http://www.youtube.com/v/9i4f-PnMAWQตอนที่ 42“น้องช็อคหมดสติไปครับ แต่ไม่เป็นอะไรมากแล้ว เดี๋ยวผมเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังเอง ไปคุยกันข้างนอกดีกว่าครับคุณน้า”
พี่เมลคงพาแม่ออกไปแล้ว...
ผมรู้ว่าตัวผมอยู่ที่ไหน ผมรู้ว่าใครเข้ามาในห้องนี้บ้าง แต่ที่ยังคงนอนหลับตาอยู่แบบนี้...ผมก็แค่ไม่อยากลืมตาขึ้นมาแล้วพบว่า...ท่ามกลางคนที่เป็นห่วงผม...ไม่มีพี่โปรดยืนอยู่ด้วย
ก็แค่อยากตื่นขึ้นมาแล้วเห็นพี่โปรดส่งยิ้มมาให้ เท่านั้นเองที่ต้องการ...
แต่ผมก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้...ความจริงเจ็บปวดใจจนรับแทบไม่ไหว ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่หมดสติไป ภาพสุดท้ายที่เห็นคือพี่เท็นกำลังทำ CPR ยื้อชีวิตพี่โปรดไว้ เพราะระหว่างที่รอความช่วยเหลือจู่ๆ เขาก็หยุดหายใจไปซะอย่างนั้นทั้งๆ ที่กำลังยิ้มกับเรื่องที่ผมเล่า ทั้งๆ ที่สัญญากันแล้วว่าจะกลับด้วยกัน...แต่สุดท้ายก็ทิ้งผม
พี่โปรดโกหก...โกหกว่าไม่เป็นอะไร โกหกว่าจะไม่ทิ้งผมไปไหน
ผมโทษใครได้บ้าง โทษรถพยาบาลที่มาไม่ทันเวลา โทษตำรวจที่มักมาในตอนที่เรื่องเคลียร์แล้วเสมอ หรือโทษ...เดย์ที่ตอนนี้สภาพไม่ต่างอะไรจากคนที่ตายไปแล้วทั้งเป็น ไม่สามารถให้การได้ทั้งเจ้าทุกข์และผู้ต้องหา มีแต่เพียงพี่เท็นกับพี่เมลคนที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยเท่านั้นเป้นคนให้ปากคำ ผมรู้เพราะตำรวจเข้ามาในห้องนี้ อยากจะสอบปากคำผม แต่พี่ทั้งสองคนก็กันไว้ให้
ผมยังไม่อยากพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น...ไม่อยากนึกถึงมัน ถ้ารู้ว่าวันนี้ต้องเสียอะไรไป... ผมจะจับมือเขาไว้ให้มั่นคงกว่าที่เคยทำ
“ปลื้ม... ตื่นได้แล้ว มึงจะนอนไปถึงเมื่อไหร่” เสียงของพี่เท็นดังขึ้นใกล้ๆ
“ตอนนี้ทุกคนอยู่หน้าห้องผ่าตัด พี่โปรดยังไม่ไปไหน... เขาไม่อยากผิดสัญญากับมึงหรอก ถ้าไหวก็มาด้วยกัน จนถึงนาทีสุดท้าย เขาก็คงไม่อยากห่างจากมึง”
ยังไม่ไปไหน...เขายังไม่ไปไหน... แค่เท่านี้เองที่ผมอยากได้ยิน
ผมรีบลุกขึ้นนั่ง กระโดดลงจากเตียงคนไข้อย่างไม่ลังเลจนทำเอาเซเกือบล้ม เพราะรู้สึกหน้ามืดขึ้นมา แต่พี่เท็นก็คว้าแขนไว้ได้ทัน
เวลาแบบนี้พี่เท็นเงียบกว่าปกติ ปกติเขาจะเป็นคนชิวๆ อะไรก็ได้ที่ไม่ทำให้ชีวิตวุ่นวาย แต่วันนี้ถ้าไม่มีเขา...ไม่รู้พี่โปรดจะเป็นยังไง เพราะผมพึ่งพาอะไรไม่ได้เลย ...เขาพาผมมาที่หน้าห้องผ่าตัด เพื่อนๆ ของพี่โปรดมากันครบ พี่โจกอดพี่กิ๊งอยู่มุมหนึ่ง ทั้งสองคนกำลังร้องไห้ออกมาเงียบๆ ผมเห็นน้องส้ม ยืนอยู่ห่างจากทุกคน ก้มหน้าร้องไห้ออกมาเช่นกัน แต่คงไม่มีใครจะทรมานและเจ็บปวดใจได้มากเท่ากับ...คุณแม่ของพี่โปรดอีกแล้ว
ท่านนั่งอยู่กับแม่ของผม ตาคู่สวยที่เหมือนกับตาของพี่โปรดบวมแดงอย่างคนที่ร้องไห้มานานหลายชั่วโมง ส่วนคุณพ่อของพี่โปรดยืนอยู่ติดประตูห้องผ่าตัด จ้องมองไปที่ประตูบานนั้นอย่างรอคอย
ผมไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงกับพวกท่าน ...มันควรจะเป็นผมที่ต้องอยู่ในห้องนั้น ควรจะเป็นผม...ไม่ใช่พี่...
“ปลื้ม...ปลื้มเป็นไงบ้างลูก” แม่ถามขึ้นทันทีที่เห็นผม “ทำไมเลือดออกเยอะขนาดนี้ ปลื้มเจ็บตรงไหนคะ บอกแม่...เจ็บตรงไหนรึเปล่า”
“...ไม่ใช่เลือดผมครับแม่ ผมไม่เป็นไร ไม่เป็นอะไรเลย...ไม่เจ็บตรงไหน พี่โปรดต่างหาก...พี่โปรดต่างหากที่เจ็บ”
แม่เข้ามากอดผมไว้ ผมได้แต่ซบหน้าร้องไห้กับไหล่ของแม่เงียบๆ ร้องจนพอใจ ก่อนจะผละออกจากอ้อมกอดของแม่ เดินเข้าไปคุกเข่าตรงหน้าแม่ของพี่โปรด
“ผมขอโทษครับ”
ถึงคุณแม่ของพี่โปรดจะยังร้องไห้ แต่ท่านก็พยายามส่งยิ้มมาให้ผม รอยยิ้มที่เหมือนกับรอยยิ้มของพี่โปรดทำให้ผมต้องเข้าไปกอดท่านไว้...
“น้องปลื้มไม่ผิดหรอกลูก ห้ามโทษตัวเองนะคะ”
คุณแม่ของพี่โปรดยังใจดีกับผมเหมือนเคย ท่านลูบหัวผมเบาๆ ก่อนจะจับมือผมไว้
“ใช้ชีวิตให้สนุกนะคะน้องปลื้ม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...พี่โปรดก็คงอยากเห็นหนูมีความสุข”
ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ชีวิตที่สนุกเป็นแบบไหน ความสุขเป็นยังไง แค่ตอนนี้ผมก็คิดถึงภาพเหล่านั้นไม่ออก
สำหรับผมตอนนี้การรอคอยมันทรมานเป็นพันๆ เท่า แต่ถ้าสุดท้ายแล้วความจริงมันทรมานกว่า...ผมก็ขอเลือกที่จะรอต่อไป
ผมเดินหลบมุมมายืนอยู่เงียบๆ คนเดียว เพราะไม่อยากได้ยินใครพูดอะไรเกี่ยวกับคดีความที่คนผิดตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับคนวิกลจริต สุดท้ายแล้วก็เอาผิดใครไม่ได้
“ปลื้ม...กินอะไรหน่อยมั้ย” คุณเฟรนที่เพิ่งมาถึงพร้อมกับคุณติ๊กและคุณกิมเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม
“พวกกูออกไปซื้อของกินแล้วก็แวะไปเอาเสื้อผ้าที่คอนโดมึงมาให้ด้วย เผื่อได้นอนเฝ้าพี่โปรด กูใช้คีย์การ์ดในย่ามมึงเปิดเข้าไปน่ะ ขอโทษด้วยนะ”
“ขอบคุณครับ แต่ผมไม่หิว”
“งั้นถ้าหิวเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน”
“ครับ”
เวลายังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ ชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่ากับการชะเง้อคอมองไปทางประตูบานนั้น จะเกิดอะไรขึ้นข้างในบ้างผมไม่อาจรู้ ได้แต่ขอให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี
แล้วการรอคอยของผมก็สิ้นสุดเมื่อประตูห้องผ่าตัดถูกผลักออกมา พ่อของผมในชุดเสื้อกาวน์สีเขียวถอดมาร์คออกจากใบหน้า ขยับแว่นเล็กน้อย มองมาทางผมแล้วหันไปหาคุณแม่ของพี่โปรด
“ผมยังตอบอะไรตอนนี้ไม่ได้ คงต้องขอให้พวกคุณทำใจไว้ก่อน อีกยี่สิบสี่ชั่วโมงนับจากนี้...ก็ต้องขึ้นอยู่กับเขา ผมช่วยอย่างเต็มที่แล้วครับ”
“ขอบคุณครับ คุณช่วยลูกชายของเรามาสามครั้งแล้ว...บุญคุณครั้งนี้คงตอบแทนไม่หมด” พ่อของพี่โปรดจับมือพ่อของผมเขย่าเบาๆ
“ในฐานะหมอผมทำเต็มที่เพื่อช่วยเหลือคนไข้ และในฐานะพ่อที่เขาช่วยลูกชายของผมไว้ ต้องขอบคุณเช่นกัน ผมสั่งย้ายเขาไปอยู่ที่ห้อง ICU แล้ว ยังไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม ตอนนี้พวกคุณกลับไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ ผมจะดูแลให้เอง ไม่ต้องห่วง”
ถึงพ่อจะบอกว่าไม่ต้องห่วง...แต่ใครล่ะที่จะคิดได้ตามนั้น ผมไม่ได้กลับไปพร้อมกับพวกพี่ซอลหรือพวกคุณเฟรนที่ต่างก็ทำหน้าโล่งใจเมื่อเห็นเตียงของพี่โปรดถูกเข็นออกมา แต่ผมยังคงอยู่ที่เดิม ในขณะที่พ่อกับแม่พี่โปรดเข้าไปคุยกับพ่อแม่ผมที่ห้องทำงานของพ่อ
“ปลื้ม พวกพี่กลับก่อนนะ ไว้พรุ่งนี้เช้าจะรีบมา ปลื้มก็พักผ่อนบ้าง เป็นอะไรไปอีกคนพี่โปรดคงเสียใจ” พี่เมลบอกพลางลูบหัวผมเบาๆ มีพี่เท็นยืนทำหน้าขรึมอยู่ไม่ไกล
“ครับ ผมขอบคุณครับพี่ ขอบคุณมากจริงๆ พี่ก็หายเร็วๆ นะครับ”
“โอ้ย แผลแค่นี้ แป๊บเดียวก็หาย”
“หึ ปากเก่ง ไอ้ปลื้ม มีไรก็โทรหากู” พี่เท็นพูดแค่นั้นก่อนจะเดินออกไป
“งั้นพี่ไปนะ เท็นเท็น รอด้วย”
ผมมองพี่เท็นกับพี่เมลจนลับสายตา ก่อนจะเดินไปนั่งที่หน้าห้องไอซียู มองจากตรงนี้เห็นเตียงของพี่โปรดอยู่เหมือนกัน ถึงจะโล่งใจที่เขายังคงมีลมหายใจ แต่ก็ไม่สบายใจเลยที่ยังเห็นเขาในสภาพแบบนี้
ตลอดเวลาที่นั่งอยู่ที่นี่ มีพี่พยาบาลหลายคนแวะมาถามด้วยความเป็นห่วง แต่ผมก็ได้แต่บอกว่าไม่เป็นไร เพราะไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นตอนไหนถึงอยากนั่งมองเขาอยู่อย่างนี้ มีแพทย์เดินเข้ามาดูอาการของพี่โปรดทุกๆ ชั่วโมง พี่พยาบาลก็คอยผลัดเปลี่ยนกันเพื่อเฝ้าระวังตลอด เผื่อว่าชีพจรตกหรือมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาจะได้ช่วยได้ทัน
ทุกคนเขาพยายามเพื่อพี่กันอย่างเต็มที่แล้ว...พี่ก็ต้องพยายามนะครับ
“ปลื้ม กลับไปนอนได้แล้ว” ไม่รู้ว่าพ่อมาตั้งแต่ตอนไหน เพราะหันไปมองก็เห็นยืนขมวดคิ้วมองผมอยู่ก่อนแล้ว
“ผมไม่ไป ต้องเห็นว่าเขาปลอดภัยก่อน”
“อยู่ตรงนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ กลับไปพักผ่อนซะ”
“ไม่เอา กลับไปก็นอนไม่หลับ”
“ทำไมดื้ออย่างนี้ โตแล้วนะ ไม่ใช่เด็กๆ”
“ผมไม่ไป”
“ไปนอนห้องทำงานพ่อ แล้วเดี๋ยวตอนเช้าค่อยมา”
“ไม่”
“อย่าดื้อกับพ่อนะปลื้ม ไปเดี๋ยวนี้”
“ผมไม่ไป ผมไม่อยากทิ้งเขาไว้คนเดียว ...ผมไหวครับ ไม่ต้องห่วงผมหรอก”
การกระทำของผมมันอาจจะดูงี่เง่า เพราะผมเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าต่อให้อยู่ตรงนี้ผมก็ช่วยอะไรไม่ได้...แต่ถ้าเขารับรู้ว่าผมอยู่ตรงนี้ อยู่ใกล้ๆ คอยมองดูเขา ภาวนาให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี เขาคงอุ่นใจ
ผมเชื่อ ว่าคนที่กลับไป พวกเขาก็คงนอนไม่หลับเหมือนกัน แต่การที่จะมาอยู่ที่นี่กันทุกคนก็ดูจะเป็นการรบกวนทางโรงพยาบาลและคนไข้คนอื่นๆ ...ไม่มีใครหรอกที่อยากสูญเสีย ไม่มีใครหรอกที่อยากเห็นคนที่ตัวเองรักต้องจากไป ยื้อไว้ได้แค่ไหนก็ต้องทำ แค่เพียงน้อยนิดหากว่าพอจะทำได้ก็ต้องลอง จนสุดแรงที่จะทำแล้ว...ความจริงเป็นยังไงก็คงต้องยอมรับมัน
.
.
.
พ้นขีดอันตรายคงยังใช้คำนี้ไม่ได้สำหรับผมหากว่าคนที่ผมกำลังยืนมองเขายังไม่ตื่นขึ้นมา ยังคงซีดเซียวไม่ต่างจากเมื่อวาน เข้าวัันที่สามแล้วแต่อาการของเขายังคงทรงตัวอยู่ เขาเสียเลือดไปมาก แถมยังหยุดหายใจไปหลายนาที แต่เพราะพี่เท็นช่วยไว้ได้ทัน สมองของพี่โปรดจึงไม่ได้รับความเสียหายอะไร มันมากกว่าคำว่าขอบคุณ ผมไม่รู้จะตอบแทนพี่เท็นยังไง ครั้งก่อนเขาช่วยชีวิตผมไว้...ส่วนครั้งนี้ เขาช่วยหัวใจของผมเอาไว้ แค่ยกมือไหว้ พูดขอบคุณเขาซ้ำๆ ก็คงไม่พอ แต่พี่เท็นทำเพียงแค่ลูบหัวผมเบาๆ เท่านั้น
พี่เท็นมาเยี่ยมพี่โปรดวันละหลายชั่วโมง เขามาแล้วก็นั่งเงียบๆ เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ซึ่งผมไม่กล้าถาม เพราะพี่เท็นเขาไม่ชอบคนเซ้าซี้ แต่เขาแปลกไปจริงๆ
“ถ้าเป็นมึง มึงจะกล้าทำพระเอกเอาตัวไปรับมีดแทนป่ะวะ เอาจริงๆ ตามตรรกะมนุษย์โลกที่กลัวความตาย” จู่ๆ พี่เท็นก็ถามขึ้นมา ใบหน้าที่ค่อนไปทางสวยของเขาดูครุ่นคิด
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงให้คำตอบพี่ไม่ได้ แต่ตอนนี้...เห็นเขาแบบนี้แล้้ว ผมอยากจะเจ็บแทน หรือไม่...ก็แบ่งความเจ็บมาสักนิดก็ยังดี เขาจะได้หายเร็วๆ”
“บูชาความรักพอกันเลยนะพวกมึง ตอนที่กูเห็นมันขยับตัวไปบังมึงไว้อย่างไม่ลังเลเลยน่ะ เอาจริงๆ กูอึ้ง ...มันมีแบบนี้ด้วยเหรอวะ ตายแทนกันได้มีจริงน่ะเหรอ หรือมีแค่ในละคร หรือไม่ก็พระเอกแสนดีในนิยาย”
“ผมไม่คิดว่ามันจะเว่ออย่างนั้นนะพี่ ผมว่าพี่โปรดไม่ใช่ไม่กลัวตายนะ แต่เขากลัวผมเจ็บมากกว่า เขาถึงได้เลือกที่จะเจ็บเอง เราไม่ได้เสียสละเพื่อความรักหรือบูชาความรักนะพี่ แต่เรายอมเจ็บเพื่อคนที่เรารักต่างหาก”
“อืม...เอาเถอะ จากนี้...ก็ดูแลให้ดีละกัน ทั้งความรักของมึงและคนที่มึงรัก”
“พี่ก็ด้วยนะ”
“อืม”
“พี่เท็น”
“ว่า?”
“ผมขอบคุณจริงๆ นะพี่ ทุกๆ อย่างเลย ขอบคุณครับ”
“เออ รับไว้ละกัน =_=; มีไรก็โทรหากูได้ แต่อย่าโทรบ่อย เอาเท่าที่สำคัญและจำเป็น เพราะเดี๋ยวกูจะไม่อยู่สักพัก”
“ครับ”
“ไว้ไอ้พี่โปรดมันตื่นแล้วให้มันสมนาคุณให้กูด้วย ของที่มันรับปากจะหามาให้น่ะ อย่าลืมเตือนมัน”
“ของอะไรเหรอพี่”
“เสือก -_-”
“T_T”
“ไปละ”
พี่เท็นบางทีก็ไม่ซับซ้อน แต่บางทีก็ซับซ้อนจนไม่เข้าใจ =_=;
พอพี่เท็นออกไปแล้ว ผมก็กลับมานั่งเฝ้าข้างเตียงอย่างเดิม เข้าเยี่ยมได้แค่สองชั่วโมง ผมก็อยากจะใช้เวลาให้คุ้ม พี่โปรดยังคงต้องอยู่ในห้อง ICU ที่ปลอดเชื้อ ที่จมูกโด่งยังคงถูกครอบด้วยเครื่องช่วยหายใจ แขนแข็งแรงของเขาก็มีสายน้ำเกลือและสายที่ให้เลือดเจาะอยู่
“ขอบคุณนะครับ...ที่ยังไม่ทิ้งผมไปไหน”
“....”
“พี่โปรด...”
“....”
“ขอบคุณที่รักผม ขอบคุณที่พี่เลือกผม...”
“....”
“จากนี้ไปเราจะมีความสุขด้วยกันนะครับ ผมรออยู่นะ...”
“....”
“รีบๆ กลับมานะครับพี่โปรด”
...อย่าผิดสัญญานะพี่...
...กลับมาแล้ว...ช่วยจับมือผม...เราจะเดินไปด้วยกันอีกครั้งนะครับ
............................................To be continue..........................................
ตอนหน้าจบแล้วค่ะ 
ขอบคุณคนรอและความคิดเห็น
บทส่งท้าย ขอเวลานะคะ อาจจะไม่ได้อ่านในเร็ววัน แต่ไม่เกินอาทิตย์นี้แน่นอน ฟันธง!!! ไม่ใช่อะไรหรอก คือ ยังทำใจไม่ได้เหมือนกัน ฮ่าๆๆๆ รู้สึกผูกพันธ์แต่มันก็จะจบแล้วจริงๆ ค่ะ เราผูกพันธ์กับทุกคนที่รอ ทุกคนที่อ่าน ทุกคนที่ตามและเดินมาพร้อมกับเราจนใกล้จะถึงบทสรุป ซาบซึ้งที่ไม่ทิ้งกันไปไหน
รัััััััััััััักค่ะ

ลืมตอบค่ะ ที่ถามถึงวันเกิดของน้องกับพี่โปรด
น้องปลื้มเกิดเดือนกุมภาพันธ์วันที่ 5 ค่ะ แล้วเสี่ยก็เกิด 25 ธันวาคม ทั้งสองไม่เคยได้จัดงานวันเกิดให้กัน เพราะ ช่วงแรกเสี่ยไม่รู้วันเกิดน้อง ข้อที่สอง เวลามันคาบเกี่ยวกันนะคะ เรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นเลยวันเกิดเสี่ยมาแล้ว และพอจะวนมาอีกทีก็ทะเลาะกันจนเลิกรากันไป มันเลยชวดไปชวดมา