จะลอบตอบกัดรักให้ชอกเนื้อ
แต่คิดเผื่อใจน้องมิอาจฝืน
จะเข้าเคล้าคลอกายตลอดคืน
แต่ต้องกลืนกล้ำล้ำลาไฟลน
จะมุ่งหมายรสรักเพลิงเชิงสวาท
แต่มิอาจขืนน้องสองประสงค์
จะกอดก่ายจูบน้องอรอนงค์
พี่แต่คงทำได้...แต่แผ่วเบา
-๒๐-
วันนั้นทั้งวันไอ้พี่วันไม่ได้มาเรียน เคราะห์ดีที่ตอนเดินออกจากห้องพักอาจารย์ผมเจอกับรุ่นพี่ที่เดินลงบันไดมาพอดี ซึ่งพอถาม..เขาก็บอกว่า ‘ไม่เห็นนะ สงสัยจะไม่ได้มา’ แต่เพราะพี่วันมันก็โดดบ่อยอยู่แล้ว เพื่อนๆเลยไม่มีใครสงสัยสักกะคน
..เออ แม่งมีแต่ผมคนเดียวที่ข้องใจเนี่ยแหละ.. และด้วยสาเหตุนั้นเองทำให้ผมรู้สึกกลัวอย่างน่าประหลาด ผมไม่มีมือถือ..จำเบอร์ใครสักคนไม่ได้เลย และสิ่งเดียวที่ผมทำได้คือโบกรถเมล์ไปลงหน้าปากซอยบ้านไอ้พี่วัน แล้วเดินเร็วๆเข้าไปหาราวกับใครจะตาย ไม่ต้องห่วงครับ..หลังจากมาหลายรอบผมก็พอจะจำทางได้แล้ว ซึ่งเอาเข้าจริงๆมันก็ไม่ได้ยากอะไร ก็แค่เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาเลี้ยวซ้ายที่สองตรงไปจนสุดแล้วเลี้ยวซ้ายจากนั้นก็…ห่าอะไรวะ ช่างมัน ผมจำได้ก็แล้วกัน
ไม่นาน ผมก็มาหยุดยืนอยู่หน้าประตูรั้วที่มีสภาพไม่ต่างจากเดิมสักนิด
มันปิดสนิท…และหมู่แมกไม้ที่ไม่ไหวติงพวกนั้นต่างบดบังทัศนวิสัยจนเกือบหมด ผมเงี่ยหูฟัง..ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย เสียงลม..เสียงน้ำ..หรือเสียงคนคุยกัน…ในที่นี่มันเงียบไปหมด
ผมเดินเลียบมาตามรั้ว มุ่งหน้าสู่ตำแหน่งเดิมที่ผมก้าวข้ามมันไปหลายครั้ง
ก่อนจะมองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครมองอยู่…ผมก็คว้าส่วนบนของกำแพงไม้เอาไว้ แล้วค่อยๆปีนขึ้นไปให้เงียบที่สุด…เผลอๆอาจจะเงียบกว่าตอนครั้งแรกที่ผมปีนด้วยซ้ำ…
‘…แต่เป็นจระเข้…เป็นสายพันธุ์ของสัตว์ที่โหดร้ายและไม่มีวันถูกทำให้เชื่องได้…ไม่มีวัน…’ ถ้อยคำที่แว่บเข้ามาในหัวทำให้ผมชะงัก แต่ก็เพียงชั่วครู่เดียว ก่อนจะกัดฟันเหวี่ยงตัวข้ามรั้วลงมาสัมผัสกับพื้นหญ้าภายใน
การบุกรุกช่างง่ายดายและรวดเร็ว…ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้…หัวใจกลับเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว
‘…มีสมองคิด มีความรู้สึกและรับรู้ได้ แต่เพราะสัญชาติญาณชั่วร้ายมันรุนแรงเกินจะห้าม และจะแฝงอยู่ในจิตสำนึกพร้อมจะโผล่กายออกมาตลอดเวลา...’ .. คำพูดของอาจารย์คงที่วิ่งกลับไปกลับมาในหัว
..ผมนึกถึงดวงตาสีอำพันสว่างจ้า ผิวเกล็ดสีเขียวยามแตะต้องน้ำ
..และเสียงแหบพร่าอันเปี่ยมไปด้วยหลากหลายความหมาย
‘...พี่เอง…ก็เคยคิดจะกินไกรเหมือนกัน…’ …ไม่จริงหรอก…นั่นมันก็แค่… ในท้องรู้สึกไหววูบ มือที่ยังค้างอยู่บนรั้วไม้ถึงกับเกาะแน่นโดยไม่รู้ตัว ผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจถี่กระชั้นของตัวเอง…สัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ..
...แค่……
……แค่….อะไรล่ะ? ผมหาคำตอบของเรื่องนั้นไม่ได้…นั่นคือความจริงทั้งหมด
“ท่านไกร?” เฮือก!! สุรเสียงหวานลึกเอ่ยทักขึ้นทำเอาผมถึงกับสะดุ้งเฮือกหันกลับมาเผชิญหน้าแทบไม่ทัน
แต่อีกฝ่ายไม่ได้ตกใจเช่นผม เขายิ้มหวานราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจท่าทีที่แปลกไปนั่น
“ทำอะไรอยู่หรือขอรับ?”
“อ้อ เอ้อ ไง สวัสดีวรรณนา” ผมยิ้มกว้าง ลีลากลบเกลื่อนไม่เป็นรองใคร “เปล่า…ก็…แค่เลิกเรียนแล้ว พี่ก็เลย….เลย….แว่บมาดู…น่ะ”
“หาท่านจ้าวรึขอรับ?”
ผมกระพริบตา “ช-ใช่”
วรรณนาหัวเราะคิกคัก “ก็นั่นสินะ ถ้าท่านไกรจะมาที่นี่จะมาหาใครได้อีก…ก็ต้องเป็นท่านจ้าวนี่นา” เขาผายมือเข้าไปด้านใน…ด้วยท่าทางที่แกล้งทำเป็นไม่เห็นว่าผมปีนรั้วเข้ามา “เชิญขึ้นเรือนก่อนสิครับ”
“เอ๊ะ? ได้เหรอ?”
“ได้สิขอรับ ท่านไกรเข้ามาถึงขนาดนี้แล้วนี่นา”
“….เปล่า เปล่า พี่ก็แค่เห็นว่าพี่วันไม่ได้ไม่มหา’ลัยวันนี้ พี่ก็แค่จะแวะมาดูเท่านั้นเอง”
“เมื่อเช้าท่านจ้าวกลับมาก็เอาแต่อยู่ในห้องขอรับ” เขาบอก “วรรณนาก็สงสัยอยู่ว่าท่านเป็นอะไร อาจจะไม่สบาย…บางทีถ้าท่านไกรมา…ท่านจ้าวอาจจะรู้สึกดีขึ้นก็ได้”
ผมนึกสงสัย อยากจะเอ่ยคำถาม…แต่เพราะอะไรไม่รู้ทำให้ผมต้องหุบปากเงียบไป
ที่จริงผมเคยเจอวรรณนามาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว แต่ไม่เคยอยู่ด้วยกันสองคนแบบนี้(ระหว่างทางเดินไปขึ้นเรือน) และพอดูดีๆ…ถึงได้รู้ว่าวรรณนามีบรรยากาศที่แตกต่างออกไป ไอ้พี่วันจะมีบรรยากาศชวนให้หลงใหล ส่วนใหญ่ท่านอาพันวังก็จะสร้างบรรยากาศน่ากลัวจนหายใจไม่ออก..มาลาก็ได้อารมณ์แบบเด็กร่าเริงอยู่ด้วยแล้วสนุก….แต่วรรณนา…กลับแต่ต่าง…
…เขาดู…แปลก… เพียงแต่ผมไม่รู้ว่าเขาแปลกตรงไหน แต่ก็พยายามไม่ทักไม่ถาม เพราะคิดว่าจระเข้ก็คงเหมือนมนุษย์ทั่วไปนั่นแหละ ไม่ใช่ว่าแต่ละคนแต่ละตัวจะนิสัยเหมือนกันหมด และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งบุคลิกที่ผมควรจะทำใจให้ชิน
วรรณนาขอตัวไปตอนที่พาผมมาส่งให้ถึงหน้าห้องไอ้พี่วัน ตลอดทางได้เจอ ‘ตัวอื่นๆ’ ที่มองตามผมบ้างประปราย…มันเป็นครั้งแรกที่ผมออกมาเดินเพ่นพ่านโดยไม่มีไอ้พี่วันนำหน้า ถึงเพิ่งสังเกตว่าดวงตาทุกคู่ที่มองมามีแต่ความประหลาดใจจนพร้อมจะขย้ำคอผมได้ทุกเมื่อถ้ามีโอกาส
…มันทำให้ผมกลัวขึ้นมา คิดได้อย่างนั้นแล้วผมก็ตัดสินใจรีบเคาะประตูห้อง และไม่ต้องรอให้มีใครมาตอบ..ผมดันประตูเข้าไปทันที ในห้องไอ้พี่วันคือที่ๆปลอดภัยที่สุดแล้วล่ะในบ้านหลังนี้…..ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดไปล่ะก็นะ…
แต่ทั้งๆที่ผมผลักประตูเข้ามาอย่างอุกอาจเช่นนั้น กลับไม่มีเสียงหรืออะไรบางอย่างเคลื่อนไหวเลยสักนิด
“ไอ้พี่วัน?” ผมเรียก ในห้องนั่งเล่นนั้นว่างเปล่าจนแทบไม่มีใคร
“พี่วัน..ไอ้พี่วัน” อีกครั้งที่ทำให้ผมรู้สึกระทึกสุดใจ ผมสาวเท้าไปที่ห้องนอนด้วยความเร็วระดับหอยทากวิ่งแซงได้ ลึกลงไปแล้วผมก็อยากเดินให้เร็วกว่านี้อยู่หรอก…แต่อะไรหลายๆอย่างมันทำให้ผมกลัว…….
และเมื่อเห็นเจ้าของนามกำลังนอนฟุบอยู่บนเตียง
..ก้อนตะกอนพวกนั้นก็จางหายไป.. ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รู้สึกว่าเมื่อครู่หัวใจตัวเองเต้นผิดจังหวะไปเสียหน่อย ผมคงคิดมาก..แค่เพราะว่าเจอบรรยากาศแปลกๆมาตลอดทั้งวันก็เลย…แค่คิดมาก
เท้าเปล่าที่เหยียบบนพื้นไม้กระดานส่งเสียงเล็กน้อยยามที่เดิน ระยะทางเพียงไม่มากระหว่างประตูไปจนถึงเตียงนอนทำให้ผมไม่กังวลเรื่องนั้นมากเท่าไหร่ ไอ้พี่วันยังคงนอนอยู่…เขาเหมือน…หลับสนิท..?
อาจเพราะว่าเมื่อคืนนอนเบียดกันสามคน ทำให้คนที่ปกติขี้เซาจะตายห่าอย่างไอ้พี่วันไม่ได้นอนเสียเท่าไหร่สินะ
…เออ อาจจะเป็นความผิดผมเอง คราวหลังไล่ไอ้โป๊ยไปนอนพื้นดีกว่า
อีกฝ่ายนอนคว่ำอยู่ เสี้ยวหน้าคมเข้มที่ลอดออกมาจากหมอนทำให้ผมรู้ว่าเขากำลังหลับ…ผมทิ้งตัวลงข้างๆเขา เอื้อมมือไปสัมผัสกับเรือนผมสีดำขลับ…ที่ตอนนั้นผมเพิ่งรู้ว่ามันนุ่มสลวยแค่ไหน ใกล้จนเห็นแพขนตายาวบนเปลือกตาสีเข้ม และจมูกโด่งคมที่นาบอยู่กับหมอนสีครีมนุ่ม
เขาดูราวกับ…ถูกสรรค์สร้างขึ้นมาจากความสมบูรณ์แบบ…
‘..จระเข้ที่กลายร่างเป็นมนุษย์ได้งั้นรึ? จะบ้ารึไง?..’ คำพูดของอาจารย์คงเมื่อบ่าย..หวนกลับมาอีกครั้ง..
‘..สิ่งมีชีวิตที่ต้องสลับกลับไปกลับมาจากกฏของธรรมชาติแบบนั้น…สุดท้ายแล้ว…มันก็จะเกิดรอยแยกขึ้น..’ … ‘รอยแยก’ งั้นหรือ? ผมไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร เพราะไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ แต่…ผมว่าผมพอจะเข้าใจความหมายนั้นนะ…
..ไอ้พี่วันเป็นจระเข้
..และถึงแม้ว่าเขาจะมีลักษณะใกล้เคียงกับมนุษย์แค่ไหน…แต่ผมก็รู้ว่ามันไม่ใช่ ผมถอนหายใจ เปลี่ยนจากการเล่นผมเขามาจัดผ้าห่มคลุมกายให้อีกฝ่าย เขาอยู่ในชุดนอนพร้อมแบบที่ผมพอจะรู้แล้วว่าเขาไม่ได้มีความตั้งใจจะไปเรียนวันนี้ตั้งแต่แรก แต่ก็ไม่ได้ถือโทษโกรธอะไร…จริงอยู่ที่พออยู่คนเดียวแล้วผมก็จะกลัว แต่ดูอย่างวันนี้สิ…เพราะกลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไปมากกว่าถึงได้ลืมความกลัวที่ควรจะมีอยู่ของตัวเองไปเสียสนิท
และพอกลับมาเจอเขานอนหลับอุตุอยู่แบบนี้ กว่าครึ่งของหัวใจก็อยากจะเบ๊หน้าหมั่นไส้เขา แต่อีกส่วนหนึ่งกลับโล่งอกโล่งใจ ที่อย่างน้อย…จระเข้ตัวนี้ก็ไม่ได้หายไปไหน
..มนุษย์ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่ละเอียดละอ่อนเสียเหลือเกิน.. หมับ!!!! จู่ๆมือใหญ่ข้างหนึ่งก็คว้ามือผมไว้อย่างรวดเร็วรุนแรงจนผมสะดุ้งเฮือก แต่ยังไม่ทันจะมีเสียงร้องด้วยอารามตกใจเล็ดลอดออกไป…ผมก็เผลอหันไปสบกับดวงตาสีอำพันที่กำลังวาวโรจน์คู่นั้นเสียก่อน
เขาบีบข้อมือผมแรงจนผมคิดว่าดิ้นไปก็คงป่วยการณ์ จึงได้พยายามควบคุมสติ..แล้วถามเขาออกไป
“ขอโทษพี่วัน…ไกรทำให้ตื่นเหรอ?”
ดวงตาของเขามีประกายประหลาด
…อุณหภูมิของผิวสัมผัสที่จับต้องกันอยู่…มันสูงกว่าปกติ.. ผมขมวดคิ้ว “ไอ้พี่วัน……?”
และเขาก็พุ่งตรงเข้ามา โดยไม่ทันตั้งตัว ร่างกายผมถูกกดในนอนราบลงจนศีรษะแทบจะโขกกับหัวเตียง ผมรู้สึกเสียววาบกับเหตุการณ์นั้นแต่ก็ตื่นตะลึงเกินกว่าจะทันรับรู้ได้ว่าอะไรเป็นอะไร รู้แค่ว่า..มือที่บีบข้อมือผมอยู่มันแข็งราวกับจะเป็นหิน และร่างกาย(ที่ผมเพิ่งรู้ว่าใหญ่โตขนาดไหน)ของอีกฝ่ายที่ทาบทับอยู่ด้านบน
ผมอยากจะเรียกชื่อเขาอีกครั้ง หรือทำอะไรสักอย่างที่ไม่ใช่นอนนิ่งๆอยู่แบบนี้
เขาหลุบดวงตาคู่สวยคู่นั้นลงมองผม
..ชั่วขณะนั้น…ผมรู้สึกตัวเองกำลังจะตาย.. อีกฝ่ายโน้มใบหน้าลงมา..ด้วยปฏิกิริยาอัตโนมัติ ผมเบี่ยงตัวหนี แต่เขากลับใช้มือบีบคางผมไว้…พร้อมทั้งบดริมฝีปากลงมา และตอนที่ผมยังไม่ทันรู้ว่าอะไรเกิดขึ้น เขาก็กัดปากผม..มันเป็นเพียงการขบกัดเบาๆที่ทำให้มีรสเลือดจางๆ แต่ความเจ็บปวดนั้นไม่เท่ากับความรู้สึกเมื่อโดนอีกฝ่ายรุกล้ำเช่นนี้
“อึก…อื้อ!!” แรงกายที่เหมือนจะเหือดแห้งหายไปพร้อมกับรสจูบนั่นทำให้ผมผลักเขาออกไปไม่ได้ และเมื่อเขาเป็นฝ่ายละออกเอง…ดวงตาสีทองที่ผมเห็นเพียงชั่วแว่บเดียวก่อนที่เขาจะเปลี่ยนเป้าหมายมากัดซอกคอกผม…
…..เขาน่ากลัว….
…มันเป็นครั้งแรก…ที่ผมเผลอคิดออกมาว่าเขาน่ากลัว… ‘…แต่เป็นจระเข้…เป็นสายพันธุ์ของสัตว์ที่โหดร้ายและไม่มีวันถูกทำให้เชื่องได้…ไม่มีวัน…’ “…พี่วัน…?”
เสียงผมสั่น และรู้สึกถึงปริมาณน้ำมหาศาลที่คลออยู่ในดวงตา
“พี่วัน…เดี๋ยวก่อน จะทำ……….?”
มือที่ปะป่ายอยู่ตรงขอบกางเกงทำให้ผมรู้คำตอบทั้งหมด และยิ่งไปกว่านั้น…มันสร้างความตกใจให้ผมมากกว่าที่ผมเคยคาดการณ์มาก่อน
“พี่วัน! หยุด!” ผมเริ่มตะโกน และสัมผัสได้ถึงมือและขาที่สั่นระริกของตัวเอง พวกมันพยายามปกป้องร่างกายส่วนอื่นที่กำลังถูกแตะต้องแม้จะรู้ว่าดิ้นรนไปเท่าใดก็เห็นจะไร้ผล
ความกลัวบดบังทุกอย่าง…ผมคิดแบบนั้น
…ไม่
….ไม่…เขาไม่ได้น่ากลัว
…ถึงต่อให้เป็นจระเข้…ก็ไม่ได้น่ากลัว… และไม่ว่าผมจะหลอกตัวเองให้เชื่อยังไง แต่ทั้งอาการตัวสั่นเสียงพร่า..และน้ำตาที่กำลังจะไหลนี่ก็บอกผมได้ ผมกลัว…กลัวแบบที่ไม่เคยกลัวอะไรมาก่อนในโลกนี้
และตอนที่อาภรณ์เบื้องล่างกำลังถูกปลดออก ผมก็กำหมัดแน่น ทุบเขา ตีเขา
“พี่วัน! ปล่อยไกร..! ปล่อยไกร! ได้ยินมั้ย!?” เขาไม่ได้ตอบกลับเสียงเรียกของผม
“ปล่อยย! ปล่อยสิ! ไกรบอกให้หยุดไง!! ถ้าจะทำต้องไม่ใช่แบบนี้!! ฟังไกรก่อน!! ตอบอะไรไกรหน่อย…พี่วัน…ไอ้พี่วัน!!!” ..น้ำตาผมไหลออกมาจนได้.. “….พี่ทำให้ไกร ‘กลัว’ อยู่นะ…!!” ผมแหกปากลั่น…แต่เอาเข้าจริงๆมันก็ไม่ได้ดังมากมายเท่าไหร่ เพราะผมรู้สึกว่าเสียงตัวเองแหบแห้งและกำลังจะหายไป
…แต่เพราะอะไรบางอย่าง………..เขากลับหยุดลงแค่นั้น
และจ้องมองผม
…ด้วยดวงตาที่ยิ่งกว่าคำว่า ‘ตกใจ’
และจังหวะนั้นน้ำตาอีกหยดก็ไหลออกมาพอดี ผมรีบยกหลังมือขึ้นเช็ดมันรวกๆ
แต่เขากลับจับมือผมดึงออก แล้วมองหน้าผมอีกครั้ง
นาน…กว่าที่เขาจะพูด
“โอ้ย..ไม่นะ…” ผมชะงัก “อะไรนะ!?”
“พี่ขอโทษ ไกร..พี่ขอโทษ” เขาบอกผม ค่อยบรรจงใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาที่ข้างแก้มให้ผม “ขอโทษ…พี่ไม่ได้ตั้งใจ…พี่ขอโทษ…พี่ขอโทษจริงๆนะครับ…”
“อืม” ผมพยักหน้าช้าๆ “รู้แล้ว…”
“พี่ขอโทษ” เขาย้ำอีกครั้ง จูบลงที่ข้างแก้มผม
“…..อย่า…อย่ากลัวพี่เลยนะ” หัวใจที่เต้นถี่กระชั้นจนถึงเมื่อครู่ของผมค่อยๆสงบลงอย่างน่าประหลาด ผมมองเขา..ดวงตาสีอำพันที่แสนอ่อนโยนนั่นกลับมาแล้ว และถึงจะรู้สึกแปลกอยู่บ้าง…แต่มันก็ไม่ยากเลยที่จะเอื้อมไปแตะแก้มเขา และกอดเขาแน่นๆเสียที
เขาเงียบ
ผมก็ไม่ได้พูดอะไร และผมเพิ่งรู้ว่าเวลาที่ผู้ชายตัวโตๆทับมาแบบนี้มันหนักไม่ใช่น้อย..แต่ในอีกแง่ มันอุ่น..อุ่นมาก ร่างกายของเขาอุ่นจนผมอยากจะกอดไว้แบบนี้นานๆ ผมคิดว่าเขาอาจจะไม่สบายเลยตัวร้อนได้ขนาดนี้ทั้งที่ปกติ..เขาตัวเย็นขนาดนั้น
..อย่างไรก็ดี ไม่นานไอ้พี่วันก็กอดผมกลับ
เขาซุกหน้าลงกับไหล่ผม และจูบที่ข้างแก้มผมครั้งแล้วครั้งเล่ากว่าจะสงบลง
เรากอดกันอยู่แบบนั้นจนกระทั่งผมคิดว่าตัวเองคงต้องใส่กางเกงให้เรียบร้อยก่อน นึกขอบคุณที่วันนี้ใส่ยีนส์ฟิตๆมามันเลยแค่หลุดลงจากก้น..ถ้าเป็นกางเกงสแลคล่ะก็มีหวังถูกเขาฉีกขาดไปเมื่อกี้แน่ๆ คิดแล้วก็เสียวแหะ..ถ้าไอ้พี่วันไม่หยุดผมจะโดนอะไรบ้างวะเนี่ย..
ผมขยับตัวยุกยิกจะดึงกางเกงตัวเองขึ้น ขาที่ขยับไปมาทำให้ผมสัมผัสโดนอะไรบางอย่าง
ผมหยุด
ก่อนจะลองขยับดูอีกครั้ง…
ว่ามันใช่แบบที่ผมคิดจริงรึเปล่า.. “เฮ้ หยุดเลย”
เขากระซิบบอก ยังไม่เงยหน้าขึ้นมาจากซอกคอผม
“เล่นอะไรน่ะ?”
ผมหน้าแดง
“เดี๋ยว..เดี๋ยว! อย่าบอกนะว่าพี่….” “ถึงขนาดนี้ยังไม่รู้ตัวอีกรึไง..” เขาหลุดขำพรืดออกมา “ไร้เดียงสาซะจริง”
“ไม่นะ..เดี๋ยวก่อน” ผมขยับขาอีกครั้งด้วยหวังอยากจะเช็คให้แน่ใจ “…ใช่เหรอ? ใช่จริงๆเหรอ? ไหนพี่บอกว่ามันยังไม่ถึงเวลาไง”
เขากอดผมแน่นขึ้น “อย่าเล่นสิ เอ๊ะ”
“อย่าดิ ก็ไอ้เนี้ย..มัน…มัน…” ผมรู้สึกกระดากเหลือเกินครับตอนนี้
“มันโดน..ขา…” “แล้วจะให้พี่ทำยังไง?”
“….แล้วจะให้ไกรทำยังไงเล่า!!”
อีกฝ่ายถอนหายใจ “ปล่อยมันไปก่อนสิ”
“พี่วัน แบบนี้มันแปลกรึเปล่า?”
“อะไร?”
“………นอกฤดู…..ไม่ใช่เหรอ?” เขาเงียบไป แต่ก็เพียงไม่นาน “ใช่”
“หมายความว่าไง?”
“…ถ้าพี่รู้พี่จะคลั่งอย่างเมื่อกี้มั้ยล่ะ? ถามแปลกนะ”
“เคยเป็นแบบนี้มาก่อนมั้ย?”
“ไม่เคย”
“ล..แล้ว..แล้วปกติ…รุนแรงอย่างเมื่อกี้เลยเหรอ?”
“ก็อาจจะ”
ผมเผลอเกาะไหล่เขาเอาไว้ “…กลัวเจ็บจัง”
เขาเดาะลิ้น “….….ถามจริงเหอะ ไอ้ที่ถามๆมานี่น่ะยั่วพี่อยู่ใช่มั้ย?”
“ห๊า!? อะไรนะ!?!”
“ถามไปเรื่อยเลยนะ ช่วยพี่คิดหน่อยว่าจะทำยังไงกับมันดี”
ผมตาโต “ท-ทำอะไร!?”
“……คิดไปถึงเรื่องไหนกัน พี่หมายถึงไอ้เรื่องติดสัดนอกฤดูนี่ต่างหาก”
“อ้าวเหรอ..”
“มันเป็นอาเพศ……….แล้ว…แหน่ะ คิดอะไรอยู่น่ะ”
“เปล๊า!”
“ทำหน้าเสียดายเชียว”
“ส-เสียดายบ้าอะไร!” รู้หรอกครับว่าไอ้ที่เขาพูดน่ะก็แค่แกล้งผม แต่ก็อดที่จะหน้าแดงไม่ได้
เขายิ้ม
“ทะลึ่ง” “ค-ใครกันแน่วะที่ทะลึ่ง!” ผมว่า แกล้งเขี่ยขาอีกครั้งหนึ่ง “หลักฐานมันเห็นกันอยู่ทนโท่ว้อย!”
เท่านั้นแหละผมก็นึกเสียใจที่เผลอแหย่เขาไปครับ เพราะอีกฝ่ายดันตัวขึ้นพรวดพราดกลับขึ้นมาคร่อมผม และใช้ดวงตาสีสวยนั่นสะกดผมให้อยู่นิ่งเป็นปลามากุโร่ ที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอให้อีกฝ่ายหยีดมีดมาแล่เนื้อ แล้วเฉือนร่างกายผมเป็นชิ้นๆ
ก่อนริมฝีปากหยักนั่นจะยกยิ้มขึ้น พร้อมกระซิบถามผมเสียงแหบพร่า
“งั้น…ไกรช่วยพี่หน่อยได้มั้ยล่ะ?” …ใจเย็นครับ…ใจเย็น…
…คนที่ต้องใจเย็น…มันผมต่างหากละครับ!! TBC=============================
ต่อจากนี้จะพยายามทำให้ตอนมันยาวขึ้นนะคะ 555555555555
ตายละ รู้สึกตัวอีกทีก็เผลอดองซะละ ;_;/// ว่าจะอัพบ่อยๆแท้ๆ.....
ชีวิตเศร้าได้อีกค่ะ..............
กำลังพยายามจัดการปัญหาชีวิตด้วยพลังของตัวเองอยู่ 5555
เพราะถึงคราวที่ต้องเลือกอีกแล้ว..และแต่ละช้อยส์ก็มีหลากหลายเหตุผลเสียเหลือเกิน
น้องๆหลายๆคนคงอยู่ในช่วงปิดเทอมกันแล้ว ยินดีด้วยนะคะ
แต่สำหรับพี่ๆที่ต้องทำงานแทบไม่มีวันหยุด ก็เอาใจช่วยค่ะ
จะอัพนิยายเป็นกำลังใจ(แน่หราาา)ให้บ่อยๆนะ! >///<"
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ค่ะ
ozakaoxygenz*
