...ปัง!!!... ...ปัง!!!... เสียงปืนดังขึ้นสองนัดในป่าช้าที่เงียบสงัดขนาดนี้ ทำให้กลุ่มตำรวจกว่าสามสิบนายและทีมคนของนายเหมืองหมอบต่ำในทันที
“นาย! มันดังมาจากทางนั้น” พุฒรีบบอกนายจ้างตัวเองที่ถือปืนในมือเตรียมพร้อม
“รีบไป” ชายหนุ่มเอ่ยตอบรับ แล้วรีบเคลื่อนตัวไปพร้อมๆกับนายตำรวจทั้งหมดที่ร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ ซึ่งหลังจากสองนัดแรกแล้ว ยังมีนัดที่สามตามมาอีกหนึ่งครั้ง ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้หัวใจของนายเหมืองเหมือนหล่นไปอยู่ตาตุ่ม เพราะเบื้องหน้าของพวกเขาตอนนี้คือบ้านแถวร้างชั้นเดียวที่มีไฟเปิดอยู่ คาดว่าน่าจะเป็นแหล่งซ่องสุมเป้าหมายแรกของพวกเขา
แต่ทว่าตอนนี้...มันกลับร้างคน และมีบางห้องที่เปิดไฟทิ้งไว้พร้อมกับเปิดประตูทิ้งไว้ด้วย
ลักษณะไม่ชอบมาพากลที่เห็น มาพร้อมกับหัวใจที่เต้นระรัวอยู่ในอก
จากสภาพที่เห็นเดาได้ไม่ยาก ก่อนหน้านี้เด็กๆคงจะอยู่กันที่นี่ แล้วตอนนี้ก็คงแอบหนีออกไปได้แล้ว
แล้วถ้าเขาไวไม่เท่าไอ้พวกนั้น...ลูกเขามีแต่ตายกับตาย!!!
--------------------------------------------- ---- -- -- - - -- - - - - - - - - -- - - -
เส้นทางที่รกชัฏและเต็มไปด้วยกิ่งไม้ทำให้คณะเด็กและผู้ใหญ่ห้าชีวิตไปกันได้ไม่ค่อยคล่องตัวนัก บัวที่พยายามเกี่ยวกิ่งไม้ออกไปให้พ้นทางเริ่มรู้สึกแสบที่แขน แต่ความเร็วในการเดินก็ไม่ผ่อนลงเลย ยิ่งมีเสียงปืนดังขึ้นมาสองนัด หลังจากที่พวกเขาออกมาจากห้องร้างหลังนั้นได้ประมาณแค่ไม่เกินสิบนาที บัวก็รู้ได้เลยทันทีว่าตอนนี้พวกมันคงจะรู้แล้วว่าพวกเขาหนีออกมาจากที่นั่นได้
ตอนนี้จากการคาดเดาระยะทาง เขาคิดว่าอีกไม่นานก็น่าจะไปเจอถนนใหญ่ได้แล้ว แต่ยิ่งวิ่งก็เหมือนยิ่งวกวน โกศเก่าๆก็เริ่มมีให้เห็นหนาตาขึ้นเรื่อยๆ ความเงียบวังเวงยิ่งทำให้แต่ละคนไม่กล้าที่จะพูดคุยกัน สองแสบนั้นแม้จะกลัวแสนกลัวแต่ก็รีบวิ่งพร้อมกับช่วยจับจูงมือดอกปีบให้ผ่านไปพร้อมๆกับพวกเขาให้ได้ ซึ่งคนที่ดูจะไม่เคยชินและเชื่องช้าที่สุดในทีมตอนนี้เห็นจะเป็นเด็กลูกครึ่งคนนี้นี่แหละ จนในที่สุดบัวต้องบอกให้ส้มรีบวิ่งนำหน้าแล้วตรงไปเรื่อยๆ พร้อมกับพาสองแสบไปด้วย ส่วนตัวเองหยุดรอให้ดอกปีบขึ้นขี่หลัง แล้ววิ่งตามขบวนรั้งท้าย
“อีกนิดเดียวแล้วนะครับ อดทนหน่อยนะปีบ” บัวบอก ปลอบใจทั้งเด็กบนหลังและตัวเอง ดอกปีบเพียงพยักหน้าเอาคางเกยบ่าผู้มีศักดิ์เป็นหลานตัวเองแล้วกอดคอเอาไว้แน่นๆ พยายามทำตัวให้เบาที่สุดเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเป็นภาระของอีกฝ่ายมาก ก็เมื่อครู่ตอนที่วิ่งมาเขาหกล้มมาสองสามรอบจนเข่าถลอกปอกเปิกเลือดออกหมดแล้ว บัวที่ทนไม่ไหวจึงตัดสินใจให้ดอกปีบขึ้นขี่หลังในที่สุดนั่นเอง
บัวแม้จะเหนื่อยจนหอบ แต่พอเห็นหลังของสองแสบและเจ้าส้มไวๆอยู่ด้านหน้าก็พยายามเร่งฝีเท้าตามให้ทัน
ทว่า...
เสียงปืนนัดที่สามก็ตามมาดัง
...ปัง!!! อยู่ใกล้ๆเฉียดไหล่เขาไปนี่เอง!!
“หยุดนะ!! ถ้าไม่หยุด กูยิงเด็กนั่นแน่” เสียงตะโกนเกรี้ยวกราดดังมาก่อนจะเห็นตัว บัวหยุดชะงักตั้งแต่รู้สึกถึงลมร้อนๆของมัจจุราชผ่านไหล่ตัวเองแล้ว
คุณครูหนุ่มผ่อนลมหายใจแผ่วเบา ในสมองของเขาตอนนั้นมันเงียบและมืดมาก เขาคิดอะไรไม่ออก รู้ตัวแต่ว่ามือเขานั้นเย็นมาก ส่วนตัวของดอกปีบก็สั่นและเปียกชื้นมากด้วย
เขาค่อยๆหันไปเผชิญหน้ากับเสียงสวบสาบที่ดังลอดออกมาจากพุ่มไม้ด้านหลัง ดอกปีบลงจากหลังบัวไปแล้วและถูกกันเอาไว้ให้อยู่ด้านหลัง ส่วนตัวของเขากำลังหันไปสบตากับปากกระบอกปืน ที่คนถือเป็นเพียงผู้หญิงที่ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง แต่งตัวด้วยชุดสีดำ และแววตาอาฆาตมาดร้ายราวกับงูแทน
“...คุณติรกา” บัวพึมพำเรียกชื่อของเธอ แม้จะเจอกันไม่กี่ครั้ง แต่หล่อนก็ถูกยกเป็นหนึ่งในบุคคลที่บัวไม่อยากจะเจอที่สุดไปได้อย่างง่ายดาย
“เฮอะ แกจริงๆด้วย วุ่นวายอยู่รอบตัวนายเหมืองไม่เลิกเลยนะ ระวัง..จะตายโดยไม่รู้ตัว” หญิงสาวที่หมดคราบความสวย ไร้ลิปสติกสีแดงสดที่เธอชอบทา แต่กระนั้นบัวก็ยังจำแววตาของเธอแบบนี้ได้ไม่ลืม
“ก็ผมตัดสินใจจะร่วมหัวจมท้ายไปกับนายเหมืองแล้ว ต่อให้อันตรายกว่านี้ผมก็ยินดีเผชิญหน้ากับมัน” บัวบอก พยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น ใจภาวนาขอให้ส้มพาสองแสบไปจนถึงที่ที่ปลอดภัย แล้วช่วยวกกลับมาพาดอกปีบไปด้วย
แต่คำภาวนาของเขาก็คงไปไม่ถึง เพราะเขาไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยนอกจากเสียงหัวใจตัวเองที่เต้นตึกตักๆทะลุอกจนน่ารำคาญ
“รักกันจังเลยนะ” ติรกายักไหล่ ข้างหลังหล่อนมีผู้ชายที่เพิ่มวิ่งเข้ามาถึงอีกสองสามคน ทุกคนอยู่ในชุดสีดำที่ดูกลมกลืนไปกับความมืดด้านหลังกันหมด แต่บัวไม่ได้จดจ่ออยู่ที่พวกผู้ชายเหล่านั้น สายตาของเขากำลังจับจ้องทุกอากัปกิริยาที่ผู้หญิงหนึ่งเดียวตรงหน้าเขากำลังจะทำมากกว่า “แต่ว่าฉันไม่อิน...”
“แล้วทำไมคุณต้องจับเด็กๆมาด้วย พวกแกเป็นแค่เด็ก ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลยนะ”
“มันก็เหมือนกับที่แกไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย แต่ดันเข้ามาแส่พาพวกมันหนีนี่ไงล่ะ!!” รติกาพูดด้วยอารมณ์ นายเหมืองกำลังตามมาอยู่แล้วเชียว ถ้าเพียงแค่ไอ้ผู้ชายตรงหน้านี่ไม่โผล่มาให้หล่อนเสียแผน แผนการแก้แค้นแทนพ่อของเธอมันก็กำลังจะสำเร็จ
แต่ดันมีมารเข้ามาขวาง...เลยทำให้เรื่องมันยิ่งยุ่งยากขึ้นไปอีก
“ผมเข้าใจนะ ว่าที่คุณทำแบบนี้ จริงๆแล้วคุณแค่อยากเจอนายเหมืองเท่านั้นเองใช่มั้ย ทำไมคุณไม่เจรจาดีๆ นายเหมืองคงไม่ใจร้ายกับคุณหรอก”
“พูดได้สิ แกไม่ใช่ฉันนี่” มือที่จับปืนของเธอเริ่มสั่น คนที่หล่อนลงหลักปักใจให้มานาน สุดท้ายจะกลายเป็นคนที่พาตำรวจบุกเข้ามาจับพ่อของเธอ และทำให้เธอต้องสูญเสียพ่อที่เป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวของเธอไปในที่สุด “ถึงฉันจะรักเขา แต่สิ่งที่นายเหมืองทำเอาไว้กับครอบครัวของฉัน มันให้อภัยไม่ได้จริงๆ”
บัวมองหน้าผู้หญิงคนนั้น ใบหน้าทรุดโทรม ดวงตาบวมช้ำ และแววตาที่อัดแน่นไปด้วยความแค้น ระยะเวลาที่ผ่านมาเธอเองก็คงผ่านอะไรมามาก เพราะภาพที่บัวจำติดสมองได้ของผู้หญิงคนนี้คือภาพผู้หญิงสวยเฉี่ยวที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ไม่เคยเลยสักครั้งที่เธอจะปล่อยให้คนอื่นเห็นสภาพของเธอที่เป็นแบบนี้
แต่ถึงบัวจะสงสารในกรรมที่ผู้เป็นพ่อทิ้งเอาไว้ให้ผู้หญิงคนนี้ต้องเผชิญหน้า แต่มันก็ไม่มากพอให้บัวหายโกรธกับสิ่งที่เธอทำกับลูกๆของนายเหมืองแล้วก็ดอกปีบ เพราะถึงอย่างไรถ้าเขาจะแก้แค้นก็ควรไปลงที่ผู้ใหญ่สิ เอาเด็กเล็กๆแบบนี้มาต่อรอง...คิดได้ยังไง
“คุณไม่ได้รักนายเหมือง คุณไม่เคยรักเขา...เพราะถ้าคุณรัก คุณจะต้องรับได้กับทุกเรื่องที่เขาเป็น เหมือนอย่างที่คุณรักพ่อของคุณไง รัก...ทั้งๆที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่าสิ่งที่เขาทำมันผิดกฎหมาย!”
“ก็นั่นพ่อฉัน!! อย่ามาพาดพิงถึงถ้าแกไม่ได้รู้ดีไปหน่อยเลย!!” ติรกาพูดเสียงกร้าว จ้องเขม็งไปที่ผู้ชายผิวขาวตรงหน้าด้วยดวงตาแสดงความเกลียดแบบไม่ปิดบัง นิ้วหัวแม่โป้งยกขึ้นนก เตรียมพร้อมที่จะยิงได้ตลอดเวลา “ฉันรักเขาสิ ฉันรักเขาก่อนแกอีก ตั้งแต่เมียเขายังอยู่ จนเมียเขาตาย...ฉันคอยเฝ้ามองดูเขาอยู่ตลอด”
“...ทั้งๆที่คุณก็รู้ว่านายเหมืองไม่ได้รักคุณเลยเนี่ยนะ” บัวพูดออกไปตรงๆ เขาไม่ใช่ผู้หญิงในนิยายน้ำเน่าที่จะต้องประดิดประดอยถ้อยคำสวยหรู นาทีนี้พูดอ้อมค้อมไปก็ไม่ได้อะไร บัวแค่อยากรู้ว่าติรกาเธอคิดอะไรของเธออยู่กันแน่ถึงต้องทำขนาดนี้
...ทั้งที่บอกว่ารัก แต่ก็อยากให้เขาตาย...
แบบนี้มันไม่ใช่รักหรอก ที่เธอรู้สึกกับนายเหมือง มันแค่ ‘หลง’ เท่านั้นเอง
ทว่าบัวก็ได้แต่คิดอยู่ในใจ ไม่ได้พูดออกไปสุมไฟโกรธในตัวของติรกาให้มากขึ้นไปอีกหรอก
“รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่รักฉัน ถ้าเขาไม่รักฉันแล้วเขาจะไปกินข้าวกับฉันที่บ้านพ่อบ่อยๆทำไม” ท้ายประโยคที่พูดบัวจับได้ว่าคนพูดมีน้ำเสียงสั่นอย่างเห็นได้ชัด แล้วยังแววตาเจ็บปวดที่เผยออกมาให้เห็นนั่นอีก
เธอพูดทั้งๆที่รู้...ว่าเป้าหมายของการเหยียบไปเข้าบ้านของพ่อเธอในแต่ละครั้งนั้นนายเหมืองมีจุดประสงค์อะไร
จะว่าไปแล้วคนของเขาเองก็ร้ายไม่ใช่น้อย ให้ความหวังกับผู้หญิง เสแสร้งหลอกใช้เธอมานาน
มันคงเป็นวัฐจักรของกรรมจริงๆที่นายเหมืองต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้
เขาเข้าใจความรู้สึกทั้งรักทั้งแค้นของผู้หญิงคนนี้นะ
แต่เขาก็เลือกแล้ว ที่จะยืนอยู่เคียงข้างนายเหมืองอยู่ดี
ไม่ว่านายเหมืองสิงห์จะถูกหรือจะผิดมากน้อยแค่ไหนในเหตุการณ์นี้ก็ตาม
“ผมว่าเราจัดการมันเลยดีกว่า เสียเวลากับไอ้นี่มามากพอแล้ว เดี๋ยวพวกนั้นมาถึงแล้วเราจะซวยนะครับคุณหนู” หนึ่งในลูกน้องของติรกาเอ่ยขึ้นมา ปืนอีกสองสามกระบอกที่ถูกยกขึ้นเล็งเป้ามาที่บัวถูกกระชับแน่น ซึ่งนั่นทำให้บัวเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างจริงจัง บรรยากาศวังเวงเหมือนมีอะไรจ้องอยู่ตลอดเวลาหรือจะมีอะไรออกมาได้ตลอดเวลายังไม่ทำให้บัวรู้สึกขนลุกได้เท่านาทีนี้เลย
“อย่านะ คุณติรกา...คุณ...” บัวเริ่มเอามือผลักตัวดอกปีบให้หลบไปห่างๆจากหลังของเขา ทว่านิ้วเด็กกลับดึงเสื้อเขาเอาไว้แน่น ระยะเผาขนแค่นี้ถ้าผู้หญิงคนนี้ยิง ดอกปีบมีสิทธิ์ที่จะได้รับอันตรายไปด้วยแน่ๆ บัวต้องทำอะไรสักอย่าง...แต่เขาจะทำอะไรได้!
“...ไปอยู่รอผัวของแกในนรกเถอะนะ รักกันมากนี่...แล้วฉันจะรีบสงเคราะห์เขาไปหาแกให้เร็วๆ”
“ก็ลองดูสิ ว่าใครจะได้ไปรอในนรกก่อนกัน ระหว่างครูเขา...กับเธอ”
เสียงเย็นเยียบราวคนกำลังข่มโทสะดังขึ้นมาท่ามกลางเสียงของป่าช้าที่เงียบงัน บัวขนลุกขึ้นมาแว่บหนึ่งก่อนจะรู้สึกอุ่นวาบไปทั้งใจ เมื่อเสียงที่ได้ยินนั้นคุ้นมาก...เสียงของส้ม
“ถ้าเธอยิง ฉันก็ยิง” ส้มที่เดินออกมาจากพุ่มไม้ด้านหลังของบัวยกมือขึ้นมาข้างหน้า ในอุ้งมือนั้นมีปลายกระบอกปืนโผล่ออกมาให้เห็นอยู่รำไร คงเป็นปืนกระบอกสุดท้ายที่ส้มแอบเอาไว้ได้ ไม่โดนพวกมันยึดไปก่อนหน้านี้
“...ส้ม”
“อ๋อ นี่อยู่ดีๆไม่ชอบ อยากจะลากไปลงนรกกันทั้งโคตรเลยใช่มั้ย” ติรกาเบือนสายตามองตรงมาที่มีคนมาใหม่ บัวเองก็เห็นทางปลายหางตา ว่าที่ข้างหลังของเจ้าส้มนั้นมีสองแสบยืนแอบเกาะชายเสื้อน้าชายอยู่
“เออ แต่ไอ้ที่ทั้งโคตรน่ะ ไม่ใช่พวกฉันหรอกนะ...แต่เป็น...” ส้มเว้นค้างไว้ในตอนท้าย แล้วทำการส่งซิกให้กับสองแสบที่แอบอยู่ด้านหลังของตัวเอง
และในวินาทีนั้น โดยที่ไม่มีใครทันคาดคิด เจ้าสองแสบที่หลบอยู่หลังส้มก็แท็กทีมกันกระโดดเข้าใส่ผู้หญิงหนึ่งเดียวในกลุ่มที่ถือปืนเล็งไปทางคุณครูตาหวานของเด็กๆ หญิงสาวเสียหลักพลาดท่าล้มลง เด็กๆไม่รอให้หญิงสาวตั้งตัวได้ก็ช่วยกันตะครุบแขนทั้งสองข้างกดไว้กับพื้น ฝ่ายผู้ชายที่ยืนกันท่าอยู่ด้านหลังของติรกาก็ตั้งท่าจะรีบเข้ามาช่วย ส้มที่รออยู่แล้วก็พุ่งเข้าไปหยุดหนึ่งในนั้นที่ยืนใกล้ที่สุดทันที ส่วนบัวเมื่อเห็นว่าชายอีกคนกำลังเล็งปืนไปที่เด็กๆก็รีบผลักดอกปีบที่หลบอยู่หลังตัวเองให้ไปไกลๆ แล้วยกเท้าขึ้นเตะโดนแขนของชายคนนั้นจนปืนหลุดกระเด็น
“เฮ้ย!! ครูบัว ระวัง!!!” ส้มที่กำลังยื้อแย่งปืนอยู่กับฝ่ายตรงข้าม ทันหันมาเห็นมือข้างที่ถือปืนอยู่ของติรกากำลังยกชี้มาทางบัวพอดีจึงตะโกนบอกขึ้น
และคนที่จัดการกับมือข้างนั้นได้ทันเวลาก็คือไทกอนที่กดแขนข้างนั้นเอาไว้อยู่ เด็กชายกัดแขนเรียวลงไปเต็มแรง โดยไม่ได้สนใจเลยว่ามันจะได้เลือดหรือไม่
เขาสองคนถึงจะเป็นเด็ก แต่เลือดบ้าดีเดือดของพ่อก็มีอยู่เต็มตัว ตอนนี้ต่อให้อันตรายแค่ไหนพวกเขาก็ไม่กลัวทั้งนั้น!
ตราบใดที่พวกเขายังอยู่ด้วยกัน...ยังไงก็ต้องไม่เป็นไรแน่ๆ
“โอ๊ย!! ไอ้เด็กบ้านี่!” ติรกาที่แพ้แรงเด็กสองคนในคราแรกพยายามที่จะดิ้นเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุม แต่เพราะสองแสบแรงเยอะไม่ใช่เล่น การจะสะบัดให้หลุดไม่ใช่เรื่องง่าย “อย่าให้หลุดไปได้นะ! คราวนี้ฉันจะไม่ปราณีพวกแกแน่!”
“หยุดนะ!! อย่าทำอะไรไลเกอร์!” บัวรีบแทรกตัวเข้าไปขวางทันทีที่เห็นไม้ท่อนหนึ่งถูกยกขึ้นเตรียมฟาดลงไปบนร่างเด็กๆ ความเจ็บแล่นปราดไปทั่วทั้งแขน แต่บัวยังฮึดปล่อยขาถีบใส่คนที่หมายจะเอาไม้มาฟาดเด็กๆของเขาไปอีกทีแรงๆ จากนั้นก็ตรงเข้าไปยื้อปืนออกมาจากมือของติรกา ซึ่งก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรเมื่อเด็กๆสองคนให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
แล้วเมื่อปืนลงมาอยู่ในมือของบัวได้สำเร็จ คุณครูหนุ่มก็ยกขึ้นเล็งไปหาชายอีกคนที่ตอนนี้เป็นเพียงคนเดียวที่มีปืนแต่ทว่าไม่กล้ายิง ได้แต่ยิงขึ้นฟ้าไปอีกสองนัดเมื่อสักครู่เพราะความชุลมุนตรงหน้าอาจทำให้เขายิงไปโดนเพื่อนเข้า
“วางปืนลง” บัวขู่หนุ่มสุดท้ายที่ยังมีอาวุธปืนอยู่ในมือ แต่ต่างฝ่ายต่างยังคุมเชิง ไม่มีทางแน่ๆที่ทางนั้นจะยอมวางปืนอย่างที่บัวบอก บัวขู่ซ้ำแต่มันก็ไม่ได้ผลอะไรอยู่ดี
ฝ่ายส้มที่อาศัยความตัวเพรียวและว่องไว บวกกับคู่ต่อสู้ของเขาไม่ใช่คนที่ตัวใหญ่มาก เขาจึงจัดการกับจุดยุทธศาสตร์ของมันจนเข่าทรุด แล้วเข้าไปยืนเคียงครูบัวเพื่อกดดันอีกฝ่ายให้วางปืนลง ในขณะที่ด้านหลังของทั้งคู่มีติรกาที่สามารถหลุดจากการจับกุมของไทกอนออกมาได้ และสามารถสะบัดไลเกอร์ออกไปได้อีกคนเรียบร้อยแล้ว
“ไอ้เด็กบ้า ฉันไม่ปล่อยให้พวกแกรอดแน่!!” คนพูดเอ่ยด้วยความโกรธจัด ในหัวของเธอตอนนี้สองจิตสองใจเมื่อเป็นอิสระ เพราะนอกจากปืนที่ถูกยึดไปแล้วเธอยังมีมีดสั้นที่เอาใส่กระเป๋าไว้อยู่ตลอด
เธอกำลังลังเล...ว่าจะโยนไปใส่ใครก่อน
ระหว่างเด็กบ้าสองคนนั่น กับผู้ใหญ่สองคนที่ยืนขวางหน้าเธอกับลูกน้องของพ่อเธออยู่ตอนนี้
“เป็นพวกแกที่ตายก่อนก็แล้วกัน!” และแล้วเธอก็ตัดสินใจได้
มีดในมือถูกขยับจับให้มั่นในมือ แรงคนโกรธพาให้เธอเริ่มสาวเท้าไปข้างหน้าเพื่อเตรียมพุ่งตัวใส่เป้าหมายที่เธอเลือก
และในจังหวะที่เธอกำลังเงื้อมือขึ้นสุดแขน และเป้าหมายกำลังหวีดร้อง
...ปัง!!!... เสียงปืนนัดหนึ่งก็ดังขึ้น เป้าหมายของกระสุนปืนคือตรงข้างเท้าหล่อน และมันก็ทำให้ติรกาตกใจจนหยุดมือที่กำลังเงื้อมีดลงได้
“ถ้ามึงทำอะไรลูกกู กูรับรองได้ว่าศพมึงไม่สวยแน่”--------------------------------------------------- -- - -- - - -- - ---- - - -- --- - - -
ครบสี่เดือนพอดีกว่าจะได้ลง
ในที่สุดมันก็หลุดออกมาจากไหดองจนได้...
ขอบคุณทุกคนนะคะ จิบอกว่าเรื่องนี้อีกไม่กี่ตอนก็จบแว้ววววววววว