ตอนที่ 26“ครับพี่ พี่เท็นไม่ว่างครับ ต่อเลโก้อยู่ที่ห้องนั่งเล่นมาห้าชั่วโมงแล้ว ผมก็ไม่รู้จะบอกยังไง แกเล่นไม่กินข้าวเลย แต่ผมจะพยายามครับพี่ พี่เมลหายห่วงได้เลยครับ ถ้าแม่ผมมาอีก บอกเขาด้วยนะครับว่าผมสบายดี ไม่ต้องห่วง ครับ ดูแลตัวเองครับพี่ ขอบคุณสำหรับเสื้อกันหนาวครับ สวยมากเลย ครับ สวัสดีครับ”
ผมวางมือถือของพี่เท็นลงบนโต๊ะกินข้าวตามเดิม ตอนนี้เริ่มเข้าเดือนตุลาคมแล้ว อากาศที่พะเยาเย็นนิดๆ แต่ยังไม่ถึงขั้นหนาวมาก พี่เท็นเพิ่งกลับมาได้ไม่กี่วันก่อนหลังจากที่กลับไปสอบไฟนอลของภาคเรียนที่ 1 ส่วนพี่เมลตามมาไม่ได้เพราะต้องบินไปรัซเซียกับคุณปู่คุณย่าของเขา แกเลยโทรมาถี่หน่อย แต่วันนี้ทั้งวันพี่เท็นไม่ยอมรับสายเลยจึงต้องเป็นหน้าที่ของผมที่จะทำให้คนที่โทรมาหายกังวลใจ
ผมมาอยู่ที่นี่ได้สองเดือนกำลังเข้าเดือนที่สาม ได้ทำอะไรหลายๆ อย่างอย่างที่ในชีวิตนี้คาดไม่ถึง ผมอยากใช้มันให้คุ้มค่าก่อนที่ปีหน้าจะต้องกลับไปเรียนอีก มันไม่ใช่ชีวิตที่สวยหรูก็จริง บางวันผมก็เหนื่อย ปวดไปทั้งเนื้อทั้งตัว แต่มันทำให้รู้สึกถึงว่าตัวผมในตอนนี้สามารถทำอะไรได้บ้าง พี่เท็นบันดาลได้ทุกอย่าง พี่เขาไม่ใช่พระเจ้าก็จริง แต่เมื่อเอ่ยปากว่าอยากให้ผมลองทำแล้ว ผมก็จะได้ทำจนได้ เขาแสดงให้ผมเห็นตลอดเลยว่าสิ่งที่เขาให้ทำนั้น ตัวเขาทำได้และผมก็ต้องทำได้เช่นกัน
แม่...ก็เป็นอีกเรื่องที่เกินความคาดหมาย พี่เมลไม่ได้บอกผมว่าแม่มาที่บ้านพี่เพื่อตามหาผมเมื่อไหร่ แต่นั่นทำให้หัวใจของผมอบอุ่นขึ้นมาที่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ลืมผม ผมเคยคิดสงสัยเหมือนกันว่าถ้าหากผมไม่ได้อยู่ในกรุงเทพและหายไปจากสายตาเขาแล้ว เขาจะตามหาผมอยู่ไหม และผมก็ได้คำตอบ...
“พี่เท็นครับ พี่เมลบอกว่าถ้าไม่กินข้าวเขาจะฆ่าไอ้เจคอปทิ้งนะครับพี่” ผมตะโกนบอกพี่เท็นที่ตอนนี้ต่อเลโก้เสร็จไปแล้วไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ แต่ก็ยังตั้งหน้าตั้งตาเล่นอะไรไม่รู้อยู่อย่างนั้น และชื่อพี่เมลเป็นชื่อเดียวที่เขาละจากงานที่ทำอยู่ตรงหน้ามาให้ความสนใจได้
“ไอ้เมลมันกล้าเอาลูกกูมาเป็นตัวประกันเรอะ! เดี๋ยวมันเจอๆ มึงโทรไปบอกไอ้ฟิวให้จัดการงดข้าวไอ้เป๊บซะ แล้วเอาเบลล่าไปไว้กรงไอ้เจค”
ดูครับคนๆ นี้ เขาเดือดดาลเสร็จก็กลับไปสนใจของเล่นตรงหน้าต่อ ผมได้แต่ถอนหายใจแล้วเอาฝาชีปิดสำรับกับข้าวตามเดิม ไอ้เจคอปมันคือหมาตัวผู้ที่พี่เท็นถ่ายรูปคู่กับมันบ่อยๆ และเอามาอวดผม ส่วนเป๊บกับเบลล่าเป็นแมวหน้าตาหยิ่งๆ สองตัว ตัวหนึ่งเปอร์เซีย และอีกตัวหิมาลายัน เป็นลูกรักของพี่เมล ส่วนพี่ฟิวเป็นเพื่อนของพี่เท็นที่ผมคุยด้วยบ่อยๆ เพราะพี่ฟิวมักจะโทรมาตามให้พี่เท็นกลับกรุงเทพแต่พี่เท็นมักเลี่ยงแล้วให้ผมรับสายแทน -_-
เหมือนตอนนี้ผมกลายเป็นเลขาส่วนตัวของเขาไปแล้วล่ะ
ผมลงบ้านไปให้อาหารไอ้เจมที่สอง ก่อนจะใส่ฟางข้าวไว้ในรางให้ไอ้จิ๊บกับไอ้เจี๊ยบที่ชอบทำตาโตมองผมอย่างงงๆ เสมอ ตอนนี้ผมเก็บเงินซื้อวิทยุได้หนึ่งเครื่อง มีคลื่นที่ฟังแล้วผมชอบอยู่หลายคลื่น เอาไว้ฟังตอนไปไร่กับป้าเนียม ยิ่งช่วงปลายเดือนตุลาคม พี่เท็นบอกว่าที่นี่จะเริ่มเกี่ยวข้าวกันแล้วผมก็ยิ่งตื่นเต้น เพราะหลังจากที่ถอดเฝือกออกจากแขน ผมก็ลุยงานหลายอย่างเต็มที่จนตอนนี้มือเริ่มกร้านแล้ว แต่ผมโอเคนะ เพราะเหมือนได้ออกกำลังกายไปด้วย สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ดีทุกอย่าง
อ่า...แต่ก็คงมียกเว้นบ้างแหละมั้ง
เพราะมันก็ยังมีบางอย่างที่ยังไม่หายดี...
ผมไม่รู้ว่าคนทั่วไปใช้เวลาเท่าไหร่ในการ 'ทำใจ' แต่สำหรับผมแล้ว...ตอนนี้ผมโอเคในระดับหนึ่ง แต่ถ้าอยู่ๆ คนๆ นั้น เขาโผล่มาปรากฎตัวอยู่ตรงหน้า ผมก็ไม่รู้ว่า...ถึงตอนนั้นควรจะทำอย่างไร
มันเป็นเรื่องยากหากจะห้ามตัวเองไม่ให้คิดถึงเขา แต่ผมก็ไม่ได้ทุรนทุรายเหมือนอย่างที่เคยเป็นอีกแล้ว สำหรับผมในตอนนี้แล้ว เขา...คือความกลัว...ผมกลัวที่จะต้องเจอ กลัวที่จะต้องรับรู้...แต่ที่กลัวที่สุดคือกลัวใจของตัวผมเอง
กลัวที่จะต้องกลับไปเจ็บซ้ำๆ ซากๆ อีก
“ปลื้มมมมมมม ผมไปซื้อเบ็ดตกปลามาาาาา เราไปตกปลาที่อ่างกันมั้ยยยย” เสียงของคุณปาล์มดังมาแต่ไกล เขาจอดมอเตอร์ไซค์ที่รั้วหน้าบ้านแล้ววิ่งอย่างกระตือรือร้นมาหาผม
“เขาให้ตกเหรอครับ” ผมถามก่อนจะเดินไปล้างมือ
“ไม่รู้ แต่ก็เห็นคนไปตกอยู่นะ”
“อ่างที่ไหนอ่ะครับ”
“อ่างแม่ต๋ำไง ที่ผมเคยพาปลื้มไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่นั่นอ่ะ”
“อ๋อออออ ถ้าเป็นที่นั่นก็ไปครับ อากาศตอนนี้คงกำลังดีอ่ะ เดี๋ยวผมไปบอกพี่เท็นก่อนนะ เผื่อว่าพี่เท็นอยากไปด้วย”
“ได้ๆ ปลื้มเอาข้าวไปด้วยก็ดีนะ เผื่อหิว”
“โอเคครับ งั้นคุณปาล์มขึ้นมารอก่อนนะ พี่เท็นอยู่ที่ห้องนั่งเล่น”
คุณปาล์มยิ้มจนตาหยี เขาสอบไฟนอลเพิ่งเสร็จเหมือนกัน แล้วก็คงกลับบ้านที่นครสวรรค์ของเขาอาทิตย์หน้า ช่วงนี้เขาเลยพาผมเที่ยวบ่อย เขาเป็นเพื่อนที่ดีครับ ถึงขั้นดีเกินไปด้วยซ้ำ เขาใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของผม มีอะไรแบ่งปันตลอด ไปเที่ยวกับเพื่อนก็ซื้อของกินมาฝาก จนคุณเฟรนที่เขียนจดหมายถึงผมบ่อยๆ ยังเอ่ยปากว่าเขาชอบผมหรือเปล่า แต่ผมเคยลองถามคุณปาล์มไปแล้วครับ เอาจริงๆ คือพี่เท็นบอกว่า สงสัยก็ถาม ถ้าเขาชอบแล้วผมไม่ได้คิดอะไรด้วย คุณปาล์มเขาจะได้เลิกหวัง ดีกว่าผมเออๆ ออๆ กับเขาเหมือนให้ความหวังเขาไปอย่างนี้ ถ้าเขาชอบในฐานะเพื่อนก็ไม่มีอะไรเสียหาย แค่ความสงสัยไม่ใช่ความผิดอะไรเลย
ผมตัดสินใจถามแล้วรู้สึกว่าโล่งใจมาก ยอมรับจริงๆ ว่าผมก็อึดอัดเหมือนกันหากว่าคุณปาล์มยังทำดีกับผมเรื่อยๆ อย่างที่ผมไม่รู้เหตุผลอย่างนี้ อีกทั้ง...ผมก็ไม่พร้อมจะเริ่มใหม่กับใครด้วย
'ฮ่าๆๆๆ ผมชอบปลื้มนะ แต่ในฐานะเพื่อน ผมแค่อยากให้ปลื้มสบายใจเวลาอยู่ที่นี่ก็เท่านั้น จะได้ไม่เหงา ผมเคยเหงา ผมรู้ว่าเป็นยังไง แล้วผมก็รู้ด้วยว่าต่อให้ผมจีบปลื้ม ยังไงก็จีบไม่ติดหรอก ก็ปลื้มน่ะ...รักคนอื่นอยู่ก่อนแล้วไม่ใช่เหรอ'
ผมได้แต่ยิ้มตามรอยยิ้มของคุณปาล์ม และไม่คิดสงสัยเลยว่าทำไมเพื่อนๆ ถึงรักเขา คุณปาล์มใส่ใจความรู้สึกของคนอื่นเสมอ เขากังวลใจกับเรื่องของคนอื่นเหมือนกับเป็นเรื่องของตัวเอง บางครั้งผมก็ได้ยินพี่เท็นด่าเขาบ่อยๆ ว่าดีเกินไปจนกลายเป็นคนโง่ เพราะความใจดีของเขานี่แหละที่ให้เพื่อนยืมเงินแล้วโดนชักดาบ -_-
ความจริงแล้ว...คุณปาล์มน่ะ เหมือนจะชอบพี่เท็นด้วยซ้ำ เขาตามพี่เท็นต้อยๆ แค่พี่เท็นพูดคำเดียว คุณปาล์มทำตามหมดทุกอย่าง แต่ผมก็ไม่แปลกใจหรอก...ว่าทำไมใครๆ ก็หลงรักพี่เท็น ก็พี่น่ะ...เจ๋งซะขนาดนี้
เจ๋งขนาดที่ช่วงแรกๆ ผมคิดว่า...ถ้าผมเป็นใครสักคนที่ไม่ใช่ญาติพี่เมล ไม่ใช่คนที่อยู่ในฐานะน้องชายอย่างนี้ ผมคงตกหลุมรักพี่เท็น
แต่...ความคิดแปลกๆ เหล่านั้นก็หายไปอย่างรวดเร็วหลังจากค้นพบแล้วว่าผมไม่สามารถรับมือกับคนๆ นี้ได้ และ...ก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจตัวเองได้ด้วย
คนบางคน...ฝังลึกลงไปในใจแล้ว...แต่ผมแค่ทำเป็นมองไม่เห็นก็เท่านั้นเอง
“เย็นนี้แว๊นมอไซค์ไปตลาดนัดดีมั้ยพี่เท็น ปาล์มอยากได้รองเท้า” ได้ยินเสียงคุณปาล์มพยายามชวนพี่เท็นคุยในขณะที่ผมกำลังจัดไข่เจียว น้ำพริกกะปิ แตงกวา และหน่อไม้ลงกล่องใส่อาหาร
“กูไม่ว่าง พาไอ้ปลื้มไปดิ เย็นนี้จะพาไอ้เจมที่สองไปบ่อน”
“อะไรอ่ะะะะ ไปด้วยกันดิพี่”
“ไปโวยวายไกลๆ ตีนกูไอ้ปาล์ม ดีดดิ้นเป็นตุ๊ดไอ้สัด”
“ว่าปาล์มตลอด แฟนตัวเองแมนนักนี่”
“เข้าไปช่วยไอ้ปลื้มในครัวเลยมึง พูดมาก”
ไม่นานผมก็เห็นคุณปาล์มเดินหน้าหงิกเข้ามาหา ผมวางปลาทูทอดลงไปสองตัวแล้วปิดฝา
“เย็นนี้ไปซื้อรองเท้าเป็นเพื่อนหน่อยนะ”
“ได้ๆ แล้วนี่พี่เท็นจะไปด้วยมั้ย”
“ไม่รู้”
เห็นหน้าหมาหงอยของคุณปาล์มแล้ว ผมเลยอาสาเข้ามาถามพี่เท็นที่ตอนนี้นอนคุยโทรศัพท์อยู่
“จ่ะ รักมากกกก มึงขึ้นเครื่องได้ละ ง้องแง้งอยู่ได้ ดูแลปู่กับย่าด้วย อืมมมม รู้แล้ว ไอ้ปลื้มมันไม่ตายหรอกน่า ไอ้นี่มันถึกขึ้นทุกวัน เออๆ รีบกลับมาหากูด้วย คร้าบบบ แล้วจะไปรับที่สนามบินเลย หึหึ”
ผมรอให้พี่เท็นวางสาย หน้าตาอิ่มเอิบซะจนไม่ต้องถามเลยว่าคุยกับใคร
“ไปตกปลากันมั้ยพี่”
“เออๆ ไปๆ เอาข้าวไปเผื่อกูด้วย”
“ผมเตรียมไว้ให้แล้วน่า ไปกันๆ”
พี่เท็นลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจเล็กน้อยแล้วเดินนำผมออกไป
.
.
.
ตลาดนัดริมกว๊านคึกคักจริงๆ ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรเหมือนกันที่ทำให้คนแน่นขนาดนี้ วัยรุ่นเยอะ แถมรุ่นราวคราวเดียวกับพวกผมก็มีไม่น้อยเลย เมื่อกี้เจอเพื่อนของคุณปาล์มมากับแฟนด้วย เขาแวะมาทักทายนิดหน่อยแล้วก็ต่างคนต่างเดิน ผู้คนมากหน้าหลายตาที่ผมไม่รู้จักต่างเดินกันเป็นกลุ่มบ้าง เป็นคู่บ้าง บ้างมาคนเดียว นิสิตมหาลัยเดียวกับคุณปาล์มก็เยอะ แต่ที่ต่างออกไป...คือกลุ่มนักศึกษากลุ่มใหญ่ที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
กางเกงเลมีสีสันอย่างที่พวกสันทนาการชอบใช่กันและเสื้อยืดสกรีนข้างหลังเป็นชื่อคณะ รุ่น และตัวย่อของชื่อมหาลัยเป็นภาษาอังกฤษ
ผมหยุดยืนอยู่กับที่ หัวใจเต้นรัวเร็วอย่างตื่นกลัว ไม่รู้ทำไม...ผมถึงได้อยากหายไปจากตรงนี้ แค่เพราะเห็นเสื้อที่คนพวกนั้นใส่...
ผมกลัว...ว่าเขาจะมา...กลัวจริงๆ ว่าเขาจะอยู่ที่นี่ อยู่ใกล้ๆ
คุณปาล์มที่กำลังเลือกรองเท้าไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าผมกำลังสั่นไปทั้งตัว เขาต่อรองราคากับเจ้าของร้านจนในที่สุดก็หันมาทางผมเมื่อตกลงราคากันได้เรียบร้อย
“ปลื้ม...เป็นอะไร รู้จักพวกนั้นเหรอ”
ผมไม่ได้ตอบคำถามของเขา แต่กำลังลนลานหาทางออกให้ตัวเองกับสถานการณ์นี้
“เห็นว่ามีค่ายแนะแนวน้องมอหกที่โรงเรียน...นะ เพื่อนๆ ปลื้มเหรอ”
“ปละ..เปล่าครับ กลับกันเถอะ พี่เท็นคงรอกินข้าวแย่แล้ว”
“อือๆ งั้นเดี๋ยวแวะซื้อลูกชิ้นไปให้พี่เท็นด้วย”
ถึงคุณปาล์มจะเดินนำไปไกลแล้วแต่ผมก็ยังก้าวขาไม่ออก แค่เพราะร่างสูงในกลุ่มคนที่อยู่ในร้านไม่ไกลจากที่ผมอยู่ แผ่นหลังที่ผมจำได้ดี หรือแม้แต่ความสนใจของคนรอบข้างที่มักจะพุ่งตรงไปที่เขาเสมอ คงไม่มีใคร...เป็นจุดเด่นได้เท่าเขาอีกแล้ว
“ปลื้ม...ไหวมั้ย เป็นอะไร ไม่สบายรึเปล่า”
ผมเอื้อมมือไปจับมือคุณปาล์มไว้ เพื่อให้มันหยุดสั่นเสียที ผมยังไม่พร้อมจะเจอเขา...
“ทำไมหน้าซีดจัง อยากอ้วกเหรอ แถวนี้มีห้องน้ำนะ ไปมั้ย”
ผมพยักหน้ารัวๆ ไป...ไปที่ไหนก็ได้ให้ไกลจากตรงนี้ เพราะผมยังไม่รู้จะทำยังไง...หากต้องเผชิญหน้ากัน
“เหี้ยโปรด เป็นอะไร มึงจะวิ่งไปไหน”
“ปลื้ม...ปลื้มมมม!!...เมื่อกี้ ปลื้มอยู่ตรงนั้น”
“ตาฝาดแล้วมึง น้องจะมาอยู่ที่นี่ได้ไงวะ คิดมาเร็วๆ ว่าจะกินอะไร “
“ไม่...ปล่อยกูไอ้อาร์ม กูจะไปหาปลื้ม”
“โปรด นี่ไม่ใช่แถวบ้านมึงนะ มึงรู้ที่ทางหรือไง น้องไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก น่าจะอยู่ที่กรุงเทพนั่นแหละ แต่เราแค่ยังหาไม่เจอ โอเคมั้ย ใจเย็นๆ ดิวะ มึงแย่แล้วนะ อย่าทำให้พวกกูเป็นห่วงเลย”
“กู...ขอโทษ”
“ไม่ไหวก็กลับกรุงเทพกันก็ได้ ยังไงไอ้โจ ไอ้ซอล ไอ้กิ๊งก็ยังอยู่ เดี๋ยวกูกลับไปเป็นเพื่อนมึงเอง”
“อืม...”
.................................To be continue..........................................
http://www.youtube.com/v/guKRlz98EDcคนเขียนเคยเป็น ตอนเจอแฟนเก่า แทบจะเป็นลมตรงนั้น ตอนนี้กลายเป็นความกลัวที่จะเจอกัน ไม่รู้นะ แต่มันเจ็บปวดใจจริงๆ 
ขอบคุณคนรอ 
แล้วพบกัน มาช้าไป ขอโทษนะ วุ่นวายกับชีวิตอยู่ อิอิ
ปล. ถ้าปลื้มเป็นศรีโด้ ความจริงก็อยากมโนหน้าไค แต่คือแบบบบบ ยังไม่ใช่ เลยให้เป็นหุ่นเฮียคริสแต่ใบหน้าแล้วแต่จินตนาการเลยจ้า
ปล.2 วุ่นวายกับการรออ่าน Fanacc จากกีฬาสีไอดอล อิอิ 