Stand (& Love) with me... รักนี้ เพราะคณะเราใกล้กัน (Sp.รักนี้ที่รอคอย 28/1 จบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Stand (& Love) with me... รักนี้ เพราะคณะเราใกล้กัน (Sp.รักนี้ที่รอคอย 28/1 จบ)  (อ่าน 38156 ครั้ง)

ออฟไลน์ pemiko2012

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
 :katai2-1:

น่ารักมากเลยค่าาาาา
อ่านรวดเดียวจบเลย ^^
ชอบๆ ปั้นน่ารักดี

ออฟไลน์ paladin.kn

  • ไฟมอดลงยังคงทิ้งรอย...เถ้าถ่าน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 608
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
พี่โอมน้อมปั้นน่ารักขนาดดด
ลุ้นคู่วินนิ่งแทบตายสุดท้ายก็แฮปปี้
ไม่หาคนมาดามใจน้องก้องบ้างหรอ น่าสงสารอ่ะ

lew_valen_tom

  • บุคคลทั่วไป
ตอนพิเศษ รักนี้ที่รอคอย 1

Kong’s Talk

นับจากวันที่ผมรู้จักกับปั้นมาก็เกือบจะปีหนึ่งเห็นจะได้ ทุกครั้งที่มองหน้าปั้น ผมก็จะเห็นหน้าของใครคนหนึ่งซ้อนทับเสมอ ซึ่งผมก็ไม่มั่นใจนักว่าปั้นจะเกี่ยวข้องกับใครคนนั้นรึเปล่า

“ปั้น สรุปว่าใครจะมาช่วยมึงย้ายหอเนี่ย”ผมเห็นมันเริ่มทยอยเก็บของไปบางส่วนแล้วก่อนหน้านี้ แต่วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่สอบเสร็จ ก็เลยว่าจะย้ายของจากหอในไปหอนอกที่จองไว้ ส่วนผมก็อยู่หอเดียวกับมันนั่นแหละครับ แต่ก็อยู่คนละห้อง

“เดี๋ยวพ่อกูขับรถมา มึงเก็บของเสร็จยังเหอะ”ผมสำรวจของรอบตัว ตอนนี้ก็เรียกได้ว่ายัดลงกระเป๋าเกือบหมดแล้ว ผมนั่งรอปั้นเก็บของ สักพักก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา

“ฮัลโหลพ่อ... อ้อ โอเค เดี๋ยวปั้นขนลงไปเลย รอหน้าหอนะพ่อ”ปั้นพูดคุยกับคนในสาย ก่อนจะตกลงเสร็จสรรพ

“ก้อง มึงทยอยขนของลงข้างล่างได้เลย เดี๋ยวกูตามลงไป”ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะเริ่มขนสัมภาระตัวเองลงบันไดไปไว้หน้าหอ การที่พ่อของปั้นมารับก็ทำให้ผมได้อานิสงส์จากมันไปด้วย อย่างน้อยผมก็ไม่ต้องเสียค่ารถสองร้อยบาทสำหรับการย้ายหอครั้งนี้ บรรยากาศในหอในเริ่มร้างลาผู้คน อาจจะเป็นเพราะนิสิตบางส่วนเริ่มทยอยย้ายออกตั้งแต่เดือนมกราคมแล้ว แต่ผมกับปั้นเลือกที่จะอาศัยอยู่ในหอในจนวันสุดท้ายของปีการศึกษานี้ อาจจะเป็นเพราะความขี้เกียจของเราสองคนด้วยก็ได้ เลยเลือกที่จะย้ายเอาวันสุดท้ายเช่นนี้

ผมกับปั้นช่วยกันขนของลงมาจนเสร็จหมด ตรวจดูห้องเรียบร้อยแล้วก็จัดการเอากุญแจห้องไปคืนให้พี่ผู้จัดการหอ แล้วก็มานั่งรอรถตรงม้าหินอ่อนหน้าทางเข้าหอ

“ก้อง แล้วมึงจะกลับบ้านวันไหนเนี่ย”ปั้นถามผมขึ้นมา เอาจริงแล้วผมก็ยังไม่ได้จัดการซื้อตั๋วรถอะไรไว้เลยแม้แต่น้อย

“อาจจะพรุ่งนี้มั้ง แต่ถ้าวันนี้จัดการของเร็วก็คงกลับคืนนี้เลย”ไอ้ตัวผมเองก็อยู่แค่จังหวัดแพร่ใกล้นี้เอง นั่งรถไม่กี่ชั่วโมงก็ถึง เลยไม่ค่อยจะตื่นเต้นเท่าไหร่

“ดีว่ะ อยู่ใกล้แค่นี้ จะกลับเมื่อไหร่ก็ได้”มันพูดเสียงสร้อยๆ

“มึงจะบ่นทำห่าไรวะ เดี๋ยววันนี้มึงก็กลับแล้วไง”ผมอดด่ามันไม่ได้จริงๆครับ วันนี้ก็จะกลับบ้านอยู่แล้วดันมากระแดะจะบีบน้ำตาร้องไห้คิดถึงบ้าน สักพักเสียงโทรศัพท์มันก็ดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ สุดที่รักของมันนั่นแหละ เพราะผมจำเสียงเรียกเข้าที่มันตั้งไว้ได้ มันส่งยิ้มเขินๆให้ผมก่อนจะเดินแยกไปคุยโทรศัพท์ เฮ้อ คนมีความรักนี่โลกมันคงดูน่าอยู่ทุกวัน
ปั้นออกไปคุยโทรศัพท์ไม่ไกลจากผมนัก ไม่นานรถกระบะสีประตูสีน้ำเงินค่อยแล่นมาจอดตรงหน้าผม ผมมองด้วยความงงและสงสัยว่ารถใคร แต่ความสงสัยนั้นอยู่กับผมไม่ถึงนาทีดี ปั้นก็ส่งเสียงเรียกผู้ชายที่เปิดประตูรถลงมาตรงหน้าผมทันที

“พ่อ!! คิดถึงจังเลย”ปั้นตลอดแล้ววิ่งเข้ากอดผู้ชายตรงหน้าอย่างแรง ผมเห็นดังนั้นจึงรีบยกมือไหว้อีกฝ่ายทันที

“สวัสดีครับ”

“ไหว้พระเถอะลูก ไหนของที่จะขน เยอะไหมลูก”พ่อปั้นหันมาถามผม ผมก็ชี้มือไปยังกองสัมภาระให้พ่อปั้นดู

“โอ้ย แค่นี้เอง รอบเดียวก็หมดแล้ว ไปๆๆ ขนของขึ้นรถกัน”พ่อปั้นชักชวนให้พวกผมขนของขึ้นรถ

“แล้วแม่กับพี่ปิ่นล่ะพ่อ ไม่มาด้วยหรอ”ปั้นถามขึ้นมา ผมก็พอจะรู้มาบ้างว่าปั้นมีพี่สาว แต่ก็ไม่ค่อยได้สินใจอะไรมากนัก

“จะเหลือเรอะ รออยู่ตรงร้านค้าบนดอยนู่นแหนะ เห็นบนว่าหิว”พอพ่อปั้นพูดขึ้นมา ผมกับปั้นก็พอจะรู้แล้วว่าร้านค้านั้นคือร้านไหน จะว่าไปผมกับปั้นก็มักจะลงทุนเดินขึ้นดอยเล็กน้อยเพื่อไปซื้อของกินร้านนี้ อันสืบเนื่องจากมีของขายครบวงจรแบบที่หลายๆคนปรารถนา แถมราคายังถูกกว่าร้านค้าแถวหน้าหอด้วยซ้ำ

ผมกับปั้นและพ่อปั้นช่วยกันขนของขึ้นรถให้หมด ก่อนจะนั่งรถไปรับแม่ปั้นกับพี่ปิ่นที่ร้านค้าที่ว่า เมื่อรถแล่นมาเกือยจะถึงหน้าร้านผมก็พอจะเห็นสองแม่ลูกยืนชะเง้อชะแง้รออยู่หน้าร้าน

“นั่นไง แม่เรา ดูสิซื้อของกินเต็มมือ”พ่อของปั้นบ่นยิ้มๆ จะว่าไปบ้านปั้นก็ดูอบอุ่นน่ารักดี ผมก็ค่อนข้างชอบ ผิดกับบ้านผมที่พ่อค่อนข้างจะเคร่งกว่าปกติจนทำให้ผมต้องอยู่ในระเบียบวินัยมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็มีบ้างบางครั้งที่อยากจะแหกคอก แต่ก็เป็นอันว่าได้ลิ้มรสเข็มขัดพ่อทุกที หลังๆนี้เลยเพลาลง อีกอย่างพ่อผมก็คงเห็นว่าโตๆกันแล้วเลยปล่อยบ้าง จะมีก็แต่แม่ที่คอยโทรมาเตือนผมบ่อยๆว่าให้ใจเย็นลงซะบ้าง

ผมกับปั้นนั่งเบาะหลัง ปั้นบอกให้ผมเตรียมขยับที่ให้พี่สาวตนเองนั่ง แอบงงกับมันเหมือนกันว่าจะให้ผมมานั่งคั่นระหว่างมันกับพี่สาวมันทำไม พ่อของปั้นจอดรถเทียบตรงหน้าสองสาวสองวัย ก่อนที่แม่ของปั้นจะเดินอ้อมมานั่งตรงเบาะหน้า แต่ผมตกใจแทบ
สิ้นสติเมื่อเห็นหน้าพี่สาวของปั้นชัดๆ

“ปิ่น..."

++++

อีกครึ่งจะมาต่อให้วันหลังนะค่ะ

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6
โอ๊ยยย อ่านรวดเดียวจบเลย
ปั้นน่ารักมากกกกก
คู่วินนิ่งก็ลุ้นตัวโก่งกันเลยทีเดียว แต่แบบชอบอ่ะสถานะของคู่นี้ เป็นยิ่งกว่าคนรักกัน ฮ่าาาา
อย่าบอกนะว่าก้องคือรักแรกของพี่ปิ่นอ่า ก้องจะมีคู่กับเค้าแล้ว

ออฟไลน์ EunSung87

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +142/-2
ขออ่านด้วยคนนะคะ

เรื่องนี้น่ารักทุกคนเลย

เสียดายไม่น่าทำเป็นเรื่องสั้น

รออ่านตอนต่อไปนะคะ

lew_valen_tom

  • บุคคลทั่วไป
ต่อ...

“ปิ่น...”เสียงเรียกชื่ออีกฝ่ายเบาหวิวหลุดรอดออกมาจากผม นี่โชคชะตาเล่นตลกอะไรกันอยู่ ผมไม่ได้ฟังที่แม่ปั้นส่งเสียงทักลูกชายตนเองเลยแม้แต่น้อย เพราะผมกำลังจับจ้องไปยังหญิงสาวเพียงคนเดียวที่กำลังจะเปิดประตูรถฝั่งผมเพื่อขึ้นนั่ง

“ว่าไง เจ้าปั้น ไม่เห็นจะ...”เสียงทักของปิ่นขาดหายไปเมื่อเห็นหน้าผมชัดๆ

“พี่ปิ่น นี่ก้องนะ เมทปั้นเอง รีบขึ้นรถมาเร็ว”เสียงปั้นเรียกสติผมกับปิ่นทั้งคู่ ผมส่งยิ้มให้อีกฝ่ายราวกับคนไม่เคยรู้จักกัน ก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับบทสนทนาของแม่ปั้นที่ชักชวนให้ผมพูดคุยด้วย

ผมแทบนั่งไม่ติด มันเกร็งไปหมดกับการรับรู้ว่ามีอีกฝ่ายนั่งอยู่เคียงข้าง กี่ปีแล้วนี่เราไม่ได้คุยกัน กี่ปีแล้วนะที่เราห่างกันไป ในหัวผมเฝ้าคิดวนเวียนถึงเรื่องเดิมในอดีต ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะคิดเหมือนผมไหม แต่ตอนนี้เขาเองก็นั่งเกร็งไม่ต่างจากผมหรอก ทั้งรถตอนนี้มีเสียงปั้นชวนพูดคุยตลอดเส้นทาง มีบ้างที่บทสนทนามาเอี่ยวถึงตัวผม หรือหญิงสาวคนที่นั่งข้างผมบ้าง แต่เราสองคนก็ท่าทางเป็นปกติ ไม่มีพิรุธให้ใครบนรถระแคะระคายเลยแม้แต่น้อย

รถกระบะแล่นมาจอดยังด้านในหอพักที่ผมกับปั้นมาติดต่อไว้ หอนี้ไม่ไกลจากหน้ามอมากนัก เดินสะดวกสบายแต่ผมก็คิดว่าเทอมหน้าจะเอารถมอเตอร์ไซค์มาใช้แล้ว เพราะมันสะดวกกว่า ผมกับปั้นไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบขนของลงจากรถ เป็นผมที่ขนของตัวเองลงมาหมดก่อน จึงบอกปั้นว่าจะติดต่อเจ้าของหอเพื่อเอากุญแจห้อง ห้องของผมกับปั้นจะว่าไกลก็ไกล จะว่าใกล้ก็ใกล้ พออยู่กันคนละชั้นเลย แต่ก็ยังดีที่ได้อยู่หอเดียวกัน

ผมรีบขนย้ายของเข้าห้องตัวเอง โดยมีพ่อแม่ปั้น แล้วก็... ปิ่น คอยช่วยผมยกของบางส่วนขึ้น เมื่อขนของขึ้นมาหมด ผมก็จัดเก็บของบางส่วนให้เข้าที่เข้าทาง บางส่วนก็ไม่ได้เก็บอะไรเพราะคิดว่าเดี๋ยวผมก็กลับบ้านแล้ว ส่วนปั้นกับครอบครัวก็อยู่ที่ห้องของปั้น ในยามนี้ห้องผมจึงมีแค่ผมคนเดียวเท่านั้น

ก็อกๆ

“เข้ามาเลย ไม่ได้ล็อค”ผมคิดว่าเป็นปั้นแน่ๆที่มาเคาะประตูห้อง เลยบอกให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาเลย มือสองข้างของผมยังคงวุ่นวายกับการจัดโต๊ะเขียนหนังสือ จนไม่ได้ใส่ใจไปมองหน้าคนที่เข้ามาในห้อง

“เอ่อ ก้อง...”เสียงของผู้หญิงดังขึ้นมาฉุดรั้งความสนใจของผม ไม่ใช่ปั้นหรอกหรอ ผมนึกในใจ ก่อนจะหันหน้าไปเผชิญกับอีกฝ่าย

“ปิ่น... เอ่อ มีอะไรรึเปล่า”ผมเอ่ยปากถามหลังจากนิ่งคิดไปชั่วครู่

“เรามีเรื่องอยากจะคุยกับก้องนิดหน่อยน่ะ”ผมพยักหน้ารับกับคำพูดของป่น พลางเลื่อนเก้าอี้ให้อีกฝ่ายได้นั่งคุย ส่วนผมก็เลือกที่นั่งบนโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้น

“ดีใจนะที่ได้เจอก้องอีกครั้งหนึ่ง”ปิ่นแย้มรอยยิ้มขึ้นมาเมื่อนึกถึงเรื่องเก่าๆ ผมก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เมื่อครั้งก่อนนั้นอาจจะเป็นเพราะผมยังดูเด็กไป จนดูพร่ำเพ้อในความรัก แต่ตอนนี้ผมก็ดูพอที่จะสร้างมุมมองความรักใหม่ๆให้ตนเองแล้ว

“อืม”ผมตอบรับคำกล่าวถึงของปิ่นเพียงแค่นั้น

“แต่ก้องคงไม่ดีใจเท่าไหร่... ตลกเนอะ มาพูดอะไรเอาป่านนี้ก็ไม่รู้”ปิ่นหัวเราะขึ้นมาเล็กน้อย แต่กลับก้มใบหน้าลงต่ำ ผมไม่รู้เลยจริงๆว่าสีหน้าเธอจะแสดงออกยังไง

“ไม่หรอก ได้เจอกันอีกครั้งก็ดี... เรื่องที่ค้างคาอยู่ก็จะได้จบ”ผมไม่รู้ว่าผมพูดตรงไปรึเปล่า แต่ทุกครั้งที่ผมอยากจะเริ่มต้นกับใครคนอื่นกลับต้องมีอันล้มเลิกไปทุกครั้งเมื่อนึกถึงเรื่องของเรา

“จบหรอ... ก้องก็คงอยากให้เป็นอย่างนั้นสินะ”ผมไม่นึกเลยว่าผู้หญิงจะเป็นเพศที่คิดเยอะขนาดนี้

“เราเองก็คงแล้วแต่ปิ่นมากกว่า”เรื่องราวของเรามันมีอะไรมากมายกว่ารักแบบวัยรุ่นทั่วไป ถ้าจะเท้าความถึงอดีตแล้วละก็... ผมกับปิ่นได้รู้จักกันผ่านโปรแกรมแชทชื่อดังในสมัยนั้นก็คือเอ็มเอสเอ็น เป็นความบังเอิญที่ผมเจอชื่อเมลนี้ในกระทู้ๆหนึ่งซึ่งปิ่นได้แสดงความคิดเห็นไว้ ผมชอบมุมมองความคิดของคนที่พิมพ์ไว้ แล้วนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการรู้จักกัน ในตอนแรกผมก็คุยผิวเผินกันเท่านั้น เพียงแต่วันนั้นมันช่างมีปัญหาเข้ามารุมเร้าผมมากมายเสียจนผมแทบทนไม่ไหว เลยขึ้นสเตตัสในเอ็มเอสเอ็นไว้ แล้ววันเดียวกันนั้นนั่นเองที่ผมทักผมมา พร้อมกับคำพูดปลอบใจเสียมากมาย นั่นทำให้ผมต้องมองเธอในแง่มุมใหม่ ผมรู้ว่าเธออายุมากกว่าผม แต่ผมก็มองแค่ว่าปีเดียวแค่นั้น ผมไม่เคยเรียกปิ่นว่าพี่เลย ผมคุยกับปิ่นมาตลอดหกเดือน และนั่นก็ทำให้ผมคิดอยากจะขอเปิดกล้องดูหน้าตาของคนที่ผมปลื้ม ผมใช้เวลาอีกราวๆสามเดือนจึงได้เหน้าปิ่นเป็นครั้งแรก แต่แค่แวบเดียวเท่านั้น แต่นั้นก็เพียงพอจะให้ผมตกหลุมรักอย่างแรง ผมเริ่มคิดจริงจังที่จะจีบผู้หญิงคนนั้นจึงอยากจะได้เบอร์โทร ผมใช้เวลาอีกสามเดือนในการใช้ลูกล่อลูกชนเพื่อเอาตัวเลขสิบหลักมาครอบครอง แล้วก็เริ่มเดินหน้าตื๊อเธออย่างรวดเร็ว ผมคุยกับปิ่นแบบคนไม่รู้ว่าสถานะระหว่างเราคืออะไร แต่ผมสบายใจทุกครั้งที่คุย มีความสุขมากมายในตอนที่ได้โทรหา แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็หายไปจากชีวิตของผมแบบไม่เหลือร่องรอย ผมโทรหาเธอไม่ติด แถมยังติดต่อเธอผ่านแชทก็ไม่ได้ ผมในตอนนั้นจะเรียกว่าอกหักก็คงใช่ ระยะเวลาปีกว่าที่ผมคุยกับปิ่นนั้นมากพอที่จะสร้างความรู้สึกบางอย่างที่หยั่งรากลึกอย่างที่ผมไม่คิดไม่ฝัน ความรู้สึกนั้นก็คือรัก

“ขอโทษนะที่ตอนนั้นก็หายไป ทั้งๆที่เราควรจะได้อธิบายให้ก้องฟังไว้ก่อน”

“ช่างเถอะ เราไม่อยากรู้เรื่องในตอนนั้นแล้ว”ผมเดินหันหลังให้เธอ สายตาทอดมองออกไปนอกหน้าต่างราวกับมีสิ่งที่น่าสนใจมากกว่าคนในห้องอีกร้อยเท่าพันเท่า

“อ้อ... งั้นเราคงพูดได้แค่เรื่องตอนนี้สินะ... เรายังคงรู้สึกกับก้องเหมือนเดิมนะ แล้วก็รอให้ก้องช่วยฟังเหตุผลของเราหน่อย... แค่นั้นแหละ”เสียงของปิ่นเครือแบบคนที่พยายามจะกลั้นน้ำตาไว้ ผมหันกลับไปมองเธออีกครั้ง เห็นปลายนิ้วเรียวพยายามกรีดน้ำตาออกจากใบหน้าตัวเอง และนั่นทำให้ผมใจอ่อนยวบ ผมก้าวเท้าไปหยุดตรงหน้าเธอ แต่ใบหน้าเล็กนั้นก็ยังคงก้มหน้าลงต่ำ ไม่ยอมเงยหน้ามามองผม ผมทรุดตัวลงนั่งคุกเข่า ก่อนจะประคองใบหน้าเรียวเล็กให้เงยหน้าสบตาผม

“ถ้าปิ่นพูดคำนี้ตั้งแต่แรกก็จบแล้วล่ะ ที่ก้องบอกว่าจบก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องเลิกกัน ก้องยังรู้สึกกับปิ่นเหมือนเดิม ไม่มีใครมาทำให้ก้องรู้สึกเหมือนกับที่ก้องรู้สึกกับปิ่น ทุกครั้งที่ก้องอยากจะเริ่มใหม่ ก็มีแต่หน้าปิ่นลอยมา ปิ่นว่าก้องอาการหนักไหมล่ะ”ผมค่อยๆใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาให้อีกฝ่าย และประโยคสุดท้ายของผมก็เรียกรอยยิ้มของอีกฝ่ายได้ทันที

“หนักมาก”ปิ่นพยักหน้าตอบคำถามผม ผมอมยิ้มเมื่อเห็นท่าทางนั้น

“งั้นช่วยรักษาคนอาการหนักหน่อยนะครับ เป็นแฟนกับก้องนะครับ”ผมประคองมืออีกฝ่ายขึ้นมาเพื่อรอคำตอบจากอีกฝ่าย ปิ่นพยักหน้ารับทั้งน้ำตา แต่นั่นกลับดูน่ารักเหลือเกินในสายตาผม ผมจูบที่ฝ่ามือเธอทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว

“จองไว้นะ เรียบจบ มีงานทำ เก็บเงินได้เมื่อไหร่จะไปขอทันที”ผมมั่นใจแล้วว่าผู้หญิงคนนี้จะต้องผู้หญิงคนสุดท้ายในชีวิตของผม โอ้... ผมลืมไปเลยว่าเธอเป็นผู้หญิงคนแรกในชีวิตของผมด้วยนี่นา ขอบคุณใครก็ตามแต่ที่ส่งผมให้ได้รู้จักกับเธอ
...ผู้หญิงคนแรก และคนสุดท้ายในชีวิตของผม...

.

.

.

.

ห้าปีต่อมา

ผมเรียนจนจบปีสี่แล้วก็เริ่มออกหางานทำ แม้งานที่ทำจะอยู่ไกลบ้านตนเอง แต่มันก็ใกล้บ้านคนรักของผมละกัน ในคราแรกที่ปั้นรู้ว่าผมคบกับพี่ปิ่น มันก็โวยวายหอแทบแตก นี่ขนาดผมปิดมันไว้ในช่วงสามเดือนแรกอย่างที่ปิ่นขอไว้มันยังระเบิดลงขนาดนี้ จนผมนึกภาพไม่ออกว่าถ้าผมบอกว่าผมรู้จักพี่ของมันมาจะเข้าปีที่ห้าแล้วมันจะเป็นยังไง ส่วนพ่อกับแม่ของปิ่นก็เข้าใจไม่ได้ห้ามไว้อย่างในคราแรกที่จับได้ว่าปิ่นคุยโทรศัพท์กับผมจนยึดโทรศัพท์ปิ่นแล้วก็จัดการคุมเข้มลูกสาวตนเอง แต่แน่นอนว่าไม่มีใครรู้ว่าผู้ชายคนนั้นก็คือผมคนนี้นั่นเอง ผมกับปิ่นลงความเห็นว่าดีแล้ว เพราะคนในครอบครัวปิ่นจะได้ไม่อคติในเรื่องเดิมๆ ผมคบกับปิ่นมาจนจะเข้าปีที่ห้าแล้ว แต่รักกันมาจะแปดปีแล้วก็ตาม ผมเข้าตามตรอกออกตามประตูทุกช่อง จนขึ้นแท่นเป็นลูกรักของบ้านปิ่นไปอีกคน ซึ่งอาจจะเป็นที่หน้าหมั่นไส้ของปั้นบ้าง แต่โชคดีที่มันก็พาพี่โอมมาให้ที่บ้านรู้จัก แล้วก็พูดอีท่าไหนไม่รู้จนพ่อกับแม่มันอนุมัติให้คบกัน ทำให้ผมไม่ต้องคอยโดนมันจิกกัดด่าทอตบตีในทุกคราวที่มันหมั่นไส้ผม

ช่วงนี้ผมก็กำลังเก็บเงินอย่างบ้าเลือด โดยมีไอ้ปั้นมาคอยชวนผมออกเที่ยวตลอดเวลา สาเหตุก็คือมันไม่อยากให้ผมเก็บเงินไปขอพี่สาวมันครับ งี่เง่าดีไหมล่ะ แต่โดยมากผมก็ปฏิเสธมันไป แม้จะต้องทำร้ายจิตใจมัน แต่ผมจะไม่ทำร้ายจิตใจตัวเองโดยเด็ดขาด

เรื่องราวความรักของผมจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้ ผมก็บอกได้คำเดียวว่าผมไม่รู้หรอกครับ สิ่งเดียวที่ผมรู้และจะทำก็คือ ผมจะประคองความรักของผมให้ดีที่สุด เหมือนอย่างที่ปั้นกับพี่โอมทำ เหมือนอย่างที่พี่วินกับพี่นิ่งทำ




รักครั้งนี้ของผม... ผมรอคอยมานานแล้ว


++++


จบแล้ววววว  :bye2:

ออฟไลน์ Bear Company

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
เรื่องน่ารัก ขอบคุณนะคะ  :m1:

ออฟไลน์ sunipum

  • ชีวิตต้องต่อสู้ ให้โลกรู้เราแน่แค่ไหน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 301
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
อ่านรวดเดียวจบเลย
น่ารักทุกคู่เลยค่ะ  สุข เศร้าเคล้ากันไปเนอะ

ออฟไลน์ MorMilk.Miche

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ทั้งคู่หมายถึง โอมกับปั้น มีชีวิตจิงๆไหมค่ะ

แล้วมหาวิทยาลัยในเรื่องคือ มหาวิทยาลัยพะเยาใช่รึป่าว

เรื่องนี้สนุกมากค่ะ เพิ่งเปิดเจอ อ่านรวดเดียวจบเลย แต่งอีกนะค่ะ ชอบบบบบ

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
น่ารักทุกคู่เลยครับ ........ ขอบคุณครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ montisa2536

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กรี๊ดดด อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ ชอบมากชอบนายเอกสไตลล์น้องปั้นอยากได้มาเป็นน้องชาย(มโนว่าคือปิ่น)น่ารักที่สุด สนุกมากค่ะ ภาษาอ่านได้ลื่นไหล ขอบคุณค่ะสำหรับเรื่องสนุกๆน่ะค่ะ ^^
 ปล.เรากะจะไปดามใจก้องสะหน่อย เชอะ 555
ปล2.เขียนเรื่องอื่นอีกน่ะค่ะ จะคอยติดตามค่ะ มาเร็วๆน่ะค่ะเค้าจะรอ
 
 o13  :mew1:

ออฟไลน์ Persoulle

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
น่ารักมากค่า มีความสุขกันทุกคู่ก็โอเคแล้ว

ออฟไลน์ ปากกาหมึกซึม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
กลับมาอ่านนิยายเก่าของตัวเองอีกครั้ง คิดถึงทุกคนในเรื่อง

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
น่ารักอ่ะปั้นกับพี่โอม  :o8: :-[

ออฟไลน์ Musashi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-13


ตอนพิเศษเอาไปลงท้ายสุดได้มั้ย อย่าเอามาลงคั่นเนื้อเรื่องหลัก มันกระโดดไปกระโดดมา เนื้อเรื่องจริงยังไปไม่ถึงไหนมาเจอตอนพิเศษที่เนื้อเรื่องหลักจบไปแล้ว ทำให้ไม่อยากรู้เรื่องหลักแล้ว

ออฟไลน์ Musashi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-13
‘ฮัลโหล ว่าไงไอ้โอม’

“ว่าไงบ้านป้ามึงดิ กูจะถามว่าตอนนี้มึงเอารถกูไปไหนเนี่ย”
ทำไมปากเสียมารยาททรามแบบนี้ แค่เขาถามว่าไงก็ต้องย้อนด่าเขาแบบนั้น

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด