หัวใจสิงห์...สีน้ำผึ้ง ตอนที่ 27 [26/10/2017] pg.64 [[End]]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หัวใจสิงห์...สีน้ำผึ้ง ตอนที่ 27 [26/10/2017] pg.64 [[End]]  (อ่าน 763822 ครั้ง)

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ดอกปีป  :sad4:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
นี่สำหรับนังชะนีเก่า  :beat: :z6: :13223: :โป้ก1: :pigangry2: :fcuk: o12 :laugh3:

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
ไปโรงพยาบาลด่วนนนน

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
      น้องจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมค่ะ
สนุกมากเลยค่ะรออ่านตอนต่อไปนะค่ะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
อย่าให้ดอกปีบเป็นอะไรไปนะ :call: :call: :call: :call:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ครูบัวนี่สุดยอดเลย
ใาต่อตอนต่อไปเร็วๆนะฮับ

ออฟไลน์ Deeli

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
หายไปนานเลย รีบมาต่อนะคะ  :hao7:

ออฟไลน์ saseum

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 413
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ดอกปีบ น่าสงสาร

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ดอกปีบ ต้องปลอดภัย

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
มาต่อแล้ว โธ่ดอกปีปเด็กตัวเล็กนิดเดียวจะเป็นอะไรไหมเนี่ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ดอกปีบเป็นอะไรไหมๆๆๆ

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
ดอกปีบ หายเร็วๆนะ

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
น่าจะจัดอีกสักป้าบ

ออฟไลน์ ujen

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-13

ออฟไลน์ lemonpreaw

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ดอกปีบอย่าเป็นอะไรนะลูก

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
โถ่ ดอกปีปลูก อย่าเป็นอะไรนะ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ต้องลุ้นกันต่อไปอีก ลุ้นเกินไปแล้ว

ออฟไลน์ greensnake

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +920/-14
ตามอ่านทันแล้ว เว้นว่างไปเสียนาน
กลับมาก็ลุ้นระทึกกันไป สงสารเด็กๆ
ต้องมารับเคราะห์เพราะเรื่องของผู้ใหญ่
โดยเฉพาะดอกปีบ ไม่เกี่ยวข้องใดๆเลย
คนทำผิดก็รับกรรม ถ้าสำนึกได้ก็ดีไป
ให้กำลังใจดอกปีบ ขอให้หนูเข้มแข็งนะ
เด็กดีต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน :กอด1:
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ สนุกมาก ลุ้นมากด้วย


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ทำบัวโกรธได้ คือไม่สมควรจะเจอแค่นี้น่ะ
ทำไมโหดร้ายได้ขนาดนี้เนาะ ทั้งๆที่ก็รู้ว่า ทำผิดจริง

รีบพาดอกปีบไปหาหมอไหม

ส้มก็ร้าย ไลเกอร์ไทกอนก็ร้าย มีความฉลาดมากค่ะ

นายเหมืองก็โล่งใจละเนาะ ลูกเมียปลอดภัย แต่อาจมีลูกเพิ่มอีกนะ

ออฟไลน์ ZwolfTD

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :m15: ดอกปีบอย่าเป็นอะไรไปนะลูก จุดนี้เจ้าย่าน่าจะให้บัวรับดอกปีบเป็นลูกแทนแฮะ คืออ่านเวลาดอกปีบเรียกบัวด้วยชื่อเฉยๆ มันแปลกๆไงไม่รู้ค่ะ รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ akeins

  • ชีวิตเรา Undo ไม่ได้
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ maykiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
หนูดอกปีบจะเป็นอะไรมั้ยนะ  มาต่อไวไวนะคะ

ออฟไลน์ dek-zaal3

  • แก้วปั้ณณ์
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +534/-11
    • แก้วปั้ณณ์
ตอนที่ ๒๖




   บริเวณหน้าห้องฉุกเฉินถูกตำรวจกั้นห้ามผู้เกี่ยวข้องเข้า  เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนค่อนข้างเป็นข่าวใหญ่ในตัวจังหวัดไม่น้อย  เพราะสถานที่เกิดเรื่องนั้นเริ่มมาจากในงานแซยิดของเจ้าย่า  ที่เป็นผู้มีคนนับหน้าถือตามากมาย

   บัวนั่งนิ่งอยู่หน้าห้องผ่าตัด  หมอบอกเมื่อสักครู่นี้ว่ากระสุนฝังข้างใน  ต้องผ่าตัดออก  แต่โชคดีมากที่ไม่โดนปอดหรืออวัยวะสำคัญ  แต่อาการเสียเลือดมากค่อนข้างน่าเป็นห่วง

   ไลเกอร์กับไทกอนถูกแยกตัวพากลับไปที่บ้านเจ้าย่าแล้วพร้อมทีมแพทย์ที่จะไปทำการตรวจให้ถึงบ้าน  ส้มกับพุฒก็ตามกลับไปด้วย  ส่วนเรื่องคดี  ทีมตำรวจบอกว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ถ้าเด็กไม่เป็นอะไรติรกาก็จะโดนข้อหาลักพาตัว  หน่วงเหนี่ยวกักขัง  แล้วก็ทำร้ายร่างกาย  ส่วนเจตนาฆ่านั้นหลักฐานยังอ่อน  เพราะตอนที่ยิงเป็นตอนกลางคืน  ช่องโหว่ให้ทนายใช้เป็นข้ออ้างมีเพียบ  ดังนั้นข้อหานี้เธออาจจะรอด

   บัวไม่กล้าจินตนาการถึงวันที่ผู้หญิงคนนั้นจะได้ออกมาเลย  แต่ถึงออกมาได้แล้วยังไง  เธอจะทำอะไรได้อีก  เพราะในตอนนี้ครอบครัวพ่อของเธอก็ล้มละลาย  เครือข่ายทั้งหมดก็แตกกระจัดกระจายยากที่จะรวมตัวกันได้อีก   แถมนายเหมืองยังเล่าว่าปฏิกิริยาของชาวบ้านในพื้นที่ที่ใต้  ก็ไม่ใคร่จะต้อนรับขับสู้คนของครอบครัวเธออีกแล้วด้วย

“...บัว”  เสียงเรียกนุ่มทุ้มมาพร้อมกับฝ่ามือใหญ่ที่แตะลงบนบ่าเบาๆ  เพียงเรียกให้คนที่นั่งเหม่อบนเก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉินรู้ตัวเพียงเท่านั้น

“นายเหมือง...เสร็จแล้วเหรอครับ” 

“อืม...มีใครออกมาแจ้งอาการของดอกปีบบ้างรึยัง” 

   นายเหมืองทรุดกายลงนั่งข้างๆกับบัว  เผยท้องแขนที่มีสำลีก้อนแปะอยู่ตรงข้อพับให้บัวดูเมื่ออีกฝ่ายร้องขอ  ถึงธนาคารเลือดจะมีเลือดสำรองเพียงพออยู่สำหรับการผ่าตัด  แต่เขาตัดสินใจบริจาคเลือดให้เพิ่มเพราะกรุ๊ปที่เขามีเหมือนกับดอกปีบนั้นเป็นกรุ๊ปที่ไม่ได้มีผู้มาบริจาคเยอะ  จะอย่างไรมีสำรองไว้อีกหน่อยก็เป็นการดี

“ยังเลยครับ  แต่เมื่อกี๊พยาบาลออกมาบอกว่าตรงที่โดนยิงโชคดีไม่โดนปอด ไม่โดนอวัยวะสำคัญ”

“ดอกปีบโชคดีแล้ว”

“โชคร้ายต่างหาก  เขาโดนยิงก็เพราะบัว...”

“ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก  ดอกปีบก็คงไม่ได้โกรธบัวด้วย  และที่บัวให้เขาขี่หลังก็เป็นความหวังดี  ใครจะรู้ว่า...จะมาโดนแบบนี้  บัวก็ไม่ได้อยากให้ดอกปีบเป็นอะไรเสียหน่อย”

   ชายหนุ่มร่างใหญ่ค่อยๆโอบคนที่ผอมกว่าให้เข้ามาในอ้อมกอด  หนุ่มเหนือผ่อนร่างซบลงที่บ่าของอีกคนแต่โดยดี  ยอมรับว่าตอนนี้เขาเหนื่อย...เหนื่อยที่จะคิด  เหนื่อยที่จะรู้สึก  เหนื่อยที่จะรับรู้อะไรๆอีก

“ถ้าบัวไม่มาที่นี่...ดอกปีบก็คง...”

“อย่าพูดถึงอดีตอีกเลย  อะไรที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไป  ไม่มีใครโทษบัวทั้งนั้นนะคนดี  อย่าคิดมากสิครับ”

“มันอดไม่ได้นี่...”  บัวครวญเสียงอ่อน  กับคนคนนี้  บัวรู้สึกไว้วางใจ  อยากระบายอะไร  อยากรู้สึกอย่างไรก็พูดได้ตรงๆ  มันเป็นความรู้สึกของคนในครอบครัวที่นอกจากแม่แล้ว  ก็เพิ่งมีคนคนนี้อีกคนที่บัวสามารถทำอย่างนี้ได้
 
   บัวยังรู้สึกขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เขาได้เจอกับคนคนนี้เสมอมา

“บัวอยาก...รับเด็กคนนี้เป็นลูก  แต่ว่าตอนนี้บัวก็ยังไม่ได้บรรจุ  ไม่มีอาชีพการงานที่มั่นคง”

“เจ้าย่ารับเขาเป็นลูกก็ดีสำหรับเขาอยู่แล้ว  ถ้าอยากช่วย  พี่ว่าไว้บัวทำงานเก็บเงินส่งเสียให้เขาช่วยเจ้าย่าน่าจะดีกว่า  อาชีพครูเงินเดือนก็ไม่ได้มากมายอะไร  ยิ่งถ้าบัวได้บรรจุที่ต่างจังหวัดไกลๆ ไหนจะค่ากิน ค่าอยู่ ค่าเช่าบ้านอีก  กว่าจะได้ย้ายลงใต้ก็คงอีกหลายปี”  ...ถ้าเขาไม่เล่นเส้นให้น่ะนะ

“หืม?  ทำไมบัวต้องย้ายลงใต้ด้วย” 

“อ้าว  ผัวอยู่ไหน  เมียก็ต้องอยู่ที่นั่นสิ  บัวมีผัวเป็นเจ้าของเหมืองอยู่ใต้  ก็ต้องย้ายลงใต้สิจ๊ะ”

“ยาก  บัวขึ้นบัญชีไว้ที่กรุงเทพฯ  ถ้าเขาเรียกก็ต้องบรรจุอยู่ที่นั่น  อย่างน้อยๆก็สี่ปีแน่ะกว่าจะเขียนย้ายได้”

“แล้ว...ถ้าไม่เล่นเส้นก็ไม่มีทางอื่นเลยเหรอ”

“มี  ก็สอบใหม่  ถ้าที่จังหวัดนายเหมืองรับเอกของบัว  บัวจะลองไปสอบดูนะ” 

   สิ่งที่ได้รับฟังทำให้นายเหมืองผู้อยู่นอกวงข้าราชการครูรีบจดบันทึกเอาไว้ในหัวอย่างรวดเร็ว  จากนั้นก็นึกหาคนรู้จักที่ทำงานวงการการศึกษาในตัวจังหวัดที่ตัวเองรู้จัก  ระหว่างนั้นบัวก็หันกลับไปมองที่หน้าห้องผ่าตัดอีกครั้ง  เอาใจช่วยให้ไฟสัญญาณดับลงเร็วๆ 

ไม่นานนักเจ้าย่ากับกฤษณ์  พร้อมนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่อีกสองสามนายก็เดินตรงมาทางที่บัวกับนายเหมืองสิงห์นั่งอยู่  คนเป็นหลานนั้นพอเห็นย่าตัวเองรีบเร่งเดินมาโดยมีกฤษณ์คอยช่วยประคองก็รีบลุกวิ่งเข้าไปหา  แล้วโผเข้ากอดญาติผู้ใหญ่ของตนแน่น  คนเป็นย่านั้นลูบหัวลูบหลังหลานชายด้วยความเป็นห่วงอย่างสุดแสน  หล่อนทราบเรื่องทั้งหมดแล้วจากกลุ่มเด็กๆที่กลับไปที่บ้านก่อนหน้านี้  แล้วเมื่อเห็นว่าที่บ้านไม่มีอะไรแล้วหล่อนจึงรีบเร่งเดินทางตามมาที่โรงพยาบาลเมื่อทางตำรวจบอกว่าทั้งนายเหมืองสิงห์และคุณครูบัวยังอยู่เฝ้าเด็กที่ถูกยิงอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัด

“นายเหมือง  มีใครออกมาแจ้งอาการดอกปีบบ้างรึยัง”  คุณย่าถามคนที่ยกมือไหว้หล่อนอยู่หลังหลานชายในอ้อมกอด  ชายหนุ่มตอบคำถามของผู้เป็นย่าของคนรัก

“เห็นบัวบอกว่า  แผลไม่โดนปอด อวัยวะสำคัญไม่เสียหายครับเจ้าย่า”

“โล่งอก  หมอศันชัยเป็นหมอประจำตัวย่า  ถ้าเขาลงมือผ่าตัดให้ก็หายห่วง”  คนเอ่ยหันบอกทั้งคนที่ตนกอดและคนที่เอ่ยบอกอาการของลูกชายบุญธรรม   “ดอกปีบเป็นลูกชายย่า  ยังไงทางโรงพยาบาลก็คงรักษาอย่างดีที่สุดอยู่แล้ว  ไม่ต้องห่วงแล้วนะบัว” 

“คุณย่า...บัวขอโทษครับ  น้องถูกยิง...ตอนที่บัวแบกเขาวิ่งหนี  ถ้าตอนนั้นบัวไม่...”

“ไม่ๆ  บัวทำดีที่สุดแล้ว  ทุกคนเข้าใจ  บัวไม่ได้ผิดอะไรเลย”  คนเป็นย่าปลอบหลานไปก็ปลอบใจตัวเองไปด้วย  คนแก่อายุหกสิบอย่างหล่อนมาเจอเหตุการณ์แบบนี้เข้า  ต่อให้ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากก็ตั้งสติได้ยากเหมือนกัน 

“แล้วนั่นที่แขนมึงไปโดนอะไรมาวะ”  กฤษณ์เดินเข้าไปหาเพื่อน  แล้วคว้าท้องแขนที่มีรอยสำลีแปะอยู่ตรงข้อพับขึ้นดู  “ไหนว่าปลอดภัยไง  แล้วนี่รอยอะไรวะ”

“หมอเจาะเอาเลือด  กรุ๊ปเลือดดอกปีบกับกูหายากอยู่  ถึงเขาบอกจะมีพอแต่กูก็อยากบริจาคเพิ่มว่ะ”  นายเหมืองสิงห์เอ่ยตอบเพื่อน  เจ้าย่าที่ยืนอยู่ไม่ไกลพลอยได้ยินที่เพื่อนสนิทสองคนคุยกันด้วยจึงหันไปเอ่ยขอบคุณ

“ขอบคุณมากนะคะ  ทั้งเรื่องดอกปีบ  แล้วก็เรื่องที่คุณบุกไปช่วยพวกเขาพร้อมตำรวจด้วย”

“อย่าขอบคุณผมเลยครับเจ้า  อันที่จริง...ผมต่างหากที่ต้องขอโทษเจ้า  ถ้าไม่ใช่เพราะผมไปทำเรื่องเอาไว้ก่อน  ติรกาก็คงไม่คิดทำเรื่องแก้แค้นผม  จนครอบครัวผมต้องมาพลอยเดือดร้อนไปด้วยแบบนี้”

“ค่ะ  แต่ย่าไม่ถือโกรธคุณหรอก  ย่าเข้าใจ  คนเราต่างประสบการณ์กัน  คนบางคนถูกฝึกให้รู้วิธีแก้ปัญหาที่ถูก  แต่คนบางคนก็ไม่ได้รู้ตัวหรอกว่าสิ่งที่ตนคิดว่าเป็นทางออก  แต่มันกลับกลายเป็นทางตัน  และบางคนรู้ทั้งว่ารู้ว่าทางมันตันก็ยังจะพาตัวเองไปลงเหวอีก  เฮ้อ...ผู้หญิงคนนั้นคงเป็นแบบหลัง  ครอบครัวเขาคงฝึกลูกมาแบบนั้น”

“...ครับ  ขอบพระคุณมากครับเจ้าย่า  ที่เข้าใจผม”

“แต่นายเหมืองฝึกลูกชายเก่งนะคะ  เห็นเจ้าส้มกับเด็กๆเล่าให้ฟัง  ว่าตอนที่หนีออกมาเด็กๆสร้างวีรกรรมไว้เพียบเลย”

   นายเหมืองจะยิ้มรับก็ยิ้มได้ไม่เต็มปาก  พอนึกภาพออกว่าสองแสบกับหนึ่งผู้ใหญ่นั่นจะสร้างวีรกรรมอะไรเอาไว้บ้าง  เขารู้ว่าเจ้าย่าคงพูดให้บัวสบายใจ  ส่วนคุณครูหนุ่มในตอนนี้ก็กอดคุณย่าตัวเองเอาไว้ไม่ปล่อยเลย 

   ทั้งหมดยืนรอกันอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินไม่นานก็ได้รับข่าวดี  อาการของดอกปีบไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง  หมอออกมาแจ้งอาการด้วยตัวเองว่าแผลผ่าตัดเรียบร้อยดี  แต่ร่างกายเด็กค่อนข้างอ่อนแอเพราะเสียเลือดมากกว่าจะมาถึงโรงพยาบาล   แต่อาการโดยรวมถ้าเด็กฟื้นแล้วไม่มีอาการข้างเคียงก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร 

   บัวโล่งอกโล่งใจจนไม่รู้จะว่ายังไง  เขาภาวนาตลอดว่าอย่าให้ดอกปีบเป็นอะไร  เด็กคนนี้น่าสงสารมามากพอแล้ว  เขาไม่ควรที่จะได้รับเรื่องโชคร้ายใดๆอีก

“งั้นถ้าปีบปลอดภัยแล้วเราสองคนก็กลับไปพักกันก่อนเถอะ  ส่วนปีบนี่ย่ากับทับทิมเฝ้าเอง  ตั้งแต่เสร็จเรื่องก็ยังไม่ได้พักกันเลยไม่ใช่เหรอ”  ผู้อาวุโสสูงสุดในที่นั้นเอ่ยบอกคนรุ่นหลาน  แน่นอนว่าทีแรกบัวทำท่าจะไม่ยอมไป  แต่พอนายเหมืองใช้วิธีโทรหาส้ม  แล้วให้ลูกๆส่งเสียงอ้อนครูบัว ตอแหลว่ากลัวอย่างนั้นกลัวอย่างนี้ต้องการจะให้ครูบัวกลับไปนอนด้วย  คุณครูหนุ่มก็ต้องยอมกลับแต่โดยดีไม่มีข้อโต้แย้ง

   แน่นอนว่าคนเป็นย่ารู้ดีว่านายเหมืองคนนี้ขุดหลุมวางกับดักหลานชายของเธอได้ตรงจุดมาก  รู้องศาทุกมุมว่าวางตรงนี้แล้วบัวจะก้าวเท้าตกลงไปทั้งตัวแน่นอน  ส่วนตัวเองก็คงรอรับหลานชายเธออยู่ก้นหลุม  แล้วพาปีนขึ้นมา ทำตัวเป็นฮีโร่ของบัวในท้ายที่สุด

   แต่หล่อนจะว่าอะไรได้...บางทีบัวก็อาจจะก้าวลงไปเองทั้งๆที่รู้ว่าใต้กอหญ้ามันมีหลุมพรางซ่อนอยู่เอง 

   นิสัยเหมือนพ่อตัวเองจริงๆ  ดูเหมือนเป็นคนนิ่งๆ  เอนอ่อนตามคนอื่น...ความจริงฉลาดเป็นกรด  ที่สำคัญดื้อเงียบไม่ฟังใคร  เหมือนอย่างเรื่องคราวนี้...บอกให้อยู่เฉยๆแต่ทำได้ที่ไหน  วิ่งโร่ไปช่วยเด็ก  ขนาดนายเหมืองสิงห์ยังตามไปถึงที่ช้ากว่าเจ้าตัวยุ่งนี่เลย

“งั้น...ยังไงพรุ่งนี้บัวจะรีบมาแต่เช้าเลยนะครับ”

“จ่ะ  คืนนี้นอนให้หลับนะ”  คนเป็นย่าเอ่ยบอกหลานชาย  ลูบศีรษะแผ่วๆให้อีกฝ่ายหายกังวล  จากนั้นจึงจูงมือพาบัวไปตรงหน้านายเหมือง  ผลักบัวเบาๆไปยืนเคียงข้างผู้ชายร่างใหญ่อีกคนแล้วเอ่ยบอก  “ฝากทั้งบ้าน  แล้วก็คนด้วยนะคะ  ถ้ามีอะไรบอกเด็กๆในบ้านได้เลย  พวกเขายินดีช่วยเหลือ”

   ถึงจะไม่อยากยอมรับเต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์ในเรื่องที่ว่า  อย่างไรคนที่บัวพึงใจก็ไม่ใช่ผู้หญิง  แต่หล่อนก็ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอยเหมือนอย่างที่สามีหล่อนเคยทำกับพ่อของเจ้าบัว  เธอจะพยายามเปิดใจเรื่องของบัวดู  อย่างน้อยๆนายเหมืองก็เป็นคนดี  ประวัติก็ขาวสะอาด  หน้าที่การงานก็ไม่ได้น้อยหน้าใคร

   ที่สำคัญ...ดูจากท่าทางที่แสดงออกอย่างเปิดเผยแล้ว  ฝ่ายนั้นก็ดูจะจริงจังกับหลานชายเธอไม่ใช่น้อยๆเลย

“ไม่ต้องห่วงครับ” 

   คำตอบรับหนักแน่นทำให้หล่อนรู้สึกวางใจ  มองส่งคนสองคนที่เดินจากไปพร้อมกับกฤษณ์และตำรวจบางส่วนไปจนลับทางเดินในโรงพยาบาล

-----------------------------------------------------------------------------------

   กฤษณ์นั่งมองเข้าไปตามแสงไฟในบ้านไม้หลังใหญ่ที่มีอาณาเขตรั้วติดกับบ้านของเขา  ช่วงนี้เขามาอาศัยอยู่ที่นี่บ่อยกว่าอยู่บ้านของตัวเองเสียอีก  ด้วยความที่รู้จักกับเจ้าย่ามาตั้งแต่เขาเริ่มมาสร้างบ้านอยู่ที่นี่  และได้รับความช่วยเหลือในอะไรหลายๆอย่าง  เรื่องในคราวนี้เขาจึงไม่ลังเลเลยที่จะร่วมด้วยช่วยเหลือในทุกสิ่งที่เขาพอจะทำได้ 

   ที่สำคัญ  ใจเขายังรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ  เพราะทั้งที่เด็กๆมาอยู่ในความดูแลของครอบครัวเขาแท้ๆ  แต่เขาก็ยังปล่อยให้เกิดเรื่องได้ 

   ไม่น่าเลยจริงๆ

“ครูบัวกับเด็กๆหลับแล้วเหรอวะ”  เขาเอ่ยถามเพื่อนที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ 

   อากาศภาคเหนือในช่วงนี้ยิ่งดึกก็ยิ่งหนาว  แต่ชาวใต้คนถึกอย่างเพื่อนเขากลับสวมเพียงกางเกงนอนแล้วก็เสื้อกล้ามหนึ่งตัว  มันจะอึดจะถึกไปไหนวะเนี่ย

“อืม  บัวฝากนี่มาให้กูกับมึงด้วย”  มือที่มีขนาดใหญ่ยื่นแก้วมัคที่กรุ่นกลิ่นหอมมาให้เขาข้างหนึ่ง  ส่วนอีกข้างเพื่อนเขาก็ถือแก้วที่มีหน้าตาเหมือนกันกับของเขาเอาไว้ด้วย

“ชาเหรอวะ” 

“...บัวบอกว่าแทนคำขอบคุณ  ที่มึงช่วยเหลือเขาทุกเรื่อง”

“ช่วยเหลือ?  กูว่ากูควรไปขอโทษคุณบัวเขาด้วยซ้ำ  เขาอุตส่าห์ไว้ใจว่าฝากเด็กๆไว้บ้านกูแล้วจะปลอดภัย  แต่ที่ไหนได้...”

“เรื่องจบแล้วน่า  แล้วบัวก็ไม่ได้คิดโกรธหรือโทษมึงเรื่องนั้นด้วย  เราทุกคนทำดีที่สุดแล้วเพื่อน”  นายเหมืองเดินมานั่งลงเก้าอี้ข้างๆที่เพื่อนเขานั่งอยู่  “ขอบใจมาก  ที่ไม่เคยปฏิเสธความช่วยเหลือจากกูเลย”

“มากกว่านี้ก็ยินดีเพื่อน”  กฤษณ์ตบบ่าเพื่อนชาวใต้  ผู้เคยร่วมหัวจมท้ายกันมาตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย

   ความเงียบเข้าครอบคลุมชายหนุ่มทั้งสองชั่วระยะเวลาหนึ่ง  กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้กลางคืนที่เจ้าของบ้านสั่งให้ปลูกลอยอวลแผ่วเบา  กฤษณ์ยกชาขึ้นจิบ  กลิ่นหอมใบชาที่ชงให้เข้มเล็กน้อยถูกปากเขาไม่เบา  เห็นทีว่าเขาควรจะพูดคุยเรื่องนี้กับเพื่อนได้สักที

   คาใจมานาน  ยังไงๆก็ต้องเคลียร์ให้ชัดไปสักทีล่ะ

“กับครูบัวนี่  ชัดเจนแล้วใช่มั้ยวะ”

“ถามทำไมตอนนี้วะ”  นายเหมืองสิงห์เลิกคิ้ว  เท้าแขนข้างหนึ่งกับที่วางแขนแล้วหันมองเพื่อนเต็มตัว

“ก็...แค่แปลกใจ  เอาจริงๆกูก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างมึงจะมาจริงจังกับผู้ชายได้  มึงเคยแต่งงาน  มึงมีลูกติด  เป็นพ่อม่ายที่หน้าตาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร  สาวๆคงรอต่อคิวกันไปถึงดาวอังคาร...แต่มึงเลือกคุณบัวเนี่ยนะ”

“ทำไมวะ  เป็นบัวแล้วยังไงวะ”

“ก็..เขาเป็นผู้ชายนะมึง  มีไอ้จ้อนเหมือนมึง  มึง...รักเขาจริงๆเหรอวะ  มึงรักผู้ชายเหมือนมึงได้จริงๆเหรอวะ”

   สิ้นคำถามที่เพื่อนเขาถามมา  นายเหมืองสิงห์ก็นิ่งเงียบ  มองสบตาเพื่อนตรงๆ  เขารู้ว่าพื้นฐานชีวิตแล้วเพื่อนยังโสด  แม้จะมีผู้หญิงผ่านเข้ามาให้เรียกว่าแฟนเก่าได้บ้าง  แต่ก็ไม่มีใครที่ยืนยาว

   ที่มันถามเขาคงเพราะด้วยความเป็นห่วงมากกว่า  ที่ผ่านมาเขาไม่เคยมีท่าทีเบี่ยงเบนว่าจะชอบผู้ชาย  แถมยังคบกับผู้หญิงจริงจังจนถึงขั้นแต่งงานแล้วมีลูกชายอีกตั้งสองคน  แล้วไหนจะยังสภาพสังคม  ความนับหน้าถือตาด้วยตัวอาชีพการงานของเขาอีก  แต่ว่านะ...เรื่องของหัวใจ  ใครเขาห้ามได้ที่ได้

“บัวเขาไม่ได้มาแทนที่แหม่มหรอก  แต่กูก็รักเขา  เพราะเขาเป็นครอบครัวของกูคนหนึ่งเหมือนกัน  บัวทำให้สองแสบรักเขาได้  ทำให้คนทั้งเหมืองยอมรับเขาได้  สำหรับสังคมของกู  แค่นี้ก็พอแล้วหรือเปล่าวะ”

“...หึหึ  สยบสองแสบได้ก็ไม่ใช่เล่นๆแล้วคุณบัวของมึงน่ะ”

“แล้วคิดดู  อย่างกูจะไปเหลืออะไรวะ”  นายเหมืองหัวเราะหึหึในลำคอ   ยังจำภาพตอนพวกเขาสี่คนหนีออกมาจากป่าโดยการเดินเลาะลำธารออกมาได้อยู่เลย  แล้วไหนจะตอนที่โดนดักหน้ารถหาเรื่อง  แล้วยังมีเรื่องโดนลักพาตัวหนนี้อีก  ไม่เคยมีเหตุการณ์ไหนที่ครูบัวจะทิ้งเขา  ไม่เคยมีเหตุการณ์ไหนที่คุณครูคนนั้นจะทิ้งลูกศิษย์ของเขาทั้งสองคน  คนแบบนี้จะมีอีกสักกี่คนบนโลกนี้เชียว

   คนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเรามาได้ขนาดนี้ 

   สำหรับนายเหมืองสิงห์แล้ว  คิดว่าเขาคงหาได้แค่ผู้ชายคนนี้คนเดียวในโลกแล้วล่ะ

“บัวไม่ใช่แค่คนรักสำหรับกู  แต่เขาเป็นครอบครัวของกู  ...แล้วมึงก็รู้  ว่าคำว่า ‘ครอบครัว’ สำหรับกู  มันสำคัญขนาดไหน”

“เออ  ยืนยันหนักแน่นขนาดนี้กูก็ขออวยพรให้ครอบครัวมึงไปกันได้ดีตลอดรอดฝั่งเหอะ”  กฤษณ์ยกแก้วชาขึ้นชนแก้วเพื่อนประหนึ่งแก้วเหล้า  คำอวยพรในวงเหล้าสำหรับเพื่อนกันแล้วสำคัญเสมอ  “แต่ว่านะ  คุณบัวน่ะ  ถ้านับตามศักดิ์ทางพ่อแล้ว  เขามียศมีศักดิ์เชื้อเจ้านายทางเหนือเลยนะเว้ย  คิดจะเด็ดดอกฟ้าลงมาประดับเหมืองนี่งานช้างเลยนา  มึงก็เห็น..ว่าเจ้าย่าของคุณบัวแบ็คอัพดีขนาดไหน  งานแซยิดนี่กูยังนึกว่างานเลี้ยงต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง”

   นายเหมืองได้ยินที่เพื่อนพูดแล้วก็ถอนหายใจออกมายาวๆ  นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่คาใจเขาอยู่เหมือนกัน 

   ถึงแม้ท่าทีต่อหน้าเจ้าย่าเขาจะทำเหมือนมั่นใจหนักหนา  ว่ายังไงก็คงได้บัวกลับไปอยู่ใต้ด้วยกันแน่  แต่ทว่าในความเป็นจริงแล้วเขาก็ไม่ได้มั่นใจในตัวเองนักหรอกว่าจะทำได้สำเร็จ  เพราะสำหรับบัว...ครอบครัวของบัวก็คงจะสำคัญที่สุดเหมือนกัน  ดูจากเหตุการณ์ที่บัวรู้ข่าวว่าไฟไหม้บ้านที่กรุงเทพฯนั่นสิ  บัวยังรีบร้อนออกจากบ้านเขามาโดยไม่แคร์อะไรเลย  แล้วนี่ก็ย่าเขา  แถมยังเป็นเจ้าย่าที่มียศถาบรรดาศักดิ์  มีความพร้อมในหน้าที่การงานแล้วก็อนาคตให้กับหลานชายแท้ๆเพียงคนเดียวอย่างเต็มที่

   บัวจะกล้าทิ้งครอบครัวเจ้าย่า  ทิ้งความสะดวกสบาย  ความมั่นคงในอนาคตไปอยู่กับเขาจริงๆน่ะหรือ

“ก็นะ  กูไม่รู้หรอกว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง  แต่กูก็คงต้องให้เกียรติญาติทางฝั่งบัวเขาด้วย  ดูทีท่าแล้วเจ้าย่าเขาก็ไม่ได้รังเกียจอะไรกูนัก  ถ้ากูสามารถพิสูจน์ได้ว่ากูจะดูแลหลานเขาได้จริงๆ  เจ้าย่าก็คงจะยอมให้บัวไปอยู่กับกู”

   กฤษณ์กรอกตาขึ้นฟ้า  คืนนี้เป็นคืนข้างแรม  พระจันทร์เว้าแหว่งไปเล็กน้อยแต่ก็ยังพอมีแสงนวลตาอยู่  เขาไม่น่ามานั่งจ้องพระจันทร์กับผู้ชายตัวโตๆอย่างไอ้สิงห์ สุตนันท์นี่แหละ  สยอง  ขนหัวลุกหมด

“พยายามเข้าแล้วกันนะมึง  ดีนะที่คุณบัวเขาเล่นด้วยกับมึง  กูอิจฉามึงว่ะ  มีคนรักดี  มีครอบครัวดี  กูก็หวังว่าวันหนึ่งกูจะได้เจอใครสักคนเหมือนอย่างที่มึงได้เจอครูบัวบ้างนะ”

“หมายถึงได้เจอผู้ชายแล้วเอาเป็นเมียอย่างกูอ่ะนะ”

“เหี้ยเถอะ  แต่เอาจริงๆนะ  ตอนนี้สำหรับกู  กูว่ากูอาจติดเชื้อมาจากมึงแล้วก็ได้  เริ่มคิดว่าจะผู้หญิงก็ดีผู้ชายก็ได้แล้วเนี่ย  ฮ่าๆ”

“ฮ่าๆ  อวยพรให้เพื่อนสมหวังแล้วกันนะ”  เสียงหัวเราะแบบเยาะหยันของนายเหมืองถูกสายตาคมกริบของกฤษณ์ตวัดมองจนต้องเงียบปากฉับ  เออ...เขารู้ว่าคำอวยพรของเขามันศักดิ์สิทธิ์  แต่เขาก็ภาวนาว่าอยากให้เพื่อนได้มีคนที่รักจริงจริงๆนะ

“ไว้มีอะไรให้ช่วยก็บอก  กูยินดีเสมอ” 

   แกร๊ง...

   เสียงแก้วชาสองใบกระทบกันอีกครั้งดังขึ้นเบาๆในราตรีกาล  บัวที่ยืนอยู่หลังพุ่มดอกพุดน้ำบุษย์ยิ้มให้กับตัวเอง  ทุกคำพูดที่ผ่านเข้ามาในโสตบัวจดจำมันไว้ทั้งหมด  โดยเฉพาะประโยคที่บอกว่า

   เขาเป็นมากกว่าคนรัก...เพราะเขาเป็นหนึ่งในครอบครัวของนายเหมืองสิงห์

   ถ้าให้เปรียบเทียบ  คำว่าคนรักสำหรับบัวอาจมีความหมายเท่าผืนมหาสมุทรของทั้งโลกมารวมกัน  แต่กับคำว่าครอบครัวแล้ว  มันมีค่ายิ่งกว่านั้นเสียอีก  ให้ยกผืนฟ้าทั้งหมดมารวมกัน  ยังเทียบไม่ได้กับความสำคัญของคนในครอบครัวสำหรับบัวเลย

   ขนมในมือตอนนี้คงเย็นหมดแล้ว  เอาไปให้ตอนนี้ก็คงจะไม่อร่อย  ค่อยอุ่นไว้ให้ทานกับกาแฟตอนเช้าพรุ่งนี้แทนก็แล้วกัน

   ...บัวเหลือบมองไปทางสองหนุ่มที่ยังคุยกันไม่จบอีกรอบ  แล้วก็ยิ้มให้กับตัวเองอีกครั้ง...

   ถ้าไม่มั่นใจก็จะทำให้มั่นใจ  ถ้าสิ่งที่ได้ยินมาไม่ได้ลวงหลอกกัน  บัวก็จะตอบแทนความรักทั้งหมดที่มีให้นั้น  ด้วยการยกทั้งหมดของทั้งชีวิตนี้ให้เลย...

-------------------------------------------------------------------
   

ออฟไลน์ dek-zaal3

  • แก้วปั้ณณ์
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +534/-11
    • แก้วปั้ณณ์



   สำหรับบัวแล้ว  ในตอนนี้ที่กำลังกังวลอยู่อีกอย่างนอกจากเรื่องอาการของดอกปีบที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่มีอาการแทรกซ้อนให้ต้องกลัวแล้ว  ก็มีเรื่องของแม่นี่แหละ...ที่บัวยังภาวนาอยู่ในใจให้ทางตำรวจได้ข่าวคราวของแม่บ้าง  ไม่ก็มีข่าวอะไรเกี่ยวกับแม่ให้บัวได้รับรู้บ้าง  แต่นี่ก็ไม่มีเลย...ทุกอย่างเงียบงัน  ไม่มีใครรู้เรื่องแม่  ไม่มีใครหาแม่ของบัวเจอทั้งนั้น

“บัว...ป้าพุดเขาอยากคุยด้วย” 

   โทรศัพท์เครื่องสีดำของนายเหมืองสิงห์ถูกยื่นไปให้คุณครูหนุ่มที่กำลังเช็ดแขนเช็ดตัวให้เด็กลูกครึ่งที่ยังนอนดูโทรศัพท์อยู่บนเตียง  บัวยิ้มให้คนยื่นโทรศัพท์ก่อนบอก

“เปิดสปีกเกอร์ได้มั้ยครับ  บัวจะได้เช็ดตัวให้ปีบได้ด้วย”

   แน่นอนว่าคนยื่นโทรศัพท์ให้ก็ทำให้ตามใจ  เขาเลื่อนเก้าอี้อีกตัวมานั่งข้างกัน  วางโทรศัพท์ไว้บนเตียงแล้วก็เลื่อนกะละมังใบเล็กไปวางไว้ใกล้ๆมือ  ให้คนคุยโทรศัพท์กับปลายสายไม่ต้องลุกหลายรอบ

“ครับป้าพุด  ป้าพุดสบายดีนะครับ”  บัวทักทายปลายสายด้วยน้ำเสียงสดใส  เขาคิดถึงหญิงวัยกลางคนคนนี้มากเหลือเกิน  แม้จะได้คุยกันไปบ้างแล้วก่อนหน้านี้ตอนที่นายเหมืองมาหา   แต่ก็ไม่มีโอกาสได้ทักทายพูดคุยอย่างเป็นกิจจะลักษณะเสียที

‘พ่อคุณทูนหัว  ได้ยินที่เด็กๆเล่าแล้วป้าขนลุกไปหมดเลยค่ะ  ใจเสียเหลือเกิน  คุณครูนี่นะ  กลับมาเมื่อไหร่นะป้าจะจับตีให้หลังลายเลย   มีอย่างที่ไหนอยู่ดีไม่ว่าดีเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอันตรายคะ  นี่ป้า...’

“ป้าพุดครับ  บัวปลอดภัย  เด็กๆทุกคนปลอดภัยนะ  เอาไว้กลับไปบัวจะไปกราบขอขมาให้ถึงอกเลยที่ทำให้ป้าเป็นห่วง  โอเคมั้ยครับ  เลิกบ่นบัวนะ”

‘จริงๆเลยเชียวนะ  พวกคุณๆนี่  ขยันหาเรื่องให้ป้าได้ตื่นเต้นกันไม่เว้นแต่ละวัน’

“เลิกบ่นบัวเถอะ  แค่นายเหมืองบ่นคนเดียวหูบัวก็เหี่ยวจะแย่แล้วนะครับ”

‘ก็เขาเป็นห่วงนี่คะ  คุณไม่เห็นนี่  ว่าวันที่นายเหมืองหาครูบัวไม่เจอ  เหมืองเรานี่อย่างกับโดนกอริลล่าถล่มแน่ะ’

“อะแฮ่ม!”  ไม่ต้องเดาเลยว่าเสียงใคร  คนโดนนินทาต่อหน้ากระแอมเสียเสียงดังจนแม้แต่ดอกปีบยังหันมามองแล้วอมยิ้ม

“ครับ  บัวรู้แล้วครับบัวผิด  บัวขอโทษนะ  ฝากขอโทษคนอื่นๆด้วยนะครับป้าพุด  ทำให้เดือดร้อนกันไปหมด”

‘ไม่มีใครว่าอะไรเลยค่ะ  แต่ป้าอยากให้รีบกลับมาเร็วๆจังเลยค่ะ  ทุกคนรอเซอร์ไพรส์ครูบัวอยู่นะคะ’

“เซอร์ไพรส์?  จะแอบแกล้งอะไรบัวกันครับ”

‘แกล้งอะไรกันล่ะคะ  รีบกลับมาเร็วๆเถอะค่ะ  มีหลายคนทางนี้เขาคิดถึง’

“ครับป้าพุด  ถ้าเสร็จเรื่องคดีแล้วไม่น่าจะเกินอาทิตย์บัวจะรีบกลับไปนะครับ”  คนพูดพูดแล้วก็อมยิ้มกับตัวเอง  ผิดกับคนที่นั่งข้างๆซึ่งแอบยิ้มกว้างจนปิดไม่มิด  ดอกปีบต้องแอบทำมือปิดปากให้ดูเป็นตัวอย่างประมาณว่าเก็บอาการบ้างก็ได้ครับคุณอาสิงห์

‘ดีค่ะ  ป้าจะรอนะคะ’ 

   บัวคุยกับป้าพุดฤทัยอีกสองสามประโยคแล้วถึงค่อยวางสายไป  หันไปมองหน้าเจ้าของโทรศัพท์แล้วก็ทำหรี่ตาใส่ 

“รู้นะว่าแอบยิ้ม  ทำไม...กลัวบัวจะไม่กลับใต้ด้วยเหรอ”

“ก็...ใช่  ยอมรับว่ามีคิด...นิดๆ”

“ไม่นิดหรอกมั้ง  เห็นตอบคุณกฤษณ์เสียเต็มปากเต็มคำเลยนี่เมื่อคืน”

“อ้าว  เมื่อคืนได้ยินเหรอ”

“ครับ”

“ทั้งหมดเลย?”

“ไม่เหลือ  เก็บหมดทุกคำเลยครับ”

“...”

   คนตัวโตๆเวลาหน้าแดงแล้วเขิน  ทำอะไรไม่ถูกมันก็จะน่าดูไปอีกแบบ  เหมือนหมีควายจมอยู่ในปลักโคลน  ตัวดำๆทาทับด้วยสีแดง  หึหึ...อยากถ่ายรูปไปอวดเด็กๆจริงๆ

“นี่  นายเหมือง  อยู่ที่นี่คุณย่าก็มีดอกปีบอยู่ทั้งคน  อีกอย่าง..บัวไม่ได้จะทิ้งท่านไปไหนเสียหน่อย  ใต้กับเหนือ  ห่างกันแค่ไหนก็อยู่บนแผ่นดินเดียวกัน  บัวค่อยขึ้นมาเยี่ยมท่านบ่อยๆก็ได้นี่ครับ  ไม่ต้องขออนุญาตเขตยุ่งยากเหมือนออกนอกประเทศเสียหน่อย”  พูดไปฝ่ามือขาวสะอาดของบัวก็ยกไปจับมือนายเหมืองเอาไว้ข้างๆเตียงเด็ก  เอานิ้วมือสอดประสานไว้  เพิ่มความมั่นใจให้ผู้ชายตัวใหญ่แต่ใจเท่ากำปั้นให้มั่นใจในตัวเขา  ว่าถึงอย่างไรแล้ว...บัวก็เลือกทางเดินชีวิตที่จะต้องมีคนข้างๆนี้ไปด้วยกัน

“โอเคครับ  งั้นเราก็...”

   ...กริ๊ง... โทรศัพท์เครื่องเดิมส่งเสียงบอกว่ามีสายเรียกเข้ากะทันหัน  และเป็นสายที่จะทำให้ทั้งสองคนไม่สามารถทำตามสิ่งที่ตั้งใจไว้ให้เป็นจริงได้อีก

“โม...ว่าไง  โทรหาพี่มีอะไร”  ญาติผู้น้องห่างๆ คนที่นำพาให้เขามาเจอกับบัวเป็นคนโทรศัพท์มาหา  จะว่าเพราะรู้เรื่องต่างๆนี่เลยโทรมาก็ไม่น่าใช่  เพราะเขาไม่ได้บอกอะไรกับใครเลยนอกจากคนที่รู้เรื่องจริงๆ

‘พี่สิงห์  ทำไมโมโทรติดต่อพี่บัวไม่ได้เลยล่ะ  นี่พี่บัวอยู่กับพี่ที่เหมืองหรือเปล่าคะ  หรือว่าโดนสองแสบเล่นงานไล่ตะเพิดหายไปอีกคนแล้วคะเนี่ย’

“เดี๋ยวๆ  ครูบัวยังอยู่ดีมีสุขกับพี่  หลานเราไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นเสียหน่อยนะโม”

‘ก็ใครจะไปรู้ล่ะ  เห็นกี่รายๆก็ทนฤทธิ์เดชหลานโมไม่ไหวเลยสักคน  นี่เลยส่งมือระดับเทพมาช่วยแล้วนะ  กลัวว่าจะไม่รอดอีกคนน่ะสิ’

“นินทาลูกพี่พอแล้วก็ว่าธุระของแกมายัยโม  ถ้าไม่มีอะไรพี่จะได้วาง”

‘เดี๋ยวๆ  น้องมีแน่ธุระอ่ะ  แต่ไม่ใช่กับพี่  กับพี่บัวต่างหาก  อยู่ใกล้ๆมั้ยขอสายหน่อยสิ’  หญิงสาวปลายสายบอกกล่าวกับลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง 

   นายเหมืองสิงห์ออกอาการงงเล็กๆแต่ก็ยอมยื่นโทรศัพท์ให้กับอีกคนแต่โดยดี

“ครับ”  เขาได้ยินบัวตอบรับคนจากปลายสาย  รอบนี้บัวไม่ได้เปิดสปีกเกอร์โฟนเขาจึงไม่ได้รับรู้ว่าบัวคุยอะไรกับทางปลายสายบ้าง 

   เขาเห็นบัวทำหน้าตกใจในตอนแรก  ยิ้มเบาๆตอนกลาง  แล้วก็ทำสีหน้าเคร่งเครียดในท้ายที่สุด  เขาอยากลุกไปถามว่ามีเรื่องอะไรให้เครียดหนักหนาหรือ  เขาจะได้ไปจัดการแม่ตัวต้นเรื่อง  ถึงจะมีความดีความชอบที่เป็นคนชักพาให้เขากับบัวได้เจอกัน  แต่ถ้ามาทำให้บัวไม่สบายใจล่ะก็..น้องก็น้องเถอะนะ

   บัวหายไปยืนคุยกับนะโมอยู่ตรงระเบียงพักใหญ่ๆ  เขานั่งมองร่างของคุณครูหนุ่มสลับกับการ์ตูนของเด็กจนดอกปีบยังออกปากทักให้เขาไปตามบัวกลับเข้ามาถามเถอะ  และพอเขาตัดสินใจจะเสียมารยาทออกไปขัดจังหวะ  เจ้าตัวผิวขาวก็เดินกลับเข้ามาเอาโทรศัพท์คืนเขาแต่โดยดี  แต่สีหน้าเจ้าตัวเหมือนจะยิ้มไม่ค่อยออกเท่าไหร่เลย

“มีอะไรหรือเปล่าบัว  บอกพี่ได้หรือเปล่า”

“มีเรื่องอะไรที่บัวบอกนายเหมืองไม่ได้บ้างครับ”  บัวเหมือนพยายามจะยิ้มให้เขาแต่มันก็ยิ้มไม่สุด  “ข่าวดีครับ  เขาเรียกบัวบรรจุแล้ว”

“...”  ในนาทีแรกเขาเหมือนไม่ค่อยเข้าใจ  เพราะเขาไม่ค่อยได้ยุ่งเกี่ยวกับวงการข้าราชการครูสักเท่าไหร่  แต่ถ้าเป็นในวงการตำรวจล่ะก็  การเรียกบรรจุก็เป็นเรื่องที่ดีน่ะสิ  “พี่ก็ต้องแสดงความดีใจกับบัวสิ  แล้วทำไมบัวทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ”

“เรื่องดีครับ แต่...แต่บัวสอบขึ้นบัญชีไว้ที่กรุงเทพฯ  แล้ว...พรุ่งนี้ต้องลงไปรายงานตัวเลือกโรงเรียน”

“ห๊ะ...เดี๋ยว  เดี๋ยวก่อน  พี่ตามไม่ทัน  คือยังไงนะ”

“คือ...เพื่อนน้องโมสอบได้ลำดับหลังจากบัว  เขาอยากรู้ว่าบัวเลือกที่ไหนก็เลยติดต่อถามผ่านน้องโมมา  ปกติเขาจะส่งจดหมายมาให้ที่บ้าน  แต่ที่บ้านบัวก็เกิดเรื่องเสียก่อนบัวก็เลยไม่รู้เรื่อง  แล้วคือพรุ่งนี้ถ้าบัวไม่ได้ไปรายงานตัวก็จะเท่ากับบัวสละสิทธิ์เข้าบรรจุ  แล้วทีนี้...”

“เปล่า  พี่แค่อยากรู้ว่าบัวจะต้องบรรจุที่ไหนนะ”

“...กรุงเทพฯครับ”

“แล้วจะต้องไปรายงานตัวเมื่อไหร่นะ”

“พรุ่งนี้ครับ  เก้าโมงเช้า”  บัวงุบงิบตอบเสียงเบา 

   การบรรจุเข้ารับราชการครูไม่ได้เปิดสอบกันทุกปี  แต่ละปีบางจังหวัดก็ไม่ได้เปิด  แต่ละปีอัตราคนสอบก็ปาไปเป็นแสน  เรียกบรรจุแค่ไม่กี่พัน  และการที่ขึ้นบัญชีได้แถมยังได้เรียกบรรจุอีกก็ถือเป็นโชคดีที่สุดแล้ว

“คือ  นายเหมือง  บัว...”

“วันนี้พี่ว่าบัวรีบกลับไปเก็บของเตรียมตัวเดินทางดีกว่า  เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไปส่งเอง”

“เอ๊ะ  แล้ว”

“ไม่เอ๊ะแล้วบัว  กลับบ้านๆ  เก็บของๆ”  ดอกปีบที่นอนเป็นคนป่วยแต่ใบหน้าแจ่มใสบอกคนมีศักดิ์เป็นหลานชายแต่อายุแก่กว่าเป็นรอบด้วยรอยยิ้ม  บัวหันมองคนยิ้มไม่ประสาแล้วก็อยากจะยิ้มตอบ  เด็กคงไม่รู้ว่าถ้าเกิดบัวลงไปกรุงเทพฯพรุ่งนี้แล้ว  สิ่งต่อไปอะไรที่จะเกิดตามมา

   และถ้าให้เดา  ตัวนายเหมืองเองก็คงจะยังไม่รู้ด้วย  ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตบัว 

   อะไรที่จะเปลี่ยนแปลงไป...

   ระยะห่าง...และเวลาที่วางแผนไว้ว่าจะมีให้กัน 

   ...มันจะกำลังหายไป...

--------------------------------------------------------------------

   เย็นนั้นคุณย่าที่เพิ่งทราบเรื่องก็ดีใจยกใหญ่  สั่งให้คนทำอาหารเลี้ยงคนงานทั้งสวน  แล้วพอรู้ว่านายเหมืองจะเป็นคนลงไปส่งเขาที่กรุงเทพฯ  ก็จัดแจงให้คนหาที่พักในกรุงเทพฯไว้ให้เสร็จสรรพ  คาดการณ์ไว้ว่าน่าจะต้องพักค้างคืนสักคืน  เพราะจะให้นายเหมืองขับรถไปกลับวันเดียวเลยก็คงไม่ไหว

   ที่ไหนได้  พอเช้าวันต่อมา  ทั้งสองคนออกรถกันตั้งแต่ยังไม่เช้า  ล่ำลาเด็กๆฝากไว้กับส้ม  พุฒ  กฤษณ์และคุณย่าเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อคืน  เช้าวันนี้ทั้งสองคนจึงออกเดินทางได้อย่างสะดวกไม่ต้องรบกวนปลุกใครให้มาส่ง  นอกจากคุณย่าที่ยังอุตส่าห์ตื่นมารอส่งหลานชายไปรายงานตัวที่กรุงเทพฯด้วย

   คุณย่าอวยชัยให้พรยกใหญ่  แกดีใจที่ในที่สุดหลานชายก็ได้มีงานทำเป็นจริงเป็นจัง  ได้รับราชการสักคน  ดั่งใจรุ่นคุณปู่เขา  แกว่าวันนี้จะจุดธูปบอกคุณปู่กับคุณพ่อด้วย  แถมก่อนจากมาแกก็ยัดเงินก้นถุงมาให้บัวในรูปแบบของบัญชีเงินฝาก  มีของแถมเป็นบัตรเดบิตวีซ่าที่เปิดไว้ให้พร้อมใช้เสร็จสรรพ

   แกบอกว่า...บัญชีเล่มนี้คนที่ทำไว้ให้คือคุณปู่  เข้าให้ทุกเดือนเดือนละสามหมื่นกว่า  ตั้งใจตอนแรกว่าจะเก็บไว้ให้คุณพ่อของบัวสำหรับตั้งตัวหลังแต่งงาน  แต่พอเกิดเรื่องนั้นขึ้นคุณปู่ก็โกรธมาก  แต่แกก็ยังให้คนเอาเงินเข้าไว้ให้ตามเดิม  ตอนเปิดพินัยกรรมคุณย่าถึงเพิ่งได้รู้ว่าคุณปู่ยังคงให้คนเข้าเงินไว้ให้  เพราะตั้งใจจะมอบให้บัวต่อ  ถึงอย่างไรเสีย...บัวเป็นหลานแท้ๆของแก  ยังไงคุณปู่แกก็รัก  ถึงจะไม่ได้ใส่ชื่อบัวในมรดกชิ้นอื่น  แต่เงินสดในบัญชีเงินฝากนี้ก็ไม่ใช่น้อยๆเลย  เพราะแกให้คนเข้าไว้ให้เป็นเกือบสามสิบปีเชียว 

   ตอนนี้บัวเลยกลายเป็นเศรษฐีย่อมๆเลยทีเดียว

“เป็นอะไรไป  ทำหน้าไม่ค่อยดีเลย  ยังง่วงอยู่หรือว่ากลัวพี่พาไปไม่ทันครับ”  นายเหมืองใช้มือข้างเดียวในการบังคับพวงมาลัยรถ  การขับรถกลางคืนไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา  เพราะที่ใต้การตื่นกลางค่ำกลางคืนขับรถเขาทำออกบ่อย  และการขับรถตอนมืดๆแบบนี้นั้นถนนก็ค่อนข้างโล่ง  จะมีก็แค่รถบรรทุกที่ขับลงไปส่งของที่กรุงเทพฯเป็นเพื่อนร่วมทางเสียส่วนใหญ่เท่านั้น  ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่ปัญหา

“เปล่าครับ  บัวแค่...คิดถึงแม่  อยากบอกแม่ด้วย  บัวอยากเห็นแม่ดีใจ  ที่ลูกแม่ได้บรรจุเสียทีหลังจากที่รอมาหลายเดือน”  บัวเอ่ยบอกคนขับรถจำเป็นตามตรง  ยกมืออีกข้างมาจับซ้อนทับมือนายเหมืองที่จับมือเขาเอาไว้มาตลอดทาง  ชายหนุ่มคนขับรถกระชับมือคนที่นั่งข้างๆ  แล้วยกมือนั้นขึ้นมาจรดริมฝีปากลงไปที่หลังมือเบาๆ

“แม่ของบัวจะต้องรับรู้  และเขาจะต้องดีใจมากแน่ๆ  เหมือนอย่างที่คุณย่าของบัวดีใจไง”

“บัวรู้  แม่เฝ้าบัวตลอดเลยรู้มั้ยตอนที่อ่านหนังสือสอบบรรจุ  แม่ยอมเหนื่อยทำงานแทนบัวทุกอย่าง  เพื่อให้บัวทุ่มเทกับการสอบบรรจุครั้งนี้ให้มากที่สุด  แต่ตอนนี้วันที่มันสำเร็จแล้ว  แม่อยู่ที่ไหนบัวยังไม่รู้เลย”

“...” 

   ชายหนุ่มรู้อยู่หรอกว่าคนรักรู้สึกยังไง  ตอนนี้เขาคงทำได้แค่เป็นกำลังใจ  ชดเชยให้ในส่วนของครอบครัวเพียงคนเดียวของบัวที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้

“บัวอยากกอดแม่”

“งอแง”

“ไม่ได้งอแง  โตแล้วนะ  มีงานทำแล้วด้วย”

“คร้าบ  พ่อพิมพ์ของชาติ  คุณครูที่ขี้งอแงที่สุดในโลก”

“หยุดพูดเลยนายเหมือง  ขับรถดีๆเลย”  ตีแขนใหญ่ๆในเสื้อเชิ้ตเรียบร้อยไปหนึ่งป๊าบแก้เขิน  แต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือที่โดนกุมเอาไว้ออกจากกัน 

   ภาพนอกหน้าต่างเริ่มมีตึกสูงๆให้เห็น  ชีวิตในเมืองหลวงที่คุ้นเคยของบัวค่อยๆฉายภาพย้อนกลับมาให้เห็นเรื่อยๆตามระยะทางที่ผ่านไป  แต่ไม่รู้ทำไมบัวถึงรู้สึกอยากจะถอนหายใจให้กับอนาคตในที่ๆคุ้นเคยซึ่งกำลังจะเข้ามาเหลือเกิน
 
“บัว...ถ้าอยากกอดแม่  กอดพี่แทนก็ได้นะ” 

   ในขณะที่เสียงเพลงแผ่วๆกำลังให้บัวรู้สึกผ่อนคลายอยู่  และอีกไม่กี่นาทีรถก็กำลังจะจอดสนิทที่จุดหมายปลายทาง  น้ำเสียงนุ่มๆที่แฝงความห่วงใยเต็มเปี่ยมอยู่ในนั้นก็ดังขึ้น 

   คนพูดเอียงหน้ามามองคนที่บอกให้กอดเขาแทนแม่  มุมปากใต้ไรหนวดที่ถูกโกนอย่างเรียบร้อยเป็นรอยเขียวครึ้มจางๆยกขึ้นแต่น้อย  ทว่ามันกลับทำให้คนมองใจกระตุกด้วยมันดูเท่ห์ปนน่าหมั่นไส้เสียเหลือเกิน

“ไว้กอดก่อนลงจากรถแล้วกัน  บัวยังไม่อยากลงไปนอนวัดเสาไฟฟ้าตอนนี้”

   เอาสิ  นายเหมืองอ่อยได้  บัวก็อ่อยได้เหมือนกัน 

การเอียงหน้าน้อยๆแล้วกัดริมฝีปาก  ยกมือนายเหมืองให้กลับไปจับพวงมาลัยทั้งสองมือพร้อมรอยยิ้มทั้งปากทั้งตาอีกนิดหน่อย  ทำให้ความเร็วของรถเพิ่มขึ้นมาเยอะเลย

---------------------------------------------------------------

   โรงเรียนที่บัวเลือกนั้นไม่ใช่โรงเรียนขนาดใหญ่  บัวเลือกโรงเรียนที่อยู่ใกล้บ้านเดิมของตนที่กรุงเทพฯ  อย่างน้อยการได้อยู่ในแหล่งที่อยู่เดิมอาจทำให้เขาได้เจอแม่  และอีกอย่างเขาไม่ได้คิดมากนักกับการว่าต้องไปบรรจุในโรงเรียนใหญ่  จะโรงเรียนขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่  จะอย่างไรหน้าที่การเป็นครูก็ต้องสอนเด็กเหมือนกันทุกที่นั่นเอง

   และสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเพราะบัวก็เพิ่งทราบว่า  เมื่อเลือกโรงเรียนแล้วและได้จดหมายส่งตัวมาแล้วก็ต้องรีบไปรายงานตัวที่โรงเรียนให้เร็วที่สุด  ภายในวันนั้นได้เลยก็จะยิ่งดี  ทำให้ตอนบ่ายจากที่คิดว่าจะว่างจึงทำให้ทั้งคู่ต้องรีบเร่งขับรถไปที่โรงเรียนที่บัวได้เลือกไว้ก่อน  กว่าจะฝ่าการจราจรที่จอแจไปถึงได้ก็เสียเวลาไปมาก  แถมยังไม่ได้พบผู้อำนวยการเสียอีกเพราะท่านติดภารกิจเนื่องจากตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอม  บัวจึงต้องเข้าไปที่โรงเรียนใหม่ในวันรุ่งขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดเทอมที่จะถึงนี้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ 

   คืนนั้นตอนที่ทั้งสองคนกลับมาถึงที่พัก  แทนที่จะได้นอนพักผ่อนกันอย่างสบายๆ  กลับต้องมาวางแผนชีวิตกันใหม่  นายเหมืองพยายามทำความเข้าใจได้แล้วว่าเขาคงต้องยอมห่างกับครูบัวแล้วจริงๆ  การจะย้ายข้าราชการครูที่เป็นครูผู้ช่วยได้ต้องรอไปถึงสี่ปีถึงจะมีสิทธิ์เขียนย้าย  หรือถ้าไม่อย่างนั้นก็ต้องให้บัวรอสอบใหม่ปีหน้าที่จังหวัดของเขา  ซึ่งก็ไม่สามารถทราบได้เลยว่าจะเปิดสอบหรือไม่  หรือถ้าเปิดสอบ  เอกที่บัวจบมาเขาจะรับหรือไม่  แล้วไหนยังจะคะแนนสอบทั้งสามภาคที่บัวจะต้องทำให้เกิน 80% อีกถึงจะมีสิทธิ์ขึ้นบัญชีได้เหมือนรอบนี้  ทว่า...จากความสามารถของบัวแล้วนายเหมืองเองมั่นใจว่าบัวต้องติดแน่  ถ้าเขาเปิดให้สอบน่ะนะ

   แต่ปัญหาก็คือ  พวกเขาชักจะไม่แน่ใจว่าจะบอกสองแสบว่าอย่างไร  ว่าอีกหนึ่งปีหลังจากนี้  ครูตาหวานของเด็กๆจะไม่ได้กลับไปอยู่ใต้กับพวกเขาแล้ว  ต้องห่างกันเป็นปี  เด็กๆมีโชว์ดีดดิ้นกันแน่นอน

“แต่ถ้าไปบอกสัญญิงสัญญาว่าแค่ปีเดียว  แล้วเกิดบัวสอบไม่ได้ขึ้นมา  หรือเขาไม่เรียก  มันจะไม่เป็นการให้ความหวังพวกเขาเหรอครับ”  บัวที่นั่งบนเตียงเดียวกันหันสบตามองคนที่นั่งข้างกันด้วยความวิตก  เขาน่ะแคร์ความรู้สึกของสองแสบที่หนึ่ง  แค่ที่จู่ๆเขาก็หายตัวมา  สองแสบยังซ่าเสียจนส้มกับพุฒยังต้องพาพวกเขาตามบัวขึ้นมาถึงเหนือ  ขนาดคนเป็นพ่อยังเอาไม่อยู่  แล้วเป็นแบบนี้เด็กๆจะไม่โวยวายกันจนเหมืองแตกเลยหรือ

“งั้นเราก็ต้องหาวิธีหลอกล่อ  เทอมหนึ่งมีสี่เดือนใช่มั้ย  ก็ช่วงปิดเทอมไง  บัวก็กลับบ้านเราที่เหมืองไปหาพวกเขาไง”

“นายเหมือง  ภาระหน้าที่ของครูน่ะ  ปิดเทอมก็ไม่ได้ปิดจริงๆตามเด็กหรอกนะครับ  มีเวลาว่างให้บ้างก็แค่อาทิตย์สองอาทิตย์  ไม่ได้ปิดนานเป็นเดือนเหมือนอย่างเด็กๆหรอก”

“งั้น  ก็ให้เด็กๆขึ้นมาอยู่กับบัวที่กรุงเทพฯแทนก็ได้  ดีเลย  จับเข้ากวดวิชาเสียให้เข็ด  ที่กรุงเทพฯหาโรงเรียนกวดวิชาง่ายกว่าที่ใต้เยอะ  เช้ายันเย็นถึงค่ำไปเลย  หายซ่าแน่ลูกบ่าวพ่อ”

“ไม่เด็ดขาด  บัวไม่อนุญาต”

“อ้าว  ทำไมล่ะ”

“บัวหมายถึง  บัวไม่อนุญาตให้เด็กๆเรียนนานขนาดนั้นครับ  เรียนพิเศษน่ะเรียนได้  แต่ให้เรียนพวกทักษะพิเศษอื่นๆเพิ่มเติมดีกว่า  พวกดนตรี กีฬา อะไรแบบนี้  ส่วนพวกวิชาการน่ะ  ถ้าขยันหน่อยอ่านเองล่วงหน้าก็เพียงพอแล้วล่ะครับ  เด็กประถมฯเองนะ”

“แต่ลูกพี่มันแก่แดดแก่ลมไปเยอะนะ  ฤทธิ์เดชสาหัสขนาดไหนบัวก็เห็น”

“ครับ  แต่เด็กก็คือเด็กน่ะ  แล้วที่สำคัญ  เด็กน่ะไม่มีปัญหาหรอก  ว่าแต่ผู้ใหญ่เถอะ  บัวเองก็ไม่ได้อยากห่างกับนายเหมืองนานเหมือนกันนะ  แต่คุณเองก็มีภาระงานที่บ้าน  จะให้ย้ายเหมืองเข้ากรุงเทพฯก็ทำไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ”

   คนฟังตาโต  นึกภาพตามที่ครูบัวแกว่า  เออน่ะ  เขาเองหลงนึกว่ามีแต่ฝ่ายเขาเสียอีกที่คิดถึงแล้วก็พยายามหาวิธีที่จะได้อยู่ด้วยกัน  ไม่นึกเลยว่าครูบัวเองก็ต้องการที่จะอยู่กับเขา  ถึงขนาดที่นึกอยากให้เขาย้ายเหมืองเข้ากรุงมาเลยแน่ะ 

   การที่เรารักใครสักคน  แล้วคนคนนั้นก็รักเราตอบมากพอกันเนี่ย  ...มันโคตรจะมีความสุขเลยเว้ย!

“บัว  หยุดพูดให้พี่ใจเต้น”

“บ้า  ใจเต้นอะไร  นี่บัวพูดจริงๆนะ  ตอนแรกทำใจไว้แล้วนึกว่าเขาไม่เรียก  ก็รอว่าจะสอบปีหน้าใหม่ทีเดียวเลย  แต่ว่าอายุราชการมันก็เป็นสิ่งสำคัญ  บรรจุได้เร็วมันก็ดีกว่า  นายเหมืองเข้าใจบัวใช่มั้ย  ที่บัวเลือกมารายงานตัววันนี้น่ะ  ไม่ได้แปลว่าบัวไม่ได้อยากอยู่กับทุกคนนะ  บัวรักทุกคนที่เหมือง  รักสองแสบ  แล้วก็รักเจ้าของเหมืองคนนี้มากๆด้วย...”

“บัว  หยุดพูดก่อน”  หัวใจตอนนี้มันปรับบีทขึ้นไปเกินร้อยครั้งต่อนาทีแล้วมั้งเนี่ย

“ทำไมล่ะ  ให้บัวได้พูดได้ระบายก่อนสิ  รู้มั้ยนี่บัวเครียดจริงๆนะ  หลังจากนี้ก็ต้องไปหาที่พักอยู่เองก่อนชั่วคราวเพราะต้องรอบ้านพักครูว่าง  แล้วไหนจะต้องเตรียมสื่อ  เตรียมการสอนตอนเปิดเทอม  แล้วชุดข้าราชการด้วยบัวก็ยังไม่ได้ซื้อเลย  แล้วนี่เหลือเวลาอีกแค่สองสามอาทิตย์เอง  บัวจะได้อยู่กับนายเหมืองกับเด็กๆได้กี่วันเชียว  บัวอยากอยู่กับทุกคน  บัวอยากอยู่กับคุณนะ...”

“บัว  พี่สาบานได้ว่าตอนนี้พี่กำลังอดทนอย่างสุดความสามารถของพี่แล้ว  บัวอย่าพูดจาอะไรที่ทำให้พี่รู้สึกอยากกอดบัวมากไปกว่านี้เลย  พรุ่งนี้เขานัดไปที่โรงเรียนเช้าด้วย  พี่ไม่รับประกันนะว่าบัวจะรอดไปทันตามนัดพรุ่งนี้”

“หือ  อยากกอดก็กอดสิครับ  บัวไม่ได้ว่าอะไรเสียหน่อย”  นั่นคือคำพูดในตอนแรกที่บัวเข้าใจตามความหมายจริงๆของคำว่า ‘กอด’ 

   ทว่ากว่าจะรู้ว่านายเหมืองไม่ได้หมายถึงกอดอย่างอบอุ่นอ่อนโยนอย่างนั้น  แต่เป็นกอดอย่างเร่าร้อนและต้องเสียเหงื่อ  ก็ต้องที่ร่างกายทั้งร่างของบัวถูกกดลงไปจมกับเบาะเตียง  ริมฝีปากถูกประกบปิดดูดดุนอย่างดื้อดึงเพราะอีกฝ่ายเตือนแล้วไม่ฟัง

“ไม่ต้องห่วงไปหรอก  พี่จะทนห่างกับยอดดวงใจของพี่ได้นานสักแค่ไหนเชียว”  เขากระซิบแผ่วเบาติดริมฝีปากของคนที่ทำตาโตตกใจมองตอบเขามาจากใต้ร่าง  “อย่าลืมสิ  ขนาดตัวลูกยังติดบัวแจเสียขนาดนั้น  นี่ตัวพ่อมันนะ  เชื้อแรงกว่าลูกเยอะ  เชื่อสิ”

“หน่ะ...นายเหมือง  เดี๋ยวก่อนนะ  ใจเย็นๆสิครับ”  บัวปากคอสั่น  เอามือกั้นระหว่างแผงอกของตัวเองกับของคนด้านบนที่เริ่มเอาตอหนวดมาซุกไซร้เข้าที่ลำคอของเขาแล้ว

“ไม่เย็นแล้ว  พี่ห้ามแล้วห้ามอีกว่าอย่าก็ไม่เชื่อพี่เอง  ตอนนี้เครื่องติดแล้วมันไม่ดับง่ายๆหรอกนะบัวก็รู้”

“แต่นายเหมือง  พรุ่งนี้เช้าบัวมีนัดนะ”  คนอ้างมีนัดเริ่มมือหมดแรงต้านทาน  ยิ่งตอนที่ฝ่ามือกร้านลูบผ่านไปทั่วทั้งตัวเขาผ่านเสื้อผ้าก็ยิ่งเผาผลาญแรงกายเขาให้ถดถอยลงไปอีก

“ไม่ต้องห่วง  บัวได้นอนก่อนเที่ยงคืนแน่คนดี”

   หือ...คนฟังตาเหลือก  จำได้ว่าตอนเช็คอินเข้าโรงแรมนี้มันเพิ่งจะสี่โมงเย็น  แล้วพวกเขาคุยกันยังไม่ทันถึงยี่สิบนาทีดีเลยด้วยซ้ำ  แล้วจะให้เขาได้นอนก่อนเที่ยงคืน!

   เดี๋ยวก่อนสิ!! นายเหมือง!!

“เดี๋ยว...อ๊ะ  หนะ...นายเหมือง..ครับ  อย่านะ  ตรงนั้น...ไม่เอา” 

“หืม?  ไม่เอาข้างบน?  งั้นพี่ย้ายลงข้างล่างก็ได้” 

   โอ๊ย  บัวรู้สึกเหมือนพูดกันคนละภาษา  ความหมายของเขาคือตรงไหนๆเขาก็ไม่เอาไม่ให้จับทั้งนั้น  แต่นายเหมืองกลับเข้าใจไปว่าเขาไม่อยากให้จูบที่หู  เลยย้ายลงไปบริเวณใต้สะดือของเขาแทนน่ะสิ! 

“อ๊า...อย่านะ  ไม่เอา...บัวขอนะ  ไว้วันอื่นเถอะ  บัวขอร้องนะครับ”

“พี่ก็ขอร้องนะครับ  วันนี้เถอะนะ  พี่ไม่ไหวแล้ว...นะครับ”

   ตายๆ  ผู้ชายตัวใหญ่เวลาทำตัวอ้อนขึ้นมาแล้วใครมันจะไปต้านทานไหว  แล้วยิ่งผู้ชายคนนั้นเป็นคนที่เรารักด้วย  บัวว่าร้อยทั้งร้อยต่อให้ตอนนั้นน้ำจะท่วม  แผ่นดินจะถล่ม  ยังไงเราก็ต้องยอมเขาแล้วล่ะ...ส่งสายตาเป็นหมีหิวมาให้เขาเสียขนาดนั้น

   เฮ้อ...เอาเถอะนะ  เขาเป็นคนเลี้ยงสิงโตเจ้าป่า  ถ้าไม่อยากให้อาละวาดก็ต้องหาอาหารมาให้กินบ่อยๆ  ให้เขากินให้อิ่ม  จะได้มีแรงดูแลผืนป่าไหว 

แต่ว่านะ...เจอเจ้าป่าจอมตะกละแบบนี้  บัวว่าเขาคงได้หมดตัวเข้าสักวันแน่ๆ!!

---------------------------------------------------------------


 :mew3: :mew3:  ตอนหน้าก็เป็นตอนจบแล้วนะคะ  แน่นอนว่าแพทไม่พลาดเอาตอนพิเศษมาฝากด้วยแน่นอน  ขอบพระคุณนักอ่านที่น่ารักของแพททุกๆคนที่อยู่เป็นกำลังใจกันมาตลอดนะคะ  รักนะจุ๊บๆ   :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ปัญหานี้จะจบในตอนหน้าอย่างไงหนอ รออ่านๆ  :กอด1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ korner

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ยังไงก็ขอให้เจอกันบ่อยๆก็พอ อย่าห่างกันนานสงสารแต่ก็เข้าใจภาระหน้าที่ต่างคนก็ต่างกัน ครูบัวสู้ๆ อยากอ่านตอนสองแสบงอแงแล้ววว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด