ไม่มีอะไร แค่อยากเป็นคอมเม้นที่ 1000
ตอนที่ 19“เป็นเหี้ยไรอีกว้ะ! มันขาดตรงไหน ไอ้สัดกิม เอามิเตอร์มาให้กู เอ้า ไอ้ควาย นี่มันที่ดูดตะกั่ววววว”
“ก็มึงจะเอาหัวแร้งไม่ใช่ง้ะ?”
“ไอ้เหี้ยยยย 8051 มาเจ๊งห่าไรตอนเนี้ยยยย กูบอกแล้วไงไอ้ห่าเปรมว่าตอนบัดกรีให้ถอดไอซีออกก่อน แล้วนี่อะไรของมึงห้ะ ขาแรกกูบอกต่อไฟ เสือกต่อลงกาวน์ แสรดดดดดดดด”
“ไอ้ห่าปลื้มเป็นคนทำลายวงจรมาให้กู กูก็ทำตามที่มันเขียนมา มึงไปด่ามันนู่นไอ้เฟรน เห้ยยย! ปิดไฟก่อนวัดตัว R สิวะไอ้ห่ากิม เดี๋ยวมิเตอร์เจ๊งขึ้นมาทำไง นี่กูยืมของกลุ่มไอ้ชัยมานะ”
ผมส่ายหัวกับไอ้พวกบ้าที่ล้งเล้งกันมาเป็นชั่วโมงแล้วเพราะบอร์ดโปรเจ็คตอนนี้ไม่รู้เป็นห่าไรไม่ยอมทำงานตามสั่ง อีกสองวันถึงกำหนดส่งชิ้นงานและพรีเซ้น แต่ตอนนี้งานยังไม่คืบแถมพวกผมส่วนใหญ่ก็เมาตะกั่วจนเบลอคุยกันไปคนละทางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ผมก็เขียนบวกห้าโวลต์กำกับนี่ไง ตาบอดเหรอครับ” ผมจิ้มกระดาษให้คุณเปรมดู ก่อนจะหันมาบัดกรีบอร์ดต่อ กลิ่นเหลือร้ายจริงๆ ให้ใส่ที่ปิดจมูกผมก็อึดอัด เลยยอมรับสารก่อมะเร็งเข้าร่างกายเต็มๆ
“เลขห้ามึงเหมือนตัวจีมากไอ้ห่าปลื้ม ไอ้เหี้ยยยย กูไม่ไหวแล้วเว้ยยยย ก่ายยยยยยยย มึงไปเซเว่นหน่อยไป กูฝากซื้อกระทิงแดง”คุณเปรมตะโกนข้ามห้องไปหาประธานชั้นปีที่นั่งหน้าเครียดผมยุ่งอยู่กับบอร์ดวงจรของกลุ่มตัวเอง
“ไปใช้เมียมึงนู่นไอ้ควายยยยยย ไอ้เหี้ยชัย มึงจะดูดมะเร็งให้ไปดูดข้างนอก แค่นี้จะตายห่ากันไม่พอไงห้ะ เดี๊ยะๆ แม่จับทำผัว”
พวกผมละมือจากงานมานั่งหัวเราะชัยที่ถูกไก่ไล่ขวิด มีพวกของตะนอยเพื่อนกลุ่มเดียวกับไก่ร้องเชียร์อย่างแข็งขัน พวกมันก็วิ่งไล่กันตามแต่พื้นที่ห้องแล็ปจะอำนวยแหละครับ
ครืดดดดดด ครืดดดดดดด ครืดดดดดดดด
ผมหยิบไอโฟนออกจากถุงย่าม (ไปขอหลวงลุงที่วัดมาใหม่ ใบเดิมโดนแฟนคลับพี่โปรดเอาคัตเตอร์กรีด -_-) มองเบอร์โทรเข้าแล้วก็ต้องยิ้มออกมา ได้ยินเสียงแซวจากคุณเฟรนกับคุณกิมดังมาแว่วๆ
“ว่าไงครับพี่”
“งานเสร็จยัง มาหาหน่อย”
“ยังเลย แล้วพี่อยู่ไหน”
ผมเหลือบมองนาฬิกาแขวนตรงผนังก็พบว่าเกือบห้าทุ่มแล้ว
“ห้องไอ้ซอล วันนี้มาติวกันห้องมัน”
“ติวจริงๆ หรือตั้งวง”
“รู้ดี หึหึ”เออ ตั้งวงกันชัวร์ มองเผินๆ ไอ้พวกพี่โปรดนี่ไม่ได้ดูเหมือนเรียนแพทย์เลยครับ ว่างทีแม่งกินเหล้ากันตลอด หรือมันขึ้นอยู่ที่การคบเพื่อนวะ?
“แล้วจะให้ไปหากี่โมง”
“มาตอนนี้เลย อยากเจอ”
“แต่งานปลื้มยังไม่เสร็จ”
“งั้นเดี๋ยวไปหา”
“ไม่ต้องมาพี่ คนเยอะ ไว้งานเสร็จเมื่อไหร่ปลื้มจะรีบไปหานะ”
“ห้ามเกินเที่ยงคืน”
“ครับ”
ผมวางสายแล้วเรียกสติพวกคุณเปรมให้ทำงานต่อ หลังจากที่นั่งงมกันอยู่นานและพบว่าต้องรื้อทั้งบอร์ดเพราะคุณเปรมดันต่อสลับกัน เอากาวน์ลงไฟ ไฟลงกาวน์ ขาซ็อกเก็ตสำหรับเสียบไอซีก็ละลายเพราะความร้อนไปกว่าครึ่ง LED หลอดก็เสียด้วยความที่รับกระแสไฟโดยไม่มีตัวต้านทานไปคั่น สรุปคือแม่งต้องทิ้งครับ บอร์ดไข่ปลาที่โดนดูดตะกั่วจนแผ่นทองแดงหลุดก็ใช้การไม่ได้แล้ว พวกผมเลยตัดสินใจแยกย้ายกันกลับไปนอน พรุ่งนี้ก็นัดกันไปบ้านหม้อหาซื้ออุปกรณ์มาทำกันใหม่
“พรุ่งนี้เจอกันตอนเที่ยงนะพวกมึง” คุณกิมบอกก่อนจะพาคุณเฟรนเดินไปที่รถ
“วันเสาร์กูมีนัดซะด้วย เป็นวันอาทิตย์ไม่ได้ไงวะ” คุณเปรมตะโกนถาม ทำให้คุณกิมหยุดชะงักแล้วหันกลับมาตอบว่า “นำเสนอวันจันทร์ไอ้สัด ถ้ามึงคิดว่าคืนเดียวมึงจะทำบอร์ดเสร็จล่ะก็ เอาสิ มาวันอาทิตย์”
“เออ ไอ้ห่า ไม่ต้องขู่กูหรอก วันเสาร์ก็วันเสาร์สิวะ”
“เออ ไม่มีอะไรแล้วใช่มั้ย กูจะได้พาเมียไปนอน”
“เชิญไปนอนเอากันตามสบายเถอะไอ้เหี้ย กูล่ะเกลียดพวกมีครอบครัว จะไปไหนก็ไปเลยไอ้ปลื้ม ไม่ต้องมางึกงักแถวนี้ จะรีบแจ้นไปหาพี่กูล่ะสิท่า”
“ถือว่าฉลาด งั้นพรุ่งนี้เจอกันครับ ลาล่ะ”
ผมขับรถมาตามทางที่จำได้ว่าเคยมากับพี่โปรดประมาณสองสามครั้ง คอนโดพี่ซอลไกลจากมออยู่พอสมควร แถมยังอยู่ในย่านที่แม้แต่ตอนกลางคืนรถก็ยังติด หลังจากที่จอดโทรถามทางพี่โปรดอยู่สองครั้ง ผมก็มายืนที่ล็อบบี้คอนโด รอพี่โปรดลงมารับ รอไม่นานหน้าหล่อๆ ก็ปรากฎให้เห็น พนักงานต้อนรับที่เคาท์เตอร์มองมาตาเป็นมัน พี่โปรดยังอยู่ในชุดนักศึกษาที่แขนเสื้อถูกพับขึ้นถึงข้อศอกและกระดุมเสื้อสามเม็ดบนก็ไม่ได้กลัดเหมือนปกติ เน็คไทก็ไม่ใส่
“งานเสร็จแล้ว?” พี่โปรดถามเมื่อเดินนำผมเข้ามาในลิฟท์
“ไม่อ่ะ ต้องทำใหม่ทั้งหมด” ผมตอบ แล้วขยับเข้าไปกอดเอวพี่โปรดไว้ ไม่รู้ในลิฟท์มีกล้องวงจรปิดรึเปล่าแต่ไม่สนหรอก ผมอยากกอดผมก็กอด
“อะไร อ้อนนะปลื้ม” พี่โปรดพูดยิ้มๆ
“คิดถึงเหรอ ถึงให้มาหา”
“เปล่า กลัวเด็กบางคนจะเหงา เลยบอกให้มา”
“บอกว่าคิดถึงแล้วพี่จะตายรึไง”
ไม่ค่อยจะพูดหรอก พี่โปรดน่ะ อะไรๆ ก็เหมือนผมเป็นคนวิ่งตามเขาอยู่ฝ่ายเดียว
“หึหึ ไม่ต้องงอนเลย พี่ไม่ง้อ”
ผมเลยเลิกสนใจพี่โปรด ขี้เกียจคุยกับคนแบบนี้เลยเงียบจนมาถึงห้องของพี่ซอล ได้ยินเสียงคนคุยกันดังขึ้นเมื่อเดินตามพี่โปรดเข้ามาข้างใน พี่เจม พี่โจ พี่ซอลกำลังพูดคุยกันหน้าเครียด พี่กิ๊งนอนคุยโทรศัพท์อยู่ที่โซฟา ส่วนพี่อาร์มกำลังเล่นเกมอยู่หน้าทีวี ผมยกมือไหว้พวกพี่ๆ ที่หันมาทักทายกันทีละคน พี่ซอลแค่พยักหน้าให้ต่างจากพี่เจมที่ระริกระรี้เข้ามาหา ถ้าไม่โดนพี่โปรดชี้หน้าขู่ซะก่อน คงได้เข้ามาชาร์จผมเต็มๆ แน่
“ไงมึง เถลไถลเหรอ เพื่อนกูเกือบออกไปโดดระเบียงตายเพราะมึงมาช้า” พี่อาร์มถามพลางยิ้มย้ายก้นตัวเองจากหน้าทีวีมานั่งแปะอยู่ข้างพี่ซอล ก็เจอกันหลายครั้ง พวกพี่ๆ เขาเลยเป็นกันเองกับผมมากกกกกกก คงมีแต่พี่กิ๊งกับพี่โจที่ยังจ้ะจ๋ากับผมอยู่ เพราะสองคนนี้เขาพูดเพราะกับผมกันอยู่แล้วครับ
“ผมทำโปรเจ็คอยู่ครับพี่ แล้วนี่ไม่อ่านหนังสือกันเหรอครับ”
“พวกกูไม่ได้จะเอาเกียรตินิยมนะมึง อ่านเหี้ยไรนักหนา มาๆ มาชงเหล้า” พี่ซอลที่จากเมื่อก่อนจะเก๊กนิ่ง ซึ่งผมเคยเกร็งจนหายใจไม่ออกเมื่ออยู่ต่อหน้าพี่เขา แต่พี่เขาก็เป็นบุคคลที่ถ้าสนิทล่ะก็เป็นกันเองมากนะครับ
กระติกน้ำแข็ง น้ำเปล่า โซดา โค้ก เร้ดหนึ่งกล่องถูกย้ายมาไว้ข้างๆ ผม พี่โปรดวาดแขนมากอดที่ไหล่ พลางอีกมือก็ยกเหล้าขึ้นจิบ
“พี่โจผสมโค้กเหมือนเดิมมั้ยครับ”
“ตามนั้นจ้าลูกสาว เหล้านิ๊ดดดดดเดียวนะจ้ะ” พี่โจคงเริ่มเมาแล้ว
“ของพี่เอาเข้มๆ เบื่อ อยากเมา” พี่กิ๊งที่เพิ่งเดินมานั่งข้างๆ ผมพูดเสียงที่เซ็งเต็มที่
“เมียมีชู้?” พี่เจมยิ้มร่าถาม
“หึ อยากให้มีเหมือนกัน แต่มันไม่มีนี่สิ กูเบื่อแล้ว อยากเลิกกกกกกกกกกกก” พี่กิ๊งรับแก้วจากผมแล้วกระดกเข้าไปอึกใหญ่ คือแมนสมชายมากอ่ะ เอาง่ายๆ แมนกว่าพี่โจอีก
“เหี้ย ตอนจีบเขาใหม่ๆ หมาไหนบอกกูว่าคนนี้จริงจัง” พี่อาร์มที่นั่งอยู่อีกข้างของพี่กิ๊งผลักไหล่จนเหล้ากระฉอก
พี่กิ๊งแค่ยักไหล่แล้วตอบว่า “กูจำไม่ได้ ถือว่าไม่ได้พูดละกัน”
“เลวววววว” พี่อาร์ม พี่โจ พี่เจม ประสานเสียงเหมือนนัดแนะ
“ไม่เท่าไอ้เสี่ยมันหรอก ยังไม่ถึงครึ่ง สมัยมันเป็นผู้อำนวยการการรถไฟ กูทำแค่นี้ยังดูเป็นคนดีโคตรอ่ะ”อันนี้ผมเห็นด้วย
“เออใช่ ไอ้เสี่ยแม่งสับรางเก่ง กูยังเคยขอเล็บตีนมันมาบูชา เผื่อสาวรักสาวหลงกูบ้าง”
พี่โปรดยื่นตีนไปถีบพี่อาร์มที่หัวเราะร่วน
“เกรงใจบ้างไอ้พวกเวร เมียกูนั่งอยู่”
“ปลื้มมันรู้หรอกว่าสันดานมึงเป็นไง ใช่มั้ยจ้ะปลื้ม” พี่กิ๊งหันมาถามผมที่กำลังผสมน้ำเปล่ากับเหล้าให้พี่เจม
“ครับ” ผมพยักหน้าท่ามกลางเสียงหัวเราะของพวกพี่ๆ และหน้าตาบึ้งตึงของพี่โปรดพูดความจริงก็โกรธอ่ะคนเรา
“เสน่ห์แม่งเหลือร้าย ขนาดมีเมียยังมีคนมาตามจีบไม่เว้นวัน กูกันท่าให้จนเบื่อ” พี่ซอลบอกนิ่งๆ พร้อมกับชนแก้วกับพี่โปรด
“เอออออออ ก็เพราะหน้าอย่างเงี้ย กูว่านะเสี่ย บางทีความหล่อมึงก็เป็นภัยกับตัวมึงเองแล้วก็คนรอบข้าง วันนี้กูได้ยินพวกน้ำฝนคุยกันว่าจะดักตบไอ้ปลื้ม” พี่อาร์มทำหน้าเครียดนิดหน่อยแต่ผมไม่เครียดหรอกครับ ผมเจอคนประเภทนี้มาได้สักพักแล้วล่ะ พวกที่ร้ายเปิดเผยนี่ผมไม่กลัวนะ แต่กลัวพวกร้ายเงียบมากกว่า
“บ้ากันมากอ่ะกูว่า น้ำฝนดาวบัญชีอินเตอร์ป้ะ? ถ้าใช่เดี๋ยวกูไปเคลียร์ให้ เพื่อนเด็กเก่ากู” พี่กิ๊งพูดขึ้น
“มึงได้ยินที่ไหน” พี่โปรดถาม
“ห้องน้ำหญิงร้านสบายตังค์ เออ มองกูแปลกๆ ทำไมวะ กูพาเด็กไปเอาในนั้น แม่งยั่วกูจนขึ้นนี่หว่า”
“อ๋อ ที่มึงมาช้านี่ไปรีดน้ำออกว่างั้นเถอะไอ้อาร์ม แล้วเป็นไง ลีลาเจ๋งป้ะ กูแม่งอยากลอง”
“อยากสูญพันธุ์มึงก็ลองดูสิไอ้เหี้ย” พี่โจซัดมือลงกลางหลังพี่เจมที่ร้องเสียงหลงมีพี่อาร์มกับพี่ซอลหัวเราะเสียงดังเป็นการทับถม
“ล้อเล่นเอง กูกลับไทยมาเพื่อเจอมึงเลยนะเนี่ย กูไม่ไปเอาคนอื่นหรอก” พี่เจมแทบเข้าไปกราบบนตักของพี่โจที่รีบขยับหนี ดูยังงอนอยู่มาก แต่น่ารักดีครับ ผมชอบมอง
“แล้วมึงจะเอายังไง กูว่านี่มันปัญหาซ้ำซาก คนรักคนชอบมึงเยอะ ถ้าให้ไล่จี้ทีละคน ชาตินี้คงไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว” พี่ซอลถามเพื่อสรุปประเด็น ผมเอนตัวพิงอกพี่โปรดแล้วป้อนลูกชิ้นให้พลางรอฟังคำตอบ
“ก็ลองมาทำปลื้มเจ็บดูสิ ได้เห็นดีกับกูแน่”
“พี่จะไปต่อยผู้หญิงเหรอ”
พี่โปรดเขกหัวผมหนึ่งที “พี่มีวิธีที่ไม่ต้องทำหน้าตัวเมียใส่ผู้หญิงละกัน”
“สุภาพบุรุษ”
“พี่สะกดคำนี้เป็นตั้งแต่เกิดแล้วล่ะน่า”
“เว่อซะไม่มี”
ผมนั่งชงเหล้าให้พวกพี่ๆ เขาจนถึงตีสอง ก็แยกย้ายกันกลับ พี่กิ๊งขอตัวคนแรกเพราะแฟนโทรมาตามเป็นรอบที่สิบ ก่อนไปยังไม่วายบ่นให้ฟังว่าพรุ่งนี้จะพาไปดินเนอร์แล้วขอเลิก ส่วนพี่เจมกับพี่โจแทบจะเข้าสิงกันแยกไม่ออกว่ามือใครตีนใครเพราะพันกันยุ่งไปหมด พี่ซอลเลยยกห้องนอนเล็กให้ใช้ สุดท้ายพี่อาร์มกับพี่ซอลกอดคอกันไปต่อที่ร้าน ยิ้มกริ่มกันทั้งคู่ ดูก็รู้ว่านัดเด็กไว้
มาถึงคอนโดก็เกือบตีสามแล้วเพราะแวะกินก๋วยเตี๋ยวข้างทางและซื้อของที่เซเว่นอีกนิดหน่อย ถึงห้องผมก็เอาของไปเก็บ ส่วนพี่โปรดก็นอนเหยียดยาวอยู่ที่โซฟา ไม่เคยคิดจะมาช่วยทำอะไรเล้ย -*-
“พรุ่งนี้เที่ยงปลื้มออกไปข้างนอกนะ” ผมนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าโซฟา พี่โปรดลืมตาขึ้นมามองนิดหน่อยแล้วก็หลับตาต่อ
“ไปซื้อของทำโปรเจ็ค ไม่ได้ไปเที่ยว แล้วจะรีบกลับนะครับ”
“ไปกับใคร”
“พวกคุณเปรม”
“อืม อยากไปก็ไป”
“เหนื่อยเหรอ ปลื้มนวดให้นะ”
พี่โปรดพยักหน้า ผมเลยจัดการนวดไปตามส่วนที่คิดว่าใช้งานบ่อยจนเกิดเมื่อยล้า ตอนเด็กๆ ผมนวดให้คุณย่าบ่อยครับเลยพอเป็นบ้าง และพอท่านเสียไปก็มีพี่โปรดนี่แหละที่ผมนวดให้เป็นรายที่สอง
“โปรด อาบน้ำก่อนมั้ย แล้วค่อยนอน จะได้สบายตัว” หลังจากนวดไปได้ครึ่งชั่วโมง พี่โปรดก็หลับสนิท ผมสะกิดอยู่นานกว่าจะตื่น
“ตีสี่แล้ว อยากนอน ไม่อาบ”
“ไปอาบเถอะ โปรดจะได้นอนนานๆ ไง ปลื้มอาบให้นะ”
พี่โปรดนอนตะแคงหันหน้ามามองผม ตาคู่สวยมีแววอ้อนแบบที่ผมต้องก้มหน้าลงไปหอมแก้มอย่างอดใจไม่ไหว พี่โปรดยิ้มนิดๆ ก่อนจะปล่อยให้ผมปลดกระดุมเสื้อออกให้ ถอดเข็มขัด เสื้อ กางเกง ใช้เวลาเกือบสิบนาทีเพราะพี่โปรดไม่ให้ความร่วมมือเอาซะเลย ตั้งท่าจะนอนอย่างเดียว
“ต้องให้อุ้มเข้าห้องน้ำป้ะ” ผมถามอย่างเซ็งๆ
“อุ้มไหวเหรอ”
“ไม่ไหว ลุกได้แล้ว แก้ผ้านานๆ เดี๋ยวก็เป็นหวัด”
“นึกว่าอยากมอง”
“น่ามองตรงไหน”
“ต้องให้บอกเหรอว่าตรงไหน หึหึ”
ผมส่ายหน้า ไม่อยากยอมรับ เอาเถอะ ไม่ว่าจะตรงไหนพี่โปรดก็น่ามองไปหมดนั่นแหละครับ
“ปลื้มจะไปเตรียมเสื้อผ้าให้ โปรดไปรอในห้องน้ำ เดี๋ยวตามไป”
ไม่ง่ายเลยครับที่จะจับคนตัวโตอาบน้ำทั้งๆ ที่เขาไม่เต็มใจ แต่ผมก็ทำสำเร็จจนได้เพราะพี่โปรดเริ่มคิดได้แล้วว่าถ้ายังทำตัวกวนตีนผมอยู่ก็คงไม่ได้นอน
“ปลื้ม ปิดไฟนอนได้แล้ว เร็วๆ”
ผมละมือจากกระปุกครีมทาหน้าแล้วหันไปมองพี่โปรด “นอนไปก่อนสิ”
พี่โปรดเงียบไป ผมเลยนึกว่าหลับไปแล้ว แต่ที่ไหนได้ “ทาอะไรนักหนา”
ผมเอียงหัวเล็กน้อยให้คนที่ยืนกอดจากทางด้านหลัง คลอเคลียกับลำคอผมได้ถนัด
“ก็ของที่โปรดซื้อมาให้ทั้งนั้น ไม่ใช้ก็เสียดาย อ๊ะ...อย่าทำรอยที่คอนะ”
“ทำไม กลัวใครเข้าใจผิดเหรอ”
“พูดแบบนี้อีกแล้ว”
“พี่เชื่อใจปลื้ม แต่พี่ไม่ไว้ใจคนอื่น”
ผมหันกลับไปยิ้มให้พี่โปรด ก่อนจะโดนจูบปิดปากอย่างรวดเร็ว นานแล้วมั้งที่เราไม่ได้ใกล้ชิดกันแบบนี้ ต่อให้จะเคยได้ยินคำว่าคิดถึงจากพี่โปรดแค่ครั้งเดียว แต่การกระทำของเขาก็ทำให้ผมรู้ว่าเขาคิดถึงผมมากกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีก
.
.
.
หลายวันแล้วที่ไม่ได้เจอกัน...แต่แค่ได้ยินเสียงผ่านทางโทรศัพท์ผมก็ดีใจ ทั้งๆ ที่อยู่มหาลัยเดียวกัน แต่เดี๋ยวนี้การนัดเจอกันกลับเป็นเรื่องยาก เวลาที่พี่โปรดว่าง ผมต้องมีมินิโปรเจ็คที่ต้องรีบส่งอาจารย์ทุกที เรียนวิศวะไม่ใช่ว่าจะไม่มีงานนะครับ มินิโปรเจ็คสั่งทีหนึ่งเล่นเอาหายใจลำบากเลย จนตอนนี้ผมกับคุณเปรมแทบจะสิงสู่ที่แล็ปของภาคอยู่แล้ว ผมกับพี่โปรดเลยต่างคนต่างก็มีที่ของตัวเอง ซึ่งเอาจริงๆ ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่านอกจากโรงพยาบาลแล้วพี่โปรดไปนอนที่ไหนถึงไม่ค่อยกลับมาที่ห้อง ถามก็ไม่ได้ความอะไรเพราะพี่แกจะเงียบใส่แล้ววางสายไปทุกครั้ง เล่นเอาผมงงไปหลายทีเหมือนกัน
อันที่จริงมีคุณเปรมอยู่ด้วยผมก็ไม่ค่อยเหงามากนัก แต่ยังไงก็อยากเจอพี่โปรดมากกว่า ซึ่งดูเหมือนจะไม่ค่อยว่างมาเจอผมเอาซะเลย ถ้าจะคิดดูจริงๆ แล้ว ผมเป็นแฟนกับพี่โปรดมาได้ก็นานแต่เรายังไม่เคยไปเที่ยวที่ไหนด้วยกันจริงๆ จังๆ สักครั้ง โรงหนังก็ไม่เคยเฉียดไปใกล้อย่างคู่อื่นๆ ยิ่งหลังๆ มานี้เจอหน้าไม่ทันไรก็จบลงบนเตียง...ซึ่งบางทีผมก็น้อยใจเหมือนกัน
อย่างเมื่อเย็นวานนี้กลับมาห้องก็แบกเอารอยช้ำตรงมุมปากมาด้วย ไม่รู้ไปทำอะไรมา ผมถามก็ไม่ยอมบอก เอาแต่แซะร่างกายผมอย่างเดียว -*-
“ครับ ขอโทษอีกทีนะครับ ตอนเย็นเจอกันครับคุณเปรม ครับ อยู่กับพี่โปรด ยังไม่ได้กินครับ คุณเปรมก็อย่าลืมหาอะไรกินด้วยนะครับ ครับ หกโมงเย็นมารับผมก็ได้ครับ ครับ สวัสดีครับ” ผมวางไอโฟนไว้ข้างตัว พยายามหายใจช้าๆ เบาๆ เพราะแค่หายใจแรงตอนนี้ก็สะเทือนไปทั้งตัว กระดิกนิ้วยังเจ็บอ่ะครับ ผมเลยโทรไปบอกคุณเปรมว่าตอนเที่ยงนี้คงไปด้วยไม่ได้ ผมจะไปช่วยตอนเย็นแทน
“พอเลย ไปตายอดตายอยากมาจากไหน ไม่ไหวแล้วนะ เสียงานเสียการหมด” ผมพยายามหยุดมือปลาหมึกที่เลื้อยมาลูบๆ คลำๆ แถวเอวเรื่อยลงไปถึงสะโพก
นัดทำรายงานกับคุณเปรมไว้ แต่ก็ต้องเลื่อนไปเพราะพี่โปรด ถึงจะบ่นนั่นนี่แต่ผมก็อยากที่จะอยู่กับพี่โปรดให้นานสมกับที่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกันเลย เวลาเราไม่ค่อยตรงกัน แถมช่วงนี้ผมต้องทำโปรเจ็ค ทำรายงาน จึงต้องไปค้างบ้านคุณกิมบ้าง ห้องคุณเปรมบ้าง แต่ก็แปลกที่พี่โปรดไม่ได้ห้ามหรือถามอะไร ซึ่งจริงๆ แล้ว...เขาดูเหมือนจะไม่ใส่ใจมากกว่า
“เจ็บเหรอ ไหน มาดูหน่อย”
“ไม่ต้องดูเลย อื้อออออ โปรด เอานิ้วออกไปนะ”
ผมกระดิกตัวแทบไม่ได้ นี่เขายังไม่สำนึกอะไรอีกรึไง
“กว่าจะว่าง ไม่ใช่ง่ายๆ เลยนะ ตามใจหน่อย”
“ตามใจทั้งคืนจนเดี้ยงแบบนี้ไง ง่วงด้วย ได้นอนแค่ชั่วโมงเดียวเอง”
“บ่นๆ”
ผมเกร็งตัวนิดหน่อยเพราะนิ้วเรียวยาวที่ขยับเข้าขยับออกอย่างไม่เกรงใจ ก่อนนิ้วจะถูกแทนที่ด้วยของที่มีขนาดใหญ่กว่าหลายเท่า
“ยกเอวหน่อยเร็ว ขยับไม่ได้”
“ไม่มีแรงแล้ว”
ผมปล่อยให้พี่โปรดทำตามใจตัวเองจนพอใจ ผมมีแรงแค่ส่งเสียงครางเท่านั้น ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะอึดขนาดนี้ ปกติแค่สองสามรอบก็น่าจะพอแล้วแท้ๆ แล้วทำแต่ละทีกว่าจะเสร็จเล่นเอาผมแทบขาดใจ
ครืดดดดดด ครืดดดดดดดด
หน้าจอไอโฟนพี่โปรดโชว์เบอร์ที่ไม่ได้บันทึกไว้ พี่โปรดยื่นมาให้ผมรับสายในขณะที่ตัวเองก็ยังนัวเนียผมไม่เลิก
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ นี่ใช่เบอร์พี่มาโปรดรึเปล่าคะ”
เสียงผู้หญิงทำผมขมวดคิ้ว
“ใช่ครับ”
ได้ยินเสียงกรี๊ดและเสียงพูดคุยกันอย่างตื่นเต้นดังลอดมาตามสาย ผมเลยต้องถามเสียงดังเล็กน้อยกว่าที่ปลายสายจะกลับมาพูดต่อ
“เอ่อ ขอโทษค่ะ คือหนูชื่อส้มค่ะ เป็นหลานรหัสของพี่ พี่รหัสส้มบอกให้ส้มโทรมาค่ะ ดีใจจังเลยค่ะที่ได้เป็นสายรหัสเดียวกับพี่มาโปรด”
หึ สายรหัสผู้หญิงซะด้วยปีนี้ น้องรหัสพี่โปรดที่อยู่ปีสามเป็นผู้ชายครับ หลานรหัสปีสองเป็นผู้ชายอีกเหมือนกัน ปีนี้คงเกิดการผิดพลาดเพราะในแต่ละปีจะหลีกเลี่ยงให้สายพี่โปรดที่เป็นน้อง หลาน เหลน โหลน ห้ามเป็นผู้หญิงเพราะความหล่อเกินมนุษย์ของพี่ท่านจะทำให้เกิดการวุ่นวาย พี่ยินดีที่ตอนนี้เรียนจบไปแล้วเป็นเพียงผู้หญิงคนเดียวในสาย
“โปรด สายรหัส จะคุยมั้ย”
“ไม่ วางไปได้ละ โทรมาไม่รู้จักเวลา”
ผมเลยวางสายแบบไม่ได้ลาน้องส้มเลยสักคำ เพราะพี่โปรดเริ่มครอบงำผมอีกแล้ว
“ระวังด้วยละกัน ดูท่าน้องส้มอะไรนั่นจะชอบโปรดมาก”
“ช่างเถอะ แค่ปลื้มเข้าใจพี่ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว”
“ก็ไม่แน่”
“อะไรไม่แน่ แล้วเดี๋ยวนี้ทำไมสนิทกับไอ้เปรมนัก ไปไหนมาไหนกับมันตลอดเลยนะ”
“แปลกเหรอครับ ก็ปลื้มกับคุณเปรมเป็นเพื่อนกัน”
“ก็อย่าให้มากกว่าเพื่อนละกัน”
“พี่โปรด...เชื่อใจปลื้มบ้างสิครับ”
ผมผลักอกพี่โปรดเบาๆ ก่อนเขาจะล้มตัวนอนลงข้างๆ ช่วงนี้ผมเดาอารมณ์พี่โปรดไม่ถูก เหมือนพี่เขามีเรื่องให้ครุ่นคิดตลอดเวลา ผมรู้ว่าเขาเครียด แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงให้พี่โปรดสบายใจขึ้นมาได้บ้าง เพราะผมก็พยายามอย่างเต็มที่แล้ว
แต่...ระยะห่างที่นับวันยิ่งขยาย...มันไม่ได้แคบลงมาเลย
“พี่...”
“หืม?”
ผมรู้สึกไปเองรึเปล่า...กับความเฉยชาของพี่โปรด...ผมไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมว่าเดี๋ยวนี้...พี่โปรดมักเลี่ยงที่จะสบตากับผม หรือเพราะเวลาที่ไม่ตรงกัน ทำให้เราไม่ค่อยได้พูดคุย ห่างเหิน จนเหมือนคนแปลกหน้า
มันจะแปลกอะไรไหม...ถ้าในช่วงหลังๆ มานี้เขาจะอ่อนโยนกับผมแค่เฉพาะตอนที่เรามีอะไรกันเท่านั้น ผมไม่แน่ใจเลยว่ามันเป็นเรื่องปกติเหมือนที่เป็นมาตลอดหลายวันนี้ไหมที่พี่โปรดที่อยู่กับผมมักไม่ค่อยยิ้มเลย
“ปลื้ม เรียกพี่ทำไม”
เสียงของพี่โปรดทำเอาความรู้สึกแย่ที่เพิ่งเกิดพัดหายไป ผมส่ายหน้ากับความคิดแง่ลบของตัวเองเล็กน้อย
“ไม่มีอะไรครับ”
“อืม”
เพราะช่วงนี้พี่โปรดมักจบบทสนทนาด้วยคำว่า ‘อืม’ ผมก็เลยเงียบอย่างคนที่ไปต่อไม่เป็น
“เย็นนี้พี่มีธุระ ปลื้มหาข้าวกินเองนะ”
“ครับ”
ผมถามได้มั้ยว่าธุระของพี่คืออะไร... สำคัญขนาดไหนถึงกินข้าวด้วยกันก่อนไปไม่ได้...
แต่สีหน้าของพี่โปรดไม่ได้นำพาให้ตั้งคำถาม บ่อยครั้งที่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ทำให้เราทะเลาะกัน และผมก็ไม่อยากให้เวลาเพียงน้อยนิดที่ได้อยู่ด้วยกันต้องกลายเป็นช่วงเวลาที่แย่ของเรา
“พี่โปรด...คืนนี้ปลื้มต้องค้างที่ห้องคุณเปรมนะครับ มีโปรเจ็ค”
พี่โปรดที่กำลังจะเดินเข้าห้องน้ำชะงักเท้าทันที เขาหันมามองผมเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับรู้แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
ผมมองตามบานประตูที่ปิดลง ความรู้สึกแปลกๆ ที่ตีวนอยู่ในอกเกิดขึ้นเพียงเพราะพี่โปรดไม่ได้พูดห้ามอะไร...
......................................................To be continue.......................................................
อยากเป็นคอมเม้นที่ 1000
อีกเหตุผลคือเห็นความคิดเห็นของหลายๆ คนที่เดากันไปไกลแล้วจนต้องรีบเบรกไว้ก่อน
แล้วเราจะอึมครึมกันจริงๆ ตอนหน้าค่ะ แล้วพรุ่งนี้เย็นเจอกันนะคะ รักกันจริง ต้องผ่านไปด้วยกัน ติดตามกันต่อไป ห้ามหายนะ 
ปล. ตอนนี้ไม่ต้องเตรียมผ้าเช็ดหน้า ไม่มีอะไร
ตั้งแต่ตอนหน้าไปงดสปอย เพราะก็ไม่รู้จะสปอยยังไงเหมือนกัน
มีแนวโน้มเปลี่ยนนายเอก
ถ้าทำจริงต้องมีคน
ชัวร์ -*- อย่าลืมนะว่าชื่อเรื่องอ่ะ มาโปรด

เพราะอยากให้ปลื้มเจอแต่สิ่งดีๆ ปลื้มของเจ้ 
ขอ Edit ด้วยความที่หลายๆ คนจริงจังกับคำว่า มีแนวโน้มเปลี่ยนนายเอกที่ไม่คิดว่าคนเขียนจะพูดเล่นเลย ประโยคต่อมาคือคำว่าถ้าทำจริง นี่คือ เราไม่ทำแน่นอนค่ะ สบายใจกันได้ ปลื้มดำเนินเรื่องมาจนจะครึ่งเรื่องอยู่แล้ว ให้มาเปลี่ยนนี่คนเขียนก็คงต้องฆ่าตัวตายเหมือนกันค่ะ แค่เท่านี้ก็มีหลายคนบอกว่าจะเลิกอ่าน เอางี้มั้ยคะ ถ้าใครรับไม่ค่อยได้อนุญาตให้จากไปอย่างเงียบๆ และต้องขอบคุณคนที่จะอยู่เคียงข้างกันไม่ไปไหน พวกคุณน่ารักมากค่ะ
คำว่าเลิกอ่านนี่ทำให้เงิบไปเหมือนกัน แต่พอบอกว่าจะกลับมาใหม่ ก็ค่อนข้างจะเข้าใจ
เพราะคำพูดคนเขียนทำให้แต่ละคนคิดว่าตอนหน้าจะมีอะไรที่แบบสุดๆ เพราะงั้นบอกเลยนะคะว่าเชื่ออะไรมากไม่ได้หรอก บางทีนางก็โม้ไปไกล
ด้วยความที่นักอ่านอ่อนไหวค่อนข้างง่าย ต่อไปเราจะโฟกัสที่เนื้อเรื่องเท่านั้นนะคะ ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้กันมาตลอด งดพูดกันถึงตอนหน้าที่ยังมาไม่ถึง
ขอบคุณนักอ่านขาประจำที่เม้นแสดงความคิดเห็นและรักน้องปลื้มกันขนาดนี้ เราก็รักน้องปลื้มเหมือนกัน