http://www.youtube.com/v/LFi11P083nUมีคนแนะนำเพลง เพียงข้างหลัง เราโพสตอนนี้ช้าไปมั้ยคะ ฮ่าๆตอนที่ 34นอนไม่หลับ...แค่หลับตาก็เห็นแผ่นหลังของคนอีกคนที่เดินห่างออกไป ทำไมถึงดูเหงาอย่างนั้น ทำไมถึงดูเศร้าขนาดนั้น เข้ามาหาก็ได้ ผมไม่ได้ว่าอะไรเลย
ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงโดนบอกให้อยู่ห่างจากคนที่กำลังนั่งด้วย เขาคงถามว่าเป็นใคร และคงบอกออกมาตรงๆ ว่าไม่ชอบ น้องเดย์คงหายไปจากวงโคจรของชีวิตผมแน่
แต่ที่เขาทำ คือยิ้มเศร้าๆ มาให้ผมแค่นั้น มันทำให้ผม...รู้สึก...
เขาเจ็บปวดแต่ก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร ไม่ได้ถาม ไม่ได้ว่า ยังคงทำอะไรดีๆ ให้เงียบๆ เหมือนเดิม ผมสิแปลกทั้งๆ ที่รู้ว่าเราอยู่ในฐานะไหนต่อกัน แต่ก็ยังรู้สึกผิด
ตึ้ง!!
HerePro@D : ฝันดีนะปลื้ม
XOXO : ยังไม่นอน
HerePro@D : บอกล่วงหน้า
XOXO : อยู่ไหน
HerePro@D : อยู่โรงบาล กำลังจะกลับ
XOXO : อืม
HerePro@D : ดึกแล้ว นอนนะครับ
XOXO : มาหาหน่อย
HerePro@D : ครับ เดี๋ยวเจอกัน
เขาไม่เคยปฏิเสธเลย ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหน ถ้าบอกให้มาก็จะมาทันที ไม่ว่าใกล้หรือไกล …เหนื่อยแค่ไหนก็ไม่มีบ่น
ผมสวมเสื้อกันหนาวทับเสื้อนอน ก่อนจะหยิบยาสำหรับนวดกล้ามเนื้อติดมือมาด้วย ลงมานั่งเล่นที่ร้านกาแฟของคอนโดที่เปิดยี่สิบสี่ชั่วโมง สั่งนมร้อนมากินหนึ่งแก้วระหว่างที่รอ
อีกยี่สิบนาทีต่อมา ร่างสูงเกือบร้อยเก้าสิบของเขาก็มาปรากฎอยู่ตรงหน้า ผมท้าวคางมองหน้าเขาโดยไม่พูดอะไร เขาก็ทำแค่ยิ้มให้
ดึกขนาดนี้แล้วยังอยู่ในชุดเต็มยศอยู่เลย เหนื่อยบ้างรึเปล่านะ...
“ผมให้” ยื่นยานวดกล้ามเนื้อให้เขา
“อ่า...ขอบคุณครับ”
“พี่”
“ครับ?”
“พรุ่งนี้ผมอยากกินอาหารญี่ปุ่น”
“ได้สิ พี่แล้วแต่ปลื้ม”
“อืม กลับไปได้แล้ว ผมจะไปนอนละ”
“อ่า...ฝันดีนะ”
“พี่บอกแล้ว”
“อยากบอกอีกไง”
“บอกทำไมบ่อย ครั้งเดียวก็พอ”
“โอเคๆ”
“ไปละ ฝันดี”
ผมจ้องหน้าเขาเล็กน้อย เห็นริมฝีปากสวยค่อยๆ คลี่ยิ้ม หลายเดือนมานี้คงรอฟังมาตลอดสิท่า
“ยิ้มทำไม แค่เอาคำว่าฝันดีที่พี่บอกเกินมาคืนไปเท่านั้น”
“อืม ^^”
“ไปได้แล้ว”
“อือ ^^”
บ้า ทำไมชอบทำแบบนี้อยู่เรื่อย ก็รู้ว่าตัวเองยิ้มแล้วดูดี ยังจะมายิ้มใส่ตาผมอีก -*-
.
.
.
“พี่ปลื้ม ผมมาชวนไปกินข้าว ไปด้วยกันนะ” น้องรหัสที่ควรจะเป็นหลานรหัสแต่เพราะมีกันอยู่สองคนทั้งสายเลยนับเป็นน้องรหัสดีกว่า โผล่หน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสมาให้เห็น วันนี้เจอบ่อยเกินไปไหม เหมือนมาดักรอ หรือผมจะคิดไปเอง
“พี่กินแล้วครับ”
“โหยยย ไม่รอเลย งั้นพี่ปลื้มไปนั่งเป็นเพื่อนผมก็ได้”
“ไม่มีเพื่อนคบเหรอครับ?”
“ใจร้ายยยยย ทำไมถามผมแบบนี้เนี่ยยยย”
ก็อยากรู้จริงๆ นี่นา เห็นมาชวนกินข้าวข้ามรุ่นแบบนี้ ถึงผมจะเป็นคนเงียบๆ ไม่อะไรกับใครเท่าไหร่ แต่ผมให้ความสำคัญเรื่องลำดับอายุมากนะ ไม่ชอบเด็กที่ปีนเกลียวด้วย -_-
“โวยวาย แล้วจะไปกินที่ไหนครับ”
“ที่โรงอาหารนี่แหละ ไม่ไกลหรอก”
“โอเค พี่ไปเป็นเพื่อนละกัน”
“เยสสสส!”
ถ้าไม่ใช่น้องรหัสผมก็ไม่มาหรอกนะ แต่ก็ยังถือว่าต้องดูแลกันบ้าง ผมนั่งเล่นมือถือในขณะที่น้องเดย์ก็กินข้าวของมันไป
“พี่ปลื้ม เย็นนี้ไปดูหนังกันมั้ยพี่”
“ไม่ พี่มีธุระ”
“ธุระอะไรอ่ะ”
“ต้องบอก?”
ผมขมวดคิ้วถามอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่ต้องก็ได้...”
“ครับ”
ถ้าพูดว่าต้องบอกนี่ผมคงซัดน้องเดย์หน้าหงายไปสักตั้ง ไม่ใช่เรื่องของใครเลยว่าผมจะมีธุระอะไรที่ไหน คนที่เพิ่งรู้จักถ้าล้ำเส้นมากไป ผมจะจัดไปเป็นบุคคลน่ารำคาญทันที
“คนสวยโหดอย่างนี้ทุกคนมั้ยอ่ะ” เด็กนี่เกรียนไม่รู้จักรุ่นซะแล้ว -_-
“เฉพาะคนนะพี่ว่า ยิ่งกับพวกปากหมารนหาที่ จะโหดเป็นพิเศษ”
“แหะๆ ครับๆ”
ผมไม่ได้ต่อบทสนทนาอะไรอีก น้องเดย์ก็พยายามคุยด้วย แต่ผมก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้างตามแต่อารมณ์ ถ้าไม่ติดว่าคุณเฟรนบอกว่าเลิกเรียนแล้วกำลังจะมาที่โรงอาหารให้ผมนั่งรอ ผมคงลุกไปหาอะไรอย่างอื่นทำดีกว่ามานั่งฟังเด็กปีหนึ่งพูด -_-
ผมไม่ได้มีเซ้นหรือเก่งเรื่องเดาความรู้สึกหรอกนะ แต่น้องแสดงออกโจ่งแจ้งขนาดนี้ ดูไม่ออกก็โง่เต็มที ผมไม่ใช่คนที่ชอบผู้ชายมาแต่กำเนิดด้วย แค่ผู้ชายมาจีบแล้วจะตกหลุมไปด้วยนี่เป็นไปไม่ได้เลย ยิ่งถ้าอายุน้อยกว่าด้วยแล้ว ความเป็นไปได้นี่แทบติดลบ
ผู้ชายที่ถ้าเห็นแล้วชอบจริงๆ มันก็มี... แต่น้องเดย์ยังไม่ถึงขั้น
“พี่ปลื้มอ่า...ไม่ฟังเลย”
“ฟังอยู่”
“เหมือนไม่ฟัง ผมถามไปห้ารอบแล้ว”
“ถามอะไร?”
“นั่นไง ไม่ได้ฟังจริงๆ ด้วย”
“เออน่ะ แล้วคำถามว่าไง”
“พี่มีแฟนยัง?”
“....”
“มียังอ่า”
“ยัง”
“เยสสสส!! ดีจัง ^^”
“ดียังไง”
“ก็ดีแล้วกันน่า”
“เหรอ”
“คร้าบบบบบ”
แฟน...มีไม่มีผมไม่รู้ว่ามันสำคัญยังไง ก็แค่สถานะที่ไม่ได้บอกเลยว่าคนๆ นั้นจะสำคัญ ถ้าน้องเปลี่ยนคำถามเป็นว่า ผมมีใครในใจหรือยัง...น้องคงไม่บอกว่ามันดีอย่างนี้หรอก
เพราะคำตอบของผม...มันชัดเจนมานานแล้ว...และคงจะชัดเจนอยู่อย่างนี้ไปอีกนาน
“พี่ปลื้ม ผมไปเรียนก่อนนะ ไว้คืนนี้ผมโทรหา” น้องเดย์ยิ้มกว้าง โบกมือให้แล้วทำมือเป็นโทรศัพท์แนบหู เห็นผู้หญิงสองสามคนใกล้ๆ ทำหน้าฟินกันไป แต่ผมไม่ได้ฟินตามไปด้วย มันไม่ได้น่ารักอะไรขนาดนั้นเลยนี่นา -_-
“ครับ” ผมตอบรับไปอย่างนั้น รับสายหรือไม่รับค่อยว่ากันอีกที ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร
“แหมๆ หัวกระไดไม่แห้งเลยนะเพื่อนกู หน้าตาดีมีรถขับ มีแต่คนอยากเข้าหา สมัยเป็นยาจกนี่ไม่เห็นหมาสักตัว” คุณเฟรนโผล่มาจากข้างหลังพร้อมกับถ้วยก๋วยเตี๋ยวในมือ
“ฮ่าๆๆ ก็ว่าแรงไป หมาเลยเหรอครับ”
“แล้วจะให้เปรียบเป็นไรอ่ะ จะบอกว่าแมวคงน่ารักเกิน แล้วกับคนชื่อเกลเป็นไงบ้าง เห็นวันก่อนไปกินข้าวด้วยนี่”
“ก็ไม่มีอะไรครับ เกลก็ดี ไม่เรื่องมาก”
“จะคบเหรอ?”
“ไม่รู้ ดูไปก่อน”
“ดูให้ดี ดูให้นาน จะได้ไม่พลาดอีก” คุณเฟรนยกมือขึ้นลูบหัวผม “แต่ไม่ว่าจะยังไง ทำตามหัวใจตัวเองนะ ไม่ต้องไปคิดอะไรมากหรอก รักก็คือรัก ไม่รักก็คือไม่รัก มันก็มีเท่านั้น”
“ครับ ผมทำตามใจตัวเองจนเดี๋ยวนี้นิสัยจะเสียตามคุณเฟรนแล้วเนี่ย”
“เดี๋ยวมีถีบตกเก้าอี้ไอ้ห่า”
“ฮ่าๆๆ รีบๆ กินเถอะครับ เส้นอืดหมดแล้ว”
คุณเฟรนผลักหัวผมหนึ่งทีก่อนจะหันกลับไปสนใจก๋วยเตี๋ยวในชามตัวเองต่อ คนๆ นี้บอกผมให้ทำตามใจตัวเองแต่เขาก็เลี่ยงหัวใจตัวเองเหมือนกันนั่นแหละ ผมไม่รู้นะว่าเหตุผลของเขาคืออะไร อาจจะยังไม่พร้อมกลับไปคบกับคุณกิมก็ได้ ไม่รู้ปัญหาจริงๆ ของพวกเขาด้วย แต่ถ้าคุณเฟรนมีความสุขในสิ่งที่ตัวเองเลือก ผมก็โอเค
บางที...ความรักถ้าทิ้งระยะห่างไว้บ้าง อาจจะได้เห็นอะไรมากขึ้น พี่เท็นไม่ได้กล่าวไว้ ผมกล่าวของผมเอง ฮ่าๆๆๆ
ส่วนเกล...ผู้หญิงตัวเล็กที่บังเอิญเจอกันตอนไปร้านพี่เจ๋งกับพี่เท็นพี่เมล เกลเรียนเทคนิคการแพทย์อยู่อีกมหาลัยหนึ่ง เราไม่ค่อยเจอกันบ่อยนัก แต่โดยรวมก็คุยกันได้ คุยไลน์บ้างในบางครั้งแต่ไม่บ่อย โทรหานับครั้งและเธอก็เป็นคนโทรมา เคยไปกินข้าวด้วยกันบ้าง ไปดูหนังกันบ้าง แตะต้องตัวมากสุดแค่จับมือ เพราะผมไม่มีความรู้สึกอยากทำอะไรไปมากกว่านั้น ผมดูออกว่าเธอชอบผม แต่ผมไม่รู้ว่าเธอดูออกรึเปล่าว่าผม...แค่รู้สึกดีด้วยเท่านั้น ไม่ได้เกินเลยไปกว่านี้
เขา...รู้นะ แต่ก็ไม่เคยถาม เพราะเส้นแบ่งระหว่างเรามันมีอยู่ เป็นความจริงที่เราต่างมีสิทธิ์ที่จะเลือกคบคนอื่น ในเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่ได้มีข้อผูกมัดอะไรต่อกัน แต่ถึงอย่างนั้น...ผมกลับดีใจที่เขา...ไม่ได้คบใคร
จะว่าผมอยากกั๊กเอาไว้...ก็ได้ล่ะมั้ง
รอคุณเฟรนกินก๋วยเตี๋ยวจนเสร็จ ผมกับเขาก็แยกย้ายกันกลับห้องใครห้องมัน เพราะไม่มีเรียนกันแล้วสำหรับวันนี้ คุณเฟรนมีธุระต้องพาย่าไปหาหมอด้วย เลยกลับกันเร็ว
ตื้ดดดดดดดด ตื้ดดดดดดดดดดดดดดด
“ครับปลื้ม” ไม่ต้องรอสายนานหรอก แค่ไม่กี่วิที่ต่อสายถึงเขาเขาจะรีบรับทันที
“ว่างมั้ย” ก็ถามไปงั้น รู้อยู่หรอกว่าไม่ว่าง
“อ่า...พี่กำลังจะเข้าเรียน”
“มาหาหน่อย” ผมไม่ได้อยากให้มาหาจริงๆ หรอก แค่พูดไปอย่างนั้น อยากรู้ว่าเขาจะว่ายังไง
“เลิกเรียนแล้วจะรีบไป รอได้มั้ย หรือมีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า”
อย่างน้อยเขาก็ไม่หลับหูหลับตาทำตามความต้องการของผมไปซะหมดล่ะนะ ^^
“ไม่มี งั้นตอนเย็นมารับผมนะ ผมขี้เกียจขับรถ”
“อือ ที่คอนโดใช่มั้ย”
“ไม่ใช่ ผมนัดกับเกลไปกินไอศกรีม พี่ไปรับผมที่ห้างก็แล้วกัน”
เกลเพิ่งส่งข้อความมาบอกเมื่อตอนเที่ยงว่าอยากเจอ ผมไม่ได้กุเรื่องขึ้นมาเอง
“ไม่ไปไม่ได้เหรอ” ผมคงหูฝาดไป
“พี่พูดอะไร?”
“เปล่า พี่เข้าเรียนก่อนนะ ตอนเย็นจะไปรับ”
“ครับ รีบๆ มาละกัน ผมไม่อยากรอ”
“อืม”
หลังจากวางสายจากเขา ผมก็ไปตามนัด ไม่ได้ขับรถไป เพราะตอนเย็นยังไงเขาก็มารับ อีกอย่างห้างที่จะไปมันใกล้รถไฟฟ้าด้วย อยู่ในย่านที่รถติดอีกต่างหาก ไม่เอารถไปคงสะดวกกว่า
ผมมาถึงก่อนเวลานัดนิดหน่อย แต่ก็เห็นว่าเกลรออยู่แล้ว เธอยังอยู่ในชุดนิสิต กระโปรงพลีทสีน้ำเงินกรมท่ายาวคลุมเข่า แต่งตัวเรียบร้อยน่ารักสมกับที่เป็นนิสิต นั่นทำให้ผมไม่อายที่จะเดินกับเธอนัก
“เป็นไงบ้างคะ สบายดีมั้ย ปลื้มไม่ค่อยโทรหาเกลเลย” เกลทำหน้างอนนิดๆ แต่ก็ดูไม่จริงจัง
“สบายดีครับ ผมไม่ค่อยมีเวลา เลยไม่ได้โทรหา”
“ไม่มีเวลาหรือคุยกับคนอื่นคะเนี่ย”
ผมหัวเราะเบาๆ ก่อนจะตอบไปตามจริงว่า
“คุยกับคนอื่นครับ”
“โหววว ปลื้มอ่ะ ตอบไม่เกรงใจกันเลย”
“อ้าว จะให้ผมโกหกเพราะเกรงใจเหรอครับ?”
“ปลื้มมมมมม ทำไมเป็นคนแบบนี้นะ”
“ฮ่าๆ เอาน่า อย่างอนนะครับ ไปกินไอศกรีมกันดีกว่านะ จะได้อารมณ์ดี”
เกลแม้จะยังไม่หายงอน แต่ก็ยอมเดินตามผมเข้าร้าน
ผมไม่ได้ไม่เกรงใจ แต่ผมก็ไม่รู้จะโกหกทำไม ผมคุยกับคนอื่นจริงๆ ไม่โทรไปหา...เขา...ก็โทรมาเอง ก็เลยไม่ว่างโทรหาคนอื่น มันไม่ใช่เรื่องผิดนะ เพราะผมมีสิทธิ์ที่จะเลือกคุยกับใครก็ได้ ตราบใดที่ผมยังไม่ได้คบกับใครเป็นตัวเป็นตน
“ปลื้ม...เคยมีแฟนมาก่อนรึเปล่า” คำถามเบสิคของผู้หญิงเลยนะ เรื่องที่อยากรู้อดีตของคนที่สนใจนี่ สัจธรรมจริงๆ
“เคยครับ”
“แล้วยัง...ติดต่อกันอยู่มั้ยอ่ะ...กับแฟนเก่า”
ผมยังไม่มีแฟนเก่า...เพราะยังไม่เคยเริ่มคบกับใครใหม่ ดังนั้นเวลาได้ยินคำนี้แล้วผมถึงรู้สึกแปลกๆ และค่อนข้างไม่ชอบใจ
“ไอศกรีมละลายหมดแล้วนะครับเกล รีบๆ กินเถอะ”
“จะ..จริงด้วยค่ะ”
“ครับ”
เกลก้มหน้าก้มตากินโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองผมอีก แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เธอคงโกรธที่ผมเลี่ยงไม่ตอบคำถาม แต่ผมไม่ง้อหรอกนะ ไม่ใช่เรื่อง -_-
“ปลื้มคะ”
“ครับ”
“เพื่อนเกลบอกว่าปลื้มเคยคบกับผู้ชาย จริงรึเปล่าคะ”
คำถามนี้ไม่ได้ทำให้ผมตกใจ ผมมองหน้าเกลนิ่ง ก่อนจะตอบไปด้วยเสียงเรียบๆ ว่า
“จริงครับ”
“อ่า...แล้ว...”
“รังเกียจเหรอครับ”
“ไม่ใช่นะคะ ไม่ใช่เลย เกลแค่อยากถามว่า ปลื้มลืมเขาได้รึยัง ยังติดต่อกันอยู่มั้ย เกลชอบปลื้มจริงๆ นะ แล้วก็ไม่สบายใจเลย”
“ถ้าผมบอกว่ายังไม่ลืม เกลจะเลิกชอบผมรึเปล่าครับ”
“....”
“ถ้าผมบอกว่ายังติดต่อกับเขาอยู่ เกลจะสบายใจขึ้นมั้ยครับ”
“....”
“อย่าคิดมากเลยครับ กินไอศกรีมต่อเถอะ”
ผมใจร้ายมากไปไหม...ที่ยังบอกให้เธอกินไอศกรีมต่อทั้งๆ ที่มีน้ำตาเม็ดโตไหลลงมาตามแก้ม
“เกลชอบปลื้มจริงๆ นะ เราคบกันได้มั้ยคะปลื้ม”
“....”
“ปลื้ม...”
“ผมยังไม่พร้อมครับ และก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะพร้อม เกลไม่ต้องรอผมหรอก”
“เกลจะรอ ถ้ายังพอมีหวัง เกลก็จะรอ”
ผมไม่ได้พูดอะไรอีก ผมไม่ได้เป็นคนดีอะไรมากมาย ถ้าใครเต็มใจจะรอผมก็ไม่ห้าม ถึงแม้ว่าสุดท้ายจะทำให้ต้องรอเก้อก็ตาม เพราะในใจของผม...ก็ยังคงรอ...ใครอีกคนเหมือนกัน
หลังจากที่กินไอศกรีมกันเสร็จผมก็เดินไปส่งเกลที่คณะของเธอ ไม่ได้ไกลมาก เพราะห้างที่เรามาอยู่ใกล้คณะของเธออยู่แล้ว ก่อนผมจะกลับมาเดินเล่นดูเสื้อผ้าที่ห้างอีกครั้ง จนกระทั่งเขาโทรมาว่ามาถึงแล้ว ให้ผมเดินไปหา เขารออยู่ที่สกายวอล์คใกล้ประตูทางเข้า
“เพื่อนไปไหนแล้ว” เขาถาม ไม่ได้มองผม แต่สายตากำลังมองไปยังท้องถนนเบื้องล่างที่ตอนนี้รถติดกันเป็นแถวยาว
“พาไปส่งแล้ว พี่มาช้า”
“รถติด”
“ข้ออ้าง”
“รถติดจริงๆ ปลื้มไม่เห็นเหรอ”
“ตาไม่ได้บอด”
“รวนตลอด แล้วอาหารญี่ปุ่นเราน่ะ จะกินไหน”
“แถวทองหล่อ”
“ไปถึงคงสองทุ่มพอดี”
“ก็จะไป”
“ดื้อจริงเด็กคนนี้”
“ไม่ต้องตามใจก็ได้นี่”
“ไปเถอะ รถพี่จอดอยู่ชั้นสาม”
ผมต่อยแขนเขาไปแรงๆ อย่างหมั่นไส้ แต่เขาก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร แค่ยิ้มกลับมาให้เหมือนทุกที
ไม่รู้นะ...แต่ผมว่าเขาใจเย็นกว่าแต่ก่อน แถมยังถนัดยิ้มโปรยเสน่ห์มากด้วย มีหมออย่างนี้คนป่วยหายวันหายคืนแน่ เขาเล่าให้ฟังบ่อยๆ ว่าเขาโชคดีที่อาจารย์หมอเอ็นดูเขา ก็จะไม่ให้เอ็นดูได้ไง อาจารย์หมอที่ว่าเป็นพี่ชายของพ่อเขานี่ -*- คะแนนเป็นไปตามเกณฑ์ก็จริง แต่เหมือนเขาจะโดนเคี่ยวเข็ญเยอะกว่าคนอื่น เรียกได้ว่ามีอะไรก็อัดให้เต็มที่ คงไม่อยากให้หลานรักต้องดร็อปเรียนอีกรอบล่ะมั้ง ถึงผมจะไม่รู้สาเหตุของการดร็อปเรียนจริงๆ ของเขาก็เถอะ แต่ก็คิดว่าคงเรียนไม่ไหวนั่นแหละ -O-
แต่คะแนนเขาก็สูงมาตลอด เกรดก็อยู่ในระดับที่หวังเกียรตินิยมนี่นา โอ้ย ช่างเถอะ ไม่คิดแล้ว -*-
“ขมวดคิ้วเชียว คิดอะไรอยู่”
“ไม่เกี่ยวกับพี่”
“อ้าว เป็นงั้นไป”
ยิ้ม ยิ้ม ยิ้มอีกแล้ว ผมจะบ้าตามเขาแล้วนะ ยิ้มทำไมนักหนาเนี่ย
“คนบ้า”
“หึหึ คาดเข็มขัดด้วยครับ”
ผมแทบกลั้นหายใจเมื่อเขาโน้มตัวมาคาดเข็มขัดนิรภัยให้ สบตากันในระยะโคตรใกล้แบบนี้ไม่ดีเลย...เพราะมัน...ส่งผลต่อหัวใจโดยตรง
“พี่โปรด...ใกล้เกินไปแล้ว”
ใกล้กว่านี้...เขาคงได้ยินเสียงหัวใจของผม
“ยิ้มทำไม”
“ก็ตั้งแต่กลับมา...ปลื้ม...เพิ่งเรียกชื่อพี่เป็นครั้งแรก”
“อะไรเนี่ย บ้า ไปห่างๆ เลย”
“อือ ^^”
เขารู้ด้วยเหรอ...ว่าผมเลี่ยงที่จะเรียกมาตลอด แต่เมื่อกี้มันเผลอนี่นา ก็คนมันตกใจ ทำอะไรไม่ถูก แต่พอเรียกออกไปแล้วยิ่งทำให้หัวใจเต้นแรงเข้าไปใหญ่
มันอะไรกันนะ...ก็แค่ชื่อ ทำไมต้องยิ้มดีใจขนาดนั้นด้วย ผมไม่ได้บอกรักซะหน่อย ก็แค่เรียก...พี่โปรด
“เรา...เข้าใกล้กันอีกนิดรึยังครับปลื้ม” เสียงทุ้มน่าฟัง กับหน้าหล่อดูดีของเขาที่ซบอยู่กับพวงมาลัยแล้วหันมาทางผม
“ไม่รู้” ผมสบเข้ากับตาสวยๆ ของเขา จะให้ตอบว่าใกล้ก็ยังไม่ใกล้ จะให้ตอบว่าไกลก็ไม่ไกลซะทีเดียว “แค่ 0.01 เซนมั้ง”
“น้อยมาก”
“อย่าโลภ”
“ก็ได้...ไม่ห่างขึ้นก็ดีใจแล้ว”
“พูดดีตลอด”
“อยากทำดีให้ตลอดด้วย”
“ก็ทำสิ รอดูอยู่”
โอยยย ผมพูดอะไรออกไป นั่นไง อย่างที่คิด ยิ้มหล่อเลย -*-
“ครับ”
“ออกรถได้แล้ว หิวนะ” อย่ามาทำตาเยิ้มใส่ได้มั้ย คนอะไรอันตรายต่อความรู้สึกจริงๆ
“ปลื้ม”
“อะไรอีกล่ะ เรียกผมบ่อยเกินไปแล้วนะ”
“แค่อยากบอกว่าขอบใจที่ยังไม่ปิดโอกาสพี่ก็เท่านั้นเอง”
“ก็ไม่ได้ให้แค่พี่ซะหน่อย”
“พี่รู้...แต่ก็ดีใจไง”
“คนบ้า”
ผมเบือนหน้าไปอีกทาง เพราะไม่รู้ต้องทำหน้ายังไงกับรอยยิ้มของเขา
พี่โปรด...เหมือนค่อยๆ เปลี่ยนไปทีละน้อย ทั้งๆ ที่เขาก็ยังเป็นมาโปรดที่มีแต่คนรักคนชอบเหมือนเดิม แฟนคลับเขาก็ยังไม่ลดลง ความสมบูรณ์แบบทั้งรูปทรัพย์และรูปกายของเขาก็ยังคงอยู่ แต่ไม่รู้ทำไม ผมถึงรู้สึกว่าเขาน่าเข้าหามากกว่าแต่ก่อน อะไรที่ทำให้เขาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น และพึ่งพาได้ ผมยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่ก็ดีใจที่เขามีความมุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ทั้งๆ ที่ก็พยายามเรื่องของผมควบคู่กันไปด้วย คนอื่นอาจจะมองไม่เห็นว่าเขาทำอะไรไปบ้าง แต่สำหรับผม...ผมเห็นมาตลอดเกือบสี่เดือนที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงไม่ใช่เวลาที่จะยืนยันอะไรได้
ผมยังต้องการ...ความชัดเจนมากกว่านี้ ไม่ใช่แค่จากเขา แต่จากตัวผมเองด้วย
..............................To be continue...............................
ตัวละครมากันครบแล้ว ไม่มีโผล่มาให้ตกใจเล่นกันอีกแล้วจ่ะ ถ้าคุณเชื่อใจปลื้มคุณจะสบายใจ และถ้าคุณเชื่อในความรักที่พี่โปรดมีให้ว่าเป็นของจริง คุณจะยิ้มได้แน่นอน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อย่าลืมเชื่อใจคนเขียน ที่ทุกลมหายใจรักน้องปลื้มมากเหลือเกิน ถ้าปลื้มว่าไงก็ต้องว่างั้นแหละ น้องไม่ท่าเยอะหรอก
ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ ทุกๆ คอมเม้นเลย
เฮ้ยยยย ติ่งเสี่ยมาจากไหน 
คุณ narunarutoboyz เราอ่านความคิดเห็นของคุณแล้วค่ะ
ขอบคุณที่อินไปกับเรา
คนเขียนอ่านทุกความคิดเห็นค่ะ ไม่ต่ำกว่าสองรอบ เพราะอยากรู้ว่าคนอ่านคิดยังไง เม้นก็ดีใจ ไม่เม้นแค่เข้ามาอ่านก็ยังดีใจ ขอบคุณที่รักนิยายเรื่องนี้ ขอบคุณค่ะ