Stand (& Love) with me... รักนี้ เพราะคณะเราใกล้กัน (Sp.รักนี้ที่รอคอย 28/1 จบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Stand (& Love) with me... รักนี้ เพราะคณะเราใกล้กัน (Sp.รักนี้ที่รอคอย 28/1 จบ)  (อ่าน 38182 ครั้ง)

lew_valen_tom

  • บุคคลทั่วไป
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


*****************************************************************************************
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-01-2014 21:17:19 โดย lew_valen_tom »

lew_valen_tom

  • บุคคลทั่วไป
   เรื่องราวความรักของเด็กหนุ่มที่กำลังเข้าสู่การเป็นผู้ใหญ่ พร้อมกับความรักในรูปแบบที่เขาไม่คุ้นเคย

   โอม...
   นักศึกษาปีสอง กำลังศึกษาอยู่ในคณะทางสายการแพทย์ ทั้งๆที่เขาเองก็เป็นคนเย้วๆ เฮไหนเฮนั่น เหตุบังเอิญที่เขาต้องมาช่วยเหลือคนๆนึงโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วยังต้องมาตกม้าตายเพราะเด็กน้อยที่เขาพลั้งมือแกล้งแรงไปหน่อย เด็กน้อยคนนั้นกลับกลายเป็นคนที่กุมหัวใจเขาไว้ตั้งแต่วันที่เขาเห็นน้ำตาใสๆไหลคลอ

   ปั้น...
   เฟรชชี่ปีหนึ่ง ของคณะทางการช่าง เหตุสุดวิสัยของเขา ทำให้ได้รู้จักกับรุ่นพี่คณะใกล้กันโดยบังเอิญ แถมยังโดนอีกฝ่ายอำแบบไม่น่าให้อภัย จากความโกรธกลับกลายเป็นความผูกพันเมื่อไหร่ เขาเองก็ไม่รู้ตัวเช่นกัน

++++

สวัสดีเจ้า

เอาหัวเรื่องมาแปะก่อน และก็เอาทีเซอร์มาให้ยลเล็กน้อย

ถ้ายังไงก็ช่วยแนะนำกันด้วยนะคะ เพราะเพิ่งหัดแต่ง และก็เพิ่งเอาลงเป็นครั้งแรก

ยังงงๆกับการลง และการตอบคอมเม้นท์ทั้งหลาย ช่วยแนะนำด้วยนะคะ

มีแววว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องสั้นๆไม่กี่ตอนจบ

อันนี้ขึ้นอยู่กับความขยันของคนแต่งด้วย จะพยายามฟิตตัวเองอย่างหนักเลยค่ะ

ถ้าผิดพลาดประการใดขอภัยมาใน ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

ออฟไลน์ becrazie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
ต่อๆๆๆ

เค้าอยากอ่านนนนน :ling1:

lew_valen_tom

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 1

ยามบ่ายคล้อยที่ตะวันแผดแสงอย่างอ่อนล้า สภาพรอบข้างที่ชวนให้คิดถึงว่าวันๆหนึ่งกำลังจะหมดไปแล้ว นักศึกษากำลังเดินขวักไขว่ บ้างก็กำลังเตรียมกลับหอพักของตน บ้างก็เตรียมขึ้นรถเพื่อไปเรียนตามเวลาเรียนในช่วงเย็น ผมก็เป็นอีกหนึ่งคนในนั้นที่กำลังเดินไปขึ้นรถเมล์ของทางมหาวิทยาลัย แต่ไม่ใช่เหตุผลเดียวกับนักศึกษาหลายๆคน เพราะผมกำลังเตรียมจะไปเข้าห้องเชียร์ของคณะต่างหาก ด้วยฐานะและตำแหน่งของพี่วินัยหรือพี่ต้นแบบของคณะทำให้ผมต้องเข้าห้องเชียร์ทุกวันอย่างเลี่ยงไม่ได้ บางครั้งผมก็รู้สึกเบื่อหน่ายกับการกระทำที่รุ่นน้องเรียกว่า “ด่า” เพราะไม่ใช่รุ่นน้องคนเดียวที่เบื่อ ผมก็เบื่อเช่นกัน ไหนจะต้องแหกปากตะโกน ด่าในเรื่องเดิมๆซ้ำแล้วซ้ำเล่า แถมยังต้องแต่งกายชุดนิสิตให้ถูกระเบียบเพื่อเป็นตัวอย่างให้กับรุ่นน้อง ทั้งๆที่ตอนปีหนึ่งผมก็ไม่ทำขนาดนี้หรอกนะ

“เฮ้ย!! โอม”เสียงเรียกชื่อผมมาจากทางด้านหลัง จนผมต้องหันกลับไปหาต้นเสียง ยุ้ย สาวร่างเล็กกำลังหอบหิ้วถุงขนมพะรุงพะรัง

“ให้ช่วยไหม ยุ้ย”ถ้าผมไม่ถาม ผมก็คนเลวนะสิ เขาอุตส่าห์เรียกซะขนาดนี้แล้ว

“ได้จะดีมาก!!!”ยุ้ยที่ทำหน้าที่เป็นสวัสดิการของห้องเชียร์ส่งยิ้มแฉ่ง ดีใจจนออกนอกหน้า ผมเดินไปช่วยยุ้ยถือของ ถึงแม้จะดูน้อยแต่น้ำหนักกลับเป็นตัวการันตีว่ายุ้ยจำเป็นต้องเรียกผมจริงๆ

“ไปช็อปคณะเลยใช่มั้ย”ผมถามยุ้ยที่เดินตามหลังมา

“ไม่ต้องๆ แค่ศาลารอรถพอ เดี๋ยวแก้วขับรถมารับ โอมก็ขึ้นไปพร้อมกันเลยดิ”ยุ้ยพูดถึงแก้ว เพื่อนในสาขาอีกคนที่สนิทกับยุ้ยพอสมควร แก้วเป็นผู้หญิงที่ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงเต็มปาก แต่แก้วก็ไม่ใช่ทอมนะ แถมยังมีรถขับ ช่วยให้ผมประหยัดเวลา และแรงกายไปได้เยอะเลย

ผมเดินนำยุ้ยไปนั่งรอที่ศาลารอรถ ระหว่างนั่งรอก็คุยเล่นกับยุ้ยเป็นระยะ สลับกับมีรุ่นน้องมาคอยยกมือไหว้ขัดจังหวะบ้างในบางครั้งบางคราว

“แล้วรถโอมไปไหนซะล่ะ”ยุ้ยถามระหว่างนั้นก็หันไปรับไหว้รุ่นน้องเป็นระยะ

“เผอิญว่าพี่ชายมาหาน่ะ เลยยืมรถเข้าตัวเมือง โอมก็เลยใช้ให้ซื้อของให้ด้วยเลย อีกอย่างพอเป็นพี่วินัยแล้วมีรถขับ มันดูไม่ขลังยังไงไม่รู้”

“เออ จริง แล้ววันนี้พี่วินัยเข้ากี่รอบล่ะ”

“เข้ารอบเดียวเองวันนี้ แต่ก็ห้าสิบนาที สงสารน้องเหมือนกัน”ผมนึกถึงตารางห้องเชียร์แล้วอดสงสารรุ่นน้องไม่ได้ บางวันพี่วินัยเข้าสองรอบ พี่เชียร์เข้าอีกรอบ กว่าพี่สันทนาการจะเข้าทำเอารุ่นน้องใจฝ่อจนลีบไปเสียแล้ว

“อืม อ๊ะ!!! รถแก้วมาแล้ว ไปกันโอม”ยุ้ยว่าพลางยกของขึ้นเตรียมจะขึ้นรถแก้ว รถวีออสสีขาวชะลอรถมาจอดนิ่งตรงหน้าแก้วก่อนจะปลดเซ็นทรัลล็อค กระจกที่นั่งข้างคนขับเลื่อนออกมาให้เห็นหน้าของแก้ว

“ยุ้ย เอาของขึ้นท้ายรถเลย เราเปิดให้แล้ว”

“โอเค แก้ว เดี๋ยวโอมไปกับเราด้วยนะ”ยุ้ยว่า แก้วพยักหน้าอย่างรับรู้ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าแก้วพอใจหรือไม่พอใจกันแน่กับการที่มีผมติดรถไปด้วย ผมช่วยยุ้ยเอาขนมใส่ท้ายรถแล้วก็ปิดกระโปรงหลังรถให้

“ขึ้นรถเลยโอม”ยุ้ยว่าพลางเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับแล้วขึ้นนั่ง ทำให้ผมต้องนั่งด้านหลังอย่างช่วยไม่ได้

“เออ โอมแล้วรถไปไหนซะละ”แก้วถามผมด้วยคำถามเดียวกับยุ้ย

“พี่ชายยืมเข้าเมืองน่ะ เลยต้องใช้บริการรถแก้ววันหนึ่ง”

“เออ โอมแล้วที่ล้างรถที่ไหนดีบ้างอ่ะ เราเพิ่งเอารถมาขับเลยไม่รู้ว่าที่ไหนดี”

“โอมเอาเข้าไปล้างในเมือง ถ้าแก้วจะไปเดี๋ยวเราเอานามบัตรร้านนั้นให้”ผมว่าพลางสายตาก็สอดส่องดูภายในรถ จะว่าไปรถแก้วก็สวยใช้ได้ อาจจะเพราะเป็นรถใหม่ด้วย แถมเบาะหลังก็เต็มไปด้วยเจ้ากบเขียว หรือเคโรโระนั่งเต็มเบาะหลัง ราวกับจะประกาศว่าที่นั่งหลังรถนี้จะเป็นเพียงของมันคนเดียว

.

.

.

หลังจากที่เข้าไปด่ารุ่นน้องเสร็จ ผมก็เตรียมจะกลับหอโดยการโดยสารรถเมล์ของมหาวิทยาลัยตามที่หวังไว้ในตอนแรก และแน่นอนว่าผมไม่ลืมหยิบข้าวกล่องที่เป็นสิทธิ์ของผมด้วย

“ยุ้ย เราขอข้าวกล่องหน่อยดิ เราจะกลับแล้ว”ผมพูดกับยุ้ยที่ยืนกอดกล่องแก้วน้ำแน่น

“โอมรบกวนหยิบเองได้ไหมอ่ะ เราต้องรีบเตรียมแจกเบรกให้น้องอ่ะ โทษทีนะโอม ข้าวอยู่ตรงหน้าห้องสโมฯอ่ะ”ยุ้ยว่าพลางทำสีหน้าอย่างขอโทษจากใจ

“ไม่เป็นไร งั้นเราไปหยิบเอง”ผมส่งยิ้มให้อย่างไม่ถือ ก่อนจะเดินตรงไปหยิบข้าวแล้วเดินออกจากช็อปทันที

.

.

“เฮ้ยๆ เอาน้องเขาออกมา “เสียงดังโวยวายมาจากช็อปคณะข้างๆ ผมหยุดเท้ามองดูด้วยความสนใจ แก้วที่เพิ่งคุยโทรศัพท์เสร็จก็มองดูด้วยความสนใจเช่นกัน

“เฮ้ยใครมีรถพาน้องไปศูนย์แพทย์ที”มีเสียงหนึ่งดังออกมาจากวงล้อม

“ฉันมีรถๆ โอมขับรถพาน้องไปที”แก้วว่าพลางออกคำสั่งกับผม พวกพยาบาลคณะข้างๆมองดูพวกผมด้วยสายตางงงวย แต่ก็ไม่
ปฏิเสธน้ำใจที่แก้วมอบให้

“รถคันไหนค่ะ”คนที่ทำหน้าที่พยาบาลของคณะข้างๆวิ่งมาถามแก้ว

“คันนั้นเลย สีขาว”แก้วว่าพลางชี้ให้ดู รถของแก้วมาจอดทางด้านหลังช็อปเลยถือว่าใกล้มาก

“ใครก็ได้อุ้มน้องไปที่รถที”ผู้หญิงคนเดิมว่า แต่ว่าในคนกลุ่มนั้นกลับมีแต่ผู้หญิง

“มา ผมช่วยเอง”ผมว่าพลางส่งกล่องข้าวกับสัมภาระให้กับแก้ว ก่อนจะเดินไปยังกลางวงล้อมนั้น

“น้องเขาเป็นอะไร”ผมถามพลางมองหน้าน้องคนนั้นที่มีรุ่นพี่คนนึงประคองอยู่ข้างๆ

“น้องเขาอยู่ดีๆก็วูบไปเลย ตัวก็ร้อน เหงื่อก็ออกเยอะ”ผมช้อนร่างบางนั้นมาอุ้มอย่างรวดเร็ว แต่แน่นอนว่าน้องคนนี้ไม่ได้น้ำหนักเบาอย่างทีคิด แต่อาจจะเป็นเพราะอะดรีนาลีนในตัวผมมันหลั่งอย่างรวดเร็ว ผมเลยพาน้องไปที่รถได้อย่างสบาย

.

.

ผมขับรถพาน้องคนนั้นไปศูนย์แพทย์อย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยมีแก้วนั่งข้างคนขับ และมีพี่พยาบาลของคณะข้างๆ นั่งอยู่เบาะหลังกับน้องคนนั้น

“เดี๋ยวเราจะกลับรถรอนะ รีบพาน้องเขาเข้าไปเถอะ”ผมบอกขณะจอดรถเทียบปากทางเข้าศูนย์แพทย์ แก้วพยักหน้าแบบรับรู้ ก่อนจะรีบไปช่วยพี่พยาบาลคนนั้นพาน้องเข้าไปส่งด้านในศูนย์แพทย์

ผมกลับรถก่อนจะจอดรอบริเวณใกล้ๆปากทางเข้าศูนย์แพทย์ ระหว่างนั่งรอก็ถืออภิสิทธิ์เปิดเพลงในรถแก้วฟังไปด้วย เพลงที่ผมฟังไปเล่นผ่านไปแล้วกว่าสิบเพลง จนผมเอะใจและอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมสามคนนั้นถึงได้เข้าไปนานจัง ผมตัดสินใจดับเครื่องลงจากรถ แล้วเดินเข้าไปดูข้างใน แก้วยืนคุยโทรศัพท์รออยู่ข้างนอก ส่วนพี่พยาบาลคนนั้นอยู่ด้านใน คุยกับพยาบาลอยู่ ผมพยายามสอดส่องสายตาหาเด็กนั้นแต่ว่าไม่พบ

“อ้าว โอม เข้ามาด้วยหรอ”แก้วทักผมหลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จ

“อืม เห็นว่านาน เลยเข้ามาดู สรุปว่าเป็นอะไรมากมั้ย”

“ไม่เท่าไหร่หรอก คงโดนฝนเมื่อวาน เราเองก็นึกอยู่ว่าหน้าคุ้นๆ พอเห็นว่าพี่สาวน้องโทรมาเลยรู้ว่าเป็นน้องของเพื่อนเก่า
นั่นเอง”แก้เล่าให้ผมฟังคร่าวๆ ผมพยักหน้ารับรู้ ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดออกมา พี่พยาบาลคนนั้นค่อยพยุงน้องคนนั้นออกมา

“หมอว่ายังไงบ้าง”ผมเอ่ยปากถามพลางรับช่วงช่วยพยุงน้องต่อจากพี่พยาบาลคนนั้น แล้วเดินนำไปยังรถที่จอดไว้ทางด้านหลัง

“ไข้ขึ้นสูง ต้องดูแลให้ดี สงสัยน้องคงจะโดนฝนเมื่อวานน่ะ”พี่พยาบาลคนนั้นว่า

“อ้อ งั้นเราดูแลเอง น้องปั้นเป็นน้องของเพื่อนสนิทเราเอง ถ้ายังไงเดี๋ยวเราไปส่งเธอก่อนก็ได้”แก้วพูดกับพี่พยาบาลคนนั้น สอบถามสถานที่ที่จะไปส่งเธอ ส่วนผมก็พยุงให้น้องนั่งเบาะหลังอย่างทุลักทุเล ดูเหมือนน้องเองก็ยังไม่ได้สติดีเท่าไหร่ ดูมึนๆงงๆ

“ไปกันเถอะโอม เดี๋ยวส่งเอมลงหน้าเซเว่นหน้ามอที”แก้วว่าพร้อมสอดตัวเข้ามานั่งหน้าคู่กับผม ส่วนเอมที่ว่าคงเป็นชื่อของพี่พยาบาลคนนั้น

ระหว่างทางที่ขับลงมอมีเสียงพูดคุยเป็นระยะ ผมไม่ได้ถามแก้วว่าจะเอายังไงเรื่องน้อง เพราะแก้วบอกว่าจะดูแลเอง ผมก็ข้องใจเล็กๆว่าจะดูแลยังไง แถมตัวเองน้องเองก็ยังไม่ค่อยจะมีสติเต็มร้อย ตื่นเป็นพักๆแถมอุณหภูมิร่างกายก็ไม่มีทีท่าว่าจะลดลงแต่อย่างใด ผมหรี่แอร์ให้เพราะนึกสงสารในใจ หวังว่ามันคงจะดีขึ้นนะ

.

.

.

ผมจอดรถตรงหน้าเซเว่นเพื่อให้เอมลง ตอนนี้ก็เป็นเวลาสามทุ่มกว่าๆแล้ว

“แก้ว แล้วแก้วจะขับไปต่อเองมั้ย หรือว่าจะให้เราขับไปให้ที่หอ”

“โอม แก้วมีเรื่องรบกวนหน่อยอ่ะ คือหอแก้วไม่ให้ผู้ชายเข้า แล้วน้องปั้น... ก็เป็น... เอ่อ เป็น...”

“เป็นผู้ชาย”ผมต่อให้แก้ว เมื่อเห็นว่าแก้วดูกระอักกระอ่วนกับเรื่องที่จะพูด

“ใช่ แล้วคราวนี้ โอมเป็นผู้ชายใช่มั้ยล่ะ แถมพรุ่งนี้เราก็ไม่มีเรียนกันไง แล้วก็...”

“พอๆๆ สรุปว่าโอมต้องเอาน้องเขาไปช่วยดูแลใช่มั้ย”ผมตัดบทแก้วก่อนที่เหตุผลอีกร้อยแปดจะตามมา

“ถ้าไม่เป็นการรบกวนอ่ะนะ แบบว่าเราโทรคุยกับปิ่น พี่ของปั้นอ่ะนะ แล้วปิ่นก็บอกว่าไม่ค่อยไว้ใจเมทร่วมห้องของน้อง แถมอยู่
ตรงนั้นก็ไม่แน่ว่าพวกน้องๆจะช่วยดูแลปั้นได้รึเปล่า”แก้วรีบอธิบายเพิ่มเติมเมื่อเห็นสีหน้าผม คือหน้าผมมันคงแสดงออกถึงความลำบากใจอย่างชัดเจนแน่ๆ

“แก้ว คือเราก็ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกับน้องมันขนาดนั้นน่ะ ถึงเราจะอยู่คนเดียว แต่ห้องเราก็เล็ก แล้วเราก็ไม่มั่นใจว่าจะดูแลน้องได้
ดีรึเปล่า ถ้าเผื่อมันช็อคตอนกลางคืนแล้วเราจะทำไงล่ะ”

“น่า โอม ถือว่าช่วยๆกัน มันคงไม่ถึงขั้นช็อคหรอก แถมถ้าน้องอยู่กับเรา เราก็คงจะเช็ดตัวให้น้องไม่ได้ เพราะเราก็ไม่ใช่เพศเดียวกับมันอ่ะ”แก้วแทบจะยกมือไหว้อ้อนวอนผม ให้ผมพาน้องไปด้วย แม้จะคิดในเรื่องความลำบาก มันก็คงไม่ได้ลำบากมากขนาดที่ว่ามันจะเป็นภาระ เห็นจะมีก็แต่ความไม่สนิทใจเท่านั้น

“ก็ได้ งั้นก็ไปหอเราก่อน แล้วเดี๋ยวแก้วขับรถกลับหอเองได้มั้ย”แก้วยิ้มออกมาทันที่ได้ยินความตอบผม ผมว่านาทีนี้ถ้าผมจะพูดยังไงแก้วก็คงไม่ขัดใจแน่ๆ ผมเหลือบมองคนข้างหลังผ่านกระจก พลางคิดแค้นในใจว่ามันนี่เป็นตัวพาความยุ่งยากมาผมซะจริงๆ

.

.

.

ผมชะลอรถเมื่อถึงหน้าหอ

“โอม จะให้เราช่วยพาน้องไปที่ห้องมั้ย”แก้วปลดเบลท์ออกทำท่าจะลงจากรถ

“เฮ้ยๆ ไม่ต้องๆ เดี๋ยวเราพาน้องไปเองก็ได้ แก้วเป็นผู้หญิงเข้าหอผู้ชายมันน่าเกลียด”ผมปลดเบลท์เตรียมไปแบกเจ้าตัวปัญหาขึ้นห้องตัวเอง

“เออ โอม แล้ววันนี้พี่โอมอยู่ห้องด้วยรึเปล่า เราลืมเลยนะเนี่ย”แก้วจุดประเด็นที่ผมเองก็ลืมไปเสียสนิท

“เออว่ะ เดี๋ยวโอมโทรถามมันก่อน”ผมลงจากรถไปกดโทรศัพท์หาพี่ชายตัวเองทันที

‘ฮัลโหล ว่าไงไอ้โอม’

“ว่าไงบ้านป้ามึงดิ กูจะถามว่าตอนนี้มึงเอารถกูไปไหนเนี่ย”

‘อ้อ วันนี้กูคงนอนโรงแรมในเมืองอ่ะ เดี๋ยวรถพรุ่งนี้กูขับไปคืน ขอกูหาตุ๊กตามานั่งหน้ารถก่อน ฮ่าๆๆ’

“เออ มึงห้ามทำรถกูเลอะนะ แค่นี้แหละ”

‘ใครจะอุตริเอากันในรถว่ะ มึงนี่... กวนตีนกูและ แค่นี้แหละเว้ย’
ผมกดวางสาย ที่ต้องเตือนมันก็เพราะมันเหมือนคนปกติที่ไหนล่ะ ถ้าไม่ดักคอมันไว้ก่อน ผมว่ามันทำชัวร์เลย

“แก้ว โอเคแล้วล่ะ เดี๋ยวเราพาน้องขึ้นห้องเลยนะ”ผมเปิดประตูหลังก่อนจะค่อยลากคนด้านในออกมา

“ขอบใจมากนะโอม ถ้าไม่ได้โอมเราคงไม่รู้จะไปพึ่งใคร”ผมยิ้มรับ ไม่ได้ว่าอะไร

“แก้วขับรถกลับเถอะ เดี๋ยวจะมืดกว่านี้ ขับลำบาก งั้นโอมขึ้นก่อนนะ พรุ่งนี้จะไปส่งน้องที่หอในให้”

“ขอบใจมากๆนะโอม มะรืนเจอกัน”แก้วโบกมือให้ผม ผมได้แต่ยิ้มรับ ก็แน่ล่ะสิเพราะมือผมต้องจับไอ้ตัวยุ่งยากไว้นะสิ

.

.

ผมไม่ได้ยืนรอส่งแก้วอย่างที่สุภาพบุรุษทั่งไปพึงกระทำ แต่กลับพาน้องขึ้นห้องไปอย่างทุลักทุเล โชคดีที่หอผมมีลิฟต์ มันจึงไม่
ได้อนาถมาก ผมล้วงหยิบกุญแจห้องมาไขอย่างลำบากลำบน เมื่อเปิดประตูห้องได้ ผมก็แทบโยนเจ้าตัวยุ่งยากลงไปบนที่นอนห้าฟุตทันที

“แล้วหลังจากนี้ จะเอายังไงกันว่ะนี่”ผมแทบจะยีหัวตัวเองเมื่อนึกถึงเรื่องที่จะต้องทำต่อไป

ผมจะเริ่มจากอะไรดีล่ะ...


++++

ฝากติชมกับตอนแรกกันด้วยนะคะ ^^






ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
พี่โอมจะทำยังไงกับน้องปั้นต่อไป

lew_valen_tom

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 2

ผมจัดการหาชามใบใหญ่หน่อยในห้อง เพราะผมไม่มีอ่างน้ำแบบในละครหรอกนะ ก่อนจะไปเปิดน้ำอุ่นเตรียมเช็ดตัวให้ไอ้เด็กบ้าที่นอนสบายใจเฉิบอยู่บนเตียงผม ผมยอมเสียสละผ้าเช็ดผมหนึ่งผืนเพื่อไปเช็ดตัวให้กับเด็กน้อย ในใจนึกว่าผมต้องเสียตังค์อีกสามสิบห้าบาทเพื่อไปซื้อผืนใหม่มาไว้ใช้อีก ผมวางชามที่มีน้ำอุ่นไว้ตรงโต๊ะข้างเตียง ก่อนจะสวดภาวนาทำใจลอกคราบคนบนเตียงสักห้านาที

“เอาว่ะ เป็นไงเป็นกัน กูมีอะไรมันก็มีเหมือนกูนั่นแหละ”ผมเป่าปากเรียกกำลังใจตัวเอง แล้วจัดการลอกคราบเด็กน้อยเสีย เริ่มจากเสื้อคณะมัน เสื้อกล้ามมัน กางเกงวอร์มของมัน ผมชะงักมือนิดหน่อยเมื่อจะรูดบ็อกเซอร์มันออก

“แค่เช็ดตัว แค่นี้ก็คงพอแล้วมั้ง”ผมหยุดการลอกคราบมันไว้เพียงเท่านี้ ก่อนจะเริ่มปฏิบัติการเช็ดถูตัวมัน
ผมเริ่มจากเช็ดหน้ามันก่อน จะว่าไป ไอ้ปั้นนี่มันก็หน้าใสกิ๊ง สิวซักเม็ดก็ไม่มี แม่ง ชักว่าวบ่อยป่ะวะ คนบ้าอะไรหน้าใสจนผู้หญิงยังอาย พอเริ่มเช็ดตรงซอกคอมันก็สัมผัสได้ว่าตัวมันเหมือนจะร้อนขึ้นมากกว่าเดิม ซึ่งมันทำให้ผมเริ่มเครียด ถ้าคืนนี้มันเป็นอะไรขึ้นมาล่ะ ผมต้องอยู่กับวิญญาณมันไปอีกเกือบสามปีเลยนะ ผมเช็ดตัวมันไล่เรื่อยมาจนถึงแผ่นอก ในใจก็นึกอัศจรรย์ใจอีกรอบ นี่มึงผู้ชายจริงป่ะเนี่ย คนห่าอะไรฟะ ตัวโคตรขาวอย่างกับตกกระป๋องแป้งมา พอไล่เรื่อยมาจนถึงเอวก็พบว่าไอ้เด็กน้อยนี่เอวเล็กจริง แม้มันจะมีกล้ามเนื้อหน้าท้องอยู่บ้างก็เหอะ ไล่เรื่อยมาเช็ดขา ยังนึกดีใจแทนมันที่พอมีขนหน้าแข้งยืนยันว่าตัวเองเป็นผู้ชายอยู่บ้าง ผมจัดการเก็บอุปกรณ์เช็ดตัว ผลักเด็กน้อยไปชิดเตียงด้านหนึ่งแล้วดึงผาห่มมาคลุมตัวมัน
ผมจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเตรียมล้มตัวจะนอนข้างๆมัน แต่ไอ้เด็กบ้าดันวาดแขนมาโดนหน้าผมพอดี

“โอ้ย เชี่ยนี่”ผมร้องออกมา แน่และ มันไม่ใช่เบาๆ เพราะมันทำให้เลือดกำเดาผมออกได้ ผมรีบเขยิบตัวออกจากเตียงก่อนที่เลือดจะไหลหยุดลงบนเตียง แต่ก็ไม่ทัน... เลือดผมหยดลงบนผ้าปูที่นอนสีน้ำตาลอ่อนทันที ผมแทบร้องไห้ ชุดเครื่องนอนลายโปรดของผม ผมนี่แทบจะเห็นภาพสโลว์แบบในหนัง แต่มันไม่ทันจริงๆ แง่ง งับไอ้เด็กบ้านี่แทนดีไหม ข้อหาทำร้ายผ้าปูที่นอนของผม

ผมเดินเข้าห้องน้ำไปล้างเลือดออก ก่อนจะเปิดตู้เย็นหาน้ำแข็งมาประคบไว้สักพัก ในใจนึกหงุดหงิดที่มีคนมาทำให้เวลานอน
ของผมลดลงไปอีก ผมตวัดสายตามองคนที่นอนไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียวอย่างโกรธเคือง มันเป็นครายยยยยยยย มาทำร้ายร่างกายผมได้ พ่อแม่ผมยังไม่เคยทำเลยนะ

ผมรอจนเลือดหยุดไหล แล้วเดินไปหยุดตรงข้างเตียง ก่อนที่จะ...

ล้มตัวลงนอนข้างมัน!!!

ผมทำอะไรมันไม่ด้ายยยยยยย เข้าใจไหม มันไม่ใช่พี่ ไม่ใช่น้อง ไม่ใช่เพื่อนผมสักหน่อย จะรังแกมัน จะแกล้งมันก็สงสารเด็ก เอาวะ วันหน้ายังมี มันต้องโดนผมแก้แค้นเข้าสักวันนั่นแหละ ไม่ต้องห่วง

.

.

.

ครืดดดดดดดดดด ครืดดดดดดดดดด ครืดดดดดดดดดด

ผมควานมือหาโทรศัพท์มือถือที่ปกติแล้วมันมักจะกลิ้งอยู่บนที่นอนผม หรือไม่ก็วางตัวนิ่งๆอยู่ตรงโต๊ะข้างเตียง มือผมปัดป่ายไปเรื่อยทั้งที่ยังไม่ลืมตา ในหัวก็พยายามนึกว่าเมื่อวานผมวางโทรศัพท์มือถือผมไว้ที่ไหน มือผมปัดไปโดนคนข้างๆ ผมตกใจเล็กน้อยแต่ก็พอสำนึกได้ว่าเมื่อคืนเอาเด็กน้อยมานอนที่ห้องด้วย ผมเจอโทรศัพท์แล้วจึงกดปิดนาฬิกาปลุก เตรียมตัวจะนอนต่ออีกรอบ เพราะวันนี้ผมไม่มีเรียน

เสียงขยุกขยิกข้างเตียงผมก็ไม่อาจดึงความสนใจในการนอนต่อของผมไปได้ ผมขยับตัวอีกครั้งเพื่อหาท่าที่นอนสบายทีสุด แต่ว่า...

“เฮ้ย แมร่ง! มึงเป็นใครเนี่ย”

ผมหยีตาสู้แสงแดด เห็นไอ้เด็กบ้ากระโดดผลุงลงไปยืนหน้าโทรทัศน์เรียบร้อย ผมหลับตาลงนอนต่ออย่างไม่สนใจ แต่มัน...

พลั่ก!

“มึงมากระทืบกูทำไมวะ”ผมดีดตัวลุกขึ้นนั่งตาสว่างทันที แมร่ง! ตรงไหนไม่กระทืบ เสือกมากระทืบที่หลังกูอีก

“ก็มึงไม่สนใจกูทำไมล่ะ”เถียง! ไอ้เด็กบ้ามันเถียงผม

“อ่ะๆๆ กูสนใจมึงก็ได้ มีอะไรว่ามา”ผมนั่งหันหน้าไปหามันอย่างจริงจัง ดูสภาพมันดิ ไข้ยังไม่หายดีเลยเพราะหน้ามันยังแดงๆอยู่ อยู่ในสภาพนุ่งบ็อกเซอร์ตัวเดียว นี่มันจะยั่วผมรึเปล่าเนี่ย เฮ้ย! ไอ้บ้าโอม มึงคิดอะไรของมึงเนี่ย

“มึงเป็นใคร”มันกอดอกเริ่มตั้งคำถามกับผม

“กูชื่อโอม กายภาพบำบัด ปีสอง”ผมก็บ้าจี้เล่นเกมยี่สิบคำถามกับมัน มันทำหน้าแบบ ไม่เชื่อว่าผมจะเรียนอยู่ทางคณะสายการแพทย์

“แล้วทำไมกูมาอยู่ที่นี่”

“เมื่อวานมึงไม่สบายมาก รุ่นพี่หามมึงออกมาจากช็อป เผอิญแก้ว เพื่อนกูมีรถ เลยพามึงไปศูนย์แพทย์ แล้วเขาก็เป็นห่วงมึง เขาบอกว่าพี่มึงไม่ไว้ใจเมทมึง เลยขอให้กูช่วยเอามึงมาดูแล”ผมเล่าสรุปย่อๆให้มันฟัง มันพยักหน้าน้อยๆเป็นเชิงรับรู้ ดูมันไม่ถามถึงแก้วสักนิด คิดว่ามันคงจะรู้จักแก้วอยู่แล้ว

“แล้วเมื่อคืนมึงทำอะไรกู”

“มึงอยากให้กูทำอะไรล่ะ”ผมถามย้อนมันกลับด้วยสีหน้ากวนตีน

“เชี่ยนี่ สรุปว่ามึงทำอะไรกูจริงๆใช่มั้ย”หน้ามันตอนนี้นี่ผมเห็นแล้วอยากจะหัวเราะจริงๆ ก็ดูหน้ามันดิ แบบหน้ากึ่งจะร้องไห้ กึ่งโกรธจนอยากมากระทืบผมซ้ำ

“มึงก็คิดเอาเองดิ”ผมก้าวลงจากเตียงอย่างไม่สนใจ ไม่อธิบายให้มันเข้าใจ หวังจะแกล้งมันไปสักพัก ผมเตรียมเข้าห้องน้ำหางตาเห็นแวบๆว่ามันไปหยิบมาผ้าห่มอะไรของมันก็ไม่รู้ หรือมันจะพับผ้าห่มให้ผมนะ

“ไอ้เชี่ย มึงออกมาจากห้องน้ำเลยนะ”ผมกำลังเตรียมจะล้างหน้ามันก็มาทุบประตูห้องน้ำ ส่งเสียงดังโวยวาย ผมเปิดประตู ไม่ทันได้ตั้งตัว หมัดมันครับพี่น้อง สวนมาเต็มๆ ถ้าผมไม่ตัวสูงกว่ามันผมคงล้มไปแล้ว

“อะไรของมึง”ตอนนี้ผมโกรธจนแทบอยากจะฆ่ามันตรงนี้เลย ไอ้นี่ หน้าตากูมีไว้ล่อลวงสาวนะเฟ้ย

“ก็มึงทำอะไรกูล่ะ”อ้อมไปอ้อมมาแล้วชาตินี้กูจะรู้เรื่องกับมึงไหมเนี่ย

“กูทำอะไร กูอยู่เฉยๆแล้วมึงมาต่อยกูเนี่ย”

“ก็มึงทำเนี่ย มึงทำกูเนี่ย”คือมันก็พูดแค่นี้ แล้วก็หน้าแดงใส่ผม ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันโกรธหรือเขิน หรืออะไรกันแน่

“กูทำอะไร”ผมถามมันซ้ำด้วยคำถามเดิมอีกครั้ง มันทำหน้าดาผมประมาณว่า มึงนี่ โง่โคตร มันเดินกระทืบเท้าไปตรงเตียงแล้วชี้จุดเกิดเหตุให้ผมดู ผมเดินไปดูก็เห็นที่มันชี้ก็คือ... คราบเลือดผมเมื่อคืนนี้

“อ๋อ ไอ้นี่อ่ะหรอ”ผมอยากจะขำกับความคิดมันจริงๆ แล้วที่มันเดินได้ กระโดดได้นี่มันหมายความว่าอะไรวะ

“มึงยังมีหน้ามาขำอีก นี่เกียรติศักดิ์ศรีกูเลยนะ”มันพูดแบบจริงจังเว่อร์ ยิ่งผมเห็นผมก็ยิ่งขำ

“สงสัยแม่งโดนกูขยี้หมดแล้วมั้ง ศักดิ์ศรีมึงอ่ะ”ผมพูดขำๆ แต่มันคงไม่ขำกับผม เพราะเห็นมันเลือดขึ้นหน้าหนักกว่าเดิม

“เฮ้ยๆๆ ใจเย็นๆ  คือ...”

“มึงจะให้กูใจเย็นได้อีกหรอ มึงนี่เดรัจฉานจริงๆ”มันด่าผมแถมไม่ใส่ใจเรื่องที่ผมกำลังจะอธิบายให้มันฟัง มันเดินดุ่มๆหาเสื้อผ้ามันของมันเองมาสวมใส่อย่างรวดเร็ว เตรียมจะออกจากห้อง

“เดี๋ยว จะไปไหน ฟังกูก่อนดิ”ผมกระชากแขนมันไว้ ใจหนึ่งก็กลัวมันเจ็บ แต่อีกใจหนึ่งก็อยากอธิบายให้มันเข้าใจก่อน

“มึงจะให้กูฟังอะไร เรื่องที่มึงทำกับกูงั้นหรอ”มันหันมามองหน้าผม ผมเห็นน้ำตามันคลอเบ้าเล็กน้อย แต่มันพยายามลืมตาไว้ไม่
ให้ไหล ยิ่งผมเห็นอย่างนี้แล้วผมก็ยิ่งรู้สึกผิด ผมคิดแค่เพียงว่าผมไม่น่าแกล้งมันเลย

“ไม่ใช่อย่างนั้น มันไม่ใช่อย่างที่มึงเข้าใจนะ มึงกำลังเข้าใจผิด”ผมพยายามพูดให้มันฟัง แต่มันก็มัวแต่พยายามแกะมือผมออก ผมก็ยิ่งพยายามยื้อให้แน่นกว่าเดิม

“ปล่อยกู กูเจ็บนะ”จังหวะนั้นเอง ประตูห้องผมก็มีคนเปิดเข้ามาอย่างไม่ทันได้นัดหมาย

“ไอ้โอม กูโทรมาทำไมไม่รับ กูจะบอกว่ากูจะกลับบ้านแล้วนะ โอ๊ะโอ่”ไอ้ปั้นฉวยโอกาสที่ผมหันไปสนใจพี่ชายผม สะบัดแขนหนีผมแล้วเดินออกนอกห้องไปอย่างรวดเร็ว

“เฮ้ย! ไอ้อั้ม เอากุญแจรถมา เร็วดิวะ!”ผมเร่งมันทั้งๆที่ก็เพิ่งออกปากขอเมื่อกี้นี้ มันล้วงอยู่สักแป๊บแล้วส่งให้ผม เตรียมจะอ้าปากพูดอะไรกับผม แต่ผมก็ไม่สนใจแล้ว รีบวิ่งตามคนตัวขาวออกไป

ผมเห็นไอ้ปั้นกดลิฟท์ปิดพอดี ผมเลยตัดสินใจวิ่งลงบันไดให้ทันมัน

“ปั้น รอพี่ก่อน”คำพูดผมสุภาพขึ้นมาทันที มันชะงักหันมามองนิดหน่อย แต่พอเห็นว่าเป็นผมที่เรียกมัน มันก็รีบสาวเท้าเดินไปทันที ผมวิ่งตามมันทัน นึกขอบคุณพระเจ้าที่มันไม่วิ่งหนีผม

“ปั้น รอก่อน ให้พี่อธิบายก่อน แล้วเดี๋ยวพี่จะขับรถไปส่ง”ผมยื้อแขนมันไว้ แม้จะเห็นว่าของครั้งก่อนที่ผมกระชากแขนมันเป็นรอยแดงขึ้นตามนิ้วมือผมก็ตาม

“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น พากูไปส่งก็พอ”มันพูดเสียงเครือยิ่งทำให้ผมพูดไม่ออก

.

.

ผมจูงแขนมันมาที่รถด้วยกลัวมันจะวิ่งหนีผมไปอีก ผมเปิดประตูรถให้มันก่อนจะดันตัวมันให้นั่ง มันก็ไม่ได้ขัดขืนผม ผมรีบไปสตาร์ทรถเตรียมขับจะไปส่งมันที่หอใน ในใจก็คิดแค่ว่าจะขับช้าหน่อยรอให้มันใจเย็นแล้วผมจะได้อธิบายให้มันฟัง

“ปั้น... พี่จะ...”ผมยังไม่ทันจะได้พูดอะไรมามากกว่านี้ มันก็ขัดผมขึ้น

“พอเหอะ ไม่อยากฟังอะไร”มันพูดโดยไม่มองหน้าผมแม้แต่น้อย ตลอดทางเข้ากว่าห้ากิโลเมตร มันก็ยังไม่พูดอะไร ผมก็ไม่รู้จะ
พูดอะไร ผมถามมันว่าอยู่หอไหน มันก็ตอบ แต่แบบเฉยชามาก ผมไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย

ผมจอดรถตรงปากทางเข้าหอ มันเปิดประตูรถจะลงโดยไม่คิดจะพูดอะไรกับผมสักนิด ผมรีบเปิดประตูรถลงตามมันไป

“ปั้น”มันหันมามองหน้าผม แต่สายตามันกลับทำให้ผมเจ็บยิ่งกว่าการกระทำ

“ไว้ปั้นพร้อมเมื่อไหร่ก็มาฟังคำอธิบายจากพี่ พี่ไม่อยากให้ระหว่างเราเป็นแบบนี้ ปั้นควรจะได้รู้ความจริง”ผมพูดเพียงเท่านั้นแล้ว
เดินกลับขึ้นรถเลย ไม่ใช่ว่าเหนื่อยจะตามง้อ แต่ผมคิดว่าถ้าให้เวลาปั้นคิดมากกว่านี้ ระหว่างผมกับปั้นอาจจะดีขึ้นก็ได้

.

.

ผมขับรถกลับมาถึงหอก็พบว่าพี่ชายตัวเองยังนั่งเสนอหน้าไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องเสียที

“รออะไร”ผมทักมัน ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน

“รอมึงนั่นแหละ ไม่ยักรู้ว่าเดี๋ยวนี้เปลี่ยนรสนิยมนะมึง”

“พอเลยไอ้อั้ม แค่รุ่นน้องเข้าใจผิดเฉยๆ”ผมแย้งพี่ชายตัวเองที่นั่งทำหน้าราวกับกุมความลับของนาซ่าไว้

“”อย่าให้เห็นแล้วกันว่ามึงพาน้องคนนี้ไปแนะนำให้พ่อแม่รู้จัก”

“ไร้สาระน่า สรุปว่ามึงจะกลับบ้านได้ยัง เดี๋ยวกูก็จับทำเมียซะนี่”

“หูย ไอ้โหด น้ำหน้าอย่างมึงจะพาใครไปถึงสวรรค์ได้วะ ไว้มีแฟนเป็นตัวเป็นตนก่อนแล้วค่อยมาคุยเหอะ กูเหม็นขี้ปาก”ไอ้อั้ม
แทบจะถ่มน้ำลายลงบนพื้นห้องผมอยู่แล้ว

“มึงมาพิสูจน์ไหมล่ะไอ้ห่านี่ กลับบ้านไปเลยไป กูอยากอยู่คนเดียว”

“พระเอกจริ๊ง แต่กูจะบอกอะไรให้นะ อยากง้อคน มึงต้องสุภาพกว่านี้ มุ่งมั่นกว่านี้ แล้วที่สำคัญมึงต้องจริงใจกับเขามากกว่านี้ กู
ไปและ เหม็นหน้าคนไร้น้ำยา”ไอ้อั้มว่าแล้วคว้ากระเป๋าเดินทางเดินออกจากห้องผมไป สรุปว่าผมนี่ไร้น้ำยาจริงอย่างที่มันบอกใช่มั้ยเนี่ย ผมนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง นึกถึงคำพูดไอ้อั้มแล้วก็คิดหนัก คิดเป็นสิบๆรอบก็ไม่รู้ว่าจะขอโทษคนตัวเล็กยังไงดี ทั้งๆที่ความผิดผมก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น แต่ทำไมมันทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าผมไปพรากผู้เยาว์มาเลยอ่ะ

“แมร่งเอ้ย สรุปกูผิดมากใช่มั้ยเนี่ย”ผมผุดลุกขึ้นมานั่งแล้วยีหัวตัวเองให้สะใจเล่น อยากจะกระชากผมตัวเองเผื่อจะได้คิดออกบ้าง หวังว่าเวลาจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นนะ ผมหวังว่าอย่างนั้นจริงๆ...

.

.

“เฮ้ย ไอ้ปั้น เป็นอะไรวะหงอยๆ”รูมเมทของเจ้าของร่างบางเอ่ยเสียงทักเมื่อเดินมาเปิดประตูแล้วเจอสภาพของคนตรงหน้า

“หงอยพ่องดิ ไอ้ก้อง กูแค่ง่วงเว้ย”ถึงหน้าคนตรงหน้าจะหวานจนชวนให้หลงใหลได้ปลื้ม แต่นายก้องคนนี้การันตีเลยว่า ปากมัน
นี่หมาไม่แดกจริงๆ

“ไอ้ห่านี่ กูก็เป็นห่วงบ้างเถอะ แล้วเมื่อคืนมึงไปไหนมา เห็นพี่เค้าหิ้วมึงออกจากช็อปแล้วมึงก็หายไป กูนึกว่าจะมานอนรอที่ห้อง พอมาก็ไม่เจออีก”เด็กหนุ่มร่างสูงเดินไปทวงคำถามจากคนร่างบางอย่างไม่ลดละ

“ไว้ตื่นมาค่อยเล่า ตอนนี้กูง่วง”ปั้นเลือกที่จะหนีการคอบคำถามด้วยการหลับตาลงซะ ซึ่งก็ทำให้อีกฝ่ายล่าถอยไปไม่ซักถามให้น่ารำคาญ แต่ตัวเขาเองกลับหลับไม่ลงอย่างที่ตั้งใจไว้ ภาพใบหน้าของใครคนนั้นยังคงลอยในหัว ภาพสายตาที่ทิ้งไว้ครั้งสุดท้ายทำให้เขารู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา คำพูดของใครคนนั้นยังสะท้อนอยู่ในอก ทุกการกระทำของใครคนนั้นยังคงชวนให้คิดไม่ตกว่าตกลงเรื่องไหนล้อเล่นเรื่องไหนจริงกันแน่ แต่ตอนนี้ขอเขาหลบหนีความจริงไปสักครู่ เขาว่าการนอนหลับคือการลืมที่ดีที่สุด หวังว่ามันคงจะได้ผลนะ...





TBC...

++++

เอามาหย่อนไว้อีกตอน ฉลองคริสต์มาสอีฟ ฮ่าๆๆ  :z2:

อยากได้คอมเม้นท์จังเลย ฮิๆๆ  :mew2: :mew2:

ชะแว้บ กลับไปอ่านหนังสือเตรียมสอบต่อแล้ว ไว้วันศุกร์จะมาลงให้อีกนะจ้ะ  :mew1:

ออฟไลน์ becrazie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
ปั้นอารมณ์ร้อน โอมก็กวน เลยเข้าใจผิดไปกันใหญ่

 :mew1: คนเขียนสู้ๆ

ออฟไลน์ AGALIGO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4

แหม---แทนที่จะสำรวจตัวเองก่อน

ถ้าโดนจริงๆมันก็ต้องมีร่องรอยเหลือไว้บนร่างกายให้เห็นบ้างแหละ

+ 1 + เป็ดจ้า

lew_valen_tom

  • บุคคลทั่วไป
Merry Christmas


วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายของผมพอดี ในใจผมนึกอยู่ว่ามออะไรวะโคตรโหด ขนาดวันคริสต์มาสยังให้ผมมาสอบ ส่วนไอ้แสบนั้นน่ะหรอ มันสอบเสร็จเมื่อวานแล้ว มันแง้วๆจะกลับบ้านที่นครสวรรค์ตั้งแต่เมื่อวานนี้เลย แต่ผมหลอกล่อมันว่าให้มันนั่งรถทัวร์กลับพร้อมผม เพราะยังไงก็ต้องผ่านทางนั้น แถมผมยังออกค่าตั๋วให้มันด้วย ผมเลยจองตั๋วไว้วันพรุ่งนี้เช้า ไม่อยากจองรบดึกเพราะเป็นห่วงว่ามัน กลัวว่าจะถึงนครสวรรค์ดึกแล้วมันจะอันตรายน่ะครับ ส่วนข้ออ้างสำคัญจริงๆคือผมอยากอยู่เที่ยววันคริสต์มาสกับมันก่อน

ผมออกมาหน้าห้องสอบในใจนึกไม่อยากทวนคำตอบอะไรทั้งนั้น กลัวผิดน่ะครับ แต่มันก็ดูไม่เป็นใจ

“เฮ้ย มึงข้อนั้นที่ทำว่านอนคว่ำงอเข่าได้กี่องศาอ่ะ มึงตอบอะไร”ไอ้เต้ออกจากห้องสอบมาปุ๊บก็ถามผมทันที

“ร้อยสี่สิบมั้ง กูไม่แน่ใจ”ผมตอบมันไป

“โอ้ยเหี้ย กูการ้อยยี่สิบ แล้วข้อสุดท้ายอ่ะ อันนั้น axis อะไร”

“vertical axis”

“เหยดดด กูมั่วถูก”มันโหวกเหวกดีใจพักใหญ่ ก่อนจะหันไปคุยกับกลุ่มอื่นที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์ข้อสอบต่อไป
ผมรอจนกลุ่มเพื่อนผมออกมาครบ แล้วก็รับรถลงไปพร้อมกัน แล้วผมก็วนรถกลับมารับไอ้ตัวแสบที่ยังติดแหง็กอยู่หอใน ไม่มีใครในกลุ่มเพื่อนผมรู้ว่าผมกำลังติดเด็กแจ แต่ว่ามันก็สงสัยเล็กน้อยเมื่อเห็นสารพัดขนมบนรถผม และเวลาที่อยู่กับเพื่อนน้อยลง พวกมันก็ไม่ได้ถามอะไรหรอกนะ แต่ผมว่ามันรอให้ชัวร์แล้วจัดการเชือดผมทีเดียวมากกว่า

.

.

.

“ฮัลโหล ปั้น พี่มารอหน้าหอแล้ว เอากระเป๋าลงมาได้แล้ว”ผมโทรบอกปั้น ที่ให้เอากระเป๋าลงมือเลย เพราะว่าคืนนี้ผมจะให้มันนอนห้องผมนี่แหละ เพราะต้องตื่นแต่เช้า ผมขี้เกียจขับรถมารับมัน อีกอย่างกลัวมันตื่นสายด้วย เอาให้ชัวร์คือลากมันไปนอนห้องผมเลยดีกว่า

ผมดับเครื่องรอสักพัก ก็เห็นไอ้ตัวแสบวิ่งกระดุ๊กกระดิ๊กมา พร้อมกระเป๋าเป้ใบโต ผมกดปลดล็อครถให้มันขึ้น

“หนาวๆๆ”ผมว่าแล้ว ก็มันเล่นไม่ใส่เสื้อหนาว นี่ภาคเหนือนะพ่อคุณ

“แล้วทำไมไม่ใส่เสื้อกันหนาวอ่ะ”ผมคว้าเสื้อกันหนาวอีกตัวที่พาดอยู่ด้านหลังมาให้มัน

“ก็ปั้นซักผ้าวันนี้ให้หมดไง ปั้นเลยไม่มีเสื้อกันหนาวใส่”

“อ้าว แล้วพรุ่งนี้ขึ้นรถทัวร์จะเอาเสื้อกันหนาวที่ไหนล่ะ”ผมถามมัน มันทำตาโตแบบเพิ่งนึกขึ้นได้

“เออ จริงว่ะพี่โอม ทำไงดี”

“ช่างเหอะ เดี๋ยวเอาของพี่ไปใส่ก่อนก็ได้ แล้วป้ายชื่อหายไปไหนน่ะ ปลดระเบียบแล้วหรอ”ผมถามเรื่องป้ายชื่อคณะมันกับสมุดเชียร์ที่มันต้องห้อยคอประจำ

“แหะๆๆ อยู่ในกระเป๋า โห พี่โอม ก็มันปิดเทอมแล้วนี่เนอะ เนอะๆๆ”มันอ้อนครับ แต่ผมว่าเหมือนอ้อนอวัยวะช่วงล่างผมยังไงไม่รู้

“ไม่สนเว้ย ถ้าไปเจอพี่วินัยคณะเอ็ง พี่ไม่ช่วยนะ”ถึงผมจะเป็นพี่วินัย แต่ก็แค่วินัยในคณะตัวเองเท่านั้นแหละครับ

“ไม่เจอหรอก ยังไงพี่เค้าก็จำปั้นไม่ได้หรอก คนในคณะตั้งเยอะตั้งแยะ อีกอย่างปั้นมีนี่”มันคว้าเอาหมวก กับแว่นกันแดดของมัน
ที่เอามาทิ้งไว้ในรถผมมาใส่

“นึกว่าดาราเลยนะเนี่ย”ผมแซวมันเล่น

“ใครว่า นี่ผู้เสียหายตั้งหาก เผอิญถูกพรากผู้เยาว์น่ะ”สะอึกเลยครับผม ปั้นก็ยังไม่ครบสิบเก้าเลย วันเกิดมันเดือนเมษานู่นแหละ

.

.

.

ผมขับรถพาปั้นมากินสเต็กลุงหนวด ไม่ต้องไปประชาราษฎร์ก็หากินได้ ผมสั่งสลัดมาเผื่ออีกสองจาน ถ้าถามว่ามื้อนี้ใครเลี้ยงผมตอบได้เต็มปากเลยครับว่า ไม่พ้นผมอยู่ดี

“พี่โอม เราไปเดินเล่นที่กว๊านอีกดิ ปั้นอยากดูน้ำพุเต้นระบำอ่ะ”

“ไม่รู้ว่ามีรึเปล่าน่ะสิ มาเดินถนนคนเดินก็พอแล้วไง เดี๋ยวคืนนี้กลับดึกนะ พรุ่งนี้ต้องนั่งรถทั้งวันอีก”มันไม่เซ้าซี้ผมอีก ซึ่งผมก็ว่านี่
คือข้อดีของปั้นนะ เพราะปั้นเองเป็นคนที่พูดด้วยเหตุผลด้วยได้ เป็นผู้ใหญ่พอตัว

ผมกับปั้นลงมือจัดการอาหารตรงหน้าอย่างรวดเร็ว เห็นตัวบางๆอย่างนี้ กินเยอะไม่ใช่เล่นนะครับ จะบอกให้

“พี่โอม ปั้นอยากได้หมวกอ่ะ เราไปเดินดูหมวกกันนะ”

“ก็มีใส่บนหัวแล้วไม่ใช่หรอไง”ผมพูดถึงหมวกแก็ปใบสีดำที่มันสวมหัวอยู่

“ไม่ใช่ เอาที่เป็นหัวสัตว์อ่ะ ที่ใส่หน้าหนาวอ่ะ น่ารักดี ปั้นอยากได้”ผมพยักหน้าเออออไปกับมัน แต่ผมว่าถ้ามันใส่แล้วต้องดูดี
แน่ๆเลย อย่างนี้คู่แข่งผมก็เยอะน่ะสิ

ผมรอจ่ายเงินให้เรียบร้อยก่อนจะพาปั้นขึ้นรถไปยังถนนคนเดินแถวกว๊าน ปั้นชะเง้อชะแง้ดูว่าเขาเปิดน้ำพุรึเปล่า แล้วมันก็ผิดหวังไปตามระเบียบ ผมพาปั้นเดินถนนคนเดิน ดูของกินไปเรื่อย เสื้อผ้าบ้าง ที่นี่ไม่ค่อยมีของแฮนด์เมดหรอกครับ ส่วนมากก็ของกินซะมากกว่า

“อุ้ยพี่โอม หมวกนั่นไง ไปดูเร็ว”มันลากแขนผมเข้าร้านที่มันอยากเข้าอยากรวดเร็ว

“ใบนี้น่ารักไหมพี่โอม มันดูแต๋วไปเปล่า”มันหยิบใบนู้นใบนี่มาลองจนผมตอบคำถามมันไม่ถูก

“พี่ว่าไอ้ที่เป็นหูหมาป่าสีน้ำตาลดีกว่ามั้งปั้น มันดูไม่หวานเกินไป”ผมเห็นมันลองหมวกใบนี้เป็นใบที่สามได้มั้ง ผมว่าเหมาะกับมัน
สุดแหละ

“หรอ แต่ปั้นก็อยากได้ปั้นนี้อ่ะ”ปั้นหยิบหมวกอีกใบมาเทียบกับใบที่ผมบอก มันดูลังเลตัดสินใจไม่ได้

“พี่โอม...”หึหึหึ กูว่าและ ผมได้แต่คิดคำนี้ในใจเมื่อได้ยินมันลากเสียงเรียกชื่อผม

“พี่โอมซื้อให้ปั้นใบหนึ่ง แล้วปั้นก็ซื้อเองใบหนึ่ง เป็นของขวัญคริสต์มาสให้ปั้นไง ดีไหม”

“ไม่!!!”ผมปฏิเสธมันเสียงแข็ง เล่นเอามันหน้าจ๋อยไปเลย แล้วมันก็ตัดสนใจเลือกใบที่ผมบอก แล้วก็จ่ายเงิน

“งั้นกลับกันเถอะ”ปั้นชวนผม ตลอดทางที่เดินมีจับมือกันบ้างกันหลัง แต่มันก็เดินเงียบๆไม่พูดไม่จาอะไร ผมนึกรู้ได้ทันทีอาการนี้
เรียกว่าน้อยใจใช่ไหม

ผมก้าวขึ้นรถเตรียมสตาร์ทรถ รอจนปั้นขึ้นมา ผมนั่งเงียบไม่พูดอะไรไม่สตาร์ทรถจนเกือบห้านาที จนปั้นทนไม่ไหว

“พี่โอม รออะไรเนี่ย ไม่ออกรถสักที”ดูท่ามันจะโกรธผมจริงจังซะแล้ว ผมเอื้อมมือไปทางด้านหลังของผมก่อนจะคว้าถุงกระดาษ
เจ้าปัญหามาให้มัน

“อ่ะ พี่ให้ ของขวัญวันคริสต์มาส”ปั้นดูงงๆตอนที่ผมยื่นของขวัญให้

“อะไรอ่ะ”ปั้นถามผมแต่ก็ยังไม่กล้าเปิดดู

“เปิดดูดิ”ผมตอบมันแค่นั้น สตาร์ทรถแล้วก็ขับออกสู่ถนนใหญ่

“เสื้อคู่หรอพี่โอม”มันถามผมเมื่อเห็นว่าเสื้อมีสองตัว สีแบบเดียวกันลายเดียวกัน

“อืม ชอบมั้ย พี่ให้เขาสกรีนชื่อปั้นกับพี่ไว้ด้วย สวยมั้ย”อันที่จริงผมก็ไม่ได้ชอบการใส่เสื้อเป็นคู่นักหรอก เพียงแต่ผมคิดว่าถ้าปั้น
ใส่คู่กับผม มันต้องน่ารักแน่ๆ

“ชอบ...”ปั้นตอบเสียงเครือ ทำเอาผมตกใจว่าน้องร้องไห้ทำไม

“ร้องไห้ทำไมปั้น ผิดหวังหรอ”ผมจอดรถเทียบข้างทาง มันเป็นคนที่ทำให้ผมต้องจอดรถเทียบข้างทางเพราะมันร้องไห้ ครั้งนี้เป็น
ครั้งที่สองแล้ว

“เปล่า ไม่ได้ผิดหวัง ก็พี่โอมอ่ะ ปล่อยให้ปั้นโกรธทำไมเรื่องหมวกอ่ะ ทำไมไม่บอกปั้นก่อนตั้งแรก”ปั้นว่าไป ร้องไห้ผม

“ที่พี่ไม่ได้บอกก่อน เพราะมันเป็นของขวัญไง พี่ก็ต้องเซอร์ไพรซ์สิ อีกอย่างพี่อยากให้ปั้นรู้ไว้ว่า พี่ตามใจปั้นทุกอย่างไม่ได้
หรอกนะบนโลกใบนี้ วันนี้ปั้นร้องอยากได้หมวก แต่ถ้าวันหน้าปั้นร้องอยากได้ดวงดาง ได้พระจันทร์ พี่ไม่แย่เลยหรอ”ผมพูดกึ่งตลกให้ปั้นฟัง แต่ผมหมายความตามที่พูดจริงๆ ผมคงตามใจมันหมดไม่ได้ทุกอย่าง ถ้าอีกหน่อยผมให้มันไม่ได้ มันไม่ทิ้งผมไปเลยหรอ

“ไอ้พี่โอมบ้า ใครร้องหาดาวร้องหาพระจันทร์กัน”ผมยิ้มให้มันก่อนจะหยิบกระดาษทิชชู่เช็ดหน้าเช็ดตาให้มัน

“พี่โอม... ปั้นเข้าใจนะพี่โอมพูด ปั้นสัญญาว่าจะเอาแต่ใจให้น้อยลง”ผมพยักหน้าให้ปั้น ผมรู้อยู่แล้วว่าปั้นต้องเข้าใจผม เพราะปั้น
เป็นผู้ใหญ่พอตัว

“พี่รู้อยู่แล้วว่าปั้นต้องเข้าใจ สุขสันต์วันคริสต์มาสครับ ขอให้ปั้นของพี่ เป็นคนน่ารักแบบนี้ตลอดไป”ผมอวยพรให้ปั้น

“อืม ปั้นจะพยายามทำตัวให้ดีกว่านี้ หลายๆเรื่องที่พี่โอมทำให้ปั้น ปั้นไม่ลืมหรอกนะ สุขสันต์วันคริสต์มาสครับ พี่โอมของปั้น ขอ
ให้พี่โอมอยู่ข้างๆปั้นตลอดไปนะ”พอผมได้ยินคำพูดนี้ของปั้นน้ำตาผมก็ไหลทันที มันคงเป็นคำพูดที่ดีที่สุดที่ผมเคยได้ยินมาจากปากของปั้น พี่โอมของปั้นงั้นหรอ ขอให้อยู่ตรงนี้ตลอดไปใช่ไหม

“พี่สัญญา พี่จะอยู่ข้างปั้นตลอดไป”แม้ว่าวันไหนที่ปั้นไม่ต้องการพี่แล้วก็ตาม คำพูดสุดท้ายผมได้แต่พูดในใจ ไม่อยากให้มันเสียบรรยากาศ

“โอ๋ๆๆ ไม่ร้องนะ”ปั้นเอามือเช็ดน้ำตาให้ผม ปลอบผมเหมือนเด็กๆ

“ครับ งั้นเรากลับหอกันนะ”ผมว่า ปั้นพยักหน้ารับ คืนวันคริสต์มาสของเรา คงเป็นอีกหนึ่งคืนที่ดีที่สุด แม้ผมจะไม่ได้จัดเซอร์ไพรซ์อันยิ่งใหญ่ แต่กลับให้ของขวัญอันเล็กน้อย เพราะผมคิดว่าคริสต์มาสของผม ยิ่งใหญ่อยู่แล้วเมื่อปั้นเป็นคนที่ผมอยู่ด้วยในคืนคริสต์มาส สำหรับคนสำคัญของผม ดอกไม้สักช่อยังงดงามไม่พอเลย กล่องของขวัญอันสวยหรูยังเทียบค่าไม่ได้ เพราะฉะนั้นสำหรับผมแล้ว ปั้นคือของขวัญวันคริสต์มาสที่ดีที่สุดสำหรับผม


สุขสันต์วันคริสต์มาสครับ...



++++


แอบเอามาหย่อนไว้อีกตอน ฮิๆๆ :z2:

แต่งสดเมื่อกี้นี้เลย อาจจะพิมพ์ผิดพิมพ์ถูกกันบ้าง โปรดให้อภัย

ความจริงคริสต์มาสพรุ่งนี้ แต่หลิวมีสอบ เลยเอามาลงไว้ก่อน :mew4: ยังอ่านหนังสือสอบไม่จบเลย  :mew5:

ถ้ายังไงก็สุขสันต์วันคริสต์มาสล่วงหน้านะค่ะ

 :mc4:

ป.ล. อยากได้คอมเม้นท์จัง  :mew2:

ป.ล. ขอบคุณทุกท่านที่บวกเป็ดให้นะค่ะ   :man1:

วันศุกร์ค่อยเจอกันใหม่ ของแท้แล้ว มีสอบสามวันติด จะบ้าตาย  :z3:  :angry2: :katai1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-12-2013 10:33:44 โดย lew_valen_tom »

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
 :L2:พี่มันเป็นผู้ใหญ่ดี  น้องก็น่ารักนะไม่ง้องแง้ง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
น้องปั้นมันน่ารัก พี่โอมก็ไม่ตามใจน้องจนเกินไป

lew_valen_tom

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 3


“ไอ้ปั้น มึงจะแดกข้าวเย็นมั้ยเนี่ย จะห้าโมงและนะเว้ย”เสียงโหวกเหวกโวยวายจากคนร่วมห้องส่งเสียงเรียกร่างบางที่ยังนอนหลับอยู่บนเตียง ร่างบางขยับตัวยุกยิกเล็กน้อย เป็นอันรู้ว่าตอบสนองต่อเสียงเรียก แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะปลุกให้เขาลุกมาจากเตียงอย่างจริงจัง

“ปั้น สรุปว่ามึงจะลุกขึ้นมาได้ยัง”

“อืมมมมม”ร่างบางขานตอบเบาๆ ก่อนจะพยายามลืมตาขึ้น กระพริบตาถี่ๆสู้แสง

“ไปกินข้าวกับกูได้แล้ว คนจะเต็มเวียงแล้ว เดี๋ยวไม่มีที่นั่ง”คนปลุกไม่ปลุกเปล่า ยังมากระชากแขนคนที่ยังสะลึมสะลือให้ลุกขึ้นนั่ง

“ไปล้างหน้าแปรงฟัน แล้วก็แต่งตัวซะ ห้านาทีนะ กูหิว”ร่างบางที่สติยังไม่เต็มร้อยพยายามประมวลผลคำสั่งของคนตรงหน้าก็พอจะเข้าใจได้ว่า ตัวเองต้องไปจัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยเพื่อจะได้ลงไปหาอะไรกิน ครั้นมองเห็นเตียงก็อดจะนึกถึงเรื่องเมื่อวานไม่ได้ ใครกันที่บอกว่านอนพักแล้วมันจะดีขึ้น ในเมื่อความทรงจำยังไม่เลือนหาย มันจะดีขึ้นได้อย่างไรกัน

.

.

.

“ไอ้เชี่ยโอม ถ้ามึงจะลงมีดยังนี้ มึงไปเปิดเน็ตเตอร์ กับดูเช็คลิสต์ให้พวกกูพอ มึงลอกสกินแบบนี้กล้ามเนื้อหายหมด แล้วจะเอาคะแนนเก็บที่ไหนวะ”ไอ้วัฒน์ เพื่อนในกลุ่มแล็บผมโวยวายขึ้นมา เมื่อเห็นว่าผมกำลังผ่าร่างอาจารย์ใหญ่เสียหาย

“เห้ยๆ โทษที กูเหม่อไปหน่อย”ผมรีบขอโทษขอโพย เมื่อเห็นว่ากล้ามเนื้อตรงแขนอาจารย์ใหญ่กำลังจะหลุดตามสกินที่ผมลอกออกมาแล้ว

“อย่าเหม่อดิวะ ตั้งใจทำหน่อย วันนี้ต้องหาเส้นประสาทเยอะนะเว้ย”คือว่าวันนี้เช็คลิสต์เยอะจริงนั้นแหละครับ ผมพยายามไม่คิดเรื่องของปั้น และก็ตั้งใจสนใจกับเรื่องเรียนตรงหน้าให้มากที่สุด แม้ว่าเรื่องของปั้นจะโผล่มาแวบๆให้หงุดหงิดหัวใจเล่นก็ตาม

.

.

.

“ไอ้โอม มึงล้างอุปกรณ์เสร็จยัง แล้ววันนี้จะไปเรียนฟิสิโอต่อป่ะเนี่ย”ไอ้เต้ เพื่อนสนิทผมเดินมาถามที่อ่างล้างอุปกรณ์

“ไม่ชัวร์ว่ะ ผ่าวันนี้มันเหนื่อยจนกูอยากโดดเลยว่ะ”ผมตอบพลางเช็ดอุปกรณ์ให้แห้ง

“งั้นโดดเลย กูจะได้กลับพร้อมมึง”ไอ้ห่านี่ ไม่เคยชวนผมไปทำอะไรสร้างสรรค์บ้างเลย

“จัดไป”ผมก็เจริญพอๆกับมันนั่นแหละ

“งั้นกูไปรอที่รถ มึงจอดรถไว้ตรงไหนเนี่ย”

“หน้าตึกวิทย์ กุญแจรถอยู่ในกระเป๋าว่ะ มึงไปสตาร์ทเครื่องรอเลย เดี๋ยวกูตามไป”ผมเร่งมือเก็บอุปกรณ์ใส่กล่อง เพื่อจะได้นำไปเก็บที่ล็อคเกอร์

“เออ รีบตามมานะมึง ชักช้ากูขับกลับหอตัวเองแน่”ไอ้เต้มันขู่ผมแบบขำๆ อันที่จริงก็ไม่ได้มีแค่ไอ้เต้คนเดียวที่ติดรถผมไปลงหน้ามอ มีทั้งไอ้วิน ไอ้นิ่ง เพื่อนก๊วนผมทั้งนั้น

“มึงกล้าก็ลองดู”ผมท้าทาย ถ้าไม่ติดว่าถือของเต็มมือ ผมคงแจกของดีให้มันไปแล้ว ผมเดินเอาของไปเก็บที่ล็อคเกอร์เรียบร้อย เตรียมสะพายกระเป๋าเดินไปหน้าตึกวิทย์ก็เห็นแก้วยืนละล้าละลังอยู่แถวหน้าช็อปกับยุ้ย

“โอม”แก้วส่งเสียงเรียกเมื่อผมกำลังจะก้าวเดินผ่านไป

“มีไรแก้ว”คงไม่พ้นไอ้เรื่องน้องปั้น ผมคิดในใจ

“เผอิญปิ่นเพื่อนเราฝากมาขอบคุณเรื่องที่ดูแลปั้นให้ แล้วเมื่อวานโอมไปส่งปั้นที่หอในป่ะ”แก้วถามพลางเดินไปทางตึกวิทย์ ทางเดียวกับผม

“ก็ไปส่งอ่ะ เอ่อ ว่าแต่คณะวิศวะนี่มันเข้าห้องเชียร์วันไหนหรอ”ขอซอกแซกหาความลับสักนิดแล้วกัน

“ก็เมื่อวาน กับวันนี้อ่ะแหละ ถ้าเราจำไม่ผิดนะ โอมมีอะไรหรอ”

“อ้อ เผอิญเมื่อวานปั้นลืมสมุดเชียร์ไว้ที่ห้องนะ ว่าจะเอาไปคืนให้”ผมรีบหาข้ออ้างอันสมเหตุสมผลมารองรับคำถามของตัวเองทันที พลางลอบมองสีหน้าของแก้วว่าสงสัยในพิรุธของผมรึเปล่า

“อ๋อ งั้นเอาเบอร์ปั้นไปมั้ย โอมอย่าฝากสมุดเชียร์ไปกับพวกรุ่นพี่นะ เดี๋ยวปั้นจะโดนทำโทษ”เยสสสสสส ผมอยากจะโห่ร้องด้วย
ความดีใจ ทำไมสวรรค์เปิดทางให้ผมง่ายดายแบบนี้นะ ผมควักโทรศัพท์มือถือตัวเองให้แก้วกดเบอร์ของปั้นให้ทันที

“เรียบร้อยแล้วโอม งั้นเราไปก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน”แก้วโบกมือให้ผม ก่อนจะเดินแยกไปอีกทาง ผมรีบเมมเบอร์ของปั้นไว้ในโทรศัพท์ด้วยเกรงว่าจะไปกดโดนแล้วเบอร์จะหายไปเสียก่อน ยังไงคืนนี้เราก็ได้คุยกันแน่นอน...

.

.

.

ผมรอเวลาจนเห็นว่าประมาณสามทุ่มกว่า ซึ่งคาดว่าน้องน่าจะเลิกห้องเชียร์เรียบร้อย จึงคว้าโทรศัพท์มากดหาปั้นทันที

ตู๊ด....

ตู๊ด...

ผมฟังเสียงสัญญาณรอสาย จนสายถูกตัดอัตโนมัติเนื่องจากไม่มีคนรับสาย

“หรือว่ามันจะอาบน้ำอยู่วะ”ผมได้แต่บ่นกับตัวเอง บอกกับตัวเองไว้ว่าอีกสิบนาทีจะโทรไปใหม่

ตู๊ด...

(ฮัลโหล)

“...”ผมแทบไม่กล้าส่งเสียงไปด้วยกลัวว่าน้องจะตัดสายทิ้ง เสียงบรรยากาศจากทางฝ่ายโน้น ฟังดูแล้วอีกฝ่ายน่าจะอยู่ในสถานที่อึกทึกครึกโครมพอดู แต่สักพักก็เหมือนอีกฝ่ายจะเดินห่างออกมาจากสถานที่นั้น

(ฮัลโหล ใครครับ ได้ยินมั้ยครับ)

“...ปั้น”ผมแทบไม่รู้ตัวว่าเสียงตัวเองจะเบาหวิวขนาดนี้ อีกฝ่ายเงียบไปพักใหญ่พอสมควร

(พี่โอม...)

อีกฝ่ายเอ่ยชื่อผมด้วยความไม่แน่ใจนัก ราวกับต้องการคำยืนยันจากผม

“ใช่ ปั้นอย่าเพิ่งวางนะ พี่อยากอธิบายเรื่องให้ปั้นเข้าใจ คืนนั้นพี่สาบานได้เลยว่า พี่ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยกับปั้นแม้แต่นิดเดียว พี่แค่เช็ดตัวให้ปั้นเท่านั้นเพราะปั้นไข้ขึ้นสูงมาก แล้วรอยเลือดนั้น คืนนั้นปั้นนอนดิ้นแล้วมือมาปัดโดนหน้าพี่ แล้วเลือดกำเดาพี่ไหลเลอะผ้าปูที่นอนเท่านั้น คืนนั้นไม่มีอะไรเกินเลยจริงๆ”ผมพูดจนแทบจะลืมหายใจด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมรับฟัง ปลายสายเงียบไปอีกพักใหญ่

“ปั้น ฟังพี่อยู่รึเปล่า”ผมถามเมื่อไม่ได้ยินเสียงปลายสาย

(อืม...)

“พี่ขอโทษที่ทำให้ปั้นเข้าใจผิด พี่แค่แหย่เล่นนะ ปั้นหายโกรธพี่นะ”ผมเผลอทำเสียงง้องอนอีกฝ่ายไปอย่างไม่ทันรู้ตัว กับแฟนคนเก่าๆผม ผมยังไม่เคยง้อขนาดนี้เลยนะเนี่ย

(อืม...)

อีกฝ่ายก็ยังคงตอบผมด้วยคำสั้นๆคำเดิม แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้เงียบหายไปนานอย่างก่อนหน้านี้

“ปั้นครับ แล้วตอนนี้ปั้นอยู่ที่ไหน ตอนปั้นรับสายครั้งแรกเสียงดังจัง”ผมเริ่มถามซอกแซกอีกฝ่ายด้วยคำถามที่ไม่ให้อีกฝ่ายได้ตอบประโยคเดิมอีก

(ร้าน...)

ผมนิ่วหน้าทันทีเมื่อได้ยินชื่อสถานที่ ก็เข้าใจว่าคณะนี้ขึ้นชื่อเรื่องความแมน แต่ก็ไม่เห็นต้องมาแมนด้วยการไปดื่มเครื่องดื่มมึนเมาเพื่อประกาศศักดาว่าตัวเองเจ๋ง ตัวเองเท่

“แล้วปั้นไปกับใคร จะกลับเมื่อไหร่ ให้พี่ไปรับมั้ย”

(มากับเพื่อน ยังไม่รู้ว่าจะกลับเมื่อไหร่)

เป็นประโยคคำตอบที่ยาวที่สุดเท่าที่ผมกับปั้นคุยโทรศัพท์กันมาเลยทีเดียว

“แล้วปั้นอยากกลับรึยัง เดี๋ยวพี่ไปรับ”

(อืม... ปั้นอยากกลับแล้ว)

อ๊ากกกก ผมจะบ้าตาย อย่ามาแทนตัวเองด้วยชื่ออย่างนี้สิ มันน่ารักเกินไปแล้วนะ

“งั้นเดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงพี่คงไปถึง เดี๋ยวพี่โทรหาปั้นอีกที รอรับโทรศัพท์ด้วยล่ะ”

(ครับ...)

“งั้นแค่นี้นะครับ”

(ครับ)

ผมอยากจะบ้าตาย ผมรู้ตัวแล้วว่าผมกำลังแพ้ทางเด็กคนนี้แน่ๆเลย อาการผมเข้าขั้นโคม่าแล้วครับทุกคน... ผมรีบเปลี่ยนชุด แล้วคว้ากุญแจรถออกมาจากห้องอย่างรวดเร็ว แต่มันก็ยังไม่เร็วเท่าใจผมอยู่ดี เพราะตอนนี้มันลอยไปหาเด็กหน้าใสคนนั้นเสียแล้ว

.

.

.

ผมหยุดรถตรงบริเวณใกล้ทางเข้าร้านโดยยังไม่ดับเครื่อง ผมชะเง้อชะแง้มองหาปั้นก็ก็ไม่เจอจริงๆ เนื่องด้วยว่าวันนี้คนมาเยอะมาก ผมเลยกดโทรศัพท์หาปั้นอีกครั้ง ผมรอสายนานมากจนสายตัดไปแล้วสองครั้ง ยิ่งรอสายนานใจผมก็ยิ่งกระวนกระวาย ผมยังไม่ลดละความพยายามในการโทรศัพท์หาปั้น คราวนี้มีคนกดรับสาย

(ฮัลโหลครับ)

ไม่ใช่เสียงปั้น... ในหัวของผมคิดได้เท่านี้หลังจากที่ได้ยินเสียงคนรับโทรศัพท์

(ฮัลโหล)

“เอ่อ ครับ ปั้นอยู่ไหมครับ”

(อ้อ ครับ ปั้นไปเข้าห้องน้ำครับ มีอะไรรึเปล่าครับ)

“พี่เป็นพี่ชายปั้นน่ะครับ ปั้นให้พี่มารับน่ะ”สมอ้างเลยละกันทั้งๆที่ในใจก็ไม่ได้อยากเป็นแค่พี่ชาย

(อ้อ เอ้อ ปั้นมาแล้วครับพี่ เดี๋ยวคุยกับปั้นนะครับ)

ผมรออีกฝ่ายส่งต่อโทรศัพท์อย่างใจจดใจจ่อ

(ครับ)

“ปั้น พี่โอมนะ ปั้นจะกลับรึยัง พี่รออยู่ที่หน้าร้านแล้วนะ”

(ปั้นจะกลับแล้ว รอแปบนะ เดี๋ยวปั้นบอกเพื่อนก่อน)

“ครับ พี่รอหน้าร้านนะ”อีกฝ่ายกดตัดสายไป ผมลงจากรถมายืนแถวหน้ารถด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะมองไม่เห็นผม ไม่นานนักผมก็เห็นคนที่ผมต้องการเจอตัวมากที่สุดเดินออกมา ผมมองอีกฝ่ายไกลๆอย่างอดยอมรับไม่ได้ว่า ปั้นเป็นผู้ชายที่แต่งตัวขึ้นมากๆคนหนึ่ง แม้อีกฝ่ายจะแต่งตัวตามวัยรุ่นสมัยนิยม แต่ก็ไม่ได้แฟชั่นจ๋า อีกทั้งยังดูเหมาะสมกับตัวเองอีกด้วย ช่างตรงข้ามกับผม เพราะผมนี่ชอบแต่งตัวพอสมควร แต่แน่นอนว่ามันก็ต้องขึ้นกับโอกาสด้วย และโอกาสก็ดันไม่ได้มีให้ผมบ่อยๆ ผมโบกมือให้ปั้นเห็นว่ารถผมจอดตรงนี้

“รอนานไหม”ปั้นถามผมด้วยใบหน้าเรียบๆ เพียงแต่ผมเห็นสายตาแอบเกรงใจในนัยน์ตาคู่นั้น

“ไม่นานหรอก ขึ้นรถเถอะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”ผมกดรีโมทรถให้อีกฝ่ายเปิดประตูขึ้นไปนั่ง ผมสตาร์ทรถเตรียมจะออกรถ ในใจก็นึกหาเหตุผลที่จะทำให้เราสองคนได้อยู่ด้วยกันนานขึ้นอีกหน่อย

“ปั้นหิวข้าวไหม ทานอะไรมารึยัง”ผมแอบได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากอีกฝ่ายมาเล็กน้อย นึกไม่ชอบใจอยู่ในที แต่จะไปห้ามน้องเขาก็ดูจะไม่มีสิทธิ์อะไรขนาดนั้น

“ปั้นยังไม่ได้กินอะไรเลย ในร้านมีแต่กับแกล้ม”ผมหันไปมองหน้าปั้นตอนที่ปั้นตอบ ดูอีกฝ่ายจะเกร็งๆกับท่าทีผมมากพอควร

“พี่ก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย งั้นเดี๋ยวเราแวะหาอะไรกินกันนะ ปั้นอยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า”ผมถามเตรียมเอาใจอีกฝ่ายเต็มที่

“ปั้นยังไงก็ได้”

“งั้นข้าวต้มกุ๊ยไหม จะได้ไม่หนักท้อง”เห็นอย่างนี้ผมก็รักษาหุ่นพอตัวนะครับ ยิ่งวันๆมีแต่เรียนหนังสือแล้วก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรอาจจะลงพุงได้ง่ายๆ

“อืม”

.

.

.

“ปั้น เรื่องวันนั้น พี่ขอโทษจริงๆนะ”ผมพูดมาอีกครั้งหลังจากที่บรรยากาศในรถเงียบไปพักใหญ่ ปันหันหน้าออกไปทางหน้าต่างราวกับไม่อยากรับฟังที่ผมพูดนัก

“ปั้น... หันมาฟังพี่ดีๆ พี่แค่อยากรู้ว่าตอนนี้ปั้นรู้สึกยังไงกับพี่ พี่จะได้วางตัวถูก ถ้าปั้นรู้สึกเกลียดหน้าพี่ วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่พี่จะมาเกาะแกะกับปั้น พี่ก็ไม่อยากให้ปั้นรู้สึกอึดอัด”ผมพูดไป สายตาก็มองตรงไปตามทางที่ขับรถ แม้ในใจอยากจะเค้นคำตอบจากอีกฝ่ายมากเท่าไหน แต่เขาก็ทำไม่ได้

“ปั้นไม่ได้โกรธ หมายถึงตอนนี้ปั้นไม่ได้โกรธ แต่ก่อนหน้านี้โกรธมากจนแทบเกลียดเลย ปั้นไม่ชอบให้ใครมาล้อเล่นแบบนี้ มันเป็นเรื่องใหญ่ไม่ใช่หรอ ทำไมต้องมาล้อปั้นเล่นแบบนี้ ปั้นไม่ชอบ”อีกฝ่ายพูดไป เสียงสั่นไปจนเขารู้สึกผิดเต็มๆ นี่เขาลืมคิดไปรึเปล่า ว่าเรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นเรื่องเล็กสำหรับเขา แต่อาจจะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับใครอีกคน

“พี่ขอโทษ ตอนนั้นพี่คิดน้อยไป ไม่เอาน่าปั้น อย่าร้องไห้สิ พี่รู้สึกไม่ดีนะครับ”ผมจอดรถเทียบข้างทางเมื่อเห็นอีกฝ่ายน้ำตาไหลหนักขึ้น

“ปั้น...”ผมจับหน้าอีกฝ่ายให้หันมามองทางตัวเอง ในใจผมตอนนี้มันเจ็บหนึบไปหมด ผมดึงทิชชู่ที่เบาะหลังมาเช็ดน้ำตาให้อีกฝ่าย ผมรู้แต่ว่าน้ำตาของคนนี้ทำให้ผมเจ็บเหมือนเวลาเห็นแม่ผมร้องไห้ มันเป็นความรู้สึกแบบไม่อยากจะเห็น ไม่อยากให้เขาเสียน้ำตาเพื่อผม

“ไม่เอานะคนดี อย่าร้องเลย ต่อไปนี้พี่จะไม่แกล้งปั้นแล้วนะ โอ๋ๆๆ”ผมลูบศีรษะอีกฝ่ายเบาๆ แต่กลับทำให้ปั้นร้องไห้หนักมากกว่าเดิม คราวนี้จากที่เคยมีแค่น้ำตาไหล กลับมีเสียงสะอึกสะอื้นชุดใหญ่มาให้ได้ยิน

“ฮึก... ไอ้บ้า ฮึก... ใครบอกให้มาแกล้งวะ ฮึก คนยิ่งไม่... ฮึก... ชอบ”ปั้นโวยวายออกมา แม้ปั้นจะต่อว่าผมสารพัด จะทุบตีผมพอให้หายแค้นอยู่บ้าง แต่ผมก็คิดว่ามันดีกว่าอีกฝ่ายเงียบเฉย วางตัวเหินห่างสุภาพเกินไป ผมคิดว่าปั้นเป็นปั้นแบบที่ปั้นเป็น ปั้นคนนั้น น่ารักกว่าเยอะ

“แม่ง ฮึก... เรื่องอย่างนี้ใครมา ฮึก... หลอกกันวะ ฮึก... แม่ง ไอ้บ้า ฮึก...ไอ้นิสัยไม่ดี”ผมคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดตอนนี้คือเงียบซะ เพราะไม่ว่าผมจะพูดอะไรอีกฝ่ายก็พาลจะน้ำตาหยดแหมะลงมาเรื่อยๆให้รู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ ผมรอให้ปั้นหยุดร้องไห้ แต่กว่าอีกฝ่ายจะหยุดร้องไห้จริงๆจังๆก็เกือบครึ่งชั่วโมง

“ตาบวมหมดเลย แล้วอย่างนี้จะลงไปกินข้าวกับพี่ได้หรอ ไม่อายเขารึไง”ผมแซวอีกฝ่ายเล่นเมื่อเริ่มเห็นท่าทีอายๆของปั้น

“ปั้นไม่อายหรอก ทำไม พี่โอมอายหรอ งั้นไปส่งปั้นกลับหอเลย”ปั้นพูดพร้อมกับส่งสายตาวาวเอาเรื่องมาทางผม แอบปลื้มใจนิดๆที่อีกฝ่ายยอมเรียกชื่อผม ยอมเรียกผมว่าพี่ แม้ดูอีกฝ่ายจะยังไม่ค่อยชินกับสรรพนามแบบนี้ แต่มันก็น่ารักไม่ใช่น้อย และผมไม่หยุดที่คำว่าพี่น้องแน่นอน

“โอ้ย พี่ไม่อายหรอก แค่เดี๋ยวมีใครคิดว่าพี่รังแกปั้นน่ะสิ พี่ก็กลายเป็นคนนิสัยไม่ดี”ผมโอดครวญเรียกร้องความสงสารจากอีกฝ่าย ปากก็แกล้งบ่นงึมงำไป สองมือก็จับพวงมาลาลัยเตรียมออกเดินทางอีกครั้ง

“มันก็จริงไม่ใช่หรอ คนนิสัยไม่ดี”ปั้นว่าพลางทำสีหน้าสะใจไปด้วย จนทำให้ผมไม่กล้าจะเรียกร้องอะไรจากอีกฝ่ายเลย ได้แต่ขับรถไปเงียบๆ ทำหน้าจ๋องๆให้อีกฝ่ายนึกเอ็นดูบ้าง เพียงแต่อีกฝ่ายที่ว่ากลับหันหน้าหนีออกไปทางหน้าต่าง แต่อย่างน้อยผมก็แอบเห็นรอยยิ้มที่อมความสุขไว้เล็กน้อย แค่นั้นผมก็รู้แล้วว่า ผมไม่ควรเรียกร้องอะไรจากอีกฝ่ายไปมากกว่ารอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุขทุกครั้งไป...


++++

แอบย่องมาลง ฮ่าๆๆ

ความจริงสอบวันนี้เครียดจัดเลยมานั่งแต่งนิยายซะเลย

เหลืออีกสองวันอันตราย แล้วหลิวจะผ่านไปได้ไหมเนี่ย ฮ่าๆๆ

ความจริงว่าจะมาลงให้วันศุกร์จริงๆนะ แต่แบบว่าแต่งเสร็จไว้อีกตอน

เลยแอบเอามาหย่อนให้ก่อน

กลัวว่ากลับบ้านช่วงปีใหม่จะไม่ได้มาลง ฮือๆๆ

ถ้ายังไงก็ฝากติชมกันด้วยนะค่ะ

อยากได้ความคิดเห็นของคนอ่านบ้าง ฮิๆๆ

สุขสันต์วันคริสต์มาสค่าา

ออฟไลน์ Palmpalm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
พี่โอมะเมียกั๊กไม่ยอมเป็นแค่พี่น้องด้วยอ่ะ

รอตอนต่อไปค่า

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
อำจนน้องมันร้องไห้เลย ปั้นคงเครียดมาตลอด
น่าตีจริงๆพี่โอม

lew_valen_tom

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 4


หลังจากเหตุการณ์วันนั้นมา ผมกับปั้นก็คุยกันบ่อยขึ้น เจอหน้ากันบ้างแต่ไม่บ่อย เพราะช่วงรับน้องยังไม่พ้นไปเลย ความเหนื่อยของผมและปั้นแทบจะเป็นเท่าทวีคูณ เพราะปั้นเองก็ต้องเข้าห้องเชียร์ทุกสัปดาห์ แถมยังต้องไปนั่งล่ารายชื่อพี่ที่คณะอีก ไหนจะต้องตื๊อพี่รหัสอีก มันช่างเป็นภารกิจที่เหนื่อยอย่างยิ่งของเด็กปีหนึ่งเลยก็ว่าได้ ส่วนเด็กปีสองอย่างผมน่ะหรือครับ ผมก็ต้องเข้าห้องเชียร์แบบเดียวกับน้องเช่นกัน เพราะตำแหน่งพี่วินัยมันค้ำคอ แถมยังต้องเตรียมตัวสอบมิดเทอมของอนาโตมี่ตัวแรกอีกด้วย แถมเรียนก็เลิกดึกทุกวัน กลับถึงหอนี่แทบจะสลบเหมือดเลย เวลาจะโทรหากันแทบจะไม่มี และบังเอิญเหลือเกินที่วันนี้เป็นวันว่างองผม อันที่จริงก็ถึงกับว่าหรอกครับ แต่อาจารย์งดสอบเลคเชอร์อนาโตมี่ของสัปดาห์นี้ แล้วก็ไม่มีผ่าทั้งสัปดาห์ แต่ให้นิสิตเข้าไปดูแล็บได้ ผมเลยหายใจหายคอคล่องหน่อย เรื่องอ่านหนังสือไม่ต้องห่วงครับ โปรโมชั่นของผมวันเดียวก่อนสอบเท่านั้น และวันนี้ผมว่าจะพาปั้นไปเดินเล่นในเมืองซะหน่อยให้หายเครียด

“ปั้น เรียนเสร็จรึยัง จะให้พี่ไปรับที่ไหนครับ”ผมโทรศัพท์หาอีกฝ่าย วันนี้ปั้นมีเรียนครึ่งวันเช้า ส่วนผมก็เกลือกกลิ้งที่หอไปตามสะดวก

(เลิกเรียนแล้ว พี่โอมอยู่ไหนล่ะ)

“พี่อยู่ที่หอเนี่ยแหละ ปั้นเสร็จแล้วใช่ไหม เดี๋ยวพี่ไปรับ”ผมรีบกระเด้งตัวลุกจากเตียงทันที

(พี่โอม ไม่ต้องๆ เดี๋ยวปั้นนั่งรถไปหน้ามอเอง พี่โอมรอปั้นตรงจุดลงรถหน้ามอนะ)

“อ้อ แล้ว...”ผมกำลังจะอ้าปากพูด แต่อีกฝ่ายกดตัดสายไปอย่างรวดเร็ว ส่วนผมก็ได้แต่มองหน้าจอโทรศัพท์งงๆ

ถ้าตอนนี้ทุกคนจะถามว่าผมกับน้องตอนนี้อยู่ในสถานะไหน ผมเองก็คงตอบทุกคนไม่ได้ว่าสถานะตอนนี้ของเราเรียกว่าอะไร แต่สำหรับผมแล้ว ปั้นคือคนเดียวที่ผมอยากคุยด้วยแม้จะเหนื่อยแค่ไหนก็ตาม คือคนที่ผมอยากเห็นหน้าเพื่อให้ความเหนื่อยมันหายไป เป็นคนเดียวที่ผมคิดถึงทุกครั้งที่ไปที่ไหน ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกพวกนี้มันคืออะไร แต่ที่แน่ๆ มีแค่ปั้นคนเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกอย่างนี้มาตลอด แต่สำหรับปั้นเอง ผมก็ไม่รู้ว่าปั้นจะคิดยังไงกับผม แต่ผมว่าทุกวันนี้ผมก็พอใจกับการที่เราสองคนเป็นอยู่ตอนนี้ การได้คุยกัน ได้หัวเราะด้วยกัน ได้งอนกัน ได้ง้อกัน ได้คิดถึงกัน ได้... รักกัน

.

.

.

ผมจอดรถรอปั้นแถวๆจุดลงรถ สายตาก็ชะแง้คอยมองกระจกหลังเป็นพักๆเมื่อเห็นว่ารถเมล์ของมอมาจอด และแล้วก็เป็นคนที่ผมรอคอยกำลังก้าวลงจากรถ ผมปลดล็อครถเตรียมรอให้อีกฝ่ายเดินมา สายตาก็จดจ้องปั้นไม่วางตา ในใจนึกเขม่นไอ้เด็กน้อยเพื่อนร่วมห้องของปั้นเล็กน้อย เมื่อมันแสดงท่าทีสนิทสนมเกินควร ผมรู้ว่าก้องกับปั้นเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่รับน้องของมอ แต่การมาจับแก้มกันนี่มันออกจะเกินควรไปหน่อย ดีนะที่ปั้นปัดมือมันทิ้ง ไม่งั้นวันนี้เราได้เคลียร์กันยาวแน่นอน

.

.

ก็อกๆ

ปั้นเคาะกระจกรถผม ผมเลยเอื้อมแขนไปเปิดประตูให้ปั้น

“อ้าว พี่โอมไม่ได้ล็อคหรอ ปั้นนึกว่าล็อค”ปั้นเอี้ยวตัวไปวางกระเป๋าไปเบาะหลัง แล้วหันหน้ามาฉีกยิ้มให้ผมทีนึง

“พี่เห็นปั้นตั้งแต่ลงรถเมล์แล้ว”ผมยิ้มให้คนตรงหน้า พยายามไม่เก็บเรื่องไร้สาระมาให้ขุ่นเคืองใจ

“อ้อหรอ แล้วพี่โอมรอปั้นนานไหม คนมันเยอะอ่ะ ปั้นรอรถเมล์นานเลย”

“ก็พี่บอกแล้วว่าเดี๋ยวพี่ไปรับก็ไม่เอา”ผมเคลื่อนรถเตรียมตัวขับรถเข้าเมือง แม้ว่ามหาวิทยาลัยผมจะอยู่อำเภอเมืองก็เถอะ แต่ก็นับว่าชานเมืองเลยทีเดียว

“ก็ปั้นเกรงใจ อีกอย่างไอ้ก้องก็จะออกมาหน้ามอด้วย ปั้นก็เลยมาเป็นเพื่อนมันเลยไง”ผมเห็นปั้นเริ่มคุ้ยเขี่ยหาโน่นหานี่บนรถผมแล้วอดขำไม่ได้ ปั้นเป็นคนชอบกินขนมบนรถน่ะครับ ตรงข้ามกับผมเลย เพราะผมไม่ชอบให้รถเปื้อน แต่กับปั้นนี่ผมยอมให้คนเดียวเลย

“ขนมอยู่ในลิ้นชักน่ะ อย่าทำหกล่ะ”

“รับทราบครับผม พี่โอมน่ารักจริงๆนะเนี่ย”แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายชมผมแบบประจบประแจงหน่อยๆก็เถอะ แต่ผมก็ชอบเวลาที่ปั้นเห็นผมดีกว่าคนอื่นจริงๆ

.

.

.

“ปั้น อยากกินอะไร หรือว่าจะเดินเล่นก่อน”ผมถามเจ้าตัวที่เริ่มจะตาปรือนิดๆ ก็เข้าใจนะครับว่าขับรถเข้าเมืองก็เกือบครึ่งชั่วโมง หนังท้องตึง หนังตาก็หย่อนเป็นธรรมดา

“ไปเดินเล่นก่อนดีกว่าพี่โอม ปั้นยังอิ่มขนมอยู่เลย”

“ก็แน่ละ เล่นกินเลย์ซองใหญ่อยู่คนเดียว พี่เกือบไม่ได้กิน”

“อย่ามาเว่อร์ พี่โอม ตัวเองก็กินไม่ใช่น้อยนั่นแหละ มาบอกให้ปั้นป้อนให้อยู่ได้”

“กินมากๆระวังลงพุง พี่ไม่รักนะเอ้อ จะบอกให้”ผมแซวเรื่องน้ำหนักที่พักหลังที่ผมกับปั้นเริ่มคุ้ยเคยกัน มักจะออกหาแต่ของกินเป็นประจำ จนอีกฝ่ายเริ่มบ่นมาลงพุงเล็กๆ

“จะทิ้งปั้นหรอ ดี... แล้วพี่โอมจะซึ้ง”

“โอ๋ๆๆ พี่ล้อเล่นนะคนดี ใครจะทิ้งลง น่ารักขนาดนี้ เนอะ”ถ้าผมทิ้งปั้น ผมก็คนโง่ดีๆนี่เอง ปั้นไม่ใช่คนตัวเล็กน่ารักอะไรแบบนั้น แต่ปั้นเป็นคนมีเสน่ห์เวลาพูดคุยน่ะครับ แบบว่าใครได้คุยกับมันนี่รับรองว่ามีหลง แต่ติดที่ว่ามันเป็นคนกวนไม่ใช่น้อย เลยยังเป็นที่แขยงของชาวบ้านหน่อยๆ

“ไม่ต้องมาเนอะเลย”ปั้นทำหน้ากระเง้ากระงอด เวลามันงอนก็น่ารักดีครับ แต่ถ้ามันโกรธ ผมจะวายวอดเอาให้ได้นี่สิ

“ก็แฟนพี่ จะไม่มาเนอะกับพี่หรอครับ”ผมโมเมตั้งสถานะให้น้องเอาเอง เล่นเอาอีกฝ่ายหน้าแดงระเรื่อขึ้นมา

“ขี้โม้ว่ะ ใครเป็นแฟนพี่กัน”ผมแอบเสียใจเล็กน้อยที่ได้ยินปั้นพูดแบบนั้น แต่ก็พอเข้าใจเพราะว่าสถานะของเรามันก็ไม่ชัดเจนสักที อาจเป็นเพราะผมเองด้วยที่ไม่ได้บอกให้น้องรู้ความรู้สึกของผม และก็ไม่ได้ตั้งสถานะให้กับเราทั้งคู่ แต่ก็ทำไงได้ ถึงผมจะผ่านคนโน้นคนนี้มาเยอะ แต่กับคนๆนี้ ผมอยากจะเอาคำว่ารัก ไว้กับการกระทำทั้งหมดของผม เพราะผมไม่อยากพูดออกมาให้มันไร้ค่า และผมมั่นใจว่า คนในอนาคตของผม ต้องเป็นปั้นแน่นอน

.

.

.

ผมพาปั้นไปเดินเล่นในห้างโลตัส ซึ่งเป็นห้างที่ดีที่สุดแล้วสำหรับพวกผม แต่ก็ได้แค่เดินดูโน่นดูนี่นิดหน่อย ซื้อขนมกระจุกกระจิกมานิดหน่อย ไว้ให้ไอ้ตัวดีกินตอนอยู่บนรถนั่นแหละ หลังจากนั้นผมก็ขับรถออกไปหาร้านอาหารอร่อยๆกินกัน ผมเลือกที่จะจอดรถหน้าร้านพิซซ่า ที่ถนนท่ากว๊าน (รู้แล้วใช่ไหมว่ามออะไร จุ๊ๆนะ) บอกตรงๆว่าผมยังไม่เคยมากินร้านนี้เลย เผอิญว่าวันที่มารับปั้นที่ร้านเหล้า ขับรถผ่านพอดี เลยวาดหวังว่าจะมากินให้ได้ และผมก็ได้มากับปั้นด้วย

“พี่โอมเคยมาหรอ”

“ไม่อ่ะ วันนั้นพี่มารับปั้นแล้วเห็นร้านนี้พอดี น่านั่งไหม”ผมถามอีกฝ่าย แต่พอเห็นท่างระริกระรี้ของมันก็พอจะเดาคำตอบได้อยู่

“โคตรๆอ่ะพี่ แต่จะแพงมั้ยอ่ะ ปั้นไม่ค่อยมีเงินนะเอ้อ จะบอกให้”

“เออ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง ไว้คราวหน้าปั้นค่อยเลี้ยงพี่แทน”เอาแต่เลี้ยงมันฝ่ายเดียวไม่ได้ครับ เดี๋ยวมันเคยตัว ยิ่งเห็นแก่กินอยู่ด้วย

“จะเลี้ยงน้องเลี้ยงนุ่ง ยังจะมาให้เลี้ยงคืนอีก งกฉิบหาย”มันบ่นงึมงำตามประสาบ้าๆบอๆของมันนั่นแหละครับ แต่ผมว่ามันจงใจบ่นให้ผมได้ยินด้วยเถอะ

“แล้วมื้อนี้จะกินรึเปล่าล่ะ”ผมถามย้อนแบบเอาเรื่อง มันรับยิ้มแต้ประจบผมทันที

“กินสิครับ พี่โอมสุดหล่อ”ผมเลือกโต๊ะนั่งที่คอนออกมาทางด้านนอก ก่อนจะส่งเมนูให้มันเลือก

“พี่โอมอยากกินอะไรอ่ะ”

“เอาที่ปั้นอยากกินนั่นแหละ พี่กินอะไรก็ได้ ไม่เอาที่มีหัวหอมนะ ขี้เกียจเขี่ย”คือผมไม่ใช่คนเรื่องมากนะ เพียงแต่ผมไม่ชอบกินหัวหอมจริง ยิ่งมาเรียนที่มอนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เอะอะก็ใส่หัวหอม ใส่พริกหยวกจนเอียน ปั้นนั่งดูเมนูสักแบ แล้วก็ถามผมว่าเอาหน้านั่นไหม หน้านี้ไหม ถ้าหน้าไหนผมเอา มันไม่เอา แล้วก็เสือกสั่งหน้าที่ผมไม่เอามากิน ดูมัน กวนตีนดีไหมล่ะ

“จะถามพี่ทำไมเนี่ย ทีหลังปั้นก็สั่งเองเลยดิ”

“ก็ปั้นจะถามอ่ะ เอาให้ชัวร์ว่าไม่โอมไม่ชอบ จะได้ไม่ต้องมาแย่งปั้นกิน ฮ่าๆๆ”แล้วมันก็หัวเราะครับ ดูเหตุผลของมัน เด็กจริงๆ

“งั้นทีหลังพี่จะโกหกปั้นแหละ ไม่งั้นพี่อดตายแน่ กินเยอะๆระวังลงพุงนะปั้น”ผมเอาไม้ตายมาเตรียมเชือดมัน

“ลงพุงยังไง พี่โอมก็ไม่ทิ้งปั้นหรอกเนอะ เนอะๆๆ”เสือกรู้ทันผมอีก ไอ้เด็กน้อยนี่ ผมได้แต่ยิ้มกับคำพูดมัน ไม่เออไม่ออ ไม่หือไม่อือ ไว้ให้มันไปคิดเอง แต่ในใจผมอ่ะ ตกหลุมคำพูดนั้นอย่างจังเลยหล่ะ

.

.

.

“ปั้น ช่วงนี้เรียนเป็นไงบ้าง”ผมถามมันระหว่างที่เราเดินเล่นที่ริมกว๊าน พามันมาย่อยนะครับ ขืนพามันกินอย่างเดียว เดี๋ยวมันได้กลายร่างเป็นปีศาจหมูแน่ๆ

“ก็ดีพี่โอม ใกล้สอบกลางภาคแล้ว ปั้นต้องเริ่มอ่านหนังสือบ้างแล้วล่ะ ยิ่งเคมีนะ แทบบ้าน่ะพี่โอม ไม่รู้จะเอามาให้วิศวะเรียนทำไม”

“ไว้ไม่เช้าใจก็ให้เพื่อนติวให้ดิ พี่คงช่วยไม่ได้หรอก พี่ก็โง่เคมีเหมือนกัน ฮ่าๆๆ”ผมหัวเราะกับหน้าตาที่ดูมีความหวังของมัน ปั้นเองก็คงคิดอยากให้ผมติวให้ แต่ผมช่วงนี้ยังเอาตัวไม่ค่อยจะรอดเลย

“ชิส์ ไว้เดี๋ยวให้ไอ้ก้องติวให้ก็ได้ ไอ้นี่มันโคตรเทพเลยพี่ ปั้นเห็นมันหลับทั้งคาบนะ แต่ปั้นถามอะไร ตอบได้หมด ปั้นจะเรียกมันว่าอับดุลอยู่แล้ว”ผมแอบตึงเล็กน้อยเมื่อได้ยินมันพูถึงเมทมัน ก้องมันเป็นทั้งรูมเมทปั้น และก็เป็นเพื่อนในสาขาเดียวกับปั้นด้วย แถมปั้นค่อนข้างจะติดมันพอสมควร จนผมแอบระแวงไม่ได้

“หรอ”ผมไม่รู้จะพูดอะไร

“แล้วพี่โอมล่ะ เป็นไงบ้าง ผ่าอาจารย์ใหญ่สนุกมั้ย”มันคิดยังไงกับประโยคนี้เนี่ย ถามมาได้ว่าผ่าสนุกไหม

“สนุกดี”ผมก็บ้าจี้ตอบมันไป

“ตอนแรกๆ พี่ก็ไม่ค่อยชินหรอก ยังแอบกลัวๆอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เริ่มชินแล้วล่ะ”มันพยักหน้าแบบรับรู้ ผมไม่อยากจะพูดถึงเรื่องเรียนแล้ว มันน่าเบื่อเรามาเที่ยวกันไม่ใช่หรอเนี่ย

“ปั้นอยากไปไหนอีกรึเปล่า เดี๋ยวพี่พาไป”

“ปั้นอยากไปไหว้พ่อขุนงำเมืองอ่ะ ปั้นยังไม่เคยไปไหว้เลย”

“งั้นเราเดินไปก็ได้มั้ง ไม่ไกลเท่าไหร่ ปั้นเดินไหวเปล่า”ไอ้ไม่ไกลเท่าไหร่ก็ไกลพอควรอ่ะนะ แต่ผมอยากใช้เวลากับปั้นให้นานหน่อย เลยคิดว่าถ้าเราเดินไปคุยไป แปบเดียวเดี๋ยวก็ถึงแล้ว

“โหย ดูถูกมาก พี่โอมนำเลย”มันท้าครับ ผมได้แต่แอบหัวเราะเยาะในใจ เดี๋ยวมันจะซึ้งแน่

.

.

.

ผมเดินมาถึงอนุสาวรีย์ แต่ไม่ยักได้ยินเสียงมันบ่นสักน้อย มันอึดกว่าที่ผมคิดหรอเนี่ย

“นี่นะไกล อ่ะโด่ว เด็กมาก”กวนตีนผมอีกแน่ะ

“จะไหว้ก็รีบไปไหว้ แดดร้อนแล้ว ไอ้แสบ”มันทำหน้าล้อเลียนผม จนผมรำคาญในความอิดออดของมันเลย ล็อคคอมันไปซื้อดอกไม้ธูปเทียนให้เรียบร้อย

“อธิษฐานดีๆนะปั้น อย่าทำเป็นเล่น”ผมเตือนมัน ตั้งแต่สนิทกับมันมาเห็นมันทำอะไรมันก็ทำเป็นเล่นไปหมด

“รู้แล้วคร้าบ พ่อ”ดูมัน ผมจัดการจุดธูปเทียนให้ปั้น ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไม่กี่ขั้นไปนั่งไหว้ดีๆ ผมมองรูปปั้นที่สองตระหง่านตรงหน้า ก่อนจะตั้งจิตอธิษฐานอย่างจริง ผมขอให้การเรียนในเทอมนี้ของผมผ่านไปด้วยดีไม่มีอุปสรรค ขอให้ครอบครัวผมมีแต่ความสุข และขอให้คนที่อยู่ข้างๆผมตอนนี้เจอแต่สิ่งดีๆในชีวิต

หลังจากอธิษฐานจบ ผมก็จัดการปักธูปเทียบให้เรียบร้อย รอไอ้ตัวแสบที่ยังตั้งหน้าตั้งตาอธิษฐานอย่างเงียบๆ เวลาเห็นปั้นตั้งใจทำอะไรสักอย่าง ผมว่ามันเองก็ดูดีไปอีกแบบ ผมยอมรับเลยว่าวันนี่ที่พามันเดินมาตลอดทาง มีคนส่งสายตาให้มันไม่ต่ำกว่าสามคนแน่ๆ แต่ไอ้นี่ก็เสือกไปเล่นหูเล่นตากับเขาจนผมจะโบกหัวมันไปหลายรอบ ปั้นเป็นผู้ชายที่ดูดีพอควร ยิ่งมาอยู่ในชุดนักศึกษา ยิ่งดูน่าสนใจเข้าไปใหญ่ แค่นี้ผมก็รู้แล้วว่าจำนวนคู่แข่งของผมคงไม่ใช่น้อยๆ

“ไปกันเหอะพี่โอม ปั้นไหว้เสร็จแล้ว”มันมากระตุกแขนผมให้กลับ เห็นเหงื่อมันก็พอรู้ว่ามันต้องร้อนไม่ใช่เล่นๆ

“ไป งั้นไปกัน”ผมลุกขึ้นยืนรอมันใส่รองเท้าให้เรียบร้อย ก่อนจะออกเดินทาง ผมไม่เยเดินจับมือกับปั้น เพราะผมว่าผมให้เกียรติปั้น ไม่อยากให้ใครมองปั้นไม่ดี แม้ว่าใจจริงแล้วอยากจะทำมากๆก็เถอะ ยิ่งเรื่องที่มาคิดๆดูในวันนี้ยิ่งทำให้ผมคิดไม่ตกว่า ผมควรจะเดินไปทางไหนต่อ

“พี่โอม เป็นไรเงียบๆ ร้อนหรอ”ปั้นถามขึ้นมา เมื่อเห็นว่าผมเงียบไปผิดปกติ

“อืม นิดหน่อยอ่ะ แล้วปั้นไม่ร้อนรึไง ซื้อน้ำอะไรมั้ย”ผมกลัวว่ามันจะเสียน้ำออกจากร่างกายจนเป็นลมไปซะก่อนน่ะสิ

“ไม่เอา งั้นเรารีบเดินเถอะ”ปั้นเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น อย่างคนรีบร้อนจะกลับ แต่ผมก็แค่อยากให้เวลาของผมกับปั้นอยู่ด้วยกันนานกว่านี้ แต่สงสัยปั้นไม่อยากใช้เวลากับผมให้นานสักเท่าไหร่หรอกมั้ง

.

.

.

“ปั้น ถึงหอแล้วครับ”ผมมาสั่งปั้นถึงหน้าหอตอนประมาณห้าโมงเย็นได้ ผมปลุกเจ้าตัวแสบให้ตื่นหลังจากที่หลับพร้มมาตลอดทาง

“หือ พี่โอม...”มันขยี้ตาเล็กน้อย ก่อจจะลืมตาตื่นเต็มๆตา

“ถึงหอแล้ว ขึ้นไปอาบน้ำไป เหงื่อออกทั้งวัน แล้วไม่ต้องนอนต่อนะ เดี๋ยวกลางค่ำกลางคืนกลายเป็นค้างคาว”ผมคว้ากระเป๋าที่เบาะหลังให้ปั้นถือ

“รู้แล้วน่า คืนนี้ไม่ต้องโทรหาปั้นนะ ไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน”ปั้นทำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อผมเตือน แถมยังไม่ให้ผมโทรหาคืนนี้อีก สงสัยปั้นไม่อยากให้ผมไปวุ่นวายเสียแล้วล่ะมั้ง

“โอเค งั้นขึ้นห้องไปพักเถอะ”ผมไม่รู้ว่าเสียงที่พูดมามันแย่ขนาดไหน แต่ที่แน่ๆตอนนี้ผมน้อยใจอีกฝ่ายมากพอสมควร

“งั้นปั้นไปล่ะนะ ขอบคุณนะครับที่พาไปเที่ยว ฝันดีล่วงหน้านะครับ”ปั้นเปิดประตูรถ เตรียมจะลง

“ครับ”ผมยิ้มรับคำอวยพรแบบฝืนๆ ไม่ได้อวยพรปั้นกลับอย่างทุกทีที่เคยทำ ทำไงได้ อารมณ์ผมตอนนี้ไม่มั่นคงเท่าไหร่ ผมรอปั้นเดินเข้าไปข้างในหอให้เรียบร้อย ก่อนจะเคลื่อนรถเตรียมกลับหอ ในหัวเฝ้าคิดวนเวียนเรื่องนี้ไม่ตก สงสัยคืนนี้ผมคงอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องแน่ๆเลย ไม่ต้องสงสัย


++++

มาแบบค่ำมืด ไม่ให้ได้ตั้งตัวกัน ฮิๆๆ

อยากได้คอมเม้นท์จัง จะมีใครเมตตาเราไหมน้าาา  :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
โอ๊ยยยยย

สงสัยในความสัมพันธ์นี้จริง ๆ มะไรโอมจะบอก ๆ ไปซะทีอึดอัดแทน

แล้วปั้นเองก็ไม่แสดงออกให้เห็นชัด ๆ เลยสักนิดแล้วตกลงคู่นี้ไปรอดกันแค่ไหนกานนนนนนนน :ling1: :ling1: :ling2:

ออฟไลน์ Palmpalm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
อึดอัดมั้ยค่ะโอม บอกน้องมันไปเถอะ

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
น้องปั้นมันงอนไปแล้วมั้ง พี่โอมทำไมคุยกับน้องมันดีๆ
จะหึงน้องได้ยังไงในเมื่อไม่ได้เป็นไรกัน ไปขอน้องมันเป็นแฟนก่อน
ปล่อยไว้อย่างนี้ มันแน่นอก

ออฟไลน์ mtd

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
เข้าใจกันไปคนละอย่างซะแล้วววว :hao7:
พี่โอมคิดยังไงกับน้องก็รีบบอกน้องไปเลย
เค้ารอฉากหวานๆอยู่น้า รีบขอน้องปั้นเป็นแฟนซะ  :katai1:

lew_valen_tom

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 5


Pun’s Talk
นับตั้งแต่ที่พี่โอมอำผมไว้คราวที่แล้ว แล้วเราเพิ่งเคลียร์เข้าใจกันไปไม่นาน หลังจากนั้นก็ต้องยอมรับเลยว่าผมกับพี่โอมสนิทกันขึ้นเยอะ ถ้าไม่นับเรื่องที่มันอำผมล่ะก็... นับได้ว่าพี่โอมเป็นคนที่นิสัยดีไม่ใช่น้อย รูปหล่อ พ่อรวย แถมยังเป็นสุภาพบุรุษอีก นึกแปลกใจว่าทำไมมันไม่มีแฟนสักที มาวุ่นวายแต่กับผม ไม่เบื่อรึไง

ผมนั่งเรียนด้วยความเบื่อหน่ายที่สุดในโลก เพราะนี่มันคือวิชามอ ซึ่งอาจารย์หลายคนออกปากว่ามันจะช่วยกู้เกรดพวกผมไว้ได้เยอะ แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะมาช่วยหรือมาฉุดกันแน่

“ไอ้ปั้น วันนี้มึงไปไหนป่ะเนี่ย”ไอ้ก้อง ที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทผม และรูมเมทผมงัวเงียตื่นขึ้นมาถาม

“กูว่าจะไปในเมืองว่ะ มึงนี้เลือกเวลาตื่นได้ดีจริงๆเลย สไลด์สุดท้ายแล้วเนี่ยนะ”ผมตอบมันและว่ามันไปด้วย

“เขาเรียกว่ามีเซนส์เว้ย”

“หรอ กูนึกว่าแสนรู้”ผมสวนคำพูดมันกลับทันที

“ไอ้เชี่ย กวนตีนกูและ”มันทำท่าจะเอามือมาตบหัวผม ดีที่ผมหลบทัน

“ว่าแต่มึงถามทำไมเนี่ย”

“ก็กูว่าจะไปหน้ามอ แต่ไม่เป็นไร มึงไปกับพี่คนนั้นใช่มั้ย”คือไอ้ก้องก็เคยเจอหน้าพี่โอมบ้างน่ะครับ ผมเคยบอกชื่อพี่โอมไปแล้ว แต่ดูมันจะไม่จดจำเท่าไหร่เลย มันจะจำแค่ว่า พี่คนนั้นใช่มั้ย พี่คณะใกล้เราใช่มั้ย แบบนี้น่ะครับ ทั้งๆที่มันก็ฉลาดนะ แต่เสือกจำชื่อแค่คนๆเดียวไม่ได้

“เออ ไอ้ห่านี่บอกชื่อพี่เขาไม่เคยจำ”ผมบ่นมัน แต่เหมือนมันบ่นกลับ แต่ไม่รู้ว่ามันบ่นอะไร ผมไม่สนใจหรอก

“งั้นมึงนั่งรถเมล์ออกไปหน้ามอพร้อมกูนะ”

“เออ ก็ดี พี่โอมจะได้ไม่ต้องวนมารับ”

“ไอ้เชี่ยนี่ งกแทนแฟน”ไอ้ก้องทำหน้าทำตาใส่ผม จนผมอดด่าไม่ได้

“แฟนพ่องดิ พี่น้องกันเว้ย”ผมแก้ตัวทั้งๆที่หน้าร้อนผ่าวๆ ห้องประชุมมันร้อนเนอะ คนมันเยอะ

“พี่น้องกันหรา กันพี่รหัสมึงยังไม่ไปไหนมาไหนขนาดนี้เลย ไปคิดเอาเองล่ะกันไอ้ปั้น”ไอ้ก้องว่าผมเป็นประโยคสุดท้าย และมันก็ไม่ชวนผมคุยอะไรอีก หันหน้าไปฟังอาจารย์สั่งงาน จะว่าไปที่ไอ้ก้องพูดก็ถูกอยู่นะ กับพี่รหัสผมเอง ผมก็ไม่สนิทขนาดนี้ แถมนี่เล่นข้ามคณะกันเลยด้วยซ้ำ แต่ผมกับพี่แก้วก็เคยสนิทกันช่วงหนึ่งนะ ถ้าจะมาสนิทกับพี่โอมก็คงไม่แปลกอะไรหรอกมั้ง ผมคิดว่างั้นนะ

.

.

.

“ไอ้ปั้น เร็วดิวะ เดี๋ยวคนแน่น”ไอ้ก้องมันเร่งให้ผมใส่ร้องเท้า แต่มันเสือกใส่เหยียบส้น ไม่รู้จักถนอมของเลยไอ้เวรนี่

“แน่นไม่แน่น แม่งก็ได้ยืนอยู่ดี”ผมว่า คือมันก็มารยาทของมอผมด้วยแหละ ที่ผู้ชายต้องยืนให้ผู้หญิงนั่ง ซึ่งผมว่าธรรมเนียมนี้ก็ดีไปอีกแบบนะ

“เออ แม่ง มึงจะพูดความจริงทำไมวะ”อ้าว ไอ้ห่านี่ มาพาลใส่ผมอีก

“ใครใช้ให้มึงเกิดมาเป็นผู้ชายล่ะ ไปใส่กระโปรงไปมึง จะได้นั่งไง”

“กูใส่ไม่เหมาะหรอก มึงใส่เหมาะกว่า”อ้าวไอ้หอกนี่ มันด่าว่าผมเป็นตุ๊ดหรอ ผมส่งสายตาพิฆาตให้มัน ขี้เกียจเถียงกับมันครับ เดี๋ยวเรื่องยาว มันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้จนผมอยากจะตบหัวมันจริงๆ ติดที่ว่าผมต้องเขย่งตบหัวมันนี่สิ เลยเอาไว้คราวหน้าดีกว่า

.

.

และแล้วผมกับนายก้องก็ได้เบียดเสียดผู้คนลงมายังหน้ามอได้อย่างไม่มีส่วนไหนบุบสลาย ผมโบกมือแยกกับก้องหลังจากที่เห็นรถพี่โอมจอดอยู่ไม่ไกล

“ไปแล้วนะมึง ไว้กูซื้อสติ๊กมาให้มึงกินเล่น”ผมหมายถึงให้อาหารหมาที่เป็นแท่งๆอ่ะครับ เป็นอาวุธฝึกหมาได้อย่างดี

“เก็บไว้กินเองเหอะมึง จะได้ไม่ต้องมาแย่งกูกิน ไปและ”ไอ้ก้องมันบีบแก้มผมอย่างแรงเลย โหย ไอ้ห่านี่ ยอมว่าตัวเองเป็นหมาเพื่อให้ได้ด่ากูเลยนะ ผมล่ะนับถือมันจริงๆ ผมรีบเดินไปที่รถพี่โอม แล้วเคาะกระจกเรียกพี่เขา แต่ประตูกลับเปิดออกเอง

“อ้าว พี่โอมไม่ได้ล็อคหรอ ปั้นนึกว่าล็อค”ผมว่าพลางเอื้อมมือเอากระเป๋าไปวางที่เบาะหลัง

“พี่เห็นปั้นตั้งแต่ลงรถเมล์แล้ว”

“อ้อหรอ แล้วพี่โอมรอปั้นนานไหม คนมันเยอะอ่ะ ปั้นรอรถเมล์นานเลย”

“ก็พี่บอกแล้วว่าเดี๋ยวพี่ไปรับก็ไม่เอา”พี่โอมพูดถึงเมื่อตอนที่โทรหาผมตอนเลิกเรียน

“ก็ปั้นเกรงใจ อีกอย่างไอ้ก้องก็จะออกมาหน้ามอด้วย ปั้นก็เลยมาเป็นเพื่อนมันเลยไง”ผมว่าพลางคุ้ยเขี่ยหาของกิน เหมือนตัวอะไรวะเนี่ย อีกอย่างมาส่องดูด้วยว่าพี่แกแอบพาใครขึ้นรถอีกรึเปล่า

“ขนมอยู่ในลิ้นชักน่ะ อย่าทำหกล่ะ”พี่โอมคงเห็นท่าทางของผมเลยบอกที่ซ่อนของกินให้

“รับทราบครับผม พี่โอมน่ารักจริงๆนะเนี่ย”แหะๆๆ บางที่ผมก็ไม่ได้เห็นแก่กินขนาดนั้นหรอกนะ แม้ไอ้ก้องจะว่าผมอยู่บ่อยๆก็เถอะ จะว่าไปเวลาผมอยู่กับไอ้ก้อง ผมรู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากกว่าเวลาอยู่กับพี่โอม เพราะพี่โอมดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าอายุเสียอีก มีบางทีที่พี่แกกวนๆบ้าง แต่หลายๆครั้งมักจะพูดจาด้วยเหตุผล ทำให้ผมต้องฝึกตัวเองให้เป็นผู้ใหญ่พอที่จะพูดจากับพี่โอมด้วย ตรงข้ามกับไอ้ก้องที่ชอบชวนผมทะเลาะเป็นประจำ แต่ถ้าถามว่าผมมีความสุขไหมเวลาอยู่กับพี่โอม ผมคิดว่าผมมีความสุขนะ สุขกับการที่พี่เขาทำนู่นทำนี่ให้ แต่ผมกำลังกลัว... กลัวว่าวันนึงถ้าพี่โอมเหนื่อย แล้วจะเลิกทำให้ผมอีก

.

.

.

พี่โอมพาผมไปกินพิซซ่า แล้วก็พามาไหว้อนุสาวรีย์พญางำเมืองด้วย ผมก็กวนตีนพี่แกมาตลอดทาง คุยเรื่องเรียนกันบ้าง เรื่องที่บ้านบ้าง พี่โอมมีพี่ชายคนนึง กับน้องสาวอีกคน ผมเคยเจอกับพี่ชายของพี่โอมแบบสวนๆกันมารอบแล้ว พี่อั้มแก่กว่าพี่โอมสี่ปี แต่ส่วนน้องออมเพิ่งอยู่มอสองอยู่เลย ห่างจากพี่โอมเยอะพอสมควร แต่พี่โอมรักน้องออมมาก หวงยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ซะอีก แค่ผมถามถึงบางทียังหันมาทำตาดุใส่ผมเลย ส่วนผมมีพี่สาวแค่คนเดียว พี่ปิ่นเรียนอยู่อีกมอหนึ่ง รุ่นเดียวกับพี่โอมเนี่ยแหละ พี่ปิ่นสนิทกับพี่แก้วตอนเรียนมัธยม เผอิญเป็นคนบ้านเดียวกัน แต่พี่โอมนี่เด็กเมืองกรุงขนานแท้เลย

“พี่โอม เป็นไรเงียบๆ ร้อนหรอ”ผมถามตอนขากลับ นี่ก็เกือบๆสี่โมงเย็นแล้ว แดดยังไม่ลดราวาศอกเลย

“อืม นิดหน่อยอ่ะ แล้วปั้นไม่ร้อนรึไง ซื้อน้ำอะไรมั้ย”อันที่จริงก็ร้อนนะ เหงื่อดันมาออกเยอะด้วย

“ไม่เอา งั้นเรารีบเดินเถอะ”ผมเร่งเท้าเดินให้เร็วขึ้น เพราะไม่อยากให้พี่โอมเหนื่อยกว่านี้ เห็นหน้าแดงๆของพี่แกแล้วแอบกลัวจะเป็นไข้แดด ได้ยินว่าช่วงนี้เตรียมสอบอยู่ด้วย แม้ผมอยากจะอยู่เที่ยวกับพี่โอมนานกว่านี้หน่อย แต่ไว้เป็นหลังจากที่พี่โอมสอบเสร็จจะดีกว่า

.

.

.

ผมเผลอนั่งหลับมาตลอดทางจนพี่โอมมาปลุกเมื่อตอนถึงหน้าหอเนี่ยแหละ

“ถึงหอแล้ว ขึ้นไปอาบน้ำไป เหงื่อออกทั้งวัน แล้วไม่ต้องนอนต่อนะ เดี๋ยวกลางค่ำกลางคืนกลายเป็นค้างคาว”พี่โอมส่งกระเป่าเป้ให้ผมถือ และก็บ่นอะไรก็ไม่รู้ยืดยาวไปหน่อย แต่ผมพอจะเดาได้ว่าเป็นประโยคเดิมที่ชอบบอกให้ผมฟัง

“รู้แล้วน่า คืนนี้ไม่ต้องโทรหาปั้นนะ ไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน”ผมบอกด้วยเสียงหงุดหงิด แอบรู้สึกผิดนิดนึงนะ ก็ไม่ค่อยชอบให้ใครมาบ่นนี่ แต่ที่ไม่ให้โทรหาคืนนี้เพราะอยากให้พี่โอมพัก แล้วก็อ่านหนังสือสอบด้วย เห็นว่าวิชานี้มันยาก แล้วก็เยอะด้วย ไม่ยากให้พี่โอมเหนื่อยนี่นา

“โอเค งั้นขึ้นห้องไปพักเถอะ”พี่โอมพูดเสียงเหนื่อยๆจนผมใจหาย หรือว่าพี่โอมกำลังจะเหนื่อยแล้ว เหนื่อยที่จะต้องมาทำอะไรให้ผม

“งั้นปั้นไปล่ะนะ ขอบคุณนะครับที่พาไปเที่ยว ฝันดีล่วงหน้านะครับ”ผมเปิดประตูเตรียมจะก้าวลง แต่ยังไมลืมจะอวยพรเหมือนทุกครั้งที่เราคุยโทรศัพท์กัน

“ครับ”พี่โอมตอบผมมาแค่นั้น แต่นั้นก็ผิดปกติมากพอที่จะทำให้ผมรู้สึกไม่ดี ผมตัดสินใจไม่พูดอะไรก่อนจะส่งยิ้มให้พี่โอมแล้วเดินกลับเข้าหอไป ตอนเดินกลับเข้าหอ ในหัวผมคิดแต่เพียงว่า หรือพี่โอมจะเหนื่อย ไม่รู้ซิ ทำไมความคิดนี้ลอยมาในหัวอยู่เรื่อยๆ ผมไม่รู้ว่าสถานะของเราตอนนี้คืออะไร ถ้าจะให้ผมพูด ผมก็บอกได้แค่ว่าพี่น้อง เพราะผมไม่รู้ว่าพี่โอมคิดยังไงกับผม หรือบางที ผมก็ยังไม่รู้เลยว่า ผมคิดยังไงกับพี่โอมกันแน่

.

.

.

“ไอ้ก้อง กูมีเรื่องจะถามว่ะ”ผมเรียกไอ้ก้อง ตอนนี้สองทุ่มแล้ว เป็นเวลาปกติที่ผมกับพี่โอมจะคุยโทรศัพท์กัน อย่างน้อยก็ครึ่งชั่วโมงได้ หรือบางคืนเกือบสามชั่วโมงก็มี

“เรื่องอะไร”ไอ้ก้องที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จมานั่งลงบนเตียง เตียงมันก็อยู่ตรงข้ามเตียงผมนี่แหละ

“แบบว่า ไม่รู้ดิ มึงเคยรู้สึกกับใครคนนึงแบบว่า อยากจะทำตัวดีๆเพื่อเขา ไม่อยากให้เขาเหนื่อย ชอบในสิ่งที่เขาทำให้ รู้สึกดีที่ได้คุยกัน พอเขาทำตัวแปลกๆเราก็แบบไม่พอใจ แต่ก็เป็นห่วง พอเขาไม่ยิ้มให้แบบทุกที เราก็รู้สึก... เหมือนเจ็บที่หัวใจ มันเก้อด้วย มึงเคยรู้สึกแบบนี้ไหม”ผมนั่งประมวลความรู้สึกของผมที่เตียงตั้งแต่ห้าโมงเย็น แล้วมาตัดสินใจถามไอ้ก้องตอนสองทุ่ม

“กูไม่เคยรู้สึกแบบที่มึงรู้สึกหรอกนะ เพราะคนๆนั้นเขาไม่เคยจะสนใจกู แต่กูก็บอกได้นะ ว่าความรู้สึกนั้นคืออะไร”

“คืออะไรวะ”

“มึงกำลังรักคนนั้นไง”คำพูดไอ้ก้องเหมือนหมัดที่เขาเอาไว้น็อคเอาท์คู่ต่อสู้เลย เล่นเอาผมตั้งหลักไม่ทัน

“เฮ้ย บ้า ไม่ใช่แล้ว เพิ่งรู้จักกันไม่นาน”

“มึงกำลังบอกว่ามันไม่ใช่ หรือว่ามันเร็วไปกันแน่วะ ความรักมันไม่ขึ้นกับเวลาหรอกนะเว้ย ลองถ้ามึงได้รักเขาแล้ว เวลามันก็คือเม็ดทรายที่ไหลอยู่ในขวดแก้วเท่านั้นแหละ”

“หรอวะ”ผมไม่รู้จะตอบอะไรมันจริงๆ นี่ผมกำลังรักพี่โอมอยู่หรอ แต่เราเป็นผู้ชายนะเว่ย จะมารักกันได้ไง

“มึงไม่ได้ต้องมางงเลย มึงกำลังสงสัยเรื่องของมึงกับพี่คนนั้นใช่มั้ย”คำพูดไอ้ก้องแทงเข้าใจดำผมเลย

“ทำไมมึงคิดว่าเป็นพี่โอมวะ”ขอถามมันหน่อยเถอะ มึงชักจะรู้มากเกินไปแล้ว

“มึงไม่ต้องสนหรอกว่ากูรู้ได้ไง มึงสนที่ว่ากูรู้ว่าเป็นใครก็พอ แล้วใช่พี่โอมของมึงไหมล่ะ”

“มันก็... ก็ใช่ว่ะ แต่กูไม่ใช่เกย์นะเว่ย”

“กูเบื่อพวกนี้จังเลย มึงจะเป็นหรือไม่เป็นก็เรื่องของมึง แต่กูบอกไว้เลยนะไอ้ปั้น ความรักมันไม่เคยกำหนดเพศของคนรักกัน มีแต่คนเราเท่านั้นแหละที่ไปกำหนดเพศให้กับความรัก มึงจะแคร์ทำไมวะ คนที่มึงควรแคร์ไม่ใช่คนที่มึงรักหรอกหรอ มึงกำลังกลัวความรู้สึกคนรอบข้างเปลี่ยนไป แต่มึงไม่กลัวคนที่มึงรักเสียความรู้สึกหรอวะ”

“กูไม่รู้ดิ กูก็ห่วงความรู้สึกพี่โอมนะ แต่ลึกๆในใจกู กูก็คิดว่ามันเร็วไปไหม และที่สำคัญคือกูไม่รู้ว่าเขารู้สึกยังไงกับกู”ผมบอกสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจให้ไอ้ก้องฟัง บางทีมันอาจจะเป็นความคิดที่อยู่ก้นบึ้งของหัวใจผมเลยก็ได้ และความคิดนี้ทำให้ผมไม่กล้าประมวลความรู้สึกของผมกับพี่โอมก็เป็นได้

“เฮ้อ... ไอ้ปั้น กูเป็นคนนอกกูยังดูออกเลยว่าพี่เขาคิดยังไง กูว่าไอ้เรื่องเวลามันคงไม่ใช่ประเด็นหลักของมึงใช่มั้ย แต่ประเด็นหลักที่ว่ามึงไม่รู้ว่าพี่เขาคิดยังไงกับมึงใช่มั้ย”ไอ้ก้องทำหน้าแบบเอือมผมแทบตาย

“หรอวะ”ทำไมผมตอบมันได้แค่คำนี้วะ

“เออ! ไอ้ควายยยย ขอด่าทีเหอะ สมแล้วที่พี่ตูนบอกไว้ว่าความรักทำให้คนตาบอด มึงอยากรู้ใช่มั้ยว่าพี่เขาคิดยังไงกับมึง เดี๋ยวกูจัดให้”บอกตามตรงว่าเห็นสีหน้าไอ้ก้องแล้วแบบว่าไม่ไว้ใจว่ะ กลัวมันทำอะไรแผลงๆ

“มึงจะทำอะไรวะ”

“กูจะยั่วให้พี่มึงแม่งหึงจนควันออกหูเลย มึงคอยดูละกันว่าจะเป็นไง คราวนี้พี่เขาจะพูดกับมึงยิ่งกว่าคำว่ารักอีก”

“เฮ้ย กูไม่อยากให้พี่เขาเครียด”ช่วงนี้พี่โอมกำลังเตรียมตัวสอบอยู่ด้วย ผมไม่อยากหี่เขาคิดมากกับเรื่องไร้สาระแบบนี้

“โหยยย ไอ้ปั้น ไอ้พ่อพระ งั้นเอาแค่ซอฟท์ๆก่อนละกัน เอาไอโฟนมึงมา”ไอ้ก้องว่าพลางคว้าไอโฟนลูกรักผมไปเลย

“ไอ้ก้อง ไม่เอานะเว้ย เอางี้ พ้นวันเสาร์ไปก่อน มึงอยากจะทำอะไรก็ทำ กูขอล่ะ”ผมแทบจะยกมือไหว้มัน

“เอางั้นหรอ แล้วอีกสองวันที่เหลือมึงก็นั่งหง่าวไปล่ะกัน แทนที่จะรีบเคลียร์ให้จบๆ”มันด่าผมอีกแล้วครับท่าน กูทำอะไรก็ผิดตลอดเลยใช่ไหมเนี่ย

“เออ กูทนได้ อีกสองวันจะได้รู้ดำรู้แดงไปเลย”ไอ้ก้องสะบัดหน้าอย่างไม่พอใจ ก่อนจะโยนลูกรักผมคืนมา ไอ้นี่นิ นิสัยไม่ดีจริงๆ มาโยนของรักของหวงของคนอื่น

“ชิส์ เรื่องของมึงละกัน”คราวนี้ไอ้ก้องมันไม่สนใจผมเลยครับ มันคว้าการ์ตูนที่อยู่บนเตียงมันมาอ่านเฉยเลย

“ไอ้ก้อง”

“อะไรของมึงอีก”

“ขอบใจมากนะเว่ย ขอบใจล่วงหน้าด้วย”ผมพูดจากใจจริง ถ้าไม่ได้มันผมคงไม่รู้หรอกว่าผมคิดยังไงกับพี่โอมกันแน่

“เออ กูคิดว่าช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ไปอาบน้ำได้แล้วมึง เน่าแล้วตั้งแต่เย็นเนี่ย”แหม ไอ้คุณชายรักสะอาด ผมเพิ่งเคยเห็นมันอาบน้ำก่อนห้าทุ่มก็วันนี้แหละ

ผมมองไอโฟนลูกรัก พอวันนี้ไม่ได้คุยโทรศัพท์กับพี่โอมแบตผมก็เหลือเกินเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์โดยอัตโนมัติ พอไม่ได้คุยกันแล้วมันก็เหงา เหมือนไม่ชินยังไงไม่รู้ ผมตัดสินใจส่งไลน์ไปให้กำลังใจพี่โอมแทน

‘อ่านหนังสือ สู้ๆนะครับ น้องปั้นเป็นกำลังใจให้’

ส่งรูปไปให้ด้วยอีกสัก ช็อต... อ่ะแชะ

แรดดีไหมล่ะกู -.,- หุๆ




++++

เวอร์ชั่นน้องปั้น คริๆๆ

ชอบประโยคสุดท้าย... :o8:

เคยเป็นแบบนี้ไหม แค่เห็นคอมเม้นท์ไม่กี่คอมเม้นท์ แต่ก็ดีใจมาก

ที่สอบเครียดๆวันนี้หายหมดเลย

แบบว่ามันมีกำลังใจจะแต่งต่อไปเรื่อยๆให้คนอ่านได้มีความสุข (หรือเศร้าหว่า) กับเรื่องที่เราแต่ง

ขอบคุณสำหรับการบวกเป็ดให้นะคะ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ ขอบคุณสำหรับยอดอ่านที่เพิ่มขึ้น  :mew6:

มีความสุขทุกครั้งที่เปิดเข้ามาดู

มีความสุขกับการอ่านนะคะ  :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ jimmyFG

  • Ich Liebe dich.
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-4
    • @Facebook

ออฟไลน์ mtd

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
แรดเยอะๆเลยน้องปั้น
แม่ยกชอบบบบ  :-[

ได้มาอ่านในมุมของน้องปั้นแล้วทำให้รู้ว่า
ทุกอย่างที่น้องทำเพราะน้องเป็นห่วง
แต่อิพี่โอมกลับเข้าใจไปอีกอย่างซะงั้น  :z3:
พี่โอมสอบเสร็จเมื่อไหร่เก่งจัดการเลยนะ จะได้รู้ใจตัวเองกันซักที

มาเร็วอย่างนี้รักตายเลยยยย  :กอด1:

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
เป็นห่วงพี่เขา ทำไมไม่บอกพี่เขาดีๆล่ะ
แต่มาอ่านตอนท้าย อิน้องปั้นแอบแรดนะ 555

ออฟไลน์ Palmpalm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
แรดแบบนี้พี่ชอบค่ะ ปั้นน่ารักอ่ะ


ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ชอบประโยคสุดท้ายนั่นแหละ อะแชะ

lew_valen_tom

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 6


ผมกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง แต่โทรศัพท์ผมก็ส่งเสียงร้องให้รู้ว่ามีข้อความถูกส่งมา

.

.

‘อ่านหนังสือ สู้ๆนะครับ น้องปั้นเป็นกำลังใจให้’

มีรูปแนบมาให้ผมด้วย ผมกดไปเพื่อดูรูปใหญ่ เลือดกำเดาแทบพุ่ง คือปั้นถ่ายรูปมุมสูง แล้วเสื้อนักศึกษามันปลดกระดุมไปสามเม็ดได้มั้ง เห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ต่อให้ตอนนี้โคตรมีสมาธิอ่านหนังสือ ผมก็อ่านไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ

‘ส่งรูปมาให้พี่นี่คิดดีแล้วใช่มั้ย’ ผมส่งข้อความกลับไปให้ปั้น

‘ไม่รู้ซิ แค่คิดว่าคนดู น่าจะมีกำลังใจอ่านหนังสือไปอ่านหนังสือได้แล้วครับ ฝันดีนะครับ’

ผมส่งสติ๊กเกอร์กลับไปให้ปั้น ไม่อยากคุยนานกว่านี้ เดี๋ยวจะยาว ไว้สอบเสร็จเมื่อไหร่ ผมจะลุยเต็มที่เลย

.

.

.

วันนี้เป็นวันที่ผมสอบเสร็จพอดี และพอกันทีกับวิชานี้ ผมเตรียมตัวไปเรียนที่ตึกคณะต่อ ระหว่างสามวันมานี้ผมก็คุยกับปั้นแบบปกติ มันก็กวนตีนไปบ้างตามประสา แต่บางครั้งมันก็เงียบๆไปแบบคนมีเรื่องในใจ ผมก็เป็นห่วงมันนะ เคยถามมัน แต่มันไม่ยอมบอกอะไรผมเลย ผมก็เลยไม่รู้ว่าจะช่วยมันได้แค่ไหน หรือจะช่วยมันยังไงดี ประจวบเหมาะกับผมต้องอ่านหนังสือสอบ เลยไม่ได้ใส่ใจมันเท่าที่ควร แอบกลัวมันน้อยใจเหมือนกัน

“เฮ้ย ไอ้โอม จะไปกินข้าวที่ไหน”ไอ้วินที่สอบเสร็จรอเดียวกับผมเดินมาถาม ส่วนที่เหลือสอบคนละรอบกับผม

“กูว่ากูจะไปกินที่ตึกซีนว่ะ หิวแล้ว ขี้เกียจรอไอ้เต้”

“งั้นรอแปบ กูไปเอากระเป๋าก่อน เดี๋ยวกูไปด้วย”

“เออ ไวๆล่ะมึง”ผมหยุดยืนรอตรงทางเดินเชื่อมตึกคณะ กว่าผมจะเดินจากช็อปอนาโตมี่ไปตึกคณะก็แทบจะผ่านทุกตึกคณะเลย ถ้าไกลกว่าตึกคณะผมก็เป็นตึกของวิศวะ และก็ของซีน

“ไป ไอ้โอม”ไอ้วินสะพายกระเป๋าเดินมาทางผม ระหว่างทางเดินไปกินข้าวก็พูดคุยแลกเปลี่ยนข้อสอที่ตอบกันมา ผมไม่ค่อยชอบคุยข้อสอบหลังสอบเสร็จเท่าไหร่เลย เพราะมันทำให้ความมั่นใจของผมตอนออกมาลดลงไปกว่าครึ่งเลย ไอ้ที่มั่นใจว่าถูก กลับผิดซะงั้น ไอ้ที่มั่วไปก็ไม่เคยตรง ต่อให้ตัดช้อยส์เหลือสองข้อ ผมก็ยังกาข้อผิดอยู่ดี นี่หรือชีวิตเด็กมหาลัย

.

.

ผมกับไอ้วินกินข้าวเสร็จก็เตรียมเดินกลับคณะ ระว่างทางผมก็ไม่ได้คุยอะไรกับมันมากนักหรอก เพราะผมกำลังคุยไลน์กับปั้นอยู่พอดี เห็นปั้นว่ามาพบอาจารย์ที่ตึกคณะ ไม่แน่ว่าอาจจะได้เจอกันก็ได้ เพราะกว่าผมจะเข้าเรียนก็อีกเกือบชั่วโมง

“ไอ้โอม กินไอติมป่ะ”ไอ้วินชวนผม

“เออ เอาดิ”คือที่ตึกคณะผมจะมีร้านค้าเล็กๆขายขนมอยู่น่ะครับ ขอบอกว่าชาเขียวนมสดอร่อยมาก ถ้าไม่ติดว่าแก้วละยี่สิบห้าบาท ผมคงกินทุกวัน

“ไอ้ห่าโอม มึงไม่รอกูเลยนะ”เสียงไอ้เต้ตะโกนมาแต่ไกล มันนี่ช่างไม่เกรงใจอาจารย์ซะบ้างเลย

“ก็มึงเสือกสอบคนละรอบกับกูทำไมล่ะ ไอ้นิ่งยังไม่เห็นจะบ่นเลย”ผมหมายถึงไอ้น้ำนิ่งอ่ะครับ ถ้าภาษาเหนือต้องบอกว่า ไอ้นิ่งมันเป็นคนไม่ค่อยจะปาก คือไม่ค่อยจะพูดมากเท่าไหร่ ตรงข้ามกับไอ้เต้เลยครับ ซึ่งไอ้เต้จะสนิทกับผม แต่ไอ้นิ่งจะสนิทกับไอ้วินมากกว่า เลยเรียกแพ็คเกตคู่ ‘วินนิ่ง’ ซะเลย

“ไอ้นิ่งมันเคยบ่นใครที่ไหนล่ะ”ไอ้เต้ว่า ว่าไม่ว่าเสือกมางาบไอติมในมือผมไปกินด้วย นี่ถ้าไม่สนิทกันมีตบกะโหลกไปแล้วนะครับ

“มึงก็หัดทำตัวเหมือนไอ้นิ่งบ้างดิ ห่านี่ พอเลย กูกินไม่ทันจะคุ้มกับตังค์ที่จ่าย มึงมาแดกเอาๆ”ผมเบรกไอ้เต้ก็ตอนที่มันเหลือไอติมน้อยกว่าครึ่งแท่งแล้วครับ

“ก้อง กูอยากกินไส้กรอกอ่ะ”เสียงอันคุ้นเคยลอยเข้ามาในหูผม แถมชื่อแบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกใช่ไหม

“ก็กูซื้ออยู่นี่ไง มึงจะแดกทั้งที่เย็นๆมั้ยล่ะ ห่านี่ เดี๋ยวเวฟก่อนแล้วค่อยแดก”ผมมองตามที่มาของเสียงก็เห็นปั้น ยืนซื้อของกับเพื่อนมันอยู่ ผมเพิ่งมาเห็นเพื่อนปั้นเต็มๆตาก็วันนี้ ทุกทีเห็นแต่ไกลๆ ไอ้ก้องเป็นคนตัวสูงครับ สูงร้อยแปดสิบได้มั้ง อาจจะน้อยกว่านั้นนิดนึง แต่ก็ถือว่าสูง ถ้าเทียบกับผมก็ยังเตี้ยกว่าผมอยู่ดี แต่ถ้าเทียบกับปั้นที่สูงเพียงร้อยเจ็ดสิบสาม มันก็สูงเด่นขึ้นมา โครงหน้ามันก็ดูดี ขาว ตี๋ ตามสเป็คคนทั่วไป แถมเสือกยังเรียนเก่งอีก เป็นใครๆก็มอง ถูกไหมครับ

“ปั้น”ผมส่งเสียงเรียกไอ้ตัวแสบ ตอนแรกมันหันมองหาเสียงตั้งนาน จนผมต้องโบกมือให้มัน มันก็ยิ้มตอบแล้วโบกมือให้

“พี่โอม สอบเสร็จแล้วหรอ”ปั้นเดินมาคุยกับผม ท่ามกลางสายตางุนงงของเพื่อนผมทุกคน

“อืม เสร็จแล้ว แล้วปั้นอ่ะ คุยกับอาจารย์เสร็จแล้วหรอ”

“คุยเสร็จแล้ว กำลังจะกลับหอเนี่ยแหละ แวะมาหาของกินก่อน”

“อืมม ปั้นนี่เพื่อนพี่ ที่ใส่แว่นนั่น พี่นิ่ง แล้วก็คนตัวขาวๆนั่น พี่วิน แล้วก็ไอ้ตี๋กวนตีนนี่ พี่เต้ พวกมึงนี่ น้องปั้น”ผมแนะนำเพื่อนผมให้ปั้นได้รู้จัก และก็แนะนำน้องปั้นให้พวกมันได้เห็นหน้าเห็นตากันไว้ แต่ผมก็ไม่ได้บอกว่าปั้นอยู่ในสถานะไหนเหมือนกัน

“หวัดดีคร้าบบบ”ไอ้ตัวแสบไม่วายกวนตีนเพื่อนผมอีก มันยกมือไหว้แล้วก็ก้มตัวลงเก้าสิบองศาทำความเคารพเพื่อนผม

“เออ ดีๆ ไอ้โอม น้องมึงหรอ”เพื่อนผมยกมือรับไหว้น้อง ก่อนที่ไอ้เต้จะเปิดฉากตั้งคำถามกับผม

“มั้ง”

“อ้าว ไอ้ห่านี่ กวนตีน”ก็ผมไม่อยากให้เป็นแค่น้องนี่หน่า แต่ดูปั้นจะนิ่งๆไปกับคำพูดผมเหมือนกัน

“มากับใครน่ะ”ผมถามปั้นแบบอ้อมๆ แม้จะพอรู้อยู่แล้วว่านี่คือ ไอ้ก้อง ก็เถอะ

“อ้อ ก้อง มานี่เร็ว พี่โอมนี่ไง ก้องที่ปั้นเล่าให้ฟังบ่อย ก้อง นี่พี่โอมนะ”ไอ้ก้องยกมือไหว้ผม ผมก็รับไหว้มันแบบไว้เชิงกัน

“ไอ้ปั้น อ่ะไส้กรอกมึง เอาไปแดกซะ”ไอ้ก้องไม่ว่าเปล่า มันจ่อไม้ไส้กรอกไปตรงปากปั้นเลย

“เฮ้ย เดี๋ยวกูแดกเองก็ได้”เหมือนปั้นจะเกรงใจสายตาผมอยู่พอควร ผมก็มองว่าไอ้ก้องจะทำไงต่อ

“ทำไม ตอนอยู่ห้องกูก็เคยผลัดกันป้อนกับมึงมาแล้ว แค่นี้ทำเขินรึไง”ไอ้ก้องกอดคอปั้นให้มาแนบชิดกับตัวมันมากขึ้น แถมยังส่งสายตาท้าทายมายังผมอีกต่างหาก ไอ้เต้พอจะมองเห็นประกายไฟของผมกับไอ้ก้อง เลยเอาเท้าสะกิดยิกๆราวกับบอกว่าอย่ายอมแพ้มันนะเว่ย

“บางทีก็รู้จักให้เกียรติสถานที่บ้างนะครับ”ผมพูดไปเสียงเรียบนิ่ง ในใจนี่โกรธแทบบ้า แต่ทำอะไรไม่ได้

“โอ๊ะ ผมลืมไป งั้นถ้าอยู่ที่ห้องก็ทำมากกว่านี้ได้สิ เนอะ ปั้น”ไอ้ก้องหันไปพยักเพยิกกับปั้น ผมหันไปจ้องหน้าปั้น อยากรู้ว่าปั้นจะตอบว่ายังไง

.

.

“งั้นมั้ง”ปั้นตอบเพียงเท่านี้ แต่ใจผมนี่ร้าวไม่รู้จะร้าวยังไง ผมหลบสายตาอีกฝ่าย

“งั้นพี่ไปก่อนนะ ไอ้เต้ กูรอที่ห้องเตียงเตี้ยนะ”ผมไม่อยากจะหันหน้าไปมองอีกฝ่ายเลย เพราะผมรู้ว่าสายตาผมคงเต็มไปด้วย คำตำหนิ ความเสียใจ น้อยใจ และผิดหวัง ลึกๆในใจผมก็ยังห่วงความรู้สึกปั้น ไม่อยากให้สายตาผมไปทำร้ายปั้น

“พี่โอม...”ปั้นคว้าแขนผมไว้ตอนที่ผมจะเดินจากไป ผมหันหน้ากลับไปฝืนยิ้มให้ปั้น ก่อนจะลูบผมน้องเบาๆ

“ทีหลัง อย่าทำแบบนี้อีกนะ”ผมพูดเท่านี้ ผมไม่ได้เจตนาจะตำหนิอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย แต่ผมอยากบอกให้ปั้นรู้ว่า อย่าทำแบบนี้อีก ให้ให้ใครมาทำตัวสนิทกับปั้นมากกว่านี้ เพราะถ้าผมเห็น ผมจะเจ็บมากกว่านี้อีกเป็นร้อยเท่า ผมกระตุกแขนออกจากมืออีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล

ความรักครั้งนี้ ผมคงเป็นผู้แพ้สินะ...

“ปั้น!!”ไอ้ก้องส่งเสียงเรียกปั้นเสียงเข้มจนปั้นสะดุ้ง ผมหันกลับไปมองหน้ามันด้วยสายตาชิงชัง ผมยังไม่เคยตะคอกปั้นแม้แต่ครั้งเดียว เราเถียงกันครั้งใหญ่สุดก็คือครั้งแรกที่เราเจอกัน แล้วมันเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาตะคอกปั้นแบบนี้

“ก้อง...”ปั้นเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงเครือ

“มึงนั่งรอกูตรงนี้ กูมีเรื่องจะคุยกับพี่มึง”

.

.

.

“มึงมีเรื่องจะคุยอะไรกับกูก็ว่ามา”ไอ้ก้องมันเดินนำผมตรงลานจอดรถ จะว่าไปก็ไม่ไกลจากที่ปั้นยืนอยู่เท่าไหร่หรอก ประมาณสิบ
เมตรได้มั้ง บอกตามตรงนะครับ ผมก็ยังไม่รู้เลยว่า มันลากผมมาเพื่อจะคุยเรื่องอะไร ผมคิดว่าอาจจะเป็นบอกให้ผมเลิกยุ่งกับปั้นก็ได้

“พี่คิดยังไงกับไอ้ปั้น”

“มึงจะสนใจความรู้สึกกูทำไม”ผมถามมันกลับ

“ถ้าพี่ยอมบอกผมมาดีๆ เรื่องนี้จะจบสวยนะพี่”มีใครเคยบอกไอ้ก้องบ้างไหม ว่าหน้ามันนี่น่าเอาพระบาทไปประทับจริงๆเลย

“กูคิดยังไงกับปั้นมันสำคัญด้วยหรอวะ สิ่งที่สำคัญมันไม่ใช่ว่าปั้นคิดกับมึงยังไง หรือว่าคิดกับกูยังไงหรอวะ กูสนแค่ความรู้สึกของปั้นเท่านั้นแหละ ถ้ามันรู้สึกดีกับมึง กูจะถอย”ผมเปิดปากพูดกับมันตรงๆ จะว่าผมไม่สู้คนก็คงไม่ใช่ ผมเพียงแค่ไม่อยากเห็นคนที่ผมรักต้องมานั่งอึดอัดใจกับการกระทำของผม ผมไม่อยากให้ปั้นมาลำบากใจกับการต้องเลือก เพราะถ้าหากปั้นมีใครคนใดคนหนึ่งอยู่ในใจปั้นแล้ว ผมไม่อยากให้ปั้นต้องลังเลกับการเลือกความสุขของปั้น

“ผมคิดกับปั้นเกินกว่าคำว่าเพื่อน”ไอ้ก้องบอกผมหน้าตาเฉย ผมทำเป็นรับรู้แต่ในใจห่อเหี่ยวสิ้นดี

“งั้นมึงก็ดูแลปั้นดีๆล่ะกัน”ผมเตรียมจะเดินออกจากพื้นที่ตรงนั้น ไม่มีอารมณ์จะฟังคำสารภาพรักของใครหรอกนะ

“แต่ปั้นไม่ได้คิดกับผมเกินเพื่อน แต่มันคิดกับพี่เกินกว่าคำว่าพี่น้อง”ผมเบรกเท้าที่กำลังจะเดินจากไปในทันที เมื่อกี้ไอ้ก้องมันพูดว่าอะไรนะ มันบอกว่าปั้นคิดกับผมเกินคำว่าพี่น้องหรอ

“เมื่อกี้มึงว่าอะไรนะ”ผมหันกลับไปถามไอ้ก้องเพื่อความแน่ใจว่าสมองผมไม่ได้ทำงานผิดพลาด

“ของดีมีครั้งเดียวนะพี่”มันพูดยิ้มๆ แต่ผมเห็นแล้วหมั่นไส้มันมาก

“มึงอย่ามากวนตีนกูดิ สรุปว่าปั้นมัน... ชอบกูหรอ”ผมไม่รู้หรอกว่าสีหน้าตนเองเป็นยังไง แต่ผมว่าหน้าผมมันกระแดะมากเลย มันต้องแอบอมยิ้มอย่างตอแหลแน่ๆ ทำไมกูเป็นผู้ชายอย่างนี้วะ

“ผมไม่ได้บอกว่ามันชอบพี่ ผมบอกแค่ว่ามันไม่ได้คิดกับพี่แค่พี่น้อง”

“แล้วมึงรู้ได้ไง ว่ามันคิดกับกูแบบนี้”เล่นตัวหน่อยเว้ย เกิดไอ้เด็กเวรนี่มาอำผม ผมก็เสียเซลฟ์หมดดิ

“พี่ไม่ต้องสนได้ไหมว่ารู้ได้ไง พี่สนแค่ว่ามันคิดยังไงกับพี่ก็พอ ผมไม่ได้มีเวลาว่างมาหลอกใคร มาอำใครหรอกนะ”แหม ตอบซะหล่อเชียวนะมึง

“แล้วมึงจะยอมหลีกทางให้กูมั้ย”นี่ผมเกือบลืมประเด็นสำคัญไปเลย

“ทำขนาดนี้แล้ว คงจะแย่งอยู่หรอกนะ ป่านนี้ไอ้ปั้นมันนั่งร้องไห้ตาบวมหมดแล้วมั้ง รีบไปโอ๋มันจะไม่ดีกว่าหรอพี่”

“ถ้ามึงตอบอย่างนี้ กูจะถือว่ามึงสละสิทธิ์ให้กูแล้วนะ ยังไงก็ขอบใจมากนะเว่ย กูดีใจที่ปั้นมีเพื่อนดีๆแบบมึง”ผมอดชอบมันตอนนี้ไม่ได้จริงๆ นับว่าไอ้ก้องก็ใจนักเลงพอตัว

“ผมก็คิดเหมือนที่พี่คิดจะทำเหมือนที่พี่ทำในตอนแรกนั่นแหละ ไม่อยากให้มันต้องเลือก ไม่อยากให้มันต้องลำบากใจ”ผมมองตามันตอนพูด เหมือนผมกำลังเห็นตัวเองเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วเลย แววตาของคนที่ยอมเสียทุกอย่าง ขอแค่ให้คนที่รักมีความสุข

“กูสาบานไว้ตรงนี้เลยว่า กูจะดูแลปั้นให้ดีที่สุด ปั้นจะเสียน้ำตาให้กูแค่วันที่กูตายเท่านั้นแหละ ถ้ากูดูแลปั้นได้ไม่ดี ไม่รักปั้นเท่ากับที่มึงรัก กูท้ามึงตรงนี้เลย มึงมาแย่งปั้นไปจากกูได้เลย”ผมพูดให้เจ้าป่าเจ้าเขา ณ ที่ตรงนี้ได้รับรู้ไว้เลย ปั้นจะไม่มีทางเสียน้ำตาเพราะเลือกผมแน่นอน

“ทำให้ได้อย่างที่พูดล่ะกันนะพี่ ผมไปและ ฝากดูแลมันด้วย”ไอ้ก้องพูดจบก็แทบจะเดินจากไปทันที ผมได้แต่มองแผ่นหลังมัน เหมือนเห็นความอ้างว้างที่แผ่ออกมา ต้องขอบใจมันจริงๆที่ยอมเป็นกามเทพให้ผมกับปั้น ยอมเจ็บทั้งๆที่มันก็มีสิทธ์แย่งปั้นไปจากผม และผมเองก็ไม่แน่ใจว่าถ้าสู้กับมันแล้ว ผมจะชนะมันรึเปล่า ขอบคุณที่ปั้นเลือกผมแทนที่จะเป็นไอ้ก้อง ขอบคุณจริงๆ



แต่ตอนนี้...












คนสำคัญของผม...












กำลังรอฟังคำพูดของผมอยู่...








...ผมต้องรีบไปพูดความรู้สึกของผมให้คนสำคัญของผมฟังแล้ว...


++++


จบ










ล้อเล่นน่า ฮ่าๆๆ


เอามาหย่อนในยามเช้ามืด เหลือสอบวันสุดท้ายแล้ว ดีใจจัง

เห็นแก่จำนวนคอมเม้นท์ที่เพิ่มขึ้น ขอบพระคุณจริงๆค่ะ

ถ้าคอมเม้นท์เพิ่มขึ้น คืนนี้จะมาลงตอนพิเศษให้อีกตอนนะจ๊ะ ฮิๆๆ

เชื่อว่าตอนนี้คงมีคนหลงรักก้องขึ้นมาเยอะเลย

ช่วยอวยพรความรักให้แก่คู่รักซื่อบื้อแห่งปีด้วยนะคะ

ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-12-2013 11:20:06 โดย lew_valen_tom »

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ก้องเริศมาก พระรองจริงๆ
อิพี่โอมไปง้อน้องปั้นเร็วๆ

ออฟไลน์ Palmpalm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ก้องแมนมากค่า

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
หาคู่ให้ก้องอย่างด่วน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด