ตอนที่ ๒๕“ถ้ามึงทำอะไรลูกกู กูรับรองได้ว่าศพมึงไม่สวยแน่”
น้ำเสียงแหบเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของบุคคลที่บัวคุ้นเคยดังขึ้น แต่น้ำเสียงนั้นเครียดขมึงจนบัวเองยังรู้สึกขนลุกไปทั้งแผ่นหลัง ร่างของคนพูดปรากฏขึ้นจากหลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งทางด้านหน้าของบัว พร้อมๆกับที่รอบบริเวณนั้นมีชายในชุดตำรวจพร้อมอาวุธครบมือโผล่ออกมาล้อมรอบบริเวณ
“เฮอะ นี่แค่จะจับผู้หญิงคนเดียวถึงกับต้องขนกันมาทั้งโรงพักเลยรึไง ขี้ขลาด!!” ติรกาตวาดก้อง มือแม้จะชื้นเหงื่อไปหมดแต่ก็ยังกำมีดเอาไว้แน่น ในบรรดาลูกน้องของพ่อเธอที่พอจะมีประโยชน์ก็เหลือแค่สอง คนหนึ่งมีปืน อีกคนมือเปล่า ส่วนอีกคนเอาแต่กุมเป้านอนร้องโอดโอยอยู่กับพื้น
ไม่ได้เรื่องเลยซักคน!!
“ส้ม...เอาปืนบัวไป” บัวอยากจะยิ้มออกมาในทันทีที่เจอผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่ทำหน้าบึ้งถมึงทึงและจ่อปืนมาทางพวกเขา แต่ว่าบัวก็ทำไม่ได้เพราะสถานการณ์ตรงหน้าที่ต้องเผชิญทำให้ในหัวสมองของบัวต้องแล่นต่อไปเมื่อเด็กๆยังอยู่ในอันตรายตรงหลังผู้หญิงคนนั้น
นายเหมืองมาทันเวลาพอดี นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว แต่สิ่งที่บัวต้องทำมันยังไม่หมด
เขาต้องเอาเด็กๆออกมาจากตรงนั้นให้ได้ก่อน เพราะตอนนี้ดูเหมือนดอกปีบจะมีสีหน้าย่ำแย่มาก อาการเหมือนจะไม่ไหวแล้ว
“ครู จะทำอะไร” ส้มถามอย่างงงงวยเมื่อจู่ๆครูบัวก็ยัดปืนกระบอกเล็กใส่กลับมาในมือของเขา
“คุณติรกา ปล่อยเด็กๆไปเถอะครับ พวกแกไม่เกี่ยว ถ้าจะต่อรองกับนายเหมือง แค่ผมคนเดียวก็พอ” บัวตัดสินใจหันไปเผชิญหน้ากับผู้หญิงคนนั้น พร้อมทั้งยกมือโชว์ให้ดูว่าเขาไม่มีอาวุธอะไรเหลืออีกแล้ว จากนั้นก็ยกทั้งสองมือขึ้นเหนือหัว
“บัว! หยุดนะ! อย่าทำอะไรโง่ๆ!” นายเหมืองรีบตะโกนบอกคนรักของเขาที่กำลังเดินเข้าไปหาติรกาด้วยตัวเปล่าๆ “นี่เป็นเรื่องของติรกากับฉัน เธอไม่เกี่ยว!”
“เกี่ยวสิ!! ผมเป็นคนรักของคุณนะจะไม่เกี่ยวได้ยังไง” บัวหันมาตวาดกลับ “แล้วอีกอย่าง ผมก็เข้าใจความแค้นที่คุณอยากจะฆ่าพวกเราดีด้วย เพราะถ้าเป็นผม..ผมก็คงจะทำแบบเดียวกันกับคุณ”
“แกพูดบ้าอะไรฮะ คนอย่างแกจะมาเข้าใจอะไรฉัน ขนาดคนที่ฉันรัก คนที่ฉันไม่เคยคิดร้ายด้วยยังทำกับครอบครัวของฉันได้ลงคอเลย!” ติรกาพูดไปก็ส่งสายตาที่เจ็บช้ำหันไปมองคนที่มาใหม่ คนที่หล่อนรู้สึกทั้งรักทั้งเกลียด อยากทำร้ายให้เจ็บ
ให้รู้ว่าการที่คนในครอบครัวโดนทำร้ายบ้าง มันเป็นยังไง
“ใช่ เรื่องนี้นายเหมืองมีส่วนผิด ซึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เรื่องมันเป็นอย่างนี้ด้วยเหมือนกัน..” บัวใช้จิตวิทยาการศึกษาที่เคยเรียนมา จ้องตาคนตรงหน้าด้วยความแน่วแน่ สะกดความกลัวเอาไว้ภายในจิตใจส่วนลึกแล้วก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง “ถ้าตอนนั้นนายเหมืองรู้ว่าผมหายไปไหน เขาก็คงไม่ตามหาผมจนพาลพาตำรวจไปจับพ่อคุณ แล้วพ่อคุณก็คงจะไม่ตาย...”
“นี่แก...!” ความจริงข้อนี้ติรกายังไม่รู้ และการที่เพิ่งรู้สาเหตุที่แท้จริงของการบุกทลายธุรกิจของพ่อเธอในตอนนี้ ก็ทำให้มือที่จับมีดเอาไว้สั่นอย่างควบคุมไม่อยู่
ความแค้นของหล่อนถูกแบ่งครึ่งถ่ายโอนไปที่ผู้ชายตรงหน้า
คนที่หล่อนรู้สึกเกลียดขี้หน้าตั้งแต่แรกพบ
และตอนนี้หล่อนก็รู้สึกอยากฆ่า
อยากฆ่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าที่สุด!
“...ผมขอโทษ”
และในตอนนั้น คำพูดหนึ่งที่จู่ๆก็ผุดขึ้นมาในห้วงความคิดก็ถูกบัวเอ่ยขึ้น
เพราะถึงอย่างไรก็แล้วแต่ ในความเป็นจริงตัวของบัวเองก็รู้สึกผิดอยู่จริงๆที่การหายตัวไปของตัวเองอย่างกะทันหันในครั้งนั้น ทำให้เกิดเรื่องราวมากมายที่เหมืองได้ขนาดนี้
สายตาแน่วแน่จ้องสบตาหญิงสาวที่เริ่มมีน้ำตาไหลด้วยความแค้น แล้วพอถึงตรงนี้บัวยอมรับตรงๆว่าเขาก็รู้สึกสงสารติรกาขึ้นมาเหมือนกัน
แต่ว่า...เมื่อเหลือบหางตาไปเห็นเด็กๆนั่งกระจุกตัวกอดกันแน่นอยู่ข้างหลังเธอแล้ว ความโกรธของบัวก็พุ่งกลับขึ้นมาเหมือนเดิม
เพราะต่อให้เธอจะโกรธ เกลียด พ่อของเด็กๆอย่างไร ก็ไม่ควรคิดที่จะเอาเด็กตัวเล็กๆแบบนี้มาเป็นเหยื่อในการแก้แค้นของเธอ เพราะเด็กๆไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย ไม่สมควรเลยที่จะมามีประสบการณ์อะไรแย่ๆแบบนี้ในวัยเด็ก
“ปล่อยเด็กๆไปเถอะผมขอร้อง แล้วคุณจะให้ผมทำอะไร ผมยอมทั้งนั้น”
ใบหน้าบูดเบี้ยว จะยิ้มก็ไม่ยิ้ม จะหัวเราะก็ไม่ออกของติรกาทำให้บัวรู้สึกเย็นที่มือ
เขาน่าจะรู้ตั้งแต่แรกนะว่าคำพูดนี้มันคงไม่ได้ผล
“เอาล่ะครับ คุณติรกา ใจเย็นๆนะครับ วางมีดลงก่อน เราพร้อมเจรจากับคุณนะครับ”
และในช่วงเวลาที่เงียบงันชั่วคราวนั้น เสียงตำรวจคนหนึ่งก็เอ่ยขึ้น บัวเข้าใจว่าเขาคงเกลี้ยกล่อมตามขั้นตอนกระบวนการของตำรวจ หรือจะเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของหญิงสาวตรงหน้าก็ไม่รู้ล่ะ รู้แต่ว่าบัวพอจะใช้ช่วงเวลานี้ให้เป็นประโยชน์ได้ เพราะดูเหมือนตอนนี้ติรกาจะเริ่มหันเหความสนใจไปที่พวกตำรวจและนายเหมืองแล้วจริงๆ
“เฮอะ พร้อมเจรจาเหรอ ยกโขยงกันมาทั้งโรงพักขนาดเนี้ย ไม่ใช่หวังจะจับตายหรอกเหรอ”
หญิงสาวยังคงยืนกันท่ากั้นระหว่างเขากับเด็กๆ แต่ในชั่วขณะนั้นที่หล่อนหันไปคุยกับพวกตำรวจ บัวก็ได้ทีขยับไปทางเด็กๆได้นิดหนึ่ง
“ใจเย็นๆครับ มีสติก่อนนะครับคุณ”
เสียงนี้บัวพอจะจำได้ว่าเป็นเสียงของเพื่อนนายเหมืองคนหนึ่ง เขาคงพยายามช่วยกันเกลี้ยกล่อม
“สติเหรอ จะให้ฉันใจเย็นๆ มีสติยืนอยู่ตรงหน้าคนที่ทำลายครอบครัวของฉันเนี่ยนะ!”
“ตอนนั้นต่อให้ไม่มีเรื่องบัวขึ้นมา สักวันมันก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี! เลิกบ้าแล้วมองโลกแห่งความเป็นจริงได้แล้ว”
เขาว่าเขาทนเยอะแล้วนะ แต่พอคิดว่าผู้หญิงคนนี้ทำอะไรลงไปบ้างแล้วเขาก็ไม่สามารถพูดดีๆได้ด้วยจริงๆ
“...นี่นายเหมือง หาว่าฉันบ้าเหรอ”
เขาไม่ทันได้ฟังดีนักหรอกว่าติรกาตอบอะไรเขาบ้าง แต่เขาเห็นท่าทีของบัวที่กำลังค่อยๆขยับไปเข้าใกล้เด็กๆแล้วก็พอจะรู้ว่าคุณครูตัวเล็กคิดจะทำอะไร เห็นทีเขาต้องช่วยถ่วงเวลาและดึงความสนใจจากติรกาไว้ให้อีกหน่อยสินะ
“พ่อของเธอเอาชุดข้าราชการมาทำร้ายพวกชาวบ้านมานานเกินพอแล้ว แล้วถ้าเธอยังไม่รู้อีกอ่ะนะ ฉันก็จะบอกเพิ่มให้ ว่าอันที่จริงแล้วพวกฉันรวบรวมหลักฐานเตรียมเล่นงานพ่อของเธอมาพักใหญ่แล้ว ทั้งค้าไม้เถื่อน บุกรุกป่าสงวน ปล่อยเงินกู้นอกระบบ แล้วก็ยังมีพวกเรื่องข่มขู่ชาวบ้านให้ขายที่ดินให้อีก เธอเป็นลูกสาวของเขา อย่าบอกนะว่าไม่เคยรู้เรื่องของพ่อตัวเองเลย”
อันที่จริงถ้าจะให้พูดไป ตัวติรกาเองก็เคยใช้อำนาจบาตรใหญ่ของลูกสาวผู้มีอิทธิพลทำอะไรหลายๆอย่างกับพวกชาวบ้านในตัวอำเภออยู่ไม่น้อย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรมากมายเลยไม่มีใครเอาเรื่องเธอ นอกจากจะระอากับพฤติกรรมของหล่อนไปตามๆกัน
แต่เขายอมรับอย่างหนึ่งว่าคิดไม่ถึงจริงๆว่าเรื่องคราวนี้จะมีติรกาอยู่เบื้องหลัง
หล่อนทำเกินไปจริงๆ และหล่อนคิดผิดมาก ที่มายุ่งกับลูกเมียของเขา!
“..นี่...นี่หมายความว่า...นายเหมือง..เป็นสาย...”
“ใช่ ไม่ปฏิเสธ แล้วที่ฉันยอมไปบ้านเธอบ่อยๆก็เพราะต้องการหาหลักฐาน ทีนี้ถ้าเธอจะทำร้ายใครเพราะความแค้นส่วนตัว ก็ให้มาลงที่ฉันคนเดียว อย่าไปลงที่คนอื่น”
“อ๋อ นี่รักกันมาก ถึงขนาดยอมรับแทนกันได้เลยเหรอ ครูตาหวานนี่เก่งเนอะ...มาแค่แป๊บเดียวก็ได้หัวใจนายเหมืองไป ฉันเอาใจแทบตาย สุดท้ายยังกลายเป็นหมาหัวเน่าเลย”
ท้ายประโยคหญิงสาวตวัดสายตากลับไปจ้องมองบัวที่สามารถเขยิบร่างกายไปยืนบังอยู่หน้าเด็กๆได้ทัน สายตาอาฆาตปิดไม่มิดทำให้บัวยกมือขึ้นกั้น ไม่ยอมให้อะไรก็ตามเข้าไปทำร้ายเด็กๆได้เด็ดขาด
“อย่านะ ถ้าเธอทำอะไรตอนนี้เธอไม่รอดแน่ แต่ถ้าเธอกลับใจ มอบตัวซะ ฉันแน่ใจว่าเธอจะไม่เป็นไร เธอยังไม่ได้ทำอะไรร้ายแรงเลย เธอยังไม่ได้ทำร้ายใคร เชื่อฉันนะ...วางมีดลงที่มือของฉัน แล้วมอบตัว...”
“กรี้ดดดดดดด อย่านะ!! อย่าขยับมา!!” ด้วยเพราะอะไรหลายๆอย่างที่หล่อนเพิ่งรู้ในคืนนี้มันมากเกินไป มันมาพร้อมกันเกินไป หล่อนรับมันจะไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้วจริงๆ!
ทำไมโลกใบนี้ มันช่างโหดร้ายกับเธอเหลือเกิน...
“ทั้งแก ทั้งนายเหมือง ทั้งทุกๆคน!! มันก็หลอกลวงฉันกันหมด ไม่มีใครที่ฉันจะเชื่อได้หรอก!! พวกแกก็หลอกฉัน ส่วนพวกแกก็ห่วย! ห่วยกันหมดทุกคน!! พ่อฉันเลี้ยงพวกแกเสียข้าวสุกชะมัด ทำไมพวกแกถึงช่วยอะไรพ่อฉันไม่ได้เลยฮ๊ะ! ทำไม!!!”
และโดยไม่มีใครคาดคิด ติรกาที่กำลังตะโกนพูดในสิ่งที่อยากพูดออกมาก็พุ่งตัวเข้าไปหาลูกน้องของพ่อเธอคนสุดท้ายที่ยืนถือปืนงกๆเงิ่นๆแถมมือยังสั่น เพราะเห็นตำรวจมาขนาดนั้นก็คิดแล้วว่าคงไม่รอด ปืนถูกแย่งไปอย่างง่ายดายพร้อมกับที่ตำรวจสองสามคนที่รอแสตนด์บายอยู่หลังชายคนนั้นก็รีบพุ่งตัวเข้าชาร์จทันที แต่ก็ไม่ทันติรกาที่คว้าปืนไป ทั้งสองสามนายนั้นจึงทันแต่กดตัวลูกน้องคนสุดท้ายของติรกาลงกับพื้นแล้วสับกุญแจมือ
“หยุด!! อย่าเข้ามานะ!! ไม่งั้นฉันยิงพวกมันแน่!” ติรกาเดินถือปืนกลับจ่อที่บัวซึ่งยืนขวางเด็กๆไว้อยู่ นายเหมืองสิงห์เห็นท่าไม่ดีจึงสืบเท้าจะเข้าไปอีกคน แต่หญิงสาวกลับหันมาเห็นเสียก่อนจึงยกมือยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อขู่ด้วยอารมณ์โกรธ “อย่าคิดว่าไม่กล้านะ!! บอกว่าอย่าเข้ามา!! ถอยออกไปสิ!”
หญิงสาวก้าวเท้าถอยหลังไปทางบัวและเด็กๆ มือในปืนก็ส่ายไปมาเพื่อกันพวกตำรวจที่ต่างก็ค่อยๆบีบหล่อนเข้ามาพร้อมทั้งเอามือแตะไว้ตรงเอว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันคือตำแหน่งของอะไร ส่วนใครที่มีอาวุธอยู่ในมือแล้วก็ยกชี้มาทางเธอกันหมด นี่เธอมันเป็นตัวอันตราย เป็นคนร้ายข้ามชาติเลยหรืออย่างไร
เธอแค่ต้องการแก้แค้นแทนพ่อ ทวงความยุติธรรมกับคนที่ทำกับพ่อของเธอก่อนก็เท่านั้นเอง!!
“ได้! อยากรับกรรมแทนกันนักใช่มั้ย ฉันก็จะช่วยสงเคราะห์ให้..มานี่!!”
ปกติบัวก็ไม่ใช่คนรูปร่างสูงใหญ่อะไร ยิ่งมาเจอแรงคนโกรธกระชากเข้าไปล็อกคอแบบไม่ทันตั้งตัวจึงไม่ทันได้ปัดป้องตัวเอง ตกไปอยู่ในมือของติรกา กลายเป็นตัวประกันให้หล่อนเอาปืนจ่อที่อก
“ครูบัว/ครูตาหวาน!!” เสียงตะโกนอย่างตื่นตกใจของเด็กๆทำให้ติรกาตวาดแว้ดใส่
“เงียบนะ!! สำนึกบุญคุณครูแกซะ ที่ยอมเป็นตัวประกันแทนพวกแกแต่โดยดีแบบนี้” เสียงต่ำลึกและเริ่มแหบทำให้บัวที่อยู่ใกล้คนพูดที่สุดรู้สึกขนลุกไปทั้งร่าง นึกรู้ในทันทีว่าตอนนี้ติรกาไม่สนใจอะไรแล้ว หล่อนฆ่าเขาแน่ถ้ามีอะไรตุกติกขึ้นสักเพียงเล็กน้อย
“ติรกา! อย่าทำอะไรบ้าๆนะ ปล่อยบัวซะ เธอแค้นฉัน..ถ้าจะยิงก็ยิงฉัน เลิกเอาคนอื่นเข้ามาเกี่ยวเสียที!”
“ฉันยิงคุณแน่ ไม่ต้องห่วงหรอก...แต่ต้องเป็นหลังจากที่ฉันยิงมันก่อนนะ แล้วหลังจากนั้นฉันก็จะช่วยสงเคราะห์ให้คุณได้ตามไปอยู่กับมันเร็วๆ”
“อย่าหวังว่าจะทำได้เลย..” พร้อมกับที่พูดนายเหมืองสิงห์ที่เก็บกดความกังวล ความเป็นห่วง ก็หมดความอดทน เขาขึ้นนกปืนแล้วยกขึ้นเล็งไปทาติรกา ซึ่งมีหัวใจของเขาอยู่ในอุ้งมือ เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเขา เขาก็ควรจะเป็นคนจบเกมส์นี้เอง
“ฉันจะไม่ทนเธออีกต่อไปแล้วนะติรกา ฉันยอมเข้าคุกเพราะฆ่าคนตาย ถ้ามันจะทำให้ครอบครัวของฉันปลอดภัย”
พุฒที่เห็นท่าไม่ดีรีบยกมือขึ้นกดแขนเจ้านายให้ใจเย็นๆ เพราะลงว่านายเหมืองพูดแบบนี้แล้วคงทำจริงๆแน่ แล้วไม่ต้องคิดเลยว่าหลังจากนั้นเรื่องมันจะเลวร้ายแค่ไหน
“นาย ใจเย็นลงก่อน”
“จะให้กูใจเย็นได้ไงวะ มันจับเมียกูเป็นตัวประกันอยู่มึงไม่เห็นเหรอ” ก็ว่านายเหมืองไม่ได้ตะโกนแล้วนะ แต่เพื่อนเขาที่อยู่ใกล้ๆก็มีแอบหันมามองเหมือนกัน เพราะไม่คิดว่าเรื่องที่เคยแซวๆกันมันจะดันเป็นจริงเข้า แม้จะเป็นความจริงในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ก็เถอะ
“เอาเลย...อยากยิงก็ยิงเลย รออะไรอยู่...” บัวพอจะจำในทีวีได้เลาๆว่ายามที่มีคนล็อกคอแบบนี้ การเอามือจับแขนที่ล็อกคอไว้พร้อมกับเอาคางกดแบบนี้ มันจะทำให้คนที่ล็อกคอเราอยู่จับได้ไม่ถนัด และก็เห็นจะจริงเพราะติรกาเริ่มขยับมือเปลี่ยนองศาการรัดคอของเขา
...ถ้าเป็นแบบนี้ก็แค่หาจังหวะที่ปืนเลื่อนออกไปจากอก แล้วก็จับแขนหมุนออกก็น่าจะรอด...
...แต่จะเป็นจังหวะไหน จังหวะไหนล่ะ...
‘ส้ม...ส้มหายไปไหน’
และในจังหวะที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจไปที่การจับตัวประกัน ส้มที่ไม่มีใครสนใจก็ได้แอบเฟดตัวเองเข้าในดงพุ่มไม้ อาศัยความมืดที่ชินตาแฝงตัวเองจนสามารถไปหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ของเด็กๆได้สำเร็จ และเขาได้ส่งซิกซ์ให้กับไลเกอร์กับไทกอนรู้ตัวไปก่อนหน้านี้แล้วด้วยว่าเขาอยู่ตรงนี้ เด็กๆจึงช่วยกันจับแขนดอกปีบคล้องคอรอไว้ พร้อมที่จะลุกได้ตลอดเวลา
และในแวบหนึ่งที่เขาเห็นครูบัวกำลังก้มลงกดคางตัวเองลงบนมือของติรกา ส้มก็รู้ได้ทันทีว่าครูบัวเองก็รู้วิธีเอาตัวรอดแน่ๆและคงเตรียมพร้อม พวกตำรวจกับนายเหมืองที่ยืนประจันหน้าคงทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากเกลี้ยกล่อมและรอโอกาสในการเข้าชาร์จตัว แต่รอไปเถอะ จนฟ้าสว่างแล้วก็คงไม่มีอะไรคืบหน้า
...เขาจะเป็นคนสร้างโอกาสนั้นให้เองแล้วกัน!...
ปั๊ก! เสียงก้อนหินกระทบพื้นดังเบาๆอยู่ข้างตัวเด็ก ไลเกอร์เป็นคนหันมาเก็บก้อนหินที่เขาโยนให้ ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยใช้แผนนี้มาแล้ว เขาหวังว่าเด็กๆจะฉลาดพอจะรู้ว่าเขาให้ทำอะไร
และไม่ต้องห่วงเลย เด็กๆนั้นฉลาดเป็นกรด เข้าใจสิ่งที่น้าส้มต้องการจะบอก พวกเขารีบคลำหยิบก้อนหินใกล้ๆตัวขึ้นมาถือเตรียมพร้อม ส่วนส้มก็ส่องปืนสั้นที่ครูบัวคืนให้มาก่อนหน้านี้เตรียมพร้อมเช่นกัน ถ้าติรกาหันมาทางเด็กแล้วยิง เขาจะได้สวนได้ทันจังหวะ
ไทกอนกับไลเกอร์มองหน้ากัน แล้วหยักหน้าให้สัญญาณกันผ่านความมืด จากนั้นก็เขวี้ยงหินในมือออกไปสุดแรง! มันไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้ติรกาเท่าที่ควร แต่ก็สร้างความตกใจและความแตกตื่นได้ในทันที!
บัวรีบใช้โอกาสนั้นในการเอามือสอดเข้าใต้แขนติรกาแล้วพาบิดไปด้านหลังจนหญิงสาวร้องโอ๊ย! ส่วนนายเหมืองที่รอท่าอยู่แล้วก็รีบพุ่งตัวเข้าไปจับแขนอีกข้างที่ถือปืนเอาไว้ของติรกา กระแทกกับต้นขาให้ปืนหล่นลงพื้น ก่อนจะรีบดันตัวเธอไปทางกลุ่มตำรวจที่พุ่งเข้ามาอย่างทันท่วงที ส่วนเขาก็หันไปคว้าแขนทั้งบัวและลูกๆให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขน ปลายปืนในมือข้างหนึ่งก็ชี้ตรงไปทางลูกน้องของติรกาคนที่นอนกุมเป้าโอดโอยอยู่ที่พื้นก่อนหน้านี้แล้วยิงเปรี้ยง! ลงไปที่พื้นหนึ่งนัดเมื่อเห็นท่าทีในการเอื้อมจะไปหยิบปืนกระบอกหนึ่งที่ตกอยู่ใกล้ๆ ส่วนพุฒในเวลานั้นก็ช่วยตำรวจจัดการกับคนร้ายที่เหลือที่อาศัยช่วงชุลมุนวิ่งหนีไปแต่ทว่าก็ไม่ทัน เพราะทีมตำรวจที่รออยู่ชั้นที่สองนำกำลังเข้าสกัดจับในทันที
เหลือเพียงส้ม ผู้กอบกู้สถานการณ์ในเวลานี้กำลังยืนถอนหายใจหอบอย่างหมดแรง รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกที่ไม่มีใครเป็นอะไรร้ายแรง และไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ เขาเหลือบมองไปที่นายเหมืองซึ่งกำลังโอบกอดครอบครัวของตัวเองอยู่และเพิ่งจัดการคนร้ายไปก็ค่อยหายใจโล่งขึ้นอีก แต่จู่ๆส้มก็เห็นครูบัวสะบัดตัวออกมาจากกอดของนายเหมือง แล้วก็พุ่งตรงมาที่ร่างของเด็กคนหนึ่งที่นอนขดตัวอยู่ที่พื้น ตรงที่เด็กๆเคยอยู่ก่อนหน้า ส้มคิดในใจว่าเมื่อสักครู่ที่นายเหมืองดึงติดไปคงไปแต่เฉพาะสองแสบ สองแสบนี่ก็เหลือเกินคงไม่ทันได้คว้าเพื่อนเข้าไปด้วยล่ะสิ
“ปีบ ดอกปีบ เจ็บตรงไหนมั้ยลูก” บัวก้มลงจะช้อนร่างเด็กที่นอนคุดคู้อยู่ให้ยืนขึ้น ทว่ามือเย็นกับตัวเย็นๆก็ทำให้บัวเบิกตากว้าง แล้วเมื่อช้อนมือเข้าข้างหลังเด็กก็พบว่าเสื้อเด็กนั้นชุ่มไปด้วยของเหลวบางอย่าง และประสาทสัมผัสที่ตามมาก็คือกลิ่น กลิ่นที่จู่ๆก็ทวีความรุนแรงขึ้นมาตีจมูก กลิ่นธาตุเหล็ก...กลิ่นของเลือด!
“ปีบ! ดอกปีบ! หนูเป็นอะไรลูก หนูโดนอะไร” บัวตกใจมาก เขาทำท่าจะรีบอุ้มดอกปีบขึ้น แต่ส้มกับพุฒที่กลับมาแล้วไวกว่า พุฒเป็นคนเข้ามาช้อนเด็กแล้วเอามือคลำสำรวจไปที่หลังเด็กเบาๆก่อนจะร้องออกมาว่า
“เด็กถูกยิง! นายเหมือง!”
“ว่าไงนะ!!” นายเหมืองคำรามเสียงก้อง ส่วนบัวนั้นเงียบไปแล้ว เขากำลังนึกถึงว่าดอกปีบจะไปโดนยิงได้ตอนไหน เพราะก่อนหน้านั้นเขาเป็นคนให้ดอกปีบขี่หลังแล้วพาวิ่งมาเอง...
หรือว่าจะเป็น...
“ดอกปีบ...โดนยิงแทนบัว...” จู่ๆน้ำเสียงบัวก็แหบสนิท เขาจำได้ว่าในตอนที่ติรกาไล่พวกเขามาจนทัน เขาได้ยิงเสียงปืนดังอยู่ข้างไหล่ แต่ตัวเขาไม่เจ็บอะไรเลยคิดว่าหล่อนยิงเฉี่ยวไป ไม่คิดเลยจริงๆว่ากระสุนมันจะวิ่งเข้าไปถูกตัวเด็กแบบนี้!
“ฮ่าๆๆ สมน้ำหน้า!! อย่างน้อยก็มีมันสักคนที่ต้องตาย ไอ้พวกเด็กเวรเอ้ย ฉันเกลียดพวกแกมากแค่ไหนพวกแกรู้มั้ย!!” ติรกาที่ถูกตำรวจควบคุมตัวล็อกกุญแจมือเรียบร้อยยังไม่สิ้นฤทธิ์ เธอตะโกนลั่นพร้อมหัวเราะเสียงดังเมื่อได้ยินว่ามีเด็กคนหนึ่งถูกยิง
ดี!! อย่างน้อยๆเหตุการณ์คืนนี้ก็มีคนต้องเจ็บ เจ็บเหมือนอย่างที่หล่อนรู้สึก!
ชั่ววินาทีนั้นบัวรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นใครอีกคนที่ไม่ใช่ตัวเอง เขาไม่เคยโกรธใครมากเท่านี้มาก่อน และแน่นอนว่าไม่เคยเกลียดใคร แต่ตอนนี้ความรู้สึกสองอย่างนั้นมันกำลังเพิ่มขึ้นมาพร้อมกัน พร้อมกันจนเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมติรกาถึงได้อยากจะฆ่าพวกเขานัก
เพราะตอนนี้บัวก็คิดว่าบัวกำลังรู้สึกไม่ต่างอะไรกับหล่อนจริงๆ
คุณครูหนุ่มกำมือแน่น แล้วสาวเท้าเดินผ่านทุกไปตรงหน้าติรกา ใบหน้านิ่งสงบแบบที่นายเหมือง ส้ม และพุฒไม่เคยเห็นมันทำให้ทุกคนหนาวเยือกแปลกๆ แล้วยิ่งเห็นท่าทีที่ไปยืนนิ่งอยู่หน้าผู้หญิงที่เคยเอาปืนจ่ออกตัวเองมาก่อนหน้านี้แล้ว ส้มถึงขั้นคิดไปว่าถ้าในมือของครูบัวมีปืน มันคงลั่นเข้าใส่สมองของติรกาเป็นแน่
“ฉัน...ไม่ขออโหสิให้กับทุกการกระทำของเธอ ดอกปีบไม่ควรจะต้องกลายมาเป็นเหยื่ออารมณ์แค้นของเธอในคืนนี้”
“นี่แก!” ติรกากัดฟันกรอด พยายามจะดิ้นเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุม แต่มันก็ทำไม่ได้เลย
บัวเอียงยืนจ้องตาผู้หญิงร้ายกาจตรงหน้านิ่ง ภายนอกดูเหมือนเขากำลังเย็นเป็นน้ำแข็ง แต่เขารู้ดี ว่าภายในใจตอนนี้มันมีเพลิงพิโรธและเพลิงเกลียดลุกโชนอยู่ท่วมใจจนมันร้อนไปหมด เขาไม่อยากขาดสติจนทำอะไรไม่คิดอย่างที่ติรกาทำ แต่กับผู้หญิงคนนี้...ถ้าไม่ทำอะไรบ้างเธอคงไม่มีวันหยุด คงไม่มีทางเข้าใจว่าการเอาอารมณ์โหดร้ายพรรณนี้ไปลงกับเด็กมันอยุติธรรม! และเขาทั้งในฐานะครูและผู้ปกครองของเด็กๆก็ยอมให้ไม่ได้ด้วย
“ฉันขอสอนอะไรเธอหน่อยนะ เวลาเธอแค้น เธอก็ควรไปลงกับเจ้าตัวสิไม่ใช่คนรอบข้าง ...เพราะอะไรรู้มั้ย เพราะเจ้าตัวเขาไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรเลยไง และตอนนี้...ฉันก็รู้สึกโกรธและเกลียดเธอมาก แต่ฉันจะไม่ไปลงกับอย่างอื่นหรอกนะ พวกมันไม่สมควรโดน เธอต่างหากที่ควรโดน!”
...เพี้ยะ!... รอบข้างเงียบสงัดลงไปในทันทีหลังจากที่เห็นฉากครูบัวยกมือซ้ายขึ้นตบหน้าติรกา
นาทีนี้ใครจะหาว่าเขาหน้าตัวเมียก็ช่าง เขายอมจ่ายเงินห้าร้อยบาทข้อหาทำร้ายผู้หญิงต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เขาจะไม่ยอมให้ผู้หญิงคนนี้ได้กล่าวว่าร้ายใครพล่อยๆอีก คำด่าต่างๆที่เคยได้ยินในอดีตที่ติรกาเคยพูดใส่เด็กๆยังดังก้องอยู่ในหู แล้วยังมาซ้ำวันนี้ที่เธอเป็นคนยิงดอกปีบจนเลือดไหลท่วมตัว ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม...แต่ดอกปีบถูกยิงแทนเขา นั่นคือเรื่องจริง!
และบัวก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดา มีสมองและหัวใจ มีความรู้สึกไม่ได้ต่างอะไรกับผู้หญิงตรงหน้าเลย
แต่บัวจะไม่แก้ปัญหาไม่ถูกจุดเหมือนอย่างที่ผู้หญิงคนนี้ทำหรอกนะ เธอแค้นนายเหมือง แต่กลับไปลงกับลูกๆนายเหมือง ส่วนบัว...บัวโกรธเธอ บัวก็จะลงกับเจ้าตัวไปตรงๆเลย
“ฉันตบ เพื่อเรียกสติเธอให้ฟังฉัน...ถ้าดอกปีบเป็นอะไรไป ฉันจะทำทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้เธอได้หลุดออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันข้างนอกเรือนจำไปตลอดชีวิต!!”
บัวทิ้งท้ายไว้ ก่อนจะหันหน้ากลับไปหาครอบครัวของตนเหมือนเดิม
ไม่ได้หันกลับไปมองร่างคนที่ถูกจับเลยว่านิ่งค้างไปแล้ว
ติรกาสาบานได้ ว่าในแววตาสุดท้ายก่อนที่ครูคนนั้นจะเดินหนีไป หล่อนเห็นภาพทับซ้อนของแหม่ม เมียเก่าของนายเหมืองซ้อนทับกับภาพครูบัวกำลังยืนจ้องเธออย่างอาฆาตแค้น มันเป็นการส่งผ่านอารมณ์ของแหม่มจากตัวครูบัว...ที่ทำให้เธอหนาวเยือกไปทั้งร่าง...
-------------------------------------------------------- --- -- - - -- - - - -- - - - -- - - -
หนนี้ห่างกันหนึ่งเดือน ตอนหน้าจะพยายามมาให้เร็วกว่านี้คนับ...