ตอนที่ ๒๐ เวลาผ่านพ้นไปอีกหนึ่งวันโดยที่บัวก็ไม่ได้มีอะไรทำมากไปกว่าการเป็นพี่เลี้ยงหลานลูกครึ่งให้คุณย่า เขาเพิ่งเอาเจ้า ‘ดอกปีบ’ เข้านอน เจ้าเด็กตัวผอม ผิวซีด ดวงตาสีเขียว ผู้มีศักดิ์เป็นน้าชายของบัวมีอาการติดเขาอย่างกับอะไรดี แต่ไม่ดื้อไม่ซนเท่าสองแสบประจำเหมืองที่ใต้นั่น...
…เฮ้อ...เผลอคิดถึงเด็กน้อยสองคนนั่นอีกแล้ว...ไม่รู้จะโกรธกันขนาดไหนนะที่จู่ๆบัวก็จากมาโดยไม่ได้ออกปากลากับเจ้าตัวเขาก่อน...ระหว่างเขากับเด็กๆกำลังไปกันได้ดีเชียว...
…จะว่าไปก็ไม่ใช่แค่เด็กหรอก กับตัวพ่อก็...เหมือนจะ...ไปได้สวยล่ะมั้ง...ว่าแล้วก็รู้สึกคิดถึงจัง...ทั้งบรรยากาศในเหมืองแล้วก็ตัว ‘คนเหมือง’ ด้วย...
บัวพยายามนึกเดาว่าตอนนี้ทั้งสามคนพ่อลูกนั่นจะกำลังทำอะไรอยู่ และพรุ่งนี้เขาจะต้องขอคุณย่าใหญ่เข้าเมืองให้ได้เพื่อจะไปหาซื้อสายชาร์จโทรศัพท์ ไม่ก็ยอมเสียเงินซื้อเครื่องใหม่ไปเลยถ้าหากหาซื้อไม่ได้เพราะรุ่นมันเก่ามากแล้ว เมื่อมีเป้าหมายในชีวิตแล้วบัวก็รู้สึกค่อยมีกำลังใจที่จะตื่นนอนในเช้าวันรุ่งขึ้นหน่อย ส่วนเรื่องคุณแม่นั่นในใจลึกๆบัวรู้สึกว่าแม่ยังปลอดภัย แม่อาจจะออกไปอยู่บ้านเพื่อนหรือคนรู้จักก็ได้ คิดๆไว้ว่าอีกสองสามวันจะลงกลับไปที่กรุงเทพฯอีกครั้ง เพื่อลุยหาแม่อีกครั้งด้วยตัวเอง
บัวคิดวางแผนโน่นนี่จนเดินมาถึงหน้าห้องของตัวเอง และเพราะมีอย่างอื่นในหัวอยู่เยอะจึงไม่ทันได้เอะใจว่าทำไมแม่กุญแจล็อกหน้าห้องถึงเปิดอยู่ คิดเอาง่ายๆว่าพี่จันสาคงจะเข้ามาจัดของในห้องเขาให้ล่ะมั้ง...คุณครูหนุ่มน้อยจึงผลักประตูเข้าไปแล้วเปิดไฟในห้องอย่างเคยชิน
ทว่า...ทันทีที่แสงไฟเปิดขึ้น รอบเอวก็ถูกโอบกอดพร้อมๆกับที่ปากก็ถูกมือปิด บัวร้องตกใจอย่างอัตโนมัติแต่มันก็ดังติดอยู่แค่ในลำคอ ปลายหางตาพยายามเหลือบมองดูว่าใครกันที่หาญกล้าเข้ามาทำกับเขาแบบนี้ แต่ผ้าที่คลุมศีรษะอีกฝ่ายอยู่ก็ทำให้บัวมองไม่เห็นว่าเขาเป็นใคร รู้แต่ว่าเป็นผู้ชายที่มีกล้ามแขนใหญ่มาก ช่วงไหล่ก็กว้าง อีกทั้งช่วงหัวของเขาที่โน้มกายลงหาบัว เพราะบัวสูงเพียงแค่อกของเขาเอง
“ชู่ว...อย่าร้องเสียงดังสิ...ครูบัว...ที่รัก”
เสียงทุ้มต่ำที่เจ้าโจรปิดหน้าเลื่อนลงมากระซิบข้างหูทำให้บัวเบิกตาโตกว้าง ไม่ต้องหันไปเหลือบมองอีกบัวก็รู้ดีแก่ใจแล้วว่าเป็นใคร...เหลือแค่อาการตกใจว่าไม่รู้อีกฝ่ายขึ้นมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ และทำไมถึงไม่เข้าตามตรอกออกตามประตูดีๆ!
“อื้อ...อื้อ!” บัวพยายามเอ่ยปากเรียกชื่ออีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายเพียงก้มลงหัวเราะใส่หูบัวจนลูกระเดือกกระเพื่อม ฝ่ามือหนาใหญ่ก็ยังคงปิดปากเอาไว้ไม่ให้เขาพูดอะไรอยู่ดี
“เอาน่า...เล่นบทโจรล่าสวาทแบบนี้ก็สนุกดี อย่าพยายามร้องขัดขืนให้ผมต้องหาอะไรอย่างอื่นมาอุดปากคุณเลย...” ชายหนุ่มพูด พาลทำให้บัวขัดใจจนต้องร้องตอบโต้ในลำคอพร้อมพยายามกระทืบเท้าดิ้นหนี
ใช่เขาพยายามจะร้องขัดขืนที่ไหน แค่จะร้องเรียกชื่อเท่านั้น! อะไรกันเนี่ย...ไม่ได้เจอกันเกือบอาทิตย์ ทักทายกันด้วยการเล่นบทโจรปล้นสวาทเนี่ยนะ...! นี่นายเหมืองคิดบ้าอะไรอยู่...!!
“…นี่ ใจเย็นๆสิให้ผมพูดก่อน อย่าเพิ่งดิ้น...หยุด! ถ้าไม่หยุดผม...” ชายหนุ่มหยุดพูดไปชั่วคราว แต่ใช้การกระทำช่วยในการเติมประโยคให้สมบูรณ์แทน ด้วยการบดเบียดหน้าขาของตัวเองเข้ากับก้นนิ่มๆที่เขาจัดการฟัดมาแล้วหลายครั้ง ลิ่มร้อนๆที่เพิ่งจะเริ่มตั้งดุนดันช่วงร่องก้นของอีกฝ่ายอย่างตรงเป้า ประกอบกับนิสัยซึ่งบัวคิดว่ารู้จักอยู่พอสมควรทำให้เขาเข้าใจคำพูดที่ขาดหายไปได้อย่างชัดเจน
“นี่...ตอนนี้ผมมีเรื่องจะถามคุณเยอะแยะเลย แต่ว่า...ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี คุณรู้มั้ย...ว่าการที่จู่ๆคุณก็กลายสภาพจากคุณครูบัวของเด็กๆ มาเป็นหลานชายเจ้าทางเหนือเนี่ย...ทำให้ผมรู้สึก...ตกใจมาก ทำไมล่ะ...อยู่บ้านผมมันลำบากมาก แล้วผมก็โหดมากถึงขนาดต้องแอบหนีมาโดยไม่บอกไม่กล่าวกันสักคำเลยเหรอ...รู้มั้ยว่าการกระทำของคุณมันทำให้ผมโกรธมาก สัญญาจ้างคุณก็ยังไม่หมด...แต่ที่ผมโกรธที่สุดคือการที่คุณทำให้ลูกชายผมสองคนต้องร้องไห้ เพราะคิดถึงคุณ...”
…บัวนิ่งเงียบและหยุดดิ้น...
…เขาหยุดดิ้นเพราะคำพูดที่ว่า...เขาทำให้ลูกศิษย์สองคนต้องร้องไห้...เพราะคิดถึงเขา...
บัวพยายามช้อนตามองคนที่กอดรัดเขาเอาไว้ สายตาวอนขอให้เอามือออกเพื่อที่เขาจะได้พูดตอบโต้อะไรบ้าง...อย่างน้อยก็เพื่อแก้ความเข้าใจผิด...ว่าเขาไม่ได้หนีมา แต่เพราะมีความจำเป็นต่างหากก็เลยต้องมา...
“เอาล่ะ...ศาลยังให้จำเลยมีทนายแก้ต่าง แต่โชคร้ายหน่อยที่ผมใจร้ายกว่าศาล คุณครูคงต้องพูดแก้ต่างให้ตัวเองแล้ว...”
ฝ่ามือใหญ่หนาค่อยๆคลายออกจากปากของบัว มีแอบลูบปาดที่ริมฝีปากเขาแล้วเอาไปเลียด้วย ท่าทางลามกไม่ต่างกับก้นที่พยายามบดเบียดเขานี่เลย
เมื่อครู่ก่อนหน้านี้ตอนที่ถูกปิดปากเขาอยากจะพูดอะไรตอบโต้คนตัวใหญ่กว่าเยอะแยะมากมาย แต่พอตอนนี้เขากลับไม่รู้จะพูดอะไรต่อดีเลย ได้แต่กัดปาก...แล้วก็มองหน้าอีกคนด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
“จะให้พูดอะไร คุณยัดเยียดข้อหามาให้ผมขนาดนี้ ผมพูดอะไรไป คุณก็คงคิดแค่ว่ามันเป็นการแก้ตัว...”
“ก็ลองแก้มาสักข้อสิ...เผื่อผมจะรับฟังแล้วพิจารณาว่ามันไม่ใช่ข้อแก้ตัว”
“…” บัวเงียบ มองจ้องสายตากับคนร่างสูงใหญ่แบบวัดใจกัน นายเหมืองหรี่ตามองหาแววจริงใจของคนที่เขากำลังกอดรัดเอาไว้แน่น
“ข้อแรก...หนีมาทำไม...”
“…ไม่ได้หนี แต่มีความจำเป็น บ้านแม่บัวไฟไหม้...บัวเห็นในข่าวทีวี ตกใจมากก็เลยรีบออกมาไม่ทันได้ปลุกใคร แต่ว่าเขียนใส่กระดาษบอกไว้แล้วนี่...” ...แต่ดูจากสถานการณ์คาดว่าคงไม่ได้อ่านแน่ๆสินะ...
“…ไฟไหม้? หรือว่า...ข่าวนั่น...อา...” นายเหมืองเชิดปลายคางขึ้นเหมือนเข้าใจบางอย่าง...
“แล้วทำไมต้องหนีมาที่นี่...อย่าบอกนะว่า...”
“พ่อของบัวเป็นลูกชายเจ้าย่า...ผมก็เลยมีศักดิ์เป็นหลาน ‘แท้ๆ’ ของเจ้าย่าไปด้วย...” บัวหันมองสบตาอีกฝ่ายราวท้าทายด้วยคำถามว่า ‘ผมผิดเหรอที่เกิดมาเป็นแบบนี้...'
“อา...” มือที่โอบกอดอยู่รอบแขนค่อยๆคลายออก บัวสำทับเพิ่มไปว่า
ส
“…นี่คือบ้านที่บัวเคยอยู่ตอนเด็กๆ แต่ปู่กับย่าไม่ชอบแม่ พ่อเลยพาเราไปอยู่กรุงเทพฯ”
มือที่กอดเอวครูบัวไว้คลายออกเกือบสุด เหลือเพียงปลายนิ้วที่แตะแผ่วๆตรงราวเอว นายเหมืองรู้สึกได้ว่าผิวครูนุ่มขึ้น แถมยังขาวขึ้นด้วย ไม่ได้ดูคล้ำเหมือนตอนอยู่เหมืองทางใต้กับเขา...
…อา...นี่สินะ ที่ที่ครูควรอยู่ตั้งแต่แรก...
…ไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อนเหมือนที่ใต้...
…ครูบัวไม่ได้หนี...เขาแค่กลับมาอยู่ในที่ที่เขาควรอยู่ตั้งแต่แรกต่างหาก...
“นายเหมือง...กำลังคิดอะไรแปลกๆอีกแล้วใช่มั้ย” คราวนี้คนที่หันกลับมาจับมือใหญ่หนาเอาไว้เองคือครูบัว คุณครูหนุ่มคว้าจับมือใหญ่ทั้งสองเอาไว้แล้วเอามาโอบตัวเอง เสร็จแล้วจึงเงยหน้าคุยกับอีกคน “เคยคุยกันแล้วใช่มั้ย...ว่ามีอะไรให้ถาม ให้คุยกัน อย่าคิดเองเออเอง...บัวเป็นคนยังไงนายเหมืองไม่รู้เลยเหรอ...”
ท่าทางหางลู่หูตกเหมือนหมาพันธ์โกลเด้นตัวใหญ่สลดทำให้บัวอดใจไม่ไหว อยากจะลูบมือบนกลุ่มผมนั่นเหลือเกินถ้าไม่ติดว่า...บัวเตี้ยน่ะนะ
“เอาล่ะ...ทีนี้ตาบัวถามบ้าง นายเหมืองรู้ได้ยังไงว่าบัวอยู่ที่นี่ แล้วเข้ามาที่นี่ได้ยังไง...”
“…พี่...ปีนเข้ามา ตั้งใจจะมาจับกดแล้วก็ถามให้รู้เรื่อง...ว่าหนีพี่มาเสวยสุขที่นี่ทำไม”
“เสวยสุข! ดูยังไง... นายเหมืองรู้มั้ย ย่าตัดช่องทางการติดต่อของบัวหมดเลย บัวจะโทรไปหาตั้งแต่วันแรกที่มาที่นี่ก็ไม่ได้เอาที่ชาร์จมา เสื้อผ้าก็ไม่ได้เอามาสักชุด นี่ยังจะเรียกหนีอีกเหรอ...”
“…แต่รู้มั้ยว่าการที่จู่ๆบัวก็หายตัวไปทำให้ชาวบ้านชาวช่องเขาเดือดร้อนกันขนาดไหน พวกพี่คิดไปต่างๆนาๆว่าบัวอาจถูกจับไป อาจถูกขังอยู่ ติดต่อก็ไม่ได้ พวกชาวบ้านรวมตัวกันเองช่วยพวกพี่ตามหาบัวไม่ได้หลับได้นอนอยู่เกือบอาทิตย์ สุดท้ายพี่ทนไม่ไหว...บุกฐานที่มั่นพ่อของยัยตีลังกาเสียเละ...แต่พี่ก็ไม่เจอบัว...”
“แล้วใครเป็นอะไรมั้ย...นายเหมือง เด็กๆล่ะ เด็กๆโอเคมั้ย...”
“ยังเป็นห่วงสองคนนั้นอยู่อีกเหรอบัว...” ด้วยอารมณ์เขาเลยพูดสวนกลับทันควัน แต่พอเห็นสีหน้าสลดลงของอีกฝ่ายแล้วความรู้สึกผิดก็แล่นจุกอก
“…บัวขอโทษ...” ครูบัวเอ่ยเสียงเบา นายเหมืองเอามือข้างหนึ่งลูบหน้า...ถ้ามันเป็นอย่างที่ครูบัวเล่าจริง ครูเขาผิดที่ไหน...
“โอเค พี่ก็ขอโทษ...บัวไม่ผิด พี่แค่...เฮ้อ กำลังสับสน...”
เรื่องราวต่างๆมากมายมันโจมตีเข้ามาพร้อมกันในหัว และหลายอย่างมันก็ไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไว้แต่แรก จึงทำให้สมองต้องใช้เวลาสักพักในการประมวลผลว่าอะไรคืออะไร และอะไรเชื่อได้มากน้อยแค่ไหน...
…แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ควรพาลอารมณ์ใส่ครูบัว ทั้งที่เพิ่งได้เจอหน้าสมใจอยากแล้วแท้ๆ แถมเหตุการณ์ก็ไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่คิด เขาควรจะแสดงความดีใจมากกว่าที่ครูบัวไม่เป็นอะไร...
“ไม่เป็นไร บัวเข้าใจ...” บัวยื่นมือไปลูบแก้มของชายตัวสูงกว่า เขาคิดว่าเขาเข้าใจความสับสนนั้นของนายเหมืองสิงห์นะ...แต่สำหรับบัว ความคิดถึงมันแทรกเข้ามาแทนความสับสนเสียแล้ว... “ทีนี้ตาคุณบ้าง ตอบมาสิ...ว่าคุณมาที่นี่ได้ยังไง แล้วรู้ได้ยังไงว่าบัวอยู่ที่นี่...”
“คือ...มีคนของมันที่รอดจากการถูกจับกุมหนีขึ้นมาภาคเหนือนี่ พี่เลยตามมาเผื่อว่าจะมีเบาะแสของบัว...แล้ว มันบังเอิญที่พี่ได้เจอบัวว่าอยู่ที่นี่ พี่เลย...แอบปีนขึ้นมา”
…โกหกแน่ๆ บ้านของเจ้าย่าไม่ใช่ที่ที่ใครจะบุกเข้ามาได้ง่ายๆ แล้วนายเหมืองจะเจอบัวตอนไหน บัวได้ออกจากบ้านก็แค่ตอนพาดอกปีบไปเที่ยวสวนผลไม้ข้างๆ...เอ๊ะ หรือจะเป็นตอนนั้น...
“อืม...เชื่อก็ได้...แล้ว พอเจอหน้าก็ตั้งใจจะปล้ำด้วยความโกรธ ทำตัวเหมือนพระเอกพวกละครซาดิสม์แนวจำเลยรักเลยอย่างนี้เลยเหรอ”
นายเหมืองมองหน้าคนพูดแล้วคลายมือออกจากเอวที่ถูกครูบัวพาไปแปะไว้ในตอนแรก...ก่อนจะแบมือสองข้างยกขึ้นเหนือศีรษะเล็กน้อยเหมือนท่าผู้ร้ายโดนตำรวจจับ
“พี่ไม่กล้าหรอก ตอนนี้สถานะบัวไม่เหมือนเมื่อก่อน พี่จะไปกล้าทำให้หลานเจ้าย่าต้องแปดเปื้อน...อุ...อืม...”
ไม่ทันได้พูดจนจบประโยคดี หลานเจ้าย่าผู้ไม่สมควรแปดเปื้อนก็เป็นฝ่ายเขย่งเท้าเข้าหาแล้วประกบปากจูบลงไปก่อน มีการเอานิ้วจับหูนายเหมืองเพื่อบังคับเปลี่ยนองศาหน้าให้พอเหมาะพอดีกับคนตัวเตี้ยอย่างบัวเองด้วย และไม่นานก็สมดังใจ...เมื่อนายเหมืองให้ความร่วมมือดี ยึดบทฝ่ายรุกกลับไปเป็นของตน บดขยี้ริมฝีปากบัวเสียแรงจนเกือบเจ่อ ตอนที่ถอนปากออกมายังมีอาการอาลัยอาวรณ์ และเล็มขอบปากและมุมปากไม่หยุดอีกด้วย...
“นายเหมือง...ขนาดนี้...แล้ว ยังจะบอกว่า...ไม่กล้าอีกเหรอ...หน้าด้านมาก”
“…นั่นสินะ ปู้ยี่ปู้ยำหลานเขาเสียจนพรุนขนาดนี้แล้ว...พี่ยังจะต้องมาเกรงใจอะไรอีก”
บัวหมุ่นคิ้วหลังฟังนายเหมืองพูดจบ ยกมือตีแปะเบาๆบนอกแกร่งทิ้งน้ำหนักตัวไปข้างหลังเมื่อมันมีอ้อมแขนแข็งแรงกอดช้อนหลังอยู่ แล้วเงยหน้าสบตาคนที่เริ่มได้ใจเมื่อเห็นเขายอมโน้มใบลงไปให้ให้หมาวัดแทะเล่นเสียเอง
“เกรงใจหน่อยก็ได้...หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง ปีนเข้าห้องหลานชายเขา ตอนกลับออกไปไม่ถูกคนเขายิงทิ้งดิ้นกระแด่วๆก็แกร่งเกินคน”
“นี่ริอาจแช่งผัวเหรอบัว...อ๋อ ได้เป็นเจ้าเป็นนายเข้าหน่อยคิดข่มผัวแล้วหรือไง”
“ไม่ได้แช่ง ไม่ได้ข่ม...แต่ขอให้โดนจริงๆเนี่ยแหละ หึ...เข้ามาได้ขนาดนี้ขาออกก็ไม่ใช่เรื่องยากหรอกมั้งนายเหมือง” แถมยังพึมพำต่อท้ายเบาๆอีกแน่ะ ว่าร้ายกาจเป็นบ้าเลยนายเหมือง...
“ก็ใช่...แต่กว่าจะผ่านแต่ละด่านมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน งั้นไหนๆหลานเจ้าย่าก็โดนพี่ทำแปดเปื้อนไปแล้ว...พี่ก็ขอซ้ำอีกสักหนก็แล้วกัน ถือว่าเป็นการลงโทษที่หนีหน้าผัวหายตัวกลับบ้าน ปล่อยให้คนทางโน้นต้องพะว้าพะวงเดือดร้อนกันไปทุกหย่อมหญ้า...มา หันแก้มมาเลยคุณครู...”
“เดี๋ยวๆ เดี๋ยวก่อน...” บัวเบรกกะทันหันเมื่อนายเหมืองคิดจะทำอย่างที่ว่าบนเรือนคุณย่าเข้าจริงๆ เขาก็อยากจะยอมให้อยู่หรอกนะแต่ตอนนี้สภาพจิตใจยังไม่พร้อม “...บัวยังเป็นห่วงแม่ ตอนนี้ไม่มีข่าวคราวอะไรของแม่เลย ไม่มีศพอยู่ในบ้าน ไม่รู้ว่าแม่อยู่ไหน ไม่มีใครเจอ...”
“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง แม่บัวจะต้องปลอดภัย...พี่เคยให้แม่บัวติดต่อกับคนรู้จักของพี่ซึ่งเป็นตำรวจอยู่ที่กรุงเทพฯให้เขาช่วยดูแลสอดส่องให้ เพราะพี่รู้ว่าบัวอยู่กับแม่สองคน ลูกไม่อยู่แม่คงลำบาก...พี่เลยให้เขาช่วยตามดูแลอยู่อีกทีหนึ่ง ตอนนี้เขาอาจจะหาทางติดต่อเราไม่ได้ก็ได้ พี่เพิ่งเปลี่ยนเบอร์ใหม่ ส่วนบัวก็แบตหมด ไม่เจอศพก็แสดงว่าแม่บัวคงไม่อยู่ที่บ้านช่วงไฟไหม้ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องดีนะ เพราะแสดงว่าแม่บัวปลอดภัย...”
“…นายเหมือง” บัวอ้าปากแล้วก็หุบปาก อย่างไม่รู้จะพูดอะไรออกไปต่อดี...
…ไม่คิดว่านายเหมืองจะเผื่อแผ่ความรักและการดูแลเอาใจใส่ไปให้ถึงแม่ของเขาด้วย...แค่คำพูดเพียงไม่กี่คำของผู้ชายคนนี้ ก็ทำให้ความตึงเครียดในสมองของบัวที่มีตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดเรื่องขาดสะบั้นลง ในใจรู้สึกโล่งเหมือนยกลังหนักๆออกไปจากอก
…ความรู้สึกลึกๆมันบอกว่าเขาเชื่อคำพูดผู้ชายคนนี้ได้...แม่เขาจะปลอดภัย...ผู้ชายคนนี้ช่วยปกป้องแม่ไว้...
“นายเหมือง...บัว...ขอบคุณ...” น้ำเสียงตรงคำสุดท้ายสั่นเครือด้วยความรู้สึกมันอัดแน่น รู้สึกขอบคุณจากใจจริง รู้สึกอยากตอบแทนความมีน้ำใจของผู้ชายคนนี้
บัวโผเข้ากอด สอดแขนรัดเอวของผู้ชายตัวสูงกว่าตรงหน้าแน่น...หลับตาเพราะน้ำตาแห่งความดีใจมันไหลออกมาเอง ขอแค่รู้ว่าแม่ปลอดภัย เขาก็ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงอีก...
“…บัวขอบคุณมากนะ ขอบคุณจริงๆที่นายเหมืองช่วยแม่ ไม่รู้จะตอบแทนยังไงดีเลย...”
“บัวก็ตอบแทนด้วยการหนีพี่มาแล้วไง...” น้ำเสียงเศร้าๆของนายเหมืองติดจะซ้ำเติมด้วยความฝังใจ...
เขายังจำความรู้สึกตอนที่รู้ว่าบัวหายไปในเช้าวันนั้นได้แม่น...มันยิ่งกว่าตอนที่เมียคนแรกของเขาเสียเสียอีก เพราะตอนนั้นยังได้พอมีเวลาทำใจล่วงหน้า แต่นี่จู่ๆก็หายไปไม่มีปี่มีขลุ่ย แถมยังเกิดเรื่องร้ายๆมาก่อนหน้านั้นอีกตอนพาเด็กๆไปเที่ยว...จนพาลให้เขาคิดไปแต่ในแง่ลบ เสพข่าวอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับบัวแค่พอผ่านๆ แล้วก็สานต่อความเข้าใจเหตุการณ์ต่างๆเข้าด้วยตัวเอง...ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมันก็มีทั้งดีและไม่ดีน่ะนะ
ผลลัพธ์ที่ดีก็คือเขาสามารถทลายแหล่งค้าไม้เถื่อนได้อย่างรวดเร็วทันควันแบบที่พวกมันไม่ทันได้ตั้งตัว จับตัวการใหญ่ได้คาหนังคาเขา แม้ว่าลูกสาวและคนของมันบางคนจะไหวตัวทันและหนีออกมาได้ ส่วนผลลัพธ์ที่ไม่ดีก็คือเขาเกิดฝังใจ และไม่ไว้ใจครูบัวให้อยู่ห่างจากกายเพราะกลัวจะหายไปกะทันหันแบบนั้นอีกน่ะสิ...
“บัวขอโทษ...เหตุการณ์มันจำเป็นนี่นา นั่นก็แม่...จะให้บัวเห็นข่าวแล้วก็นั่งเฉยๆไม่ทำอะไรอยู่ที่ใต้เหรอ...”
“โอเค...พี่ไม่ได้โทษบัว แต่มันอดไม่ได้นี่...เมียหายทั้งคนนะ พี่ตามหาบัวจนแผ่นดินทั้งจังหวัดแทบลุกเป็นไฟ เกือบได้ประกาศกฎอัยการศึกเฉพาะที่แล้ว เพราะพี่บุกค้นทุกที่ที่มีความเป็นไปได้ว่าบัวจะอยู่แบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมเลยรู้บ้างมั้ย...ไม่รู้ป่านนี้โดนชาวบ้านเขาแช่งด่าไปถึงไหนต่อไหนแล้ว...”
เพราะคำว่าบุกคือบุกจริงๆ ห้องพักคนงานทุกหลังโดนเรียบ บ้านชาวบ้านรอบเหมืองก็ไม่เว้น สถานที่ราชการ ห้าง ร้านค้า โดนหมด...และแน่นอนว่าอารมณ์นั้นเขาคงไม่ได้มีกะจิตกะใจจะไปเคาะประตู เอ่ยสวัสดีแล้วก็เอ่ยขอบคุณตอนจากลาหรอกนะ...
“…กลับไปหนนี้คงต้องซื้อกระเช้าดอกไม้ไปขอโทษยกใหญ่เลย...” บัวเบ้หน้า...นึกภาพออกเลยว่าสถานการณ์นั้นนายเหมืองเป็นอย่างไร
“แต่ตอนนี้...พี่ว่าบัวควรยกขาขอโทษพี่ก่อนดีกว่ามั้ง...จะยกตรงไหนดี ให้เลือกระหว่างผนังกับบนเตียง ห้องน้ำไม่เอานะ...กำแพงบางอยู่ติดด้านนอก บัวยิ่งเก็บเสียงไม่ค่อยอยู่เวลาพี่กระแทกแรงๆ...อุ๊บ”
“ไอ้คนหื่นกาม...!” บัวกัดฟันด่ากรอดพร้อมยกมืออุดปาก พูดเรื่องน่าบัดสีบัดเถลิงตอนกลางคืนบนบ้านเจ้าย่าได้อย่างไร ผีบ้านผีเรือนที่นี่แรงนัก หน้าหนาได้โล่จริงๆผู้ชายคนนี้ “อดทนหน่อยได้มั้ย...นี่อะไร เจอหน้ากันก็กะฟันอย่างเดียวเลยเหรอ นอนคุยกันโน่นนี่ไม่เป็นรึไง”
นายเหมืองส่ายหน้าทั้งที่ปากยังโดนมือขาวๆปิดอยู่ เขาไม่คิดเอาออกหรอก มือครูบัวถึงจะเค็มไปนิดแต่ก็หอมหวานๆดีเหมือนเมื่อก่อนเด๊ะ เขาพูดตอบโต้อู้อี้กลับไปได้ใจความว่า
‘ก็เขาคิดถึงเมีย เจอหน้าเมียแล้วก็อยากกอดเมีย อดอยากปากแห้งมานาน’
บัวแทบหงายหลัง เพราะนอกจากคำพูดที่ได้ยินแม้จะอู้อี้ แต่หลักฐานอันแข็งแรงและทรงพลังที่ดุนดันต้นขาอยู่นั้นก็ฟันธงได้ฉับๆเลยเชียวล่ะ!!
‘ไม่รอดแน่คืนนี้...เจ้าบัวเอ๋ย...’
———————————————————