สำหรับบัวแล้ว ในตอนนี้ที่กำลังกังวลอยู่อีกอย่างนอกจากเรื่องอาการของดอกปีบที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่มีอาการแทรกซ้อนให้ต้องกลัวแล้ว ก็มีเรื่องของแม่นี่แหละ...ที่บัวยังภาวนาอยู่ในใจให้ทางตำรวจได้ข่าวคราวของแม่บ้าง ไม่ก็มีข่าวอะไรเกี่ยวกับแม่ให้บัวได้รับรู้บ้าง แต่นี่ก็ไม่มีเลย...ทุกอย่างเงียบงัน ไม่มีใครรู้เรื่องแม่ ไม่มีใครหาแม่ของบัวเจอทั้งนั้น
“บัว...ป้าพุดเขาอยากคุยด้วย”
โทรศัพท์เครื่องสีดำของนายเหมืองสิงห์ถูกยื่นไปให้คุณครูหนุ่มที่กำลังเช็ดแขนเช็ดตัวให้เด็กลูกครึ่งที่ยังนอนดูโทรศัพท์อยู่บนเตียง บัวยิ้มให้คนยื่นโทรศัพท์ก่อนบอก
“เปิดสปีกเกอร์ได้มั้ยครับ บัวจะได้เช็ดตัวให้ปีบได้ด้วย”
แน่นอนว่าคนยื่นโทรศัพท์ให้ก็ทำให้ตามใจ เขาเลื่อนเก้าอี้อีกตัวมานั่งข้างกัน วางโทรศัพท์ไว้บนเตียงแล้วก็เลื่อนกะละมังใบเล็กไปวางไว้ใกล้ๆมือ ให้คนคุยโทรศัพท์กับปลายสายไม่ต้องลุกหลายรอบ
“ครับป้าพุด ป้าพุดสบายดีนะครับ” บัวทักทายปลายสายด้วยน้ำเสียงสดใส เขาคิดถึงหญิงวัยกลางคนคนนี้มากเหลือเกิน แม้จะได้คุยกันไปบ้างแล้วก่อนหน้านี้ตอนที่นายเหมืองมาหา แต่ก็ไม่มีโอกาสได้ทักทายพูดคุยอย่างเป็นกิจจะลักษณะเสียที
‘พ่อคุณทูนหัว ได้ยินที่เด็กๆเล่าแล้วป้าขนลุกไปหมดเลยค่ะ ใจเสียเหลือเกิน คุณครูนี่นะ กลับมาเมื่อไหร่นะป้าจะจับตีให้หลังลายเลย มีอย่างที่ไหนอยู่ดีไม่ว่าดีเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอันตรายคะ นี่ป้า...’
“ป้าพุดครับ บัวปลอดภัย เด็กๆทุกคนปลอดภัยนะ เอาไว้กลับไปบัวจะไปกราบขอขมาให้ถึงอกเลยที่ทำให้ป้าเป็นห่วง โอเคมั้ยครับ เลิกบ่นบัวนะ”
‘จริงๆเลยเชียวนะ พวกคุณๆนี่ ขยันหาเรื่องให้ป้าได้ตื่นเต้นกันไม่เว้นแต่ละวัน’
“เลิกบ่นบัวเถอะ แค่นายเหมืองบ่นคนเดียวหูบัวก็เหี่ยวจะแย่แล้วนะครับ”
‘ก็เขาเป็นห่วงนี่คะ คุณไม่เห็นนี่ ว่าวันที่นายเหมืองหาครูบัวไม่เจอ เหมืองเรานี่อย่างกับโดนกอริลล่าถล่มแน่ะ’
“อะแฮ่ม!” ไม่ต้องเดาเลยว่าเสียงใคร คนโดนนินทาต่อหน้ากระแอมเสียเสียงดังจนแม้แต่ดอกปีบยังหันมามองแล้วอมยิ้ม
“ครับ บัวรู้แล้วครับบัวผิด บัวขอโทษนะ ฝากขอโทษคนอื่นๆด้วยนะครับป้าพุด ทำให้เดือดร้อนกันไปหมด”
‘ไม่มีใครว่าอะไรเลยค่ะ แต่ป้าอยากให้รีบกลับมาเร็วๆจังเลยค่ะ ทุกคนรอเซอร์ไพรส์ครูบัวอยู่นะคะ’
“เซอร์ไพรส์? จะแอบแกล้งอะไรบัวกันครับ”
‘แกล้งอะไรกันล่ะคะ รีบกลับมาเร็วๆเถอะค่ะ มีหลายคนทางนี้เขาคิดถึง’
“ครับป้าพุด ถ้าเสร็จเรื่องคดีแล้วไม่น่าจะเกินอาทิตย์บัวจะรีบกลับไปนะครับ” คนพูดพูดแล้วก็อมยิ้มกับตัวเอง ผิดกับคนที่นั่งข้างๆซึ่งแอบยิ้มกว้างจนปิดไม่มิด ดอกปีบต้องแอบทำมือปิดปากให้ดูเป็นตัวอย่างประมาณว่าเก็บอาการบ้างก็ได้ครับคุณอาสิงห์
‘ดีค่ะ ป้าจะรอนะคะ’
บัวคุยกับป้าพุดฤทัยอีกสองสามประโยคแล้วถึงค่อยวางสายไป หันไปมองหน้าเจ้าของโทรศัพท์แล้วก็ทำหรี่ตาใส่
“รู้นะว่าแอบยิ้ม ทำไม...กลัวบัวจะไม่กลับใต้ด้วยเหรอ”
“ก็...ใช่ ยอมรับว่ามีคิด...นิดๆ”
“ไม่นิดหรอกมั้ง เห็นตอบคุณกฤษณ์เสียเต็มปากเต็มคำเลยนี่เมื่อคืน”
“อ้าว เมื่อคืนได้ยินเหรอ”
“ครับ”
“ทั้งหมดเลย?”
“ไม่เหลือ เก็บหมดทุกคำเลยครับ”
“...”
คนตัวโตๆเวลาหน้าแดงแล้วเขิน ทำอะไรไม่ถูกมันก็จะน่าดูไปอีกแบบ เหมือนหมีควายจมอยู่ในปลักโคลน ตัวดำๆทาทับด้วยสีแดง หึหึ...อยากถ่ายรูปไปอวดเด็กๆจริงๆ
“นี่ นายเหมือง อยู่ที่นี่คุณย่าก็มีดอกปีบอยู่ทั้งคน อีกอย่าง..บัวไม่ได้จะทิ้งท่านไปไหนเสียหน่อย ใต้กับเหนือ ห่างกันแค่ไหนก็อยู่บนแผ่นดินเดียวกัน บัวค่อยขึ้นมาเยี่ยมท่านบ่อยๆก็ได้นี่ครับ ไม่ต้องขออนุญาตเขตยุ่งยากเหมือนออกนอกประเทศเสียหน่อย” พูดไปฝ่ามือขาวสะอาดของบัวก็ยกไปจับมือนายเหมืองเอาไว้ข้างๆเตียงเด็ก เอานิ้วมือสอดประสานไว้ เพิ่มความมั่นใจให้ผู้ชายตัวใหญ่แต่ใจเท่ากำปั้นให้มั่นใจในตัวเขา ว่าถึงอย่างไรแล้ว...บัวก็เลือกทางเดินชีวิตที่จะต้องมีคนข้างๆนี้ไปด้วยกัน
“โอเคครับ งั้นเราก็...”
...กริ๊ง... โทรศัพท์เครื่องเดิมส่งเสียงบอกว่ามีสายเรียกเข้ากะทันหัน และเป็นสายที่จะทำให้ทั้งสองคนไม่สามารถทำตามสิ่งที่ตั้งใจไว้ให้เป็นจริงได้อีก
“โม...ว่าไง โทรหาพี่มีอะไร” ญาติผู้น้องห่างๆ คนที่นำพาให้เขามาเจอกับบัวเป็นคนโทรศัพท์มาหา จะว่าเพราะรู้เรื่องต่างๆนี่เลยโทรมาก็ไม่น่าใช่ เพราะเขาไม่ได้บอกอะไรกับใครเลยนอกจากคนที่รู้เรื่องจริงๆ
‘พี่สิงห์ ทำไมโมโทรติดต่อพี่บัวไม่ได้เลยล่ะ นี่พี่บัวอยู่กับพี่ที่เหมืองหรือเปล่าคะ หรือว่าโดนสองแสบเล่นงานไล่ตะเพิดหายไปอีกคนแล้วคะเนี่ย’
“เดี๋ยวๆ ครูบัวยังอยู่ดีมีสุขกับพี่ หลานเราไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นเสียหน่อยนะโม”
‘ก็ใครจะไปรู้ล่ะ เห็นกี่รายๆก็ทนฤทธิ์เดชหลานโมไม่ไหวเลยสักคน นี่เลยส่งมือระดับเทพมาช่วยแล้วนะ กลัวว่าจะไม่รอดอีกคนน่ะสิ’
“นินทาลูกพี่พอแล้วก็ว่าธุระของแกมายัยโม ถ้าไม่มีอะไรพี่จะได้วาง”
‘เดี๋ยวๆ น้องมีแน่ธุระอ่ะ แต่ไม่ใช่กับพี่ กับพี่บัวต่างหาก อยู่ใกล้ๆมั้ยขอสายหน่อยสิ’ หญิงสาวปลายสายบอกกล่าวกับลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง
นายเหมืองสิงห์ออกอาการงงเล็กๆแต่ก็ยอมยื่นโทรศัพท์ให้กับอีกคนแต่โดยดี
“ครับ” เขาได้ยินบัวตอบรับคนจากปลายสาย รอบนี้บัวไม่ได้เปิดสปีกเกอร์โฟนเขาจึงไม่ได้รับรู้ว่าบัวคุยอะไรกับทางปลายสายบ้าง
เขาเห็นบัวทำหน้าตกใจในตอนแรก ยิ้มเบาๆตอนกลาง แล้วก็ทำสีหน้าเคร่งเครียดในท้ายที่สุด เขาอยากลุกไปถามว่ามีเรื่องอะไรให้เครียดหนักหนาหรือ เขาจะได้ไปจัดการแม่ตัวต้นเรื่อง ถึงจะมีความดีความชอบที่เป็นคนชักพาให้เขากับบัวได้เจอกัน แต่ถ้ามาทำให้บัวไม่สบายใจล่ะก็..น้องก็น้องเถอะนะ
บัวหายไปยืนคุยกับนะโมอยู่ตรงระเบียงพักใหญ่ๆ เขานั่งมองร่างของคุณครูหนุ่มสลับกับการ์ตูนของเด็กจนดอกปีบยังออกปากทักให้เขาไปตามบัวกลับเข้ามาถามเถอะ และพอเขาตัดสินใจจะเสียมารยาทออกไปขัดจังหวะ เจ้าตัวผิวขาวก็เดินกลับเข้ามาเอาโทรศัพท์คืนเขาแต่โดยดี แต่สีหน้าเจ้าตัวเหมือนจะยิ้มไม่ค่อยออกเท่าไหร่เลย
“มีอะไรหรือเปล่าบัว บอกพี่ได้หรือเปล่า”
“มีเรื่องอะไรที่บัวบอกนายเหมืองไม่ได้บ้างครับ” บัวเหมือนพยายามจะยิ้มให้เขาแต่มันก็ยิ้มไม่สุด “ข่าวดีครับ เขาเรียกบัวบรรจุแล้ว”
“...” ในนาทีแรกเขาเหมือนไม่ค่อยเข้าใจ เพราะเขาไม่ค่อยได้ยุ่งเกี่ยวกับวงการข้าราชการครูสักเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นในวงการตำรวจล่ะก็ การเรียกบรรจุก็เป็นเรื่องที่ดีน่ะสิ “พี่ก็ต้องแสดงความดีใจกับบัวสิ แล้วทำไมบัวทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ”
“เรื่องดีครับ แต่...แต่บัวสอบขึ้นบัญชีไว้ที่กรุงเทพฯ แล้ว...พรุ่งนี้ต้องลงไปรายงานตัวเลือกโรงเรียน”
“ห๊ะ...เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน พี่ตามไม่ทัน คือยังไงนะ”
“คือ...เพื่อนน้องโมสอบได้ลำดับหลังจากบัว เขาอยากรู้ว่าบัวเลือกที่ไหนก็เลยติดต่อถามผ่านน้องโมมา ปกติเขาจะส่งจดหมายมาให้ที่บ้าน แต่ที่บ้านบัวก็เกิดเรื่องเสียก่อนบัวก็เลยไม่รู้เรื่อง แล้วคือพรุ่งนี้ถ้าบัวไม่ได้ไปรายงานตัวก็จะเท่ากับบัวสละสิทธิ์เข้าบรรจุ แล้วทีนี้...”
“เปล่า พี่แค่อยากรู้ว่าบัวจะต้องบรรจุที่ไหนนะ”
“...กรุงเทพฯครับ”
“แล้วจะต้องไปรายงานตัวเมื่อไหร่นะ”
“พรุ่งนี้ครับ เก้าโมงเช้า” บัวงุบงิบตอบเสียงเบา
การบรรจุเข้ารับราชการครูไม่ได้เปิดสอบกันทุกปี แต่ละปีบางจังหวัดก็ไม่ได้เปิด แต่ละปีอัตราคนสอบก็ปาไปเป็นแสน เรียกบรรจุแค่ไม่กี่พัน และการที่ขึ้นบัญชีได้แถมยังได้เรียกบรรจุอีกก็ถือเป็นโชคดีที่สุดแล้ว
“คือ นายเหมือง บัว...”
“วันนี้พี่ว่าบัวรีบกลับไปเก็บของเตรียมตัวเดินทางดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไปส่งเอง”
“เอ๊ะ แล้ว”
“ไม่เอ๊ะแล้วบัว กลับบ้านๆ เก็บของๆ” ดอกปีบที่นอนเป็นคนป่วยแต่ใบหน้าแจ่มใสบอกคนมีศักดิ์เป็นหลานชายแต่อายุแก่กว่าเป็นรอบด้วยรอยยิ้ม บัวหันมองคนยิ้มไม่ประสาแล้วก็อยากจะยิ้มตอบ เด็กคงไม่รู้ว่าถ้าเกิดบัวลงไปกรุงเทพฯพรุ่งนี้แล้ว สิ่งต่อไปอะไรที่จะเกิดตามมา
และถ้าให้เดา ตัวนายเหมืองเองก็คงจะยังไม่รู้ด้วย ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตบัว
อะไรที่จะเปลี่ยนแปลงไป...
ระยะห่าง...และเวลาที่วางแผนไว้ว่าจะมีให้กัน
...มันจะกำลังหายไป...
--------------------------------------------------------------------
เย็นนั้นคุณย่าที่เพิ่งทราบเรื่องก็ดีใจยกใหญ่ สั่งให้คนทำอาหารเลี้ยงคนงานทั้งสวน แล้วพอรู้ว่านายเหมืองจะเป็นคนลงไปส่งเขาที่กรุงเทพฯ ก็จัดแจงให้คนหาที่พักในกรุงเทพฯไว้ให้เสร็จสรรพ คาดการณ์ไว้ว่าน่าจะต้องพักค้างคืนสักคืน เพราะจะให้นายเหมืองขับรถไปกลับวันเดียวเลยก็คงไม่ไหว
ที่ไหนได้ พอเช้าวันต่อมา ทั้งสองคนออกรถกันตั้งแต่ยังไม่เช้า ล่ำลาเด็กๆฝากไว้กับส้ม พุฒ กฤษณ์และคุณย่าเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อคืน เช้าวันนี้ทั้งสองคนจึงออกเดินทางได้อย่างสะดวกไม่ต้องรบกวนปลุกใครให้มาส่ง นอกจากคุณย่าที่ยังอุตส่าห์ตื่นมารอส่งหลานชายไปรายงานตัวที่กรุงเทพฯด้วย
คุณย่าอวยชัยให้พรยกใหญ่ แกดีใจที่ในที่สุดหลานชายก็ได้มีงานทำเป็นจริงเป็นจัง ได้รับราชการสักคน ดั่งใจรุ่นคุณปู่เขา แกว่าวันนี้จะจุดธูปบอกคุณปู่กับคุณพ่อด้วย แถมก่อนจากมาแกก็ยัดเงินก้นถุงมาให้บัวในรูปแบบของบัญชีเงินฝาก มีของแถมเป็นบัตรเดบิตวีซ่าที่เปิดไว้ให้พร้อมใช้เสร็จสรรพ
แกบอกว่า...บัญชีเล่มนี้คนที่ทำไว้ให้คือคุณปู่ เข้าให้ทุกเดือนเดือนละสามหมื่นกว่า ตั้งใจตอนแรกว่าจะเก็บไว้ให้คุณพ่อของบัวสำหรับตั้งตัวหลังแต่งงาน แต่พอเกิดเรื่องนั้นขึ้นคุณปู่ก็โกรธมาก แต่แกก็ยังให้คนเอาเงินเข้าไว้ให้ตามเดิม ตอนเปิดพินัยกรรมคุณย่าถึงเพิ่งได้รู้ว่าคุณปู่ยังคงให้คนเข้าเงินไว้ให้ เพราะตั้งใจจะมอบให้บัวต่อ ถึงอย่างไรเสีย...บัวเป็นหลานแท้ๆของแก ยังไงคุณปู่แกก็รัก ถึงจะไม่ได้ใส่ชื่อบัวในมรดกชิ้นอื่น แต่เงินสดในบัญชีเงินฝากนี้ก็ไม่ใช่น้อยๆเลย เพราะแกให้คนเข้าไว้ให้เป็นเกือบสามสิบปีเชียว
ตอนนี้บัวเลยกลายเป็นเศรษฐีย่อมๆเลยทีเดียว
“เป็นอะไรไป ทำหน้าไม่ค่อยดีเลย ยังง่วงอยู่หรือว่ากลัวพี่พาไปไม่ทันครับ” นายเหมืองใช้มือข้างเดียวในการบังคับพวงมาลัยรถ การขับรถกลางคืนไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา เพราะที่ใต้การตื่นกลางค่ำกลางคืนขับรถเขาทำออกบ่อย และการขับรถตอนมืดๆแบบนี้นั้นถนนก็ค่อนข้างโล่ง จะมีก็แค่รถบรรทุกที่ขับลงไปส่งของที่กรุงเทพฯเป็นเพื่อนร่วมทางเสียส่วนใหญ่เท่านั้น ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่ปัญหา
“เปล่าครับ บัวแค่...คิดถึงแม่ อยากบอกแม่ด้วย บัวอยากเห็นแม่ดีใจ ที่ลูกแม่ได้บรรจุเสียทีหลังจากที่รอมาหลายเดือน” บัวเอ่ยบอกคนขับรถจำเป็นตามตรง ยกมืออีกข้างมาจับซ้อนทับมือนายเหมืองที่จับมือเขาเอาไว้มาตลอดทาง ชายหนุ่มคนขับรถกระชับมือคนที่นั่งข้างๆ แล้วยกมือนั้นขึ้นมาจรดริมฝีปากลงไปที่หลังมือเบาๆ
“แม่ของบัวจะต้องรับรู้ และเขาจะต้องดีใจมากแน่ๆ เหมือนอย่างที่คุณย่าของบัวดีใจไง”
“บัวรู้ แม่เฝ้าบัวตลอดเลยรู้มั้ยตอนที่อ่านหนังสือสอบบรรจุ แม่ยอมเหนื่อยทำงานแทนบัวทุกอย่าง เพื่อให้บัวทุ่มเทกับการสอบบรรจุครั้งนี้ให้มากที่สุด แต่ตอนนี้วันที่มันสำเร็จแล้ว แม่อยู่ที่ไหนบัวยังไม่รู้เลย”
“...”
ชายหนุ่มรู้อยู่หรอกว่าคนรักรู้สึกยังไง ตอนนี้เขาคงทำได้แค่เป็นกำลังใจ ชดเชยให้ในส่วนของครอบครัวเพียงคนเดียวของบัวที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้
“บัวอยากกอดแม่”
“งอแง”
“ไม่ได้งอแง โตแล้วนะ มีงานทำแล้วด้วย”
“คร้าบ พ่อพิมพ์ของชาติ คุณครูที่ขี้งอแงที่สุดในโลก”
“หยุดพูดเลยนายเหมือง ขับรถดีๆเลย” ตีแขนใหญ่ๆในเสื้อเชิ้ตเรียบร้อยไปหนึ่งป๊าบแก้เขิน แต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือที่โดนกุมเอาไว้ออกจากกัน
ภาพนอกหน้าต่างเริ่มมีตึกสูงๆให้เห็น ชีวิตในเมืองหลวงที่คุ้นเคยของบัวค่อยๆฉายภาพย้อนกลับมาให้เห็นเรื่อยๆตามระยะทางที่ผ่านไป แต่ไม่รู้ทำไมบัวถึงรู้สึกอยากจะถอนหายใจให้กับอนาคตในที่ๆคุ้นเคยซึ่งกำลังจะเข้ามาเหลือเกิน
“บัว...ถ้าอยากกอดแม่ กอดพี่แทนก็ได้นะ”
ในขณะที่เสียงเพลงแผ่วๆกำลังให้บัวรู้สึกผ่อนคลายอยู่ และอีกไม่กี่นาทีรถก็กำลังจะจอดสนิทที่จุดหมายปลายทาง น้ำเสียงนุ่มๆที่แฝงความห่วงใยเต็มเปี่ยมอยู่ในนั้นก็ดังขึ้น
คนพูดเอียงหน้ามามองคนที่บอกให้กอดเขาแทนแม่ มุมปากใต้ไรหนวดที่ถูกโกนอย่างเรียบร้อยเป็นรอยเขียวครึ้มจางๆยกขึ้นแต่น้อย ทว่ามันกลับทำให้คนมองใจกระตุกด้วยมันดูเท่ห์ปนน่าหมั่นไส้เสียเหลือเกิน
“ไว้กอดก่อนลงจากรถแล้วกัน บัวยังไม่อยากลงไปนอนวัดเสาไฟฟ้าตอนนี้”
เอาสิ นายเหมืองอ่อยได้ บัวก็อ่อยได้เหมือนกัน
การเอียงหน้าน้อยๆแล้วกัดริมฝีปาก ยกมือนายเหมืองให้กลับไปจับพวงมาลัยทั้งสองมือพร้อมรอยยิ้มทั้งปากทั้งตาอีกนิดหน่อย ทำให้ความเร็วของรถเพิ่มขึ้นมาเยอะเลย
---------------------------------------------------------------
โรงเรียนที่บัวเลือกนั้นไม่ใช่โรงเรียนขนาดใหญ่ บัวเลือกโรงเรียนที่อยู่ใกล้บ้านเดิมของตนที่กรุงเทพฯ อย่างน้อยการได้อยู่ในแหล่งที่อยู่เดิมอาจทำให้เขาได้เจอแม่ และอีกอย่างเขาไม่ได้คิดมากนักกับการว่าต้องไปบรรจุในโรงเรียนใหญ่ จะโรงเรียนขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่ จะอย่างไรหน้าที่การเป็นครูก็ต้องสอนเด็กเหมือนกันทุกที่นั่นเอง
และสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเพราะบัวก็เพิ่งทราบว่า เมื่อเลือกโรงเรียนแล้วและได้จดหมายส่งตัวมาแล้วก็ต้องรีบไปรายงานตัวที่โรงเรียนให้เร็วที่สุด ภายในวันนั้นได้เลยก็จะยิ่งดี ทำให้ตอนบ่ายจากที่คิดว่าจะว่างจึงทำให้ทั้งคู่ต้องรีบเร่งขับรถไปที่โรงเรียนที่บัวได้เลือกไว้ก่อน กว่าจะฝ่าการจราจรที่จอแจไปถึงได้ก็เสียเวลาไปมาก แถมยังไม่ได้พบผู้อำนวยการเสียอีกเพราะท่านติดภารกิจเนื่องจากตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอม บัวจึงต้องเข้าไปที่โรงเรียนใหม่ในวันรุ่งขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดเทอมที่จะถึงนี้ในอีกไม่กี่สัปดาห์
คืนนั้นตอนที่ทั้งสองคนกลับมาถึงที่พัก แทนที่จะได้นอนพักผ่อนกันอย่างสบายๆ กลับต้องมาวางแผนชีวิตกันใหม่ นายเหมืองพยายามทำความเข้าใจได้แล้วว่าเขาคงต้องยอมห่างกับครูบัวแล้วจริงๆ การจะย้ายข้าราชการครูที่เป็นครูผู้ช่วยได้ต้องรอไปถึงสี่ปีถึงจะมีสิทธิ์เขียนย้าย หรือถ้าไม่อย่างนั้นก็ต้องให้บัวรอสอบใหม่ปีหน้าที่จังหวัดของเขา ซึ่งก็ไม่สามารถทราบได้เลยว่าจะเปิดสอบหรือไม่ หรือถ้าเปิดสอบ เอกที่บัวจบมาเขาจะรับหรือไม่ แล้วไหนยังจะคะแนนสอบทั้งสามภาคที่บัวจะต้องทำให้เกิน 80% อีกถึงจะมีสิทธิ์ขึ้นบัญชีได้เหมือนรอบนี้ ทว่า...จากความสามารถของบัวแล้วนายเหมืองเองมั่นใจว่าบัวต้องติดแน่ ถ้าเขาเปิดให้สอบน่ะนะ
แต่ปัญหาก็คือ พวกเขาชักจะไม่แน่ใจว่าจะบอกสองแสบว่าอย่างไร ว่าอีกหนึ่งปีหลังจากนี้ ครูตาหวานของเด็กๆจะไม่ได้กลับไปอยู่ใต้กับพวกเขาแล้ว ต้องห่างกันเป็นปี เด็กๆมีโชว์ดีดดิ้นกันแน่นอน
“แต่ถ้าไปบอกสัญญิงสัญญาว่าแค่ปีเดียว แล้วเกิดบัวสอบไม่ได้ขึ้นมา หรือเขาไม่เรียก มันจะไม่เป็นการให้ความหวังพวกเขาเหรอครับ” บัวที่นั่งบนเตียงเดียวกันหันสบตามองคนที่นั่งข้างกันด้วยความวิตก เขาน่ะแคร์ความรู้สึกของสองแสบที่หนึ่ง แค่ที่จู่ๆเขาก็หายตัวมา สองแสบยังซ่าเสียจนส้มกับพุฒยังต้องพาพวกเขาตามบัวขึ้นมาถึงเหนือ ขนาดคนเป็นพ่อยังเอาไม่อยู่ แล้วเป็นแบบนี้เด็กๆจะไม่โวยวายกันจนเหมืองแตกเลยหรือ
“งั้นเราก็ต้องหาวิธีหลอกล่อ เทอมหนึ่งมีสี่เดือนใช่มั้ย ก็ช่วงปิดเทอมไง บัวก็กลับบ้านเราที่เหมืองไปหาพวกเขาไง”
“นายเหมือง ภาระหน้าที่ของครูน่ะ ปิดเทอมก็ไม่ได้ปิดจริงๆตามเด็กหรอกนะครับ มีเวลาว่างให้บ้างก็แค่อาทิตย์สองอาทิตย์ ไม่ได้ปิดนานเป็นเดือนเหมือนอย่างเด็กๆหรอก”
“งั้น ก็ให้เด็กๆขึ้นมาอยู่กับบัวที่กรุงเทพฯแทนก็ได้ ดีเลย จับเข้ากวดวิชาเสียให้เข็ด ที่กรุงเทพฯหาโรงเรียนกวดวิชาง่ายกว่าที่ใต้เยอะ เช้ายันเย็นถึงค่ำไปเลย หายซ่าแน่ลูกบ่าวพ่อ”
“ไม่เด็ดขาด บัวไม่อนุญาต”
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“บัวหมายถึง บัวไม่อนุญาตให้เด็กๆเรียนนานขนาดนั้นครับ เรียนพิเศษน่ะเรียนได้ แต่ให้เรียนพวกทักษะพิเศษอื่นๆเพิ่มเติมดีกว่า พวกดนตรี กีฬา อะไรแบบนี้ ส่วนพวกวิชาการน่ะ ถ้าขยันหน่อยอ่านเองล่วงหน้าก็เพียงพอแล้วล่ะครับ เด็กประถมฯเองนะ”
“แต่ลูกพี่มันแก่แดดแก่ลมไปเยอะนะ ฤทธิ์เดชสาหัสขนาดไหนบัวก็เห็น”
“ครับ แต่เด็กก็คือเด็กน่ะ แล้วที่สำคัญ เด็กน่ะไม่มีปัญหาหรอก ว่าแต่ผู้ใหญ่เถอะ บัวเองก็ไม่ได้อยากห่างกับนายเหมืองนานเหมือนกันนะ แต่คุณเองก็มีภาระงานที่บ้าน จะให้ย้ายเหมืองเข้ากรุงเทพฯก็ทำไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ”
คนฟังตาโต นึกภาพตามที่ครูบัวแกว่า เออน่ะ เขาเองหลงนึกว่ามีแต่ฝ่ายเขาเสียอีกที่คิดถึงแล้วก็พยายามหาวิธีที่จะได้อยู่ด้วยกัน ไม่นึกเลยว่าครูบัวเองก็ต้องการที่จะอยู่กับเขา ถึงขนาดที่นึกอยากให้เขาย้ายเหมืองเข้ากรุงมาเลยแน่ะ
การที่เรารักใครสักคน แล้วคนคนนั้นก็รักเราตอบมากพอกันเนี่ย ...มันโคตรจะมีความสุขเลยเว้ย!
“บัว หยุดพูดให้พี่ใจเต้น”
“บ้า ใจเต้นอะไร นี่บัวพูดจริงๆนะ ตอนแรกทำใจไว้แล้วนึกว่าเขาไม่เรียก ก็รอว่าจะสอบปีหน้าใหม่ทีเดียวเลย แต่ว่าอายุราชการมันก็เป็นสิ่งสำคัญ บรรจุได้เร็วมันก็ดีกว่า นายเหมืองเข้าใจบัวใช่มั้ย ที่บัวเลือกมารายงานตัววันนี้น่ะ ไม่ได้แปลว่าบัวไม่ได้อยากอยู่กับทุกคนนะ บัวรักทุกคนที่เหมือง รักสองแสบ แล้วก็รักเจ้าของเหมืองคนนี้มากๆด้วย...”
“บัว หยุดพูดก่อน” หัวใจตอนนี้มันปรับบีทขึ้นไปเกินร้อยครั้งต่อนาทีแล้วมั้งเนี่ย
“ทำไมล่ะ ให้บัวได้พูดได้ระบายก่อนสิ รู้มั้ยนี่บัวเครียดจริงๆนะ หลังจากนี้ก็ต้องไปหาที่พักอยู่เองก่อนชั่วคราวเพราะต้องรอบ้านพักครูว่าง แล้วไหนจะต้องเตรียมสื่อ เตรียมการสอนตอนเปิดเทอม แล้วชุดข้าราชการด้วยบัวก็ยังไม่ได้ซื้อเลย แล้วนี่เหลือเวลาอีกแค่สองสามอาทิตย์เอง บัวจะได้อยู่กับนายเหมืองกับเด็กๆได้กี่วันเชียว บัวอยากอยู่กับทุกคน บัวอยากอยู่กับคุณนะ...”
“บัว พี่สาบานได้ว่าตอนนี้พี่กำลังอดทนอย่างสุดความสามารถของพี่แล้ว บัวอย่าพูดจาอะไรที่ทำให้พี่รู้สึกอยากกอดบัวมากไปกว่านี้เลย พรุ่งนี้เขานัดไปที่โรงเรียนเช้าด้วย พี่ไม่รับประกันนะว่าบัวจะรอดไปทันตามนัดพรุ่งนี้”
“หือ อยากกอดก็กอดสิครับ บัวไม่ได้ว่าอะไรเสียหน่อย” นั่นคือคำพูดในตอนแรกที่บัวเข้าใจตามความหมายจริงๆของคำว่า ‘กอด’
ทว่ากว่าจะรู้ว่านายเหมืองไม่ได้หมายถึงกอดอย่างอบอุ่นอ่อนโยนอย่างนั้น แต่เป็นกอดอย่างเร่าร้อนและต้องเสียเหงื่อ ก็ต้องที่ร่างกายทั้งร่างของบัวถูกกดลงไปจมกับเบาะเตียง ริมฝีปากถูกประกบปิดดูดดุนอย่างดื้อดึงเพราะอีกฝ่ายเตือนแล้วไม่ฟัง
“ไม่ต้องห่วงไปหรอก พี่จะทนห่างกับยอดดวงใจของพี่ได้นานสักแค่ไหนเชียว” เขากระซิบแผ่วเบาติดริมฝีปากของคนที่ทำตาโตตกใจมองตอบเขามาจากใต้ร่าง “อย่าลืมสิ ขนาดตัวลูกยังติดบัวแจเสียขนาดนั้น นี่ตัวพ่อมันนะ เชื้อแรงกว่าลูกเยอะ เชื่อสิ”
“หน่ะ...นายเหมือง เดี๋ยวก่อนนะ ใจเย็นๆสิครับ” บัวปากคอสั่น เอามือกั้นระหว่างแผงอกของตัวเองกับของคนด้านบนที่เริ่มเอาตอหนวดมาซุกไซร้เข้าที่ลำคอของเขาแล้ว
“ไม่เย็นแล้ว พี่ห้ามแล้วห้ามอีกว่าอย่าก็ไม่เชื่อพี่เอง ตอนนี้เครื่องติดแล้วมันไม่ดับง่ายๆหรอกนะบัวก็รู้”
“แต่นายเหมือง พรุ่งนี้เช้าบัวมีนัดนะ” คนอ้างมีนัดเริ่มมือหมดแรงต้านทาน ยิ่งตอนที่ฝ่ามือกร้านลูบผ่านไปทั่วทั้งตัวเขาผ่านเสื้อผ้าก็ยิ่งเผาผลาญแรงกายเขาให้ถดถอยลงไปอีก
“ไม่ต้องห่วง บัวได้นอนก่อนเที่ยงคืนแน่คนดี”
หือ...คนฟังตาเหลือก จำได้ว่าตอนเช็คอินเข้าโรงแรมนี้มันเพิ่งจะสี่โมงเย็น แล้วพวกเขาคุยกันยังไม่ทันถึงยี่สิบนาทีดีเลยด้วยซ้ำ แล้วจะให้เขาได้นอนก่อนเที่ยงคืน!
เดี๋ยวก่อนสิ!! นายเหมือง!!
“เดี๋ยว...อ๊ะ หนะ...นายเหมือง..ครับ อย่านะ ตรงนั้น...ไม่เอา”
“หืม? ไม่เอาข้างบน? งั้นพี่ย้ายลงข้างล่างก็ได้”
โอ๊ย บัวรู้สึกเหมือนพูดกันคนละภาษา ความหมายของเขาคือตรงไหนๆเขาก็ไม่เอาไม่ให้จับทั้งนั้น แต่นายเหมืองกลับเข้าใจไปว่าเขาไม่อยากให้จูบที่หู เลยย้ายลงไปบริเวณใต้สะดือของเขาแทนน่ะสิ!
“อ๊า...อย่านะ ไม่เอา...บัวขอนะ ไว้วันอื่นเถอะ บัวขอร้องนะครับ”
“พี่ก็ขอร้องนะครับ วันนี้เถอะนะ พี่ไม่ไหวแล้ว...นะครับ”
ตายๆ ผู้ชายตัวใหญ่เวลาทำตัวอ้อนขึ้นมาแล้วใครมันจะไปต้านทานไหว แล้วยิ่งผู้ชายคนนั้นเป็นคนที่เรารักด้วย บัวว่าร้อยทั้งร้อยต่อให้ตอนนั้นน้ำจะท่วม แผ่นดินจะถล่ม ยังไงเราก็ต้องยอมเขาแล้วล่ะ...ส่งสายตาเป็นหมีหิวมาให้เขาเสียขนาดนั้น
เฮ้อ...เอาเถอะนะ เขาเป็นคนเลี้ยงสิงโตเจ้าป่า ถ้าไม่อยากให้อาละวาดก็ต้องหาอาหารมาให้กินบ่อยๆ ให้เขากินให้อิ่ม จะได้มีแรงดูแลผืนป่าไหว
แต่ว่านะ...เจอเจ้าป่าจอมตะกละแบบนี้ บัวว่าเขาคงได้หมดตัวเข้าสักวันแน่ๆ!!
---------------------------------------------------------------
ตอนหน้าก็เป็นตอนจบแล้วนะคะ แน่นอนว่าแพทไม่พลาดเอาตอนพิเศษมาฝากด้วยแน่นอน ขอบพระคุณนักอ่านที่น่ารักของแพททุกๆคนที่อยู่เป็นกำลังใจกันมาตลอดนะคะ รักนะจุ๊บๆ