชายของหล่อนเข้ามารับได้ป้าจิตแกเลยตัดสินใจออกมาก่อน  เพราะเห็นว่าที่หน้าประตูบ้านของบัวมันถูกคล้องกุญแจไว้จากข้างนอก  ลักษณะเหมือนว่าแม่ของบัวคงจะไม่อยู่ที่บ้าน  เมื่อตอนเย็นนั่นแกก็ให้ลุงปลื้มลูกชายไปดูแม่ของบัวอีกทีที่บ้านเผื่อจะกลับมาแล้ว  แต่กลับโชคดีเจอบัวแทนนั่นเอง 

      บัวซาบซึ้งใจมากกับความมีน้ำใจของเพื่อนบ้านกันคนนี้  บ้านของบัวและบ้านป้าจิตอาศัยฝากผีฝากไข้กันมานาน   ลุงปลื้มเองแกก็วางใจออกมาใช้ชีวิตครอบครัวกับภรรยาที่อื่นได้เมื่อแม่ของบัวรับปากว่าจะช่วยดูแลป้าจิตให้  ส่วนบัวเองก็ได้พลอยพึ่งพาอาศัยป้าแกให้ช่วยดูแม่ให้ในยามที่ตนไม่อยู่  แล้วยิ่งมาเจอสถานการณ์เลวร้ายที่ทำให้บัวรู้ซึ้งว่าเพื่อนบ้านสิบกว่าปีคนนี้จริงใจก็ยิ่งดีใจมาก  เพราะอย่างน้อยในช่วงที่เลวร้ายที่สุดก็ยังมีช่วงเวลาที่ดีที่สุดให้บัวได้จดจำ

      เช้าวันต่อมา  ลุงปลื้มพาป้าจิตและบัวไปที่สถานีตำรวจพร้อมกัน  พอมีผู้ใหญ่ไปด้วยอย่างนี้แล้วบัวก็ไม่รู้สึกเคว้งคว้าง  ดำเนินเรื่องตามสิ่งที่เจ้าหน้าที่บอกได้อย่างราบรื่น  เสร็จสรรพจากที่โรงพักบัวก็เอ่ยลากับครอบครัวป้าจิตที่อุตส่าห์มีน้ำใจมาส่งบัวที่ท่ารถบัสขึ้นเหนือสายหนึ่ง  ทางบ้านป้าจิตรู้อยู่แล้วว่าบ้านบัวมีญาติอยู่ทางเหนือ  และบัวตัดสินใจจะไปตามหาแม่ที่นั่น  บัวกับป้าจิตร่ำลากันอยู่นาน  แกย้ำนักย้ำหนาว่าถ้าไปไม่เจอแม่ให้โทรหาแก  แกยินดีมากที่จะให้บัวมาอยู่กับแกด้วย  บัวพร่ำบอกขอบคุณแกและครอบครัวจากใจจริงเป็นพันหน  กว่าที่บัวจะได้ขึ้นรถป้าจิตแกก็ยังมองส่งบัวจนสุดสายตา

      ตั๋วรถทัวร์ถูกจ่ายให้โดยลุงปลื้ม  แกว่าตอนนี้บัวควรจะมีเงินเก็บติดตัวไว้บ้าง  เพราะยังไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไร  เพราะบัวกับบ้านญาติที่เหนือก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กันนานหลายปีแล้วด้วย  ซึ่งบัวเองก็หวั่นๆอยู่ว่าไม่รู้จะได้รับการต้อนรับขับสู้มากน้อยแค่ไหน  การที่ได้รู้ว่ายังมีคนให้พักพิงได้เหลืออยู่ที่กรุงเทพฯแบบนี้ก็พอให้เบาใจไปได้บ้าง  แต่ถึงอย่างนั้นบัวก็แอบคิดไว้เหมือนกันว่าถ้าไม่เจอใครที่นั่นจริงๆบัวก็อาจเลือกขอกลับไปทำงานที่ใต้แทน  เหมืองสิงห์  สุตนันท์ยังเป็นสถานที่ที่บัวรู้สึกเหมือนเป็นบ้านอีกหลังที่อบอุ่นกับตัวเองนอกจากบ้านที่แม่อยู่  ตั้งใจไว้ว่าพอไปถึงที่โน่นและจัดการอะไรต่างๆได้เข้าที่เข้าทางแล้วจะติดต่อกลับไปหานายเหมืองอีกที

      …โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่า  การที่บัวจากมาและยังไม่ได้ติดต่อกลับไปจนถึงตอนนี้  จะทำให้เหมืองสิงห์ลุกโชนเป็นไฟได้ขนาดไหน...

—————————————————

      ประตูรั้วอัลลอยด์ขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าทำให้เท้าของบัวหนักอึ้ง  บ้านญาติที่ว่าของบัวนั้นไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหนหรอก  แต่เป็นบ้านของคุณปู่คุณย่าของบัวนั่นเอง  ซึ่งถึงจะถือเป็นญาติใกล้ชิดแต่บัวก็ไม่ได้สนิทด้วย  ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะสนิท  แต่เพราะสนิทไม่ได้ต่างหาก

      ชีวิตครอบครัวของบัวนั้นเปรียบไปก็ยิ่งกว่าละครน้ำเน่าเสียอีก...ครอบครัวทางฝั่งคุณพ่อนั้นเป็นผู้ลากมากดีเก่าจนถึงขั้นมีเชื้อมีสายอยู่ทางเหนือ  คุณพ่อเป็นทายาทคนเดียวของตระกูล  แต่ดันไปรักกับคุณแม่ที่เป็นเพียงนักรำลูกแม่ค้าขายข้าวแกงในตลาด  คุณปู่ที่คาดหวังในตัวของพ่อไม่พอใจในเรื่องนี้มาก  ท่านทั้งบังคับให้คุณพ่อดูตัว  และจัดการหมั้นหมายให้กับผู้หญิงที่คู่ควรอย่างฝืนบังคับ  แต่เพราะทั้งพ่อและแม่รักกันมาก  พวกท่านจึงตัดสินใจหนีตามกันออกมาจากบ้านใหญ่หลังนี้ในวันแต่งงานของพ่อและผู้หญิงที่คุณปู่หมั้นหมายให้  ตอนนั้นแม่เล่าว่าเป็นข่าวใหญ่ไปทั้งจังหวัดเลยทีเดียว  พ่อกับแม่ของบัวจึงต้องอยู่กันอย่างหลบๆซ่อนๆกันอยู่พักหนึ่ง  จนเมื่อข่าวมันซา  ท่านทั้งคู่จึงได้ตัดสินใจเช่าบ้านเล็กๆหลังหนึ่งอยู่ในอำเภอที่ห่างไกลของจังหวัด  แล้วเริ่มต้นสร้างเนื้อสร้างตัวจนในที่สุดก็มีบัวออกมาเป็นพยานรักระหว่างคนทั้งคู่

      คุณปู่กับคุณย่าใช้เส้นสายตามหาพวกเขาจนเจอตอนบัวอายุได้สามสี่ขวบ  ถึงการมีพยานรักระหว่างคนทั้งคู่เป็นบัวจะทำให้อารมณ์โกรธของผู้เป็นย่าลดลงไปบ้าง  แต่อารมณ์กรุ่นโกรธของคุณปู่ยังคงเท่าเดิม  ท่านใช้กำลังบังคับเอาบัวไปอยู่ด้วยที่บ้านใหญ่  โดยที่บัวไม่ได้รับอนุญาตให้เจอหน้าพ่อแม่เลยในระหว่างนั้น  บัวอาศัยอยู่กับปู่และย่าที่ค่อนข้างเห่อหลานอย่างสุขสบายกายแต่ทุกข์ใจและหงอยเหงาตามประสาเด็กอยู่สามสี่ปี  วันดีคืนดีจู่ๆก็มีคนบุกเข้ามาที่ห้องของเขา  และก็พาตัวเขาออกไป  ซึ่งความคุ้นเคยทำให้บัวดีใจเป็นอย่างมากและไม่ขัดขืนที่จะออกไปจากความสบายในบ้านหลังใหญ่  แล้วไปใช้ชีวิตสุขสบายตามอัตภาพในบ้านหลังเล็กๆชั้นเดียว ในซอยที่เพิ่งจะถูกไฟไหม้ไปเมื่อคืนกับพ่อแม่ของตัวเอง  ซึ่งหลังจากที่ครอบครัวของบัวตัดสินใจมาใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพฯก็ไม่ได้ติดต่อหรือได้ข่าวคราวอะไรอีกเลยจากบ้านของคุณปู่คุณย่า  จนกระทั่งปัจจุบันที่ทำให้เกิดโอกาสที่บัวจำต้องกลับมาที่บ้านหลังนี้อีกครั้ง  หลังจากที่ต้องจากไปนานเกือบสิบปี

      บัวชะแง้มองคนในบ้าน  เมื่อไม่เห็นมีใครอยู่แถวนั้นจึงตัดสินใจไปกดออดประตู  รอเพียงครู่เดียวก็มีเด็กสาวรุ่นคนหนึ่งในชุดเสื้อคอกลมสีสดใส กับผ้าซิ่นทอลายตีนซิ่นอย่างงดงามรีบเร่งสาวเท้าเดินเข้ามาหา  หล่อนมองบัวที่มีของหิ้วพะรุงพะรังด้วยสายตาสงสัย  ก่อนจะเอ่ยปากสอบถามก่อนโดยที่ยังไม่ยอมเปิดประตูให้  ซึ่งบัวก็ยิ้มให้อย่างมีไมตรี  แล้วตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า

“…ช่วยเรียนคุณย่าใหญ่ด้วย  ว่าบัวสวรรค์มาหา...” 

      สิ้นคำบอก  สาวรุ่นมีสีหน้าครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเบิ่งตาโตเอามือทาบปาก  มองบัวตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาตกตะลึงมิใช่ดูแคลน  แล้วเอ่ยกลับมาเสียงสั่นว่า

“…เจ้าบัวสวรรค์...เจ้าบัวน้อย  หลานชายเจ้าย่าหรือคะ!” 

      บัวยิ้มอ่อน  ดูท่าชื่อของเขาจะยังไม่ถูกลบเลือนไปจากบ้านหลังนี้สินะ  บัวยืนนิ่งๆมองดูเด็กสาวรุ่นคนนั้นกระวีกระวาดเปิดประตูให้  แถมยังพยายามจะเข้ามาช่วยบัวถือกระเป๋าอีกต่างหาก  แต่เจ้าตัวบอกปัดไปพร้อมกับหิ้วของทุกอย่างเดินเข้าบ้านมาเอง

      ตัวเรือนไม้ยังไม่มีอะไรที่เปลี่ยนไป  ผิดก็แต่บ้านปูนสองสามหลังที่มองเห็นจากระเบียงทางเดินที่เห็นเพิ่มขึ้นมาตรงหลังบ้าน  เดาว่าน่าจะเป็นเรือนคนงานที่ทำงานอยู่ที่ไร่แห่งนี้  คิดว่าป่านนี้กิจการไร่ดอกไม้และผลไม้เมืองหนาวของคุณปู่คุณย่าคงจะเจริญรุดหน้าไปมากแล้ว  บัวเดินลงเท้าแผ่วเบาเหมือนที่เคยได้รับการสอนตอนอยู่ที่บ้านหลังนี้  เด็กสาวรุ่นที่บอกว่าตัวเองชื่อทับทิมเอ่ยบอกว่าคุณย่านั่งอยู่ที่ลานหลวง  ลานหลวงเป็นคำเรียกลานกว้างแบบเปิดโล่งตรงกลางบ้าน   ด้านหนึ่งถูกจัดเป็นตั่งเตียงเล็กๆไว้ให้เจ้าของบ้านได้นั่งรับลม  ซึ่งบัวรู้ดีว่าเป็นที่ประจำของคุณย่ามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

      บัวอาศัยความจำสมัยเด็กในการเดินลัดเลาะไปตามพื้นไม้เพื่อไปยังลานหลวงตามที่เด็กทับทิมบอก  มีคนงานสองสามคนที่เขาเดินผ่าน  คงอาจเพราะส่วนใหญ่เป็นคนงานใหม่ที่มาทำงานที่บ้านหลังนี้  ทุกคนจึงมองบัวด้วยสายตาสงสัยเหมือนกันหมดทุกราย  เพราะบ้านหลังนี้ค่อนข้างมีการระมัดระวังคนแปลกหน้าที่เข้ามาในบ้านมาก  เขาคงเพิ่มมาตรการความปลอดภัยหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ตอนพ่อกับแม่เข้ามาลักพาตัวบัวออกไปจากห้องนอนครั้งนั้นกระมัง

      คุณครูหนุ่มยืนหลบมุมอยู่ตรงทางพักก่อนเข้าไปในลานหลวง  เสียงเพลงพื้นเมืองที่เปิดคลอเบาๆดังกลบเสียงพื้นไม้ที่ลั่นเอี๊ยดอ๊าดยามบัวเดินผ่านได้ชะงัดนักถึงไม่มีใครในที่นั้นหันมองมาทางนี้  บัวยืนกำกระเป๋าและถุงข้าวของของตัวเองแน่น  เริ่มรู้สึกลังเลที่จะก้าวเท้าเข้าไป  ท่าทางอย่างนั้นทำให้เด็กทับทิมต้องเอ่ยปากถามด้วยความสงสัยว่า...

“เจ้าบัวไม่เข้าไปล่ะคะ  งั้นประเดี๋ยวทับทิมเรียกให้นะคะ...” 

“เอ่อ....ไม่...ไม่ต้อ...”

“…ไม่เป็นไรค่ะ  แม่...แม่ขา...” 

      เด็กทับทิมวิ่งจี๋เข้าผ่าเข้าไปกลางลาน  ที่ตั่งเตียงในร่มชายคานั้นมีสาวใหญ่ที่นั่งพับเพียบอยู่ที่พื้นสองคน  ในขณะที่คนเป็นคุณย่าของบัวที่บัวจำท่านได้ดีเพราะนอกจากสีผมที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาแล้ว  ท่านยังดูน่าเคารพและน่าเกรงขามเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

      …รวมไปถึงสายตานั้นที่หันมองมาทางบัวตามมือที่เด็กทับทิมชี้มา

      มือบัวชื้นเหงื่อไปหมดตอนที่คุณย่าลุกขึ้นมาจากตั่งแล้วเดินมาทางที่เขายืนอยู่  คุณครูหนุ่มเผลอเดินถอยหลังไปครึ่งก้าวด้วยเพราะไม่ทันตั้งตัว  เมื่อจู่ๆก็เห็นคุณย่าเดินมายืนพินิจมองเขาอยู่ตรงหน้า  นัยน์ตาโศกของท่านที่บัวได้มาตอนนี้ยิ่งดูเศร้า  แต่แววแข็งกร้าวปนความอ่อนล้าของท่านก็ซ่อนมันไว้เสียมิด...คงมีอะไรหลายอย่างเกิดขึ้นตอนที่บัวไม่อยู่

“…บัวเหรอลูก”  เสียงเนิบๆแบบชาวเหนือดังขึ้น  บัวสะดุ้งได้สติเพราะเสียงนั้น  แล้วเข่ามันก็อ่อนทรุดลงไปนั่งพับเพียบกับพื้นทันที  สองมือขาวพนมขึ้นระหว่างอกแล้วก้มกราบลงไปพร้อมน้ำตาที่ซึมลงหางตาโดยไม่ได้ตั้งใจ  ความรู้สึกผิดแทนพ่อกับแม่ปะทุขึ้นมาเต็มอก  ก่อนหน้านี้พออยากหนีก็ไปเสียดื้อๆ  แต่พอเดือดร้อนกลับมาก็แล่นมาพึ่งถึงบ้าน  รู้ดีว่าแค่คำขอโทษคงไม่พออภัยให้กับบาปที่พ่อกับแม่เขาทำเอาไว้กับปู่และย่า...แต่บัวก็ทำได้แค่นี้จริงๆ

“…คุณ...คุณย่าใหญ่...บัว...ขอโทษ...ครับ”

      บัวเอ่ยเสียงติดขัด  เพราะก้อนสะอื้นมันแล่นมาจุกคอ  มือหยาบแต่นุ่มนวลสัมผัสลงที่ช่อมือซึ่งวางแนบอยู่กับพื้น  อีกมือก็วางลงบนศีรษะกลมทุยของหลานชายแท้ๆคนเดียวของเธอด้วยความรู้สึกที่ว่านี่ยังอาจไม่ใช่ความจริง...

“ไม่มีใครทักทายผู้ใหญ่...ด้วยคำว่าขอโทษหรอกเจ้าบัว...มาลูก...ลุกขึ้น  มากับย่า...”  แรงดึงที่แขนทำให้บัวยอมเงยหน้ามองคนเป็นย่า  ย่าของเขายังแต่งตัวเหมือนเดิม  มวยผมต่ำและปักดอกพุดซ้อนที่ผม  ตัวของคุณย่าจึงมีกลิ่นหอมอ่อนๆติดตัวตลอดเวลาแม้ว่าท่านจะไม่ใช้น้ำหอมเลยก็ตาม

“บัวขอโทษครับคุณย่าใหญ่...ขอโทษ...แทนพ่อกับแม่ด้วย...”  น้ำเสียงเขาแห้งผากตอนที่พูดประโยคสุดท้ายออกมา  คุณย่าลูบผมเขาอีกทีก่อนจะแตะแก้มเพื่อเงยใบหน้าที่พยายามก้มหลบสายตาของเขาขึ้น  แววตาอ่อนโยนเหมือนที่บัวเคยเห็นตอนเด็กฉายออกมาให้เห็นอีกครั้งหนึ่ง

“อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป...”  แววตาอ่อนโยนมอบให้เด็กหนุ่มจากใจจริง  หล่อนพิจารณาหลานชายตรงหน้าจากหัวจรดเท้าแล้วก็คิดว่าสิ่งแรกที่เด็กหนุ่มควรทำไม่ใช่พูดกับเธอ  แต่คือการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและได้พักผ่อนเสียก่อน  เพราะแววตาของหลานชายเธอบ่งบอกว่าตอนนี้เขาเหนื่อยล้าเหลือเกิน  “...เจ้าบัวควรจะไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า  แล้วเราค่อยมาคุยกัน” 

“…เอ่อ...แต่คือบัว...แค่อยากถามเรื่อง...แม่...”

“….แม่...?” 

      คุณย่าของบัวทวนคำด้วยความสงสัย  บัวหุบปากฉับในทันที  รู้ด้วยตัวเองอยู่แล้วว่าคำว่าพ่อหรือแม่ของเขาเป็นสิ่งต้องห้ามและไม่ควรเอ่ยออกมาในบ้านหลังนี้...

“เกิดอะไรขึ้น...” 

      บัวเงยหน้ามองย่าของตนทันทีที่ได้ยิน  เขาคิดว่าคุณย่าน่าจะออกปากต่อว่ามากกว่ามาถามไถ่แบบนี้ 

“คือ...แม่...ติดต่อมาที่นี่บ้างมั้ยครับ...บัวขอโทษที่ต้องถามแบบนี้...ตะ...แต่..แต่ตั้งแต่เมื่อคืนบัวยังไม่เจอแม่...บัวไม่คิดว่าแม่จะติดต่อมาที่นี่...แต่ก็อาจจะ...”

“ไม่เป็นไร...ไม่เป็นไรเจ้าบัวไปอาบน้ำ  เปลี่ยนเสื้อผ้า...แล้วเดี๋ยวเราจะมาคุยกัน  ไปกับจันสา...เขาจะพาหลานไปที่ห้อง” 

      คนเป็นย่าฉุดดึงแขนหลานให้ยืนขึ้น  แล้วดันไปหาแม่บ้านที่ติดตามหล่อนมานาน  นานพอจะรู้จักบัวตอนเด็กๆด้วย

      บัวมีท่าทีไม่อยากไปในตอนแรก  แต่เมื่อเห็นว่าย่าเริ่มเดินหันหลังจากไปทางลานหลวง  บัวจึงต้องยอมเดินตามอดีตพี่เลี้ยงของตนกลับไปทางที่คุ้นเคย...ว่าเหมือนจะเป็นอดีตห้องนอนของเขาเมื่อตอนยังเด็ก...

—————————————————

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด